ละครซีรีส์ "หมอผี" ตอนที่ 12 บุญเพ็งหีบเหล็ก
พ.ศ.2461
เรือไม้ลำหนึ่งแล่นผ่าสายหมอกเข้ามา ผู้ชายเป็นคนพายเรือมาอย่างช้าๆ บนเรือจะบรรทุกหีบเหล็กใบใหญ่
ต่อมา... เรือลำนั้นจอดนิ่งที่กลางลำคลอง ชายคนนั้นโยนหีบเหล็กแบบโบราณลงคลอง น้ำแตกกระเซ็น ..... หีบเหล็กใบนั้นพุ่งตรงลงมาใต้ลำคลองนันด้วยน้ำหนักของมัน อากาศไหลออกจากช่องว่างของหีบเหล็กกลายเป็นพรายฟองใหญ่น้อย...หีบเหล็กจมลึกลงสู่พื้นน้ำและกระแทกพื้นดินจนตะกอนฝุ่นบดบังทุกสิ่ง
ภายในหีบเหล็กนั้น ปริกหญิงสาววัยกลางคนถูกขังเอาไว้ สีหน้าหล่อนกลัวตายสุดชีวิต น้ำคลองกำลังไหลลอดมาในหีบเหล็ก หล่อนดิ้นสุดกำลัง หวังว่าจะพ้นความตายที่รออยู่ตรงหน้า...ปริกตกใจตอนหีบเหล็กกระแทกพื้น
รถของธีรชัยขับเข้ามาด้วยความเร็ว รถคันนี้ดูก็รู้ว่าเป็นรถของคนรวย มีฐานะ ....ธีรชัยพร้อมกระเป๋าถือแบรนด์เนมและเศกลงจากรถ...เขาเดินไปตามทางที่ไปบ้านคำรณ บรรยากาศในบริเวณนั้นดูลึกลับ ไร้ผู้คน ..เศก มองบรรยากาศรอบๆ
"เฮ้ยเศก เร็วๆหน่อยซิวะ"
"จะรีบอะไร นักหนาวะ" เศกว่า
"ไม่รีบได้ไงวะ ของดีแบบนี้ ใครคว้าไปก่อนเสียดายตายเลยมึง"
"ตกลง มึงชวนกูมาเช่าพระหรืออะไรกันแน่วะ"
"เอาเหอะน่า รับรองของดีแน่นอน น้ำมันผีพรายหรือพระขุนแผนที่ว่าแน่ๆแล้วยังต้องหลบเลย"
เศกเดินตามธีรชัยไปด้วยความงุนงง
ภายในห้องรับแขกบ้านคำรณจะเต็มไปด้วยของเครื่องรางของขลังมากมายราวกับเป็นสำนักทรงเจ้าเข้าผี กร่าง...ชายกลางคนกำลังเจรจากับนคร หนุ่มวัยกลางคนที่ดูดีมีฐานะ
"ของแบบนี้ มันไม่ได้จะหาได้ง่ายๆนะครับ ถ้าเฮียหลุดจากอันนี้ อีกสิบยี่สิบปีจะมีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้" กร่างบอก
นคร ทำท่าครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจว่า จะคุ้มกับเงินที่จะเสียไปหรือเปล่า
นครบอก
"แต่ราคามันแรงไปหน่อยหรือเปล่านะ น้ากร่าง"
"ไม่แรงหรอก ... กว่าอาจารย์น้าจะได้มาก็เสียไปเยอะอยู่ ไหนจะต้องเข้าพิธีสะกด ปลุกเสกอีกตั้งหลายรอบ"
นครไม่แน่ใจ
"ของแท้แน่ๆนะ"
ระหว่างที่นครยังลังเล....
"ลองเปิดให้มันดูข้างในก่อนก็ได้นะไอ้กร่าง"
เสียงคำรณดังมาจากภายในห้องด้านหลังของนายกร่าง เสียงของคำรณนั้นกังวานและเข้มขลัง .... กร่างดูท่าทางจะเกรงกลัวเจ้าของเสียงนั้นมาก เขาปฎิบัติตามในทันที กร่างหยิบเอากล่องเหล็กเก่าๆ ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยปลุกเสกด้านหน้ามาเปิด.....นครตาวาว เขากระเถิบตัวเข้ามาชมของใกล้ๆ ...กร่างหลับตาและบริกรรมคาถาสั้นๆ ก่อนเป่าลงไปยังกล่องเหล็กนั้นก่อนที่จะเปิดมัน ภายในนั้นบรรจุ กะโหลกใบหนึ่งที่เก่าแก่และเต็มไปด้วยอักขระโบราณจารอยู่ ลักษณะพิเศษราวกับเป็นกะโหลกที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์ ลมประหลาดพัดเอาม่านหน้าต่างปลิว ....นครจะเข้าไปสัมผัส
"ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของแบบนี้ ต้องมีคาถากำกับ ขืนจับซี้ซั้ว ชะตาจะขาดไม่รู้ตัว"
"ถ้าผมได้ไปบูชา ผมจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการจริงๆใช่มั๊ย น้ากร่าง" นครถาม
"ทุกสิ่งที่เอ็งต้องการ โดยเฉพาะเรื่องมหาเสน่ห์ เอ็งก็รู้นี่ว่า ท่านจอมขมังเวทย์บุญเพ็งท่านถนัดด้านใด หมอเสน่ห์ยุคใดก็เทียบไม่ได้ ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านยังอยู่ครบ"
นครตาลุกวาวแสดงความอยากได้อย่างชัดเจน
ธีรชัยกับเศกเดินมาถึงหน้าบ้านซึ่งดูลึกลับ ธีรชัยมองเห็นรองเท้าคู่หนึ่งถอดไว้ที่หน้าบ้าน "เวรจริงๆ มีคนมาถึงก่อนจนได้"
"บรรยากาศ มันดูแปลกนะ...แกแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปจริงๆ"
"อย่าปอดแหก ไปหน่อยเลยน่า"
เศกมองเข้าไปในบ้านนั้นด้วยความรู้สึกไม่วางใจ พลันสายตาเขาก็ไปเห็น คำรณซึ่งจ้องเขาอยู่ที่หน้าต่าง คำรณซึ่งมีดวงตาคมกร้าวราวกับมีไฟลุกโชน เพียงแวบเดียวคำรณก็หลบหายไป เศกใจหาย เขาเหมือนถูกสะกด ธีรชัยเดินเข้าไป เศกยังไม่คลายสงสัยกับชายลึกลับที่ดูประหลาด
ภายในห้องรับแขกบ้านคำรณ นครกำลังนับเงินจำนวนมากให้กร่างอยู่
นครบอก
"คราวนี้ ให้สวยระดับนางสาวไทยก็ต้องตกเป็นของนคร คืนนี้ต้องลองของซะแล้ว"
"คาถาที่ให้ไปใช้ อย่าทำหายเสียล่ะ ข้อห้ามต่างๆก็อย่าหลงลืม ไม่งั้นอันตรายจะตกอยู่กับคุณเองนะ"
"ไม่หายแน่นอน น้ากร่าง"
ธีรชัยเดินเข้ามา...เศกเดินตามหลัง
"อ้าว ... ตกลงซื้อขายกันไปแล้วเหรอครับ" ธีรชัยถาม
"คุณก็อยากได้กะโหลกนี้เหมือนกันละซิ เสียใจด้วยนะครับ ช้าไปนิด...ผมจ่ายเงินสดไปแล้ว" นครบอก
ธีรชัยโกรธ
"อาจารย์ทำอย่างนี้ได้ยังไง ก็ไหนตอนอาจารย์โทร.หาผม ก็บอกว่าไม่ได้บอกใครเลย อาจารย์จะเอาเท่าไรผมก็ไม่ต่อสักคำ"
เศกเห็นเพื่อนโมโหและเสียงดังก็ห้ามไว้ .... เศกพยายามมองหาคำรณที่ด้านใน
"ไอ้ธีใจเย็นๆ...เสียงดังไปแล้วนะ"
"มันจะใจเย็นได้ยังไง...ราคาก็คุยกันจบไปแล้ว หรืออาจารย์อยากได้เงินเพิ่มอีก"
"ไอ้กร่าง ... เข้ามาหาข้าหน่อย เอาหัวกะโหลกเข้ามาด้วย" เสียงคำรณบอก
กร่างกุลีกุจอหิ้วกล่องใส่กะโหลกหายเข้าไปในห้องด้านหลัง ธีรชัยเซ็ง เศกมองอย่างสงสัย
"เซ็งชะมัด พลาดได้ยังไงวะ"
กร่างเปิดประตูเข้ามาและรีบปิด
คำรณนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโครงกระดูกของศพที่ยังเห็นรูปร่างชัดเจนว่าเป็นคน....มีเครื่องบวงสรวงอยู่บางส่วน....กร่างเข้ามาด้านหลัง
"ทำยังไงดีครับอาจารย์...ดูท่าว่าคุณธีก็จะไม่ยอมเหมือนกัน"
"ส่งหัวกะโหลกมาให้ข้า"
กร่างส่งกล่องเหล็กที่ใส่หัวกะโหลกให้ คำรณรับมาและเริ่มท่องคาถา ก่อนที่จะหยิบหัวกะโหลกออกมา เขาหยิบยาสั่งออกมาจากย่ามและทายาสั่งไปที่ฟันของหัวกะโหลก โดยที่ยังท่องคาถาอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายนคร ธีรชัย รออยู่ด้านนอกอย่างกระวนกระวาย คำรณเอาหัวกะโหลกลงในกล่องและหันไปหากร่าง
"เอ็งออกไปบอกคุณนครนั้นก็แล้วกัน ว่าข้าไม่ขายให้มันแล้ว ถ้ามันยังอยากได้ให้รอไปก่อน"
"แต่คุณนครให้ราคามากกว่าตั้งเยอะนะครับ"
"ตอนนี้เงินมาก เงินน้อยไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เอ็งออกไปจัดการให้เรียบร้อยได้แล้ว"
กร่างไม่เข้าใจคำรณ แต่ถอยออกจากห้องไป.... คำรณหยิบรูปที่ถ่ายคู่กับอาจารย์วิเศษสมัยยังออกไปภาคสนามด้วยกันมาดู
ในห้องรับแขก กร่างผลักกองเงินคืนให้นคร
"เสียใจด้วยนะครับ อาจารย์ไม่ขายให้คุณแล้ว"
"เฮ้ย ... ยังไงกัน น้ากร่าง แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ เงินผมมีนะ จะเอาเพิ่มก็ยังได้" นครว่า
ธีรชัยแสดงออกว่า ดีใจอย่างชัดเจนที่จะได้ของสำคัญ
"อาจารย์บอกว่าบารมีคุณยังไม่ถึงให้รอต่อไปก่อน เสียใจด้วยนะ คุณธี ... คุณเตรียมเงินมาครบจำนวนใช่มั๊ยครับ"
"เตรียมมาครบเลยครับ"
ธีรชัยเปิดกระเป๋าเอาเงินออกมาวางให้กร่าง
"นับก่อนก็ได้นะครับ" เศกบอก
"เห็นมั๊ย คนมันจะได้ มันก็ต้องได้ ของของเรา ยังไงมันก็เป็นของของเรา"
นครเซ็ง หงุดหงิดและอาฆาต ธีรชัย....นครเก็บเงินใส่กระเป๋าและเดินออกไป กร่างนับเงินของธีรชัย
"ขอผมดูหัวกะโหลกของบุญเพ็งให้เต็มตาซะหน่อยนะครับ"
กร่างผลักกล่องเหล็กที่บรรจุกะโหลกมาให้ธีรชัย....ธีรชัยกับเศกก้มมองหัวกะโหลก
ภายในห้องนอน ตอนกลางคืน อาจารย์วิเศษเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำ มายืนเช็ดผมอยู่ ดารการเห็นแผลด้านหลัง เธอมองมัน
"มองแบบนี้ ทำผมเขินนะ"
ดารการเดินเข้าไปลูบแผลนั้น
"คุณจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้มั้ย ที่เจดีย์ร้างกลางป่าติดกับชายแดนพม่า ...ไอ้ผีป่าตัวนั้น กว่าจะจัดการกับมันได้แทบแย่"
"ยังรู้สึกเจ็บอยู่หรือเปล่าคะ"
วิเศษสั่นหน้ายิ้มแล้วก็ชี้ให้ดูแผลอีกรอย
"นี่ แผลนี้เด็ดสุดๆ ผมยังจำได้ได้ตอนไปสำรวจแม่น้ำโขงกับทีมโบราณคดีใต้น้ำ ... เล่าไปใครจะเชื่อ เงือกที่ใครๆจิตนาการว่าแสนสวย แท้จริงแล้วมันเป็นอสูรกายที่ดุร้าย ฟันเล็กๆ แหลมคม หน้ายังกับคนแก่ เสียดายจับมาไม่ได้"
ดารการฟังเรื่องราวในอดีตของวิเศษแล้วไม่สบายใจ
"นั่นมันตอนหนุ่มๆ ตอนนี้คุณมีครอบครัวแล้ว จะทำอะไรเสี่ยงๆแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะคะ"
"ผมก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่คุณ วันๆผมก็อยู่กับงานวิจัย ไปบรรยายพิเศษ ให้นักศึกษาฟังบ้างก็แค่นั้นเอง"
"ไม่รู้ล่ะ ชั้นแค่ดักคอไว้ก่อน ... คุณมันธรรมดาซะที่ไหน เจออะไรแปลกๆก็อดไม่ได้" ดารกาพูดดักคอแบบรู้นิสัยสามี
วิเศษหัวเราะเบาๆ ก่อนเข้าไปโอบกอดภรรยาไว้
"ผมยังไม่แก่สักหน่อย ยังมีแรงผจญภัยอีกเยอะ คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า"
วิเศษยกตัวดารการขึ้น ดารการร้องโวยวาย
ตอนกลางคืน ในห้องรับแขก เจนกำลังจัดหนังสือลงกล่องกระดาษ ดารการเดินเข้ามาช่วย
"หนังสือดีๆทั้งนั้นเลยนะแม่"
"พ่อเค้าเป็นนักสะสมตัวยง เจอเล่มไหนดีๆซื้อหมด บางทีเรื่องเดียวกันแท้ๆ ยังซื้อทีละสองสามเล่ม"
"พ่อเค้ากลัวหายละมั๊ง เลยซื้อสำรองไว้"
"ขี้ลืมล่ะไม่ว่า ... ซื้อไปแล้วก็ลืม เจออีกก็ซื้ออีก"
"แล้วนี่เราจะเอาของสะสมของพ่อไป....ถ้าพ่อรู้เข้าไม่โวยแย่เหรอ"
"แม่บอกพ่อเขาแล้วว่า จะเอาไปไว้ห้องสมุดของคณะ"
เจนเลือกหนังสือที่ซ้ำๆเล่มลงกล่อง แต่สายตาก็ไปพบกับรูปถ่าย ที่สอดอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่ง เจนหยิบออกมาดู เป็นรูปภาพ อ.วิเศษ กับ ดารการ สมัยยังหนุ่มสาว
"โอ๊ะ ๆ นี่มัน คู่รักดาวกับเดือนในตำนานนี่นา"
"ไหน ดูหน่อยสิ"
เจนส่งรูปให้แม่
"สาวๆแม่นี่ ก็สวยไม่เบาเลยนะ เฮ้อ ... กาลเวลาทำร้ายทุกสิ่งจริงๆเลย"
"หนูชวนออกกำลังกาย....กินคลีน แม่ก็ไม่ทำตามเองนะ"
เจนเจอรูปอีกใบเป็นรูป วิเศษกับคำรณถ่ายบริเวณโบราณสถานในป่า
"โห ... รูปนี้พ่อเท่น่าดูเลย"
ดารการมองผ่านๆ
"น่าจะสมัยพ่อเค้าไปสำรวจโบราณสถาน"
"แล้วนี่ใครคะ แม่"
ดารการมองรูปในมือเจน มองรูปเหมือนมีความหลังกับรูปนั้น
"คำรณ เพื่อนสนิทของพ่อ"
"ทำไมหนูไม่เคยเห็นพ่อพูดถึงเพื่อนคนนี้เลย"
"หนังสือยังอีกเยอะ มาช่วยกันเร็วเข้าเถอะ"
ดารการเฉไฉ เก็บหนังสือลงกล่องกระดาษต่อไป
สมัยที่ทุกคนยังเป็นหนุ่มสาว
ภายในห้องซึ่งดูเข้มขลัง แสงเทียนควันธูปขับให้เทวรูปโบราณและของขลังอื่นในห้องราวกับมีชีวิต คำรณนั่งบริกรรมคาถา โดยมีคัมภีร์โบราณวางไว้ตรงหน้า
วิเศษ คำรณ ดารการยังเป็นนักศึกษา ภายนอกสนามของมหาวิทยาลัยศิลปากร ทั้งสามคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สนามหญ้า วิเศษ จดจ่อกับการอ่านตำราเล่มโต ดารการและคำรณแกล้งใช้ดอกหญ้าปั่นหู วิเศษตกใจ สะดุ้งดูตลกๆ ดารการหัวเราะชอบใจ คำรณซึ่งแอบชอบดารการอยู่ แต่ดารการกลับมีใจให้วิเศษมากกว่า ….
มีภาพบางอย่าง ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือ ภาพคำรณหนีวิเศษและตกหน้าผา และภาพบุญเพ็งถูกตัดคอ
ปัจจุบัน คำรณเร่งบทสวดให้หนักแน่น เสียงสวดของมันน่าเกรงขาม...
ภายในห้องนอน หน้าต่างปิดสนิท เขานอนหลับโดยมีดารการนอนอยู่ข้างๆ ....สีหน้าของวิเศษขณะหลับอยู่ บ่งบอกว่าเขากำลังฝันร้าย
ภาพในฝัน
สัตว์มีพิษเช่น แมงป่อง แมงมุม งู ตะขาบ หน้าผีปีศาจ และใบหน้าอันดุร้ายของคำรณ
วิเศษสะดุ้งตื่น เขาครุ่นคิดและมองที่ดารการ แล้วเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ เขามองกระจกด้วยสีหน้ากังวลใจ
วันใหม่ บ้านธีรชัยซึ่งนิยมสะสมของเก่า
ภายในห้องนอนของธีรชัย
แสงแฟลช จากกล้องถ่ายรูป สว่างวาบเผยให้เห็นร่างของธีรชัยนอนขดอยู่ในตู้เสื้อผ้าลักษณะขาดอากาศหายใจ ตัวบิดเบี้ยวคล้ายถูกหักข้อต่อ ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดอยู่มีสก็อตเทปปิดไว้เพื่อกันไม่ให้อากาศเข้า
พ.ต.ท.ศักดา ยืนมองเจ้าหน้าที่กำลังทำงาน เขาครุ่นคิด เหตุการณ์จำลองในหัว...
ธีรชัย ต่อสู้กับคนร้าย และถูกทำร้ายและยัดเข้าตู้เสื้อผ้า แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และเมื่อพิจารณาถึงเทปที่ปิดอยู่ หรือว่า ... ธีรชัยเดินเข้าตู้เสื้อผ้าไปเอง...ปิดเทป...หักแขนขาตัวเอง พ.ต.ท.ศักดา ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้
ร.ต.ต. ทวีกำลังสอบปากคำแม่บ้านอยู่ แม่บ้านยังอยู่ในสภาพที่ตกใจ
"แน่ใจนะครับ ว่าผู้ตายอยู่คนเดียวในห้อง ไม่ได้มีใครอยู่ด้วย และไม่ได้มีใครเข้าไปหา"
"แน่ใจสิคะ คุณธีแกเพิ่งเลิกกับแฟน และก็ไม่ได้พาใครมานอนด้วยนานแล้ว"
"ครั้งสุดท้ายที่เห็นผู้ตาย ...ผู้ตายกำลังทำอะไรอยู่ครับ"
"ฉันเอาเครื่องดื่มเข้าไปให้ ก็เอาไปให้อย่างทุกๆคืน คุณธีเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยแล้ว"
"เมื่อคืนคุณแม่บ้านได้ยินเสียงผิดปกติอะไรบ้างหรือเปล่าครับ"
แม่บ้านสั่นหน้า....แม่บ้านหันไปหาเศกที่เข้ามาอย่างรีบร้อน
"คุณเศก"
"มันเกิดอะไรขึ้นครับ คุณตำรวจ .....เอ้อ ... ผมเป็นเพื่อนคนตายครับ"
ร.ต.ต.ทวี หันไปมอง
พ.ต.ท.ศักดา ยังคงพิจารณาภายในห้องและตรวจดูข้าวของอย่างละเอียด ร.ต.ต.ทวีพาเศกเข้ามาในห้อง เศกพุ่งเข้าไปที่ศพธีรชัยอย่างตกใจ...พ.ต.ท.ศักดาหันมาเห็นเศก
"เศก"
เศกไม่ได้ฟัง ยืนมองศพธีรชัยอย่างตกใจ...พ.ต.ท.ศักดาเดินเข้ามาหา
"เป็นเพื่อนเธอหรือเศก"
เศกพยักหน้าอย่างเศร้าๆ
ผ่านเวลา ... พ.ต.ท.ศักดาคุยกับเศกอยู่ที่มุมหนึ่ง
"หมายความว่าไงนะ... ก่อนตายเธอกับเพื่อนไปได้หัวกะโหลกมา แล้วเพื่อนเธอเชื่อว่าเป็นหัวกะโหลกโบราณงั้นเหรอ"
"แล้วมันจะเกี่ยวกับการตายยังไงครับ" ทวีถาม
"ผมเชื่อว่าการตายของธีไม่เกี่ยวกับอาถรรพ์ของกะโหลกนั่นครับ คือก่อนธีจะได้กะโหลกนั้นมา มันก็มีคนที่อยากจะได้กระโหลกอันนั้นเหมือนกัน"
พ.ต.ท.ศักดาถาม
"เธอคิดว่าเป็นการชิงทรัพย์แล้วอำพรางศพยังงั้นหรือ"
"ผมแค่คิดเล่นๆนะครับ อีกอย่างพวกเราไม่พบกะโหลกบุญเพ็งเลยใช่มั๊ยครับ"
"ค้นจนทั่วแล้วก็ยังหาไม่พบครับ" ทวีบอก
"ว่าแต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เจ้าของเดิมอาจจะอยากได้กลับ หรือชายคนที่อยากได้คนนั้นเป็นคนลงมือ"
"ถ้าอย่างนั้นท่านรองไปกับผม จะได้ไปดูว่าใครที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง"
ในสำนักงานหมอผี
ภาพบนหน้าจอโปรเจคเตอร์จะเป็นภาพอุปกรณ์ของอาถรรพ์ในลัทธิวูดู
วิเศษอธิบาย
"วูดูเป็นลัทธิดั้งเดิมที่สอนให้เชื่อเรื่องเวทย์มนต์และพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ บางคนเรียกว่าลัทธิหมอผี กำเนิดที่แอฟริกาและกระจายไปทั่วโลก ลัทธินี้จะมีการปลุกวิญญาณคนตายมาเป็นทาสรับใช้ ที่สำคัญคือไม่ได้เป็นความเชื่อที่มีแต่ข้อเสีย แต่ยังมีอิทธิพลต่อความคิด ขนบประเพณี และการดำเนินชีวิตของชาวแอฟริกันหลายเผ่า"
"คล้ายๆกับของชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือของเราเหมือนกันนะครับ" อาคมบอก
อาจารย์วิเศษดูไม่ค่อยสบาย
"พวกลัทธิวูดูจะทำร้ายเหยื่อด้วยการสาบแช่ง เหยื่อจะตาย เพราะอาการตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างรุนแรง" รัตติกาลบอก
จอนนี่บอก
"การวางยาพิษก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่วูดูชำนาญนะครับ เหมือนยาสั่งแบบบ้านเรา"
มหาเนิร์ดถาม
"อาจารย์ เป็นไรหรือเปล่าครับ หน้าซีดๆ"
วิเศษสลัดความกังวล
"ไม่มีอะไรหรอก เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยมึนหัวนิดหน่อย"
รัตติกาลเลื่อนภาพหน้าจอเป็นรูปน่ากลัวต่างของลัทธิวูดู อาทิ ของบูชายันต์ ตุ๊กตาสาปแช่งเสียบเข็ม
เบื้องหลังการตายของธีรชัย
คืนนั้น โจรในชุดปิดบังใบหน้ามิดชิดแบบมืออาชีพ ปีนข้ามรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน...ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในตัวบ้าน
โจรงัดประตู แม่บ้านดูโทรทัศน์อยู่คนเดียว โจรมองหาของที่จะมาขโมย...ย่องขึ้นไปชั้น 2
โจรเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนอย่างเงียบกริบ...ภายในห้องยังคงเปิดไฟหัวเตียงอยู่ โทรทัศน์เครื่องใหญ่ยังคงเปิดอยู่...โจรดึงมีดพกออกมาเตรียมพร้อม...โจรมองหาว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง โจรเปิดเข้าไปในห้องน้ำอย่างระมัดระวัง...หันกลับมามองหาสิ่งของที่ต้องการ...โจรมองเห็นกล่องใส่กะโหลกบุญเพ็งตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง...โจรเปิดรูปถ่ายในโทรศัพท์เพื่อเปรียบเทียบดูว่า ใช่ใบเดียวกันหรือเปล่า....
นครยืนคุยกับโจรริมสระน้ำ ภายในบ้าน นครถือกล่องใส่กะโหลกอยู่
"แกแน่ใจนะว่าไม่ทิ้งร่องรอยอะไร ให้ตำรวจตามกลิ่นมาถึงข้าได้"
"ไม่อย่างแน่นอนครับ...เป็นงานที่ง่ายมากที่สุด"
"ทำไมงานง่ายๆ แต่ฉันยังต้องจ่ายหนักเหมือนเดิม"
"เพื่อคุณภาพที่ได้มาตรฐานอย่างไงล่ะครับ"
โจรเดินออกไปพร้อมซองใส่เงิน นครสีหน้าดีใจที่ได้กะโหลกบุญเพ็งมาครอบครอง... นครเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมสระ เปิดกล่องยกหัวกะโหลกบุญเพ็งออกมามองอย่างมีความสุข เขาพิจารณากะโหลกบุญเพ็งอย่างพอใจ เขาวางกะโหลกบุญเพ็งก่อนจะเดินไปที่สระน้ำ ถอดเสื้อคลุมและกระโดดลงสระ ว่ายน้ำด้วยความสบายใจ ......กะโหลกบุญเพ็งรอยจารอักขระเคลื่อนไหวและเปล่งแสงได้ นครว่ายน้ำโดยที่ไม่รู้ตัวว่า บางสิ่งกำลังรอจังหวะที่จะสังหารเขา
เวลากลางคืน
ภายนอกทางเดินผ่านวัดเข้าสู่ชุมชนที่ดูเก่าแก่ บ้านไม่เก่าโทรม ไร้ผู้คน แมกไม้ร่มครึ้มสร้างให้บรรยากาศแถวนั้นดูน่ากลัว เศกเดินมาหยุดที่หน้ากุฎิไม้ที่เคยมากับธีรชัย
"ธีรชัยได้กะโหลกบุญเพ็งจาก ที่นี่แหล่ะครับ" เศกบอก
พ.ต.ท.ศักดาบอก
"เหมือนซ่องโจรมากกว่าจะเป็นที่ขายของโบราณนะ"
ทั้งหมดมองขึ้นไปยังเรือนไม้เก่าๆ แสงไฟสลัวบอกว่ายังมีคนอยู่
ผ่านเวลา ทั้งหมดนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก กร่างเขียนแผนที่บ้านนครให้ศักดาอยู่
พ.ต.ท.ศักดาถาม
"ชั้นถามนายจริงๆเถอะนะ เรื่องกะโหลกบุญเพ็ง แกสร้างเรื่องต้มคนหรือเปล่า"
"โอย ... คุณตำรวจพูดแบบนี้ ผมเสียหายนะครับ ผมค้าขายมานาน ไม่เคยมีประวัติย้อมแมว"
"แล้วคุณได้หัวกะโหลกมายังไง" เศกถาม
กร่างอึกอัก
"อาจารย์ผมเขาไม่ธรรมดา ... ของแบบนั้นแกหาได้ไม่ยากหรอก"
"แล้วอาจารย์แกไปไหนเสียล่ะ" ศักดาถาม
ทวีโผล่ออกมาจากในห้องของคำรณ
"ค้นทั่วแล้วครับ ไม่พบอะไรผิดกฎหมาย"
"ผมมันคนดี จะไปมีของผิดกฎหมายได้ยังไงกัน คุณตำรวจ เอ้านี่ แผนที่บ้านคุณนคร ... ถ้าหลงทางก็โทร.มาถามผมได้นะ ผมยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ"
กร่างตอบแบบกวนโทสะ....พ.ต.ท.ศักดา เก็บอารมณ์และรับเอาแผนที่จากกร่าง
ภายในรถ พ.ต.ท.ศักดา หมวดทวีเป็นคนขับนั่งหน้ากับเศก ศักดานั่งด้านหลัง...
"นั้นเหรอคนขายของเก่า...ลักษณะท่าทางไม่ใช่เลยจริงๆ"
เศกบอกทวีก่อน
"ออกไปทางห้าแยกปากเกร็ดนะครับ" แล้วหันไปทางศักดา "ไม่ใช่คนนี้หรอกครับ...คนนี้แค่ลูกศิษย์"
"แล้วเพื่อนเศกมาเจอของแบบนี้ได้ยังไง"
"ธีรชัยเพื่อนผมมันสะสมของเก่า ของโบราณ พวกวงการเวลามีอะไรดีๆก็มักจะบอกมันก่อน ...เงินมันเยอะด้วย วันที่มาเอากะโหลกนั่น มันก็เลยชวนผมมาเป็นเพื่อนด้วย"
รถวิ่งไปตามถนนยามค่ำคืน
ภายในสำนักงานหมอผี เวลาเดียวกัน
ภายในห้องไฟดับหมด คงมีเพียงแสงสว่างจากโปรเจคเตอร์ที่ยังสว่าง ภาพลัทธิวูดูที่ดูน่ากลัว แสงไฟจากจอ ส่องให้เห็น วิเศษนั่งจ้องภาพเหล่านั้นราวกับถูกสะกด จู่ๆ เสียงสวดประหลาดก็ดังเข้ามา วิเศษเหมือนถูกสะกด ภาพบนจอเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เขากำลังต่อสู้กับมายาเหล่านั้นอย่างที่สุด หายใจเข้าออกอย่างมีจังหวะคงที่ คล้ายกับนักบวชที่กำลังเข้ากรรมฐาน ภาพหลอนต่างๆลอยเข้ามาเหมือนจะทำร้าย แต่เขากลับนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ภายในสถานที่ซึ่งดูน่ากลัวราวกับห้องลับในโบราณสถาน คำรณกำลังบริกรรมคาถาอย่างหนักหน่วง ในมือของคำรณมีคัมภีร์โบราณ ดวงตาของมันสีแดงฉานราวปีศาจ แสงไฟจากเทียนตวัดลามเลียหน้ามันสร้างความน่ากลัว
วิเศษต่อสู้กับมายาหลอนอย่างไม่สะทกสะท้าน เขารวมพลังทั้งหมดและกดรีโมทปิดภาพที่หน้าจอดับลง มายาต่างสลายรวมถึงเสียงสวดประหลาด วิเศษเหนื่อยล้าและเกิดข้อสงสัยมากมาย
แสงเทียนถูกลมพัดดับลง คำรณชะงัก เขาอมยิ้มเยือกเย็น คำรณปิดคัมภีร์ สายตาของมันยังมีแผนการที่น่ากลัวซ่อนอยู่
บ้านนคร บริเวณสระน้ำ
ศพของนครซึ่งนอนหน้าคว่ำจมน้ำตายแต่ที่แปลกคือศีรษะถูกรัดไว้ด้วยถุงพลาสติก
เศก ศักดา ทวีปีนรั้วเข้ามาในตัวบ้าน ศักดากับทวีเดินไปที่ประตูบ้าน เศกเดินอ้อมมาทางสระน้ำ.... เห็นศพในสระน้ำ....ตกใจ ตะโกนเรียก
"ท่านรองๆ ทางนี้...อยู่ทางนี้"
เศกกระโดดลงไปในสระพลิกนครหันหน้าขึ้นมาดู....สภาพน่ากลัวมาก...เศกผงะ...ศักดากับทวีวิ่งเข้ามาและมาช่วยเศกเอาศพขึ้นจากน้ำ....
พ.ต.ท.ศักดาเปรย
"มันเกิดอะไรขึ้นอีกวะเนี่ย หมวด โทร.เรียกหน่วยและพิสูจน์หลักฐานมาด้วย"
ร.ต.ต.ทวีโทรศัพท์กลับไปที่หน่วย ศักดามองถุงพลาสติกที่มัดคลุมหัวผู้ตายอย่างสงสัยที่รอยมัด เศก มองไปรอบๆ เห็นหีบเหล็กที่ใส่หัวกะโหลกบุญเพ็งวางอยู่บนโต๊ะ....เศกจำได้...เศกบอก"นั่นไงครับ กล่องที่บรรจุกระโหลกบุญเพ็ง ผมจำได้แม่นเลย"
ทั้งสองรีบเดินไปดู...ไม่มีหัวกระโหลกในหีบเหล็ก
"เอ ... แล้วกะโหลกมันหายไปไหน"
ทั้งสองมองหาหัวกะโหลก...ศักดามองสะดุดอะไรในสระว่ายน้ำ...ชี้ให้เศกดู
"เศก..ดูซิว่าอะไรอยู่ที่ก้นสระ"
เศกนั่งมองไปที่ก้นสระ....เศกมองไม่ถนัด ตัดสินใจกระโดดลงสระและดำลงไปใต้น้ำ...ศักดารออย่างกระวนกระวาย เศกโผล่ขึ้นมาพร้อมชูหัวกระโหลกบุญเพ็งขึ้นมาด้วย พตท.ศักดาและเศกมองหน้ากัน
ต่อมา หมวดทวีขับรถและท่านรองศักดานั่งเบาะหลัง...จะมีเอกสารวางไว้มากมายและที่สำคัญจะมีกล่องใส่กระโหลกบุญเพ็งวางแทรกอยู่
"มันน่าแปลกเหมือนกันนะ กะโหลกผีบุญเพ็ง เข้ามาเกี่ยวพันกับการตายทั้งสองเคสเลย"
หมวดทวีบอก
"ผมว่ามันบังเอิญมากกว่าครับ ไอ้กะโหลกผีอะไรนั่น มันจะไปทำร้ายอะไรใครได้ ของจริงของปลอมก็ยังไม่มีใครรู้เลยครับ"
"ถ้าเป็นของจริงมันไม่ใช่กะโหลกคนธรรมดาๆนะ ทวี"
ทวีหัวเราะเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อ พ.ต.ท.ศักดาดูนาฬิกา ดูเขารีบๆ
"หาทางด่วนขึ้นดีกว่า พอดีผมมีนัดอีกครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวจะไม่ทัน"
"ได้เลยครับหัวหน้า"
รตต.ทวีเปิดไฟขอทางแล้วหมุนพวงมาลัยไปอีกทาง กล่องใส่กะโหลกบุญเพ็งที่เบาะหลังรถ โยกไปตามจังหวะกระแทกของถนน
รถของพ.ต.ท.ศักดาเลี้ยวเข้ามาจอดที่ช่องจอดรถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"ทวี เดี๋ยวผมเก็บของแล้วจะรีบออกไป คุณทำเอกสารคดีนี้และก็ส่งหลักฐานไปเก็บก่อนนะ"
"ครับ หัวหน้า"
ท่านรองศักดารีบเดินเข้าไปยังอาคาร....หมวดทวีเก็บข้าวของและหยิบกล่องกะโหลกบุญเพ็ง เขาอดใจไม่ได้จึงเปิดกล่องออกดู และจู่ๆเหมือนได้ยินเสียงสวดประหลาดดังขึ้น ....
ร.ต.ต.ทวี เดินมาหยิบสายยางที่วางไว้ที่มุมหนึ่ง เขามองจ้องมัน ขณะนี้หมวดทวีถูกควบคุมโดยมนต์สะกด ทำให้เขาเหมือนคนถูกผีเข้า เขาหยิบสายยางขึ้นมามอง
ร.ต.ต.ทวีเอาสายยางสอดเข้าไปที่ปลายท่อไอเสียรถและใช้เทปกาวพันไว้แน่นหนาก่อนเอาสายยางไปที่เสียบที่ประตูรถและเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง สตารท์รถ หยิบเอากะโหลกผีบุญเพ็งมาวางไว้ที่หน้าอกและเอนเบาะนอนราบ...ควันไอเสียอบอวลเต็มรถ สีหน้าของหมวดทวีเริ่มไม่สู้ดีเพราะได้รับควันพิษเข้าไป
พ.ต.ท.ศักดากำลังเก็บเอกสารต่างๆ และเดินออกจากห้องไป
ภายในรถ ทวีเริ่มหายใจติดขัดแน่นหน้าอกและกำลังจะขาดใจตาย....ในมือเขาบีบกะโหลกบุญเพ็งไว้แน่นราวกับกำลังต่อสู้กับมัน
พ.ต.ท.ศักดา ออกจากห้องน้ำและล้างมือเสร็จ สำรวจดูความเรียบร้อยและออกจากห้องน้ำไป
มือของร.ต.ต.ทวีจับที่กระจกเหมือนกำลังดิ้นรนก่อนจะตาย
พ.ต.ท.ศักดากำลังเดินเพื่อไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่มุมหนึ่ง ศักดาได้ยินเสียงรถติดเครื่องอยู่มองหาต้นเสียง....ศักดามองเห็นมือของทวีโผล่ขึ้นมา .ศักดาทิ้งของวิ่งไปที่รถ พยายามจะเปิดประตูแต่ประตูล็อคอยู่ ศักดาจะเห็นทวีใกล้จะหมดอากาศ เขามองหาของแข็งที่จะทุบกระจก....ในที่สุด ศักดาก็ใช้ของแข็งทุบกระจกรถจนแตก
ต่อมา ศักดาเดินอย่างเร่งรีบมาตามทางพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ จนมาถึงร้าน Spirit Seekers ซึ่งจะเป็นร้านหนังสือ... ชั้นบนเป็นสำนักงานของวิเศษและทีมหมอผี....
วิเศษวางมาดกวนรุ่นพี่ที่สนิทสนม ศักดาวางกระเป๋าบนโต๊ะ
"ว่าไงครับ เฮีย ไม่โทร.มาก่อน ดีนะผมไม่มีสอนวันนี้"
"เฮียขอความช่วยเหลือหน่อยวะ"
"วันนี้มาแปลก เฮียจะให้ผมช่วยเรื่องอะไรครับ"
"เรื่องผี"
"เรื่องผี... เฮียทำไมไม่ไปหาหมอผี ผมศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติ"
"เหมือนๆกันนั่นแหล่ะ เอ็งเชี่ยวชาญเรื่องวิญญาณศาสตร์ ค้นหาว่าผีมีจริงหรือไม่ ....ลับหลังใครๆ เขาก็เรียกเอ็งว่า หมอผีทั้งนั้นแหล่ะ ไอ้วิเศษ"
ศักดาหน้าเครียด เปิดกระเป๋าและยกกล่องเหล็กออกมา ศักดาวางกล่องเหล็กบนโต๊ะ เปิดกล่องแล้วหยิบเอาหัวกะโหลกของบุญเพ็งออกมา ศักดาเอาหัวกะโหลกของบุญเพ็ง มาวางบนโต๊ะ อาจารย์วิเศษ มองที่หัวกะโหลกแล้วมองไปที่ศักดาอย่างมีคำถาม
"หัวกะโหลก ที่เชื่อกันว่าเป็นของบุญเพ็งหีบเหล็ก"
"บุญเพ็งหีบเหล็ก"
วิเศษถามอย่างให้แน่ใจ
"เฮีย จะทิ้งหัวของบุญเพ็งเอาไว้กับเอ็งสักระยะหนึ่ง เอ็งกับพวกลองเอาหัวของบุญเพ็งไปทำพิธีกรรมดูก็แล้วกัน เผื่อจะเจออะไรบ้าง"
"วิธีของผมไม่ใช่วิธีทรงเจ้าเข้าผี แต่เป็นวิธีพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์"
"เอาเหอะ จะวิธีไหนก็ได้ ขอให้รู้ว่าไอ้กะโหลกนี้ไม่มีพิษมีภัย"
"ก็จะลองดูครับ"
ศักดาหยิบเอกสารปึกใหญ่ออกมามาวางลงบนโต๊ะ
"นี่เป็นแฟ้มคดีที่เกี่ยวกับการตายของคนสองคน และไฟล์วีดีโอจากกล้องของหมวดทวี"
ศักดาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ วิเศษสงสัยว่าหมวดทวีเป็นอะไร จึงรีบหยิบไฟล์วีดีโอของหมวดทวีใส่คอมพิวเตอร์และรอคอย ภาพของหมวดทวีที่ถูกกล้องบันทึกไว้ตลอดเวลาจนถึงศักดา ทุบกระจก วิเศษหดหู่กับภาพที่เห็น...หยิบภาพนิ่งของอีกสองคดีมาดู
"ต้องระวังตัวหน่อยนะ ท่าทางจะเฮี้ยนไม่ใช่เล่น" ศักดาบอก
"แล้วตอนนี้หมวดทวีเป็นยังไงบ้าง"
"ดีขึ้นแล้ว แต่ให้นอนพักอยู่โรงพยาบาล"
"ผมไม่คิดว่าคนที่ตายไปแล้วเกือบร้อยปีจะมาทำร้ายอะไรใครได้"
"ถึงยังงั้นก็ขอให้ท่านอ.วิเศษ โชคดีก็แล้วกันนะครับ เฮียขอตัวก่อน .... เฮียไม่ถนัดเรื่องผีๆ ซะด้วยสิ"
ศักดาเดินออกไป วิเศษหยิบหัวของบุญเพ็งมาพิจารณาอีกครั้ง เขาหยิบหัวของบุญเพ็งมา พิจารณาดูและรู้สึกประหลาดใจบางอย่าง
ในอดีต สมัยรัชกาลที่ 6 บนเรือนไม้แบบโบราณ บุญเพ็งซึ่งเป็นหนุ่มหน้าตาดี ถือพานขอลาบวชกับ ตาสุก ยายเพียร
วิเศษบอกเล่าความเป็นมา
"บุญเพ็งหีบเหล็กเป็นฉายาของนายบุญเพ็ง เกิดที่ท่าอุเทน นครพนม ในสมัยรัชกาลที่ 6 พ่อเป็นคนจีนแม่เป็นคนลาว เมื่ออายุได้ห้าขวบพ่อแม่ของบุญเพ็งตาย บุญเพ็งก็ได้มาอยู่กับตายายชื่อตาสุกกับยายเพียร เมื่อโตเป็นหนุ่มตาสุกกับยายเพียรก็จับบุญเพ็งบวชที่วัดไผ่เคาะ"
วัดไผ่เคาะ ตอนกลางคืน
พระบุญเพ็งถือตะเกียงเดินเข้ามาในป่าช้า สีหน้ามุ่งมั่น....ผ่านโกดังเก็บผี หมาหอนเกรียว บรรยากาศป่าช้าน่ากลัว ...บุญเพ็งมาหยุดที่กระท่อมเล็กๆกลางป่าช้า ซึ่งนั่นคือบ้านของตาไปล่ผู้เป็นสัปเหร่อ
"ขณะบวชบุญเพ็งกลับไปสนใจด้านไสยศาสตร์เวทมนต์คาถา โดยไปขอเรียนวิชาอาคมกับตาไปล่ สัปเหร่อที่วัด ผู้มีวิชาดีทางกำจัดภูติผีปีศาจและทำเส่น่ห์ยาแฝด"
ภายในห้องประชุมสำนักงานหมอผี ทุกคนนั่งประชุมกันอยู่ วิเศษยืนเล่าประวัติความเป็นมาของบุญเพ็งให้ทุกคนฟัง หีบเหล็กและหัวกะโหลกบุญเพ็งวางอยู่กลางโต๊ะประชุม
"ภายหลังสึกจากพระ บุญเพ็งก็เอาวิชาความรู้ที่เรียนมา เปิดสำนักหมอผีขึ้นมา สำนักหมอผีก็รับสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาชีวิต ทำเสน่ห์ยาแฝด ทำเมตตามหานิยม และรับกำจัดภูตผีปีศาจ"
จอห์นนี่โพล่ง
"คล้ายๆสำนักงานของเรานะเนิร์ด"
รัตติกาลปรามเสียงดุ
"จ้อน"
สำนักหมอผีของบุญเพ็งที่ตั้งอยู่ที่บางลำพู....เป็นบ้านเรือนไทยสภาพกลางเก่ากลางใหม่ รอบๆตัวบ้านปลูกต้นไม้ครึ้ม บรรยากาศเงียบสงบ....ผู้หญิงวัย 35 ปี ท่าทางเป็นผู้ดีมีฐานะ มีเครื่องประดับเต็มตัวเดินเข้ามาในบ้านและเดินขึ้นเรือนไป...จะสวนกับหญิงสาววัยใกล้เคียงกันเดินลงมาจากเรือน....จะเห็นทั้งสองจ้องหน้ากันแบบหึงหวงของรักก่อนจะเดินจากกันไป
"ด้วยที่ว่าบุญเพ็งเป็นคนหน้าตาดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กิริยานอบน้อม ทำให้สำนักหมอผีที่ตั้งขึ้นมาเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิง"
บ้านของบุญเพ็ง จะเป็นห้องโล่งๆ ด้านหนึ่งจะถูกจัดเป็นที่ทำพิธีบวงสรวงบัดพลีตามกรรมวิธีของมนต์ดำ ที่เด่นเป็นประธานก็จะเป็นหัวกะโหลกสีดำที่ถูกขัดเป็นเงาวับวางอยู่เหนือมีดหมอคมกริบ ที่มุมหนึ่งของห้องจะมีหีบเหล็ก 7-8 ใบวางซ้อนกันอยู่ บริเวณที่ใช้เป็นที่นอนจะมีบังตาขั้นอยู่ มีมุ้งกางอยู่ในนั้น บุญเพ็ง จะขัดสมาธินั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา หลับตาพึมพำคาถาอยู่ในลำคอ นุ่งขาวห่มขาวเหมือนจอมขมังเวทย์....สตรี 1 เดินเข้ามาในบ้าน หล่อนรออยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่ส่งเสียงกระแอม บุญเพ็งหันมาทางสตรี 1.... ส่งยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่เห็นแล้วเสียวสันหลังอย่างมาก
"อาจจะเป็นเพราะเดียรฉานวิชาจึงทำให้บุญเพ็งเป็นพวกมักมากในกาม และมีความวิปริตในการเล่นรักกับผู้หญิง อีกทั้งความโลภในทรัพย์สิน จึงทำให้บุญเพ็งเริ่มลงมือฆ่าเหยื่อของเขา ถ้าเหยื่อคนไหนเสียชีวิตระหว่างร่วมรัก บุญเพ็งจะใช้มีดสับศพเป็นท่อนๆ แล้วยัดใส่หีบเหล็กเอาไปทิ้งลงคลองเพื่อทำลายหลักฐาน"
ภาพบุญเพ็งสับมีดตัดศพผู้หญิงเป็นท่อนๆ เลือดกระเด็นตามแรงลงมีดเปื้อนไปทั่ว จากนั้นก็โยนชิ้นส่วนศพลงในหีบเหล็ก
ทุกคนกำลังตั้งใจฟังอาจารย์วิเศษเล่าประวัติของบุญเพ็ง
"ผู้หญิงคนแล้วคนเล่าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกตำรวจก็พยายามสืบหาตัวคนร้าย แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง....."
ชาวบ้านชายกำลังทอดแหลงไปในคลองเพื่อจับปลา...แหถูกทอดออกไปและจมสู่ลำคลอง ชาวบ้านเก็บแหขึ้นมา ว่างเปล่า....ชาวบ้านชายทอดแหอีกครั้ง แต่ดึงไม่ขึ้น....เหมือนแหติดอะไรที่อยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านถอดเสื้อกระโดดลงไปในน้ำ ดำน้ำลงไปยังจุดที่แหติดอยู่ ปรากฏว่าแหติดอยู่กับกล่องเหล็กจำนวนหลายใบ...ที่ถูกทิ้งลงมา ชาวบ้านว่ายขึ้นเหนือน้ำเพื่อสูดอากาศและดำลงไปอีกครั้งหนึ่ง...ชาวบ้านดำลงและเปิดหีบเหล็กเพื่อดูว่าภายในมีอะไร หีบเหล็กถูกเปิด ซากศพนั้นเปื่อยยุ่ย...ชาวบ้านตกใจสุดขีด
ต่อมา ตอนกลางคืนในวันหนึ่ง เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าล้อมบ้านบุญเพ็งไว้เป็นจำนวนมาก บางส่วนค่อยๆย่องขึ้นไปบนบ้านและตรงเข้าไปรวบตัวบุญเพ็งที่นอนอยู่ในมุ้ง...เจ้าหน้าที่มัดบุญเพ็งและนำตัวลงจากบ้านออกไป
"หลังจากเจ้าหน้าที่เที่ยวสืบหาเจ้าของหีบเหล็กทั้งเจ็ดใบ ก็ทำให้รู้ว่าเจ้าของหีบเหล็กก็คือนายบุญเพ็ง เจ้าหน้าที่บ้านเมืองล้อมจับบุญเพ็งได้อย่างละม่อม และก็ตั้งข้อหาฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยม บุญเพ็งได้รับการลงโทษหนักที่สุดคือการประหารชีวิต"
มหาเนิร์ดถาม
"สมัยนั้นโทษประหารชีวิตเป็นการยิงเป้าแล้วใช่มั้ยครับ"
"ยังไม่ใช่ตอนนั้น..ว่ากันว่าบุญเพ็งเป็นนักโทษคนสุดท้าย ที่ถูกประหารด้วยวิธีแบบเก่านั้นก็คือการบั่นคอ"
ทุกคนจ้องไปที่กะโหลกที่วางอยู่กลางโต๊ะประชุม
จอห์นนี่บอก
"ถ้าหัวนี่เป็นของบุญเพ็งก็แสดงว่าขาดออกมาเพราะ ถูกดาบเพชฌฆาตตัด"
"ใช่แล้ว"
จอห์นนี่แสดงอาการอยากรู้อยากเห็น
ณ ลานประหาร หลังวัดภาษี บุญเพ็งถูกมัดไว้ที่หลักประหาร ....
หลวงรัฐยาภิบาลบัญชาให้เริ่มพิธีการประหาร เสียงปี่ชวากับกลองเริ่มบรรเลงเพลง ชาวบ้านมุงดูเป็นจำนวนมาก เพชฌฆาตแต่งตัวด้วยผ้าหยักรั้งสีแดง ใส่เสื้อกั๊กที่มีอักขระอาคม นำมงคลสวมศีรษะ กราบพระ ทำจิตใจให้สงบ แก้มัดผ้าแดง ห่อดาบมัดด้วยสายสิญจน์ ยกขึ้นจรดหน้าผากภาวนาคาถา เพชฌฆาตสองร่ายรำดาบตวัดเฉี่ยว สร้างความหวาดเสียวให้ผู้คน บุญเพ็งทำปากขมุบขมิบบริกรรมคาถา เพชฌฆาตดาบหนึ่งฟันคอ แต่ดาบไม่ระคายผิวเลย ทุกคนแปลกใจ เพชฌฆาตดาบสองเอาดินเหนียวยัดปากบุญเพ็งเพื่อที่ไม่ให้บริกรรมคาถา....และเริ่มรำ เพชฌฆาตดาบหนึ่งลงดาบ...คอขาด หัวกระเด็น เลือดพุ่งกระฉูด...ผู้คนที่มุงดูร้องระงม หัวของบุญเพ็งขาดกลิ้งที่พื้น แต่ปากยังบริกรรมคาถา พลันใบหน้าของบุญเพ็งกลายเป็นใบหน้าของ คำรณในปัจจุบัน
ก่อนจะนำตัวไปประหารชีวิต จะต้องถูกเฆี่ยน 3 ยกๆละ 30 ที รวม 90 ที จัดอาหารคาวหวานมื้อสุดท้ายให้นักโทษกินก่อนประหาร และนิมนต์พระมาเทศน์ให้ฟัง นักโทษประหารถูกจับนั่งมัดกับหลักไม้กางเขนแบบกาจับหลัก
เพชฌฆาตเอาดินเหนียวอุดหู อุดปาก และ ใช้ปูนเคี้ยวหมากแปะไว้ที่ต้นคอนักโทษ เพื่อกำหนดตรงที่จะฟัน จากนั้นเพชฌฆาตดาบสองจะร่ายรำไปมา เพื่อรอจังหวะให้จิตนักโทษสงบ พร้อมกับเพชฌฆาตดาบหนึ่งลงดาบฟันคอทันที
เหมือนหัวกะโหลกบุญเพ็งได้ยินเสียงที่อาจารย์วิเศษพูด
"มีความเชื่อกันว่าคาถาอาคมที่บุญเพ็งบริกรรมในช่วงสุดท้ายของชีวิตนั้น เป็นการสะกดวิญญาณของตัวเองไม่ให้หลุดลอยไปสู่ภพใหม่"
"แล้วอาจารย์เคยได้ยินเรื่องประหลาดๆของผีบุญเพ็งบ้างมั้ยครับ" อาคมถาม
"ก็เคยได้ยินแต่เรื่องที่เล่าต่อๆกันมา ไม่รู้อันไหนจริงไม่จริง"
"แต่ตอนนี้ไอ้กะโหลกนี้มันเกี่ยวข้องกับการตายแปลกๆ 2 ศพแล้วนะครับ" เศกบอก
"พรุ่งนี้คงต้องส่งไปแล็บเพื่อตรวจดูอายุก่อนเป็นลำดับแรก ถ้าผลออกมาอายุไม่กี่ปีก็แสดงว่าเพื่อนพี่เศกถูกหลอกอย่างจัง" มหาเนิร์ดบอก
จอห์นนี่ถาม
"แล้วถ้าผลออกมาว่าเป็นหัวกะโหลกคนเมื่อร้อยปีก่อนล่ะ"
"ก็ต้องเอาตรวจรอยต่อของกระดูกต้นคอว่าหลุดจากตัว เพราะของมีคมหรือตามสภาพอายุ"
"แล้วถ้าตรวจแล้วว่าถูกของมีคมตัดล่ะ"
มหาเนิร์ดบุ้ยไปทางอาจารย์
"ก็ต้องให้อาจารย์เป็นคนจัดการนะซิ"
อาคมถาม
"ซี...จิตสัมผัสของซีเชื่อมโยงกับกะโหลกนี่ได้บ้างมั้ย"
"ไม่เลย....มีแค่ความรู้สึกอย่างเดียว"
จอห์นนี่กับมหาเนิร์ดโพล่งถาม
"รู้สึกยังไง"
"ให้อยู่ห่างๆเข้าไว้"
จอห์นนี่และมหาเนิร์ดเดินออกมาจากร้านหนังสือ...โบกมือลาลุงในร้าน
จอห์นนี่ถาม
"มหาแน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน"
"นายไปเหอะ....วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากนอนเร็ว"
"โอเค...พรุ่งนี้เจอกัน"
จอห์นนี่เดินแยกไปทางหนึ่ง...มหาเนิร์ดเดินไปอีกทางหนึ่ง มหาเนิร์ดชะงักและเปิดเป้ตัวเองดูของข้างใน เขาอารมณ์เสียเหมือนลืมของไว้ข้างบน มหาเนิร์ดเดินกลับเข้าไปในร้านหนังสือ
มหาเนิร์ดเดินเข้ามาในร้านหนังสือ....ลุงเงยหน้ามองแล้วยิ้มๆ
"วันนี้ลืมอะไรอีกละ"
"กุญแจเข้าห้องครับ....ผมว่าหยิบใส่เป้แล้วนะ"
ลุงขำๆเห็นเป็นเรื่องปกติ...มหาเนิร์ดเดินไปยังสำนักงาน
มหาเนิร์ดเปิดประตูเข้ามาในสำนักงาน...เปิดไฟ เดินไปที่โต๊ะทำงานเพื่อหยิบกุญแจห้องพักที่วางแอบอยู่บนโต๊ะ....มหาเนิร์ดเดินกลับไปที่ประตู...
กะโหลกของบุญเพ็งที่วางอยู่ในห้องทำงานของอาจารย์วิเศษสั่นอย่างแรง มหาเนิรด์ชะงัก...เดินเข้าไปดูในห้องอาจารย์วิเศษ....เห็นแสงออกมาจากกล่องเหล็ก เขากล้าๆกลัวๆ....ตัดสินใจเปิดกล่องออกดู.... มหาเนิร์ดถูกสะกดจิตแล้วเคลื่อนไหวแบบไม่รู้สึกตัว วางเป้ไว้ด้านนอก เดินตรงไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์ของเศกมองหาลังขนาดใหญ่ มหาเนิร์ดรื้อของออกจากลัง
กะโหลกบุญเพ็งอักขระที่จารไว้เปล่งแสงและภายในห้องก็เริ่มมีเสียงสวดประหลาด มหาเนิร์ดถูกสะกด ตาแข็งกร้าว
อ่านต่อตอนที่ 13