xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 5

ที่ญี่ปุ่น พัดชานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องพัก กำลังค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ที่หน้าจอเปิดหน้า “สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว” หัวข้อ “กรณีทำหนังสือเดินทางสูญหาย” พัดชาไล่สายตาอ่านเนื้อหามาถึง “เอกสารยื่นประกอบขอทำหนังสือเดินทางใหม่”

“ใบแจ้งความ เคซัทซึโซเม บัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด” พัดชาอ่านแล้วถอนใจเฮือก “เอกสารอีกตั้งหลายอย่าง ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ นับจากวันชำระค่าธรรมเนียม”
พัดชาเลิกอ่านหมดความหวัง
“ไม่มีอะไรสักอย่าง เอกสารสำคัญ เงิน แล้วยังต้องใช้เวลา”
เสียงเดฟเรียกดังเข้ามา “พัดชา”
“ฉันจะทนได้นานสักแค่ไหน” พัดชาตั้งคำถามกับตัวเอง

ส่วนที่กรุงเทพฯ ตรีประดับเดินหนีออกมาจากบ้าน พยสเดินตามมาอธิบายอย่างร้อนรนใจ
บุพชาและอรณามองดูอยู่จากในบ้าน บุพชาเบ้ปากใส่
“เนี่ยเหรอ ว่าที่เมียพี่พยส สวยเหมือนกันนะ” อรณาว่า
“ดูเรียบๆ เย็นๆ ไม่เห็นจะสวยตรงไหน จับนายพยสอยู่ได้ยังไง” บุพชาตั้งแง่
“เค้าก็ดูสวยออก ผมเป๊ะ ชุดปัง โดยเฉพาะกระเป๋า ไถเงินผัวรวมกันสิบคน ณายังซื้อกระเป๋าใบนั้นไม่ได้เลย”
บุพชาตื่นเงิน ตาโตขึ้นมา มองตรีประดับอย่างพิจารณาอีกครั้ง
“มีดีเหรอ แต่ก็ทำเป็นหยิ่ง ไม่ยอมเสวนากับเรา”

ตรีประดับเลี่ยงมาจนพ้นจากสายตาพี่ๆ น้องๆ พยสได้แล้วจึงหยุด พยสพยายามอธิบาย
“ตรีครับ ฟังผมก่อน”
“คุณกลับเข้าไปคุยกับพี่น้องคุณเถอะค่ะ”
“สิ่งที่คุณได้ยิน หรือสิ่งที่พี่น้องผมพูดกันนั้น ผมอธิบายได้”
“ตรีไม่ได้ด่วนตัดสินใครด้วยคำพูดเพียงแรกได้ยินหรอกค่ะ”
พยสแปลกใจอีกครั้ง “แล้วที่คุณเดินออกมานี่...”
“พี่สาวและน้องสาวของคุณ มาหาคุณถึงที่นี่ คงต้องมีอะไรที่ด่วนมาก แล้วท่าทางอึกอักของทั้งคู่ ตรีก็พอจะดูออกว่า น่าจะเป็นเรื่องภายในครอบครัวมากกว่า”
“แต่คุณกำลังจะกลายเป็นครอบครัวของผม ผมอยากให้คุณอยู่ด้วยกัน อยากให้รู้ ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตผม”
“ตรีไม่ได้ปฏิเสธนะคะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะ เชื่อตรีนะคะ กลับไปคุยธุระกับพี่สาวน้องสาวคุณก่อน เดี๋ยวตรีตามเข้าไป”
พยสไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ตรีประดับยิ้มให้พลางรุนหลัง พยสจึงกลับเข้าบ้าน

บุพชาและอรณามองพยสอยู่ สายตาและท่าทางของน้องสาวและพี่สาวทำให้พยสนึกรู้ว่าทั้งสองคนต้องการอะไร
“พี่บุพกับยัยณา มาหาผมไม่ได้มาเพราะจะชมบ้านใหม่”
บุพชาสีหน้าดีขึ้นมาทันที รีบดึงอรณาลุกจากเตียง
“ยัยณา ลุก เตียงนี่ นายยสเค้าจะเก็บไว้เจิม” บุพชาดัดเสียงดีขึ้น “นี่ก็สิ้นเดือนแล้ว”
อรณารีบสอดขอด้วย “ณาจะลงทะเบียน เทอมสุดท้ายแล้ว มีค่าฝึกงานด้วย”
พยสรู้ทัน “เข้าประเด็นเลย คนละเท่าไหร่”
บุพชาและอรณาต่างกระดิกนิ้วตัวเลขที่ต้องการ
พยสเปิดสมุดเช็คเซ็นให้
ระหว่างรอเช็ค บุพชาแหวกม่านหน้าต่างดูตรีประดับอีก
“แฟนแกนี่ถือตัวไม่เบานะ ได้ยินคำแสลงหูนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นทนไม่ได้”
พยสหัวเราะเบาๆ เข้าใจคำพูดตรีประดับปรุโปร่งและนึกขอบคุณคนรัก
“ไม่ใช่หรอก ตรีเขามีมารยาท และเขารู้ว่าผมจะกระอักกระอ่วน ถ้าโดนพี่น้องมาไถเงินต่อหน้า”
บุพชาหมั่นไส้ “หน้าบาง ทำเป็นรับไม่ได้ นี่ ฉันจะบอกให้นะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่แกจะแต่งงานแล้วปลีกวิเวกไปอยู่กันสองคนผัวเมีย แกยังมีพี่น้อง ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาดีพอ เขาก็ต้องรับแกกับโคตรเหง้าสักหลาดของแกได้”
พยสหน้าตึง ปฏิเสธไม่ลง เพราะรู้ว่าพี่น้องจะวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาต่อไป
 
เพียงแต่อดกังวลไม่ได้ว่าตรีประดับจะรับได้มากน้อยแค่ไหน

สามพี่น้องออกจากห้องนอน ลงมาที่ห้องรับแขกชั้นล่าง พอมาถึงต้องแปลกใจ เมื่อเจอตรีประดับรออยู่ในนั้น ยิ้มให้อย่างมีไมตรี

“ขอโทษด้วยนะคะ เมื่อครู่ไม่ได้อยู่คุยด้วย พอดีพยสเขามีของเซอร์ไพรส์พี่บุพชากับน้องอรค่ะ”
พยสงงเล็กน้อย ตรีประดับยิ้มเชิงบอกให้เงียบไว้ พลางส่งถุงกระเป๋าแบรนด์ดัง BaoBao ให้อรณากับบุพชาคนละใบ
“ของฝากจากญี่ปุ่นจากยสค่ะ”
บุพาชาและอรณารับมา เปิดดูด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดีใจจนปิดไม่มิด
“ร้อยวันพันปี นายยสไปไหนไม่เคยมีของฝาก” บุพชาไม่วายเหน็บแนม
อรณาระรื่น “นี่ต้องเป็นไอเดียพี่ตรีแน่ๆ กระเป๋ายี่ห้อนี้ พี่ยสรู้จักที่ไหน”
“ไม่หรอกค่ะ พี่แค่ช่วยเลือกเท่านั้น ยสเขาเห็นว่าให้ผู้หญิงเลือกให้กัน น่าจะเข้าใจว่าต้องการอะไร จริงไหมคะยส”
พยสรับลูกทันที “โธ่ ตรีครับ...ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย”
บุพชาอ่อนลง “ใครจะซื้อก็ช่าง ชั้นโอเค คราวหน้า เอายี่ห้อที่มันต้องจองน่ะ โกหยิบโกหยาด อะไรนั่น”
อรณายิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะพี่ยส พี่ตรี”
บุพชาแขวะน้องสาว “ไม่ทันไรเรียกพี่เต็มปากซะแล้ว”

ทั้งหมดกำลังจะแยกย้ายกันกลับ ตรีประดับยกมือไหว้ลาบุพชา และโบกมือให้อรณา ก่อนจะขึ้นรถ
“รีบๆ แต่งนะพี่ยส ณาชอบพี่สะใภ้คนนี้” อรณาบอก
“แกอย่าออกลายให้คุณตรีเขาเห็นเยอะนักนะ”
“ไม่หรอก ผู้หญิงใจกว้างอย่างนี้ ณารู้ว่าต้องทำยังไง”
“ทำยังไง” บุพชางง
“ก็...ถ้าต่อไปขอเงินจากพี่ยสไม่ได้ ณาจะไปขอจากพี่ตรีแทน”
“อย่าเชียวนะ ทั้งคู่ อย่าแม้แต่จะคิด”
พยสชี้หน้าปรามพี่น้องก่อนจะขึ้นรถ ขับออกไปกับตรีประดับ บุพชามองตามอย่างดูหมิ่น
“แกว่ายัยตรีประดับคนนี้ผู้ดีเก่าหรือเปล่า ถ้ามีสมบัติเก่าก็ดีนะ รวยๆ หน่อย ไม่ใช่ว่ามาแต่ตัวแล้วมาเกาะนายพยส”
“เรื่องนั้นไม่รู้ เดี๋ยวค่อยสืบ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ นางเปย์”
อรณามองตามว่าที่พี่สะใภ้อย่างพึงพอใจ รู้สึกถูกชะตากับตรีประดับแล้ว

เทศราชเดินเข้ามาในร้าน มิจิกับซาโต้ สองคนมองแล้วส่ายหัว คิดว่าเอาอีกแล้ว เมาปลิ้นอีกแน่ๆ
“ทำไมทำสายตาแบบนั้น ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”
“อกหักไม่ใช่เหรอ” มิจิทัก
ซาโต้เอาสาเกขวดใหญ่มาวางตรงหน้า เทศราชเมียงมองหยิบขวดแล้วเลื่อนส่งคืนเพื่อน
“พอแล้ว หมดเวลาทรมานตัวเอง”
มิจิและซาโต้อะเมซิ่งสุดๆ
“เหล้าไม่เอาแล้ว เอาข้าวมา ขอทำงานก่อน พรุ่งนี้จะกลับแล้ว”
“กลับ? แล้วไม่กลัวกลับไปเห็นภาพบาดตาบาดใจเรอะ...”
ซาโต้ถามยังไม่จบดี เทศราชเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เสียบ SD card เปิดดูรูปภาพที่ถ่ายมา มีภาพถ่ายพรีเวดดิ้งพยสกับตรีประดับปรากฏขึ้นเต็มหน้าจอ เทศราชผลักแก้วเหล้าออกจากเคาน์เตอร์ วางโปสการ์ดลง จะเขียนแต่แล้วก็ไม่เขียนอะไร วางไว้เหมือนเดิม หันไปกลั้นใจเลือกภาพ ปรับ ตัด รีทัช รูปภาพ เดี่ยว คู่ ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไป
เทศราชเลือกภาพไป ถอนหายใจไป มิจิและซาโต้ตบไหล่เพื่อนอย่างปลอบใจ ก่อนจะปล่อยให้ทำงานต่อ
เทศราชแต่งภาพด้วยโฟโต้ช้อปอย่างทรมานหัวใจ ซาโต้กับมิจิเดินวนเวียนมาดูสภาพ มิจิอดไม่ได้ รินสาเกส่งให้ พลางบอกว่า
“ป่วยใจ บางทีก็ต้องการยาชา”
“กลัวจะหนักกว่าเดิมน่ะสิ”
พร้อมกับว่า เทศราชถอด SD card อันที่ 1 ออก แล้วเก็บเข้ากล่อง แกะอันที่ 2 ออกมาเสียบแล้วเปิดดู
“ชั้นมีแล้ว ยาใจ”
ที่หน้าจอ ปรากฏรูปตรีประดับเดี่ยวๆ ทั้งตั้งใจถ่าย และถ่ายทีเผลอ เทศราชกดดูทีละภาพ ตรีประดับในอิริยาบถสบายๆ ยิ้ม หัว โดยไม่มองกล้องสวยงามมาก เทศราชดูภาพไปเรื่อยๆ สีหน้าเศร้าลงๆ อย่างช่วยไม่ได้ มิจิยัดเยียดสาเกให้อีกครั้ง คราวนี้เทศราชไม่ปฏิเสธ ยกดื่มพรวด

ที่บ้านสวน การ์ดแต่งงานเป็นปึกใหญ่วางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอน ตรีประดับกำลังเขียนชื่อแขกบนซองด้วยลายมือตัวเอง
โทรศัพท์มือถือตั้งอยู่ข้างๆ หน้าจอเห็นพยสกำลังคุยเฟซไทม์
“ตรีจะเหนื่อยเขียนเองทำไม พิมพ์เอาก็ได้ แขกตั้งหลายร้อย”
“เขียนให้เฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้นค่ะ ญาติ เพื่อน คนสำคัญในชีวิตของเรา”
พร้อมกับว่าตรีประดับมองไปที่รูปถ่ายในกรอบเล็กๆ มีรูปหนึ่งเป็นรูปเพื่อนสามคน ตรีประดับ เทศราช พยส
“อย่านอนดึกนะครับที่รัก”
“อ๋อ...ค่ะ”
สายวางไปแล้ว ตรีประดับหยิบรูปเพื่อนสามคนมาดู นึกถึงเทศราชขึ้นมา
“อยู่ที่ไหนนะเทศ”
ตรีประดับหยิบมือถือพิมพ์ส่งไลน์ไปหา
“ใกล้จะงานแต่งเราแล้วนะ เทศอยู่ไหน ทำไมไม่ติดต่อเลย ไหนว่าจะอยู่ข้างๆ เราในวันสำคัญของเรา”
ตรีประดับจ้องที่หน้าจอ พบว่าข้อความที่ส่งไปถูกอ่านทันที ตรีประดับตาวาว
“เอ๊ะ นายเทศ ส่งไลน์ไปก็อ่านนี่นา”
ตรีประดับลองกดคุย เฟซ ไทม์ ปรากฏว่าสักพักก็มีคนรับ

“เทศ”

น้ำเสียงตัดพ้อของเทศราชดังขึ้นในสีหน้าหมองเศร้า
“ตรี...ทำไมทำกับเราแบบนี้ ทำไมไม่รู้ความรู้สึกของเราบ้างเลย” 
ตรีประดับมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ อีกมือโชว์การ์ดแต่งงานให้ดู ถึงกับชะงัก หน้าเจื่อนไป
“เทศ...”
เทศราชมองรูปถ่ายตรีประดับในจอโน้ตบุ๊ก พร่ำเพ้อรำพันกับภาพนิ่งเหล่านั้น
“ตรีไม่รู้จริงๆ เหรอ ว่าเราคิดยังไงกับตรี เรามันไม่เอาไหน ไม่กล้าบอกตรีว่าเราคิดยังไง”
ภาพตรีประดับที่จอโทรศัพท์ของเทศราชสีหน้าเจื่อนไป รู้แล้วว่าคนที่รับสายไม่ใช่เทศราช
เป็นซาโต้นั่นเองเป็นคนคุย เฟซไทม์อยู่กับตรีประดับ
“อย่าโทร.มาเลยครับ เทศงานยุ่งมาก”
“แล้วทำไมเทศไม่รับโทรศัพท์ล่ะคะ เขาเป็นอะไรหรือเปล่า”
ซาโต้มองไปทางเทศราช เห็นกำลังเมาได้ที่คุยกับรูปตรีประดับในจอคอม
“เขายุ่งครับ โทรศัพท์ก็ลืมไว้ ถ้าเจอเขา ผมจะบอกให้”
ซาโต้กดตัดสาย
“เดี๋ยวค่ะ ซาโต้ๆ”
ตรีประดับถูกตัดสายไปอย่างงงๆ ไม่ทันรู้เรื่องอะไร
ซาโต้เดินมาหาเทศราช
“พอแล้วเพื่อน”
ซาโต้ปิดรูป ดึง SD card ออกจากคอมพิวเตอร์ปิดจอลง ส่งโทรศัพท์คืนให้
“แล้วนายเอาโทรศัพท์ฉันไปทำไม เผื่อตรีโทร.มา...ฉันจะได้รู้...จะได้ไม่รับ”
เทศราชวายวายปัดไม้ปัดมือซาโต้ไปมา โดยไม่รู้ว่าปัดไปโดน SD card ที่ซาโต้ถอดออก หล่นลงในซอกข้างเคาน์เตอร์ ซาโต้กับมิจิก็ไม่รู้!
เทศราชคว้าโทรศัพท์จากซาโต้ได้ กดดู ไม่มีไลน์ใหม่
“ไม่มีข้อความจากตรี ไม่มีเลย”
“มันจบแล้ว เขามีคนรักแล้ว” ซาโต้บอก
“และเขากำลังจะแต่งงานกัน ตรีกำลังจะแต่งงานกับไอ้พยส”
เทศราชกล้ำกลืน จะยกสาเกขึ้นจิบ แต่แล้วกลับเทลงคว่ำแก้วปัง
“ฉันกับตรี จบแล้วจริงๆ”
เทศราชสะบัดหัวให้สร่างเมา เก็บข้าวของ จับมือเพื่อนอย่างขอบใจ โบกมือแล้วเดินออกไป
SD card หล่นอยู่ในซอกข้างเคาน์เตอร์บาร์ ใกล้ๆ กัน โปสการ์ดของเทศราชก็โดนจานข้าวทับไว้และถูกลืมไว้เช่นกัน

ด้านพัดชาเสิร์ฟลูกค้ามือเป็นระวิง แต่สายตาคอยมองหากระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ตและโทรศัพท์ ที่เดฟเก็บไว้ พัดชามองลิ้นชักพบว่าปิดล็อคสนิท
“จะเอาออกมาได้ยังไงนะ”
พัดชาเดินไปเก็บเงินจากลูกค้าที่เรียกเช็คบิล ลูกค้าให้ทิป ระหว่างเดินเอาบิลไปให้ยูอิที่เคาน์เตอร์ พัดชารีบเก็บทิปเข้ากระเป๋า แล้วยืนรอเงินทอนไปคืนลูกค้า แต่ปรากฏว่าเงินทอนไม่พอ
“รอเดี๋ยว”
ยูอิตรงไปเปิดลิ้นชัก แต่เปิดไม่ได้ เลยร้องขอกุญแจจากเดฟมาเปิด เดฟอึกอัก
“ทำไม มีอะไร”
เดฟส่ายหน้า ส่งกุญแจให้ ยูอิเปิดเจอทั้งโทรศัพท์ กระเป๋าเงินและพาสปอร์ตพัดชา พัดชามองอยู่ เห็นและรู้ว่าเป็นโอกาสเดียวที่มี พุ่งปราดเข้าไป
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
“พัดก็ตามหาตั้งนาน ขอบคุณค่ะโอก้าซัง”
พัดชาแทบจะล้วงมือหยิบ แต่คว้าได้เพียงกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์ เดฟดึงพาสปอร์ตกลับไป
“ฉันจะเอาไปต่ออายุ เรสซิเดนซ์ การ์ด ของฉันกับพัดชาหมดอายุพอดี”
“ทำให้ถูกต้องนะ”
พัดชาพยายามทักท้วงขอคืน “แต่โอก้าซัง”
“เธอไม่ต้องพูดมาก ฉันจดทะเบียนลูกบุญธรรมให้ แต่ไม่ได้ช่วยให้ได้สัญชาติ ยกเว้นถ้าเธอจะทำตัวดี”
พัดชาหงุดหงิด “ฉันจะเอาสัญชาติไปทำอะไรล่ะ”
“เธอเป็นลูกบุญธรรมฉัน ไม่อยากอยู่ที่นี่เรอะ เนรคุณเรอะ”
ยูอิโหไม่ทันฟังเหตุผล เหวี่ยงแขนฟาดเข้าที่ข้างตัวพัดชาจังๆ พัดชาอึ้งไป นึกไม่ถึงว่ายูอิผู้แสนเย็นชาจะเมตตาตนขริงๆ แต่เมื่อเห็นสายตาของเดฟ เรื่องไม่อยากอยู่ที่นี่ก็จุกล้นคอหอย

เทศราชกลับถึงแมนชั่น เดินไปเปิดตู้เย็น มือกำลังจะหยิบเบียร์ ภาพตรีประดับจับฝาตู้เย็น ยื่นหน้าเข้ามาหาผุดขึ้นมาหลอกหลอน
“ดื่มอีกแล้ว ลด ละ เลิก รู้จักมั้ยจ๊ะ น้ำเปล่าดีต่อสุขภาพที่สุด”
ตรีประดับหยิบน้ำเปล่าส่งให้ เทศราชยังไม่รับ ตรีประดับแกล้งเอาขวดน้ำเย็นแนบหน้า
เทศราชหยิบขวดน้ำเย็นเอามาแนบแก้ม พอเดินผ่านหน้าห้องน้ำ นึกถึงตอนชนกับตรีประดับซึ่งออกจากห้องน้ำ สองคนสบตากัน
เทศราชทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก กวาดตามองทั้งห้อง แล้วนึกถึงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับตรีประดับ
ตรีประดับเล่นโยคะอยู่กลางห้องนั่งเล่น เทศราชเดินหาวออกจากห้องมาเจอ ยิ้มๆ แล้วไปทิ้งตัวลงโซฟานั่งดู
“ทำไมตื่นเช้าล่ะ ดูอารมณ์ดีซะด้วย”
ตรีประดับอมยิ้ม หันมาชวน
“เล่นด้วยกันไหม”
“ไม่เอา ขี้เกียจ”
“ทำงานหนัก พักผ่อนก็น้อย แถมยังดื่มด้วย รักษาสุขภาพบ้างนะเทศ”
“จ้ะ” เทศราชขยับตัวเล็กน้อย “โอ้ย ปวดหลังจัง มึนหัวด้วย เมื่อคืนคงหนักจริงๆ ฮ่าๆ”
“งั้นมานี่ ยืดตัวซะหน่อย จะได้ดีขึ้น”
ตรีประดับจับแขนเทศราชดึงให้ลุกขึ้น จากนั้นพยายามสอนให้เล่นโยคะพื้นฐาน โยคะอาสนะ
“เรารู้จักท่านึง เดี๋ยวทำให้ดู”
เทศราชลงนอนเป็นศพ ตรีประดับตีเผียะ อธิบาย เทศราชมองหน้าตรีประดับจนใจลอย
“ท่าศพอาสนะ จิตอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ถ้าใจเราล่องลอยคิดเรื่องอื่นก็ให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจ ท่านี้เพื่อให้จิตใจกับร่างกายได้ผ่อนคลาย...แต่นายไม่ใช่...นี่มันนอนอู้...ลุกขึ้นมา”
เทศราชถูกจับให้ทำท่านักรบ
“ลงอีกนิด หายใจออกตอนก้มตัวลงด้วย ลงอีกนิดนะ”
“อ๊าก...ไม่ไหวแล้ว ตึงไปหมดแล้ว”
“อีกนิดน่า...”
ผ่านไปอีกหน่อย เทศราชเหงื่อท่วมเล่นโยคะกับตรีประดับได้สักพักแล้ว นั่งปล่อยตัวที่โซฟา ตรีประดับยืนมองสภาพเทศราชหัวเราะร่า
“ออกกำลังมันดีอย่างนี้แหละนะ เพราะระหว่างเราออกกำลัง เราไม่ต้องคิดอะไร เหงื่อออกเท่ากับขับของเสียออกไป ขับความขุ่นข้องทุกข์ใจทิ้งไปด้วย”
“จริง...ตอนนี้....รู้สึกดีจริงๆ”

เทศราชสบตาตรีประดับ ไม่ใช่เพราะโยคะ แต่รู้สึกดีเพราะได้อยู่กับเธอตรงนี้สองคน

เทศราชดึงตัวเองออกมา เวลานี้ออกกำลังกายอยู่จนเหงื่อท่วม

มือถือวางอยู่ไม่ไกล หน้าจอเปิดไลน์ตรีประดับค้างไว้ตั้งแต่ที่ร้านซาโต้ หน้าจอข้อความค้างอยู่คือ
“ใกล้จะงานแต่งเราแล้วนะ เทศอยู่ไหน ทำไมไม่ติดต่อเลย ไหนว่าจะอยู่ข้างๆเราในวันสำคัญของเรา”
เทศราชเหงื่อท่วมกาย โหมออกกำลังและหมดแรงใจ ทิ้งตัวนอนลงพื้นเป็นศพ ในท่าโยคะศพอาสนะพอดี
เสียงตรีประดับดังก้องขึ้น “ถ้าใจเราล่องลอย คิดเรื่องอื่นก็ให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจ ท่านี้เพื่อให้จิตใจกับร่างกายได้ผ่อนคลาย”
ตามด้วยเสียงความคิดของเขาเอง“เราทำไม่ได้หรอกตรี ให้เราเลิกคิดถึงตรี ให้เราไปอยู่ข้างตรี เห็นตรีแต่งงานกับพยส...เราทำไม่ได้”
เทศราชนอนนิ่ง ปาดเหงื่อที่หน้าผากที่ไหลลงมา ไม่รู้ว่ามีน้ำตาปนด้วยหรือไม่

ทางฝ่ายพัดชานอนหลับอยู่ มือกอดมือถือและกระเป๋าตังค์แน่น จู่ๆ มีมือยื่นมาหยิบมือถือและกระเป๋าตังค์ไป พัดชาสะดุ้งตื่น รู้ตัวรีบกำมือแน่นแต่ไม่ทัน ของโดนฉกไป มือคู่เดิมรุกล้ำมาที่แขน พร้อมๆ กับที่ขาโดนเลิกชุดนอนขึ้น พัดชาตกใจสุดขีด
“อย่านะ”
พัดชาต่อสู้สุดแรงเกิด ทั้งถีบทั้งยัน มือ ไม้ ประเคนออกไปเพื่อป้องกันตัวสุดกำลัง

ที่แท้พัดชาฝันร้ายว่าโดนเดฟเข้ามาข่มขืนอีก ต่อสู้ทั้งที่ยังหลับตา จนในที่สุดผวาเฮือก ลืมตาตื่นขึ้น
พัดชาดีดตัวสำรวจเสื้อผ้าร่างกายตัวเอง รีบควานหากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ ใจชื้นที่ยังอยู่ พัดชาถอนหายใจเฮือก น้ำตาไหลรินออกมา จะหลับจะตื่นไม่เป็นสุขเอาเลย

เช้าวันนี้ที่เมืองไทย พยสยืนอยู่หน้าผ้าม่านสีขาว เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าว หล่อเหลาราวกับว่าวันนี้วันแต่งงาน แต่จริงๆ ทั้งๆ ที่มาลองชุด
“ตรี พร้อมหรือยังครับ”
ตรีประดับตื่นเต้น จิตตก อยู่หลังม่านห้องลองชุด เขินหนักมาก
“ยส ตรีจะทำยังไงดี ไม่เอาแล้วได้ไหม ตรีเปลี่ยนใจแล้ว”
พยสหน้าซีด
“ตรี ทำไม เกิดอะไรขึ้น อย่าเปลี่ยนใจไม่แต่งงานกับผมนะ”
ตรีประดับหน้าเครียดเหงื่อตก
“ตรีอ้วนขึ้นค่ะ คุณไม่น่าพาตรีไปดินเนอร์ทุกวันเลย รูดซิปไม่ขึ้นแล้ว สงสัยต้องเปลี่ยนชุดใหม่นะคะ”
ตรีประดับแหวกม่าน โผล่มาเฉพาะหน้า พยสหันไปเห็น ยิ้มกว้าง ประคองใบหน้าอย่างสุดรัก
“มีแก้ม น่ารักออก”
“ใครๆ ก็อยากสวยวันแต่งงานนะคะ ยสรอหน่อยนะคะ ตรีคงต้องลองชุดใหม่”
“ผมคงไม่ต้องช่วยเลือกนะ คุณใส่ชุดไหนก็สวย”
มีโทรศัพท์เข้าพอดี พยสชูให้ดู
“งานเข้าพอดี ตรีใช้เวลาตามสบายจ้ะ”
ตรีประดับผลุบหายเข้าไปในห้องแต่งตัว พยสเดินออกไปคุยโทรศัพท์มุมนั่งเล่นหน้าร้าน

ตรีประดับมองสำรวจตัวเองในกระจก ความจริงสวยมาก แค่ซิปรูดไม่ขึ้นเพียง 2 เซ็น เธอเกิดจิตตก
“เดี๋ยวจะหยิบชุดอื่นๆ มาให้เลือกนะคะ คุณจะให้คุณพยสมาช่วยเลือกไหมคะ จะได้ให้คนไปเชิญมา” พนักงานถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ยสเขาไม่ค่อยชอบเวลาต้องเลือก”
พนักงานออกไปดูชุด
ตรีประดับอยู่คนเดียวนึกถึงเทศราชขึ้นมาอีกแล้ว

เมื่อครั้งอดีต ตรีประดับและเทศราชเดินเล่นมาด้วยกัน ตรีประดับแวะร้านเสื้อ หยิบเลือกมาทาบตัวดู
“เป็นไง”
“สวยดี เหมือนชุดแต่งงาน”
“ถ้าเราแต่งงาน เทศช่วยเราเลือกชุดนะ”
“ไม่รู้สิ อาจจะไม่ใช่แค่ช่วยเลือกชุด”
“งั้นทำทุกอย่างเลยนะ”
“เราจะเป็นทุกอย่างที่ตรีต้องการ”

ตรีประดับมองชุด นึกถึงเทศราช บ่นพึมพำออกมา
“ไหนว่าจะช่วยลือกชุด ไหนว่าจะทำให้ทุกอย่าง”
“เราเป็นทุกอย่างที่ตรีต้องการได้เสมอ” คำๆ นี้ ดังก้องกังวานขึ้น
ตรีประดับตะลึงตะไล แทบลืมหายใจ เมื่อมีมือของเทศราชยื่นมารูดซิปขึ้นให้เธอจริงๆ
ภาพจากในกระจก เทศราชตัวเป็นๆ ยืนอยู่ข้างหลัง ส่งยิ้มมาให้ เหมือนไม่เคยเจ็บปวดอะไรเลย
“เทศ หายไปไหนมา เป็นห่วงแทบตาย”
โดยที่เทศราชไม่ทันตั้งตัว ตรีประดับหันมากอดเทศราชแน่นด้วยความคิดถึงเพื่อนรัก

คราวนี้เทศราชเป็นฝ่ายตกตะลึง วางมือไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะกอดตอบดีหรือไม่

พยสคุยโทรศัพท์อยู่ตรงม้านั่งมุมหนึ่งหน้าร้าน สายตาไปสะดุดกับรถยนต์สปอร์ตสีดำที่จอดอยู่ติดทางออก พยสสังหรณ์ใจโดยประหลาด กดวางสายไป หันขวับไปมองในร้าน

เวลาเดียวกัน เทศราชแกะมือตรีประดับออก พยายามอยู่ให้ห่าง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่สวยเหรอ”
“คนมีความสุข ใส่ชุดไหนก็สวย”
“แปลว่าเทศชอบชุดนี้...ยังไม่มีใครเห็นเลยนะ เทศเป็นคนแรกที่เห็นตรีในชุดเจ้าสาว”
ตรีประดับยิ้มชื่น ดีใจที่เพื่อนรักมาอยู่ด้วยในเวลานี้ เทศราชพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวด
“ตรี...เรา...”
“เวลาพิเศษแบบนี้ ตรีอยากมีคนที่สนิทกับตรีที่สุด มีความหมายกับตรีที่สุด อยู่ข้างๆตรี ช่วยตรีตัดสินใจ
เทศราชเรา...”
“เทศอยู่เป็นเพื่อนตรีนะ”
“เราทำไม่ได้”
ตรีประดับมองตะลึง “เทศ”
“เราทำไม่ได้แล้วตรี”
“หมายความว่ายังไง”
“เราเป็นทุกอย่างให้ตรีได้แต่เราเป็นเพื่อนตรีไม่ได้แล้ว”
เทศราชและตรีประดับสบตากันจังๆ สายตาของเทศราชบ่งบอกว่าเขาทนกักกลั้นความรู้สึกต่อไปไม่ไหวแล้ว

ไม่นานนัก ผ้าม่านถูกเปิดออก ตรีประดับเหลียวขวับ ตะลึงแล เห็นเป็นพยสที่ก้าวเข้ามากวาดสายตามอง ไม่เห็นใครนอกจากตรีประดับที่ดูตกใจหน้าซีด
“ตรี มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ้อ...ไม่มีค่ะ”
“ชุดนี้สวยจัง ผมบอกแล้วให้คุณเลือกเอง ผมไม่ต้องช่วยตัดสินใจหรอก”
ตรีประดับมองในกระจก ชุดนี้เป็นชุดที่เทศราชพยักหน้าให้ผ่าน พยสดึงตรีประดับเข้ามากอด
“เจ้าสาวของผมสวยที่สุดเลย ดูสิ มือเย็นไปหมด ตื่นเต้นเหรอครับ อ้อ ผมให้ช่างภาพมาเก็บภาพเบื้องหลัง เผื่อไว้ทำวิดีโอ ในงานแต่งงานของเรา ผมไม่อยากฝากความหวังไว้ที่เทศราชคนเดียว”
ชื่อเทศราชทำให้ตรีประดับตัดสินใจบางอย่าง
“ตรีว่า ตรีจะเปลี่ยนชุดใหม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ชุดนี้ คนอื่นเขาจองไปแล้ว”
ตรีประดับปิดบังความจริง พยสเชื่อโดยไม่ได้ข้องใจอะไร

ตรีประดับในชุดใหม่กำลังจะเปิดม่านออกไปหาพยส เหลียวมองไปยังชุดที่เทศราชเลือกซึ่งแขวนอยู่มุมหนึ่ง อีกครั้ง แล้วสูดลมหายใจเปิดออกไป
พยสตะลึงตะไล ยื่นมือไปรับตรีประดับมาอยู่ในอ้อมแขน ช่างภาพเริ่มเก็บภาพ ทั้งโพส และแอบถ่าย เก็บทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว
พยสสังเกตเห็นว่าที่เจ้าสาวยังดูกังวลเล็กน้อย เขาดึงตรีประดับเข้ามาใกล้
“ยังมือเย็นอยู่เลย”
“เอ้อ...ตรีคง...ตื่นเต้นไปหน่อย”
“เค้าว่ากันว่า ก่อนแต่งงานว่าที่เจ้าบ่าวมักจะเกิดอาการ cold feet ประหม่าหรือวิตกกังวล แต่ไหงกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวของผมซะนี่”
“พยสคะ ตรีไม่ได้กลัวนะคะ”
“ผมเองก็ไม่กลัวว่าตรีจะเปลี่ยนใจไม่แต่งงานกับผมในนาทีสุดท้ายหรอก เพราะผมมั่นใจในความรักของผมที่มีให้ตรี ผมมั่นใจว่านับจากนี้ผมจะไม่ทำให้ตรีผิดหวัง มือของผมจะกุมมือของคุณให้อบอุ่นอยู่เสมอ”
พยสพูดอย่างจริงใจ มือที่กุมมือตรีประดับเธอสัมผัสได้ถึงความรักจริงๆ
“เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ”
ตรีประดับอิงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดพยสอย่างอบอุ่นใจ
เธอตัดสินใจเก็บเทศราชไว้ในฐานะเพื่อน ซ่อนความรู้สึกอื่นใดของเทศราชลงลึกสุดหัวใจ และทำเป็นว่าไม่เคยรับรู้

วันเวลาผ่านไป เช้านี้พัดชานั่งอยู่ในร้าน เปิดดู ig ของเทศราชกับตรีประดับ พบว่าทั้งคู่ลงรูปชุดแต่งงานเหมือนกัน #triiyosthewedding ในฟีดของ IG มีภาพทั้งจากสตูดิโอถ่ายภาพ ร้านชุดเจ้าสาว มีรูปเพื่อนๆ เต็มฟีด
พัดชายิ้มชื่น กดไลค์ให้รูปของพยส เช่นเดียวกับกดให้ตรีประดับ
“พัดอยากมีมือที่อบอุ่นมากุมมือพัดไว้แบบคุณบ้าง....คุณตรีประดับ”
เดฟซ้อนตัวเข้ามาทางด้านหลังโดยที่พัดชาไม่ทันรู้ตัว ถามเสียงกระเส่า
“Do you fancy my fingers? อยากได้อีกใช่ไหม”
พัดชาตกใจ แต่หนีไม่ทัน เดฟล้วงมือมาจากข้างหลัง
“ไปให้พ้น”
“เธออยากได้ความอบอุ่นไม่ใช่เหรอ ฉันให้ได้นะ”
พร้อมกับว่าฝรั่งใจชั่วล้วงมือซอกซอนมาที่ขา พัดชาขืนตัว ต่อสู้ พยายามจะลุกหนี แต่กลายเป็นถูกฉุดดึงกลับเลยเข้าอยู่ในอ้อมกอดเดฟเต็มๆ เดฟซุกใบหน้าลงมาที่คอ พัดชาดิ้นหนีสุดฤทธิ์ ถีบโต๊ะล้ม
“เธออยากได้อะไร ฉันให้ได้นะ ขออย่างเดียว ยอมฉัน”
“ไม่”
“ไม่เอาเหรอเงิน พาสปอร์ต หรือจะเอาร้านนี้ ฉันทำให้เธอได้นะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ เธอต้องการครอบครัวนี่ my baby girl”
“ไอ้แก่ตัณหากลับ ฉันเกลียดแก”
พัดชาสะอิดสะเอียดเหลือแสน กระทุ้งศอกงอขาถีบส้นเท้าเข้ากลางเป้าจังๆ
เดฟล้มลงเก้าอี้ล้มตามระเนระนาดเสียงดังโครมครม พัดชาวิ่งหนีออกจากร้านไปทันที

พัดชาวิ่งเตลิดมาหยุดหอบเหนื่อยอยู่ตรงหน้าซากุระต้นเดียวกลางโรงเรียนร้าง น้ำตานองหน้า ได้แต่ถามตัวเองอย่างอัดอั้น ที่ยังหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้
“ฉันต้องทำยังไง ทำไมฉันต้องทนทุกข์อยู่คนเดียว ทำไมฉันต้องเป็นฉันที่เหว่ว้า โดดเดี่ยว ทำไมฉันไม่มีความรัก ไม่มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่นเขา”
เสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “ไม่มีก็ต้องหามาสิ”
พัดชาได้ยินหันขวับไปรอบๆ แต่ไม่เจอใคร เห็นเพียงซากุระที่ยืนต้นโดดเดี่ยว และความอ้างว้างเงียบเหงา บรรยากาศซึมเซา รอบตัว
“อยากได้อะไรก็ต้องคว้ามาให้ได้”
เสียงที่ได้ยิน แท้จริงคือเสียงของจิตใต้สำนึก ที่บอกให้เธอแย่งชิง
พัดชาตะลึงตะไล มองตรงไปข้างหน้า เห็นพัดชาอีกคนที่ดูสุดสตรอง แววตามุ่งมั่น พัดชาจากจิตใต้สำนึกโผล่ออกมาจากหลังซากุระโดดเดี่ยว
“ฉันต้องทำยังไง”
พัดชาจากจิตใต้สำนึกบอกอย่างเยียบเย็น
“ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องลงทุน อาจจะต้องลงแรง หรือ ลงกาย”
พัดชายืนอยู่คนเดียวมองต้นซากุระนิ่งนาน สีหน้าครุ่นคิดตริตรอง ก่อนจะเห็นเธอยกแขนขึ้นปาดน้ำตาทิ้งไป

สภาพคอนโดสุดหรูของเทศราชดูไม่จืด ห้องเละเทะทุกหย่อมหญ้า ขวดเครื่องดื่มที่ดื่มหมดแล้ว ระเกะระกะ เสื้อนอกเหวี่ยงอยู่ทางหนึ่ง รองเท้าอีกทาง มีเสียงเคาะประตูดังลั่น
“เทศราช เทศ...ไอ้เทศ เปิดประตูให้อา...ไอ้เทศ”
เทศราชกองเป็นศพอยู่บนโซฟา แขนตกห้อย ดูไร้ชีวิต
ไม่นานนักประตูถูกเปิดเข้ามาจนได้ พยางค์โบกมือให้เจ้าหน้าที่คอนโดที่ถือกุญแจสำรองมาเปิดห้องให้ออกไป
“ขอบใจ อ้อ เรื่องนี้เงียบไว้ ห้ามบอกคุณภิรมณ์”
เจ้าหน้าที่ตาโต “คุณภิรมณ์ ! ท่านประธานเจ้าของคอนโดนี้”
พยางค์พยักหน้าใช่ เจ้าหน้าที่งง พยางค์ไม่พูดอะไรโบกมือให้ออกไป
พยางค์เข้าห้องไป ปิดประตูลง และไล่เปิดดูห้องนั้นห้องนี้ จนมาเจอเทศราชเป็นศพอยู่ที่โซฟา
“ไอ้เทศ...เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณภิรมณ์แม่แกรู้ แกจะเป็นยังไง”
“หึ...ถ้าแม่รู้ แค่โดนด่า ไม่ถึงตายหรอกอา...ไม่มีอะไรเจ็บไปกว่านี้แล้ว”
“พูดอะไรนิยายๆ วะ ลุกขึ้น ไปอาบน้ำ ทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนเสียที”
“เพื่อ?”
“พรุ่งนี้งานแต่งงานหนูตรีประดับ”
เทศราชนิ่งไป พยางค์รู้ว่าหลานชายเจ็บมาก แต่ต้องให้ยาแรง
“ผมจะไปในฐานะอะไร”
“เพื่อน...แกเป็นเพื่อนเค้า เทศราช แกเป็นได้แค่เพื่อน”
เทศราชคว้าขวดเหล้าข้างๆ จะกรอกปาก พยางค์ปัดขวดหล่นพื้น เหล้าหกเทศราชหน้าหงายพิงพนักไป
“เพราะแกเป็นอย่างนี้ ใช้แต่อารมณ์ ทำตัวเละเทะ ปากดีแต่ไม่กล้า แกรักหนูตรีแต่ไม่เคยกล้าพูด ที่แสดงออกก็ทำเหมือนเล่นๆ ผู้หญิงที่ไหนจะมั่นใจในตัวแก”
“แล้วถ้าผมกล้าพูด”
“ความกล้าของแกมันสายเกินไป แต่ถ้าแกแน่ แกต้องลุกขึ้นมา กล้าเผชิญความจริง”
“ความจริงที่ว่า ตรีรักพยสไม่ได้รักผม แต่ผมรักตรี ผมรักตรีมานานแล้ว”
“นานแล้วไง ถ้าตัดใจไม่ได้ก็เอาเลย รักให้สุด รักให้มากพอ พอที่แกจะมองเห็นหนูตรีมีความสุขได้ แกทำได้ไหม”

เทศราชคอตก เหมือนจะบอกกลายๆ ว่าไม่ได้ พยางค์เบื่อหลาน ออกจากห้องไปด้วยความรำคาญ

เย็นนั้นที่ญี่ปุ่น พัดชาพาตัวเองกลับมาหยุดยืนสีหน้าแน่วนิ่งอยู่หน้าร้าน มีเสียงความคิดดังกระตุ้นทุกการกระทำ

“ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องลงทุน อาจจะต้องลงแรง หรือ ลงกาย”
สีหน้าและแววตาพัดชายามนี้ต่างกับตอนที่วิ่งหนีออกจากบ้านไปเมื่อเช้าลิบลับ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ด้วยวิธีการของเธอเอง
พัดชาขยับตัวเล็กน้อย แววตาคมปลาบ พร้อมจะฉกเหยื่อแล้ว เปิดผ้าเดินเข้าร้านไป

ยูอิเหลียวขวับมามองพัดชาด้วยความโมโห พัดชาไม่ได้ตัวลีบเล็กอย่างเก่าแล้วขณะเดินเข้าไปหา
“เมื่อเช้าเดฟบอกเธอโมโหที่ฉันใช้เธอกวาดถูร้าน เธอเลยล้มโต๊ะเสียงดัง”
พัดชาชำเลืองมองเดฟแว่บหนึ่ง ชายชั่วจอมเจ้าเล่ห์เพทุบาย ออกลายอีกแล้ว
“ฉันขอโทษค่ะโอก้าซัง”
พัดชาทรุดตัวลง โค้งให้อย่างนอบน้อม ยูอิงง
“ต่อไปนี้ฉันจะทำงานให้หนัก อีกไม่กี่เดือนฉันจะเรียนจบแล้ว ถึงตอนนั้นฉันคงได้ตอบแทนโอก้าซังและสามีอย่างเต็มที่”
ในใจพัดชาบอกกับตัวเองอีกอย่าง
“ฉันจะรอให้พร้อม เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะออกจากครอบครัวเย็นชานี้ ไปหาครอบครัวใหม่ ฉันจะต้องมีความสุข มีความรักเหมือนที่คนอื่นมี”
ในหัวพัดชา นึกถึงแต่ภาพตรีประดับกับพยส โดยเฉพาะตอนถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยกันที่ญี่ปุ่น พัดชาเห็นพยสดูแลตรีประดับอย่างดี ภาพสุดท้ายในความคิดเป็นภาพพยสให้สร้อยจี้โคลเวอร์ตอบแทนเธอ
“เป็นบ้าอะไร ชั้นไม่ซึ้งหรอกนะ ไปทำงานซะ”
ยูอิสะบัดไป พัดชาลุกขึ้นทำงานต่อ เดฟเดินเฉี่ยวมา
“อยากจะตอบแทนเหรอ ดี ฉันชอบ”
แววตาพัดชากร้าวแข็งมากขึ้น รู้ว่าเดฟต้องการอะไร?

เทศราชดูวิดีโอพรีเวดดิ้งของตรีประดับและพยส ที่เขาตัดเสร็จแล้ว และฉายวนอยู่ในจอโทรทัศน์ตรงหน้าไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยรอบ ยิ่งดูยิ่งนึกถึงตรีประดับ เสียงด่าของพยางค์ดังก้องในหู
“แกรักหนูตรี แต่ไม่เคยกล้าพูด ความกล้าของแกมันสายเกินไป”
เทศราชนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีต่อตรีประดับไปในร้านชุดวิวาห์
“เราเป็นทุกอย่างให้ตรีได้ แต่เราเป็นเพื่อนตรีไม่ได้แล้ว”
เทศราชและตรีประดับสบตากันจังๆ สายตาของเทศราชบ่งบอกว่าเขาทนกักลั้นความรู้สึกต่อไปไม่ไหวแล้ว
ตรีประดับตะลึง
“เทศ...พูดอะไร”
“อย่าห้ามเรา ตรี ให้เราพูด เราไม่เคยบอกความรู้สึกนี้กับตรี เพราะคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา เพราะเราไม่เคยกล้า”
“แล้วตอนนี้”
“มันสายเกินไป เรารู้ แต่เชื่อเถอะ เราแค่จะบอกเพราะเราคงทนเห็นตรีในชุดเจ้าสาวที่เราเลือกให้ไม่ไหวแล้ว...ที่ตรีใส่ชุดไม่ได้ ก็แค่กลั้นหายใจแล้วรูดซิปขึ้น แต่สำหรับเรา เวลามองตรีใส่ชุดเจ้าสาวแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เรา แต่เป็นพยส มันเหมือนเราต้องกลั้นหายใจไปทั้งชีวิต”
“เทศ”
“เรารักตรี”
ตรีประดับตะลึงตัวชา เทศราชโน้มหน้าลงมาจูบตรีประดับ

วิดีโอพรีเวดดิ้งในจอโทรทัศน์ พยสและตรีประดับหน้าแนบกันหวานชื่น เทศราชกดฟรีซภาพวิดีโอไว้ นั่งมองอยู่อย่างนั้น

รุ่งเช้าวันแต่ง ชุดแต่งงานประดับอยู่บนหุ่นที่มุมหนึ่งของห้องนอน เป็นคนละชุดกับที่เทศราชเลือกให้ ตรีประดับลูบชุดแต่งงาน นึกถึงเทศราช หยิบรูปถ่ายภาพเพื่อนสามคนขึ้นดู
“เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะเทศ”
มีเสียงเคาะประตูห้อง
“คุณตรีคะ เจ้าบ่าวของคุณตรี...คุณพยส มาแล้วค่ะ”
ตรีประดับวางรูปถ่ายเพื่อนสามคนลงบนชั้น

พยสยืนตื่นเต้นอยู่หน้าห้องทำพิธี ทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป ภูมิออกมาเจอ
“ตรีล่ะครับคุณพ่อ”
“กำลังเตรียมตัว คุณล่ะ ไม่ไปเตรียมตัวหรือ”
พยสชะเง้อมองในห้อง อยากเจอตรี
“ผม...เอ้อ เป็นห่วง เผื่อว่าตรีต้องการอะไร”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่อีกไม่นานหรอก เมื่อฉันวางมือลูกสาวของฉันลงบนมือคุณแล้ว ถึงตอนนั้นขอให้คุณกระตือรือร้นที่จะได้ดูแลตรีแบบนี้ตลอดไป”
ภูมิตบไหล่พยส เขาคลายความตื่นเต้นลง เดินยิ้มออกไป ภูมิชำเลืองมองไปทางห้องแต่งตัวแว่บหนึ่ง นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

เวลานั้นแววคุยอยู่กับช่างแต่งหน้า ช่างทำผม สามคนมะรุมมะตุ้มกำลังช่วยจัดชุดเจ้าสาว ตรีประดับยังอยู่ในชุดปกติ เดินเลี่ยงมาหาภูมิ
“พ่อขา เพื่อนตรียังไม่มาเลย”
“เมื่อกี๊พ่อเจอเพื่อนมหาลัยของหนูแล้วนะอยู่ในงาน กลุ่มใหญ่เลย”
ตรีประดับส่ายหน้า “พ่อลืมนายมันเทศของพ่อแล้วเหรอคะ พ่อเห็นเขาไหมคะ”
ภูมิอึ้งไป
“ลูกตรี มาแต่งตัวได้แล้วจ้ะ”
“พ่อคะ”
“พ่อจะดูให้”
ตรีประดับยิ้มออก กลับไปแต่งตัว
ภูมินั่งหน้านิ่ง ภูมิเป็นคนเดียวที่มองทะลุกิริยาท่าทางหยิบโหย่งไร้สาระของเทศราช ชายสูงวัยถูกใจเทศราชมากกว่าพยส และมองขาดว่านายมันเทศคนนี้ต่างหาก จะเป็นคนที่ทำให้ลูกสาวสบายใจ และอยู่ด้วยอย่างมีความสุข แต่ก็ต้องทำใจยอมรับการตัดสินใจของลูกสาวสุดสวาท

ภูมิรับแขกอยู่ที่บริเวณด้านหน้างาน พลางมองหาเทศราชไปด้วย แต่ไม่เจอ กลุ่มญาติๆ ของพยสเดินเข้ามา เจอภูมิแล้วไหว้ทักทายตามธรรมเนียม พากันเดินเข้างานไป
บุพชาเปิดฉากนินทาทันที
“พ่อตรีประดับดูดีเชียวนะ ไม่ยักนึกว่าเจ้าไร่ชาวสวนธรรมดาจะดูร่ำรวยอู้ฟู่ขนาดนี้”
“ณาสืบแล้ว เขาเป็นเศรษฐีที่ดินค่ะ เงินถุงเงินถังขนานแท้”
อรณามองงานอย่างตื่นเต้น ชม้ายตาให้แขกผู้ชายหน้าตาดีที่ดูมีตังค์
“โอ๊ย เริดอ่ะ งานพี่ยสเค้าหรูหราอลังการ แขกแต่ละคนท่าทางมีเงินทั้งนั้น”
“อย่าแรดให้มากนักเลยยัยณา”
“พ่อดูพี่บุพสิ ด่านา...นี่งานมงคลนะ” เด็กสาวฟ้องพ่อ
“พ่อจะช่วยอะไรแกได้ พ่อแกก็พอกัน เผลอๆ นึกว่าเข้าตัวด้วยละมั้ง”
พ่อและเมียใหม่คราวลูกหน้าเจื่อนลงไป
“ขอทีเถอะบุพ เห็นแก่น้าพรเขาบ้าง”
โต พี่ชายคนโตเสริมว่า “ฉันรู้นะบุพ แกอิจฉานายยส เห็นคนเขาจะมีความสุขในชีวิตครอบครัว แกคงนึกเปรียบเทียบเพราะครอบครัวแกมันขาดๆ วิ่นๆ ผัวก็ไปมีเมียน้อย”
“มันก็พอกันแหละพี่โต เมียพี่โตก็มีชู้ไม่ใช่เหรอ”
อรณารำคาญ “โอ๊ย พอกันแหละ ทั้งตระกูล ดีนะ ณาคนเดียวที่ไม่มีเรื่องพวกนี้ ณาไม่ชอบผูกมัด”
“พูดมาก ไปหาที่นั่งได้แล้ว เออ แล้วไอ้หลานชายตัวดีมันหายไปไหน”

บุพชาและอรณาพากันมองหาชิงฉัตร

ตรีประดับนั่งให้ช่างแต่งหน้าและทำผมอยู่ ระหว่างนั้นเฝ้ารอโทรศัพท์ไปด้วย

“จะมาหรือเปล่านะ”
แววสงสัย “เพื่อนเหรอลูก คงอยู่ในงานแล้วละมั้ง”
“ค่ะ...ตรีก็หวังอย่างนั้น....แม่คะ ตรีขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ”
“ให้แม่ไปด้วยไหมลูก ช่วยยกชุด”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป๊บเดียว เดี๋ยวมานะคะ”
ตรีประดับออกไปพร้อมโทรศัพท์

เจ้าสาวคนสวยไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำ เธอเดินมาเรื่อยๆ ตามทางออกไปหน้าสตูดิโอ มองหาเทศราชมาตามรายทาง เดินเลยมาเกือบถึงบริเวณหน้างาน ตรีประดับกดโทร.หา ช่างภาพหนุ่ม ยืนรอสายไม่มีเสียงตอบรับ
“เทศ...รับสิ”
ตรีประดับรอสายจนต้องวางสายไป เปลี่ยนเป็นพิมพ์ส่งไลน์ไปหา
“ถ้าเทศจะไม่มาในวันสำคัญของเรา เราเคารพเหตุผลของเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเทศสำคัญสำหรับเราเสมอ...เราจะรอ”
ตรีประดับเดินก้มหน้าพิมพ์ จนกระทั่งมาชนคนๆ หนึ่ง โทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือ ตรีประดับเกือบเซ ชิงฉัตรคว้าเอวตรีประดับไว้ได้มองจ้องหน้า จำวงหน้านี้ได้แม่นยำ ว่าเจอกันตอนไล่ล่าและตะลุมบอนกับคู่อริในซอยข้างตึกออฟฟิศพยส และเขาเอาตัวเข้าบังตรีประดับไม่ได้โดนลูกหลงจากคู่อริที่ใช้ไม้หน้าสามฟาดลงมา
ชิงฉัตรตะลึงคาดไม่ถึง “พี่สาว”
ตรีประดับอึ้ง “น้อง...น้องนักเรียนคนนั้น”
ชิงฉัตรยิ้มกว้าง สองคนจำกันได้
“ที่ชนเมื่อกี๊ เจ็บหรือเปล่าฮะ เอายาไหม”
ชิงฉัตรล้วงกระเป๋าหยิบยาหม่องที่ได้มาจากตรีประดับ
“ขอบใจจ้ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้เจ็บอะไร” ตรีประดับชะงักเมื่อเห็นยาหม่อง “นี่พกติดตัวไว้เลยเหรอ อย่าบอกว่าหลังจากนั้นเรายังมีเรื่องกับคนอื่นอีกนะ”
“ก็ตามประสาฮะ ได้ยาหม่องนี่เตือนผมไว้หลายหนเหมือนกัน ผมใช้มาตลอด เลยติดกระเป๋าไปไหนต่อไหน หวังว่าสักวันจะได้เจอพี่อีก”
“เจอแล้วเป็นไงล่ะ มางานนี้เหรอจ๊ะ แขกของพยสเหรอ”
“แล้วพี่...พี่เป็นเจ้าสาวของอาผม”
“เราเป็นหลานพยสหรือจ๊ะ”
ชิงฉัตรพยักหน้า นึกเสียดายอยู่ครามครัน ซ่อนสายตานั้นไว้ จนในจังหวะหนึ่งมองไปเห็นโทรศัพท์ตกอยู่ เด็กหนุ่มก้มลงหยิบให้ เห็นหน้าจอค้างอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“กำลังรอใครอยู่หรือครับ น่าจะสำคัญ”
“เอ้อ...เพื่อนจ้ะ...ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน...”
“ชิงฉัตรฮะ” เขาแนะนำตัว
ตรีประดับยิ้มให้ หมุนตัวกลับไปทางห้องแต่งตัว ชำเลืองมองข้างๆ ด้วยหวังว่าจะเจอเทศราช
ชิงฉัตรมองตามด้วยสายตาประทับใจและเสียดายเป็นที่สุด ตรีประดับกลายเป็นเจ้าสาวแสนสวยของอาพยส และเป็นผู้หญิงที่เขาเอื้อมไปไม่ถึง

ตรีประดับเดินมาหาพยางค์ไหว้เสร็จ กำลังจะอ้าปากถามถึง พยางค์รู้ทันชิงเอ่ยขึ้นก่อนว่า
“ไม่ต้องถามถึงมันหรอก เทศราชคงไม่มา”
“บอกอ...”
“ผมยินดีกับหนูตรีด้วยที่จะได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับคนที่เพียบพร้อมทุกอย่างอย่างคุณพยส ส่วนนายเทศ”
“บอกอคะ ตรีไม่อยากทำร้ายจิตใจเทศ แต่ตรีก็ทำตัวไม่ถูก เทศเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวที่สนิทกับตรีมาตั้งแต่เด็ก เรามีอะไรก็คุยกันทุกเรื่อง เขาเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของตรี”
“ผมพูดตรงๆ นะ ผมรู้ว่าหนูตรีวางตัวดีและเข้าใจนายเทศมัน แต่ความเป็นห่วงของหนู ผมขอให้เก็บไว้ ยิ่งทำให้เห็นมันจะยิ่งตอกย้ำ ตอนนี้ก็ให้ไมตรีของความเป็นเพื่อนรักษาระยะห่างไว้อย่างนี้แหละ ถ้ามันทำใจได้ มันคงเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เอง”
ตรีประดับรับฟังคำเตือนของพยางค์โดยสงบ
พยางค์เดินเข้างานไปแล้ว ตรีประดับยังยืนนิ่งอยู่คนเดียว มองไปด้านนอก ไม่มีแววว่าเทศราชจะมา ในที่สุดก็ตัดใจเดินกลับไปห้องแต่งตัว

มองจากมุมสูงลงมาในห้องโถง มองเห็นความอลังการของงานแต่งงาน พยสยืนตื่นเต้นอยู่ด้านหน้าสุด กำลังรอพิธีการจริงที่ใกล้จะเริ่มต้นขึ้น ชิงฉัตรและโตเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
แขกเหรื่อนั่งอยู่ในที่ทางตัวเองพร้อมเพรียงแล้ว ประตูเปิดกว้างออก ทุกคนหันไปมอง ชินานางก้าวเข้ามาในงานด้วยชุดเดรสแหวกยาวถึงโคนขา เยื้องย่างอย่างมั่นใจ ยิ้มภูมิใจที่ทุกคนจับตามอง
อรณาและบุพชา มองเขม้น
“แหม เปิดตัวซะแรง นึกว่าเป็นเจ้าสาว แล้วดูชุดเข้า โอ้ยๆ จะเป็นลม” บุพชาค่อนแคะ
“นางเพิ่งเซ็นเป็นพรีเซนเตอร์ศูนย์ความงาม นี่นางกำลังขายของ ดูดไขมันต้นขาแบบ Vaser หน้าอกขนาดใหม่ 330 ซีซี” อรณาผู้ไม่เคยตกข่าวฉาวบอก
ชินานางเดินผ่านพยางค์ที่นั่งแถวด้านหน้า ไม่พลาดปรายตาหว่านเสน่ห์ส่งให้บอกอใหญ่ ก่อนจะส่งจุ๊บลอยอากาศไปหาพยส
“คองแกรทนะคะยส”
บุพชาหันไปเห็นเมาท์ไม่เลิก
“คนจะหย่ามาร่วมงานแต่ง เฮอะ มงคลพิลึก”
ผู้เป็นพ่อกระแอมปราม บุพชาจึงเงียบลง
“ขอเชิญที่ประชุมยืนขึ้นต้อนรับขบวนเจ้าสาว”
พยสเริ่มตื่นเต้น อยากจะหันหลังมาดู ชิงฉัตรรีบสะกิดไว้
“เจ้าสาวของอาสวยมาก อดใจไว้อีกนิดนะอา”
“แกไปแอบเห็นตอนไหน”
“ตอนที่คุณตรีประดับเดินออกมาตามหาเพื่อน”
“เพื่อน...ใคร?”
“ไม่ได้บอกฮะ ไม่เจอด้วย แต่คงสำคัญเหมือนกัน”
พยสหน้าเจื่อนไปนิด รู้ว่าเพื่อนคนสำคัญคงจะไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากเทศราช
“เทศราช วันนี้ไม่ใช่วันของแก อย่ามาให้ตรีเห็นหน้า” เสียงนี้ร่ำร้องอยู่ในใจทนายหนุ่ม

ตรีประดับยืนอยู่หน้าประตู เหลียวมองไปทางด้านหลังแว่บหนึ่ง ยังหวังว่าจะได้เห็นเพื่อนรัก
“ได้เวลาแล้วลูก”
“เทศคงไม่มาจริงๆ”
ตรีประดับบอกตัวเองในใจ เรียกสติคืน หันมาทางบิดา ภูมิจับมือลูกสาวคล้องแขน
“ต่อจากนี้ พยสจะเป็นผู้ชายคนสำคัญที่สุดในชีวิตของตรีนอกจากพ่อ ในเมื่อตรีเลือกแล้ว พ่อขอให้ตรีมีความสุขกับผู้ชายคนนี้ เพราะลูกเชื่อมั่น พ่อจึงเชื่อและไว้ใจที่จะมอบลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของพ่อให้เขาดูแล
“พ่อขา”
“ทางข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่ายังมีมือของพ่อกับแม่พร้อมจะประคองลูกเสมอ”

ตรีประดับสวมกอดพ่อ ภูมิลูบหัวลูกสาวอย่างอ่อนโยน

ประตูใหญ่ที่ปิดอยู่ ถูกเปิดประตูออกช้าๆ สายตาทุกคู่หันไปมอง ชิงฉัตรก็ด้วย ประตูค่อยๆ เปิดกว้างออก แสงจากด้านนอกสว่างเจิดจ้า

ในความสว่างเรืองรองนั้น ตรีประดับควงแขนภูมิเดินเข้ามา ชายลูกไม้คลุมใบหน้าเจ้าสาวพลิ้วไหว แลเห็นรอยยิ้มเขินประหม่านิดๆ บนริมฝีปากอิ่มงาม

แขกในงานตะลึงความงดงามของเจ้าสาว ทุกคนยิ้มยินดี พยสชำเลืองมองเห็นสายตาชิงฉัตรตื่นตะลึง ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น แม้ว่าใจจะขุ่นไปนิด เขาพยายามสลัดความหึงทิ้งไป
“ตอนนี้ผมอิจฉาอายสจริงๆ อาตรีสวยมาก”
ตรีประดับเดินผ่านแขก ก้มศีรษะเคารพพ่อพยสและแม่เลี้ยง อรณายิ้มให้อย่างจริงใจ แววตาชื่นชม
บอกกับบุพชาว่า “พี่พยสตาถึงจริงๆ”
“สวย...จืดๆ”
“พี่บุพ พี่ตรีเค้าออกจะเพียบพร้อมทุกอย่าง พี่จะร่วมยินดีปรีดากับความสุขของคนอื่นบ้างได้ไหม นี่งานแต่งงานพี่ยส น้องชายแท้ๆ ของพี่นะ”
“เออๆ เค้าก็สมกันดี” บุพชาพยักพเยิดส่งๆ

ตรีประดับเดินผ่านพยางค์ บอกอใหญ่พยักหน้าให้ ตรีประดับเดินผ่านไป พยางค์อดไม่ได้ชำเลืองมองที่ประตู
ภูมิพาตรีประดับไปถึงที่หน้าแท่นพิธี ตรีประดับแอบสบตาแม่ แววซับน้ำตาปลื้มปิติ
พยสยังยืนตัวแข็ง นึกถึงที่ตรีประดับไปตามหาเทศราช
เสียงชิงฉัตรที่บอกว่าตรีประดับไปตามหาเพื่อนดังก้องขึ้น
“คุณตรีประดับเดินออกมาตามหาเพื่อน คงสำคัญเหมือนกัน”
“อายส ฮะ ถึงเวลาแล้ว”
ชิงฉัตรสะกิดเรียก พยสได้สติ ก้าวเท้าเข้าไปหาเจ้าสาวคนสวย ภูมิวางมือลูกสาวลงในมือเจ้าบ่าว พยสสบตาตรีประดับผ่านผ้าคลุมหน้า
เสียงบาทหลวงดังขึ้น
“บ่าวสาวที่รัก ท่านทั้งสองมา ณ ที่นี้ เพื่อขอพระเป็นเจ้า ปกป้อง คุ้มครองความรักของท่าน ทำให้ความรักของท่านมั่นคง”
เสียงนั้นดังมาถึงบริเวณที่เทศราชยืนอยู่ นิ่งคิด ตัดสินใจบางอย่าง

ใต้แสงสลัวในเงามืดของห้อง เรือนร่างอันเปลือยเปล่าของพัดชา ถูกมือของชายคนหนึ่งลูบไล้เรื่อยเลื้อยมาจากด้านหลัง ใบหน้าสวยเศร้าในเงามืดครึ่งแสงครึ่งเห็นวี่แววขยะแขยงอยู่เต็มดวงตา

บาทหลวงดำเนินพิธีมาถึงช่วงเวลาสำคัญ “ขอให้เราร่วมเป็นสักขีพยานแก่ชายหญิงคู่นี้ในพิธีมงคลสมรสอันบริสุทธิ์”

พัดชาจับมือเดฟออกจากตัว แล้วแบมือออก มืออีกข้างหนึ่งของเดฟวางพาสปอร์ตคืนให้
พัดชากำพาสปอร์ตแน่น ร่างเดฟขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ และกอดรัดแน่นขึ้นๆ ร่างพัดชาสั่นสะท้านกล้ำกลืนฝืนทน น้ำตาร่วงรินอาบรดแก้มนวลเป็นสาย

ในสีหน้าปลื้มปริ่มอิ่มสุข แววตาของตรีประดับใต้ผ้าคลุมลูกไม้สีขาวพิสุทธิ์ น้ำตารื้นเล็กน้อย
“ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง”
พยสยิ้มกว้าง กำลังจะพยักหน้ารับ คลี่ยิ้มออกมาเต็มใบหน้าอย่างปลื้มปิติและเป็นผู้ชนะ
เสียงสับคัตเอาท์ดังกึกก้องขึ้น ไฟดวงใหญ่ในห้องดับพรึบลง จากห้องโถงที่สว่างไสว เหลือเพียงแสงเรืองๆจากตะเกียงบางจุด
ตรีประดับและพยสตกใจ สีหน้าพยสเครียดเคร่งขึ้นมาเล็กน้อย มั่นใจว่าเป็นฝีมือเทศราชแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้เหตุผล พยางค์ถอนหายใจ ไม่ต้องหันไปมอง ก็รู้ว่าเป็นผลงานของใคร
ไม่นานต่อมา เสียงประตูใหญ่เปิดกว้างออก แสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาพร้อมๆ กับเทศราชที่เดินเข้ามาในชุดหล่อเนี้ยบผิดหูผิดตาจากมาดเซอร์ๆ ที่ทุกคนในชีวิตเคยเห็น
เทศราชร้องขัดขึ้นทันที เสียงดังไปทั้งห้อง “เดี๋ยวครับ”
บ่าวสาวอุทานออกมาไล่ๆ กัน “เทศ” / เทศราช”
ทุกคนในงานหันไปมองเทศราชเป็นตาเดียว
พยางค์ พยายามทำมือสัญลักษณ์ให้เทศราชใจเย็น ทำนองว่า กูขอนะหลาน อย่าทำอะไรบ้าๆ
เทศราชยิ้มบางๆ ซึ่งดูเหมือนจะยั่วกิเลสพยส
“ผมมีบางอย่างอยากจะพิสูจน์ ให้ทุกคนในที่นี้เห็นว่าชายหญิงคู่นี้รักกันมีความรักให้กัน พร้อมที่จะยกย่องและดูแลกันและกันตลอดชีวิตหรือไม่”
“เทศราช...นายจะทำอะไร”
พยสฮึ่มฮ่ำใส่ ชิงฉัตรแทบจะปรี่มา โตดึงชิงฉัตรไว้ ภูมิกันพยสไว้นิดๆ ให้ใจเย็นๆ
“ยสคะ เทศไม่มีทางทำร้ายเราสองคน เขาเป็นเพื่อนเรา”
พยางค์เดินออกจากมาที่นั่ง ตรงมาหาเทศราช
“ไอ้เทศ
“รักให้สุดทาง...รักให้มากพอไงครับอา”
เทศราชบอกพยางค์ ก่อนจะยกมือ ทุกคนฮือฮา นึกว่าจะมีปืน เทศราชกดรีโมตในมือ
มุมหนึ่งในห้อง มีจอโพรเจ๊กเตอร์ขนาดใหญ่เลื่อนลงมา เพลงรักหวานซึ้งสุดโรแมนติกดังขึ้น
ภาพในจอ เป็นวิดีโอพรีเวดดิ้งสุดซึ้ง ประกอบมีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ที่เทศราชถ่ายให้ตรีประดับและพยสจากญี่ปุ่น
แขกทุกคนตะลึงตะไล มองวิดีโอตาค้าง ทุกคนดื่มด่ำความหวานชื่นในความรักของพยสและตรีประดับ พยสคาดไม่ถึง เงยมองหน้าจอ
ตรีประดับไม่ได้มองที่วิดีโอเลย เอาแต่จดสายตาจ้องมายังเทศราชโดยไม่ยอมละสายตา เทศราชเดินเข้ามาหาช้าๆ ตรีประดับอดไม่ได้เดินลงจากส่วนพิธีมาหา จับมือเทศราชไว้
“เทศ”
“เราเป็นทุกอย่างให้ตรีได้เสมอ”
“เรายังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม” ตรีประดับถามขึ้นเสียงเบาหวิว
เทศราชพยักหน้าในที่สุด เขาจับมือตรีประดับเดินไปส่งให้จนถึงตัวพยส เทศราชจับมือพยสและวางมือตรีประดับลงไป
“ฉันขอให้นายรักและให้เกียรติตรีประดับ มั่นคงต่อกันและกันตลอดไป ยินดีด้วยเพื่อน”
“ฉันจะทำให้นายเห็นว่าความรักของฉันที่มีให้ตรี จะไม่มีวันจืดจางไป ไม่มีวันที่ฉันจะทำให้ตรีเสียใจ ขอบใจ เทศราช”
เทศราชและพยสจับกุมมือกันแน่น เทศราชโอบบ่าวสาวเพื่อนทั้งสองให้หันกลับไปยังแท่นพิธี พยสโอบประคองตรีประดับหันไปดูวิดีโอต่อ
เทศราชหมุนตัวเดินจากมาช้าๆ ตามทางเดินกลางโถง ท่ามกลางผู้คนที่จดจ่ออยู่กับภาพหวานซึ้งบนจอโดยไม่มีใครสนใจเขาเลย
ต่อหน้าแท่นพิธีบาทหลวงให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาว ตรีประดับเขินพยสก็เขินเช่นกัน
เทศราชเดินก้าวขาช้าลงนิดหนึ่งเหลียวกลับไปมอง เห็นพยสบรรจงจูบตรีประดับอย่างละมุนละไม
เทศราชหันกลับเดินออกมา

สาวๆ ในงานจำนวนหนึ่งพากันมาอออยู่หน้าโถง พยสโอบกอดตรีประดับที่กำลังเตรียมตัวจะโยนดอกไม้ไว้ เทศราชหยุดยืนอยู่มุมหนึ่ง มองจ้องตรีประดับเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าสาวของพยสหันมาเล็งทิศทางก่อนจะโยนดอกไม้ขึ้นในสีหน้าอันเริงร่า

เทศราชหมุนตัวเดินจากไปมาดอย่างเท่ ในจังหวะที่ช่อดอกไม้ถูกโยนลอยขึ้นฟ้าพอดี

อ่านต่อน ตอนที่6
กะรัตรัก – Diamond Lover ตอนที่ 4
กะรัตรัก – Diamond Lover ตอนที่ 4
ทุกสายตาจดจ้องมองไปยัง มี่เหม่ยลี่ หรือ มี่โตะ กับเซี่ยวเลี่ยงที่ยืนพร้อมอยู่ในฉาก ซือหยวนเองก็ยังอดลุ้นเอาใจช่วยไม่ได้ในใบหน้าอันเชิดหยิ่งของหล่อน “ดีมากมาๆๆ” น้ำเสียงปลื้มปริ่มของผู้กำกับดังขึ้นเมื่อมองภาพในมอนิเตอร์ ก่อนจะหยิบวิทยุตะโกนสั่งการ “ทีมงานเตรียมพร้อม แอ็คชั่น” เซี่ยวเลี่ยวเป็นฝ่ายเดินเข้าหาช้าๆ ยกมือขึ้นจับแขน เหม่ยลี่กลับประหม่าซวนเซเสียหลัก ผู้กำกับตะโกนมาถาม “สแตนด์ อิน เป็นอะไร” เหม่ยลี่หน้าเสียหันมาโค้งขอโทษผู้กำกับ “ขอโทษค่ะผู้กำกับ” เซี่ยวเลี่ยงปลอบว่า “ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้กินคุณสักหน่อย ไม่ต้องตื่นเต้นคุณทำได้” “มาๆๆๆๆ เตรียมพร้อม แอ็คชั่น”
กำลังโหลดความคิดเห็น