“วู๊ดดี้” เผยเรื่องลับที่ยังไม่ได้ออนแอร์ แฉมีซูเปอร์สตาร์ขอเงิน “เสี่ยอู๊ด” ถึง 100 ล้าน พร้อมล้วงลึกถึงเรื่องเซ็กซ์ ใครเป็นฝ่ายรุก ใครเป็นฝ่ายรับ!
หยิบชิ้นปลามันเลยทีเดียวสำหรับรายการ “วู๊ดดี้เกิดมาคุย” หลังจากที่จับ “เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม” มาสัมภาษณ์ออกอากาศไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ม.ค 51) ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ซึ่ง “วู๊ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ได้เปิดเผยให้ฟังว่า ได้รับการตอบรับดีมาก เผยมีช็อตเด็ดที่ไม่ได้เอามาออกอากาศไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ ซูเปอร์สตาร์คนดังขอเงินเสี่ยอู๊ดถึง 100 ล้าน รวมไปถึงเรื่องเซ็กซ์ที่พิธีกรคนดังกล้าซักไปถึงเรื่องเซ็กซ์ ใครรุกใครรับ
“กระแสตอบรับดีมากรับสายไม่หยุดเลย มันกลายเป็นเหมือนเกมส์ที่ต้องไปเล่นต่อเหมือนซ้อ 7 ไอ้นั่นคืออะไร นี่คืออะไร มีแต่คนโทรมาถาม คนในวงการทีวีไม่ได้คุยกันเป็นชาติอยู่ดีๆ ก็โทรมาหาผม”
“ผมคุยกับเสี่ยอู๊ดทุกเรื่องโดยที่ไม่มีข้อตกลงว่าห้ามคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุยเรื่องเด็กเสี่ยอู๊ดจะเอ่ยชื่อเลย แต่ผมเป็นคนห้ามเขาเอง ผมตัดทิ้งไปเยอะมากโดยเฉพาะชื่อของดาราสมัยก่อน เรื่องของเขามันไม่ใช่แค่ 4–5 ปีนะครับ แต่มันคือย้อนหลังไป 10 ปีเลย ผมก็อึ้งแต่ก็คิดว่าบางเรื่องมันก็ต้องละไว้”
“อย่างเรื่องที่มีดารามาขอตังค์เขา 100 ล้าน ประเด็นมันหนักเลยคิดว่าไม่ดีกว่า ผมคิดว่าคนจะรับไม่ได้ นำเสนอออกไปก็คงไม่ดี (สรุปว่าเสี่ยอู๊ดให้หรือเปล่า) เขาก็ไม่ได้ให้ถึงไม่ได้พูด ถ้าให้สิจะเป็นเรื่อง เพราะคนๆ นี้ไม่ใช่คนเกรดบีนะแต่เป็นคนเกรดเอ ดังมากๆ รู้แล้วจะช็อก คนๆ นี้ไม่ชัดเจนว่าตกเป็นข่าวกับเสี่ยอู๊ด แต่เขาดังมากๆ เป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย ดังเมื่อ 10 ปีที่แล้วแต่ตอนนี้ก็ยังดังอยู่ เป็นศิลปิน”
“อีกประเด็นที่ไม่ได้นำเสนอออกไปก็คือภาพที่อยู่ในบ้านเขา ส่วนหนึ่งเพราะเวลามันไม่พอก็เลยตัดทิ้ง เรื่องที่เขาบริจาคให้กับเด็กต่างจังหวัดจริงๆ แล้วมูลค่าเป็น 100 ล้านเลยนะ ไม่ใช่แค่ 11 ล้าน ตรงนี้ก็เสียดายที่ไม่ได้นำเสนอเพราะเวลามันน้อยมาก ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เขาให้เยอะกว่าให้ดาราหลายเท่าเลย เขาไม่ได้ให้ดาราหลายล้านขนาดนั้น”
“สำหรับดาราเขาให้เป็นเคส บางคนไม่ได้ให้เลยนะแต่เขาดันอยู่แปลกนะ ไม่ให้ซักกะบาทแต่อยู่ ผมว่าเขาคงเป็นเหมือนพี่สอนน้อง เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในการชี้แนะ เขายังสั่งสอนผมด้วย ก็ดีนะเขาก็เป็นผู้ใหญ่มาสั่งสอนเรา”
วู๊ดดี้คุยให้ฟังว่า เสี่ยอู๊ดยินดีเปิดใจทุกเรื่องแม้แต่เรื่องเซ็กซ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำมาออกอากาศได้
“คิดว่าเขาไม่มีอะไรกันเหรอ ผมสัมภาษณ์ลึกมากขนาดที่ว่าใครรับใครรุกเลยนะ แต่ไม่ได้เอาออก คุยกับเขาแล้วเขาตอบ เขาเป็นคนที่พูดตรง แต่สังคมมันจะออนแอร์ได้ขั้นไหน ถ้าผมเอาเรื่องเซ็กซ์เข้ามาปุ๊บผมจบทันทีเลยนะ พ่อแม่ผม ยายผมที่ดูอยู่มันจบเลยนะ”
“จริงๆ ผมกล้ามากกว่านี้ แต่เราต้องมีวิจารณญาณ เพราะถ้านำเสนอออกไปมันไม่ดี แต่ผมก็ถามเขานะเช่น ผมสงสัยมากว่า ตกลงเขามานอนกับพี่เนี่ย ใครเป็นคนกระทำและใครโดนกระทำ ผมถามแบบนี้เลย ทุกครั้งที่ผมถามใคร ผมจะถามจากใจไปก่อนเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้ และค่อยมานั่งตัดสินใจว่าจะเอาประเด็นไหนออกไม่ออก”
“เขาก็มีคำตอบนะ เป็นคำตอบที่แบบอ๋อเหรอ....พึ่งรู้นะเนี่ย(หัวเราะ) คือถ้าคนดูได้รู้คำตอบก็จะฮือฮามาก คือดาราคนนั้นเป็นดาราชายที่ไม่ใช่เกย์นะครับ ก็งงเหมือนกัน แต่ก็ต้องมองกลับกันที่แบบไม่เห็นด้วยกับการที่พิธีกรตั้งคำถามแบบนี้ ทำไมมีแต่เรื่องเซ็กซ์ คือมันมีสุนัขเฝ้าบ้านเยอะมากจะเห่าตลอดเวลา ถ้าผมนำเสนอไปก็จะโดนเห่าใส่ ผมไม่อยากให้ใครดูรายการนี้แล้วแบบ มันแรงเกินไปที่สังคมจะรับได้”
“เรื่องที่เสี่ยอู๊ดให้แล้วพอเลิกกันขอของคืนผมก็ถาม แต่เขาไม่ได้ขอของคืนแต่เขาเอามาคืนเอง เหมือนคนเราเลิกกันแล้วก็ต้องให้ของคืน แต่ถ้าใครไม่ให้เขาก็ไม่ทวงนะครับ ดาราคนหนึ่งที่เขาให้บ้านไปหลังหนึ่ง เลิกกันแล้วเขาก็ไม่ได้ขอคืน”
ในขณะที่ “เสี่ยอู๊ด” กำลังตกอยู่ในคดีพระสมเด็จเหนือหัว แต่น่าแปลกที่ “วู๊ดดี้” ไม่ได้ถามเจาะจงถึงเรื่องนี้ จนทำให้หลายๆ คนตั้งคำถามว่า วู๊ดดี้กำลังฟอกตัวให้เสี่ยอู๊ดหรือเปล่า
“ก็มีคุยกันบ้างแต่ผมเลือกที่จะตัดทิ้ง เพราะไม่อยากไปมีส่วนอะไรทั้งสิ้นกับคดีนี้ และพูดตรงๆ ว่าไม่มีใครสนใจเรื่องคดี ก็ไม่รู้จะตั้งคำถามยังไงกับเรื่องคดี เราเองก็ไม่เคลียร์เรื่องคดี แต่เรื่องคบเด็ก เรื่องบ้าน ผมเคลียร์หมด เรื่องไหนที่ไม่เคลียร์ผมจะไม่ทำ”
“ใครจะพูดยังไงผมไม่สน เพราะมันคือความรู้สึกจากใจผม ถ้าผมไม่นำเสนอผมจะเสียใจ ผมรู้ด้านนี้ผมอึ้งแล้วนะ ถ้าคิดว่านี่คือการสร้างภาพ เขาไม่แคร์อยู่แล้วว่าจะฆ่าหรือสร้างภาพ เขาใช้ชีวิตของเขาอย่างมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมาออกข่าวแต่เผอิญคนที่เขารู้จักเป็นคนดังก็เลยเป็นข่าว”
“คนที่รู้จักวู๊ดดี้ดีจะรู้ว่าวู๊ดดี้ไม่เป็นทาสให้กับใคร ดังนั้นผมรู้ว่าเงินซื้อผมไม่ได้ และในเวลาเดียวกันนั่นคือความรู้สึกที่ออกมาจากใจ ถ้าใครจะมาว่าอะไรเราก็ฟัง ก็แล้วแต่เขาจะคิดนานาจิตตัง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงก็คงต้องทำรายการตัวเองต่อไปเท่านั้นเองครับ วันนี้เสี่ยอู๊ดก็โทรมาผมก็ขอบคุณเขาที่ได้ร่วมงานกัน และเร็วๆ นี้คงได้คุยกันก็เท่านั้นเองไม่ได้มีอะไรต่อ ผมคงไม่ใช่สเปคเขาอยู่แล้ว”
“ผมไปฟังชีวิตเขาแล้วผมลืมเรื่องดาราไปเลย ผมสนใจมากกว่าว่าคุณไปเอาความรู้ทั้งหมดนี้มาจากไหน จากเด็กขายของข้างถนนแล้วทำไมคุณประสบความสำเร็จ เขาอายุแค่ 36 แต่มีเงินเป็นพันๆ ล้านนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ผมสนใจตรงนั้นมากกว่า ว๊าว! เขามีความเสมอต้นเสมอปลายทำให้ผมนับถือเขามากๆ เรื่องดารามันกลายเป็นเรื่องส่วนตัวไปแล้ว ผมไม่อยากรู้ว่าเขาชอบกินแกงกระหรี่หรือว่าผัดไท ผมไม่แคร์ว่าเทสต์เขาเป็นยังไงในการกิน ผมแคร์ว่าเขาจะกินเมื่อไหร และเขาประสบความสำเร็จยังไงมากกว่า อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัวนะ”
“ผมใช้เวลาอยู่กับเขา 2-3 วัน ในการทำรายการและปิดท้ายรายการ และหลงรักเขาไปแล้ว เพราะไม่รู้จะปิดยังไง เพราะตอนนั้นพากย์เสียงอยู่และไม่มีสคริปท์ ผมจะพากย์ตามที่ผมรู้สึก ตอนท้ายผมไม่รู้จะปิดยังไง ตอนแรกปิดแบบบทสรุปของรายการชีวิตทั่วไป บอกทีมงานว่า ขอพูดแบบที่ผมรู้สึกก็แล้วกันนะ นั่นคือสิ่งที่ออกอากาศ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าเราจริงใจกับความรู้สึก คนดูจะคิดยังไงก็แล้วแต่อย่างน้อยมันก็คือเรื่องจริง ความจริงไม่มีวันตาย”
“เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก เขาทำให้เราหัวเราะทำให้เรายิ้ม ทำให้เราคิดตลอดเวลาและทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเราหยุดนิ่งไม่ได้ ผมไม่แปลกใจที่มีดาราหลายๆ คนมาติดเขา เพราะคิดว่าทุกคนคงรู้สึกแบบผม ขนาดผมคบกับเขาไม่นาน แล้วคนที่คบกับเขาเป็นปีล่ะมันจะขนาดไหนล่ะ”
“ผมเข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องเซ็กซ์ ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่มันเป็นเรื่องการเข้าใจระหว่างคนสองคนซึ่งหายากมาก”