พ่อปลาไหล ตอนที่ 17
บทประพันธ์ : กนกเรขา บทโทรทัศน์ : จอมใจ และ ปัทม์
ที่บริเวณหน้าบ้านสวนของเอม เคน กอล์ฟ มิ้น แดน และป้องยืนอยู่ด้วยกัน บรรดาเจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับไปหมดแล้ว เคนเดินเข้าหากอล์ฟอย่างเอาเรื่อง
“มึงบอกกูว่า คุณเอมกำลังจะแต่งงาน แถมมีหลักฐานมาเต็ม”
“ใช่” กอล์ฟบอกหน้าเฉย
“แต่ คุณเอมไม่ได้จะแต่งงาน และกูก็เกือบโดนเจ้าบ่าวกระทืบ”
“กูโกหกมึงไง และกูก็สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา เพื่อให้การโกหกของกูสมบูรณ์แบบที่สุด” กอล์ฟพูดใส่หน้าเคน
“ไอ้กอล์ฟ มึงเป็นตำรวจนะเว้ย แบบนี้ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างกูจะฝากชีวิตกับมึงได้ยังไง”
“อย่างมึงเขาเรียกอาชญากร เป็นภัยสังคม โดนแค่นี้ยังน้อยไป”
“มึงไม่ต้องมาอ้างโน่น อ้างนี่ คุณมิ้นสั่งให้มึงทำใช่มั้ย”
มิ้นเดินเข้ามาใกล้ๆ “มิ้นไม่ได้สั่งนะคะ มิ้นแค่ขอร้องคุณกอล์ฟดีๆ”
เคนชักฉุน “คุณมิ้นต้องการอะไรจากผม ถึงทำแบบนี้”
“มิ้นก็ช่วยให้คุณเคนเห็นว่า ที่คุณมาล้อเล่นกับความรู้สึกของยายเอมแบบนี้ ถ้าวันนึงคุณต้องเสียยายเอมไป คุณจะรู้สึกยังไง”
แดนคาดไม่ถึง “นี่คุณมิ้นหันมาเชียร์ไอ้เคนแล้วเหรอครับ”
“นี่งะ เพราะความดีของพี่กอล์ฟ พี่เคนถึงได้รับส่วนบุญไปด้วย” ป้องว่า
เคนยัวะ “กูไม่ใช่ผี”
“เปล่าค่ะ มิ้นไม่ชอบ ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อน้ำหน้าคนอย่างคุณเคนเหมือนเดิม แต่มิ้นอยากให้คุณเคนจำใส่หัวกลวงๆ ของคุณไว้ว่า ยายเอมเป็นคนดี และก็ไม่เคยคิดร้ายกับคุณเลย ที่คุณทำกับยายเอมอยู่ทุกวันนี้ มิ้นว่า คุณไปหากระโปรงมาใส่ดีกว่าค่ะ แมนๆ เขาไม่ทำกันหรอกค่ะ” มิ้นจ้องหน้าเคนเขม็ง “อีกอย่าง...”
เคนเดินเข้าบ้าน ตรงมายังมุมทำงานของเอม มองดูเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นใหม่บนหุ่นที่เอมเตรียมงานเอาไว้ เขาคิดถึงคำพูดมิ้นเมื่อครู่นี้
“ยายเอมกำลังเตรียมงานคอลเล็กชั่นใหม่ หลังงานนี้มิ้นก็ไม่รู้นะคะ ว่าคุณจะได้เจอยายเอมอีกรึเปล่า”
เคนเดินมาหยุดที่หน้าหุ่นที่ใส่ชุดสวยที่เอมออกแบบตัดเย็บเอง จับชุดนั้นลูบเบาๆ
เสียงเอมดังขึ้น “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในนี้”
“คุณเอม”
เอมยังโมโหไม่หาย “คุณนี่มันครบสูตรเลยนะ กะล่อน ปลิ้นปล้อน ไม่มีมารยาท”
“คุณเอม คุณอยากจะว่าอะไรผมก็ได้นะ แต่ขอให้คุณยกโทษให้ผม ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของผมเอง”
เคนเดินเข้าหา เอมถอยหนีจนไปชนโต๊ะทำงาน มีแบบสเก็ตช์ และอุปกรณ์ทำงานต่างๆ อยู่เต็ม
“ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า...คุณคือคนที่สำคัญสำหรับผมที่สุด”
เคนจับไหล่ทั้งสองข้างของเอมเบาๆ ดึงเข้ามาหาตัว เอมเหมือนจะเคลิ้มไปกับคารมของพ่อปลาไหล
แต่แล้วเคนก็ต้องชะงัก รับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างจิ้มที่ท้อง เมื่อก้มมองก็พบว่าเอมเอากรรไกรจ่อที่ท้อง
“ฉันไม่ใช่คุณชาช่า หรือ คุณพราวนะ จะได้หลงคารมของคุณ”
เอมกดกรรไกรลงที่ท้องเคนเป็นการเตือน เคนจำต้องปล่อยมือจากไหล่เธอ แล้วถอยห่าง
“ฉันบอกแล้วไง ทางใครทางมัน”
“คุณเอม” เคนหน้าเศร้า
“ไปให้พ้น ฉันจะทำงาน” เอมหันหลังให้เคนทันที
เคนมองเอมเศร้าๆ แล้วเดินออกไปอย่างผิดหวัง พอเคนออกไปเอมหันมาดูแบบหน้าเสียๆ
เอมมองงานดีไซน์บนหุ่น แล้วนึกถึงคำแนะนำของเคนเรื่องงานออกแบบ
“ผู้ชายไม่ชอบอะไรที่มันเยอะๆ มันต้องเรียบๆ แต่เท่ ดูดี”
เคนมองดูเอมที่ตั้งใจทำงาน รู้สึกว่าเอมดูมีเสน่ห์
เอมรู้สึกว่าเคนแอบมอง ทำตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าสบตา
เอมนึกถึงตอนที่เอมจะช่วยเคนแก้ปัญหาเรื่องงาน
“ก็คุณบอกว่า ถ้าทำได้ มันก็เป็นการพิสูจน์ตัวเองใช่มั้ยล่ะ แต่ตอนนี้จะได้เหรอ ก็พ่อตัดผมออกจากกองมรดกแล้ว”
เอมมองเคนอย่างเห็นใจ “ฉันจะช่วยพูดให้คุณเองดีมั้ย”
เคนพยักหน้า ยิ้มให้เอม เอมเขินหลบตาเคน
เอมนึกถึงตอนที่เคนรับปากว่าจะตั้งใจทำงาน
“คุณต้องหัดใจเย็น แล้วก็ให้เกียรติคนที่เขาทำงานมาก่อน โดยเฉพาะคนที่เขาอาวุโสกว่าคุณบ้าง”
“ก็ได้ๆ ผมสัญญาว่าผมจะตั้งใจทำงาน”
“แล้วก็ไม่หนีเที่ยวด้วย”
“คร๊าบบบ”
“รู้มั้ย ผู้ชายที่คร๊าบบบบ ยาวๆ แบบเนี่ย มักจะเชื่อไม่ได้”
“ลองเชื่อผมอีกสักครั้งนะคุณเอม”
เคนมองเอมด้วยสายตาอ้อนๆ
“เออๆ อย่าให้ฉันเสียความรู้สึกกับคุณอีกล่ะ”
เอมดึงตัวเองกลับออกมา ด้วยสีหน้าผิดหวังกับเคน
“ฉันมันโง่เองที่คิดว่าจะเปลี่ยนคุณได้”
เอมทำงานต่อ ด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย
มิ้นกับกอล์ฟเข้ามาแอบดูไกลๆ
“เพื่อนคุณฉลาดมาก ที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา จนยายเอมรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนยายเอมรู้สึกดีๆ ด้วยจริงๆ แต่สุดท้ายยายเอมก็ต้องมาเสียใจแบบนี้”
“คุณเอมก็เข้าไปเติมเต็ม และก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไอ้เคนเหมือนกัน แต่ติดอยู่แค่...ไอ้เคนชอบคิดว่าความฉลาดใช้กับความรักได้ แทนที่จะใช้หัวใจ และก็ยอมรับความจริง”
“คุณกอล์ฟหมายความว่าไงคะ”
มิ้นมองกอล์ฟด้วยความอยากรู้ แต่กอล์ฟก็ไม่สามารถพูดถึงแผนหลอกให้รักแล้วเททิ้งของเคนได้
สามหนุ่มกลับไปที่ออฟฟิศบริษัทออแกไนซ์ของแดน เคนทำหน้าเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แดน กะ ป้อง จ้องหน้าจับผิด
“อะไรของพวกมึง”
“คุณเอมเขาไล่มึงกลับ มึงก็กลับมาง่ายๆ เนี่ยนะ” แดนพูดเชิงถาม
“นั่นดิ ปกติ พี่ต้องมีแผน A ถึง Z จนกว่าจะชนะดิ” ป้องข้องใจ
“กูก็ชนะอยู่นี่ไง” เคนยิ้มในสีหน้า
แดนกะป้องข้องไม่หายถามพร้อมกันว่า “ยังไง”
“ที่จริงพวกมึงก็ไม่ได้โง่หรอกนะ แต่เพราะกูฉลาดมาก พวกมึงเคยคิดตามไม่ทัน ก็เวลาผู้หญิงบอกว่า” เคนพูดจีบปากจีบคอ “ไปให้พ้น แปลว่า อย่าทิ้งฉันไปไหนนะคะ เวลาผู้หญิงบอกว่า” จีบปากจีบคออีก “ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก แปลว่า ง้อฉันสิ ฉันเกือบจะใจอ่อนแล้วหละคร้า”
แดนกะป้องจ้องหน้าถามพร้อมกันอีก “แล้ว”
“ก็ถ้าเราทำตรงข้าม เขาก็จะเป็นฝ่ายคิดถึงเราตลอดเวลาเองเว้ยเพราะเขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ”
“แบบที่มึงทำกับคุณพราว คุณชาช่า”
“บางทีผมก็คิดว่า ถ้าชอบใครแล้วก็บอกไปตรงๆ แบบพี่กอล์ฟ ก็ประหยัดเวลาดีนะ เอาเวลาไปมีลูก ไปสร้างครอบครัวดีกว่า” ป้องว่า
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวตบปากแตกเลยไอ้ป้อง มึงพูดอะไรออกมา รู้จักหวงความโสดซะบ้างสิวะ การมีครอบครัวคือพันธะ คือ การลิดรอนอิสรภาพของลูกผู้ชาย มึงจำไว้”
“อิสระแล้วมันเหงา ก็ไม่ไหวนะพี่”
“มึงนี่ชักจะติดเชื้อร้าย ได้รับความคิดผิดๆ มาจากไอ้กอล์ฟแล้วนะเนี่ย ให้กูจัดการเรื่องคุณเอมเรียบร้อยก่อน กูจะจูนสมองมึงใหม่”
มือถือเคนดัง แดน กะป้อง ชะโงกเข้ามาดูว่าใครโทร.มา
“นี่งะ มีคนอย่างพวกมึงนี่งะ เขาถึงต้องคิดค้นฟิล์มกันเสือกขึ้นมา พ่อกูโทร.มา พวกมึงจะคุยด้วยมั้ย”
“ไม่อ่ะ มึงคุยกับพ่อมึงเถอะ”
เคนพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องทำงานคุณณรงค์ในเวลาต่อมา
ถูกณรงค์มองจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่เคนทำหน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ฉันอุตส่าห์ให้แกไปง้อหนูเอม แล้วไหนล่ะหนูเอม”
“คุณเอมไม่ใช่ กระดาษซับมันนะพ่อ จะได้เอาซุกใส่กระเป๋ามาได้ มันก็ต้องใช้เวลาให้เขาเดินตามผมกลับมาเองสิพ่อ”
ณรงค์หมั่นไส้ “ลีลาบราซิลแบบนี้ อย่าให้มันช้ากว่าไอ้คุณเจตน์ก็แล้วกัน”
“เม้าท์น่าพ่อ พ่อเอาอะไรมาพูด ผมทั้งหล่อ รวย มีเสน่ห์เหมือนพ่อผมจะไปแพ้ไอ้เจ๊กตื่นไฟนั่นได้ยังไง”
“หลักฐานมันมัดตัว ฉันก็ไม่เถียง แล้วแกจะทำยังไงต่อ”
“ผมก็จะให้คุณเอมเป็นฝ่ายได้รู้บ้าง ว่าเวลาที่จะเสียผมไปแล้วมันเป็นยังไง เชื่อมือผมเถอะพ่อ”
เคนพูดด้วยความมั่นใจ ณรงค์เห็นอาการของลูก ก็มีท่าทีอ่อนลง จู่ๆ เคนก็หันไปมองหน้าพ่อนิ่งๆ จนณรงค์แปลกใจ
“อะไร”
“นี่เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงพ่อ”
“จุดไหนวะ”
“จุดที่เรานั่งปรึกษาหารือกันดีๆ เหมือนพ่อลูกในละครน้ำดี”
“เออว่ะ” ณรงค์คิดตาม “ก็จะใครล่ะ ก็เพราะหนูเอมไง นี่ถ้าแม่แกยังอยู่คงดีใจที่แกเลิกเนรคุณเถียงฉันฉอดๆ แล้ว”
“แม่ไม่อยู่แต่ก็มีตัวแทนนี่พ่อ”
“บ้า แกก็รู้ น้าเพ็ญของแก ไม่มีทางยอมหรอก มันผิดจารีต”
“ผมยังไม่ได้พูดชื่อน้าเพ็ญเลยนะพ่อ”
ณรงค์หน้าเหวอเสียรู้เคน
“จริงๆ ลืมๆ ไปก่อนว่าเราเป็นพ่อลูกกัน พ่อจะปรึกษากูรูอย่างผมก็ได้น๊า ไม่ล้อหรอก”
“แล้ว...เรื่องงงเรื่องงานที่แกจะปรึกษาฉันน่ะว่าไง”
เคนยิ้มล้อ “แหมๆ ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง”
ไม่นานต่อมา ชินนั่งอยู่กับณรงค์และเคนในออฟฟิศใหญ่ ชินรู้สึกแปลกใจที่ถูกเรียกตัวมาพบโดยปัจจุบันทันด่วน
“เจ้าสัวเรียกผมมา มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ฉันไม่มีหรอก แต่เจ้าเคนมันมี”
ชินหันไปมองหน้าเคนอย่างไว้เชิง เคนหันมามองตอบนิ่งๆ ชินไม่วางใจ เตรียมตั้งรับ
“ลุงชิน ผมต้องขอโทษลุงชินด้วยนะครับ ที่วันก่อนผมทิ้งงาน รวมถึงเรื่องที่ผมไม่มีสัมมาคารวะกับลุงชิน”
ชินอึ้ง งง ไม่นึกว่าเคนจะพูดแบบนี้ออกมา
ณรงค์แทรกขึ้นว่า “เจ้าเคนมาปรึกษาว่า เรื่องที่โรงงานนมข้นหวาน ก็อยากให้ลุงชินเป็นคนดูแลเหมือนเดิม เพียงแต่ลุงชินต้องคอยอัพเดทการทำงานให้เจ้าเคนมันรู้ด้วย ส่วนฉันก็จะค่อยๆ โอนถ่ายงานของบริษัทสุขภัณฑ์ให้เจ้าเคนดูแล”
“ผมคิดดูแล้วนะลุง ผมจะมาบริหารแข่งกับคนที่มีความรู้ ความสามารถอย่างลุงทำไม ให้ลุงจัดการทางนั้น ส่วนผมก็ทำส่วนอื่นดีกว่า ช่วยกันหน่อยนะลุง”
ชินอึ้งคาดไม่ถึงที่จู่ๆ เคนยอมลงให้ตน “ลุงเอง ก็ต้องขอโทษคุณเคนด้วย ที่ลุงเคยเสียมารยาท คิดแข็งข้อกับคุณเคน”
“ผมว่าผมก็จัดหนักกับลุงเหมือนกัน ขอโทษนะครับลุงชิน”
เคนยกมือไหว้ชินท่าทีอ่อนน้อม ชินอึ้งรับไหว้เคนอย่างซาบซึ้ง ณรงค์มองเคนอย่างชื่นชม
“ลุงชินครับ ผมมีเรื่องที่ต้องรบกวนให้ลุงชินจัดการ”
เคนเอาแฟ้มงบประมาณที่โรจน์เอามาให้ และแฟ้มข้อมูลที่กอล์ฟเคยเอามาให้ ยื่นให้ชิน โดยแฟ้มที่กอล์ฟเอามาให้เคน มีข้อมูลว่า โรจน์เคยปลอมหลักฐานการเงินของบริษัท
เย็นนั้น เพ็ญดีใจมากที่รู้จากณรงค์ว่าเคนยอมลงให้ชิน
“เห็นมั้ยคะ คุณพี่ณรงค์น้องบอกแล้วว่า ตาเคนแกก็รู้จักคิดจะว่าไปตาเคนเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ ตั้งแต่ได้หนูเอมมาอยู่ข้างๆ”
ณรงค์หยอดทันที “เหมือนที่ผมมีคุณเพ็ญอยู่ข้างๆ ไง”
“เหมือนที่อยู่ข้างๆ แต่สถานะไม่เหมือนค่ะ”
“ปิดทางขนาดนี้ผมจะไปต่อยังไงล่ะเนี่ย”
เพ็ญเปลี่ยนเรื่อง “แล้วตกลง งานถ่ายแบบแฟชั่นการกุศล คุณพี่จะให้ตาเคนเป็นคนจัดการใช่มั้ยคะ”
“ก็คงต้องเจ้าเคนนั่นแหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว”
ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชาช่ากับนาตาลีกำลัง Live โปรโมตงานแฟชั่นโชว์การกุศล
“ฮัลโหลๆ FC ชาช่า นาตาลีมากันรึยังเอ่ย”
ชาช่าแสดงอาการสนิทสนมและเป็นมิตรกับนาตาลีมาก
“วันนี้เราจะมาเกริ่นเรื่องอะไรคะนาตาลี”
“เรื่องแฟชั่นการกุศล ที่จะจัดประมูลเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ชื่อดัง เพื่อนำรายได้มอบให้มูลนิธิคุ้มครองและช่วยเหลือสตรีที่ถูกทำร้ายจากคนในครอบครัวค่ะ”
“เราสองคน และเหล่าเซเลบคนดัง จะมาร่วมถ่ายแบบลงนิตยสารสตรีมีคลาส ชอบชุดไหน ก็เข้าไปประมูลกันในเว็บไซต์ได้เลยค่ะ”
“เกริ่นให้ฟังกันเท่านี้ก่อน เดี๋ยวหลังงานแถลงข่าว เราจะมาอัพเดทความคืบหน้ากันอีกนะคะ”
“ย้ำนะคะ นางแบบทุกคนที่จะมาถ่ายแบบในงานนี้ มีแต่ดาราและเซเรฟคนดังเท่านั้นค่ะ บายคร้า”
ทีมงานกดปิดไอแพดเลิก Live
“ขอบคุณมากครับคุณชาช่าคุณนาตาลี”
“SEE U นะนาตาลี”
ชาช่าเดินหนีไปหาแจ๊ดเลย ไม่เฟรนลี่กับนาตาลีและทีมงานที่มาถ่ายLive โปรโมตเหมือนตอนแรก
“ย้ำนะคร้าว่า งานนี้มีแต่ดาราและเซเลบคนดังเท่านั้น... บอกใครค๊า”
“เจ้าตัวฟังก็คงจะรู้อยู่แล้วมะ อย่าให้ช่าย้ำเลยคร้า เวทนาในความหงิมง๋อยไม่ค่อยดังของนาง”
ชาช่าหมายถึงพราวนั่นเอง สองคนหัวเราะคิกคัก นาตาลีมองอย่างเอือมๆ
ทางฝั่งพราวนั่งคุมแค้นหลังดู Live ของชาช่ากับนาตาลีจบลง จนทิพย์เดินเข้ามารายงาน
“ติดต่อทีมจัดงานแฟชั่นเรียบร้อยแล้วค่ะ พอทราบยอดเงินที่คุณพราวจะบริจาค ทางทีมงานก็เลยอยากให้คุณพราว ร่วมถ่ายแบบครั้งนี้ด้วยค่ะ”
พราวยิ้มมุมปากอย่างพอใจ “เหรอ ไม่รู้ฉันจะว่างมั้ยนะ”
“งั้นปฏิเสธไปนะคะ”
พราวกริ้ว “ก็ลองดูสิ ฉันเล่นแกยับแน่”
ทิพย์หน้าเสีย
“ฉันลืมไปว่าแกมันโง่ ตอบรับไปสิ”
ทิพย์ถามพาซื่อ “คุณพราวเมนส์มารึเปล่าคะ อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา”
“นังทิพย์”
ทิพย์บอกพาซื่ออีก “ขอโทษค่ะ ลืมไปว่าเวลาปกติ คุณพราวก็เป็นแบบนี้”
“นังทิพย์”
พราวนึกถึงชาช่าอย่างสะใจ
“ดาราเซเลบคนดังทั้งนั้น รู้ไว้ซะนะนังชาช่า ฉันนี้แหละดังสุดในสามโลกแล้ว แล้วแกจะได้เห็นว่า เวลาที่ฉันสวย จนต้องถามว่า จักรวาลไปทางไหน มันเป็นยังไง”
“คุณพราวคะ งานนี้เขาถ่ายแบบกันนะคะ ไม่ใช่ประกวดนางงามจักรวาล”
“โอย ฉันเปรียบเทียบมั้ยแก”
พราวอ่อนใจกับเลขาจอมมึน ทิพย์ยิ้มแหยๆ
เอมอยู่ที่บ้านสวน คุยโทรศัพท์กับนาตาลี
“พอรู้ว่าจะได้ถ่ายแบบคอลเล็กชั่นนี้ฉันดีใจมากเลยนะ แต่ไม่นึกเลยว่าจะต้องทำงานกับยายชาช่า นี่ได้ข่าวว่า ยายพราวบริจาคจนยอดพุ่งเลยได้มาถ่ายแบบอีกคน”
“ก็คิดซะว่า ถ่ายแบบในสวนสัตว์เปิดก็แล้วกัน”
“มันก็จะชะนี กวาง บ่าง แรด เยอะหน่อยเงี้ยเหรอ ร้ายนะคะคุ๊ณณณนี่เห็นว่า จะเปิดตัวดีไซเนอร์กันวันงานเลยนะ ถ่ายแบบไป สัมภาษณ์ทำสกู๊ปไป”
“ก็ดีนะ เซอร์ไพรส์ดี”
เอมได้ยินเสียงของตกในครัวหันไปทางเสียง
“นาตาลี แค่นี้ก่อนนะ
เอมวางสายจากนาตาลีแล้วเดินเข้าไปในครัว
เคนยืนหันหลังหยิบโน่นหยิบนี่เหมือนกำลังง่วนกับอะไรบางอย่าง เอมเดินเข้ามามอง
“คุณมาทำอะไรอีก”
“ของหวาน ผมรู้ว่าคุณต้องการพลังงาน รับรองจะทำให้สุดฝีมือเลย”
“คุณเคน คุณไม่เข้าใจเหรอว่าฉันไล่คุณ แปลว่าอย่ามาที่นี่อีก”
เคนไม่ฟังเอมเลย “ยิ้มหน่อยครับ ขอหวานๆ ของที่ผมจะทำจะได้หวานเหมือนยิ้มคุณ”
“คุณเคน ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นกับคุณนะ”
เคนหันมาประจันหน้าดึงเอมเข้ามาใกล้มองจ้องหน้า เอมโดนจ้องตาก็หวั่นไหว หัวใจเต้นโครมคราม
“นะ นายจะทำอะไร”
“ทำให้คุณมีอารมณ์”
“ถ้าลวนลามฉัน ฉันมีปืนนะ จำได้มั้ย”
“ผมไม่ใช่สไตล์นั้น”
เคนละตัวออก หันไปหยิบถ้วยบิงซูมีการ์ตูนน่ารักๆ วางอยู่มาโชว์อย่างภาคภูมิใจ
“แท้แดม”
เอมประหลาดใจ “นายทำบิงซู”
เคนยิ้มยืด “สูตรเด็ดจากเกาหลีทุกคนต้องชอบ”
“ติดตัวการ์ตูนด้วย เด็กชะมัด”
“นั่นไง ยิ้มหวานให้ผมแล้ว แถมลืมโกรธผมด้วย”
เอมชะงักรีบหุบยิ้มอย่างเสียฟอร์ม
“ผมก็เติมความหวานให้หวานเหมือนยิ้มคุณได้แล้ว”
เคนหยิบนมมะลิแบบหลอดมาบีบใส่บิงซู
“ทานหน่อยสิคุณ คุณทานหมดแล้วผมก็จะกลับ”
เคนมองอ้อน จนเอมใจอ่อนรับมาชิม
เวลาต่อมา เอมออกมานั่งเล่นอยู่ที่ท่าน้ำริมสะบัวในบ้านสวน เคนเดินออกมาหาลงนั่งด้วย
“คุณเอม ผมเตรียมอาหาเย็นไว้ให้คุณแล้วนะ”
“นี่คุณยังไม่ไปอีกเหรอ”
“ก็ผมเป็นห่วงคุณ วันนี้คุณมิ้นไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอ”
“คุณกอล์ฟบอกคุณเหรอ”
“ผมเดา ถูกใช่มั้ย”
เอมเสียหน้าที่ถูกเคนหลอกถาม จะลุกเดินหนี
“คุณเอม เราคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ ไปให้พ้น”
“คุณเอม”
เคนดึงตัวเอมไว้ แต่ดึงแรงจนเอมเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด และเคนโอบเอวเอมไว้อีกด้วยทำท่าเหมือนจะจูบ
“คุณจะทำอะไร”
เอมดิ้นหนีออกจากวงกอด และผลักเต็มแรงจนเคนเสียหลัก เซตกน้ำไปตูมใหญ่
“คุณเอม ช่วยผมด้วย” เคนตะเกียดตะกายอยู่ในน้ำ
“สมน้ำหน้า”
เอมเดินหนีไป แต่ยังได้ยินเสียงเคนร้องไม่หยุดจนเริ่มเอะใจหันกลับมาดู พบว่าเคนตะกายอยู่ในน้ำ เหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็น
“นี่คุณว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ”
เคนไม่ตอบแต่จมหายลงไปในน้ำ
“คุณเคน”
เอมตกใจที่เห็นเคนจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา ตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปช่วยเคนทันที
เอมพยุงพาเคนให้นอนลงที่ริมสระบัว
“คุณเคน”
เอมเช็คลมหายใจ เห็นว่าเคนไม่หายใจ เอมตกใจ
เอมจับเคนเงยหน้าขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบจมูก แล้วเป่าปากผายปอดให้เคน แต่เคนนิ่ง
“คุณเคน ตื่นสิคุณเคน
เอมผายปอดให้อีก เคนยังยิ่งอย่างเก่า เอมชักใจเสียน้ำตาคลอๆ เป็นห่วงเคนจับใจ
“คุณอย่าเป็นอะไรนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เอมเสียงสั่นผายปอดให้เคนไปในสภาพน้ำตาคลอเบ้า พยายามผายปอดให้เคนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เคนก็นิ่งอยู่อย่างนั้น
เอมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดหวัง เริ่มสติแตก
“คุณเคนฉันขอโทษ”
เอมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้โฮออกมา สักครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเคนกระแอมกระไอ
“คุณเคน”
เคนค่อยๆ รู้สึกตัว เอมปาดน้ำตารีบเข้าไปดูพยุงเคนขึ้นนั่งด้วยความดีใจ
“คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ผมหนาวจังคุณ”
“เข้าไปในบ้านนะ เดินไหวมั้ย”
“ไหว”
เคนพยายามจะยืนขึ้น แล้วก็ซวนเซ เอมเข้าพยุงไว้
เอมประคองเคนพาเดินไปที่บ้าน โดยไม่เห็นว่าเคนยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
ความจริงแล้วตอนที่เอมผายปอดให้เคนนั้น เขารู้สึกตัวอยู่ แต่แกล้งทำเป็นสลบ ให้เอมประกบปากครั้งแล้วครั้งเล่า
พอคิดเรื่องนี้แล้วเคนจับริมฝีปากตัวเอง ยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ แต่พอเอมหันหน้าขึ้นมามองเห็น ก็ทำเป็นอ่อนล้าเหมือนเดิม
เอมพยุงเคนเข้ามานั่งที่โซฟาห้องรับแขก แล้วรีบไปเอาผ้าเช็ดตัวมาห่มและเช็ดหัวให้เคน
เคนแอบมองหน้าเอมยิ้มๆ แต่พอเอมเงยหน้ามอง เคนก็ทำเป็นไอเหมือนคนสำลักน้ำ
“ฉันว่าคุณเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่านะ”
“เดี๋ยวผมกลับไปเปลี่ยนที่บ้านก็ได้” เคนทำเป็นจะลุกกลับบ้าน แต่แล้วก็ซวนเซเหมือนไม่มีแรง
“ยังจะทำเก่งอีก เดี๋ยวฉันจะหาชุดมาให้เปลี่ยน”
เอมเดินขึ้นบ้านไปหาเสื้อผ้าให้ เคนมองตามยิ้มเจ้าเล่ห์
สักครู่เอมก็เดินกลับมา พร้อมกับผ้าถุงและ เสื้อคอกระเช้า
“คุณพ่อไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้เลย เสื้อผ้าฉันก็ตัวเล็ก มีแต่...”
เคนหน้าเสียรับเสื้อผ้ามา เอมลอบยิ้มขำ
เคนเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเอม
เคนมองผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้าในมือ นึกถึงรอยยิ้มขำขันเมื่อครู่ของเอม
“ยังคิดจะแกล้งกันอีกนะคุณเอม”
เอมยืนรออยู่หน้าห้อง ด้วยความเป็นห่วง
เสียงเคนดังออกมาจากในห้อง “คุณเอม ชุดนี้มันใส่ยังไงอ่ะคุณ”
เอมเดินเข้าไปในห้อง เห็นเคนพยายามผูกผ้าถุงอยู่
“ผมใส่กี่ทีกี่ทีมันก็หลุดแบบนี้อะคุณ” เคนแกล้งทำผ้าถุงหลุด
“ว้าย” เอมตกใจ ปิดตาไม่กล้าดู
เคนแกล้งเดินเข้าหา “คุณเอม”
“ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนสิคุณ” เอมยังเอามือปิดตาไม่กล้ามอง
เคนขำคิกคัก ความจริงแล้วเขาใส่บ๊อกเซอร์อยู่ ไม่ได้โป๊อย่างที่เอมคิดเตลิดไปไกล
“ก็ผมใส่ไม่เป็นนิ ช่วยหน่อยสิ”
“ก็ทำไงก็ได้ให้มันไม่หลุดอ่ะ”
“ผมทำไม่เป็นจริง คุณช่วยผมหน่อยนะ”
พร้อมกับว่าเคนจะดึงมือเอมมา แต่เอมสะบัดออก
“บอกว่าให้จัดการตัวเองไงเล่า”
เคนดึงมือเอมมาจับอีก “ผมแค่จะถามว่า ใส่แบบนี้ใช่มั้ย”
เอมค่อยๆ ลืมตา จนเห็นว่าเคนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“นี่คุณแกล้งฉันเหรอ”
“ผมต่างหากต้องถามคุณว่า ยังจะแกล้งผมได้ลงคืออีกเหรอ โอ๊ย ทำไมรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ” เคนทำเป็นไม่มีแรงซวนเซอีก
เอมพยุงไว้ “ก็ได้ๆ ฉันไม่แกล้งคุณแล้ว เดี๋ยวจะเอาเสื้อผ้าคุณพ่อมาให้ใส่”
อีกฟากหนึ่ง รอนคุยโทรศัพท์อยู่ ปลายสายเป็นคุณนายเนื้ออ่อน
“ท่านพระครูท่านไม่มีลูกศิษย์คอยดูแล มาอาพาธแบบนี้ผมก็อดเป็นห่วงท่านไม่ได้”
ได้ยินเสียงสวดมนต์
“นี่ขนาดอาพาธ ยังสวดมนต์ทำวัตรตามปกติ ไม่เสียแรงเลยที่ผมเลื่อมใสศรัทธาท่าน นี่ผมนั่งรอในโบสถ์เลยนะ รอพยุงท่านกลับกุฏิคุณโมทนากับผมด้วย ผมก็สบายใจ แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ รักนะ รู้ยัง”
รอนจุ๊บโทรศัพท์ไปอีกสองสามที แล้ววางสาย
รอนแต่งหล่อยืนอยู่บริเวณทางเดินหน้าห้องม่อนกับแม่บ้านทำความสะอาดคอนโด โดยให้แม่บ้านเปิดเสียงสวดมนต์จากมือถือให้
“ขอบคุณสำหรับเสียงธรรม”
รอนส่งเงินให้ 100 แม่บ้านรับมา กล่าวคำขอบคุณแล้วเดินออกไป
รอนทำท่ากระชุ่มกระชวย ดีดเต็มที่ ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องม่อน
“มีใครอยู่มั้ย
ม่อนเปิดประตู ยิ้มหวานให้รอน
“ก็ม่อนไงคะ”
“ไม่ใช่ในห้อง หมายถึง มีใครอยู่ในหัวใจพี่รอนมั้ย”
ม่อนกลอกตาแอบเซ็งมุกปลาไหลวัยชรานิดๆ ก่อนจะหันมายิ้มอ่อนทำเป็นชอบใจ
“ก็ม่อนอีกนั่นแหละ ห้ามมีใครอยู่แล้วนะ”
“จ้า”
รอนประคองกอดม่อนเข้าห้องไป
สองคนเข้ามาในห้องแล้ว รอนยิ้มหวานเยิ้ม
“วันนี้พี่รอนอยู่ได้ยาวทั้งคืนเลยน้า”
“ยาว... ทั้งคืน...แล้วจะทำอะไรดีน้า”
“ก็แล้วแต่น้องม่อนจัดให้สิจ๊ะ”
รอนโน้มตัวเข้าหาจะหอมม่อน เบี่ยงตัวหนี
“เหงื่อเต็มตัวเลยค่ะ อาบน้ำก่อนดีมั้ยคะ”
รอนยิ้มเจ้าเล่ห์ “อาบด้วยกันมั้ย”
“ม่อนอาบแล้วค่ะ อาบบ่อยๆ ผิวแห้ง เวลาจับมันจะไม่นุ่มมือน้า”
“ก็ได้ พี่รอนอาบคนเดียว”
รอนเดินเข้าห้องน้ำไป ม่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ มองตามอย่างมีแผนการ
รอนอยู่ในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้านุ่งผ้าเช็ดตัวแล้ว ยืนคิดแผนการจะหลอกม่อนเข้ามาเผด็จศึกในห้องน้ำ
“น้องม่อน มีแชมพูสระผมมั้ยเอ่ย”
“ก็อยู่ในห้องน้ำในไง” ม่อนตะโกนตอบมา
“ไม่เห็นมีเลย”
“หาดูดีๆ สิคะ”
รอนเห็นว่าม่อนไม่ยอมเข้ามา จึงรีบเอาแชมพูสระผมตัวเอง
“เจอแล้วๆ โอ๊ย แชมพูเข้าตา น้องม่อน พี่รอนมองไม่เห็น ช่วยมาเปิดฝักบัวให้พี่รอนหน่อย แสบตามาก”
ม่อนเข้ามา รอนทำเป็นมองไม่เห็น คลำๆ ไปเรื่อยแล้วก็รวบตัวม่อนไว้
“อำเหรอ” ม่อนว่า
“เปล่าน๊า” รอนมองม่อน “เปียกหมดเลย สงสัยต้องอาบด้วยกันแล้วล่ะ”
รอนเปิดฝักบัวแรงกว่าเดิมให้น้ำไหลรดลงมาตามตัวม่อน
ม่อนไม่ได้ขัดขืนแถมยิ้มยั่ว รอนโน้มตัวเข้าหา จู่ๆ ประตูห้องน้ำเปิดผลัวะเข้ามา โดยบิ๊กผัวม่อนนั่นเอง ม่อนทำเป็นตกใจ
“พี่บิ๊ก”
รอนตกใจตาม “พี่บิ๊ก ใครอะม่อน”
“พี่ชายม่อนค่ะ”
“ที่บอกว่าดุๆ ใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ”
“สวัสดีครับพี่บิ๊ก”
รอนยกมือไหว้แล้วคว้าเสื้อผ้าวิ่งหนีออกไปจากห้องน้ำ บิ๊กกับม่อนวิ่งตามออกมา
บิ๊กกับม่อนกลับเข้าห้อง เพราะตามหารอนไม่เจอ
“มันหายไปไหน แก่ๆ แบบนั้น ทำไมมันวิ่งเร็วจังวะ ยังไงเนี่ยม่อน”
รอนแอบอยู่ที่ระเบียงข้างห้อง ไม่รู้จะทำยังไงดี ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกดโทร.หาเคน
มือถือเคนที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องรับแขกดังขึ้น เอมหันมาดู แต่ยังไม่เห็นหน้าจอว่าใครโทร.มา เอมเดินเข้าไปใกล้โทรศัพท์ จะรับสายให้เคน แต่เคนกระโจนมาคว้าไปได้ก่อน
“ไอ้แดนโทร.มา คุณเงียบๆ นะ ถ้าไอ้แดนได้ยินว่าผมอยู่กับคุณ เดี๋ยวคุณจะเสียหาย”
เอมพยักหน้ารับเอาคำ
“ว่าไงมึง อะไรนะ อยู่ห้องหญิง แล้วจะโดนพี่ชายเขากระทืบ จริงๆ เรื่องแบบนี้กูไม่อยากยุ่งแล้วนะ”
เคนหันมาเห็นว่าเอมจ้องจับผิด
“กูป่วยอยู่ ยืนจะไม่ไหวแล้วเนี่ย เอางี้เดี๋ยวกูโทร.บอกไอ้ป้องให้ไปหามึงแล้วกัน มึงอยู่ไหนแชร์โลฯมา”
เคนวางสายจากรอนไปเลย ทำหน้าให้ไม่มีพิรุธ แล้วก็ทำเป็นทรุดนั่งปวดหัว
“มีไข้รึเปล่า เดี๋ยวฉันหายาให้ก็แล้วกันนะ”
เอมเดินออกไปหายาให้ เคนสบช่องรีบกดโทรศัพท์หาแดนทันควัน
“ไอ้แดนมึงฟังกูนะ”
รอนอยู่ที่ระเบียง หน้าเสีย คุยกับเคนไม่รู้เรื่อง
“อะไรของคุณเคนวะ... แล้วจะมาช่วยมั้ยเนี่ย”
เสียงโทรศัพท์มือถือของรอนดัง เป็นแดนโทร.มา
ม่อน กะบิ๊ก ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็หันขวับมาทางเสียง บิ๊กเดินออกมาดูที่ระเบียง แต่ไม่เห็นรอนแล้ว มองไปข้างล่างก็ไม่มี
“ตกไปตายแล้วรึเปล่า”
บิ๊กกับม่อนกลับเข้าห้องไปอย่างหงุดหงิด
ที่แท้รอนปีนไปอยู่ที่ระเบียงห้องอีกห้องหนึ่งติดๆ กัน
เคนทำเป็นนอนขดตัวอยู่ที่โซฟาเหมือนหนาวสั่น แต่จริงๆ กำลังขดตัวเพื่อแอบคุยโทรศัพท์กับแดน
“กูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มึงไปรับคุณน้ารอนก็แล้วกันไม่ต้อง...มึงไม่ต้องโทร.รายงานกู พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
เอมเดินเข้ามา “หนาวเหรอคุณเคน”
เคนรีบกดวางสายจากแดนไป แล้วทำเป็นหนาวสั่นอย่างสมบทบาท
ป้องขับรถมาตามทาง มีแดนนั่งข้างๆ กำลังอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงเคนอยู่กับเอม
“เชรด ไอ้เคนอยู่กับคุณเอม”
“ก็พี่เคนเขาบอกแล้วว่าจะกลับไปจัดการคุณเอม”
“กูก็ไม่นึกว่ามันจะย้อนกลับไปเร็วขนาดนี้”
“ตกลงที่พี่เคนเขาตามจัดการคุณเอมครั้งแล้วครั้งเล่า แค่จะหลอกให้รักแล้วเททิ้งจริงๆ เหรอพี่” ป้องว่า
แดนคิดตาม “กูก็ชักสงสัย ว่าไอ้เคนมันจะเป็นพ่อปลาไหลปากเบี้ยวรึเปล่าวะ”
“อะไรอะพี่”
“ก็ปากไม่ตรงกับใจไงมึง จัดการเรื่องคุณน้ารอนตามที่ไอ้เคนสั่งก่อนก็แล้วกัน”
ป้องขับรถมาจนจอดที่หน้าคอนโดม่อน แดนมองอย่างประหลาดใจ
“ที่นี่เหรอวะ”
“ก็ที่พี่เคนฟอร์เวิร์ด โลเคชั่นมา ก็ที่นี่แหละพี่”
“แต่ที่นี่มันดงหมอ กับ น้องๆ VIP เลยนะมึง”
ป้อไม่เก็ต “อะไรวะพี่ นักเรียนแพทย์อยู่ที่นี่กันเยอะเหรอ”
“เออ หมอที่เปิดน้ำร้อนน้ำอุ่นให้มึงอ่ะ”
ป้องคิดตามจนนึกออกก็ตกใจ “น้ำร้อน น้ำอุ่น อ๋อ หมอ...เฮ้ยพี่ แล้วคุณน้ารอนมาทำอะไรที่นี่”
“ถ้าไม่มาพบหมอ ก็อาจมีธุระกับน้องๆ VIP”
“ผมรู้ว่าพี่ชอบเที่ยว แต่ไม่คิดว่าพี่จะรู้ลึกถึงถิ่นที่อยู่อาศัยของเขาเลย”
“กูจำมาจากไอ้เคน รู้อะไรต้องลึก ไม่ลึกมันไม่โดน”
จังหวะนี้เองป้องก็เห็นรอนวิ่งออกมาจากคอนโด ในสภาพเสื้อผ้ารุ่ยร่ายไม่เรียบร้อย
“นั่นไงคุณน้ารอนมาแล้ว”
แดนตะโกนเรียก “ทางนี้ครับคุณน้ารอน
สามคนอยู่ในรถด้วยกัน รอนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“น้องรอนนึกว่า พี่เคนจะไม่ช่วยน้องรอนซะแล้ว ที่แท้ก็ส่งพี่แดนกับพี่ป้องมานี่เอง”
“น้องรอน บอกพี่แดนได้มั้ยว่ามาทำอะไรที่นี่”
“น้องรอน...” รอนอึกอักไม่กล้าบอก
เสียงไลน์มือถือของรอนเข้ามา มีข้อความจากม่อนส่งมาว่า
“พี่ชายม่อนโกรธมาก จะทิ้งม่อนแบบนี้จริงๆ เหรอ”
รอนหน้าเครียดจัด
ฟากเคนยังคงนอนหนาวสั่น เอมจับหน้าผากเคนพบว่าตัวไม่ร้อนก็แปลกใจ
“ไม่มีไข้ แล้วทำไมตัวสั่นแบบนี้ล่ะคุณ”
“สงสัยน้ำจะเข้าปอดผมแล้วมั้ง” เคนไอหนัก
“งั้นก็ไปหาหมอดีกว่านะ”
เคนหยุดไอทันควัน “ไม่ต้องหรอกคุณเอม ขอผมนอนพักก่อนได้มั้ย”
จากนั้นเคนล้มตัวลงนอนอย่างน่าสงสาร เอมมองชั่งใจว่า เคนป่วยจริงหรือแกล้งกันแน่
“นี่คุณไม่ได้มารยาอีกใช่มั้ย”
เคนนอนขด ตัวสั่นไม่ตอบ เอมเริ่มหน้าเสีย หลงเชื่อว่าเคนอาจจะเป็นไข้จริงๆ
เวลาผ่านไป เอมเอาผ้าห่มมาห่มให้แล้ว แต่เคนก็ยังหนาวสั่นอยู่ เคนซุกหน้ากับผ้าห่ม ไม่ลืมตา ดูน่าสงสาร
“คุณเคน ฉันขอโทษนะ ฉันไม่น่าผลักคุณตกน้ำเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณเอม”
เคนทำเป็นลืมตามองเอมอย่างลำบากยากเย็น แล้วหลับตาอย่างอ่อนเพลีย ซุกหน้ากับผ้าห่ม เอมเห็นเคนตัวสั่น จึงตัดสินใจกอดเขาไว้
เคนยังหลับตาตัวสั่น แต่คราวนี้ซุกตัวเข้าหาเอม
“คุณเอม”
“นอนซะนะคุณเคน”
เคนซุกหน้าเข้าหาเอม แต่ถูกเอมกอดแน่นกว่าเดิม ด้วยท่าทีเขินๆ เคนลอบยิ้มสุขใจ
รอนนั่งก้มหน้า อย่างคนสำนึกผิด บิ๊กนั่งจ้องหน้ารอน ก่อนจะหันไปมองม่อนอย่างเอาเรื่อง
“เสร็จมันรึยัง”
รอนรีบชิงตอบ “ยังครับในห้องน้ำ แค่น้ำมันแตก เอ๊ย ฝักบัวมันแตกเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรกันเลย”
“แล้วถ้าพี่มาไม่ทัน”
“ก็ไม่แน่”
“มึง” บิ๊กกระชากคอเสื้อรอนมา ทำเป็นจะต่อย
“อย่าพี่บิ๊ก ม่อนรักเขานะ” ม่อนร้องห้ามมองหน้ารอนเหมือนรักรอนเอามากๆ
รอนอึ้งที่ได้ยินม่อนบอกว่ารัก ก็ซาบซึ้งใจ คิดอยากจะทำเพื่อม่อน
“พี่บิ๊กครับ ผมยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“พี่รอน” ม่อนกอดรอนออเซาะ
“แล้วมีเมียรึยัง” บิ๊กถาม
“มีแล้วครับ ลูก 1”
ม่อนทำเป็นตกใจ “พี่รอน”
“คือพี่ไม่อยากโกหกนะน้องม่อน อายุปูนนี้แล้ว ถ้าไม่มีเมียมีลูกมันก็แปลกๆ แล้วนะ”
“งั้นก็ไปเลิกกับเมียมึงมา” บิ๊กยื่นคำขาด
“หา”
รอนอึ้งหนักที่บิ๊กบอกให้เลิกกับเมีย
เคนลืมตามาพบว่าเอมยังกอดเขาไว้ทั้งที่หลับไปแล้ว เคนยิ้มมองใบหน้าเอมใกล้ๆ บีบจมูกอย่างเอ็นดู
“ร้ายนักนะคุณเนี่ย”
“หือ”
เอมงัวเงียแต่ไม่ยอมตื่น เอียงหน้าเข้ามาใกล้เคน จนจมูกกับปากชิดกัน เคนอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากเอมเบาๆ มองเอมอย่างแสนรัก
เคนมองจ้องริมฝีปากเอม เหมือนอยากจะจูบ แต่สุดท้ายก็จับเอมหนุนลงมาที่ไหล่ของตน
“จูบต่อไปของเรา คุณต้องเต็มใจเท่านั้น”
เคนบอกตัวเองแล้วกอดเอมไว้แน่นอย่างมีความสุข
เคนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้า พบว่าเวลานี้เอมนอนซุกอกเขาอยู่บนโซฟาห้องรับแขก เคนมองเอมอย่างมีสุขใจ
เห็นเอมขยับตัวจะตื่น เคนรีบทำเป็นหลับต่อ
เอมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอเห็นว่าตัวเองนอนซุกอยู่กับอกเคน ก็เขิน รีบลุกขึ้น เคนขยับตัวตาม เอมรีบลุกขึ้นไปยืนข้างๆ ทำเหมือนตื่นนานแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอคุณ ไหนมีไข้รึเปล่า” เอมเฉไฉจับหน้าผากเคนแก้เขิน “ไม่มีไข้นี่เนอะ”
เคนเห็นเอมเขิน ก็พลอยเขินไปด้วย
“ช่ายๆ”
“หิวมั้ย”
“ก็นิดๆ นะ”
“งั้นคุณนอนพักก่อน เดี๋ยวฉันทำข้าวต้มให้กิน”
เอมเขินขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อมาทำอาหาร
เคนชะเง้อรอ พอเห็นเอมยกข้าวต้มออกมาจากห้องครัว ก็รีบเผ่นกลับไปนอน
“ไหนว่าดีขึ้นแล้วไง”
“ไม่รู้สิคุณ อยู่ๆ ก็รู้สึกปวดเนื้อปวดตัว”
“งั้นกินข้าวต้มก่อนนะ”
เอมวางข้าวต้มให้ตรงหน้า เคนลุกขึ้นมา ทำเป็นเพลียๆ
“ทำไมล่ะ กินเองไม่ไหวเหรอ”
“ไหว” เคนสำออยทำเป็นไม่มีแรง
“ฉันป้อนก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณ”
“อย่ามาทำเก่งได้มั้ย”
เอมเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็ป้อนข้าวต้มให้เคน
“อร่อยมั้ย”
“อร่อย... เหมือนคุณเลย”
“คุณเคน...”
เอมขึงตาใส่ หยิกเข้าให้ เคนเบี่ยงตัวหนี นั่นทำให้หน้าทั้งสองคนใกล้ชิดกัน เอมนึกถึงตอนที่กอดเคนไว้ ส่วนเคนก็นึกถึงตอนที่อยากจะจูบเอม แต่ตัดสินใจไม่จูบ
ทั้งคู่มองหน้ากันต่างคนต่างเขินๆ
เคนกินข้าวต้มจนหมดชาม
“คุณจะนอนพักก่อนก็ได้นะ ฉันจะต้องออกไปทำงาน”
“ครับ” เคนล้มตัวลงนอนท่าทางอ่อนเพลีย
เอมมองเป็นห่วง “เดี๋ยวฉันรีบไปรีบมาก็แล้วกัน”
ทันทีที่เอมพ้นตัวไป เคนก็กระเด้งขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ
มือถือเคนดังขึ้น เป็นแดนโทร.มา
เคนเดินคุยโทรศัพท์กับแดนมาที่ท่าน้ำริมคลองด้านหลังบ้านสวนของเอมิกา
“คุณน้ารอนกลับไปที่คอนโดนั้น แต่ก็ไม่ยอมให้พวกมึงตามไปแบบนี้มันชักน่าสงสัยว่ะ”
เคนเริ่มกังวล
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูจัดการเรื่องทางนี้ก่อน แล้วกูจะจัดการเรื่องคุณน้ารอนเอง” เคนวางสายแต่กังวลไม่คลาย “หวังว่าคุณน้ารอนคงไม่ได้แอบไปหายายม่อนนะ”
เสียงเด็กๆ วิ่งมาที่ท่าน้ำ แล้วก็กระโดดน้ำตูมใหญ่ น้ำกระเด็นมาโดนเคน
“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ยไอ้หนู”
“กล้าโดดปะล่ะลุง” เด็กทะโมนหนึ่งในนั้นเรียกลุง
เคนขึ้น “หนอย ลุงเลยเหรอ”
ไม่นานต่อมา เคนเปลี่ยนมาใส่กางเกงบ๊อกเซอร์เตรียมโดดน้ำแข่งกับเด็กๆ
“มาแข่งกัน ใครโดดน้ำแตกกระจายกว่า คนนั้นชนะ”
“กลัวที่ไหนลุง จัดมาเลย”
เด็กๆ กระโดดน้ำอย่างสนุกสนาน เคนโดดตามไปตูมใหญ่ น้ำกระจายอย่างแรง
“เยส...เยส เห็นรึยังว่าใครเจ๋งกว่ากัน”
เคนกับเด็กๆ โดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน เคนนั้นสนุกจนลืมเอมไปเลย กระทั่งเอมกลับเข้ามาเห็น
“คุณเคน ไหนว่าไม่สบายไง”
เคนชะงัก
“อ้าวคุณเอม ไหนบอกว่าไปทำงานไง”
“ฉันเป็นห่วงคุณ ก็เลยขอเลื่อนงานออกไปก่อน แต่ฉันคงไม่ต้องห่วงแล้วละมั้ง”
เอมเดินหุนหันหนีไปอย่างโกรธขึ้ง
“คุณเอม”
เคนหน้าเสียที่ถูกเอมจับได้ว่าป่วยการเมืองและโกรธอีกจนได้
วันต่อมา เคนเดินเข้ามานั่งในออฟฟิศแดนด้วยสีหน้าระรื่น เหมือนไม่แคร์อะไรที่ทะเลาะกับเอมมา กอล์ฟ แดน ป้อง รู้เรื่องนั่งจ้องหน้าเคน
“ไอ้กอล์ฟ”
กอล์ฟบอกทันที “กูไม่ช่วย”
“กูยังไม่ทันพูดอะไรเลย”
“ก็ถ้ามึงจะให้กูช่วยเรื่องคุณเอม กูบอกเลยว่า ไม่ ไม่ ไม่”
“ย้ำหนักถึงสามครั้ง ไอ้คนไร้น้ำใจ” เคนหมั่นไส้
“ก็ถ้ามึงเลิกใช้แผน A ถึง Z แผนหายนะของมึงบ้าง ก็คงจะดีนะไอ้เคน”
“มันเป็นสไตล์”
“กูว่ามึงโทร.ไปขอโทษคุณเอมดีกว่ามั้ย” กอล์ฟบอก
“เขาไม่รับ”
แดน กะ ป้องรู้ทัน “อ๋อ โทร.แล้วด้วย”
เคนทำฟอร์ม “กูก็แค่โทร.ไปให้โอกาสคุณเอม ได้ขอคืนดีกับกูต่างหาก”
เห็นเคนฟอร์มจัด กอล์ฟรำคาญเต็มกลืนจะเดินออกไป
“มึงจะไปไหน”
“วันนี้กูมีงานกับคุณมิ้น เชิญคุณเคนคนเก่งหาทางง้อคุณเอมเองก็แล้วกันครับ อ้อ เห็นว่าคุณเอมเขาเริ่มงานคอลเล็กชั่นใหม่แล้ว ขอให้มึงตามเจอก็แล้วกันนะ”
กอล์ฟเดินออกไปเลย เคนมองตาม จริงๆ อยากให้กอล์ฟช่วย แต่พอหันมาเห็นว่าแดนกับป้องจ้องจับผิดอยู่ ก็เลยทำเชิดต่อ
“งานที่พ่อกูให้พวกมึงจัดการเรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อย กูเตรียมพร้อมทั้งงานแถลงข่าว ทำสกู๊ป แล้วก็ช่างภาพ” แดนบอก
“ดี กู นายกวิน สิทธิ์ศักดิ์ มีงานให้ทำมากมาย ไม่มีเวลามาวิ่งตามใครหรอกเว้ย”
เคนทำเชิดจนคอตั้ง แดนกับป้องมองหน้ากันขำๆ อาการของเคน
เอมกับรอนนั่งซึมอยู่คนละด้านของศาลาท่าน้ำริมสระบัว
เอมนึกถึงตอนใกล้ชิดกับเคน และตอนที่กลับมาเห็นเคนเล่นน้ำกับเด็กๆ ทำให้รู้ว่าเคนว่ายน้ำเป็น
รอนนึกถึงที่บิ๊กบอกให้ไปเลิกกับเมียเพื่อรับผิดชอบม่อน พ่อลูกถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกัน มองหน้ากัน
“วันนี้ไม่ออกไปทำงานที่ไหนเหรอลูก”
“พรุ่งนี้ถึงจะไปค่ะ คุณพ่อล่ะคะ ไม่ต้องไปเฝ้าท่านพระครูที่วัดเหรอคะ”
“ท่านให้ปริศนาธรรมพ่อมาใคร่ครวญ พ่อว่าจะคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยไป”
พ่อลูกต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีอะไรคุยกันต่อ
รอนกับเอมนั่งเหม่ออีก แล้วก็ถอนหายใจพร้อมๆ กันอีก
มุมหนึ่งในสวนสาธารณะที่เซ็ตเป็นมุมอีเว้นท์เล็กๆ ให้คนที่เดินผ่านไปมา ทดสอบล้างหน้าให้คู่รัก
ด้วยเจลล้างหน้าที่กอล์ฟเป็นพรีเซ็นเตอร์ มิ้นทำหน้าที่เป็นเอ็มซีงานนี้
“สาวๆ ที่อยากจะให้คุณแฟนหล่อใสแบบแมนๆ แบบคุณกอล์ฟพรีเซ็นเตอร์ของเรา ก็เข้ามาทดสอบประสิทธิ์ภาพเจลล้างหน้าของเราได้เลยนะคะ”
หนุ่มสาวในสวนสาธารณะ เริ่มเข้ามาดูด้วยความสนใจ
คุณซัมเมอร์กระซิบกับมิ้น “สงสัยต้องสาธิตนำร่องก่อนมั้งคะน้องมิ้น”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวให้น้องๆ พริตตี้ล้างหน้าให้คุณกอล์ฟนะคะ”
“น้องมิ้นเองดีกว่าค่ะ” ซัมเมอร์บอก
มิ้นกับกอล์ฟมองหน้ากัน
“สวยหล่อทั้งคู่ ฟินดีออกค่ะ” ซัมเมอร์ว่า
กอล์ฟกระซิบมิ้นว่า “ผมก็อยากให้คุณมิ้นล้างหน้าให้นะครับ”
มิ้นยิ้มเขินๆ “ก็ได้ค่ะ”
กอล์ฟกับมิ้นเดินไปที่มุมสาธิต มิ้นค่อยๆ เอามือถูเจลล้างหน้าบนหน้ากอล์ฟอย่างนุ่มนวล กอล์มองจ้องหน้า มิ้นเขินไม่กล้าสู้ตากอล์ฟ
กอล์ฟหันไปยิ้มให้คนที่มาดูการสาธิต ทั้งที่ยังมีเจลอยู่เต็มหน้า แต่ว่ากลับดูน่ารักจัด มิ้นลอบมองกอล์ฟ เห็นสาวๆ ในงานมองปลื้มๆ เขายกใหญ่
สาว1ถึงกับเพ้อ “อยากพากลับไปล้างให้ที่บ้านจังเลยค่ะ”
กอล์ฟยิ้มสุภาพ มิ้นยิ้มให้สาวๆ แต่จัดการล้างหน้าให้กอล์ฟต่อ แล้วมองหน้าสาวๆ ประมาณ ทุกคนหมดสิทธิ์เอากอล์ฟกลับไป
เวลาผ่านไปสักระยะ กอล์ฟสาธิตเสร็จ มีสาวๆ เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยแน่นไปหมด ซัมเมอร์เอามือถือเข้ามาหามิ้น
“โลกโซเชียลนี่มันมีพลังและรวดเร็วมว๊าก”
ซัมเมอร์เอามือถือให้มิ้นดู เห็นว่ามีสาวๆ เอารูปกอล์ฟไปโพสต์ทั้งในเฟจบุค ในไอจีกันใหญ่
มิ้นดูรูปเหล่านั้น เห็นว่าแต่ละรูปกอล์ฟดูสุภาพ น่ารัก แล้วมิ้นก็หันไปมองสาวๆ ที่ห้อมล้อมกอล์ฟ เริ่มวิตกกังวล กอล์ฟหันมายิ้มให้มิ้น เธอยิ้มตอบแต่อดหวงกอล์ฟไม่ได้
ที่คอนโด ค่ำนั้น นาตาลีนั่งไล่ดูไอจี ที่สาวๆ โพสต์ถึงกอล์ฟ
“ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าคุณกอล์ฟน่ารัก ถ้าไม่รีบรัก คนที่พร้อมจะรักคุณกอล์ฟมีอยู่ เต๊มมมมม ไปหมด นะคะคู๊ณณณ”
“รู้แล้วน่า”
เห็นมิ้นหน้าหงิก นาตาลีเดาออกทันทีว่าต้องมาจากโพสต์อะไรสักอย่างแน่ นาตาลีเอามือถือมิ้นไปดู
“โอมายก๊อด ไวมว๊าก ถึงขั้นมีเพจตำรวจหล่อบอกต่อเลยเหรอ” นาตาลีอ่านเสียงดัง “ไปหาประวัติคุณกอล์ฟมาจากไหนกันเนี่ยเร็วมากค่ะคุ๊ณ
มิ้นชักสีหน้าเซ็งๆ
“ไม่เป็นไรน่า ถ้าเธอจะกินเด็กในสังกัด ก็ไม่มีใครว่าหรอกน่า”
“บ้า”
นาตาลีมองหน้ามิ้น รู้แล้วว่ามิ้นคิดมากกว่านั้น
“อย่าบอกนะว่าเธอเริ่มกลัวว่าถ้าคุณกอล์ฟดัง แล้ว จะทำให้เธอกับเขาห่างกัน”
มิ้นนิ่ง นาตาลีรู้ว่าอีกฝ่ายคิดแบบนั้นจริงๆ
“โอ้แม่เจ้า อย่าเพิ่งคิดมากน่า แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปงานแถลงข่าวและถ่ายแบบกับการกุศลกับฉันมั้ย”
“ไม่อ่ะ พรุ่งนี้ฉันมีโรดโชว์กับคุณกอล์ฟ”
นาตาลีมองจับผิด “อ๋อ ไปเฝ้าคุณกอล์ฟ”
“ช่าย...เอ๊ย ไม่ใช่ย่ะ มันเป็นเรื่องของงานค่ะคุ๊ณณ”
สีหน้ามิ้นบ่งบอกว่าแอบหวงกอล์ฟหนักมาก
วันต่อมา บรรยากาศเซ็ตถ่ายแฟชั่นแบบง่ายๆ เน้นที่ชุดที่จะถ่ายมากกว่า โดยในงานมีการแถลงข่าว สัมภาษณ์ เพื่อทำสกู๊ปสำหรับโปรโมทในเว็บสำหรับประมูลในโอกาสต่อไป
ตรงแบ็คดร็อปของงานเคนกับณรงค์กำลังยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ที่นั่น
“สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ บริษัทสุขภัณฑ์มีสุขของเรา ยินดีอย่างมากครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานครั้งนี้”
“ทราบว่าการจัดงานครั้งนี้คุณเคนช่วยดูแลในส่วนของการผลิต และการประมูลผ่านเว็บไซต์ทั้งหมด”
“ครับ มีเพื่อนๆ ที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยๆ กันด้วยครับ”
แดน กับ ป้อง ยิ้มรับเอาคำอวยของเคน สองหนุ่มคอยดูแลจัดการการถ่ายทำเก็บภาพสำหรับทำสกู๊ป
สักครู่หนึ่งได้ยินเสียงคนทั้งงานฮือฮา เคนหันไปมองตามเสียง เห็นว่า ชาช่าเข้ามาพร้อมกับแจ๊ด และพราวเข้ามาพร้อมกับทิพย์ สองสาวเดินมาจากคนละด้าน
นักข่าวหันไปรายงานข่าวกับกล้องว่า “สำหรับการถ่ายแฟชั่นการกุศลในครั้งนี้ นางแบบทั้งหมดเป็นดาราและเซเลบคนดัง”
พราวกับชาช่าเดินเข้างานมาเหมือนเดินปะทะกันบนแคทวอล์ค
“และที่น่าจับตามองก็คือ...”
นักข่าวมองไปยัง พราว ชาช่า โพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูปแข่งกัน แล้วรายงานต่อ
“คุณนาตาลี นางแบบคนสวย ที่หยุดงานเดินแบบที่ญี่ปุ่น กลับมาช่วยงานนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ”
นาตาลีเดินเข้างานมามาดเท่ ไม่ได้วางตัวโดดเด่นอะไร แถมไหว้นักข่าว และทุกคนในงานอย่างอ่อนน้อม ทำให้เป็นที่สนใจและชื่นชม
เล่นเอาพราวกับชาช่า มองนาตาลีเหวอทั้งแถบ
แจ๊ดกำกับชาช่า “เชิดไว้ก่อนค่ะ หน้าห้ามเสียทรง ห้ามแสดงความอิจฉาริษยาให้ใครจับได้ ยิ้มเฟคเท่าที่จะเฟคได้ค่ะ”
ชาช่าฝืนยิ้มตามที่แจ๊ดสั่ง ก่อนจะหันไปเจอหน้าพราว ทั้งคู่ก็เชิดใส่กันอีก
“สำหรับดีไซเนอร์เจ้าของคอเล็กชั่นในงานนี้ ทางทีมงานเก็บไว้เป็นไม้เด็ดไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นใคร แต่เราก็กำลังจะได้ทราบกันแล้วค่ะ” นักข่าวจ้อรายงานต่อ
ทีมงานเดินนำหน้าดีไซเนอร์ของงานเข้ามา ทุกคนหันไปดูอยากรู้ว่าเป็นใคร เป็นเอมิกาเดินเข้ามาในงาน มาดเท่ สวย และสง่า
เคนเบิกตาโพลงอย่างตื่นเต้นดีใจที่รู้ว่าดีไซเนอร์ของงานนี้คือ เอม นั่นเอง
พราวกะชาช่าอุทานดังลั่น “นังเอม”
ทุกคนหันมามองหน้าพราวกับชาช่าเชิงตำหนิที่เรียกจิกเอมว่า นังเอม
พราวกะชาช่าเปลี่ยนเสียงทันที “คุณเอม”
เอมิกายิ้มให้ทุกคนในงาน แม้แต่พราวกับชาช่า เว้นเคนที่เธอทำหน้านิ่งๆ ใส่
เคนเจ็บใจบ่นพึมพำ “หลอกกันได้นะคุณเอม”
แดนกับป้องยืนบรีฟงาน อธิบายให้เอมฟัง ถึงประเด็นที่จะสัมภาษณ์ ไว้ทำสกู๊ปข่าว มีทีมงานหญิง กำลังติดไวเลทให้เอมไปด้วย
นาตาลีกับนางแบบอื่นๆ กำลังแต่งหน้าเตรียมตัวกันไป
ส่วนเจ้าสัวณรงค์ปลีกตัวไปนั่งดื่มกาแฟ นั่งดูบรรยากาศเงียบๆ
“เดี๋ยวเราจะขอสัมภาษณ์คุณเอม ถึงคอนเซ็ปต์ของคอลเล็กชั่นนี้ เอาไว้ใส่ในเว็บที่เราจะลงภาพแฟชั่นทั้งหมดเพื่อประมูลนะครับ” แดนบอก
“ได้ค่ะ”
“คุณเอมเตรียมตัวก่อนก็ได้นะครับ อีก 5 นาทีผมจะมาเชิญไปสัมภาษณ์” ป้องบอก
เอมรับเอาคำ หันไปเตรียมตัว
อีกมุมหนึ่ง พราว กับ ชาช่า คอยืดคอยาว ชะเง้อมองหาเคน จนแจ๊ดเข้ามาเรียกชาช่า
“ทีมงานเขาให้ไปแต่งตัวแล้วค่ะ”
“ช่ายังไม่ได้เซย์ฮัลโหลกับเคนเลย”
ทิพย์เข้ามาตามพราว “คุณพราวคะ ทีมงานให้ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วค่ะ”
พราวด่าโดยมองหาเคนอยู่ “แกเห็นมั้ยว่าฉันทำอะไรอยู่”
“เล็งหาผู้ชายอยู่ค่ะ” ทิพย์บอก
“นังทิพย์แกไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิดก็ได้”
ชาช่าหัวเราะเยาะเย้ย พราวหันไปขึงตาใส่
“ก็มองหาเหมือนกันแหละมั้ย”
“ใครเปลี่ยนเสร็จก่อน เขาให้ถ่ายก่อนนะคะ”
พราวกับชาช่ามองหน้ากันแล้วแย่งกันเดินออกไป
เอมเตรียมตัวอยู่ อยู่ๆ ก็ถูกใครคนหนึ่งดึงตัวออกไป
เป็นเคนที่ดึงเอมมาที่มุมหนึ่ง
“คุณเคน ทำบ้าอะไรเนี่ย”
ตรงมุมคอนโทรลเสียง ป้องยืนเช็คความพร้อมอยู่กับทีมงาน
“เดี๋ยวลองขึ้นไวเลทคุณเอมเลยก็ได้ จะได้ให้คุณเอมลองเทสเสียง” ป้องสั่งการ
“ครับพี่”
เคนกับเอมทะเลาะกันอยู่
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว คุณแกล้งหลอกให้ผมเข้าใจผิดว่าคุณจะไปทำงานต่างประเทศ ใช่มั้ย”
จังหวะนี้ ทีมงานเปิดไวเลทของเอม โดยที่เจ้าตัวไม่รู้
“เพ้อเจ้ออะไรของคุณ แต่ความจริง ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน เพราะเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องต่อกัน”
เอมจะเดินหนี เคนจับแขนรั้งไว้
“ไม่มีอะไรงั้นเหรอ แล้วคืนนั้น ที่เราอยู่ด้วยกันทั้งคืน”
ณรงค์กำลังจะจิบกาแฟถึงกับชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเคนที่ดังเข้าไวเลทเอม และดังออกทางลำโพงของงาน
ชาช่า พราว และนาตาลี ที่จะแต่งตัวกันอยู่ต่างก็ชะงัก แจ๊ดกับทิพย์หูผึ่งชะงัก
“เสียงคุณเคน”
“แล้วอยู่กับใครทั้งคืน”
พราว กะ ชาช่านึกได้อุทานพร้อมกัน “นังเอม”
แดน กะป้อง มองหน้ากัน
“ไอ้เคน”
ป้องร้อง “เชรด”
เอมแหวใส่เคนต่อ
“พูดบ้าอะไรของคุณ”
“แล้วคุณก็กอดผม และเราก็นอนด้วยกันจนเช้า”
ณรงค์ได้ยินก็ยิ้มพอใจ เรื่องมันเข้าทางของตนที่จะให้เคนกับเอมแต่งงานกัน ณรงค์วางแก้วกาแฟลงนิ่งฟังต่อ
“ไปให้พ้นนะ ฉันจะทำงาน”
“คืนนั้นผมจูบคุณด้วย”
เอมตกใจพอๆ กับโกรธ “คุณเคน”
“แล้วต้องให้พูดต่อมั้ยว่าผมทำอะไรคุณอีก”
“พอได้แล้วนะ”
“ยังจะพูดอีกมั้ยว่า เราไม่มีอะไรกัน”
เสียงตวาดของณรงค์ดังขึ้น “ไอ้เคน”
เอมกับเคนนิ่งงันกันไป หันไปมองเห็นณรงค์เดินตรงเข้ามาหา
“แกกับหนูเอม...”
พราว กับ ชาช่า วิ่งเข้ามาหาเคน
“นี่มันอะไรกันคะเคน” พราวถามเสียงขุ่น
“เคนทำอะไรนังเอม ช่าไม่ยอมนะ”
นาตาลีตามเข้ามา
“เอมนี่เธอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะนาตาลี”
การที่เอมิกาตกเป็นเป้าสายตาคนทั้งงาน มีณรงค์คนเดียวที่ยิ้มพอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อ่านต่อตอนที่18
#พ่อปลาไหล #thaich8 #โชคดีมีสุข #ฟิล์มยีน #ยีนฟิล์ม #ทีมพ่อปลาไหล #ทีมเอม #lakornonlinefan #ละครออนไลน์ #ลมหายใจคือละคร