“เอ็กแซ็กท์” แจง “แป้ง-ฟลุค” ปล่อยโฮหลังโดนถอดจากละคร “ความรักของซูเปอร์สตาร์” ยันไม่ได้ใจร้าย แต่จำต้องถอด เพราะคนดูเกิดกระแสลบ สปอนเซอร์ต้องการภาพลักษณ์ที่ดี ดึง “กัปตัน” เล่นแทน ส่วนฝ่ายหญิงยังหาคนแทน “แป้ง” ไม่ได้ ด้านกรณี “เชอรี่” ตัวจริงเตรียมฟ้อง “สงครามนางฟ้า” ทำให้เสียชื่อเสียง ผู้กำกับเชื่อไม่มีปัญหา
รักสามเส้าเป็นข่าวไม่เว้นวันทีเดียว สำหรับความรักและข่าวคาวของคาสโนวาฆ่าไม่ตายอย่าง “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” และดาราสาวชื่อดัง “แป้ง อรจิรา แหลมวิไล” แม้ว่าจะออกมายอมรับว่าหย่าร้างกันเรียบร้อยแล้วกับอดีตภรรยา “โบ ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์” แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวคราวออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ได้เข้าคอร์สการแสดงร่วมกัน แต่จู่ๆ ข่าวคาวที่เกิดขึ้น อีกทั้งกระแสภาพลบที่เกิดจากการคบหากันดูยิ่งทวีถึงขั้นรุนแรง จนทางต้นสังกัดอย่างเอ็กแซ็กท์ตัดสินใจถอดนักแสดงทั้งคู่ออกจากละคร “ความลับของซูเปอร์สตาร์” ที่มีคิวออกอากาศเร็วๆ นี้
โดยในช่วง 15.00 น.วันนี้ (19) ที่ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผู้กำกับมือทองของค่ายเอ็กแซ็กท์ “ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร” ได้แถลงข่าวชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวอย่างละเอียด ว่า แท้จริงแล้วทำทีวีก็เพื่อคนดู เมื่อเกิดกระแสลบกับตัวนักแสดงทางต้นสังกัดก็ต้องถอด เนื่องจากคนดูไม่ชอบ โดยผู้กำกับคนดังเปิดเผยรายละเอียดว่า
“เหตุผลง่ายๆ และตรงไปตรงมาเลยที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวนักแสดง ชัดเจนที่สุด คือ ทีวีไม่ว่าจะทำรายการ หรือละคร ก็คือ การทำเพื่อคนดู อะไรก็ตามที่คนดูไม่พอใจหรือต่อต้านคนดู เราจะไม่ใช้นักแสดงแบบนั้น เพราะกระแสสังคมแรงเหลือเกิน การแข่งขันก็สูง เราก็ต้องคิดของเราให้สู้กับช่อง 3 ช่อง 7 ให้ได้ ตรงนี้เราวัดจากฟีดแบ็ก จากข่าวหรือจากชาวบ้านร้านตลาด เมื่อเราทำโปรเจกต์เราก็อยากให้คนดูชอบ เพราะเราเอาคนดูเป็นที่ตั้ง ถ้าเกิดมีส่วนใดส่วนหนึ่งหรือส่วนมากทำให้คนดูไม่ชอบเราไม่ควรเสี่ยง ยืนยันเอ็กแซ็กท์ไม่ได้ใจร้าย
“แต่ถ้าคนดูอยากดูแป้งกับฟลุคอยู่ ตรงนี้ผมก็เข้าใจ ผมก็คิดกับคุณบอย (ถกลเกียรติ) ว่า อาจจะมีที่คนดูอยากดู แต่ที่จริงแล้วคนดูอยากดูเพราะข่าวหรืออะไร เขาอาจจะอยากดูว่า คู่พระ-นาง จะมีฉากเลิฟซีนกันอย่างไร แต่ผมคิดว่าก็มีส่วนหนึ่งที่ไม่อยากดู ความรู้สึกของคนมันวัดลำบาก บางทีคนดูเขาไม่สนว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรแต่ไม่ดูเพราะไม่ชอบก็มี ทำไมเราถึงจะปิดโอกาสส่วนนั้นให้กลับตัวเอง เราเลยคิดว่าเราหาทางออกที่ดีดีกว่าให้เรื่องสนุกด้วย คนดูแฮปปี้กับนักแสดงด้วย”
“จะว่าใจร้ายก็ใจร้ายครับ เพราะว่ามันเป็นความเป็นจริง และเป็นเหตุผลในเชิงธุรกิจและศิลปะรวมกัน วันที่บอกน้องทั้ง 2 คน บอกว่า พี่จะใจร้ายนะ เพราะว่ามันมีที่มาที่ไป ไม่ได้ใจร้าย เพราะว่าเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ใจร้ายเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลที่คนดูมีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่คุณทำ มันเป็นบทเรียนที่คุณต้องเรียนรู้และถามว่าถ้าฟลุคกับแป้งเล่นจะมีการถอดโฆษณามั้ย อันนั้นก็อาจจะมีถ้าเกิดยังดึงดันเอาเขาทั้ง 2 คนเล่น เพราะจริงๆ แล้วสปอนเซอร์แน่นอนเขาต้องการภาพลักษณ์ที่ดี”
“ผมบอกกับฟลุคและแป้งอย่างตรงไปตรงมาครับ เขาเป็นน้องที่น่ารัก รู้จักกันมานาน รักน้องทั้ง 2 คน แต่บอกเขาไปตรงๆ ว่า การเป็นจำเลยของสังคมมันเป็นผลอย่างไรต่ออาชีพของคุณ เรื่องส่วนตัวกับงานมีเหตุมีผลอย่างไรโดยส่วนตัวผมไม่ได้มีอคติกับน้อง 2 คน ผมสงสารด้วย แต่นี่คือความจริงที่ต้องเข้าใจ ที่คนพร้อมจะบอกคุณว่าดีหรือไม่ดี คุณต้องแคร์กับเสียงรอบข้างไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ ตอนนี้สถานการณ์มากเหลือเกินที่เป็นลบ มันไม่ดีกับทุกๆ ฝ่ายเลยบอกเขาว่าหยุดก่อน”
พร้อมเผยว่า ขณะที่มีการเข้าไปชี้แจงกรณีถอดทั้งคู่ออกจากละครเรื่องดังกล่าว ทั้งหนุ่มฟลุค และสาวแป้ง ถึงขั้นปล่อยโฮร่ำทีเดียว แต่ยืนยันยังไม่คิดแบนเรื่องอื่นของทั้งคู่ แจงส่วนพระเอกนั้นได้หนุ่ม “กัปตัน ภูธเนศ” มาแทนแล้วส่วนคนที่มาแทน “สาวแป้ง” ยังต้องเลือกอีก
“ฟลุคกับแป้งก็ร้องไห้น่ะครับ คือ เราก็คิดอยู่แล้วว่าน้องต้องเสียใจ ผมสะเทือนใจนะ เพราะตลอดเวลาเราไม่เคยทำแบบนี้แต่ครั้งนี้เราจำเป็นต้องทำ แต่การปลดเราไม่ได้บอกว่าเขาผิด หรือเป็นการทำทัณฑ์บนพวกเขานะ เขาเข้าใจเรานะแต่ความรู้สึกเขาคือ ช็อกมากกว่าครับ เพราะวันนั้นรู้สึกว่าส่งเขาไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) ประมาณครั้งที่ 2 เขาก็อึ้งช็อกไปเลย สักพักใหญ่ๆ ก็มีแต่น้ำตาครับ พูดอะไรต่อไม่ได้”
“แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องอื่นจะโดนด้วย ไม่หรอก มันไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเลิกทำอาชีพน่ะ มันก็จะร้ายกาจเกินไปหน่อย แต่เรื่องนี้เขาเล่นคู่กันและภาพชัดมาก เข้าพระเข้านางตลอดเวลา มีทั้งตบทั้งจูบ ไม่ไหว แต่นารีสโมสรเขาเล่นเป็นพี่น้องและไม่ค่อยได้เจอกัน”
“ถอดคนใดคนหนึ่งออกนี่ได้คิดแล้วครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสำหรับคนทั้งคู่ถ้าจะถอนก็ถอนไปเลย ไม่งั้นมันคาๆ อยู่ ถ้าไม่ถอนก็ไม่ถอนไปเลย ตอนนี้เอา คุณกัปตัน ภูธเนศ มาแทนฟลุคมาเชือดเฉือนกับ มอส ปฏิภาณ บทของแป้งยากมาก กำลังดูอยู่ว่าควรจะเป็นอย่างไรเพราะมันมีความซับซ้อนมีทั้งดีและเลว เรื่องนี้จริงๆ ว่า จะออนแอร์เร็วๆ นี้ ก็ต้องเลื่อนออกไป”
พร้อมยืนยันว่า กรณีความสัมพันธ์ของรักสามเส้า ของแป้ง-ฟลุค ที่ถอดทั้งคู่ออกจากละครไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการคบหาของคนทั้งคู่ บอกไม่เกี่ยวกัน แต่มองที่คนดูเป็นหลักมากกว่า
"มันเป็นผลที่เกิดมามากกว่า ผมตอบไม่ได้หรอกว่าสิ่งที่คุณทำ ประชาชนมีฟีดแบ็กกลับมาหาคุณอย่างไร เพียงแต่ว่าคุณเป็นดารา คนดูเขาคาดหวังอะไรกับคุณถ้าสิ่งที่เขาคาดหวังไม่เป็นสิ่งที่เขาหวังมันอาจจะเป็นแบบนี้ เรื่องความรักมันควบคุมลำบากไงครับจะให้ผมออกเป็นมาตรการเลยว่าห้ามรักกันนะ เป็นไปไม่ได้หรอกคือใครทำอะไร อย่างไรย่อมรู้ตัวดีแต่คุณต้องเข้าใจว่ามีคนดูคุณอยู่ และคุณต้องเข้าใจว่าความรู้สึกของคุณ ความรักของคุณเป็นไปในทำนองไหนแต่สิ่งที่จะตามมามันมาจากรูปแบบความรักของคุณต่างหาก ว่าคนดูที่เป็นเจ้านายคุณทั้งหลายเขาพึงใจหรือเข้าใจคุณแค่ไหน”
“ไม่เกี่ยวว่าทางเราไม่สนับสนุนให้ทั้งคู่คบกันนะ ใครจะคบก็คบแต่ถ้าเกิดว่าคุณคบแล้วมันเกิดผลกระทบออกมาในแง่ลบก็แปลว่ามันผิด มันอยู่ที่ระดับความพึงใจต่อกันมันต้องรู้น่ะว่าได้มากน้อยแค่ไหนน่ะ ถามว่าโบ ฟลุคหย่ากันแล้ว ก็ไม่มีปัญหา อันนี้ต้องถามประชาชน ถามพี่น้องนักข่าวน่ะ มันต้องเห็นด้วยกันและไปด้วยกันไง"
ยืนยันเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่กลัวถูกมองสร้างกระแสให้ละคร และเปลี่ยนชื่อละครจาก “ความลับของซูเปอร์สตาร์” เป็น “ความรักของซูเปอร์สตาร์” แล้ว หวังแก้เคล็ดให้ทุกอย่างดีขึ้น
“ไม่กลัวเลยครับที่คนจะมองว่าสร้างกระแส ผมบอกตลอดเวลาว่าเมื่อเราคิดดี ไม่คิดจะปั่นให้เกิดเรื่องอะไรเราก็ทำบุญสวดมนต์ไหว้พระตื่นเช้ามางานเป็นคนดีไม่ทำร้ายใคร คิดว่าไม่น่าจะส่งผลแบบนั้นและเราไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าพอมีการแข่งขันมากๆเราจะใช้กลยุทธ์นี้ในการสู้ อย่างน้อยที่สุดเราอยากให้ละครดีแล้วคนดูชอบเพราะคนดูเป็นเจ้านายเรา”
“ส่วนเรื่องเปลี่ยนชื่อละครจริงๆ แล้วเรามีฝ่ายไสยศาสตร์น่ะเรื่องไหว้อะไรแบบนี้เขาก็บอกว่าเพราะมันเป็นความลับเลยเปิดเผยไม่ได้ อื้อ น่าคิดนะ ตอนนี้เป็นชื่อใหม่แล้วครับเป็น “ความรักของซูเปอร์สตาร์” มันอาจจะดีขึ้นก็ได้เราก็หวังว่านะครับ”
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวลือว่า “เชอรี่” ตัวจริง จะฟ้องเอ็กแซ็กท์ ถึงเรื่องราวในละครที่ส่งผลกระทบ เนื่องจากละครสร้างให้เชอรี่เป็นนางอิจฉา ผู้กำกับชื่อดังบอกไม่น่ามีปัญหา เพราะตนไม่ได้สร้างละครมาเปรียบเทียบตัวจริงของใคร
“ไม่หรอก จริงๆ เราพูดอีกครั้งหนึ่งว่าเราทำจากหนังสือที่แอร์กี่ทำมาแล้วเรามีการดัดแปลงเติมแต่งให้มันสนุกสนาน เราทำจากตรงนี้เราไม่รู้ และเราไม่สนด้วยว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ไม่น่าจะเกี่ยว เพราะเราไม่รู้ว่าตัวจริงเชอรี่เป็นอย่างไร เพราะเราไม่อยากรู้ มันทำให้เราไม่นิ่ง มันไม่เสร็จถึงได้เกิดออกมาว่ารินในเรื่องดีกว่าในหนังสือ ไม่งั้นคนดูก็ด่านางเอกแรดเกินไปน่ะ มันไม่ได้ ใครจะดูนางเอกก็ต้องเป็นนางเอกสิ มันเลยเป็นแบบนี้ คนอื่นก็เลยต้องร้าย”
“คือ ถ้าจะฟ้องก็ต้องให้เขาว่ามาก่อนแต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาขนาดนั้น เพราะเรายืนยันว่าเราไม่คิดจะทำให้เกิดผลว่าตัวจริงเป็นอย่างนั้นตัวไม่จริงเป็นอย่างนี้เพื่อเปรียบเทียบ แต่ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะฟ้องเรานะ เพราะเราทำละครจากหนังสือ เราไม่ได้บอกว่าเบื้องหลังหนังสือไม่ใช่ ละครใช่ครับ คุณเชื่อหรือไม่นี่คือเรื่องที่จริงแท้มากกว่าหนังสือ ตัวจริงเขาเป็นเช่นนี้ ไม่งั้นเราตายเลย เราคิดแต่แรกแล้วว่าเราจะตัดเรื่องจริงออกไปนะ"
ยอมรับมีคนถามตลอดเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่า ไม่มีใครว่าตัวเองเลวแน่นอน
“ส่วนตัวผมได้เจอแอร์กี่วันปิดกล้อง ผมจะพยายามไม่คุยมากเพราะผมจะสะเทือนใจไง คุยกันแบบปกติ ไม่ได้แบบว่าพี่แย่หรือยัง พอเราไปรู้เรื่องส่วนตัวคนอื่นมากมันทำให้เราไม่นิ่งและไม่ดี ถามว่าผมคิดอย่างไรที่มีอีกแง่ที่ตรงข้ามกับหนังสือ และมีหลายคนถามผมว่าจริงๆเรื่องจริงคืออะไร ผมจะบอกว่าคุณอย่าไปหาความเป็นจริงเลย อยู่ที่ว่ามุมไหนใครมองเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เราไม่ได้อยู่ในมุ้งเขา เขาตบกันก็ไม่ได้เห็น เราได้แต่ฟังแต่ขอให้ฟังอย่างมีสติ คือ ไม่มีใครอยากว่าตัวเองเลว”