แรงชัง ตอนที่ 8
บริเวณหน้ากองไฟ ที่กำลังเผาร่างของเจ้าพระยาสีหราฐ คุณหญิงเด่นหล้า พระยานฤบดินทร์และคุณหญิงแจ่มจันทร์ เนื้อนางยืนร้องไห้เสียใจ กอดเอื้องฟ้าไม่ปล่อย หวังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ศักดาน้ำตาซึมเสียใจ สายก็เสียใจเหมือนกัน เวลาผ่านไป ไฟเผาไหม้ร่างทั้งสี่ จนเหลือแต่เถ้ากระดูก เนื้อนางนั่งร้องไห้อย่างทุกข์ระทม
“ลูกขอโทษที่ไม่มีโอกาสได้นำเถ้ากระดูกพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วย เพราะลูกก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน”
เนื้อนางสะอื้นอย่างหนัก เอื้องฟ้ากอดแม่พลางเช็ดน้ำตาให้ ศักดาเข้ามาหา
“ไปเถอะเนื้อนาง เราต้องไปหาที่คุ้มกะลาหัว”
ศักดาเดินนำออกไป สายเข้ามาพยุงเนื้อนางกับเอื้องฟ้าพากันเดินตามศักดาไป
ผู้คนในตลาดเดินกันขวักไขว่อย่างทุกวัน แต่เมื่อชาวบ้านเห็นศักดาเดินนำเนื้อนาง เอื้องฟ้าและสายเข้ามาในตลาด ก็มองอย่างดูถูก บางคนยืนเกาะกลุ่มคุยกัน ศักดาเชิดหน้าพยายามไม่ใส่ใจกับสายตาของชาวบ้าน ในขณะที่เนื้อนางเดินกอดเอื้องฟ้าก้มหน้างุดด้วยความอับอาย
“มองอะไรกันวะ”
“ก็มองคนหน้าไม่อายสิวะ ไอ้ลูกคนขี้โกง โกงชาติ โกงแผ่นดิน แบบนี้ยังมีหน้ามายืนเหยียบแผ่นดินนี้อีก ไป ออกไป ไอ้ลูกคนขี้โกง ไป”
ชาวบ้านเริ่มโบกมือและเอ่ยปากไล่ ศักดาและเนื้อนางได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก จนชาวบ้านพวกนั้นทนไม่ไหวต้องหาข้าวของมาปาใส่ทั้งสี่คน เนื้อนางร้องตกใจ รีบดึงเอื้องฟ้าเข้ามากอดไว้
“รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเนื้อนาง คุณศักดา เดี๋ยวคุณหนูเอื้องฟ้าจะเป็นอันตราย”
ศักดาอับอายขายหน้ามาก ที่ตกต่ำจนถูกออกปากไล่ถึงขนาดนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รีบเดินจ้ำๆออกไปไม่รอใคร เนื้อนางรีบตามไปทั้งที่ยังกอดเอื้องฟ้าไว้ สายคอยระวังไม่ให้ชาวบ้านปาข้าวของมาถูกเนื้อนางและเอื้องฟ้า
เวลาต่อมา ศักดาพาเนื้อนาง เอื้องฟ้า และสายมาที่บ้านญาติของเขา ญาติมองศักดาและเนื้อนางด้วยสายตารังเกียจ ดูถูก
“ฉันคงให้พวกเธออยู่ด้วยไม่ได้หรอก ชาวบ้านคนอื่นๆ มันจะครหาเอาได้ว่าฉันรับเลี้ยงลูกของคนโกงชาติบ้านเมือง”
“ขอร้องเถอะขอรับคุณน้า เราไม่มีที่ไปจริงๆ”
“ฉันก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน”
ญาติจะเดินหนีไปแต่พอเห็นเอื้องฟ้าท่าทางน่าสงสารอยู่บนตักเนื้อนาง เนื้อตัวมอมแมม หน้าตาหมองเศร้ามากๆ ก็เวทนา
“เอ้าๆๆ ฉันจะช่วยได้เท่าที่ช่วยแล้วกัน เห็นแก่นังหนูนี่มันหรอกนะ ทั้งหมดนี่ก็ไปอยู่บ้านเก่าฉันที่ปากน้ำโพแล้วกัน แต่หาทางไปกันเองนะ ฉันช่วยแค่นี้”
“แค่นี้ก็เป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้วค่ะ ขอบพระคุณคุณน้าสิลูก”
เอื้องฟ้าไหว้ “ขอบพระคุณค่ะ”
“ขอบคุณขอรับคุณน้า”
เนื้อนางหันมองศักดาด้วยความกังวล
“แล้วเราจะหาเรือที่ไหนไปปากน้ำโพคะพี่ศักดิ์”
ศักดาครุ่นคิด
หอมเดินเข้ามาหาคนงาน ถามถึงลูกชาย
“เห็นหาญบ้างมั้ย”
คนงานส่ายหน้าไม่เห็น หอมเริ่มร้อนใจใส่รองเท้าจะเดินออกไป พอดีกับที่น้อยวิ่งเข้ามา
“ที่ท่าน้ำก็ไม่มีนะหอม เอ ไปอยู่ที่ไหนนะ”
หอมพยายามคิดๆ ว่าจะไปตามตัวหาญได้ที่ไหน พอคิดบางอย่างได้ ก็รีบวิ่งออกไปไม่รอน้อยเลย น้อยจึงต้องรีบตามไป
ขณะนั้น แก้ว เด็กชายวัย 6 ขวบ กำลังแอบใครบางคนอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างกังวลใจ คนๆ หนึ่งกำลังค่อยๆ เดินเข้ามาหาแก้ว แต่แก้วไม่เห็นกลับชะโงกหน้าออกไปมองอีกทางแล้วตัดสินใจหมุนตัวกลับก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมีกิ่งไม้ยื่นเข้ามาเกือบทิ่มหน้า เสียงหาญแหย่
“แฮ่”
“เฮ้ย”
หาญหัวเราะชอบใจ
“แอบยังไงให้ฉันจับได้อยู่เรื่อย ไม่เอาแล้วๆ ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า”
“ทำอะไรล่ะ”
“เก็บดอกไม้”
“เราเป็นผู้ชายนะหาญ จะเล่นดอกไม้ได้ยังไง”
“ไม่ได้เล่น เก็บไปให้แม่หอมต่างหาก ไป”
หาญวิ่งนำแก้วไป ขณะที่หอมและน้อยเดินตามหาหาญอย่างกังวลใจ
“หาญ อยู่ไหนลูก”
“แน่ใจนะว่าหาญจะอยู่บนเขานี้น่ะ ที่บนเขานี่น่ะหน้าผาสูงชันอันตรายจะตาย พี่ว่าหาญกับแก้วคงไม่กล้ามาเล่นที่นี่หรอก”
“เด็กจะไปรู้อะไรล่ะพี่น้อย หาญกับแก้วยิ่งชอบวิ่งเล่นไม่ระวังอยู่ด้วย”
หอมรีบวิ่งขึ้นบนเขาไป
หาญเหยียบบ่าแก้วพยายามก้าวขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงใหญ่ที่ริมหน้าผาจนได้ หาญหันซ้ายหันขวามองหาดอกไม้ที่สวยที่สุดจนมาเจอดอกหนึ่งกำลังบานสวยอยู่ตรงกิ่งที่ยื่นออกไปตรงหน้าผา หาญค่อยๆ ปีนแล้วยื่นมือหวังจะไปคว้าดอกไม้ แต่พลาดเกือบจะหล่นลงมาจากต้นไม้ ดีที่อีกมือยังยึดเอาไว้ได้ก่อน แก้วรออยู่ด้านล่างอย่างกังวล
“หาญ มาเก็บดอกในๆ เถอะ อย่าออกไปเลย”
หาญพยายามเอื้อมมือเก็บดอกไม้
“อีกนิดเดียวน่า”
หาญค่อยๆ เอื้อมมือจนเก็บดอกไม้ที่ยื่นออกไปด้านนอกหน้าผาได้สำเร็จ
“เห็นมั้ยได้แล้ว”
แก้วยิ้มดีใจกับหาญ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นกิ่งไม้กำลังจะหัก หาญตกใจสุดขีด พยายามจะตะกายกลับเข้ามาด้านใน แต่ก็พลัดตกต้นไม้ร่วงลงไปจนได้ แก้วตกใจสุดขีด
“หาญ”
บริเวณท่าน้ำ ศักดา เนื้อนาง สาย และเอื้องฟ้า ยืนคุยอยู่กับเพื่อนของศักดา
“ขอบใจมากที่ช่วยหาเรือมาให้”
“ฉันก็ช่วยแกได้เท่านี้แหละนะ”
“ฉันยังเจ็บใจไม่หายที่พวกมันทำกับพ่อแม่ฉันอย่างนี้ อยากรู้นักว่าหลวงรู้ได้ยังไงว่าพ่อฉันทำอะไรไว้ ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครระแคะระคายอะไรเลย เรื่องนี้มันต้องเป็นฝีมือของใครบางคน มันทำให้พ่อกับแม่ฉันต้องตาย และฉันกับลูกเมียก็ไม่มีที่จะซุกหัวนอน”
“ก็เจ้าพระยาบริบรรณน่ะสิที่เอาหลักฐานมายื่นให้ทางการตรวจสอบ”
“ใครคือ ไอ้บริบรรณ”
“ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าหรอก แต่พ่อฉันบอกว่าเจ้าพระยาบริบรรณคนนี้ มันให้ลูกน้องคนสนิทลักลอบไปหาหลักฐานมาให้ทางการเอาผิดพ่อแม่ของแกและเนื้อนาง”
“ไอ้บริบรรณ”
ศักดาแค้นมาก เนื้อนางก็คิดแค้นเจ้าพระยาบริบรรณเหมือนกัน เอื้องฟ้ามองหน้าพ่อแม่ที่เต็มไปด้วยความโกรธก็กลัว แอบซุกหน้ากับสาย
หอมเดินขึ้นบ้านมาเหมือนจะเป็นลม น้อยประคองเข้ามา ชงชางเห็นสีหน้าของหอมก็ตกใจ
“มีอะไรรึหอม”
“ก็หาญน่ะสิพี่ชาญ”
“หาญทำไม”
“หาญไปปีนเล่นบนเขาแล้ว”
“แล้วยังไง”
หอมส่ายหน้า พูดไม่ออก ชงชางยิ่งตกใจ คิดไปแล้วว่าหาญตกเขาตาย หันไปจะคาดคั้นน้อยบ้าง แต่หาญเดินหน้าสลดเข้ามา กอดหอมไว้
“แม่อย่าโกรธลูกนะ”
ชงชางมองหอมกับหาญอย่างงงๆ ยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
“ก็หาญน่ะสิคะ”
หอมนึกถึงตอนที่หาญพลัดตกลงมาจากต้นไม้ เธอวิ่งขึ้นมาเห็นเข้าพอดี ก็เข้าไปคว้าตัวลูกเอาไว้ได้ทันก่อนจะตกเหวไป
“แม่ขอห้ามหาญนะ ว่าต่อไปห้ามขึ้นไปเล่นบนเขาตรงนั้นอีก เข้าใจมั้ย เพราะถ้าวันนี้แม่ไปไม่ทันล่ะก็”
หอมจะพูดต่อ แต่หาญรีบขัดขึ้น
“แต่แม่ก็ช่วยลูกทันนี่ขอรับ ลูกรักแม่ที่สุดเลย”
หอมจะว่าอะไรลูกอีกเลยอึ้งไป ถอนใจอย่างยอมแพ้กับความออดอ้อนออเซาะของลูกชาย“แม่เขาห้ามอะไร เจ้าก็อย่าทำ รู้มั้ย”
“ขอรับ”
ชงชางกับหอมเริ่มยิ้มออก หาญรีบบอก
“เรารีบไปเรือนท่านเจ้าคุณกันเถอะขอรับ วันนี้ท่านเจ้าคุณบอกว่าจะพาไปดูละครร้อง”
หาญเข้าไปพยุงหอมอย่างเอาใจแล้วพาออกไป ชงชางมองสองแม่ลูกยิ้มๆ
ครอบครัวชงชางมาที่เรือนเจ้าพระยาบริบรรณ เจ้าพระยาบริบรรณมองหาญแล้วหัวเราะชอบใจ
“เธอสนใจในละครร้องจริงๆ หรือ”
“ขอรับ อยากเห็นว่ามันเป็นอย่างไรขอรับ”
เจ้าพระยาบริบรรณหันไปถามแก้ว
“แล้วเธอล่ะ แก้ว”
แก้วส่ายหน้า กล้าเลยดุ
“ส่ายหน้ากับผู้ใหญ่ไม่ได้นะลูก ตอบท่านสิ”
“ก็ ขอรับ”
เจ้าพระยาบริบรรณหัวเราะชอบใจ
“เอ้าๆ งั้นฉันจะพาไป”
ชงชางมองแปลกใจ “กระผมเพิ่งจะทราบว่าท่านเจ้าคุณสนใจละครร้องด้วย”
“แต่เดิมฉันสนใจมากเลยทีเดียว แต่พอมีเรื่องบาดหมางใจกับไอ้นฤบดินทร์ ฉันก็หมดอารมณ์สุนทรีย์ จนกระทั่งวันนี้ ที่เรื่องทุกอย่างจบลง ฉันก็เริ่มสบายใจคิดอยากกลับมาดูละครเหมือนเดิมแล้ว”
“ไปกันเลยมั้ยขอรับ” หาญเร่ง
“เอ้า ไปๆ”
เจ้าพระยาบริบรรณเดินออกไป ทุกคนตามไป หาญและกล้าเดินตามไปหลังสุด ตื่นเต้นมาก
ละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้ากำลังแสดงอยู่บนเวที ละครเรื่องนี้เป็นที่นิยมมากในขณะนั้น ชาวบ้านต่างนั่งดูด้วยความสนใจ เจ้าพระยาบริบรรณก็นำทุกคนเดินเข้ามานั่งดูด้วย ละครเริ่มเดินเรื่องตั้งแต่ร้อยตรีหนุ่มพบรักกับสาวเครือฟ้า และได้เป็นสามี จนกระทั่งมีลูก แล้วร้อยตรีก็ถูกสั่งย้ายให้กลับกรุงเทพฯ ถูกบังคับให้แต่งงาน หาญนั่งดูด้วยความสนใจและสนุกมาก จนแก้วหันมาแซว
“ชอบมากหรือหาญ”
“งั้นสิ”
คนดูสงสารสาวเครือฟ้าที่เฝ้ารอสามีจนกระทั่งเขากลับมาพร้อมกับภรรยาคนใหม่ เครือฟ้าเสียใจมากจึงใช้มีดแทงตัวตาย คนดูร้องไห้เสียใจตามไปด้วย หาญดูแล้วสลดใจหันไปถามชงชาง
“มีคนตายเพราะความรักอย่างในละครนั่นได้จริงๆ หรือขอรับ”
“ได้สิ”
หาญรู้สึกเต็มอิ่ม ชอบใจการดูละครร้องครั้งนี้มากๆ ในขณะที่ชงชางหน้าสลดลง
เวลาต่อมา ชงชาง หอม และหาญ กลับมาบ้าน หลังจากดูละครเสร็จ น้อยวิ่งเข้ามารับ
“ไหนว่าไปบ้านท่านเจ้าคุณ ทำไมไปกันเสียนานเลย”
“ท่านพาไปดูละครร้องมาน่ะพี่น้อย”
น้อยตื่นเต้นมาก “สนุกมั้ยล่ะ พี่ไม่เคยดูเลย แต่ได้ยินคนเขาพูดกันว่า มันสนุกเหลือใจ”
หอมยังไม่ทันตอบ หาญรีบชิงตอบแทน
“สนุกมากจ้ะ ป้าน้อย ที่คณะละครเขาเปิดสอนการเล่นละครด้วยนะแม่”
“หาญสนใจหรือลูก”
หาญกำลังจะตอบ แต่ชงชางรีบตัดบทก่อน
“อย่าเลยหาญ เอาเวลานั้นมาเรียนรู้งานกับพ่อดีกว่า กิจการเราตั้งมากมาย ใจคอโตขึ้นหาญจะไม่ช่วยพ่อเลยรึ”
หาญเซ็งๆ เพราะไม่ชอบ อยากร้องรำมากกว่า หอมเห็นหน้าลูกก็เข้าใจ รีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“กลับมาเหนื่อยๆ พี่ไปพักเถอะจ้ะ”
ชงชางเดินเข้าห้องไป หอมก็ออกอาการร้องรำอย่างที่ดูมาในละครทันที เธอมองลูกแล้วก็หัวเราะกัน
ศักดา เนื้อนาง สาย และเอื้องฟ้าพากันมาที่บ้านปากน้ำโพของญาติศักดา ศักดามองภายในบ้านด้วยความอึ้ง เป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก แล้วก็เต็มไปด้วยฝุ่น เขาอารมณ์เสียทันที
“อะไรวะ เป็นญาติกันแท้ๆ แต่ให้มาอยู่บ้านเท่ารูหนูแบบนี้หรือวะ พี่อยู่ไม่ได้หรอก เนื้อนาง”
เนื้อนางก็อึ้งไปเหมือนกันเมื่อเห็นสภาพบ้าน แต่ก็ฮึดสู้
“แต่เราต้องอยู่ให้ได้นะจ๊ะพี่ เพราะเราไม่มีที่ไปแล้ว เงินเราก็ไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกหลวงริบไปหมด เราเหลือชีวิตมาก็เป็นบุญแล้วนะพี่ แต่พ่อกับแม่เรานี่สิ แม้แต่ชีวิตก็ไม่เหลือ”
“โธ่เว้ย”
ศักดาเดินอารมณ์เสียออกไปหน้าบ้าน เนื้อนางส่ายหน้าระอา
“ช่างเขาเถอะจ้ะพี่สาย เดี๋ยวพี่ศักดิ์คงกลับมาเอง เรามาช่วยกันทำความสะอาดบ้านกันก่อนเถอะ ฝุ่นเยอะแบบนี้ฉันกลัวเอื้องฟ้าจะไม่สบาย”
“เจ้าค่ะ”
เนื้อนางกับสายเริ่มเก็บกวาดบ้าน
“เอื้องช่วยนะจ๊ะแม่”
“โถ ลูกแม่ ไปนั่งรอแม่ดีกว่าลูก เดี๋ยวฝุ่นจะเข้าจมูกแล้วจะไม่สบาย”
“แต่เอื้องอยากช่วย”
เอื้องฟ้าดึงผ้าจากมือเนื้อนางมาแล้วลงนั่งถูพื้นอย่างเด็กๆ เนื้อนางมองลูกน้ำตาซึม
“ทำไมลูกต้องมาลำบากอย่างนี้นะพี่สาย”
“โถ คุณหนูทั้งสองของบ่าว”
เนื้อนางและสายมองเอื้องฟ้าอย่างสงสาร เอื้องฟ้าขะมักเขม้นถูพื้นไม่ยอมหยุด ในขณะที่ศักดาออกมานอกบ้าน ชกต้นไม้อย่างหงุดหงิด โมโห
“โธ่เว้ย ไอ้บริบรรณ มึงทำให้ชีวิตกูเป็นแบบนี้ กูจะขอจองล้างจองผลาญมึง เจอมึงที่ไหนก็จะฆ่ามึงที่นั่น โว้ย”
ศักดาหันหลังจะเดินกลับ แต่ชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาพอดี ทำให้ตะกร้าที่ใส่ของจากตลาดหกเรี่ยราด ศักดายังไม่ทันมองหน้าก็อารมณ์เสีย
“เดินยังไงวะ”
ศักดาหันมามองก็ชะงักไป เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังก้มเก็บข้าวของใส่ตะกร้า เผยให้เห็นเนินอกที่โผล่พ้นผ้าแถบออกมา เขามองตาเป็นมัน รีบเข้าไปช่วยเก็บ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ พี่ไม่ทันมอง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“ซื้อของไปทำอาหารที่บ้านรึ พี่เพิ่งมาอยู่ใหม่”
ศักดายิ้มกรุ้มกริ่ม หญิงสาวเอียงอาย
เจ้าพระยาบริบรรณ ชงชาง และกล้า นั่งพุดคุยกันอยู่
“ท่านเจ้าคุณจะย้ายไปอยู่พระนครหรือขอรับ”
“ใช่ ฉันต้องเข้าไปทำงานที่พระนครในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชาญสนใจจะไปกับฉันมั้ยล่ะ”
“กระผมอยากจะตามไปรับใช้ท่านเจ้าคุณ แต่คงต้องขอปรึกษาหอมก่อนนะขอรับ”
เจ้าพระยาบริบรรณพยักหน้าเข้าใจ
เวลาเดียวกันนั้น หาญกับแก้วยืนอยู่ข้างเวทีการแสดงละครร้องสาวเครือฟ้า หาญตั้งใจดูและพยายามเล่นตามบทบาทของร้อยตรีผู้เป็นสามีของเครือฟ้า แก้วยืนดูหาญรำตามนักแสดงบนเวที หาญเพลินเพลินกับการร้องรำมาก
ขณะที่หอมผุดลุกผุดนั่ง ชะเง้อมองออกไปนอกบ้านรอหาญ เพราะไม่รู้หายไปไหนอีก ชงชางเพิ่งกลับมาจากเรือนเจ้าพระยาบริบรรณ
“หอม พี่มีเรื่องอยากจะหารือหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือจ๊ะพี่”
ชงชางลังเลว่าจะถามดีหรือไม่ แล้วตัดสินใจถาม หอมฟังแล้วตกใจอยู่ไม่น้อย
“พระนครหรือพี่ ฉันไม่อยากไปเลย ทุกวันนี้เราตั้งรกรากอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วนี่จ๊ะพี่ ทุกอย่างกำลังอยู่ตัว”
ขณะนั้นหาญเดินเล่นละครอย่างที่ไปดูมามาตามทางกลับ แต่พ่อเห็นพ่อกับแม่นั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดก็หยุดยืนฟัง
“แต่ท่านเจ้าคุณมีบุญคุณกับเรามากนะหอม พี่อยากจะตามไปรับใช้ท่านที่พระนครด้วย”
หอมอึ้ง หันไปมองหน้าน้อยเป็นเชิงปรึกษา
“พี่ก็เห็นด้วยนะหอม ที่พระนครน่ะเจริญกว่าชุมพรมาก ถ้าได้ไปค้าขายที่โน่น กิจการก็คงจะดีกว่านี้”
หาญตาโตด้วยความสนใจ พึมพำกับตัวเอง
“พระนคร อย่างนั้นก็ต้องมีละครให้ดูเยอะแยะเลยสิ”
หาญรีบเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ทันที
“ไปพระนครเถอะขอรับแม่ ลูกอยากไป”
“ไปอยู่ที่พระนคร บางทีหาญจะได้เรียนหนังสือหนังหากับเขาด้วยไงหอม”
หอมมองหน้าทั้งสามคนอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมตกลง ทุกคนดีใจ โดยเฉพาะหาญที่หวังจะได้ไปดูละครที่พระนครให้สนุก
ที่บ้านปากน้ำโพ เนื้อนางปลดสร้อยคอ สร้อยข้อมือและเข็มขัดทองของตัวเองออกมา สายมองด้วยความเสียดาย
“เราต้องทำกันแบบนี้จริงๆ หรือเจ้าคะคุณหนู บ่าวว่า”
“แบบนี้แหละพี่สาย ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้เราก็ไม่มีเงินมาลงทุนค้าขาย ทีนี้ก็จะยิ่งลำบากใหญ่ ไม่มีเงินมาซื้อข้าวประทังชีวิตเลยนะพี่”
“โธ่ ก็บ่าวเสียดายนี่เจ้าคะ”
เนื้อนางเดินไปหาเอื้องฟ้าซึ่งนอนหลับอยู่ด้วยความเหนื่อยจากการทำงานบ้าน เธอมองลูกน้ำตาคลอด้วยความสงสาร ก่อนจะจับมือเอื้องฟ้าขึ้นมาแล้วถอดสร้อยข้อมือออก สายตกใจ
“คุณหนูจะเอาของคุณเอื้องฟ้าไปขายด้วยหรือเจ้าคะ”
“ฉันต้องทำพี่สาย ไม่อย่างนั้นเงินเราจะไม่พอ ตอนนี้ข้าวของอะไรก็ไม่สำคัญเท่าชีวิต เท่าปากท้องหรอกนะพี่ ถ้าวันไหนเราพอจะลืมตาอ้าปากได้ ฉันจะหามาคืนลูกเอง”
ศักดาเดินเข้ามา เนื้อนางส่งของทั้งหมดให้สามี
“ของฉันกับลูกก็มีเท่านี้ ถ้ารวมกับของพี่ก็น่าจะขายได้เงินมากอยู่ พี่เอาไปขายให้ฉันทีนะจ๊ะ ฉันจะเอาเงินมาทำทุนค้าขาย”
ศักดาพยักหน้ารับอย่างยอมจำนนเพราะเขาเองก็เสียดายอยู่เหมือนกัน สายมองศักดา รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่นัก
ศักดานำของมีค่ามาที่โรงจำนำ รับเงินจากอาแปะคนหนึ่งแล้วเดินออกมาจากร้าน มองถุงเงินในมืออย่างพอใจก่อนจะเทเงินออกมาส่วนหนึ่งแล้วเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง สายแอบมองอย่างเจ็บใจ
“ฮึ เมียจะเอาเงินไปค้าขายยังจะทำกันได้ลงคออีก แล้วนั่นใคร”
สายเห็นผู้หญิงเดินเข้ามาหาศักดา แล้วพากันเดินออกไป
“โธ่ คุณหนูเนื้อนางของสาย มีผัวผิดจริงๆ”
สายสงสารเนื้อนางจับใจ
ตอนค่ำ เนื้อนางกำลังจัดบ้านอยู่ ศักดาเดินถือถุงเงินมาส่งให้
“ทำไมกลับมาเสียค่ำเลย”
“ก็เกิดมาพี่เคยเข้าโรงจำนำเสียเมื่อไหร่ล่ะ พี่ก็อายคนเป็นนะเนื้อนาง ก็ต้องรอให้ไม่ค่อยมีใครเห็นแล้วถึงจะได้เข้าไปในโรงจำนำได้น่ะ เอ้า ดูสิ พอจะทำมาค้าขายอะไรได้บ้างล่ะ”
“มันก็น่าจะพออยู่หรอกจ้ะ ถ้ามีเงินอีกส่วน“
“เงินอีกส่วน หมายถึงอะไร”
“ก็อีกส่วนที่คุณศักดาเก็บเข้ากระเป๋าก่อนไปกับผู้หญิงคนนั้นไงเจ้าคะ”
“อีสาย”
ศักดาจะเข้ามาตบสายที่เอาเรื่องนี้มาบอกเนื้อนาง แต่ต้องชะงักไปเพราะเอื้องฟ้าตกใจแล้วร้องไห้ เนื้อนางจึงต้องรีบดึงเอื้องฟ้ามากอด
“ไม่เป็นไรนะลูก พี่สาย พาเอื้องฟ้าออกไปก่อนเถอะ ขอฉันคุยกับพี่ศักดิ์ตามลำพังสักครู่”
สายพาเอื้องฟ้าออกไป ศักดามองสายด้วยความแค้น
“พี่ศักดิ์ ทำไมพี่ทำกับฉันแบบนี้ ไหนคืนวันแต่งงานพี่บอกว่าพี่รักฉัน พี่ไม่ได้รักฉันจริงๆ ใช่มั้ยพี่ศักดิ์”
“พี่รักเนื้อนางสิ ไม่รักจะขอแต่งงานด้วยทำไม แต่เนื้อนางจะให้พี่ทำยังไง พี่เป็นผู้ชาย จะให้พี่กินแต่น้ำพริกถ้วยเก่าๆ ทุกวัน พี่ก็เบื่อ ปล่อยให้พี่ไปลิ้มรสอย่างอื่นบ้างเถอะ เนื้อนางเข้าใจพี่ใช่มั้ย”
เนื้อนางอึ้งไป ศักดามองเมียอย่างเซ็งๆ แล้วเดินออกไป เนื้อนางหมดแรงทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้
กลางคืน ชงชางกับหอมนอนอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มหลับไปแล้ว แต่หอมยังนอนลืมตาโพลงคิดอะไรอยู่ แล้วเธอก็หันไปมองหน้าสามีที่กำลังหลับสนิท
“พวกคุณหลวงนฤบดินทร์ก็ตายไปหมดแล้ว กลับเข้าพระนครคราวนี้ พี่ชาญคงไม่มีอันตรายแล้วกระมัง”
หอมคิดตกแล้ว ถอนใจยาว ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง
คืนเดียวกันนั้น เนื้อนาง ศักดาและเอื้องฟ้านอนอยู่ด้วยกัน เนื้อนางหน้าตื่นกลัว เหงื่อท่วมตัวเพราะฝันร้ายถึงภาพศีรษะของพระยานฤบดินทร์กลิ้งไปหยุดนิ่งที่แทบเท้าของเธอ เนื้อนางสะดุ้งตื่นขึ้น เหงื่อท่วมตัว
“คุณพ่อ”
ศักดาและเอื้องฟ้าก็สะดุ้งตื่นไปด้วย สายวิ่งเข้ามาหาอย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
เนื้อนางเล่าเรื่องให้ทุกคนฟังแล้วร้องไห้ ภาพที่พี่และพ่อตายนั้นยังติดตา ศักดาทุบกำแพงบ้านอย่างแรงด้วยความเจ็บใจ
“เจ็บใจนัก เพราะไอ้บริบรรณกับลูกน้องมันทำให้เนื้อนางต้องมีภาพติดตาเลวร้ายแบบนี้ ฮึ”
เนื้อนางสะอื้น สายเข้ามาปลอบ
“ไม่เป็นไรนะเจ้าคะคุณหนู”
ศักดาหันมองหน้าเนื้อนางแล้วก็เดินเข้ามาหา กอดปลอบใจแล้วเกิดมีอารมณ์เสน่หาจึงส่งสายตาให้สายพาเอื้องฟ้าออกไป แต่สายทำไม่รู้ไม่ชี้ เนื้อนางกลัวเอื้องฟ้าเห็นก็ผละออกแล้วส่ายหน้าให้ศักดา ศักดาหงุดหงิด มองสายตาขวางก่อนจะเดินออกไปทันที
“คุณพ่อไปไหนคะ”
เอื้องฟ้าจะตามศักดาไป แต่เนื้อนางดึงลูกมากอดไว้ไม่ให้ตาม ศักดาเดินออกมาหน้าบ้านอย่างหงุดหงิด แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มพอใจตั้งใจเดินไปหาผู้หญิงคนเดิม ขณะที่เนื้อนางยังกอดเอื้องฟ้าอยู่ สายมองเนื้อนางอย่างเวทนา
“นอนต่อมั้ยเจ้าคะคุณหนู ฟ้ายังไม่สางเลย”
“ไม่ล่ะ ฉันคงนอนไม่หลับแล้วล่ะพี่สาย ลุกขึ้นไปทำงานเลยดีกว่า พี่สายช่วยพาเอื้องไปนอนดีกว่าจ้ะ”
เนื้อนางส่งตัวเอื้องฟ้าให้สาย แล้วลุกเดินออกไป เอื้องฟ้าผละจากสายวิ่งตามแม่ไป
“เอื้องจะช่วยแม่ทำงานด้วย”
เอื้องฟ้าวิ่งไปหยิบข้าวของที่เนื้อนางกับสายเตรียมจะเอามาทำขนมขายประทังชีวิตมาทำ เช่น ขูดมะพร้าว หั่นผัก ติดเตา แต่ทำได้แบบเด็กท่าทางเก้ๆ กังๆ เนื้อนางขำทั้งๆ ที่น้ำตาซึมด้วยความปลื้มใจที่เห็นลูกเป็นเด็กดี สายพลอยน้ำตาซึมไปด้วย ทั้งสามคนช่วยกันทำขนมอย่างขะมักเขม้น ปาดเหงื่อกันเป็นระยะ
ชงชาง หอม น้อย และหาญ หิ้วข้าวของเตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อย้ายไปอยู่ที่พระนคร หอมจูงมือหาญแล้วเหลียวกลับไปมองบ้านอย่างเศร้าๆ
“ถึงจะอยู่บ้านนี้ได้ไม่กี่ปี แต่ฉันก็รู้สึกรักบ้านนี้มากเหมือนกันนะจ๊ะพี่ชาญ พอถึงเวลาที่จะต้องทิ้งมันไปจริงๆ ก็รู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้”
ชงชางเดินกลับมาโอบบ่าหอม
“พี่เข้าใจ แต่ที่พระนคร พี่ก็จะหาบ้านใหม่ให้หอมได้อยู่อย่างสุขสบายไม่น้อยไปกว่าบ้านหลังนี้เลย เชื่อพี่นะ”
“จ้ะ”
“ไปกันเถอะ ต้องเดินทางอีกนาน กว่าจะถึงพระนคร”
ชงชางพาหอมเดินออกไปพร้อมหาญ น้อยหิ้วของตามไป
ที่ตลาดปากน้ำโพ ตอนเช้า เนื้อนาง สาย และเอื้องฟ้าช่วยกันจัดแผงขายของ เอื้องฟ้าช่วยอย่างแข็งขัน สายมองเอ็นดู
“โถ ตัวเท่านี้ ยังรู้จักช่วยกันทำมาหากิน แม่คุณของบ่าว”
ศักดาเดินหัวเราะมีความสุขมากับเดือน หญิงสาวคนที่เขามักไปหาความสุขด้วย แล้วศักดาก็ชะงักเมื่อเห็นกลุ่มของเนื้อนางที่ตลาด เขารีบบอกเดือนทันที
“แล้วพี่จะซื้อมาให้น้องเดือนนะจ๊ะ”
เดือนพยักหน้าหัวเราะระรื่น “งั้นฉันไปก่อนนะจ๊ะ”
เดือนเดินแยกไป ศักดามองตามจนแน่ใจว่าเดือนเดินลับไปแล้ว ก็เดินออกไปอีกทางเพื่อกลับบ้านโดยเลี่ยงที่จะเจอกลุ่มของเนื้อนาง แต่เนื้อนางเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี
“พี่ศักดิ์”
ศักดาชะงัก ทำทีเป็นเพิ่งเห็นกลุ่มของเนื้อนาง
“อ้าว เนื้อนาง ออกมาขายของแล้วรึ”
“จ้ะ พี่ศักดิ์ไปไหนมา”
“ก็มาเดินอยู่แถวๆ นี้แหละ พี่กำลังมองหาลู่ทางทำมาหากินอย่างคนอื่นเขาบ้างน่ะสิ ถ้าไม่ทำงาน เราคงอดตายกันสักวัน”
“งั้นพี่ก็มาช่วยฉันขายขนมสิจ๊ะ”
“ฮื้อ มันใช่งานผู้ชายที่ไหน”
สายประชดทันที “ถึงจะไม่ใช่งานผู้ชาย แต่ก็เป็นงานที่ทำแล้วได้สตางค์ ไม่ทำให้พวกเราอดตายนะเจ้าคะคุณศักดิ์”
ศักดามองสายตาเขียว
“พี่ศักดิ์มาช่วยเราหน่อยก็ดีจ้ะ วันนี้เปิดขายวันแรก จะชุลมุนขนาดไหนก็ไม่รู้”
ศักดามองขนมที่เตรียมขายแล้วถอนใจ รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากถ้าจะต้องมานั่งขายขนมกับเมีย แต่ก็ละอายที่เห็นลูกยังช่วยงาน
“ก็ได้ๆ แต่พี่ขอกลับบ้านไปอาบน้ำเดี๋ยวก่อนก็แล้วกันนะ แล้วพี่จะกลับมาช่วย”
“จ้ะ”
ศักดาเดินออกไป สายสังหรณ์ว่าศักดาจะไม่กลับมาช่วยจริงอย่างปากว่า ในขณะที่ศักดาเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ลงนอนแผ่หราอย่างหมดแรงและขี้เกียจ
“เรื่องอะไรกูจะต้องไปนั่งขายขนมเหมือนผู้หญิง กูมันลูกเจ้าพระยานะโว้ย ถุย”
ศักดาลงนอนหลับไป อย่างไม่สนใจอะไร
พวกเนื้อนางเริ่มขายของ แต่ยังขายได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะถือว่าเป็นแม่ค้าเจ้าใหม่ในตลาดแห่งนี้ คนเดินซื้อของร้านใกล้ๆ กับเนื้อนาง แต่ก็เดินผ่านไปเฉยๆ แล้วไปซื้อของที่ร้านติดกัน เหมือนร้านของเนื้อนางไม่อยู่ในสายตา
“แม่ขา ทำไมเขาซื้อของร้านโน้น แล้วก็ไปซื้อของร้านนั้น ทำไมเขาไม่มาซื้อขนมร้านเราบ้างเลยคะ”
“ก็เราเป็นร้านใหม่ คนยังไม่ค่อยรู้จักน่ะสิลูก แต่อีกหน่อย พอคนรู้จักร้านเราแล้ว เดี๋ยวเขาก็มาซื้อของร้านเราไปเองแหละจ้ะ”
เอื้องฟ้าพยายามเข้าใจตามประสาด็กๆ เนื้อนางลูบหัวลูกสาวอย่างเวทนาที่ต้องพลอยมาตกระกำลำบากไปด้วย เธอเหม่อมองออกไป เห็นหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวอย่างลูกผู้ดี เหมือนที่เธอเคยแต่งเมื่อครั้งชีวิตยังรุ่งเรือง กำลังเดินมาในตลาด มือหนึ่งจูงเด็กหญิงวัยเดียวกับเอื้องฟ้ามาด้วย อีกข้างเป็นสามีหน้าตาดีมีฐานะ และมีบ่าวผู้หญิงตามมาคอยรับใช้ เนื้อนางเผลอจินตนาการไปว่าเธอได้แต่งงานกับชงชาง และมีเอื้องฟ้าเป็นลูก หญิงสาวยิ้มกับภาพในความคิดของตัวเอง เอื้องฟ้ามองแม่อย่างแปลกใจ
“แม่ยิ้มอะไรคะ”
เนื้อนางรู้สึกตัว ก้มลงมองลูก กระพริบตาถี่ๆ เรียกสติตัวเองให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน แล้วมองครอบครัวลูกผู้ดีนั้นอีกครั้ง เธอหน้าสลดลง พยายามฝืนยิ้มให้เอื้องฟ้า
“ไม่มีอะไรหรอกลูก”
เนื้อนางถอนใจ จากชีวิตผู้ดีมั่งคั่ง แต่ตอนนี้กลับตกอับเหลือเกิน
ชงชางพาครอบครัวเดินทางมาถึงพระนคร เขามองไปรอบๆ จำได้ว่าแถวนี้เป็นที่ที่เคยมากับเนื้อนาง ชงชางนึกถึงอดีตที่เคยรักกับเนื้อนาง แต่แล้วก็ถูกฉุดกลับมาสู่โลกของความจริงเมื่อได้ยินเสียงหาญถามอย่างตื่นเต้น
“เรามาถึงพระนครแล้วหรือแม่”
“จ้ะ”
“ไม่เหมือนบ้านเราที่ชุมพรเลย”
เนื้อนางยิ้ม ชงชางมองหอมกับหาญ แล้วก็ถอนใจ พยายามตั้งสติว่าผู้หญิงในชีวิตจริงของเขาคือหอม ไม่ใช่เนื้อนางอีกต่อไปแล้ว
เวลาต่อมา ครอบครัวของชงชางมาถึงเรือนเจ้าพระยาบริบรรณ กล้ากับแก้วมาถึงก่อน แก้ววิ่งเข้ามาหาหาญอย่างดีใจที่เพื่อนมา
“มาแล้วเหรอ”
“ฮื่อ”
เด็กทั้งสองหัวเราะกันมีความสุข พวกผู้ใหญ่มองแล้วก็ยิ้มมีความสุขไปด้วย ขณะนั้นเจ้าพระยาบริบรรณเดินออกมา
“อ้าว มาถึงแล้วรึ ชาญ”
ทุกคนไหว้เจ้าพระยาบริบรรณอย่างนอบน้อม
“เอ้า ขึ้นมาบนเรือนซิ จะได้ดูว่าจะพักกันที่ตรงไหน แล้วต่อไปจะขยับขยายไปมีบ้านอยู่ใหม่เป็นของตัวเอง หรือจะอยู่ที่นี่ด้วยกัน ก็ค่อยว่ากัน มาๆๆ ขึ้นมาๆ”
กล้ากับแก้ว ช่วยขนของขึ้นเรือน เจ้าพระยาบริบรรณหันมาบอกหาญ
“เจ้ามาอยู่ที่พระนครนี่ เห็นทีจะได้ดูละเม็งละครสนุกไปล่ะ”
หาญได้ยินคำว่าละครก็ยิ้มดีใจ เจ้าพระยาบริบรรณยิ้มเอ็นดู แต่ชงชางกลับนิ่งเงียบ เขาไม่ชอบให้หาญไปดูละคร รู้สึกว่าลูกผู้ชายควรเรียนรู้เรื่องงานแบบผู้ชายมากกว่า แต่ก็ไม่กล้าพูดขัดกับเจ้าพระยาบริบรรณ
เช้าวันรุ่งขึ้น ชงชางคุยงานอยู่กับคนงานจีนคนหนึ่ง เจ้าพระยาบริบรรณเดินออกมาจากในเรือน เห็นก็หยุดดูอย่างสนใจ สักครู่ชงชางกับคนงานจีนคนนั้นคุยกันเสร็จ คนงานเดินออกไป ชงชางนั่งเหม่อลอย เจ้าพระยาบริบรรณมองอย่างสงสัย แต่ยังไม่ถามทันที แกล้งถามเรื่องอื่นก่อน
“คนงานเก่าของเธอรึ ชาญ”
ชงชางสะดุ้ง
“เอ่อ ขอรับ กระผมนัดมาคุยเพื่อดูลู่ทางทำการค้าในพระนครนี่อีกครั้งขอรับ สมัยที่เตี่ยของกระผมยังอยู่ เตี่ยรู้จักคนกว้างขวางพอสมควรทีเดียว กระผมก็เลยพลอยรู้จักไปด้วย”
ชงชางหน้าสลดลง
“พูดถึงเตี่ยแล้ว แม้แต่เถ้าธุลีก็ยังไม่มีเหลือให้กระผมได้เก็บไว้กราบไหว้คารวะเลย ตอนที่กระผมหนีออกจากพระนครนี่ ไปแต่ตัวจริงๆ หยิบฉวยอะไรไปไม่ทันสักสิ่ง บ้านที่เคยอยู่ที่นี่ ก็ถูกไอ้คุณหลวงนฤบดินทร์มันสั่งเผาจนวอดเป็นจุณเลย”
“เอาเถอะ ไอ้นฤบดินทร์มันก็รับกรรมของมันไปแล้ว เรือนของมันถูกริบเป็นของหลวง พร้อมๆ กับเรือนของเจ้าพระยาสีหราฐเหมือนกัน ฉันได้ยินมาว่า คนในบ้านทั้งสองนั้น ต้องแตกซานซ่านเซ็นไปกันคนละทิศละทางเลย”
เจ้าพระยาบริบรรณพูดแล้วก็ชะงักไป มองหน้าชงชาง เดาได้ว่าเขายังอดคิดถึงเนื้อนางไม่ได้
“ยังคิดถึงลูกสาวไอ้นฤบดินทร์นั่นอยู่รึ ชาญ”
ชงชางไม่ตอบ แต่ไม่ปฏิเสธ
พวกเนื้อนางนั่งขายของกันอยู่ ขนมที่ทำมา พร่องไปน้อยมาก เนื้อนางมองแล้วถอนใจ
“ขนมยังเหลืออีกเยอะเลยนะจ๊ะแม่ เอื้องนั่งรอคนมาซื้อจนเมื่อยไปหมดแล้ว”
เอื้องฟ้าบิดขี้เกียจอย่างเด็กๆ เนื้อนางสงสารลูกจับใจ จะไปเล่นที่ไหนก็ไม่ได้ไปเล่นอย่างเด็กอื่น
“โถ ลูก”
“แล้วทำไมคุณพ่อไม่มาช่วยเราขายขนมบ้างเลยคะแม่ คุณพ่อไม่เคยมาช่วยเลยสักวัน”
เนื้อนางอึ้ง พูดไม่ออก แอบสบตากับสายแล้วถอนใจเบาๆ ไปด้วยกัน ขณะเดียวกัน ศักดานอนอยู่กับเดือน ลุ่มหลงผู้หญิงคนนี้อย่างมาก โดยไม่สนใจเลยว่าลูกเมียจะกำลังลำบากอย่างไร
เจ้าพระยาบริบรรณคุยกับชงชางอยู่ เขาเห็นท่าทางของชงชางก็เดาออกว่ายังคิดถึงเนื้อนางอยู่
“ตัดสินใจเลือกเมียไปแล้ว ก็ต้องอยู่กับคนที่ได้ชื่อว่า เมีย จนวันตายนะชาญ อย่าได้ปล่อยใจให้ว่อกแว่ก มิฉะนั้น ชีวิตครอบครัวจะไม่มีวันสงบสุข ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ กับพวกที่ชอบมากลูกมากเมีย มีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จบ เราลูกผู้ชายไม่ใช่ต้องซื่อสัตย์แต่เฉพาะเรื่องงานในหน้าที่เท่านั้น แต่ต้องซื่อสัตย์กับเรื่องลูกเมียด้วย รักเขามากเลยรึ”
ชงชางถอนใจ “กระผมไม่เคยมีใจให้กับใครนอกจากเขาขอรับ จนกระทั่งชีวิตต้องมาหักเหโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ถ้าการที่เธอย้ายกลับมาอยู่ที่พระนครกับฉันนี่ จะทำให้เธอเป็นทุกข์นัก เพราะต้องเห็นสิ่งที่คุ้นเคยในอดีต เธออยากย้ายไปอยู่ที่อื่นมั้ยล่ะ”
ชงชางมองหน้าเจ้าพระยาบริบรรณอย่างตกใจ
“ถ้าคิดว่ายังอยากจะอยู่รับใช้ ถึงเธอไปอยู่ที่อื่น เธอก็ยังรับใช้ฉันได้ แล้วเธอก็อาจจะไม่ทุกข์ใจเท่าที่อยู่กับฉันในพระนครนี่ ด้วยฉันมีบ้านอยู่หลังหนึ่งอยู่ที่ปากน้ำโพโน่น ไม่มีใครอยู่หรอกบ้านนั้น จะทิ้งร้างไว้ก็จะผุพังเสียหมด ถ้าเธอสนใจ ฉันจะยกบ้านหลังนั้นให้เธอเลย เป็นรางวัลที่เธอช่วยฉันล้างแค้นไอ้นฤบดินทร์ให้ฉันจนสำเร็จ ไม่งั้นถ้าฉันยังแค้นมันอยู่ ฉันก็คงไม่มีวันได้ตายตาหลับแน่ ว่าไงชาญ สนใจมั้ย”
ชงชางยังคิดอะไรไม่ออก ได้แต่พึมพำ
“ปากน้ำโพ”
อ่านต่อตอนที่ 9