คีตโลกา ตอนที่ 8
เช้าวันนี้ อรรณพกับภรณีอยู่ในห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาล สีหน้าอรรณพดีขึ้น ภรณีมองกังวลมายังสามี แล้วเอ่ยถาม
“คุณจะไม่คิดเรื่องนายวินิจอีกครั้งเหรอคะ เค้าจงใจมาขู่เราถึงนี่”
“สามีคุณไม่เคยถอยง่ายๆ นะ”
“ฉันไม่สบายใจเลย”
“ผมจะระวังตัวให้มากขึ้น ผมสั่งไปแล้วให้เพิ่มบอดี้การ์ดคอยดูแลคุณด้วย”
อรรณพวางมือบนมือภรณีด้วยรอยยิ้ม ไม่เป็นกังวลอะไรเลย
ประตูห้องเปิดเข้ามา สองคนหันไปมอง เห็นอัญมาเดินเข้ามา ในมือมีดอกกุหลาบขาวช่อเล็กๆ มาเยี่ยมไข้
ภรณียิ้มทักทาย “อ้าว หนูอัญมา”
อัญมาเดินมาใกล้ มองอรรณพกับภรณีด้วยสายตาผูกพัน
“หนูขออนุญาตมาเยี่ยมคุณ”
ภรณียิ้ม เอ็นดูอัญมามาก “โถ...หนูนี่น่ารักจริงๆ นี่หมอก็เช็คทุกอย่างแล้ว บอกว่าคุณอรรณพไม่เป็นอะไร วันนี้เราจะกลับบ้านกันแล้ว”
อัญมาสะท้อนใจ “กลับบ้าน”
“คุณวัตไม่ได้มาด้วยเหรอ” อรรณพถาม
“ไม่ได้มาค่ะ อัญมาคนเดียว อยากมาคุยกับ...คุณ...สองคน”
อัญมาน้ำตาคลอมองอรรณพกับภรณีที่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“กุหลาบขาว”
อัญมายื่นช่อดอกไม้ให้ ภรณีรับมา
“ดูสิคะ หนูอัญเดาใจเราถูกด้วย ว่าเราชอบกุหลาบขาว”
“ขอบใจนะ วันหลังไม่ต้องลำบากหรอก” อรรณพว่า
“ไม่ลำบากเลยค่ะ ไม่ลำบากเลย...อัญอยากเอาดอกไม้มาให้คุณ...คุณ...”
อัญมาอยากจะพูดคำว่าคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา อัญมาตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมา
ภรณีเย้า “โถ...หนูอัญ ขี้แยจริงๆ”
ภรณีวางช่อดอกไม้ลงบนเตียง แล้วลุกขยับเข้ามาหา อัญมามอง ภรณีโอบกอดอัญมาไว้ อัญมาถึงกับน้ำตาร่วงอาบแก้ม
“อย่าร้องนะจ๊ะ อย่าร้อง”
ภรณีลูบหลังลูบไหล่ปลอบ อัญมากอดภรณีแน่นด้วยความรักและคิดถึง
อรรณพยิ้มมองมา “คุณภรณีเค้าไม่เคยเอ็นดูใครขนาดนี้เลยนะ”
“คุณอรรณพอย่าไปที่ชุมชนอีกเลยนะคะ อย่าไป เชื่ออัญนะคะ มันไม่ปลอดภัยเลย”
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะหนู แต่ฉันตั้งใจไว้แล้ว ฉันจะต้องไปดูที่ตรงนั้นอีกครั้ง”
“คุณภรณีห้ามคุณอรรณพสิคะ อย่าให้คุณอรรณพไปจนกว่า...”
“จนกว่าอะไรจ๊ะ”
“จนกว่าตำรวจจะกวาดล้าง...เรื่องไม่ดี เรื่องผิดกฎหมายออกจากที่นั่น”
อรรณพกับภรณีมองหน้ากัน อัญมาพยายามขอร้องอีก
“ให้ตำรวจจัดการทุกอย่างก่อน พอหมดพวกผิดกฎหมาย คุณถึงค่อยเข้าไปทำธุรกิจตรงนั้น... เชื่ออัญเถอะนะคะ อัญหวังดีกับคุณ อัญเป็นห่วงคุณสองคนมาก...เป็นห่วงที่สุด”
อรรณพกับภรณีมองหน้ากัน แปลกใจกับท่าทางอัญมามาก
อัญมาพยายามขอร้องทั้งๆ ที่พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะรู้ว่าอรรณพกับภรณีก็คงไม่เชื่อ
ภายในฐานลับตอนกลางวัน ในวันเดียวกันนี้ ภควัตยืนอยู่ตรงหน้าประพจน์กับสิทธิชัย กฤษณ์ยืนห่างออกไป สายตามองภควัตอย่างไม่เป็นมิตร
“คุณอรรณพจะเข้ามาทำธุรกิจ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังขัดผลประโยชน์ก้อนใหญ่ของนายวินิจ”
สิทธิชัยบอกว่า “จากที่คุณเล่ามานะผู้กองภควัต เรายื่นมือไปช่วยนักธุรกิจคนนี้ตรงๆ ไม่ได้นอกจากว่า จะเป็นการช่วยเหลือ คุ้มครองอยู่ห่างๆ ตามที่เขาร้องขอ”
“นายวินิจต้องขัดขวางการก่อสร้างถึงที่สุด จริงๆ แล้วโครงการของคุณอรรณพจะช่วยให้เรากวาดล้างขบวนการนายวินิจได้เร็วขึ้นด้วยนะครับ”
ประพจน์เสริม “เราต้องปรึกษาเรื่องนี้กับผู้การจักรภพด้วย รอให้ผู้การกลับจากไปประชุมต่างประเทศกับท่านผู้บัญชาการก่อนดีมั้ย”
“ระหว่างนี้คุณก็คอยดูอยู่ห่างๆ อย่าเพิ่งให้พวกนายวินิจไหวตัว” สิทธิชัยบอก
“ครับ”
พอภควัตเดินออกไป กฤษณ์รอจังหวะอยู่แล้ว เดินเข้ามา
“วัตมันห่วงขบวนการของนายวินิจมาก”
สิทธิชัยฉงน “คุณพูดอะไร สารวัตรกฤษณ์ ฟังดูแปลกๆ”
สิทธิชัยกับประพจน์หันไปมองกฤษณ์อย่างไม่เข้าใจ กฤษณ์แกล้งตีหน้าเศร้า
“ผมแค่สงสัยว่า ทำไมพวกเราตั้งวอลล์รูมขนาดนี้ แต่ก็ยังกวาดล้างขบวนการของนายวินิจให้สิ้นซากไม่ได้”
ประพจน์ไม่ชอบใจนัก “คุณกำลังจะพูดว่า เราไม่มีฝีมือ”
“มิได้ครับนาย ไม่ใช่เรื่องฝีมือ แต่เป็นเรื่องของหนอนบ่อนไส้”
กฤษณ์ลดเสียงลง สีหน้าจริงจัง จงใจใส่เชื้อไฟให้กับประพจน์และสิทธิชัยเพื่อสงสัยภควัตทันที
“หนอนบ่อนไส้ที่ไหน” ประพจน์ว่า
“ผมก็ลำบากใจจริงๆนะครับ ที่สงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะทุกปฏิบัติการของเรา ไม่ว่าจะวางแผนรัดกุมแค่ไหน มันก็มีรอยรั่ว ให้พวกนายวินิจไหวตัว รอดไปได้ทุกครั้ง”
ประพจน์กับสิทธิชัยมองหน้ากัน กฤษณ์ทำเป็นหยอดเสียงหยั่งเชิง
“ผู้การจักรภพ ท่านเชื่อใจภควัตมาก ให้เป็นคนวางแผน ลงมือทุกอย่าง...”
สิทธิชัยสวนขึ้นมา “คุณกำลังจะบอกว่า ภควัตเหรอที่อาจจะเป็น...”
กฤษณ์รีบบอก “ไม่ครับ... ไม่ใช่ครับ คงไม่ใช่ผู้กองภควัตที่เป็นสายให้พวกนายวินิจ ขอเวลาให้ผมมีหลักฐานแน่นหนากว่านี้ ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้ รับรองผมจะมารายงานท่านก่อนแน่ๆครับ”
กฤษณ์ทำหน้าตาขึงขัง ทำเอาประพจน์กับสิทธิชัยชักมีสีหน้าเป็นกังวลถนัดตา
ส่วนกฤษณ์มองนายทั้งสองคน อย่างสาสมใจ เมื่อได้เริ่มใส่เชื้อไฟความระแวงในตัวภควัต
ในเวลาต่อมากฤษณ์กำลังเปิดดูคลิปในมือถือตัวเอง มันเป็นภาพแอบถ่ายในร้านอาหารรีสอร์ท คืนที่ภควัตกำลังนั่งคุยกับอธิคมเรื่องอัญมา
“รออีกนิดเดียวไอ้วัต รอเวลาที่เหมาะที่สุด คลิปนี้แหละ จะทำลายแกจากนายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล ฉันจะส่งแกให้กลายเป็นโจรเหมือนไอ้พวกอธิคม”
กฤษณ์ยิ้มร้ายออกมาอย่างสะใจ
ภควัตมองอัญมาที่ยืนสีหน้าเศร้าอยู่ริมน้ำ กังวลเรื่องความปลอดภัยของอรรณพ
“เรื่องคุณอรรณพ ฉันจะเป็นคนดูแลความปลอดภัยให้ เวลาที่เค้ามาที่ชุมชน ไม่ต้องห่วงนะ อัญมา”
อัญมาหันมามองภควัต สายตายังกังวล
“พวกพี่บังมันร้ายกว่าที่เราคิด คราวต่อไปมันอาจจะไม่ลงมือที่ชุมชน”
ภควัตขยับเข้ามาใกล้ อัญมาน้ำตาหยดรินลงอาบแก้ม ภควัตมองแล้วตกใจ
“อย่าร้อง ฉันรับปากแล้วไง ว่าฉันจะช่วย”
“ฉันกลัว ผู้กอง ถ้าคุณพ่อถูกทำร้ายอีก”
อัญมาสะอื้นไห้ไม่หยุด ภควัตสงสาร ดึงร่างบอบบางเข้ามากอดปลอบ อัญมาร้องไห้ในอกภควัต
“ฉันจะทำยังไง ผู้กอง ฉันจะทำยังไงถึงจะห้ามไม่ให้คุณพ่อเข้ามาสู้กับพวกพี่บัง...ฉันปล่อยให้คุณพ่อเป็นอันตรายไม่ได้”
ภควัตมองอัญมาที่น้ำตานองหน้าด้วยความสงสารจับใจ
ฟากอธิคมยืนกระวนกระวายอยู่ในบ้าน เก้าเดินเข้ามารายงาน
“หายไปทั้งคู่เลยครับ ทั้งไอ้อัญ ทั้งไอ้วัต เซียนพระ”
อธิคมหยิบแบงค์พันสองใบออกมาส่งให้เก้าเป็นรางวัล
“อย่าบอกใครว่า ฉันให้แกตามไอ้อัญ โดยเฉพาะอย่าให้พ่อฉันรู้”
“แต่ว่า...”
อธิคมมองจ้องตาคมกริบ เก้าจำต้องรับเงินมา
“ครับ ผมจะไม่ให้พี่บังรู้”
“ไปได้แล้ว หาให้เจอว่าไอ้อัญมันออกไปไหนกับไอ้วัต”
เก้าออกไปแล้ว อธิคมยังยืนอยู่อย่างหัวเสีย
ภควัตดึงร่างอัญมาออกมามองสบตา
“อัญมา เชื่อใจผมนะ ผมสัญญากับคุณแล้ว”
อัญมายังน้ำตาปริ่ม ภควัตมองแล้วใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้อัญมาแผ่วเบา
“ผมไม่รู้ว่าคุณมาจากโลกคู่ขนานได้ยังไง”
อัญมามองภควัต แววตาดีใจที่ภควัตมีท่าทีเริ่มจะเชื่ออย่างที่เธอพูด
“ตอนนี้ผมรู้แต่ว่า ถ้าคุณเป็นห่วงใคร... คนๆนั้นก็คือคนสำคัญของคุณ...แล้วถ้าเค้าเป็นคนสำคัญของคุณ ก็เท่ากับเป็นคนสำคัญของผมด้วย”
อัญมาครางออกมาเบาๆ อย่างเต็มตื้นในใจ “ผู้กอง...”
“ผมจะปกป้องสิ่งที่คุณรัก...ให้เหมือน...ที่ผมปกป้อง...คุณ”
แววตาของอัญมายินดีเหลือเกินแล้ว
“ขอบคุณมาก ผู้กอง ชีวิตฉันโชคดีมากที่ได้มาเจอคุณ”
ภควัตโน้มหน้าก้มลงใกล้ ใบหน้าสองคนใกล้กันแค่ลมหายใจ ภควัตมองอัญมาแล้วไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่เก็บไว้มาตลอด ก้มลงอีกจะจูบอัญมา
อธิคมระบายอารมณ์ลงนวมซ้อมกับกระสอบทราย ทั้งเตะทั้งชกอย่างเอาเป็นเอาตาย เก้าเดินเข้ามาสีหน้าเจื่อน ส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าไม่เจออัญมากับภควัต แล้วรีบหลบออกไป
อธิคมโมโห เตะเข้ากระสอบทรายอย่างรุนแรงระบายอารมณ์โกรธ
ส่วนสองคนมองสบตากันนิ่งนาน สุดท้ายภควัตยั้งใจตัวเองไว้ทัน
“ผมขอโทษ”
ภควัตจะดึงตัวออก อัญมามองแล้ว ประคองหน้าเขาไว้ ภควัตมองฉงน ที่สุดอัญมาแตะริมฝีปากลงที่แก้มซ้ายภควัตเบาๆ
ภควัตตะลึง ยิ้มกว้างนึกไม่ถึง อัญมามีสีหน้าขวยเขินสุดขีด
“ผู้กองต้องทำตามสัญญา”
ภควัตอมยิ้มมอง “มัดจำของเธอเหรอ ถ้าจะให้มีกำลังใจอีกนิด ก็ต้องสองแก้มนะ”
อัญมาอายม้วน ภควัตแหย่ เอานิ้วชี้ไปที่แก้มขวา อมยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายแพรวพราว อัญมายิ้ม แล้ววางฝ่ามือขึ้นแปะลงไปที่ใบหน้าภควัตแทนจูบ
ภควัตโวย “เอ้ย...ผมให้จูบ ไม่ใช่ให้ตบ”
“ไม่รู้นี่ เห็นชี้ก็นึกกว่าให้ตบ”
อัญมาอมยิ้มกวนกิริยาน่ารักน่าใคร่ ภควัตมองเพลิน สุขใจเป็นที่สุด
ฟากอธิคมกำลังนั่งพัก เก้าถอดนวมให้แล้วเอาน้ำมันนวดให้ที่ไหล่ ที่แขน
“พี่คมยังไม่รู้อะไร ไอ้อัญมันก็แบบนี้ ชอบยั่วผู้ชาย”
อธิคมมองเก้าตาวาววับ เก้ารีบอธิบายใส่ไฟอัญมา
“ตอนพี่ไม่อยู่ ไปติดคุก พอมันไม่มีค่ายามาให้พี่บัง ไอ้อัญมันก็หายไปกับผู้ชาย”
อธิคมนิ่งฟัง ไม่อยากจะเชื่อ
“ไหนจะไอ้สัญชัย พ่อเลี้ยงมันอีก มันเที่ยวมาคุยในบ่อน ว่าไอ้อัญไม่รอดมือมัน”
อธิคมขึ้นเสียงใส่ “พอแล้ว”
“ฉันไม่อยากเห็นพี่โดนไอ้อัญมันหลอก”
อธิคมตะเพิด “จะไปไหนก็ไปเลยไป ไม่เรียกไม่ต้องมา”
เก้ารีบถอยฉากออกไปเพราะรู้อารมณ์อธิคมที่โกรธกรุ่นๆ หงุดหงิดไปหมด อธิคมนิ่งคิดกับตัวเอง ไม่เชื่อที่เก้าเล่า
“เธอไม่ใช่ผู้หญิงมักง่าย อัญมา...ฉันดูเธอออก”
อัญมาเดินคุยมากับภควัตอยู่ริมน้ำที่เก่า
“ผมสนใจเรื่องโลกคู่ขนานของคุณนะ ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ มันดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ”
“วันนี้ฉันจะไม่บังคับให้คุณเชื่อ แต่ถ้าวันนึง ถ้าฉันหายไป ขอให้คุณรู้ว่าฉันกลับไปโลกอีกใบนึง ที่คู่ขนานกับโลกใบนี้ โลกที่มีทุกอย่าง มีทุกคน แต่เรื่องราวไม่เหมือนกัน”
อัญมามองภควัต ด้วยสีหน้าจริงจัง
“เพราะแค่ชั่วเสี้ยวนาทีที่เราตัดสินใจทำอะไรลงไป เส้นทางชีวิตของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิม”
“แล้วคุณกลับไปโลกคู่ขนานได้ยังไง”
อัญมามองไปที่สายน้ำ
“ฉันตกสะพาน ลงไปในน้ำ...วันที่คุณเจอฉัน”
ภควัตคิดตาม “ใช่ ผมจำได้ หมายความว่า ถ้าคุณตกน้ำอีก คุณก็อาจจะกลับไปอีกโลกนึง”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ”
“แล้วโลกของคุณหนูอัญมา เราสนิทกันมั้ย”
“ไม่รู้จัก ไม่สนิท ฉันไม่ค่อยชอบหน้าคุณ”
ภควัตมีสีหน้าผิดหวัง แล้วถามขึ้น
“ไม่กลับไปได้มั้ย อัญมา อย่ากลับไปโลกของคุณหนู แต่อยู่ที่นี่”
ภควัตมองสบตาอัญมาซึ้งๆ
“ผมเห็นแก่ตัวใช่มั้ย ที่ไม่อยากให้คุณกลับไปมีชีวิตสุขสบายเป็นคุณหนูอัญมา”
“ฉันรับปากคุณไม่ได้ ฉันรู้แต่ว่าฉันมาที่นี่เพราะ...”
อัญมามองภควัต ภาพจำที่อัญมาเห็นในโลกคู่ขนาน ว่าอธิคมยิงภควัตผุดซ้อนขึ้นมาแว้บๆ
ภควัตซัก “คุณมาเพราะอะไร”
“ฉันมาเพื่อช่วยคนดีคนนึง...ให้เค้าไม่ตาย”
“ใคร... คุณมาช่วยใคร” ภควัตอยากรู้มาก
อัญมามองเห็นสายตาอยากรู้ของภควัตแล้วไม่กล้าพูด เมินหน้าไปทางอื่น
“บอกผมได้มั้ย”
“ถึงวันนั้น คุณก็จะรู้เอง”
อัญมามองสบตาภควัตอย่างมีความหมาย แต่ภควัตกลับน้อยใจที่อัญมาไม่ยอมบอก
ตกตอนเย็นภควัตทิ้งตัวลงนั่งในห้องเช่า ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“อัญมาไม่ยอมบอกชื่อผู้ชายคนนั้น”
จ่าเดชที่รู้เรื่องแล้ว และกำลังชงกาแฟถามขึ้น
“ผู้กองรู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้ชาย”
“ถ้าเป็นชื่อผู้หญิงก็บอกผมมาแล้วล่ะ”
“หรือว่าจะเป็น อธิคม”
ภควัตมองฉุนนิดๆ จ่าเดชพูดต่อไปเรื่อย โดยไม่มองว่าภควัตมีสีหน้าขุ่นมัว
“ไอ้อัญมันอาจจะห่วงอธิคม”
“พอได้แล้วจ่า คุยเรื่องอื่นเหอะ”
“ไม่เอาๆ คุยเรื่องนี้แหละ กำลังสนุก ผู้กองเชื่อเรื่องโลกคู่ขนานที่ไอ้อัญมันโม้ใช่มั้ยล่ะ”
“ผมก็ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ขนาดไม่เชื่อ ยังมานั่งคิดเล็กคิดน้อย อยากรู้ว่าไอ้อัญมันกลับมาช่วยใคร”
“ที่ผมสงสัยเรื่องนี้ก็เพราะว่าอัญมาเค้าพูดเหมือนเค้าเห็นอนาคต ผมถึงอยากรู้ว่าต่อไปแก๊งอธิคมมันจะเป็นยังไง”
“จะยังไง โจรมันก็ต้องโดนตำรวจอย่างเราปราบจนเรียบ จับส่งไปรับโทษในเรือนจำนะเซ่”
จ่าเดชยืดยิ้มด้วยความมั่นใจ ภควัตยิ้มขำ
“ขอให้เป็นแบบนั้น อธิคมมันต้องมีจุดจบในคุก”
อัญมากลับเข้าบ้าน กำลังนั่งกินข้าวกับอุบล และ จิ๊บ อัญมาตักกับให้แม่ อุบลยิ้มแย้ม สดชื่น แต่อัญมาดูเศร้าๆ ไม่ยอมกินข้าว จนจิ๊บทักขึ้น
“ไอ้อัญ แกตักให้แต่ป้าอุบล ไม่เห็นแกจะกินมั่งเลย”
“กับข้าวแม่ไม่อร่อยเหรอ ไอ้อัญ”
“ฝีมือตกแล้วล่ะ ป้าอุบล”
จิ๊บยั่วล้อ อัญมายิ้มมองแม่กับเพื่อน
“อร่อยจ้ะ แต่วันนี้ฉันตื้อๆ กินอะไรไม่ค่อยลง”
เสียงสัญชัยแหลมเข้ามาในจังหวะนี้ “เพราะว่าไม่ได้เห็นหน้าพ่อหลายวันใช่มั้ยลูกอัญ”
ทุกคนหันไปเห็นสัญชัยเดินโผเผ หน้าตาทรุดโทรมเพราะเสียพนันจากบ่อนไพ่เข้ามา
“หมดตูดจากบ่อนไพ่มาล่ะสิ ไอ้สัญชัย ถึงได้โผล่หัวกลับมาได้” อุบลด่า
สัญชัยตรงมานั่งลงวงข้าว อัญมาลุกขึ้นทันที
“ผัวรักกลับมาบ้านทั้งที ทักทายให้หวานหูสักนิดสิจ๊ะ เมียจ๋า...”
สัญชัยปรายสายตามองไปทางอัญมา เห็นอัญมาวางจาน
“ฉันอิ่มแล้ว เดี๋ยวออกไปส่งจิ๊บมันก่อนนะแม่”
อัญมาดึงจิ๊บที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากลุกไป
“เฮ้ย อะไรวะ ไอ้อัญ ฉันยังไม่อิ่ม”
อัญมาไม่สน ดึงจิ๊บออกไปจนได้
อุบลตักข้าวให้สัญชัยที่มองตามอัญมาไป
“กินซะ”
อุบลกระแทกจานข้าวอย่างแรง จนสัญชัยหันกลับมามอง
“เต็มใจให้กินหรือเปล่าเนี่ย”
“ข้าก็เต็มใจให้เอ็งแค่นี้แหละ ไอ้สัญชัย มีที่กิน ที่คุ้มกะลาหัว”
สัญชัยต่ออีกคำ “มีเงินให้ใช้ด้วย”
อุบลพูดสีหน้าจริงจังว่า “ไม่มี”
“พอลูกสาวกลับมาเป็นผู้เป็นคนเข้าหน่อย เสียงแข็งเลยหรือ นังอุบล”
“ข้ากับเอ็ง ทุกข์ทรมานกันมาหลานปี ที่ข้าทนมือทนไม้ ทนให้เอ็งขูดรีดเพราะข้าเห็นแก่ที่เอ็งเคยช่วยทำงาน เลี้ยงไอ้อัญตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้ ความดีของเอ็งไม่มี ความเลวก็ไม่เคยลดลง ไอ้สัญชัย วันไหนถ้าข้าเหลืออด อย่าหาว่าข้าไม่รู้จักคุณคน”
สัญชัยยัวะ “เอ็งจะไล่ข้า”
“เออสิวะ...ยังไงข้าก็ต้องเห็นแก่สายเลือดมากกว่าคนอื่น”
อุบลบอกแล้วลุกเดินแยกไปหลังบ้าน สัญชัยวางช้อนในมือลงอย่างแรง ด้วยความโมโห
“กูไม่ไปจากที่นี่ ยังไงกูก็ต้องได้ไอ้อัญเป็นเมียก่อน กูเฝ้าของกูมาตั้งกี่ปี คนอื่นจะมาคาบไปกินต่อหน้าต่อตาไม่ได้”
สายตาสัญชัยมีแต่แววเจ้าเล่ห์ฉายโชน
อัญมาเดินมากับจิ๊บ จิ๊บสีหน้าเป็นห่วงอัญมาเรื่องพ่อเลี้ยงสัญชัย
“ไอ้พ่อเลี้ยงกลับมาแบบนี้ แกย้ายมานอนที่ห้องฉันดีกว่า ไอ้อัญ เพื่อความปลอดภัย”
“ไม่เป็นไรหรอก จิ๊บ ฉันจะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ จะระวังตัวให้มากขึ้น”
จิ๊บเป็นห่วง “ระวังยังไง ไอ้สัญชัยมันจ้องแกตาเป็นมัน”
“แต่ถ้าฉันออกมา แม่ก็จะเดือดร้อน”
“สงสารป้าอุบล ห่วงแกยิ่งกว่าดวงใจ”
“จิ๊บ ฉันจะบอกอะไรแกอย่างนึงแกห้ามบอกใครนะ ฉันเลิกยาได้แล้ว”
“จริงเหรอวะ” จิ๊บกระโดดกอดอัญมา “ฉันดีใจจริงๆ แกเก่งมาก ไอ้อัญ”
“แต่แกอย่าปากโป้งให้ใครรู้ เพราะฉันยังต้องเกี่ยวข้องกับพวกพี่บัง”
“ฉันถามแกจริงๆ เลยนะ แกตอบมาอย่างเพื่อน ที่แกทำเป็นไปยุ่งกับอธิคมเพราะแกจะให้ไอ้วัตมันหึงใช่มั้ย”
อัญมาหลุดหัวเราะ ขำความคิดเพื่อน “ไม่หรอก ฉันกับพี่วัตเข้าใจกันดี ฉันมีเหตุผลมากกว่านั้น”
“เหตุผลอะไร”
อัญมามองซ้ายซ้ายมองขวาแล้วกระซิบว่าตัวเองเป็นสายตำรวจ จิ๊บได้ยินก็ร้องลั่น
“สาย...”
อัญมารีบเอามือปิดปากจิ๊บไว้แทบไม่ทัน
จิ๊บขยับปากโดยไม่ออกเสียง “ตำรวจ”
อัญมาพยักหน้า จิ๊บหน้าตาตื่น
“มันเสี่ยงนะแก มีใครรู้บ้าง”
“แม่ แล้วก้อ...จ่าเดช”
“ไอ้วัตล่ะ”
อัญมาจำต้องปฏิเสธเรื่องนี้ “พี่วัตไม่รู้”
“แล้วไป ฉันนึกว่าไอ้วัตมันเป็นตำรวจ”
อัญมาอมยิ้ม จิ๊บหันมามอง อัญมาทำหน้าขรึม รีบดันหลังพื่อน
“รู้แล้วอย่าบอกใครล่ะ ไอ้นวยก็ห้ามบอก ไอ้นั่นมันปากมาก เจอลูกค้าวันละเป็นสิบเป็นร้อยคน เดี๋ยวมันก็เล่าหมด”
“เออ...เออ ระวังตัวด้วยนะแก”
“แกกลับห้องไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่”
“แน่ใจนะว่าแกจะกลับไปเจอไอ้พ่อเลี้ยงสัญชัย”
“ถ้ามันยังไม่เลิกหื่น ฉันก็ต้องสั่งสอนมันซะบ้าง”
อัญมาบอกจริงจัง สีหน้าไม่ยอมคน
ตอนกลางคืน สัญชัยนั่งดูทีวีอยู่ หน้าตาเมากรึ่มได้ที่ สายตามองไปที่อุบล พบว่ากำลังหลับ สัญชัยเรียกเบาๆ
“อุบล”
อุบลเงียบเพราะหลับสนิท สัญชัยเรียกซ้ำ
“อีอุบล อีแก่”
อุบลกรนเบาๆ พลิกตัว สัญชัยมองเห็นอุบลหลับสนิทก็ย่องออกไปทันที
อัญมากำลังหลับอยู่ในห้องนอน พอพลิกตัวมา เจอสัญชัยที่ลอบเข้ามา ยื่นหน้ามาจะจูบ อัญมาสะดุ้งตื่นผลักสัญชัยสุดแรง สัญชัยแค่เซ
“ออกไป”
อัญมาคว้าขวดแก้วเล็กๆ ใกล้เตียงขึ้นมาถือไว้ สัญชัยมองแล้วหัวเราะเยาะ
“อะไรจ๊ะ ยาอี ยาไอซ์ ปลุกใจพ่อเหรอ ไม่ต้อง ไม่ต้อง พ่อฟิตอยู่แล้ว”
“อย่ามาเรียกตัวเองว่าพ่อ คนไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีอย่างแก เป็นพ่อใครไม่ได้ ไอ้สัญชัย... แกจะไป หรือไม่ไป”
“ไปไหนล่ะจ๊ะ พ่อคิดถึงลูกอัญจะแย่อยู่แล้ว ไหนมาให้พ่อดูสิว่า ไอ้อธิคม กับ ไอ้วัตเซียนพระ มันสอนอะไรลูกไว้บ้าง”
“ไอ้ปากชั่ว ไอ้นรก”
อัญมาเปิดขวดออก สัญชัยพุ่งเข้าหา อัญมาสะบัดน้ำในขวดกระเซ็นใส่สัญชัย มันยกแขนขึ้นป้องหน้าด้วยสัญชาติญาณ น้ำกรดโดนแขน กระเด็นโดนคอ และแก้มซ้าย สัญชัยร้องลั่นด้วยความแสบและปวดตามผิวที่โดน
“อ๊าก...”
เสียงสัญชัยแหกปากร้องดังลั่นบ้าน
“อ๊าก อีอัญ มึงทำกู อ๊าก...”
อุบลตกใจตื่นขึ้นทันที นึกสังหรณ์
“ไอ้อัญ ลูกแม่”
อุบลลุกพรวดวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
อัญมามองสัญชัยที่ร้องโอดโอยปวดแสบปวดร้อนเพราะน้ำกรดที่สาดโดนแขน โดนคอ โดนแก้มซ้ายบางส่วน
“ถ้าแกยังไม่หยุด ฉันจะจัดให้อีกขวด”
สัญชัยผงะ “อีลูกทรพี”
“ฉันไม่ใช่ลูกแก พ่อเลี้ยงคิดบัดซบอย่างแก มันต้องโดนอย่างนี้”
อุบลวิ่งเข้ามามองตกใจ
“ไอ้อัญ เอ็งทำอะไร”
“ฉันบอกแม่แล้วว่าไอ้สัญชัยมันคิดสกปรกกับฉัน แต่แม่ไม่เชื่อ วันนี้ฉันเลยสาดน้ำกรดใส่มัน ให้เป็นหลักฐานดิ้นไม่หลุด”
สัญชัยแก้ตัวโบ้ยอัญมาเรื่องยาบ้า “ไอ้อัญ มันเข้าใจผิด ข้าจะมาดูว่ามันลงแดงหรือเปล่า”
“ทุเรศ โกหกหน้าด้านๆ”
อัญมาตวาดด้วยความโกรธ สัญชัยแสบจนร้องไม่หยุด
“โอย”
อุบลตัดความ “ไปๆ ไปหาหมอก่อน เดี๋ยวจะมาตายในบ้านข้า ไปสิ ไป”
“จำไว้ ผู้หญิงไม่ใช่เพศที่แกจะมารังแก คิดจะข่มเหงยังไงก็ได้”
อุบลรีบดึงสัญชัยออกไปอย่างเร็ว อัญมามองตาม โล่งใจไปได้วันหนึ่ง
รุ่งเช้าในร้านกาแฟชุมชน จ่าเดชกำลังนั่งกินกาแฟอยู่ที่โต๊ะประจำ มีชาวบ้านคนอื่นๆ นั่งอยู่ในร้านด้วย สัญชัยมีผ้าปิดตามแผลที่แขน คอ แก้มซ้ายเดินเข้ามา ทุกคนมองเป็นตาเดียว
“ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ ไอ้สัญชัย ต้องไปหาหมอเกาหลีทำหน้าใหม่มั้ยวะเนี่ย” จ่าเดชทัก
ชาวบ้านพากันมองหัวเราะ สัญชัยยัวะทันที
“จ่าเดช ฉันขอแจ้งความ ฉันโดนสาดน้ำกรด”
ทุกคนหูผึ่ง ฮือฮา
จ่าเดชซัก “ใครทำเอ็งวะ”
“ไอ้อัญ จ่าต้องจับมันเข้าไปนอนในห้องขัง ดัดสันดานมันให้ฉันด้วย”
“เดี๋ยวๆ เอ็งเล่าละเอียดๆ สิ ไอ้สัญชัย ทำไมถึงเอาหน้าไปรับน้ำกรดจากไอ้อัญ”
สัญชัยกำลังอ้าปากจะเล่า ภควัตทำเป็นเดินมาพร้อมกระเป๋าใส่พระ
“เล่าดีๆ นะ อย่าเล่าไม่เหมือนที่น้องอัญเล่าล่ะ”
สัญชัยตาขวาง “ไอ้วัต เอ็งเกี่ยวอะไรด้วย เรื่องของพ่อลูก”
ภควัตจ้องหน้าสัญชัย สายตาไม่พอใจ
“งั้นก็เล่าสิ ทำไมถึงโดนน้องอัญสาดน้ำกรด ดีนะที่ฉันให้น้องอัญไว้ขวดเล็กๆ แค่นิดเดียวไม่งั้น ... แกตาบอดไปแล้ว”
สัญชัยยัวะใหญ่ “เอ็ง... เอ็งนี่เองที่ให้น้ำกรดไอ้อัญ”
“แฟนใคร ใครก็รัก ใครก็หวงครับ คุณพ่อเลี้ยง”
ภควัตทำหน้ากวนประสาท เดินเข้าใกล้จ้องตาสัญชัย
“คราวหน้าถ้ายังไม่เข็ด...อาจจะเป็นลูกกระสุนที่ฝังในขมับ”
สัญชัยหันมาฟ้องจ่าเดช “จ่าเดช ฉันขอแจ้งความจับมัน”
“เอายังไง ไอ้สัญชัย อย่าเมาแดดกลางวันแสกๆ นะ เดี๋ยวข้าไปเรียกไอ้อัญมาด้วยดีกว่า เรื่องมันเป็นไงมาไง คุยกันทีเดียวเลย จะได้จับเข้าห้องขังซะให้หมด”
จ่าเดชทำท่าขึงขึง ภควัตแกล้งย้ำ
“ดีจ่า ผมเองก็อยากให้น้องอัญแจ้งความมานานแล้ว ไอ้พวกพ่อเลี้ยงใจสกปรก มันจะได้รับโทษสักที”
ภควัตจ้องนิ่ง สัญชัยเก่งไม่จริง เริ่มกลัวว่าจะซวย
“เออ... เช้านี้ฉันมีธุระ เดี๋ยวสายๆ ฉันไปหาที่โรงพักแล้วกัน”
สัญชัยเดินเร็วหนีออกไปเลย จ่าเดชกับภควัตมองตาม
“มันไม่กล้าแจ้งความหรอก ปากดีไปอย่างนั้น ชนักปักหลังมันเพียบ ทั้งบ่อนไพ่ โต๊ะบอล ว่าแต่ ...ผู้กองน่ะให้น้ำกรดไอ้อัญไปจริงๆ เหรอ” จ่าเดชคาใจ
“เปล่า ผมจะให้ได้ยังไงจ่า มันผิดกฎหมาย”
“แล้วไอ้อัญมันไปเอามาจากไหน”
จ่าเดชกับภควัตมองหน้ากันด้วยความสงสัย
อ่านต่อหน้า 2
คีตโลกา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทางฝ่ายอัญมากำลังใส่รองเท้าจะออกไปข้างนอก จิ๊บกับอุบลมอง
“แกไปเอาน้ำกรดมาจากใครวะ ไอ้อัญ” จิ๊บเป็นคนถาม
“พวกที่บ้านพี่บังน่ะ ฉันขอมันมา เอาไว้ป้องกันตัว”
อุบลบ่น “ดีที่ไอ้สัญชัยมันไม่เป็นอะไรมาก”
“ฉันไม่ทำมันถึงตายหรอกแม่ เอาแค่สั่งสอนให้รู้ว่า อย่าคิดจะข่มเหงเราง่ายๆ”
อุบลหน้าเสีย “แม่ขอโทษนะ ไอ้อัญ เอ็งบอกแม่ตั้งหลายครั้ง แต่แม่ไม่เชื่อจนต้องเห็นด้วยตา ไอ้สัญชัยนี่มันเลวจริงๆ”
“ป้ายังจะให้มันเกาะอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ”
“ให้มันกลับมา ข้าจะเพ่นกบาลมันด้วยอีโต้”
อัญมากับจิ๊บยิ้มขำที่เห็นอุบลหน้าตาเดือดดาล และเอาจริง
สัญชัยเดินเลาะมาแถวค่ายมวย อธิคมกำลังจะลงนวมซ้อม เก้าเตรียมนวมกับน้ำให้ สัญชัยเดินมาใกล้
“พี่บังอยู่มั้ย”
“มีอะไรกับพ่อ” อธิคมถาม
“ฉันจะมาของานทำ”
“ที่นี่ไม่มีงานให้ผีพนันอย่างแก”
สัญชัยทำท่าไม่พอใจ อธิคมมองดุ สัญชัยคิดได้ว่าอธิคมคือลูกชายพี่บังก็รีบเปลี่ยนท่าที
“คือ...ฉันลำบากจริงๆ เมื่อคืนก็เพิ่งมีเรื่องกับไอ้อัญ”
อธิคมมองสภาพสัญชัยที่มีผ้าปิดแผลตามหน้า แขน คอ
“เจออะไรมาล่ะ ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับไอ้อัญ”
“ฉันไม่ได้ยุ่งเลยจ้ะ ฉันเชื่อคำสั่งพี่คม แต่ที่โดนอย่างนี้เพราะไปเตือนไอ้อัญเรื่องไอ้วัต เซียนพระ”
สัญชัยโกหก เอาตัวรอดทันที และคอยมองว่าอธิคมจะมีปฏิกิริยายังไง
“มันพากันไปมั่วที่บ้านเช่าไอ้วัตบ่อยๆ ฉันก็อายคน เลยเตือนไอ้อัญว่าเป็นผู้หญิง อย่าทำตัวง่ายๆ คนมันจะดูถูก ไอ้วัตมันก็ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไอ้อัญมันโกรธ หาว่าฉันไปด่าแฟนมัน ฉันก็เลยต้องรับเคราะห์เพราะความหวังดี”
อธิคมมองสังเกตสัญชัยที่ตีหน้าเศร้า ปั้นเรื่องต่อ
“ไอ้อัญมันบอกจะไล่ฉันให้ไปไกลหูไกลตา ก็คงไอ้วัต เซียนพระ นั่นแหละที่ยุมา ไอ้วัตมันคงกะจะเข้ามานั่งกินนอนกินในบ้านไอ้อัญ ไม่ต้องเปลืองค่าเช่า แถมจะปิดห้องขลุกอยู่กันสองต่อสองทั้งวัน ก็ไม่มีใครเห็น เพราะนังอุบลมันก็มัว แต่ขายของ”
เก้าตัดรำคาญว่า “พอแล้ว พูดมาก ที่นี่ไม่มีงานให้แกหรอก”
“นึกว่าเวทนาฉันเถอะพี่คม ให้ฉันทำอะไรก็ได้ พอมีเงินยาไส้”
สัญชัยนอบน้อมเต็มที่ อธิคมมองแล้วตัดสินใจ
“ทำความสะอาดค่ายมวยนี่แล้วกัน”
สัญชัยเสนอตัว “ให้ฉันช่วยปล่อยของก็ได้นะ”
“แกจะทำไม่ทำ” อธิคมรำคาญเต็มทน
“ทำจ้ะ...ทำ”
“แกทำงานที่นี่ แล้วกลับไปอยู่ที่บ้านไอ้อัญ คอยจับตาดูอะไรให้ฉันอย่างนึง”
สัญชัยรู้ทัน “ไอ้วัต เซียนพระใช่มั้ย”
“ฉันอยากรู้ว่าไอ้วัตกับไอ้อัญมันอยู่ที่ไหน ทำอะไร แล้วหายไปไหนด้วยกันบ่อยๆ”
“สบายมาก ฉันจะคอยรายงานพี่คมทุกฝีก้าว”
สัญชัยยืนกระบิดกระบวนไม่ไปไหนสักที อธิคมมองแล้วหยิบแบงค์พันส่งให้ สัญชัยรีบรับมาไหว้ปลกๆ
“รับรองฉันจะสืบเรื่องไอ้อัญกับไอ้วัตมาให้พี่คมทุกเม็ดเลยจ้ะ”
สัญชัยเดินกระหยิ่มออกไป เก้ามองแล้วถามอธิคม
“ไอ้สัญชัย มันจะไว้ใจได้เหรอพี่”
“อย่างน้อยมันก็อยู่บ้านเดียวกับไอ้อัญ ข้าไม่ได้หึงจนหน้ามืดหรอก ข้าสงสัยไอ้วัต แล้วข้าก็อยากจะรู้ความเคลื่อนไหวของมันทุกอย่าง”
“พี่คมนี่รอบคอบจริงๆ”
“เอ็งรู้แล้วก็ทำเฉยๆไว้ ไอ้เก้า ทุกเรื่องที่ข้าสั่ง เอ็งไม่ต้องบอกพ่อ”
“จ้ะพี่ พี่คมเชื่อใจฉันได้ ฉันจะทำงานรับใช้พี่ให้ดีที่สุด”
เก้ายิ้มมองอธิคมหน้าซื่อใส อธิคมพยักหน้าอย่างเชื่อใจเก้า
ทางด้านอัญมากับภควัตยืนรออยู่ที่หน้าทางเข้าชุมชน อัญมาชะเง้อมองทางตลอดเวลา
“เธอจะมายืนรอคุณอรรณพทั้งวัน โดยที่ไม่รู้ว่าเค้าจะมาหรือเปล่าน่ะเหรอ อัญมา”
“ใช่ ฉันจะมารอ ถ้าเกิดเค้ามา ฉันจะเป็นคนแรกที่ได้เจอคุณอรรณพ”
“ฉันว่ามันจะเสียเวลาเปล่าๆ นะ เอางี้มั้ย ฝากนวยไว้ เดี๋ยวถ้าเค้ามา ก็ให้นวยโทร.ไปบอก”
“ไอ้นวยมันวิ่งรถทั้งวัน จะมาเฝ้าได้ยังไง” อัญมาแย้งพลางหันมามองภควัต “ถ้าพี่วัตจะทำงาน ก็ไป ฉันว่าง ไม่ต้องทำอะไร”
“เธอไม่ไปบ้านพี่บังเหรอ”
“พี่บังสั่งว่า ถ้าไม่เรียก ไม่ต้องโผล่ไป”
“อธิคมล่ะ”
“พี่คมไม่โทร.มา”
ภควัตตั้งข้อสังเกต “เงียบผิดปกติ”
“เดี๋ยวฉันแวะไปดูให้ แต่ขอฉันรอก่อน เผื่อคุณอรรณพเค้าจะมา”
“ถ้าเค้ามาก็โทร.หาฉัน หรือไม่ก็จ่าเดชทันที”
“อืม... ขอฉันรอคุณอรรณพเค้าอีกพักนะ ฉันอยากแน่ใจว่าเค้าจะปลอดภัย”
ภควัตพยักหน้าแล้วเดินออกไป
อัญมายืนพิงกำแพงรอ สายตามองไปที่ถนนอย่างเป็นห่วง
ด้านอุบลโยนข้าวของสัญชัยออกไปนอกบ้าน
“เอ็งไปให้พ้นๆหน้าข้ากับไอ้อัญเลยนะ ไป๊ ไอ้ผัวเฮงซวย”
สัญชัยโกรธมา แต่ต้องข่มใจ อดทน พุ่งเข้าไปกอดขาอุบล
“โธ่ เมียจ๋า ผัวผิดไปแล้ว ผัวขอโทษ ผัวไม่เคยคิดชั่วกับลูกอัญเลย เพราะเหล้าแท้ๆ กินเข้าไปมันก็ทำให้ผัวขาดสติ ผัวขอโทษนะจ๊ะ เมียรัก”
อุบลทั้งสะบัดทั้งแกะออก แต่สัญชัยเกาะเป็นปลิงไม่ยอมปล่อย
“ไม่ต้องมาขอโทษ ไป๊ ไปเลย ไสหัวไปวันนี้เลย”
“เมียจะให้พี่ไปไหน เงินทองพี่ก็ไม่มีสักบาท”
สัญชัยเริ่มบีบน้ำตา อ้อนวอนอุบล
“เห็นแก่ความหลังที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาบ้างเถอะ ให้อภัยพี่เถอะนะพี่สัญญา สาบานเลย... สาบานให้ตายโหงเลย ถ้าคิดจะทำร้ายลูกอัญอีก ขอให้พี่ไม่ตายดี”
อุบลด่า “ไอ้สัญชัย แกอย่าสาบาน”
“สาบานสิ พี่กล้าสาบานเพราะพี่บริสุทธิ์ใจ”
อุบลอึดอัดเริ่มมีสีหน้าลำบากใจ สัญชัยออดอ้อนอีกครั้ง
“ขอที่พี่ซุกหัวนอนที่นี่เถอะนะ แล้วพี่จะทำตัวดีที่สุด จะไม่ทำให้น้องกับลูกอัญลำบากใจอีกแล้ว”
สัญชัยออดอ้อน อุบลมองด้วยสายตาใจอ่อน
“แกสาบานแล้วนะ ถ้าคิดชั่วกับไอ้อัญ แกตายโหงแน่”
สัญชัยกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ แต่ก็ฝืนยิ้มให้ ขอเอาตัวรอดไปก่อน
ด้านอัญมายังยืนชะเง้อ มองรถอรรณพ นานเข้าก็เดินมาหาที่นั่งพักรอ สายตายังคอยมองไปที่ถนนตลอดเวลา
ภควัตเข้าฐานลับแล้ว กำลังรายงานประพจน์กับสิทธิชัย
“พวกนายวินิจไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยครับ”
ประพจน์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงตำหนิ “ตั้งแต่บุกจับคราวก่อน นี่มันก็เกือบเดือนแล้วนะ”
สิทธิชัยว่า “ปกติพวกนี้มันไม่ยอมเสียรายได้นานๆ”
“แล้วที่คุณตามอธิคม ลูกชายนายวินิจไปล่ะ” ประพจน์หยั่งเชิง
“ไม่ได้เรื่องอะไรครับ”
ประพจน์ กับ สิทธิชัยมองหน้ากัน ภควัตจับสังเกตได้
“ท่านสงสัยอะไรกันหรือเปล่าครับ”
ประพจน์รีบปฏิเสธ “เปล่าๆ ปกติผู้การจักรภพเค้าชมว่าคุณทำงานไม่เคยพลาด”
“จริงๆ ผมก็มีทำงานพลาดเหมือนกันครับ หลายครั้งที่สายของผมเกือบตาย” ภควัตว่า
“บอกได้มั้ยว่าใครเป็นสายของคุณในแก๊งวินิจ”
ภควัตมองเลยไปที่กฤษณ์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ สายตาไม่วางใจ เห็นกฤษณ์ทำเป็นง่วนกับแฟ้ม
“ผมขออนุญาตปกปิดฐานะของสายก่อนนะครับ เพื่อความปลอดภัย” ภควัตบอก
สิทธิชัยเอ่ยขึ้นเป็นเชิงถาม “เรารู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง”
ภควัตไม่ตอบ ทั้งประพจน์ และสิทธิชัยมองอย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไร จบปฏิบัติการนี้เมื่อไหร่ เราคงได้เจอสายของคุณที่เก่งแล้วก็ใจเด็ดไม่แพ้ผู้ชาย” ประพจน์บอก
ภควัตยิ้มปลื้มแทนอัญมากับคำชมของนาย
ส่วนอีกฟาก อธิคมอยู่ในบ้าน กำลังฟังเก้าที่มารายงานเรื่องอัญมา
“ไอ้อัญมันอยู่ที่ทางเข้าชุมชน เหมือนรอใครสักคน หมู่นี้มันชอบทำท่าเหมือนมารอใครบ่อยๆ วันนี้ก็เหมือนกัน”
“รอใคร...ไอ้วัตหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ พวกที่วินบอกว่าไอ้วัตมันออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ไอ้อัญก็ไปส่ง”
อธิคมคิดตาม “หรือว่าจะรอไอ้เศรษฐีนั่น”
“ไม่แน่นะพี่ ไอ้อัญมันดูแปลกๆ หรือมันจะเข้าข้างเป็นพวกเศรษฐี”
อธิคมยังไม่ทันได้ตอบ เสี่ยวินิจเดินออกมาเรียก
“คม...ไปกับพ่อ
“ไปไหน” อธิคมย้อนถาม
วินิจหงุดหงิดทันที “ทำไมต้องถาม ฉันสั่งให้แกไป แกก็ต้องไป”
เก้าขยับจะตาม วินิจสั่งขึ้นทันที
“เอ็งไม่ต้อง อยู่ดูที่นี่” วินิจมองอธิคม “ไปเร็ว”
อธิคมเดินออกไปกับวินิจ เก้ามองตาม สายตาอยากรู้ว่าสองคนไปทำอะไร
ที่ปากทางเข้าชุมชนตอนนี้ อัญมาลุกขึ้นทำท่าหมดหวังจะเดินออกไป แต่เห็นว่ารถอรรณพแล่นมาจอด อัญมายิ้มกว้างดีใจ
“คุณพ่อ”
อรรณพลงจากรถมาพร้อม 2 บอดี้การ์ดคนใหม่ อัญมาวิ่งเข้าไปหา แล้วสวัสดี
“นี่หนูมารอฉันเหรอ”
“อัญ... คืออัญ...เป็นห่วง...”
อรรณพยิ้มให้ “วันนี้ฉันแค่มาดูอะไรนิดหน่อย”
อัญมานิ่วหน้า กังวลขึ้นมาทันที
ที่ฐานลับ มีเสียงข้อความไลน์ในมือถือภควัตดังขึ้น ภควัตก้มมอง เปิดอ่านข้อความ
“คุณอรรณพมาที่ชุมชน”
ภควัตเก็บมือถือ เดินเร็วรี่ออกไป โดยไม่รู้ว่าอีกด้านประพจน์กับสิทธิชัยมองตามภควัตที่รีบออกไป
กฤษณ์ทำเป็นเดินมาใกล้นาย แกล้งถาม
“ผู้กองเค้าจะไปไหนครับ”
“นั่นสิ ท่าทางรีบร้อน”
ประพจน์ว่าพลางมองหน้ากันกับสิทธิชัย กฤษณ์มองตามด้วยสายตาอยากรู้มากๆ
ไม่นานต่อมา ภควัตเดินมาที่ลานกว้างในชุมชน มีอัญมายืนอยู่ข้างอรรณพ พร้อมบอดี้การ์ดคอยมองตรวจตรารอบๆ อย่างระแวดระวัง พออัญมาเห็นภควัตก็ยิ้มดีใจ
อรรณพทักด้วยสีหน้าแปลกใจ “อ้าว คุณวัต...มาได้ยังไง”
“พอดี ผมเพิ่งกลับจากไปเช่าพระ พอลงรถ ก็เห็นรถคุณอรรณพมาจอด”
ภควัตมองสบตา รู้กันกับอัญมาที่ส่งข้อความไปให้
อรรณพยิ้มพูดเย้า “นี่ผมเกือบจะคิดแล้วนะ ว่าอัญมาตามคุณมาช่วยดูแลผม”
ภควัตกับอัญมาชะงักไปนิด ที่อรรณพรู้ทัน
“คือ...หนู...”
“ขอบใจมากที่หนูห่วงฉัน ฉันตั้งใจมาดี ฉันคิดว่ายังไงคนที่นี่ก็ต้องเข้าใจ”
ภควัตออกปากเตือน “ระวังตัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหายหรอกครับ”
“ฉันห่วงเธอสองคนมากกว่านะ เธอสองคนมาคอยช่วยฉันอย่างนี้ นายวินิจเค้าจะเขม่นเอา”
อัญมาบอก “เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ”
“เอาอย่างนี้ ฉันเห็นที่ดินชุมชนแถวนี้แล้วคิดอะไรขึ้นมาได้ มากกว่าแค่สร้างศูนย์การค้า ฉันอยากให้ธุรกิจของฉันตอบแทนสิ่งดีๆ คืนกลับให้สังคมบ้าง”
ระหว่างนี้ พบว่าเก้าแอบซุ่มมองอยู่ด้านหลัง ไกลออกไป
“ฉันอยากทำลานกีฬาตรงนี้ให้เด็กๆ วัยรุ่นในชุมชนหันมาสนใจกีฬา”
ภควัตยิ้มเห็นงาม “ดีมากเลยครับ กีฬาจะทำให้คนมีวินัย มีความรับผิดชอบ”
อัญมาเสริม “แล้วก็ไม่คิดจะใช้ยาเสพติด”
“งั้นฉันจะรีบให้ที่บริษัทติดต่อขอซื้อที่ดิน แล้วก็จะให้เธอสองคนช่วยดูแลโครงการนี้”
อัญมามองภควัตเป็นเชิงหารือ ภควัตคิดปราดเดียวแล้วยิ้มตัดสินใจ
“อัญมาเค้าต้องช่วยแม่ขายของ ผมว่างกว่า ยังให้ผมช่วยคุณเรื่องลานกีฬานะครับ”
เก้ามองสังเกตการณ์อยู่ เห็นบอดี้การ์ดหันมองไปรอบ มาหยุดทางที่ตัวเองซุ่มอยู่ เก้ารีบฉากหลบออกไปทันที
อรรณพยิ้มแย้มกับภควัต และอัญมา
“ตกลง ผมจะให้คุณช่วยนะ คุณวัต แต่คุณจะมีปัญหากับนายวินิจหรือเปล่า”
อัญมากับอรรณพมองภควัตที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่กลัวอะไร
อีกฟากรถของวินิจแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกร้างแห่งหนึ่ง วินิจกับอธิคมลงมา มีลูกน้องคอยคุ้มกัน 2 คน วินิจเดินนำอธิคมเข้าไปในตึกนั้น
อัญมาคุยกับภควัตในลานกว้างของชุมชน โดยที่ด้านหลังอรรณพกำลังโทรศัพท์สั่งงานที่บริษัทเรื่องซื้อที่ดิน มีบอดี้การ์ดยืนคุ้มกันใกล้ชิด
อัญมามองภควัตแล้วถามให้ได้ยินกัน 2 คน
“ทำไมคุณไม่ให้ฉันช่วยคุณอรรณพเรื่องลานกีฬา”
“ไม่ได้หรอก เรายังต้องให้คุณเป็นสายในกลุ่มวินิจ ยังไงคุณก็ยังถอนตัวมาไม่ได้”
“พี่บังกำลังไม่พอใจฉัน”
“แต่อธิคมชอบคุณ”
อัญมามองภควัต สายตาดูออกว่าน้อยใจ
ภควัตหักห้ามอารมณ์ส่วนตัว พูดสั่งออกไป
“คุณต้องอยู่ในแก๊งนั้น แล้วก็ทำให้อธิคมเชื่อใจคุณเหมือนที่ผ่านๆ มาให้ได้”
อัญมามีสีหน้าอึดอัด
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงคุณอรรณพ ยังไงก็มีผมอยู่ทั้งคน เชื่อผมนะ อัญมา”
อัญมาหันไป เห็นอรรณพที่คุยมือถือเสร็จกำลังเดินมา
“ไม่มีปัญหา บริษัทจะเริ่มซื้อที่ดินตรงนี้ แล้วก็เริ่มประชาสัมพันธ์กับคนในชุมชนถ้าวันนี้เธอสองคนไม่มีธุระอะไร ฉันอยากจะเชิญไปคุยเรื่องนี้กันเลยได้มั้ย คือฉันเป็นคนใจร้อน ชอบคุยธุรกิจให้เสร็จ จบทุกอย่าง แล้วลงมือทำเลย”
ภควัตมองอัญมาด้วยสีหน้านึกไม่ถึงกับความเฉียบขาดของอรรณพ
“ได้สิครับ คุณจะให้เราไปคุยที่ไหน”
“ที่บ้านฉัน”
อัญมาบีบมือตัวเองแน่นด้วยความตื่นเต้น เกร็งไปทั้งร่างเมื่อได้ยินคำว่าบ้านจากปากอรรณพ
ส่วนวินิจเดินนำอธิคมเข้ามาในตึกร้าง ห้องสลับซับซ้อน รกไปด้วยซากปรักหักพังของอิฐ ปูนเก่า
ลูกน้อง 2 คนเดินประกบหน้าหลัง อธิคมมองไปรอบๆ วินิจพาเลี้ยวมาถึงห้องในสุด อธิคมมองไป
ลูกน้องวินิจไขกุญแจที่คล้องโซ่อันใหญ่ออก แล้วเปิดให้วินิจกับอธิคมเข้าไป วินิจเดินนำ อธิคมเดินตามเข้ามา
อธิคมมองเห็นว่าในห้องนั้นมีโต๊ะตัวยาวตั้งอยู่ และเด็กวัยรุ่นผู้หญิง ผอมแห้ง 5 คนกำลังเอายาใส่ถุงห่อเล็กๆ ก่อนจะยัดใส่ตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ น่ารัก วางเรียงรายเต็มห้อง
“ตัวยาใหม่ของเรา พร้อมจะส่งออกไปให้ลูกค้าแล้ว” วินิจบอก
อธิคมเดินเข้ามามองที่โต๊ะ
“แล้วเด็กพวกนี้...ที่ทำงานล่ะพ่อ”
“มันเต็มใจทำงานแลกยา”
“พวกมัน...ยังเด็กมากนะพ่อ” อธิคมทักท้วง
“ไม่ต้องมาทำเป็นคนดี มันเต็มใจทำ ฉันก็มีของ มีข้าวให้มัน ไม่ได้ใช้ฟรีๆ ตึกนี้มันรอดหูรอดตาคน แถมยังลือกันว่าผีดุ...ไม่มีใครกล้าเข้ามาข้างนอกเราก็ล็อคไว้อีกชั้น มีคนเฝ้า ตำรวจมาเราก็เผาทิ้งทั้งตึก ทำเหมือนไฟไหม้เอง”
อธิคมมองเด็กเหล่านั้นด้วยสายตาสลดหดหู่
“ฉันให้แกมาดู เพราะแกจะต้องรับผิดชอบเรื่องปล่อยของในนี้ทั้งหมด ฉันอยากรู้ว่าสูตรใหม่ของเรา ลูกค้าจะชอบหรือเปล่า”
วินิจมองอธิคม
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังกับแกอีก อธิคม”
อธิคมมองตุ๊กตาหลายตัวในห้องที่มียายัดไส้อยู่ ก็นิ่วหน้า ใช้ความคิด
ที่บ้านวิบูลย์สุวรรณของอรรณพ
อัญมาเดินเข้ามาในนี้พร้อมกับภควัต มองจ้องไปที่คฤหาสน์ตรงหน้า เด็กรับใช้ 1 คนเดินนำมา สักครู่ภรณีเดินออกมาจากในบ้าน ยิ้มแย้มต้อนรับ
“หายากมั้ยคะ บ้านฉัน”
“ไม่ยากค่ะ อัญจำได้”
ภรณีแปลกใจ “หนูอัญพูดเหมือนเคยมาที่นี่”
ภควัตรีบแก้ให้ “อัญเค้าจำทางเก่งน่ะครับ รู้เยอะ”
“ฤดีละคะ ทำไมไม่ออกมาดูแลแขก” อัญมาถามย้ำอย่างลืมตัว “ฤดีไม่อยู่เหรอคะ”
ภรณียิ่งแปลกใจ “หนูรู้จักแม่บ้านของเราด้วยเหรอจ๊ะ”
อัญมานึกขึ้นได้ ทำท่าอึกอัก
“เอ่อ...คือ คุณอรรณพเคยพูดถึงน่ะค่ะ อัญจำๆ มา”
อัญมาแก้ตัว ภควัตทำหน้าตายุ่งยากใจ ภรณีมองสองคนด้วยความสงสัย
อรรณพยืนอยู่ด้านในกับภรณีมองออกไปด้านนอก เห็นภควัตยืนอยู่กับอัญมาที่ริมสระข้างคฤหาสน์
“ผมไม่เคยบอกเด็กคนนั้นเรื่องฤดี” อรรณพเอ่ยขึ้น
“ท่าทางแกรู้จักบ้านเราดี”
“ผมไว้ใจคุณวัตนะ ผมมั่นใจว่าเค้าเป็นคนไว้ใจได้ แต่อัญมา ผมดูแกไม่ค่อยออก”
“ฉันคิดว่า อัญมาเป็นเด็กดีค่ะ”
ภรณีมองทอดสายตาไปที่อัญมาด้วยความรู้สึกผูกพันบางอย่าง
“แกเป็นเด็กฉลาด เนื้อตัว ท่าทางแก เหมือนไม่ใช่เด็กที่เกิดในชุมชน ฉันรู้สึกชอบแก ถ้าแกเป็นคู่รักของคุณวัต ฉันว่าก็คงเป็นเด็กดีคนนึง”
สองสามีภรรยามองออกไปที่ภควัตและอัญมา
ส่วนที่ด้านนอกบริเวณริมสระ อัญมามองไปรอบๆบ้าน ด้วยสีหน้ามีความสุขที่ได้กลับมายังที่คุ้นเคย
“บ้านนี้เหรอที่คุณใช้ชีวิตคุณหนูอัญมา”
“ใช่ นั่นห้องนอนฉัน”
ภควัตมองไปตามสายตา อัญมาสีหน้าคุ้นเคยทุกสิ่งทุกอย่าง
“ฉันเคยจัดปาร์ตี้วันเกิดที่ริมสระนี้ มีสุคนธรสมาร่วมงานด้วย”
“คุณเป็นเพื่อนกับสุคนธรส...ผมนึกไม่ออกจริงๆ”
“ยังมีอีกหลายเรื่อง ถ้าฉันเล่า คุณจะยิ่งนึกไม่ถึง”
อรรณพกับภรณีเดินออกมา อัญมากับภควัตหันไปยิ้มให้
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” ภรณีเยื้อนยิ้มด้วยไมตรี
อัญมากับภควัตเดินตามอรรณพกับภรณีเข้าไปด้านใน
ครู่ต่อมา ภควัตกับอัญมาลงนั่งที่โต๊ะอาหาร อรรณพกับภรณีนั่งตรงข้าม เด็กรับใช้ตักข้าวให้อรรณพ และทำท่าจะเดินไปทางภรณี
“มื้อเย็น คุณแม่ไม่ทานข้าว ทานแต่ผัก” อัญมาเอ่ยขึ้นอย่างคุ้นเคย
อรรณพ และภรณีมองอัญมาขวับ แปลกใจที่อัญมารู้
ภควัตเอาขากระแทกอัญมาเบาๆ อัญมารู้ตัว รีบแก้
“ใช่มั้ยคะ...คุณภรณีไม่ทานข้าวใช่มั้ยคะ เหมือนแม่หนู แม่อุบลก็ไม่ทานข้าวเย็น กลัวอ้วนน่ะค่ะ”
“อ๋อ ใช่จ้ะ ฉันทานผักสด ฤดีเค้าคงจัดไว้แล้ว นี่เค้าขอลาไปเยี่ยมญาติที่ป่วยกะทันหัน”
เด็กรับใช้รีบถอยไปตักข้าวให้ภควัตกับอัญมา เด็กอีกคนยกชามสลัดผักไปวางตรงหน้าภรณี
“อัญมาเค้าจะแปลกๆ น่ะครับ แต่ที่จริงแฟนผมเป็นคนดีนะครับ” ภควัตรีบแก้ต่างให้
อัญมาหันไปค้อนภควัต ภรณีหัวเราะ
“ระวังตอนกลับ หูจะยานกว่าเดิมนะคุณวัต”
ทุกคนยิ้มแย้ม อรรณพตักข้าวแล้วพูดขึ้น
“เดี๋ยวเรากินไปคุยไปเรื่องลานกีฬาก็แล้วกันนะ”
บรรยากาศขณะกินข้าวชื่นมื่น อัญมามอง ยิ้มมีความสุขเป็นที่สุด ภควัตตักอาหารให้อัญมา อัญมายิ้ม
อรรณพกับภรณีมองสังเกตภควัตกับอัญมาอย่างรู้สึกเอ็นดู
ทานข้าวและคุยธุระเสร็จ อัญมาเดินออกมากับภควัต อรรณพ ภรณีเดินตามมาส่งด้านหลัง
“ตกลงก็ตามที่คุยกัน คุณวัตช่วยหาคนสอนมาสอนกีฬาเด็กๆ จะตั้งเป็นทีมไปแข่งขันเลยก็ได้ เด็กๆจะได้มีกำลังใจ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด บริษัทผมจะออกให้ทุกอย่าง” อรรณพว่า
“ทีนี้จากไอ้วัต เซียนพระ ก็มาเป็น ไอ้วัต นักกีฬา” อัญมาเย้า
ทุกคนยิ้ม ภรณีมองเด็กรับใช้ที่เอาดอกกุหลาบสีแดงสวยดอกตูมห่อกระดาษเพิ่งตัดมาส่งให้ ภรณีรับมาแล้ว ส่งให้อัญมา
“กุหลาบจ้ะ ฉันปลูกเอง ฝากหนูอัญเอาไปให้คุณแม่ของหนูด้วย”
อัญมามองกุหลาบแล้วยิ้มปลื้ม
“ต้นนี้ คุณแม่รักมากที่สุดในสวน ออกดอกทั้งปี”
ภรณีมองอึ้ง นิ่งงันไป “หนูรู้ได้ยังไง”
อัญมานึกได้ รีบทำหน้าเจื่อน
“ค่ะ...หนูป้ำๆเป๋อๆทำอะไรผิด พูดอะไรผิดไป หนูขอโทษคุณสองคนด้วยนะคะ”
อัญมายกมือไหว้
“หนูอัญไม่ได้ป้ำเป๋อ แต่เหมือนหนูรู้จักที่นี่ รู้เรื่องที่บ้านนี้” ภรณีบอก
“บังเอิญมากกว่าครับ” ภควัตว่า
“นั่นสิ เป็นไปไม่ได้หรอกที่อัญมาจะมารู้เรื่องบ้านนี้ดี” อรรณพบอก
ภรณีค้านในใจ มองไม่เชื่อ อัญมาจวนตัวเลยตัดสินใจหาทางออก
“คือจริงๆ อัญเป็นคนมีองค์น่ะค่ะ”
อรรณพ และภรณี ทำหน้าตาตกใจ
“แต่คุณสองคนไม่ต้องกลัวนะคะ อัญแค่เห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น ไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปทำไม่ดีกับใคร”
“วันนี้เรารบกวนคุณนานแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
ภควัต และอัญมารีบไหว้ลา แล้วพากันเดินออกไป อรรณพ กับ ภรณีมองตาม
“อัญมาเค้าแปลกๆ นะ”
“ฉันรู้สึกว่าหนูอัญแกเป็นคนพิเศษมาก เหมือนฉันเคยรู้จัก ถูกชะตาแกเหลือเกิน เราช่วยครอบครัวหนูอัญได้มั้ยคะ”
“ใจเย็นๆ คุณภรณี อัญมาเค้าอาจจะพอใจในสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ก็ได้”
“เราก็ไม่ได้ไปก้าวก่ายอะไรมากนี่คะ ถ้าแกอยากเรียนหนังสือ เราก็ช่วยให้ทุนแกได้”
“ยังไง ผมจะลองถามๆดูให้นะ”
ภรณียิ้มมองตามอัญมาไปอย่างรู้สึกผูกพันโดยประหลาด
อ่านต่อหน้า 3
คีตโลกา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ค่ำคืนนี้ อัญมาเดินมากับภควัตตามทางเดินริมน้ำสวยที่เดิม อัญมาก้มลงดมกุหลาบที่ได้จากบ้านภรณีด้วยสายตามีความสุข
“กุหลาบของคุณแม่ ต้นนี้เป็นพันธุ์มาจากอังกฤษ”
อัญมาหันมาเห็นสายตาภควัตที่มองจ้อง
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เธอเป็นคุณหนูอัญมาจริงๆ”
อัญมายิ้ม “ในโลกนี้ มีเรื่องประหลาด พิสูจน์ไม่ได้อีกตั้งเยอะแยะ”
“แสดงว่าคนที่คุณกลับมาช่วย ไม่ให้เค้ารอดตาย ต้องเป็นคนสำคัญมาก”
อัญมาหันมองภควัต
“คุณถึงยอมเสียสละความสุขของคุณหนูอัญมา”
อัญมามองภควัต แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นเขา
“ใช่...เค้าเป็นคนสำคัญมากสำหรับฉัน”
อัญมาหมายถึงภควัต แต่ภควัตไม่ได้คิดถึงตัวเอง
“อีกอย่างฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ แต่อย่างน้อยถ้าฉันมีโอกาสจะทำ ความดี ฉันก็จะทำ มันอาจจะเล็กน้อยมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีประโยชน์อะไรในโลกใบนี้เลย”
ภควัตยิ้มกับอัญมาด้วยสายตาอ่อนโยน และชื่นชมความคิดของผู้หญิงตรงหน้า
อัญมาเดินถือกุหลาบเข้าบ้านมา เจออุบลยืนรออยู่แล้ว มีสัญชัยนั่งหน้าจ๋อยๆ ทำท่าสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลัง อุบลพอเห็นอัญมาก็รีบบอก
“มันยังไม่มีที่ไป เวทนามันหน่อยเถอะนะ อัญ”
สัญชัยทำหน้าเศร้าท่าทางก็น่าสงสารมาก อัญมามองแล้วเห็นแก่แม่
“บอกมันแล้วกันว่าถ้ายังคิดชั่ว คราวหน้าจะเป็นลูกกระสุน ไม่ใช่น้ำกรด”
อัญมาเดินเข้าห้องไป อุบลหันมามอง
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย ไอ้สัญชัย”
“ได้ยินแล้วจ้ะ ไม่ทำแล้วจ้ะ”
อุบลหันกลับมามองลูกสาว สัญชัยลอบเบะปาก ยิ้มร้าย แววตาไม่สำนึกอย่างที่พูดสักนิด
กุหลาบสีแดงในแจกันตั้งวางอยู่ในห้องนอน อัญมานอนมองกุหลาบด้วยรอยยิ้ม นึกถึงภาพที่ได้กลับไปที่บ้าน กินข้าวกับอรรณพ และ ภรณี ได้รับกุหลาบแดงจากภรณี
อัญมายิ้มชื่น หลับตาลงนอนด้วยความอิ่มเอมใจ
ลานโล่งของชุมชน เช้าวันนี้ ถูกแปรสภาพเป็นลานกีฬาต้านยาเสพติด โดยความช่วยเหลือของอรรณพ มีโกลฟุตบอลตั้งอยู่ 2 ด้านของสนามฟุตบอล ภควัตกำลังเลี้ยงลูกหลบหลีก วัยรุ่นชายอีกทีม จ่าเดชที่เป็นหัวหน้าอีกทีม พยายามเข้าแย่งลูก แต่ภควัตหลบหลีกสุดพลิ้ว เลี้ยงบอลส่งให้วัยรุ่นชายทีมตัวเอง
อัญมายืนยิ้ม ลุ้นเชียร์ภควัตอยู่ข้างสนาม ส่วนจิ๊บเชียร์ทีมจ่าเดช สองสาวแข่งกันตะโกนให้กำลังใจทีมของตน
จ่าเดชพุ่งเข้าเสียบ ภควัตล้มแล้วลุกขึ้นมารับลูกต่อ อัญมา กับ จิ๊บมองลุ้น
อีกด้านหนึ่งของสนามเก้าหลบมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินหายออกไป
ภควัตเลี้ยงลูกหลบหลีก จนเข้าไปยิงประตู จ่าเดชทำท่าดีใจโอเว่อร์แบบนักฟุตบอลมืออาชีพ ภควัตมาสะกิดว่าทีมตัวเองเป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่ทีมจ่าเดช จ่าเดชอายม้วนกลิ้งไปบนสนาม
ทุกคนหัวเราะยิ้มแย้ม มีความสุข
อีกฟากหนึ่ง ภายในบ้านวินิจตอนนี้ วินิจหัวเราะเยาะต่อหน้าลูกชาย มีเก้ายืนอยู่ด้านหลัง
“ลานกีฬา! มันนึกว่าจะเอาชนะฉันด้วยลานกีฬา”
“ไม่ใช่ความคิดไอ้วัตแน่ๆ ไอ้เก้าบอกว่า เศรษฐีนั่นมาที่นี่อีก”
เก้าบอกอีกว่า “มันมาคุยกับไอ้วัต”
วินิจฉงน “ไอ้วัตคนเดียว”
“ครับ ไอ้วัตคนเดียว”
เก้ามองสบตาอธิคม ไม่พูดชื่ออัญมาออกมา
“ไอ้เศรษฐีอรรณพมันหวังจะรุกคืบเข้ามาเอาใจคนในชุมชน” วินิจว่า
“มันให้ไอ้วัตเป็นตัวป่วน แข็งขืนกับเรา”
“แกจะกลัวอะไรกะไอ้แค่เซียนพระกระจอกๆ แบบไอ้วัต หรือคิดจะกำจัดมัน เพราะมันเป็นแฟนไอ้อัญ”
“ไม่เกี่ยวกับไอ้อัญ ไอ้วัตมันกวนผมมาหลายเรื่องแล้ว” อธิคมรีบแก้ต่าง
“ฆ่าคนที่มันสมควรฆ่าสิวะ อย่าเที่ยวยิงคนพร่ำเพรื่อ อีกหน่อยมันจะมีปัญหาเสี่ยใหญ่เค้าไม่มีเวลามานั่งเคลียร์ให้เราทุกเรื่องหรอก”
วินิจมองอธิคม ด้วยสายตาเป็นเชิงตำหนิ
“แล้วเรื่องที่ฉันให้ส่งของ ลงมือหรือยัง”
“วันนี้แหละพ่อ”
แววตาอธิคมเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ไม่นานต่อมา อธิคมยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ของเขา ห่างออกมาจากชุมชน สายตามองตรงมาที่ลูกน้อง พบว่าต้นแต่งตัวเหมือนแมสเซ็นเจอร์กำลังขนถุงตุ๊กตาที่อัดแน่นหลายตัว ส่งให้ที่ร้านขายของ
ส่วนเก้าแต่งตัวเหมือนแมสเซ็นเจอร์สตาร์ทมอเตอร์ไซค์รออยู่หน้าร้าน ท่าทางปกติ แต่สายตาคอยมองระวังให้ต้น
ต้นรับเงินแล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ เก้าขับออกไป อธิคมที่มองอยู่ ปิดหมวกกันน็อค ยิ้มพอใจ ขับมอเตอร์ไซค์ตามออกไปห่างๆ
ที่ฐานลับ ประพจน์รับเอกสารจากลูกน้อง กวาดตามองข้อความ สิทธิชัยที่ยืนอยู่ใกล้ มองอย่างอยากรู้
“พวกวินิจมันเคลื่อนไหวแล้ว มีข้อความเข้ามาที่ศูนย์ บอกพิกัดที่มันกำลังส่งของ”
สิทธิชัยถาม “มีใครติดต่อผู้กองภควัตได้บ้าง”
กฤษณ์ทำเป็นรีบชิงตอบขึ้นทันที
“ติดต่อไม่ได้เลยครับ ภควัตไม่รับสาย ส่งข้อความก็ยังไม่อ่าน”
ประพจน์กับสิทธิชัย หน้าเครียดทั้งคู่
ที่ลานกีฬาในชุมชนเวลาเดียวกันนี้ มือถือภควัตในกองเสื้อผ้ากระเป๋าข้างสนามสั่น โดยในสนามภควัตกำลังสอนทีมวัยรุ่นของชุมชน จ่าเดชออกท่าทาง ลีลาเยอะกว่า แต่ภควัตยิงเข้ามากกว่า
อัญมาที่ยืนมองอยู่ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่น จึงหันไปมอง จิ๊บชะเง้อหน้ามามองด้วย
“โทรศัพท์ไอ้วัต มีคนโทร.มา แกรับแทนสิ”
อัญมาบอก “ไม่เอา”
“เอ๊ย เป็นแฟนกัน มันก็ต้องรับได้สิ โทร.จิกขนาดนี้ ไอ้วัตมันซ่อนกิ๊กหรือป่าว” จิ๊บว่า
แววตาอัญมาเริ่มสงสัย เอื้อมไปหยิบมือถือภควัตขึ้นมาดู เห็นเมมชื่อเป็น กระแต พร้อมภาพหญิงสาวน่ารัก แอ๊บแบ๊ว หน้าอกใหญ่
จิ๊บยื่นหน้ามามอง “นั่นไง ผู้หญิงจริงๆ ด้วย น้องกระแต แหม...เป็นเจ้าของฟาร์มนมหรือไงวะ”
อัญมาเห็นรูปกระแตแอ๊บแบ๊วบนหน้าจอ จึงวางมือถือลงที่เดิม
“รับสิ ไอ้อัญ ปล่อยไปได้ไง ต้องด่ามันสิ มายุ่งกับแฟนเรา”
“ฉันไม่สนหรอก กระตงกระแตที่ไหน”
อัญมาหน้าเชิด ยืดอกเบ่งเต็มที่ จิ๊บมองแล้วส่ายหน้า
“เออ เรื่องของแก นังกระดาน...ฉันละอยากจะเห็นตัวจริงนังน้องกระแตนี่จริงๆ”
อัญมาหันไปมองทางมือถือ เห็นกระแตยังโทร.เข้าไม่หยุด อัญมาหน้าตาขุ่นเคือง
กฤษณ์กำลังรอสายที่โทร.หาภควัต แล้วหันไปบอกประพจน์ กับ สิทธิชัย
“ภควัตไม่รับสายเลยครับ”
ประพจน์มองหน้ากับสิทธิชัยแล้วตัดสินใจ
“กฤษณ์ คุณเป็นหัวหน้าทีมจับกุม ทุกคนเตรียมตัว”
เจ้าหน้าที่ทุกคนในฐานลับประจำที่ เตรียมพร้อมที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ประพจน์หันไปสั่งกฤษณ์
“จับเป็น เอาตัวคนในแก๊งมันมาให้หมด”
“ครับ ท่าน”
กฤษณ์ยิ้มกระหยิ่ม รับคำอย่างมั่นใจ เดินเร็วรี่ออกไปกับตำรวจอีก 4 นาย ทันที
ประพจน์กับสิทธิชัยมองตามด้วยสายตาลุ้น
ภควัต จ่าเดชเดินออกมาจากในสนาม ตรงมาที่อัญมากับจิ๊บ
“ดีจริงๆ ได้ออกกำลังรู้สึกร่างกายฟิตขึ้นเยอะเลย พุงหายไปหลายนิ้ว” จ่าเดชว่า
จิ๊บเหน็บ “ฉันนึกว่าจ่าหมดลมกลางสนาม จะได้หามขึ้นเมรุซะเลย”
“ปากเอ็งนะ อีกหน่อยข้าจะเอาตะกร้อมาครอบ ไอ้จิ๊บ ฟิตๆขนาดนี้” จ่าเดชเบ่งกล้ามแขน “ฟิตมาก” แล้วเปิดท้องโชว์ “นี่ ...ซิกซ์แพ็ค”
จิ๊บทำท่าอ๊วกพุงย้วยของจ่าเดช
อัญมาหน้าบึ้งตึง ไม่ขำ ภควัตมองแล้วถามขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่า อัญมา”
“เปล๊า ไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปช่วยแม่ขายของก่อนนะ”
อัญมาเดินหุนหันออกไปเลย จ่าเดชมองตาม
“ท่าทางเหมือนใครไปเหยียบหางมันนะ”
“เมื่อกี๊มีผู้หญิงโทร.มา โทร.จิกแกน่ะ ไอ้วัต ไอ้อัญมันเห็นแล้ว เคลียร์กันเองละกันนะ...น้องกระแต”
จิ๊บลากเสียงกวนๆ แล้วเดินออกไปอีกคน
“ไหน มีน้องกระแตด้วยเหรอ เอาไลน์มาเลย ผู้กอง”
“กระแตบ้าอะไรล่ะจ่า เบอร์สารวัตรกฤษณ์ ผมเม็มไว้เป็นชื่อกระแต”
“โหย...เซ็ง”
ภควัตรีบหยิบมือถือมากด แล้วโทร.กลับ ได้ยินเสียงจากปลายสายติดต่อไม่ได้ ภควัตมองจ่าเดชสีหน้าเครียด
“ต้องมีเรื่องอะไรแล้ว”
อธิคมที่ยังใส่หมวกกันน็อค จอดมอเตอร์ไซค์ฝั่งตรงข้ามช็อปปิ้งมอลล์ ลงรถแล้วเดินไปขึ้นรถตู้คันที่จอดอยู่ใกล้ๆ เก้ากับต้นลงจากรถกระบะที่เปลี่ยนรถก่อนหน้านี้ และกำลังขนถุงตุ๊กตาใส่รถเข็น เหมือนกำลังจะไปส่งที่ร้านค้าในช้อปปิ้งมอลล์นี้
อีกด้านกฤษณ์กับลูกน้อง 4 คน ใส่ชุดคอมมานโด ปิดหน้า ซุ่มพร้อมเข้าโจมตี
อธิคมอยู่ในรถกระบะ ถอดหมวกกันน็อคออกวางข้างๆ ตัว กวาดตามองไปรอบๆ พบว่าไม่เห็นคนเดินผ่านไปมา อธิคมเพ่งมองไปเห็นวัยรุ่น 2 คนเดินเลี้ยวมา แต่พอจะผ่านมุมตึกก็ทำท่าชะงัก หันหลังวิ่งกลับไปเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง
เป็นกฤษณ์นั่นเองที่ซุ่มอยู่มุมตึกเป็นคนคอยโบกมือไล่ให้ผู้คนออกห่างบริเวณนั้น อธิคมเขม้นมอง ดูแล้วบรรยากาศเงียบผิดปกติ จึงกดมือถือโทร.ออกทันที
เก้ากำลังขนของอยู่กดรับสาย
“เก้า ถอยออกมา กลับมาที่รถ...มีตำรวจอยู่ที่นี่”
เก้าตัดสายหยุดกึก มองไปรอบๆ ต้นถามขึ้น
“มีอะไรวะ เก้า”
“พี่คมโทร.มาบอก...มีตำรวจ”
เก้ามองรอบๆ ด้วยท่าทีระแวดระวัง ต้นชักปืนเหน็บเอวออกทันที
“กลับไปที่รถ เร็ว”
ขณะที่เก้ากำลังหันหลังกลับไปที่รถ ต้นหันไปเห็นลูกน้องกฤษณ์โผล่มาจากมุมตึก ก็ยิงออกไปทันที เสียงปืนดังสนั่น เก้าก้มหลบ กระชากต้นให้หลบด้วย แต่ต้นไม่ยอม ยิงซ้ำไปอีกหลายนัด
ลูกน้องกฤษณ์ยิงสวนเจาะเข้าขาจนต้นทรุด อธิคมเห็นลูกน้องล้ม ก็ยกปืนในมือขึ้นเล็งไป พร้อมยิงทุกขณะ
ทางด้านภควัตเดินเร็วรี่มาในชุมชน คุยมือถือที่ต่อสายไปยังฐานลับ
“ผมเอง ไอ้วัต เซียนพระ...ขอสายกระแต ด่วน”
ประพจน์รับสายมาจากลูกน้อง กระแทกเสียงตอบอย่างไม่พอใจ
“คุณหายหัวไปไหนมา ผู้กอง ตอนนี้สารวัตรกฤษณ์กำลังจับอธิคมอยู่”
ที่ชอปปิ้งมอลล์ตอนนี้ อธิคมมือหนึ่งเล็งปืน อีกมือคว้าหมวกกันน็อคมาสวมทันที
เก้ากดต้นก้มลง ลูกน้องกฤษณ์โผล่ออกมา อธิคมที่สวมหมวกเหนี่ยวไกเปรี้ยง กระสุนอธิคมเจาะเข้าคอตำรวจแม่นยำราวจับวาง
กฤษณ์เห็นลูกน้องล้มไปหนึ่ง ก็พุ่งออกไปทันทีกับลูกน้องอีก 3 ตรงเข้ามายิงใส่ อธิคมก้มหลบ ยิงสวน เก้าลากต้นไปที่รถอธิคมยิงกันให้ ต้นลุกขึ้นสู้คราวนี้โดนยิงเข้าที่เอว ร่างหลุดมือจากเก้า
“ไอ้ต้น”
เก้าพยายามจะลากต้นให้ลุกขึ้นไปด้วย
กฤษณ์กับลูกน้องยิงไล่ล่ามา อธิคมทานไม่ไหว กระชากเก้าขึ้น
“ไอ้ต้นล่ะพี่” เก้าห่วงต้น
อธิคมหันไปมอง ต้นนอนเจ็บอยู่โดนตำรวจยิงอีกนัด อธิคมมองต้นที่สภาพร่อแร่แล้วตัดสินใจเหนี่ยวไกยิงต้นปิดปาก กระสุนเจาะเข้ากลางอก ต้นขาดใจตายคาที่ เก้าตะลึง อธิคมกระชากเก้าออกไป
เก้าวิ่งฝ่ากระสุนพุ่งขึ้นกระบะ ขับฝ่ากระสุนตำรวจออกไป อธิคมวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ตัวเอง วินาทีอันระทึกนั้นกฤษณ์วิ่งมาเกือบถึงอธิคมแล้ว แต่อธิคมเลี้ยวรถบิดคันเร่งออกไป
กฤษณ์กับลูกน้องยิงไล่ตาม แต่ไม่ทัน อธิคมหนีไปไกลแล้ว กฤษณ์ถอดหมวกดำออก ปาลงพื้นด้วยความโมโหสุดขีด
รถอธิคมกับรถเก้ามาจอดในตึกร้างไล่เลี่ยกัน อธิคมลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อกออก เก้าลงรถกระบะตามมา มีลูกน้องวินิจ 2 คนที่เฝ้าอยู่เข้ามาหา อธิคมสั่ง
“ขนของขึ้นไปเก็บ”
ลูกน้อง 2 คนรีบเอาของหลังกระบะ ขนขึ้นตึกไป อธิคมหันไปมอง เห็นเก้าทรุดลง นั่งร้องไห้
“ไอ้ต้น”
เก้าหมดอาลัยตายอยาก ที่เห็นเพื่อนตายต่อหน้า
แววตาอธิคมวาววับ แค้นถึงขีดสุด คำรามออกมา
“พวกตำรวจมันรู้ได้ยังไง”
เวลาเดียวกัน ภควัต และ กฤษณ์ ยืนอยู่ต่อหน้าประพจน์ กับ สิทธิชัย ในฐานลับ
สิทธิชัยระเบิดอารมณ์ใส่ “พัง...จับไม่ได้ พลาดทั้งของ ทั้งอธิคม คนของเราก็กระสุนทะลุคอ อยู่ไอซียูเป็นตายเท่ากัน”
“เราสู้กับพวกอธิคมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ไม่ได้นะครับ พวกมันรู้ทางหนีทีไล่ทุกที่ๆ มันจะไปส่งของ อธิคมมันไม่ใช่คนส่งยากระจอกๆ”
ประพจน์หันมาทางภควัต “ก็แทนที่คุณจะเป็นคนวางแผน คุณมัวไปสนใจเรื่องลานกีฬาของนายอรรณพ จนเสียเรื่องกันไปหมด”
ภควัตบอก “ผมขอโทษครับ”
“ผมผิดเองครับ ผมทำพลาด ผมขอรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีม” กฤษณ์ตีหน้าเศร้าน้ำตาคลอ “คนของเราบาดเจ็บสาหัส จับเป็นพวกมันไม่ได้ ผมขอรับผิดชอบ”
ประพจน์ และสิทธิชัยมองกฤษณ์อย่างเห็นใจ
“คุณทำดีที่สุดแล้ว สารวัตรกฤษณ์” ประพจน์บอก
สิทธิชัยเสริม “ไม่มีใครโทษคุณ”
ประพจน์มองมาทางภควัต
“ในเมื่อคุณมีสายในแก๊งวินิจ ทำไมถึงไม่ระแคะระคายว่าวันนี้มันจะส่งของ”
“สายของผม...ไม่ได้แจ้งครับ”
“นี่ต่างหาก คุณนี่แหละความผิดพลาดของงานนี้”
เห็นประพจน์ตำหนิภควัตตรงๆ กฤษณ์มองแล้วยิ้มสะใจนิดเดียว ก่อนจะตีหน้าเศร้าเหมือนเดิม
สิทธิชัยถาม “ของมีมากแค่ไหน”
“ผมว่าน่าจะเป็นแสนเม็ดครับ” กฤษณ์บอก
“มันต้องหาทางปล่อยของอีกจนได้ แต่ยังไม่ใช่ช่วงนี้” สิทธิชัยว่า
ประพจน์บอกอีก “คำที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตคือคำว่า ผิดพลาด ล้มเหลว ผู้กองภควัต อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
ภควัตรับคำ “ครับ”
“ยาแต่ละเม็ดที่มันถูกส่งออกไป มันคือหายนะที่กัดกร่อนสังคมเรา ผมต้องการให้ขบวนการของนายวินิจกับลูกชาย รับโทษให้เร็วที่สุด พวกที่เหลือมันจะได้รู้ว่าตำรวจอย่างเรา จะไม่ยอมให้มาเฟียหรือพวกนอกกฎหมายที่ไหนมามีอำนาจใหญ่เหนือกฎหมาย”
ภควัต กฤษณ์และตำรวจทุกคนรับฟังคำสั่งของประพจน์ด้วยแววตามุ่งมั่น
ภควัตเดินออกจากฐานลับมาอยู่ในห้าง ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก อัญมายืนรอกระวนกระวายอยู่นาน มองเห็นแล้วรีบเดินเข้าไปหา
“อธิคมรอดไปได้”
“พี่คมส่งของ ไม่เรียก ไม่บอกฉัน”
“หรือว่าอธิคมมันกำลังสงสัยคุณ”
ภควัตถามขึ้น อัญมาสีหน้ากังวล
ขณะเดียวกัน อธิคมกลับถึงบ้านแล้ว ยืนอยู่ในห้องทำงานต่อหน้าวินิจ ทั้งห้องมีแค่ 2 พ่อลูก
“เรื่องนี้พ่อก็เห็นว่าไอ้อัญไม่เกี่ยว มันไม่ได้เข้ามาที่นี่หลายวันตั้งแต่พ่อห้ามไม่ให้มันเข้ามา ผมไม่ได้ติดต่อมัน ไม่ได้พามันไปขนของ”
“แกก็ห่วงแต่ไอ้อัญ”
“ผมไม่ได้เป็นห่วงมัน แต่ผมกำลังจะบอกให้พ่อรู้ว่า เลิกสงสัยคนผิดได้แล้ว บางทีพวกตำรวจมันอาจจะซ่อนกล้องหรือไม่ก็ดักฟังพวกเราอยู่”
“ฉันให้คนตรวจที่นี่กับค่ายมวยหมดแล้ว ไอ้คนติดตั้งวงจรปิดของเรา ก็ไว้ใจได้ฉันว่า...มันต้องมีนิ้วอยู่ในพวกเรา”
“ผมจะลากตัวมันมาให้พ่อ”
“เรื่องนั้น ฉันจะจัดการเอง ตอนนี้แกเก็บตัวไว้หน่อยก็ดี ยิงตำรวจสาหัสพวกมันไม่ปล่อยแกแน่”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อ ไม่มีใครเห็นหน้าฉัน พ่อจัดการเรื่องไอ้ต้นให้ด้วยนะ ให้เงินพ่อแม่มันสักก้อน”
“เออ...ไม่ต้องห่วง ดีที่แกปิดปากมัน ขืนให้ตำรวจได้ตัวมันไปกันตัวเป็นพยาน พวกเราจะซวยกันหมด”
อธิคมถอนใจหนักหน่วง วินิจเองก็หน้าเครียดที่ทุกอย่างบีบคั้นเข้ามาอีก
ภควัตกับอัญมานั่งนิ่งอยู่ที่ร้านกาแฟในห้าง สีหน้าอึดอัดใจทั้งคู่
“ฉันจะหาทางกลับเข้าไปในบ้านพี่บังให้ได้”
อัญมาแตะมือภควัตเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ภควัตมองแล้วกุมมืออัญมาไว้
“ขอบคุณมาก อัญมา”
สองคนแตะมือกัน ยิ้มให้กันอย่างเป็นกำลังใจ
กฤษณ์มองเห็นประพจน์กำลังคุยกับสิทธิชัย
ประพจน์บอก “ผมต้องเข้าไปรายงานผู้ใหญ่ เรื่องที่เราพลาดวันนี้”
สิทธิชัยมีสีหน้าเห็นใจ กฤษณ์ได้จังหวะเดินเข้ามาหา
“ท่านครับ ผมมีอะไรอยากให้ท่านดู”
สิทธิชัยหันไปถาม “อะไรหรือสารวัตรกฤษณ์”
“ผมได้มันมา เพราะวันนั้นผมสงสัยว่าผู้กองภควัตหายไปเจอใคร”
กฤษณ์เปิดคลิปในมือถือที่ภควัตนั่งคุยกับอธิคมในร้านอาหารรีสอร์ท ประพจน์ และสิทธิชัยดูด้วยสีหน้าตกใจ
“ผู้กองภควัตเค้าสนิทกับอธิคม ขนาดที่นั่งคุยกัน ใกล้ขนาดนี้” ประพจน์ตกใจมาก
กฤษณ์พูดกำกวม “ตอนแรกผมคิดว่าภควัตเค้าตีสนิทกับอธิคมเพราะไม่อยากให้มีพิรุธ ตอนลงไปทำงานในชุมชนที่อธิคมอยู่ แต่หลังจากวันนี้ ที่เราจับอธิคมไม่ได้ ผมกลับมาทบทวนดูอีกที...”
สิทธิชัยต่อให้ “ภควัตทรยศพวกเรา”
กฤษณ์รีบออกตัว ตีสีหน้าเป็นคนดี
“ผมไม่แน่ใจเลยครับ หลักฐานแค่นี้ อาจจะชี้ชัดไม่ได้ ว่าภควัตกำลังคุยอะไรกับอธิคม แต่ที่ผมเปิดให้ท่านดู เพราะผมคิดว่าเราน่าจะกันไว้ดีกว่าแก้”
ประพจน์ห้าม “อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใคร ผมจะจับตาดูพฤติกรรมของผู้กองภควัต”
สิทธิชัยตั้งข้อสังเกต “แล้วอีกเรื่องนึง ทำไมภควัตต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องลานกีฬาของนายอรรณพ”
“อาจจะสร้างเรื่องเพื่อเอาตัวรอด เวลาที่ถูกสอบสวนหรือเปล่าครับ แต่อันนี้ผมก็ไม่ทราบ หลายๆครั้งที่ผ่านมาผมกับภควัตขัดแย่งเรื่องแนวทางจับกุม แต่ท่านผู้การจักรภพก็ตัดสิน ให้ใช้วิธีการของภควัต”
ประพจน์บอก “สารวัตรกฤษณ์ ต่อไปนี้คุณมีอะไรที่เห็นว่าไม่ชอบมาพากล รายงานผมตรงทันที”
“ครับ ท่าน”
ประพจน์กับสิทธิชัยเดินออกไป
“แกมีผู้การจักรภพหนุนหลัง ฉันก็มีผู้การประพจน์กับผู้การสิทธิชัย ดูสิ ไอ้วัต แกจะอวดเก่งเหนือฉันไปได้อีกนานแค่ไหน”
กฤษณ์ระบายยิ้มร้ายๆ จนเต็มใบหน้า
อ่านต่อตอนต่อไป
คีตโลกา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ออกจากฐานลับ ภควัตเดินหน้าตาเคร่งเครียดมาตามทางในชุมชน อัญมาเดินตาม มองไปเห็นคนในชุมชนเยอะแยะหนาตา ภควัตกำลังเดินไปเกือบจะถึงรถเข็นส้มตำของอุบลที่ชาวบ้านมุงซื้อส้มตำย่างกันอยู่
อัญมามองแล้วตัดสินใจเข้าไปกระชากแขนเสื้อภควัตอย่างแรงจนอีกฝ่ายเซ
“ไม่ต้องมาเดินหนีเลย ไอ้พี่วัต”
ภควัตยังงงอยู่ ชาวบ้านพากันมองมาทางอัญมาที่แผดเสียงใส่ดังลั่น
“บอกมาสิ ผู้หญิงที่ชื่อกระแตมันเป็นใคร”
ภควัตยังงงอย่างเก่า “กระแต”
“ก็กระแตที่มันโทร.จิกพี่น่ะ”
ชาวบ้านพากันมอง อุบลถึงกับวางมือ มองลูกสาว อัญมาเห็นคนมองยิ่งแผดเสียงโวยวาย
“มันด่าฉัน หาว่าฉันแย่งแฟนมัน มันบอกว่ามีรูป มีคลิปที่ไปเที่ยวกับพี่ มีคลิปที่พี่อยู่กับมันที่คอนโดด้วย มันจะส่งมาให้ฉันดู พี่วัตนะพี่วัต ไหนบอกรักฉันคนเดียว”
ภควัตเริ่มเก็ตแผนของอัญมา รีบทำสวมรอยผสมโรง
“พี่ผิดไปแล้ว พี่ขอโทษนะน้องอัญ”
อัญมาแกล้งทุบภควัตอั้กๆ
“บอกมา มันเป็นใคร อยู่ไหน ฉันจะไปตบนังกระแต”
“อย่ามีเรื่องกันเลย ต่างคนต่างอยู่เถอะนะ”
“ต่างคนต่างอยู่ หมายความว่ายังไง จะไม่เลิกกับมันใช่มั้ย”
อีกด้านจิ๊บวิ่งมา เห็นอุบลถือสากมายืนข้างลูก
“ไอ้วัต เอ็งหลอกลูกข้า”
“ใช่เลย ป้าอุบล ไอ้วัตน่ะมันมีกิ๊ก นมเท่าหัวเด็ก ฉันเห็น”
“ไอ้วัต ไอ้ทุเรศ ไอ้กะล่อน” อุบลด่าลั่น
“ฉันผิดไปแล้วจ้ะ”
“เลือกมา พี่วัต เลือกเดี๋ยวนี้ ชั้นหรือนังกระแต” อัญมาตีบทแตกกระจุยต่อ
“คือพี่ขอไปตกลงกับน้องกระแตเค้าก่อนได้มั้ย” ภควัตผสมโรง
จิ๊บของขึ้นโมโหแทน “ตกลง ยังมีหน้าไปตกลง แสดงว่าแกคิดจะควงสอง หรือสาม หรือมันอาจจะมีสี่”
“ที่จริงน่ะ ห้า” ภควัตบอก
“ไอ้วัต เอ็งตาย”
อุบลบันดาลโทสะ พุ่งเข้าไปจะเอาสากตีหัวภควัต อัญมาดึงไว้แทบไม่ทัน รีบตะโกนไล่
“ไปเลยนะ ไอ้พี่วัต ชั้นเลิกกับแก ไปเลย ไปให้พ้นๆ หน้าชั้น”
“น้องอัญ คือเรื่องนี้มันก็เรื่องปกติของผู้ชายหน้าตาดีอย่างพี่นะจ๊ะ”
“เรื่องปกติเหรอ งั้นก็เจอสากข้าหน่อยนะ ไอ้วัต”
อุบลเขวี้ยงสากใส่ภควัต โดนเข้าที่ปลายขมับ อัญมาตกใจ รีบไล่ซ้ำ
“เราเลิกกันไอ้พี่วัต เลิกกันเลยวันนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
จิ๊บเข้าไปเอาถาดมะละกอสับของอุบลปาใส่ภควัต ชาวบ้านพากันเอาผักขว้าง ภควัตต้องวิ่งหนี อัญมามองสงสาร อุบลยังโวย อัญมาต้องดึงไว้
“แกอย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันเลยนะ ไอ้วัต ไม่งั้นแม่สับเละ
เย็นนั้น อัญมาเดินปึงปังเข้าบ้านมา สัญชัยกำลังดูทีวีพลิกตัวมามอง อุบลกับจิ๊บเดินตามเข้ามา
“อย่าเสียใจไปเลยนะ ไอ้อัญ เอ็งสวยจะตาย หาแฟนใหม่หล่อๆ ได้ดีกว่าไอ้วัตอีก”
“ไอ้พี่วัต ไอ้แฟนเฮงซวย ฉันเกลียดมัน ฉันจะเลิกกับมัน อย่าพูดชื่อมันให้ฉันได้ยินอีก”
อัญมาวิ่งเข้าไปในห้อง อุบล กับจิ๊บมองตามอย่างสงสาร
“ปล่อยให้มันร้องไห้ไปก่อนเถอะ” จิ๊บว่า
อุบลถอนใจสงสาร สัญชัยมองหน้าตาสอดรู้สุดขีด
อัญมาเข้าห้องมา ล็อคกลอนประตูแล้วหัวเราะคิกคัก
“ขอโทษนะ ผู้กอง เจอสากบินของแม่ฉันไปเต็มๆ ไม่ทำอย่างนี้ ฉันก็กลับเข้าไปบ้านพี่บังอีกไม่ได้”
อัญมามีสีหน้ามั่นใจว่าเรื่องเลิกกับภควัตต้องไปถึงหูอธิคม
อธิคมกำลังวิดพื้นอยู่ในค่ายมวย สัญชัยพยายามบอกเรื่องอัญมา
“ไอ้อัญมันนอนร้องห่มร้องไห้ ข้าวปลาไม่กิน เสียใจเรื่องที่เลิกกับ ไอ้วัตเซียนพระแฟนมัน”
อธิคมหยิบผ้าเช็ดเหงื่อ หน้าตาเฉยๆ สัญชัยรีบเล่าให้โอเว่อร์อีก
“นังอุบลมันก็ยื่นคำขาด ห้ามไอ้วัตเหยียบบ้านอีก เห็นเมื่อไหร่แม้แต่เงา มันก็จะเอาเรื่อง”
“หมดแล้วใช่มั้ย ที่จะบอก”
“นี่เรื่องใหญ่เลยนะครับ พี่คม”
“ขอบใจ”
สัญชัยมอง รีๆรอๆ อธิคมล้วงแบงค์พันให้ สัญชัยรีบไหว้
“มีอะไรเด็ดๆ ผมจะรีบมารายงานพี่คมอีก”
สัญชัยยิ้มกับเงิน แล้วรีบออกไป อธิคมที่เก๊กหน้าบึ้ง หันกลับมาคลี่ยิ้มหล่อ ด้วยความดีใจ
“เลิกกับไอ้วัตได้สักทีนะอัญ”
อธิคมยิ้มหน้าบาน ดีใจมากกับข่าวดีที่ได้ฟัง
ส่วนภควัตนั่งอยู่ในห้องเช่า ให้จ่าเดชเอายาทาหน้าผากที่บวมแดง
“เบาๆ จ่า เบาๆ”
“สากนังอุบลนี่มันเข้าเป้า แม่นกว่ากระสุนอีกนะครับ ผู้กอง”
“ถ้าหลบไม่ทัน คงตาแตกไปแล้ว”
“ลงทุนเจ็บตัว สร้างกระแสขนาดนี้ ผมขอยกนิ้วให้”
จ่าเดชล้อๆ ภควัตหน้าเซ็ง
“หวังว่าไอ้อธิคมมันคงเชื่อ แล้วก็รีบมาจีบอัญมา”
“อันนี้ไม่ได้หึงใช่มั้ยครับ”
“ผมกับอัญมาแกล้งเป็นแฟนกันหลอกๆ จะหึงทำไม”
ภควัตรีบปฏิเสธ จ่าเดชพยักหน้า
“ไอ้ผมก็นึกว่าที่ผ่านๆ มา ผู้กองรักไอ้อัญมันเข้าจริงๆ”
ภควัตทำหูทวนลมหน้าตาเฉยๆ จ่าเดชถาม
“แล้วเรื่องลานกีฬาของคุณอรรณพนี่ มันจะได้ผลหรือครับ”
“ได้ผลไม่ได้ผล...เราก็หยุดทำไม่ได้ ให้เด็กติดกีฬาดีกว่าติดยา”
จ่าเดชมองภควัตแววตาเห็นด้วย
เช้านี้ภควัตกำลังสอนวัยรุ่นหัดเตะบอล มีจ่าเดชยืนหอบอยู่ ภควัตสอนเด็กเลี้ยงลูกหลบหลีก เด็กๆ ทำตาม ภควัตยืนมอง
ที่ริมสนาม สุคนธรสใส่แว่นกันแดดก้าวเข้ามา มองไปรอบๆ แล้วเห็นภควัต สุคนธรสแปลกใจมาก ร้องเรียกทั้งที่ไม่แน่ใจ
“วัต...วัต...”
ภควัตหันไปมองแล้วตกใจ “สุคนธรส” รีบวิ่งตรงมาที่สุคนธรสอย่างรวดเร็ว “สุคนธรส คุณมาที่นี่ทำไม”
“อ้าว วัต...วัตจริงๆ ด้วย คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ”
“แล้วคุณล่ะ มาทำอะไร”
“รสรับงานจากบริษัทคุณอรรณพให้ช่วยมาทำพีอาร์สนามกีฬาตรงนี้ รสก็เลยอยากมาดูสถานที่ด้วยตัวเองก่อน”
ภควัตไม่อยากเชื่อ “คุณน่ะนะทำงาน”
“รสก็ไม่อยากทำหรอกค่ะ เหนื่อยจะตาย นี่ติดว่าผู้ใหญ่เค้าขอร้องกันมา คุณอรรณพน่ะขอร้องกับคุณแม่รส เพราะเห็นว่ารสมีชื่อเสียง อาจจะช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์เรื่องเล่นกีฬาได้”
ภควัตทำหน้าเบื่อมาก
“แต่วัตสิคะ วัตมาทำอะไรแถวนี้ วัตเป็นตำรวจ มาเตะบอลอะไรที่นี่”
“อย่าเพิ่งพูดอะไร ไม่ต้องถาม ตามผมมา”
ภควัตลากสุคนธรสออกไปเลย จ่าเดชหันมามองตามสุคนธรส น้ำลายยืดย้อยเพราะความขาว
“ผู้กองมีสาวๆ สวยๆ ตลอด ไม่ยอมบอกจ่าเดชเลย”
ภควัตลากสุคนธรสเดินมาตามทางในชุมชน
“บอกรสมาสิคะ มีอะไรต้องปิดบัง”
“เงียบก่อนนะรส ถ้าไม่เงียบ ผมจะเอาลูกบอลยัดปากคุณ”
ภควัตลากสุคนธรสจะพาออกไป
อัญมาเดินผ่านมาจากอีกด้าน มองเห็นภควัตกับสุคนธรสเดินผ่านหน้าไป
อัญมาเดินตามไปห่างๆ
“รสไม่โวยวายก็ได้ แต่ต้องมีค่าปิดปาก”
ภควัตมอง สุคนธรสยิ้มหวาน “วันนี้คุณต้องตามใจรสทุกเรื่อง”
สุคนธรสคล้องแขนภควัต เดินออกไป อัญมามองตามตาขวาง สีหน้าหึงไม่รู้ตัว
อัญมาเดินกลับเข้าบ้านมา ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“นัดแฟนเก่ามาถึงนี่”
อัญมานั่งแล้วก็ลุก อย่างคนวุ่นวายใจ
“แล้วเราจะต้องหงุดหงิดทำไม อยากทำอะไรก็ทำไปสิ ผู้กองภควัต”
อัญมาหันไป เจออธิคมยืนอยู่นอกรั้ว “พี่คม”
อัญมาเดินมาใกล้ มือเกาะรั้ว อธิคมวางมือลงบนมืออัญมาทันที อัญมามองมือแล้วใส่จริตช้อนตามองอธิคม
“พี่คมหายไปเลย นึกว่าลืมฉันแล้ว”
“ฉันจะลืมอัญได้ยังไง”
อธิคมกุมมืออัญมาแน่นสายตาลึกซึ้งที่มองมา เต็มไปด้วยความรักความคิดถึง
ภควัตนั่งอึดอัดอยู่ในร้านอาหารยอมทนให้สุคนธรสเบียด และพยายามตักอาหารให้กินอย่างเอาใจ แต่ภควัตปัดมือสุคนธรสออก
“ผมพูดตรงๆ เลยนะ รส ถือว่าผมขอร้อง ไม่ต้องทำตัวว่าเรารู้จักกันมาก่อน”
“รสเข้าใจละ คุณปลอมตัวไปทำงานที่ชุมชนนั้น ไม่มีใครรู้เลยล่ะสิ คุณอรรณพ คุณภรณีก็คงไม่รู้เหมือนกัน แล้วเพื่อนคุณ ไอ้เด็กอัญมานั่นล่ะ”
“ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น”
สุคนธรสยิ้มเป็นต่อ “ตายละ นี่แสดงว่ารสกำความลับสำคัญระดับชาติ”
ภควัตจ้องสุคนธรสเอาจริงเอาจัง
“ผมขอนะ รส เรื่องนี้มันสำคัญกับงานผมมาก ถ้าเรื่องที่ผมปลอมตัว รู้ถึงหูพวกนอกกฎหมาย งานที่ผม แล้วก็คนรักของคุณ สารวัตรกฤษณ์ทำกัน มันจะพังลงทั้งหมด”
สุคนธรสยังทำหน้าตาไม่สนใจ ภควัตมองแล้วเอ่ยจริงจัง
“คุณเองก็จะไม่ปลอดภัย ทั้งจากพวกนอกกฎหมาย แล้วก็ตำรวจเอง”
“รสยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ”
“ถ้าคุณพูดเมื่อไหร่ แล้วงานของราชการต้องพังเพราะผู้หญิงคนเดียว คุณคิดว่าคุณจะปลอดภัยอยู่ได้เหรอรส ทั้งสายตำรวจ ทั้งสายโจร ทุกคนไม่มีใครอยากถูกกระชากหน้ากาก”
สุคนธรสไม่พอใจ “อย่ามาขู่รส”
“ผมไม่ได้ขู่ แต่งานนี้พวกเราเดิมพันกันด้วยชีวิต เพราะฉะนั้น คุณต้องเงียบไม่รู้จักผม ไม่รู้จักใครทั้งนั้น ทำงานของคุณให้เสร็จ แล้วก็รีบออกจากชุมชนไปให้เร็วที่สุด”
สุคนธรสมองภควัตที่สีหน้าเอาเรื่องด้วยแววตาคิดหนัก
อัญมานั่งอยู่กับอธิคม ในร้านไอศกรีม ส่วนที่หน้าร้านสุคนธรสดึงภควัตเข้ามา สุคนธรสยืนรอ พนักงานกำลังไปหาที่นั่ง
ภควัตหันไปมองจ้องทางโต๊ะอัญมา เห็นอัญมาหยิบเชอรี่ อธิคมกุมมืออัญมาให้ป้อนเชอรี่ให้ อัญมาหัวเราะ ภควัตมองจ้อง พนักงานเข้ามา
“เชิญโต๊ะในค่ะ”
สุคนธรสกำลังจะเดินตามพนักงานเข้าไป ภควัตรีบดึงแขนสุคนธรสออกไป
“ไปกินร้านอื่น”
ภควัตลากสุคนธรสออกไป ไม่อยากให้อธิคมกับอัญมาเห็น
ขณะที่ในร้านอัญมากับอธิคมยังกินไอติมด้วยกัน โดยอัญมาพยายามหว่านเสน่ห์เอาใจอธิคมเต็มที่
อธิคมมองอัญมาแล้วตักไอติมป้อนด้วยรอยยิ้มน่ารัก
สองคนมาอยู่ที่โต๊ะในร้านกาแฟ สุคนธรสมองภควัต ที่หน้าตาบูดบึ้งไม่สบอารมณ์อยู่
“รสอยากกินไอศกรีม ไม่ใช่กาแฟ”
ภควัตมองนาฬิกา “รีบกินเถอะ รส ผมต้องรีบไปทำงาน”
“อย่าลืมนะคะ ว่ารสกับคุณ เราต้องเจอกันอีกบ่อยๆ”
สุคนธรสยิ้มอย่างเป็นต่อ
“อย่าเล่นเกมกับผม สุคนธรส ผมรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง”
ภควัตขยับตัวมาใกล้สุคนธรส โดยที่ด้านหลังกฤษณ์เดินมา และหันมาเห็นพอดี มองจ้องมาที่ทั้งคู่อย่างไม่พอใจ
“คุณอยากได้แต่สิ่งที่ที่สุด คนที่ดีที่สุด คุณถึงทิ้งผม แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่คนที่คุณควรจะต่อรองอีกแล้ว รส”
สุคนธรสมองภควัต
“คุณก็รู้ว่าเพื่องาน ผมทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นใครที่ขวางงานผม ผมก็กำจัดพ้นทางได้ทุกคนเหมือนกัน”
ภควัตมองจ้องด้วยสายตายดุดันเอาเรื่องกับสุคนธรส
แต่กฤษณ์เห็นแค่ภควัตนั่งใกล้ชิดสุคนธรส มองจ้องสองคนด้วยสีหน้าแววตาไม่พอใจมากๆ
สุคนธรสเดินเข้าห้องมาในห้องคอนโด โยนกระเป๋าลงด้วยความหงุดหงิด
“คิดว่าคนอย่างรสกลัวกะเรื่องแค่นี้เหรอ วัต”
สุคนธรสมองไปไกล
“คุณไม่ใช่คนใจร้ายกับผู้หญิง...รสรู้ดี รสเลือกผิดมาครั้งนึงแล้ว จะไม่มีครั้งที่สอง”
เสียงโทรศัพท์ดัง สุคนธรสมองที่หน้าจอเห็นชื่อ “กฤษณ์” กดรับสายท่าทีเว็งๆ
“มีอะไรคะ กฤษณ์ โทร.หารสเวลาทำงานได้ด้วยเหรอ" หล่อนนิ่งฟัง "อะไรนะ มีธุระสำคัญกับรส... แล้วนี่คุณอยู่ที่ไหน...ทำไมคุณไม่มาที่นี่ละ...ไม่ค่อยสบาย...โอเค รสจะไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ”
สุคนธรสวางสาย ทำหน้าเบื่อๆ แล้วคว้ากระเป๋าออกไป
ภควัตเดินมามองในค่ายมวย ส.วินิจ เห็นอธิคมกำลังสอนอัญมาชกมวย อธิคมมีอัญมาอยู่ในอ้อมแขน ตัวชิดติดกัน อธิคมสอนอัญมาออกหมัด แต่อัญมาทำไม่ได้
อธิคมจับมืออัญมา ใบหน้าสองคนใกล้กันแค่คืบ จ่าเดชเดินมายืนใกล้ภควัต
“สมหวังเลยมั้ยล่ะ พอข่าวเลิกกับไอ้อัญดังทั่วซอย อธิคมมันก็เข้ามาเสียบทันที”
“ผมก็อยากให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
อธิคมหันมาเห็นภควัตกับจ่าเดช อัญมาหันมามอง
“มาทำไมวะไอ้วัต”
“ก็คิดถึง อยากมาดูหน้าแฟน...”
อัญมารีบต่อทันที “แฟนเก่า”
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย”
“ไล่มันออกไปสิ พี่คม ฉันเหม็นหน้ามัน” อัญมาว่า
“เหม็นหน้าพี่มากเลยเหรอจ๊ะ น้องอัญ แต่ก่อนไหนบอกว่าพี่หอม...หอมทั้งตัว”
“ทุเรศ”
อธิคมตะเพิด “ไปซะ ไอ้วัต อย่าให้ฉันต้องลงมือ”
“ก็ลองวัดกันอีกสั้กครั้งมั้ยล่ะ”
“ไม่ต้องแข่งก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะเป็นคนแพ้”
อัญมาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน อธิคมยิ้มเหยียดให้ภควัต
พลันภควัตโดดขึ้นมาบนเวที สายตาสองคนมองจ้องกัน ระฆังตีให้สัญญาณเริ่มชก ภควัตพุ่งเข้าชกอธิคมหลบหลีกว่องไว
อัญมายืนมองคนละด้านกับจ่าเดช โดยจ่าเดชเชียร์ภควัต พวกนักมวยเชียร์อธิคม อัญมายืนมองสายตาเป็นห่วงทั้งคู่ อธิคมแลกหมัดกับภควัต อย่างฝีมือสูสี ไม่มีใครยอมใคร
ฝ่ายสุคนธรสเดินเข้ามาในห้องคอนโดกฤษณ์
“กฤษณ์คะ กฤษณ์”
สุคนธรสเดินเข้ามามองไปข้างหน้า ไม่เห็นว่ากฤษณ์ยืนอยู่ในมุมมืดด้านหลัง พอสุคนธรสหันมา กฤษณ์พุ่งเข้ามาบีบคางสุคนธรส
“คุณจะกลับไปคบกับไอ้วัตมันอีกใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะ รสไม่ได้จะกลับไปกับวัตนะคะ รสแค่เห็นเค้าเป็นเพื่อน”
“ผมไม่ว่าหรอกนะ ถ้าคุณจะมีเพื่อนเยอะแยะ แต่ต้องไม่ใช่ไอ้วัต”
“ปล่อยรสก่อน รสเจ็บ”
“อย่าให้ผมเห็นคุณสนิทสนมกับมัน โดยที่ไม่มีผม”
“ค่ะ..ค่ะ แต่รสกำลังต้องทำงานกับวัตนะคะ”
กฤษณ์ฉงน “งานอะไร”
“งานในชุมชน ที่วัตปลอมตัวอยู่น่ะค่ะ”
กฤษณ์ครุ่นคิดด้วยสีหน้าสงสัยขึ้นมาทันที
เวลานั้น ภควัตกำลังแลกหมัดกับอธิคมบนเวที สองคนไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ อัญมามองไม่สบายใจเลย จ่าเดชกำผ้าขนหนูแน่น เชียร์ภควัต
“เออ...เสยเข้าไป ไอ้วัต เสยให้คว่ำ”
ภควัตทำท่าจะชนะ ไล่ชกอธิคม อัญมามองแล้วตัดสินใจเอ่ยออกมาว่า
“พี่คมสู้ๆ พี่คม คว่ำมันเลย”
ภควัตหันมามองอัญมาคิดไม่ถึง อธิคมมีแรงฮึด ชกหมัดเดียวเข้าปลายคาง ภควัตลงไปนอนหงายกับพื้น จ่าเดชรีบเข้ามาพยุงภควัตขึ้นมา ภควัตมองจ้องอัญมาที่มีสีหน้าไม่สบายใจ ส่วนอธิคมยิ้มกว้าง
จ่าเดชรีบประคองภควัตลงจากเวที
“พอละ พอละ วันนี้แค่ซ้อมหอมปากหอมคอ ไป ไอ้วัต เอ็งนี่ เลิกๆ กันไปแล้ว ให้มันจบๆไปสิวะ จะมาดูหน้าไอ้อัญมันอีกทำไม...รนหาเรื่องตาย”
อัญมามองด้วยสายตาเป็นห่วงภควัต แต่พออธิคมเดินมาใกล้ อัญมาก็ปรับสีหน้า หันมายิ้มกับอธิคม ภควัตหันมามอง เห็นอัญมาซับเหงื่อให้อธิคม ภควัตมองจ้อง
อธิคมรวบอัญมามาชิดในอกอย่างต้องการประกาศความเป็นเจ้าของ จ่าเดชมองท่าภควัตแล้วถามเบาๆ
“นี่ไม่ได้หึงไอ้อธิคมจริงๆใช่มั้ย”
อัญมาเหลียวมองมายังภควัต วูบหนึ่งรู้สึกอึดอัด แต่พริบตาก็เปลี่ยนสายตาเป็นหวานเยิ้ม ซบลงในอกอธิคมที่ก้มลงหอมที่หน้าผากเบาๆ อัญมาตกใจ แต่ก็พยายามคุมสติฝืนยิ้มให้ไป ภควัตจ้องตาถลน พยายามระงับอารมณ์โกรธ ที่เห็นอัญมาที่อยู่แนบชิดในอกอธิคม
“ต่อไปเธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้ว อัญมา” อธิคมว่า
อัญมามองอธิคม สายตาสับสนกับแววตาแรงกล้าที่เขามองมา
ในขณะที่ภควัตมองจ้องสองคนแววตาขุ่น ความหึงหวงแล่นลิ่วถึงขีดสุด
อ่านต่อตอนที่ 9