** ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่ใช่ “ไร้เดียงสา” ทางการเมืองรับรองว่ามองในมุมเดียวกันว่าการกลับมา “จูบแผ่นดินสุวรรณภูมิ” ของ “เฮียแม้ว” เที่ยวนี้ไม่ธรรมดา และคงไม่มีใครเชื่ออีกเช่นกันว่าคนอย่าง “เฮียเหลี่ยม” จะหันหลังโบกมือลาการเมืองอย่างเงียบๆแน่นอน
** ทุกคนรู้ดีว่าถ้าลองคนๆนี้บอกว่าไปซ้ายก็ต้องออกขวา ความเคลื่อนไหวจะมาในทิศทางตรงกันข้ามเสมอ แถมยังสร้างภาพอลังการทำให้คนหาเช้ากินค่ำบางกลุ่มคลั่งไคล้ ผู้นำประเภท “อำนาจนิยม” ได้ซี๊ดปากกันจนน้ำหูน้ำตาไหลกันไปแล้ว
** แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเวลานี้มีกระบวนการยั่วยุให้ “เปิดศึก 2 นครา” ระหว่างเมืองกับชนบท ระหว่างรากหญ้ากับชนชั้นกลางที่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมบางคนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดทำให้ตัวเองไม่ต้องถูกดำเนินคดีในชั้นศาล
** การเด้งข้าราชการในตำแหน่งสำคัญ มีผลต่อกระบวนการยุติธรรมต้นทางเท่านั้น แค่กรุยทางก่อนเหยียบเมือง แต่ทว่าหลังจากนี้ไปน่าจะเข้าสู่เป้าหมายสำคัญว่ากันเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอนตามมาเป็นพรวนแน่นอน
** แต่สิ่งที่ไม่ควรจะให้ละวางสายตาได้เลยก็น่าหนีไม่พ้นเรื่องการโยกย้าย “ขุนทหาร” กลางปี ที่หลายฝ่ายฟันธงว่าต้องมีรายการ “เขย่า” กันชุดใหญ่ คงไม่ใช่แค่ระดับ “เด็กๆคุมกำลัง” ผบ.พันหรือผบ.พลเท่านั้น แต่เป้าหมายคือหวังล้วงลึกไปให้ถึงยอดเป็นหลัก ส่วนจะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องที่ว่ากันอีกที
** หลายคนอาจนอนใจว่า มีกฎหมายระเบียบข้าราชการกลาโหมเป็นเกราะคุ้มหัว แต่เชื่อเถอะว่าด้วยวิธีการจาก “มือที่มองไม่เห็น” จะต้องหาทางบีบ ขู่ทุกวิถีทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครได้เห็นคำให้สัมภาษณ์สื่อนอกล่าสุดที่ออกโรงถล่มคมช.แบบคนล้างมือการเมืองเข้าไปชุดใหญ่ แถมมั่นใจว่าภายในระยะเวลาไม่กี่ปีนี้จะไม่มีใครกล้าหือก่อรัฐประหาร
** นัยยะสำคัญคือจะ “เดินสาย” พูดคุยกับบิ๊กในกองทัพที่มีอำนาจ ขอย้ำเคลียร์เฉพาะ “ขาใหญ่” จริงๆ พวกคมช.หน่อมแน้มให้ไปไกลๆไม่คุยให้เสียน้ำลาย เนื่องจากไร้ความหมาย
** อย่างไรก็ดีถ้าประเมินแบบเกาะขอบขั้วกลาโหม นาทีนี้กำแพงต้านยังพอแน่นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในตำแหน่งหลักๆไม่น่าจะมีรายการรื้อมากนัก อย่างมากก็แค่ดึง “เพื่อนแม้ว” กลับเข้าสู่วงโคจรเพื่อรอเสียบโยกย้ายล็อตใหญ่เดือนตุลาคมนี้ รออีกไม่กี่เดือน “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ดีกว่า
** แม้ล่าสุดมีความพยายามจะขับรถหุ้มเกราะยูเครนและเครื่องบินกริบเฟนมาข่มขู่ แต่เมื่อดูทิศทางลมแล้วไม่น่าจะเข้าเป้ามากนัก
** ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งถ้าโฟกัสจากท่าทีของ “ลุงหมัก” ที่คุมกลาโหมไม่ยอมปล่อยยังส่งสัญญาณ “ปล่อยฟรี” ให้สีเขียวละเลงกันตามสะดวก ก็น่าจะเปิดทางโล่ง ไม่กล้าโหมออกแรง “กระเพื่อม” กันให้เครื่องรวนก่อนเวลาอันควร
** แต่ถ้างานนี้มีรื้อกันยกแผง นั่นก็ย่อมหมายความว่า ตัวใครตัวมัน เพราะคนอย่าง “หมัก” รู้ทางลมผ่านเกมชิงอำนาจมานานหลายสิบปีก็แหยง ไม่อยากถูกเด้งพ้นเก้าอี้เหมือนกันนะพี่น้อง !!
** ทุกคนรู้ดีว่าถ้าลองคนๆนี้บอกว่าไปซ้ายก็ต้องออกขวา ความเคลื่อนไหวจะมาในทิศทางตรงกันข้ามเสมอ แถมยังสร้างภาพอลังการทำให้คนหาเช้ากินค่ำบางกลุ่มคลั่งไคล้ ผู้นำประเภท “อำนาจนิยม” ได้ซี๊ดปากกันจนน้ำหูน้ำตาไหลกันไปแล้ว
** แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเวลานี้มีกระบวนการยั่วยุให้ “เปิดศึก 2 นครา” ระหว่างเมืองกับชนบท ระหว่างรากหญ้ากับชนชั้นกลางที่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมบางคนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดทำให้ตัวเองไม่ต้องถูกดำเนินคดีในชั้นศาล
** การเด้งข้าราชการในตำแหน่งสำคัญ มีผลต่อกระบวนการยุติธรรมต้นทางเท่านั้น แค่กรุยทางก่อนเหยียบเมือง แต่ทว่าหลังจากนี้ไปน่าจะเข้าสู่เป้าหมายสำคัญว่ากันเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอนตามมาเป็นพรวนแน่นอน
** แต่สิ่งที่ไม่ควรจะให้ละวางสายตาได้เลยก็น่าหนีไม่พ้นเรื่องการโยกย้าย “ขุนทหาร” กลางปี ที่หลายฝ่ายฟันธงว่าต้องมีรายการ “เขย่า” กันชุดใหญ่ คงไม่ใช่แค่ระดับ “เด็กๆคุมกำลัง” ผบ.พันหรือผบ.พลเท่านั้น แต่เป้าหมายคือหวังล้วงลึกไปให้ถึงยอดเป็นหลัก ส่วนจะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องที่ว่ากันอีกที
** หลายคนอาจนอนใจว่า มีกฎหมายระเบียบข้าราชการกลาโหมเป็นเกราะคุ้มหัว แต่เชื่อเถอะว่าด้วยวิธีการจาก “มือที่มองไม่เห็น” จะต้องหาทางบีบ ขู่ทุกวิถีทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครได้เห็นคำให้สัมภาษณ์สื่อนอกล่าสุดที่ออกโรงถล่มคมช.แบบคนล้างมือการเมืองเข้าไปชุดใหญ่ แถมมั่นใจว่าภายในระยะเวลาไม่กี่ปีนี้จะไม่มีใครกล้าหือก่อรัฐประหาร
** นัยยะสำคัญคือจะ “เดินสาย” พูดคุยกับบิ๊กในกองทัพที่มีอำนาจ ขอย้ำเคลียร์เฉพาะ “ขาใหญ่” จริงๆ พวกคมช.หน่อมแน้มให้ไปไกลๆไม่คุยให้เสียน้ำลาย เนื่องจากไร้ความหมาย
** อย่างไรก็ดีถ้าประเมินแบบเกาะขอบขั้วกลาโหม นาทีนี้กำแพงต้านยังพอแน่นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในตำแหน่งหลักๆไม่น่าจะมีรายการรื้อมากนัก อย่างมากก็แค่ดึง “เพื่อนแม้ว” กลับเข้าสู่วงโคจรเพื่อรอเสียบโยกย้ายล็อตใหญ่เดือนตุลาคมนี้ รออีกไม่กี่เดือน “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ดีกว่า
** แม้ล่าสุดมีความพยายามจะขับรถหุ้มเกราะยูเครนและเครื่องบินกริบเฟนมาข่มขู่ แต่เมื่อดูทิศทางลมแล้วไม่น่าจะเข้าเป้ามากนัก
** ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งถ้าโฟกัสจากท่าทีของ “ลุงหมัก” ที่คุมกลาโหมไม่ยอมปล่อยยังส่งสัญญาณ “ปล่อยฟรี” ให้สีเขียวละเลงกันตามสะดวก ก็น่าจะเปิดทางโล่ง ไม่กล้าโหมออกแรง “กระเพื่อม” กันให้เครื่องรวนก่อนเวลาอันควร
** แต่ถ้างานนี้มีรื้อกันยกแผง นั่นก็ย่อมหมายความว่า ตัวใครตัวมัน เพราะคนอย่าง “หมัก” รู้ทางลมผ่านเกมชิงอำนาจมานานหลายสิบปีก็แหยง ไม่อยากถูกเด้งพ้นเก้าอี้เหมือนกันนะพี่น้อง !!
