หมอผี ตอนที่ 5 "กระสือ"
ภายในสถาบันจิตเวชดูสงบร่มรื่น
ผู้บำบัดต่างทำกิจกรรมของตนอย่างปกติตามมุมต่างๆ ตรงมุมทางเดินของอาคาร อาคมยืนคุยอยู่กับหมอ
"ขอบคุณมากนะครับ สำหรับเงินบริจาค ครบรอบปีแล้วสินะครับ เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน"
"แต่สาหรับผมมันนานแสนนานเลยล่ะครับหมอ" อาคมบอก
"คุณอาคมต้องทำใจให้ได้นะครับ ขวัญข้าวเธอไปสงบแล้ว หากจิตคุณยังกังวล วิญญาณเธออาจจะไม่มีความสุขก็ได้นะครับ"
อาคมมองหน้ามองแบบสงสัย
"หมอเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอครับ"
หมอยิ้ม
" เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยเชื่ออะไรที่วิทยาศาตร์พิสูจน์ไม่ได้หรอกครับ แต่พอได้เห็นอะไรมากขึ้น ก็เข้าใจว่า ยังมีอะไรอีกมากมายที่วิทยาศาตร์ยังหาคำตอบให้ไม่ได้"
ใกล้ๆที่สนทนา อาคมเห็นผู้ป่วยจิตเภทคุยคนเดียว หัวเราะคนเดียว บางคนหวาดกลัวจนพยาบาลต้องเข้ามาช่วย รวมถึงอาการอื่นๆ ดูเหมือนพวกเขาอยู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเรามองไม่เห็น
อาคมมองที่ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่ง ทาให้เขานึกไปถึงขวัญข้าว ในจังหวะนั้นเอง เขาก็ละสายตาไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินมาตามทางเดิน อาคมมองอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าจะเจอเธอในสถานที่แห่งนี้
รัตติกาลเดินถือกระเป๋าเครื่องมือผ่านไปตามทางเดิน
หมอมองตามสายตาอาคมที่จ้องมองตามรัตติกาลไป
" รู้จักคุณซีด้วยเหรอครับ"
"หมายถึงรัตติกาลใช่มั้ยครับ พอจะรู้จัก แต่ไม่มากเท่าไหร่ครับหมอ"
" คุณซี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตเพื่อบาบัด เวลาเราพบเคสหนักๆ เรามักจะให้เธอมาเป็นที่ปรึกษาครับ"
อาคมมองรัตติกาลที่เดินหายเข้าไปในอาคาร
ภายในห้องบำบัด สถาบันจิตเวช
หมอหญิงคนหนึ่งส่งแฟ้มให้รัตติกาล เธอเปิดแฟ้มศึกษาดูรายละเอียด
"คุณซี พอจะทราบข้อมูลของเคสนี้บ้างแล้วนะคะ"
"พอจะทราบบ้างแล้วคะ"
" สงสัยจะเจองานหนักซะแล้วล่ะ"
" ภรรยาถูกฆ่าอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตา คงจะช็อคหนักมาก ยังไงซีคงต้องลองดูก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าจะได้อะไรบ้างหรือเปล่า"
" ถ้าเราได้ข้อมูลจากจิตใต้สำนึกผู้ป่วย น่าจะช่วยให้เราหาวิธีบาบัดได้ตรงจุด ยังไงฝาก คุณซีด้วยนะคะ"
"ซี ขอเตรียมอุปกรณ์สักครู่ ก็เริ่มการบำดได้เลยคะ"
หมอหญิงยิ้มพอใจ
เมธาซึ่งนอนอยู่บนเตียง แสงสลัวทำให้เขาดูน่ากลัว
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเปิดประตูห้องแยกเดี่ยว ที่เตียงเมธา เจ้าหน้าที่ช่วยกันปลดสายรัดตัว เมธาแววตาเลื่อนลอยไร้ความหมายที่จะเข้าใจ
หมอหนุ่มและอาคมเดินอยู่ภายในอาคาร
หมอหนุ่มบอก
"เคสของเมธาน่าจะหนักอยู่ มีอาการผวาเห็นคนคอยทำร้าย คอยตามฆ่าตลอดเวลา บางครั้งอาการรุนแรง ควบคุมไม่ได้ อาละวาดหนักจนต้องแยกห้อง"
"แล้วที่รัตติกาล เขาใช้วิธีสะกดจิตบำบัดนี่มันยังไงกันครับ ผมชักสนใจ"
"ถ้าผมจะบอกว่ามันมากกว่าการสะกดจิตธรรมดาๆ ก็จะกลายเป็นพูดเพ้อเจ้อ แต่คุณเชื่อไหม ว่าคนเราสามารถเชื่อมโยงกันทางจิตได้ หากรู้วิธี"
"ที่ผมเคยเจอก็ประมาณเวลาเราคิดถึงใครหรืออยากจะโทร.หาใคร อีกฝั่งหนึ่งก็คิดเหมือนกันและโทร.มาหาเราก่อน อันนี้เจอบ่อยครับ หมอ"
" ที่คุณซีทำก็หลักการเดียวกัน เพียงแต่มันซับซ้อนกว่ากันมาก เดี๋ยวผมจะพาไปดู"
อาคมเดินตามหมอหนุ่มไป
รัตติกาลเปิดน้ำล้างมือ แล้วใช้ผ้าซับมือของเธอ เธอนั่งลงบนเตียง ตรงเบื้องหน้าของเธอ เมธากำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงอีกเตียงหนึ่งข้างๆกัน เมธาพูดคนเดียวเพ้อๆ
"มันอยู่กับผมตลอด มันน่ากลัวมาก ปีศาจร้ายมันจะมาฆ่าผม คุณต้องเชื่อผมนะ มันจะมาฆ่าผม"
รัตติกาลจับมือของเมธาไว้อย่างนุ่มนวล
รัตติกาล เสียงโทนนุ่มนวล
"ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่ข้างๆคุณตลอดเวลา"
มือของรัตติกาลเปิดเครื่องนับจังหวะที่วางอยู่บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเตียงสองเตียง
รัตติกาลค่อยๆเอนตัวลงนอนที่เตียงข้างๆ ในขณะที่มือยังคงจับมือเมธาอยู่
เครื่องนับจังหวะเริ่มทำงาน
หมอหญิงที่นั่งอยู่ที่มุมห้องมองลุ้น เจ้าหน้าที่ชายซึ่งคอยเฝ้าระวังอยู่นอกห้อง
"พาชั้นเข้าไปสิ เราจะเข้าไปด้วยกัน พาชั้นกลับไปวันนั้นอีกครั้ง เมธา"
"วันนั้นผมมีประชุมด่วน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว..."
หมอหนุ่มเข้ามาเงียบๆพร้อมกับอาคม
เมธางึมงำคล้ายกับคนกำลังละเมอ ทั้งคู่ หลับตา นอนอยู่คนละเตียงข้างๆกัน
เครื่องนับจังหวะทำงาน จิตใต้สำนึกเริ่มทำงาน
ในห้องพักของเมธาในคืนนั้น
รัตติกาลเดินตามเมธาเข้ามาในบ้านของเขา แสงที่ปรากฏในภาพจิตใต้สำนึกนั้น ดูเกินจริง ผิดปกติ
เมธาเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำและเริ่มสงสัยว่าทำไมราตรีถึงไม่อยู่ เขาเดินหา
รัตติกาลตามเมธาไป เขาเปิดไฟทางเดิน แต่แสงไฟกระพริบติดๆดับๆ ทำให้บรรยากาศในบ้านน่ากลัวยิ่งขึ้น เมธาหยุดที่หน้าห้องนอน เขาชะงักและเกิดอาการกลัวอย่างกระทันหัน
"มันอยู่ในนั้น"
รัตติกาลค่อยๆเปิดประตูเข้าไป เธอมองไปรอบๆห้อง แล้วผงะเมื่อเห็นเตียงนอนนองไปด้วยเลือดแดงฉาน ผนังกำแพงมีเลือดละเลงไปทั่ว
เมธานิ่งกลัว เขาไม่กล้าเข้าไปในห้อง
รัตติกาลเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆและระมัดระวังตัว เธอเดินไปที่เตียงนอนซึ่งมีผ้าคลุมเปื้อนเลือด ปิดร่างของราตรีไว้ รัตติกาลค่อยเอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมออก
แทบช็อก ! เมื่อร่างของราตรีถูกฆ่าปาดคออย่างโหดเหี้ยม
รัตติกาลมีอาการกระตุกเหมือนหวาดกลัว
เมธาก็เช่นกัน มีอาการกระตุกเกร็งที่ใบหน้า จู่ๆเมธาก็โพล่งขึ้นมาว่า
"มันยังอยู่ มันจะฆ่าทุกคน"
อาคมที่ยืนมองอยู่ด้านนอก เริ่มกังวล
"หมอครับ เธอจะมีอันตรายหรือเปล่า"
"คุณซี ผ่านเรื่องราวแบบนี้มาหลายครั้ง ผมว่าเธอจะต้องทำได้อย่างแน่นอน"
เมธายังพูดซ้ำๆ
"มันยังอยู่ในนี้ มันจะฆ่าเราทุกคน"
รัตติกาลคุมสติตัวเองไม่ให้กลัว เธอค่อยๆก้มไปมองที่ใต้เตียงอย่างระมัดระวัง แต่ใต้เตียงก็ไม่มีอะไร
เธอเดินสำรวจภายในห้อง จนถึงตู้เสื้อผ้า รัตติกาลค่อยๆเปิดมันออกอย่างระวัง ภายในเสื้อผ้าถูกแขวนไว้ เธอมองสำรวจแต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนเธอจะปิดประตู จึงเหลือบไปเห็นรองเท้าเปื้อนเลือดคู่หนึ่ง รัตติกาลชะงักและแหวกเสื้อผ้าที่แขวนไว้ออก แทบช็อก !
เมธาใบหน้าเปื้อนเลือดแสยะยิ้มให้รัตติกาล
รัตติกาลตกใจ ถอยหนี เมธาพุ่งตรงเข้ามาที่รัตติกาล
"แกกล้าดียังไงเข้ามาในนี้ อยากรู้อยากเห็นนักใช่มั๊ย นี่แหล่ะคือตัวตนที่แท้จริงของชั้นไงล่ะ"
เมธาเงื้อขวานฟันมาที่รัตติกาลซึ่งตกใจกลัวสุดขีด
อ่านต่อหน้า 2
หมอผี ตอนที่ 5 "กระสือ" (ต่อ)
รัตติกาลเกร็งข้อมือ ข้อเท้า ขาแขน คอและหน้าอย่างหนัก รัตติกาลกำลังหนีอะไรซักอย่าง สีหน้าของเมธาเกร็งบิดเบี้ยวดูน่ากลัว อาคมตกใจกับอาการของรัตติกาล
"เกิดอะไรขึ้น ผมว่าเราปลุกเธอดีกว่า"
"ไม่ได้ครับ อันตรายมากถ้าเราทำแบบนั้น คุณซีอาจจะได้รับอันตราย"
"แล้วเราต้องทำยังไง ผมว่ามันไม่ดีแล้วนะครับ หมอ"
"ผมไม่รู้วิธีจริงๆ คุณซีแค่บอกพวกเราว่าห้ามปลุกเธอกระทันหัน ต้องปล่อยให้เธอกลับมาด้วยตนเองเท่านั้น"
อาคมร้อนใจอย่างมาก
ใบหน้าของรัตติกาลกระตุกถี่
"อย่า"
อาคมหยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทร.ออกอย่างรวดเร็ว
"อาจารย์วิเศษใช่มั๊ยครับ ผมอาคมนะครับ"
รัตติกาลวิ่งหนีเมธาที่กำลังบ้าคลั่ง เธอกำลังจะวิ่งออกจากประตู แต่พอเปิดประตู เธอเจอเมธาดักหน้าไว้ เมธาจับตัวรัตติกาลแล้วผลักจนเธอล้มลง เมธาเดินเข้ามาใกล้ๆเธอ เขาเอาขวานยกขึ้น
รัตติกาลหลับตา
ทุกสิ่งเงียบไปซักครู่ จากนั้นขวานที่มือเมธาตกลงพื้น
ราตรีซึ่งฟื้นขึ้นมา เธอขวางไม่ให้เมธาทำอะไรรัตติกาล ราตรียืนจ้องหน้าเมธาด้วยความโกรธแค้น
เมธาตกใจกลัวราตรี
"ไอ้สารเลว แกฆ่าชั้น แกจะต้องรับกรรม"
ราตรีหยิบขวานขึ้นมาและเงื้อไปที่เมธา
"อย่า ราตรี ยกโทษให้ชั้นเถิดนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ"
สีหน้าเมธากลัวอย่างสุดขีด
เมธาสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เขาร้องไห้ เขากระชากมือรัตติกาลออก อาละวาดสลับกับอาการหวาดกลัว
"ช่วยด้วยมันจะฆ่าผม อย่าเข้ามาราตรี อย่าทำผม ผมกลัวแล้ว ผมขอโทษราตรี ผมผิดไปแล้ว"
หมอหนุ่ม รีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง
"เอาตัวคนไข้ไปที่ห้องก่อน เร็วเข้า"
เจ้าหน้าที่สองคน และหมอหญิงรีบเข้ามาฉีดยาระงับประสาทให้ เมธาสงบลง เจ้าหน้าที่รีบพาตัวออกไป
รัตติกาลยังคงหลับตานิ่งอยู่ที่เดิม
อาคมเข้าไปหารัตติกาลใกล้ๆด้วยความห่วงใย
รัตติกาลยังคงนอนนิ่งเช่นเดิม จิตสำนึกยังคงทำงานต่อเนื่อง
ราตรีสายตาเป็นมิตร ยืนมองรัตติกาล
"คุณควรรีบกลับไปยังที่ของคุณ มันกำลังจะมาแล้ว"
รัตติกาลสงสัย
"คุณรู้ได้ยังไงว่ามีบางสิ่งติดตามชั้นมา"
ราตรีดูหวาดๆที่จะพูดถึงมัน
"คุณเคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ คุณเคยเจอกับมันในดินแดนที่มืดมิด มันตามคุณมาตลอด มันแค่รอจังหวะที่จะเอาวิญญานของคุณ รีบกลับไปซะ รัตติกาล"
ราตรีพูดเสร็จก็หายไป
รัตติกาลเดินกลับไปที่ประตูเพื่อจะกลับไป แต่ประตูเปิดไม่ออก รัตติกาลเริ่มใจไม่ดี
เงาร่างปีศาจตนหนึ่งจ้องมองเธออยู่ที่หน้าต่าง
รัตติกาลผวา เธอกลัวมันมาก เธอถอยหนีมัน
วิเศษมาถึงห้องบำบัดทางจิต เขาจับชีพจรของรัตติกาลและเอาไฟฉายส่องม่านตาของเธอ
"อาการแบบนี้ไม่ดีเลย ซี คุณได้ยินผมมั๊ย ซี ซี ตามเสียงของผมกลับมานะ"
"รัตติกาลกำลังหลงทางอยู่หรือครับ อาจารย์" อาคมถาม
" ซีไม่น่าจะหลงทางนะ เธอผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะ ผมกลัวว่าเธอกำลังโดนจิตใต้สานึกของตัวเองเล่นงาน"
"หมายความว่ายังไงครับ"
" ซี เธอมีอดีตที่เลวร้ายฝังใจมาตลอดตั้งแต่เด็ก เธออยากจะไถ่บาปความรู้สึกนั้นด้วยการตาย"
วิเศษและอาคมต่างถอนใจ
ในอดีต ... รัตติกาลกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บรรยากาศของบ้านดูวังเวง ค่อนข้างไปทางหดหู่เหมือนไม่มีคนอยู่แถวนั้น มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้ปลิว
เธอมองไปที่บ้านด้วยความเศร้า เธอเดินเข้าไปเปิดประตูรั้ว ทันใดนั้นมีเสียงเด็กร้องไห้ดังออกมา
รัตติกาลตกใจ วิ่งตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ แต่เสียงนั้นก็หายไป...
หลังจากนั้น พ่อและแม่ก็เดินเข้ามาหารัตติกาล ซึ่งโตแล้ว
รัตติกาลสะอื้น
"พ่อ...แม่"
พ่อบอก
"พ่อกับแม่พร้อมแล้วนะ แม่หนูแหล่ะที่แต่งตัวช้า ไปเร็วเข้า เดี๋ยวก็ไม่ทันเวลา"
รัตติกาลน้ำตาไหล
"พ่อหนูไม่อยากไปแล้ว ไม่ต้องไปหรอกนะคะ พ่อ"
ปีศาจตนนั้นยื่นหน้ามาข้างๆรัตติกาล
"เธอเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้หรอก สาวน้อย"
รัตติกาลร้องไห้
วิเศษ อาคม และทุกคนเฝ้ารอการกลับมาของรัตติกาล
"ซี คุณฟังนะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ มันเป็นอุบัติเหตุเข้าใจมั๊ย ซี ซี คุณกลับมาเถอะ ตามเสียงผมกลับมา ซีซี"
อาคมจับชีพจรของรัตติกาล
"ชีพจรเต้นช้าลงกว่าเดิม อาจารย์พอจะมีวิธีอื่นช่วยซีมั๊ยครับ"
" ผมกับซีทดลองกันมาหลายครั้งแล้ว เราค้นพบแค่วิธีให้ซีเดินทางเข้าไปในจิตได้ แต่ยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ผมไม่กล้าเสี่ยง นอกจากรอให้เธอกลับมาเอง"
อาคมนิ่งเมื่อหมดหนทางช่วยซี
รัตติกาลยืนอยู่บนถนนสายเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ด้านข้างมีรถคันหนึ่งสภาพพังยับเยินอยู่
ภาพรัตติกาลในวัยเด็กบอกพ่อ
"พ่อขับเร็วๆหน่อยสิ เดี๋ยวไปไม่ทันลุงซานต้าแจกของ"
"คุณระวัง"
เสียงเบรกรถสนั่น ตามมาด้วยเสียงรถชนโครม
ภาพรัตติกาลตอนโต น้ำตาไหล
"พ่อ แม่"
ปีศาจโผล่มาอีกครั้ง
"เพราะเธอแท้ๆเลย พ่อแม่เธอต้องมารับกรรมแบบนี้ คิดถึงพ่อแม่เธอใช่มั๊ย อยากขอโทษพวกเขาหรือเปล่า ตามชั้นมาสิ ชั้นจะพาเธอไปหาพ่อกับแม่ของเธอ"
รัตติกาลเดินตามปีศาจตนนั้นไปเหมือนถูกมนต์สะกด
อาคมนั่งครุ่นคิด พลันเขาเหลือบไปเห็นกระเป๋าของรัตติกาลซึ่งเปิดอยู่ ในนั้นมันมี musicbox อันเล็กๆ อาคมรีบหยิบมันออกมา เขาไขลานมันแล้วนำไปใกล้ๆรัตติกาล
"รัตติกาล คุณได้ยินมั๊ย รัตติกาล"
วิเศษจับชีพจรของรัตติกาล สีหน้าบ่งบอกว่ามันดีขึ้น
รัตติกาลเดินตามปีศาจตนนั้นไป แต่เสียงเพลงจาก musicbox ก็ลอยเข้ามาพร้อมกับเสียงอาคม
"รัตติกาล คุณได้ยินมั๊ย รัตติกาล"
รัตติกาลหยุดเดิน เธอได้สติกลับคืนมา
ปีศาจหน้าดุร้ายขึ้นทันที
"แกจะกลับไปไม่ได้ พ่อแม่แกรออยู่นะ"
รัตติกาลลังเล
เสียงอาจารย์วิเศษดังเข้ามาในจิตสำนึก
" ซี ซี คุณต้องกลับมานะ ที่นั่นไม่ใช่โลกแห่งความจริง คุณต้องมีสตินะ ซี"
ปีศาจใช้มายาแปลงเป็นร่างของพ่อซี
"ตามพ่อมาสิลูก เราจะได้ไปอยู่ด้วยกัน"
รัตติกาลได้สติ เธอไม่ถูกควบคุมจากปีศาจ
หน้าพ่อเสียงปีศาจบอก
"นังเด็กบ้า แกต้องไปกับชั้น"
ร่างของพ่อรัตติกาลสลายไป
อ่านต่อหน้า 3
หมอผี ตอนที่ 5 "กระสือ" (ต่อ)
รัตติกาลตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอเห็นก็คือหน้าของอาคม ทุกคนในห้องดีใจที่รัตติกาลกลับมาได้
อาคมยิ้มโล่งใจที่ช่วยรัตติกาลได้สำเร็จ วิเศษตบไหล่อาคมด้วยความพึงพอใจ
"อาคม ไหวพริบคุณนี่ใช้ได้จริงๆ"
รัตติกาลนิ่งคิดถึงเรื่องที่เจอมา อาคมส่ง musicboxให้รัตติกาล เธอรับมันไว้ และส่งสายตาขอบคุณอีกครั้งให้อาคม
ผ่านเวลา... ทั้ง 3 คน เดินออกมาจากอาคาร
วิเศษบอก
"ในที่สุดเมธาก็ยอมรับกับตำรวจแล้วว่า เขาเป็นคนลงมือสังหารภรรยาตัวเอง คนสมัยนี้น่ากลัวจริงๆเลย อาคมตอนยังเป็นตำรวจคงเจอคดีแบบนี้บ่อยล่ะสิ"
"ก็พอมีบ้างครับ แปลกนะครับสังคมเจริญขึ้นแต่ศีลธรรมกลับต่ำลง ซี ผมขอถามอะไรสักคุณหน่อยจะได้ไหม"
"ได้สิ"
"คุณมองเห็นภาพเหล่านั้นได้ยังไง"
รัตติกาลยิ้ม
"ถามง่ายแต่ตอบยากจริงๆ ชั้นว่าให้อาจารย์ตอบดีกว่ามั๊ง"
อาคมหันไปทางวิเศษ
" โยนมาทางผมซะงั้น เอาง่ายๆนะ อาคมเวลาคุณฟังวิทยุหรือดูโทรทัศน์ เขาส่งสัญญาณมาทางอากาศคุณมองเห็นมั๊ย… ไม่มีทาง คุณต้องมีตัวรับสัญญาณจึงจะเห็นและได้ยินถูกต้องมั๊ย ซีมีตัวรับสัญญาณนั้น"
"มันคือพลังสัมผัสพิเศษอะไรแบบนั้นใช่มั๊ยครับ"
"ใช่คะ ตั้งแต่เด็ก ชั้นสามารถรับสัญญาณได้หลายรูปแบบ จนกลายเป็นตัวประหลาด เพื่อนๆไม่มีใครคบ กลายเป็นพวกมีปัญหา" รัตติกาลขำๆ "สุดท้ายก็ถูอาจารย์วิเศษจับตัวมาเป็นหนูทดลอง"
" นั่นไง … ผมนี่ร้ายกาจขนาดนั้นเลย สักวันนะ ผมจะขอซีผ่าสมอง ดูสักครั้งว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ถึงมีจิตสัมผัส"
รัตติกาลหัวเราะเบาๆ
มือถือของวิเศษดัง พอเห็นชื่อคนโทร ก็ชะงักไปนิดนึง
" ฮัลโหล ว่าไงคุณ .... อะไรนะ ลงจากเครื่องแล้วเหรอ โอเคคุณ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ"
วิเศษวางสาย รัตติกาลมองหน้าวิเศษแล้วยิ้มๆ รับรู้
" เวลาความสุขของผมหมดลงแล้ว"
รัตติกาลหัวเราะเพราะรู้จักครอบครัวนี้เป็นอย่างดี อาคมมองทั้งสองคนหัวเราะกัน โดยที่เขาไม่เข้าใจว่าคืออะไร
ภายในออฟฟิศหมอผี บนโต๊ะมีขนมของฝากวางไว้
เจนบอก
"เป็นไง ซึ้งใจกันละสิ เจนไปไหนก็คิดถึงทุกคนเสมอแหล่ะ"
"เอาตรงๆนะ ของพวกนี้มีขายที่บ้านเราเต็มไปหมด ไม่เห็นตื่นเต้นเลย"
เจนงอนมหาเนิร์ด
จอนนี่บอก
"มหาเนิร์ดนี่พูดจาไม่เป็นมะละกอเลย เจนเขามีน้ำใจ"
มหาเนิร์ดอึ้ง เจนก็เช่นกัน
"จะบ้าเหรอ จอห์นนี่ สุภาษิตไทยเขาว่า พูดจาไม่เป็นสับประรด มะละกอนั่นมันเอาไว้ทำส้มตา"
เจนปวดหัว
" ไอ้ขี้ฝรั่งนก"
"ไอ้ไม่เป็นสับประรด"
" ปากดี ไปต่อวีซ่ายัง เดี๋ยวจะแจ้ง ตม.มาจับกลับประเทศไปเลย"
" เออ … จริงเกือบลืม พรุ่งนี้ขับรถพาไปหน่อยนะ มหาเนิร์ด"
"เงินมีป่ะ"
ฝรั่งทำหน้าเจื่อนๆ
"มหาเนิร์ดอย่าแกล้งจอห์นนี่สิ เค้าดูออกจะน่าสงสาร"
"ถูกต้องแล้ว เจน ฝรั่งน่าสงสาร ขอยืมตังค์ต่อวีซ่าหน่อย"
"ตลกอีกแระ ไปขอพ่อเองเลย"
จอห์นนี่ทาหน้าตาแบ๊วๆน่าสงสาร
"เออ … จอห์นนี่ชั้นมีทีเด็ดจากญี่ปุ่นมาฝาก"
มหาเนิรด์ตาโตทันที
มหาเนิร์ดถาม
"เอวี แม่นบ่"
"อีนี่ก็หมกหมุ่นเกิน ขืนซื้อมาแม่จะได้นึกว่า พ่อฝากซื้อ จะได้โดนบ่นหูชาล่ะสิ"
เจนหยิบเอากระปุกเล็กๆดูขลังๆออกมา
"เอามาให้จอนนี่โดยเฉพาะเลยนะ รับรองได้ผลแน่"
" อะไรครับ เนี่ย กินได้หรือเปล่า"
"กินไม่ได้ แต่ทำให้เห็นผีได้ กว่าจะได้มานะต้องสั่งจองตั้งนาน"
มหาเนิรด์ถามอยากรู้
"มันคืออะไรอ่ะ"
"นี่เลย แต้น แตน แต๊น ดินปากหลุมจากป่ามรณะ อาโอกิงาฮาระ ไงล่ะ เจ๋งป่ะล่ะ"
จอห์นนี่บอก
"เฮ้ย นั่นมันสถานที่ ที่มีคนมาฆ่าตัวตาย มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกเลยนะ อาถรรพ์ที่สุด"
ฝรั่งชอบใจ
"ร้องเป็นเด็กได้ของเล่นเลย ไอ้ฝรั่งบ้าผี"
"ขอลองเลยนะเจน จอห์นนี่เห็นผีมาแล้วค่อนโลก คราวนี้จะได้เห็นผีไทยซักที มาอยู่เมืองไทยตั้งนานไม่เคยเจอผีเลย ผีไทยนี่เล่นตัวที่สุด 555 จอนห์นี่อยากเจอนางตานี"
จอห์นนี่เปิดกระปุกแล้วเอาดินสีดาทาเปลือกตา
" ระวังๆบ้าง จอห์นนี่ คราวที่แล้วไปเอาดิน 7 ป่าช้ามาลอง ก็ตาแดงไปเป็นอาทิตย์เลยนะ"
"เฮ้ย … ชัวร์ เมดอินเจแปน ของเขาดี ลองเลยๆ"
จอห์นนี่ละเลงเปลือกตาเป็นสีดำอย่างฮา เขาออกมายืนกลางวงแล้วก้มมองลอดขาตัวเอง จอห์นนี่มองไม่เห็นอะไร
" เอ้า ยังไงกัน ไม่เห็นอะไรเลย มันต้องมีคาถากำกับหรือเปล่า เจน"
"คนขายเขาบอกว่าไม่ต้องนี่นา สงสัยทาน้อยไปนะ เอางี้ พวกชั้นช่วยทาให้ดีกว่า มหาเนิร์ดมาช่วยกัน"
" โอเคๆ จอห์นนี่จะได้เลิกมีปมซะที เห็นผีน่ากลัวมาทั่วโลก แต่ไม่เคยเห็นผีไทย ไอ้ฝรั่งบ้าผี"
เจนและมหาเนิร์ดช่วยกันทาหน้าจอห์นนี่ ทั้งคู่แกล้งทาซะหน้าเละเป็นผี
"ลองอีกที คราวนี้หลับตาแล้วทำสมาธิก่อน แล้วค่อยลืมตา ของแบบนี้ อย่าใจร้อน เดี๋ยวของไม่ขลัง ฝรั่งเข้าใจไหม"
" โอเคๆ มีสมาธิจะได้ขลังๆ คราวนี้ฝรั่งเห็นผีชัวร์ๆ"
จอห์นนี่ทาตามที่เจนสั่งทุกประการ
" หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ"
มหาเนิร์ดส่งกระจกให้เจน
"โอเค พร้อมแล้วลืมตา"
จอห์นนี่ลืมตาเจอหน้าตัวเองดำยังกับผี ตกใจล้มลง
" โอย … แกล้งจอห์นนี่ทำไม ไม่เป็นสับประรดเลยจริงๆ"
สองคนหัวเราะชอบใจ ได้แกล้งจอห์นนี่ฝรั่งบ้าผี
อ่านต่อหน้า 4
หมอผี ตอนที่ 5 "กระสือ" (ต่อ)
บรรยากาศแสงไฟยามค่ำคืนของกรุงเทพฯเมืองที่ไม่ยอมหลับไหลแม้ในยามราตรี
รถเศกแล่นไปตามถนน ผ่านร้านเหล้า ผับ บาร์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวนักเที่ยว รัตติกาลนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ สีหน้านิ่งเฉย
เศกขับรถไป คอยสังเกตอาการของรัตติกาลไปด้วย จนเขาเริ่มอึดอัด
"ใกล้ถึงแล้วนะซี ร้านนี้เปิดเพลงดีมาก เพื่อนเราเป็นดีเจอยู่ที่นั่น รับรองซีต้องชอบแน่"
รัตติกาลไม่ตอบอะไร เศกยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถอย่างเดียว
รถเศกวิ่งผ่านไปตามถนน จนมาผ่านร้านๆหนึ่ง ป้ายหน้าร้านชื่อ “MEDUZA”
รัตติกาลจ้องมองไปที่ร้านนั้น เธอรู้สึกแปลกๆ
"เศก พาเราไปที่ร้านนั้นหน่อย"
เศกหันไปมองรัตติกาลแบบงงๆ
"อะไรนะซี"
" เราอยากไปดูที่ร้านนั้นเศก พาเราไปหน่อย"
"โอเคๆ"
เศกรีบเลี้ยวรถกลับแบบงงๆ รัตติกาลสีหน้าครุ่นคิด
บรรยากาศหน้าร้าน MEDUZA ดูเงียบๆ ไม่พลุกพล่าน มีเพียงพนักงานต้อนรับชายและหญิงยืนอยู่อย่างละคน แล้วก็มีการ์ดตัวใหญ่ยืนอยู่ใกล้ๆ
รัตติกาลหยุดยืนมองป้ายร้าน เศกยืนอยู่ข้างหลัง ดูเหมือนไม่อยากจะเข้าไปเท่าไหร่
"เราว่านะซี ที่นี่ไม่ค่อยน่าเที่ยวหรอก ไปร้านที่เราแนะนำดีกว่านะ"
รัตติกาลไม่สนใจคำพูดของเศกเลย เธอเดินเข้าไปที่หน้าผับ เศกต้องรีบเดินตาม
"ซี เดี๋ยวก่อนสิซี ซีๆ"
รัตติกาลจะเดินเข้าไปในคลับ แต่พนักงานต้อนรับชายเข้ามาขวางไว้
พนักงานต้อนรับชายบอก
"ขอโทษนะครับ ที่นี่เป็นคลับวีไอพี เข้าได้เฉพาะลูกค้าผู้ชายที่เป็นเมมเบอร์กับทางร้านครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ"
รัตติกาลมองอย่างหัวเสีย การ์ดร่างใหญ่ขยับตัวมายืนข้างหลังพนักงานต้อนรับชาย รัตติกาลเลยต้องเก็บอาการไว้ พนักงานต้อนรับชายมองเห็นเศกที่พยายามเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ แต่ด้วยรอยสักที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้พนักงานต้อนรับชายจำเศกได้
"อ้าว คุณเศก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ"
เศกทำหน้าเซ็งๆ รัตติกาลหันมองหน้า เศกยิ้มแหยๆ รัตติกาลมองหน้าเศกประมาณว่าให้พาเข้าไป เศกตัดสินใจโอบเอว รัตติกาลตกใจ เศกกระซิบบอกว่าให้อยู่เฉยๆ ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานต้อนรับชาย
"วันนี้ขอเป็นกรณีพิเศษนะ พอดีพาน้องเค้ามาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย"
"ได้เลยครับสำหรับลูกค้าคนสาคัญของเราอย่างคุณเศก เชิญเลยครับ เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทนะครับ"
รัตติกาลหันมาทำหน้าดุใส่เศกที่โอบเอวเธอไม่ยอมปล่อย เศกหันไปกระซิบ
"เฉยๆน่าซี อยากเข้าไปไม่ใช่เหรอ ก็มีวิธีนี้แหละ"
เศกเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้ม แล้วเดินโอบเอวพารัตติกาลเดินเข้าไป การ์ดร่างใหญ่เปิดทางให้ทั้งคู่เดินเข้าไปข้างในร้าน
ในคลับแบบหรูหรา คนไม่ค่อยพลุกพล่าน มีโต๊ะนั่งดื่มกินเป็นมุมๆ ส่วนใหญ่แต่ละโต๊ะจะมีแต่ลูกค้าผู้ชายที่ดูมีเงินมาเที่ยว อาจจะมีบ้างบางโต๊ะ ที่มีผู้หญิงที่แต่งตัวจัดจ้าน
รัตติกาลกับเศกเดินมานั่งที่โต๊ะ เธอมองไปรอบๆร้าน ก่อนจะหันมายิ้มแบบเจ้าเล่ห์ใส่เศก
"ถึงว่า ทำไมไม่อยากให้เข้ามาตั้งแต่แรก ทำไม กลัวรู้ว่าเป็นลูกค้าซูเปอร์วีไอพีหรือไง"
"โธ่ ..ซี เราก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น ที่ไม่อยากให้เข้ามา เพราะเห็นว่าที่นี่มันไม่เหมาะกับซีไง"
"แต่มันเหมาะกับเธอล่ะสิ ถึงได้มาบ่อย"
"ก็ไม่ได้บ่อย ก็แค่เปิดเมมเบอร์ทิ้งไว้เฉยๆ บางทีก็เอาไว้รับรองลูกค้าของบริษัทพ่อเราเท่านั้นเอง"
"ใช่ๆเราลืมไป นายมันลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐี เจ้าของบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด
ของเมืองไทย ต้องมีลูกค้าวีไอพีเยอะสินะ แต่เราก็ไม่เคยเห็นนายเข้าไปทำงานที่บริษัทเลยนะ แล้วไปเจอพวกลูกค้าวีไอพีตอนไหนเหรอ"
"มันก็มีวิธีติดต่อกันทางอื่นได้ไง เอาน่า อย่าไปซีเรียสเลยนะ เออว่าแต่ ซีมีอะไรเหรอ ทำไมถึงดูสนใจที่นี่เป็นพิเศษ"
"เรารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีนักวนเวียนอยู่ที่นี่"
"อะไรล่ะ วิญญาณเหรอ"
"ไม่แน่ใจ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้หรอก"
ทั้งสองคนมองไปรอบๆ คลับ พยายามสังเกตสิ่งผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเพลงเบาลง ซักพัก พิธีกรเดินออกมา พูดไมค์
"ขอต้อนรับสู่บ้านของเหล่านางฟ้า โปรดทิ้งความทุกข์ไว้ข้างนอก ในนี้... ชีวิตมีแต่ความสุข สาวๆสวยๆรอทุกท่านอยู่ และเราขอเสนอสาวๆในชุดแรก เป็นนางฟ้าน้อยๆที่ลงมาจากสวรรค์เพื่อทุกคน"
เสียงกรีดร้องของคนในร้านดังขึ้น ดีเจเปลี่ยนจังหวะดนตรีเป็นเย้ายวน
สปอตไลท์เปิดขึ้น สาวในชุดที่ดูเซ็กซี่เดินออกมา ท่ามกลางเสียงเป่าปากของคนในร้าน ก่อนจะตามมาด้วยคนที่สอง สาวสองคนแรกนี้ ดูมีเสน่ห์ร้อนแรงจัดจ้านด้วยการแต่งตัวและรูปร่าง พอมาถึงสาวคนที่สามที่ค่อยๆเดินออกมา...
นิชา สาวใส แต่งตัวเซ็กซี่ แต่ท่าทางดูเขินๆ พร้อมมีกิฟต์ติดผมดอกเยอบีร่า เธอเอามือบังหน้าเพราะไม่ชินความแรงของแสง...
รัตติกาลมองไปที่ฟลอร์ สาวๆเต้นเร่าร้อน ยั่วยวนชายหนุ่มให้ร้อนรุ่ม แสงไฟเสียงเพลงที่ผสมผสานกัน ณ.ที่แห่งนี้ร้อนแรงราวกับขุมนรก รัตติกาลสะดุดตากับนิชา เธอสังเกต กิฟต์ดอกเยอบีร่าบนหัวของนิชา
ทั้งสามสาวถูกเรียกให้เดินไปหาลูกค้าตามโต๊ะต่างๆ สาวสองคนแรกที่ดูจัดจ้านก็พยายามเอาใจลูกค้า ด้วยการกินเหล้าและดูแลลูกค้า
นิชาหวาดๆ เธอดูขัดขืนเวลาที่ลูกค้าถูกเนื้อถูกตัว นิชาถูกบังคับให้กินเหล้าไปเยอะ จนเธอเริ่มรู้สึกมึน
ลูกค้าชายคนหนึ่งดึงตัวเธอไปเต้นที่ฟลอร์ นิชาเริ่มเมาจนเริ่มทรงตัวไม่อยู่ ลูกค้าชายคนนั้พยายามกอดเธอมากขึ้น นิชาออกแรงสะบัดตัวหนีจนล้มลงไปกับพื้น ลูกค้าชายพยายามจะดึงตัวเธอขึ้นมาอีก นิชาขัดขืน เธอทนไม่ไหวนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น
รัตติกาลซึ่งมองนิชาอยู่ตลอดเวลา ด้วยความสงสาร เธอเดินไปหานิชาแล้วเอาผ้าคลุมไหล่มาคลุมปิดตัวให้นิชา นิชามองหน้ารัตติกาล เศกเดินตามรัตติกาลมา
รัตติกาลจ้องมองนิชา แล้วสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่อยู่ในตัวนิชา
"ขอบคุณคะพี่"
ผู้จัดการร้าน สาวประเภทสอง รีบเดินเข้ามาพยุงนิชาขึ้น แล้วพาเดินกลับเข้าไปหลังร้าน
"ซีโอเคมั้ย" เศกถาม
รัตติกาล สีหน้าครุ่นคิด
หลังร้าน นิชาร้องไห้ สาวประเภทสองเดินเข้ามา
" หนูขอโทษนะพี่ ... หนูทำไม่ได้จริงๆ"
"ไม่เป็นไรนะนิชา ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวก็ชินไปเอง"
นิชายังคงสะอื้นไห้
"พี่คะ วันนี้หนูขอกลับก่อนได้มั้ยคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก นะคะพี่"
ผู้จัดการร้านถอนหายใจ
"โอเค วันนี้กลับไปก่อนก็ได้ แล้วกลับไหวมั้ยล่ะ"
"เดี๋ยวหนูโทร.บอกให้แฟนมารับค่ะ ขอบคุณพี่เมากนะคะ"
นิชายกมือไหว้ ผู้จัดการร้านรับไหว้แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้นิชานั่งอยู่ตามลำพัง
อ่านต่อตอนที่ 6