แรงชัง ตอนที่ 7
ศักดาคว้าคอเสื้อชงชางขยุ้มไว้ แล้วพยายามจะมองหน้าให้ชัดๆ แต่เห็นไม่ชัดเพราะมีผ้าปิดหน้าอยู่ครึ่งหนึ่ง เห็นแต่ตาของชงชาง ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อน
ศักดาชะงักค้าง พยายามคิดว่าเคยเห็นตาคู่นี้ที่ไหน ขณะที่เนื้อนาง เห็นท่าทางชะงักค้างของศักดาก็แปลกใจ พยายามจะดูหน้าโจรคนนั้นบ้าง แล้วก็อึ้งไป รู้สึกว่าโจร ตาเหมือนชงชางเหลือเกิน และในจังหวะที่ศักดากำลังชะงักค้างอยู่นี้ กล้าก็วิ่งเข้ามาตีหลังศักดาเต็มแรง ศักดาร้องเจ็บปล่อยมือที่จับชงชางไว้ กล้าฉวยโอกาสคว้ามือชงชางกระชากวิ่งออกไปทันที
ศักดาเจ็บใจ ในขณะที่เนื้อนางมองตามไปอย่างสงสัย แล้วเอื้องฟ้าก็กระตุกมือแม่ เนื้อนางเลยได้สติ ก้มมองดูเอื้องฟ้า ชงชางอดเหลียวมองดูเนื้อนางอีกครั้งไม่ได้ เห็นเนื้อนางกำลังก้มลงพูดกับลูก แล้วเขาก็วิ่งหายไป ในขณะที่เนื้อนางมองตามหลังชงชางไปอีกครั้ง ยังติดใจสงสัยอยู่
หลังกลับจากตลาด ศักดาเดินหน้าเหยเกขึ้นมาบนเรือน เนื้อนางกับสายจูงเอื้องฟ้าตามมา
“ฉันพาลูกไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะพี่”
ศักดาพยักหน้าอย่างไม่สนใจ เนื้อนาง สาย พาเอื้องฟ้าเดินไป คุณหญิงเด่นหล้ามองลูกชายอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไปน่ะลูก”
“เจ็บหลัง”
“อ้าว ทำไมถึงเจ็บล่ะลูก”
ศักดาแค้นใจขึ้นมาอีก
“ก็วันนี้ เกิดเรื่องที่ตลาดน่ะสิ”
ศักดาเจ็บใจไม่หาย
“ไม่น่าเสียท่าไอ้โจรห้าร้อยพวกนั้นเลย อายคนจริงๆ”
“แต่ก็ยังดีกว่าถูกไอ้โจรห้าร้อยพวกนั้นมันทำร้ายเอาถึงตายนะจ๊ะ”
“แต่ไอ้โจรคนนั้น ตามันเหมือนใครน้า”
ศักดาพยายามคิดเท่าไหร่แต่ก็ยังคิดไม่ออกสักที ส่ายหน้าอย่างขัดใจ
ชงชางกับกล้านั่งอยู่ในเรือเดินทางกลับชุมพร ชงชางนั่งเงียบมาตลอดทาง
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ นี่ถ้าแกถูกคนของคุณหลวงจับได้ล่ะก็ มีหวังเป็นเรื่องแน่”
“อย่างมากก็แค่ตาย”
ชงชางพูดแล้วก็เงียบไปอีก กล้ามองแล้วเดาอารมณ์ชงชางได้ เลยไม่เซ้าซี้อะไรอีก ชางชางยังคงคิดถึงเนื้อนาง เขาเจ็บใจที่เนื้อนางไปครองเรือนกับศัตรู
“เมียศัตรู ลูกศัตรู”
ชงชางแค้นใจมาก
เนื้อนางกับสายส่งเอื้องฟ้าให้บ่าวพาไปอาบน้ำ แล้วหันมาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตลาด
“เหมือนชงชางเลยพี่สาย”
สายตกใจ “อะไร้ คงไม่ใช่หรอกมั้งเจ้าคะคุณหนู ก็ไหนคุณพ่อคุณหนูเคยบอกว่า คุณชงชางหนีไปอยู่ถึงชุมพรโน่น คงไม่กลับขึ้นมาที่พระนครนี่หรอกเจ้าค่ะ ขืนขึ้นมาแล้วเจอกับคุณพ่อของคุณหนู หรือคุณศักดา มีหวังตายกับตายเท่านั้น”
“แต่ฉันจำตาคู่นั้นได้ไม่ผิดล่ะพี่สาย เป็นตาของชงชางแน่”
โดยไม่คาดคิด ศักดาพุ่งเข้ามาจิกหัวแล้วตบเนื้อนางฉาดใหญ่ จนหญิงสาวกระเด็นฟุบไป สายตกใจมาก
“คุณหนู”
สายรีบเข้าไปดูเนื้อนาง เห็นเลือดกบปากก็ยิ่งตกใจใหญ่ หันขวับไปมองศักดาอย่างโมโห
“ทำไมคุณศักดิ์ทำอย่างนี้กับคุณหนูเจ้าคะ”
“ทำไมจะทำไม่ได้ เป็นผัวเมียกันมาตั้งกี่ปี จนมีลูกด้วยกัน มันก็ยังไม่ลืมคนรักเก่า พูดถึงแต่ไอ้ชงชางนั่นอยู่ได้ มันดีกว่าพี่ตรงไหน หะ เนื้อนาง”
“ก็ดีกว่าตรงที่ชงชางเขาไม่เคยทำร้ายฉันอย่างที่พี่ศักดิ์ทำน่ะสิ”
ศักดาโมโห จิกหัวเนื้อนางจะตบอีก แต่บ่าวพาเอื้องฟ้ากลับมาพอดี ศักดาไม่อยากทำอะไรเนื้อนางต่อหน้าลูก ได้แต่บีบแขนเนื้อนางแล้วดึงตัวลากเข้าห้องไป เนื้อนางพยายามขืนตัวไว้
“ฉันไม่ไป”
ศักดาไม่สนใจ ลากเนื้อนางเข้าห้องไปจนได้ สายจะตามไปช่วย แต่เอื้องฟ้าเรียกไว้
“ป้าสาย”
สายละล้าละลังหันมามองเอื้องฟ้า แล้วหันไปมองทางห้องศักดา ได้ยินเสียงตบตีดังแว่วมา สายห่วงทั้งสองฝ่าย แต่ก็ต้องตัดสินใจอุ้มเอื้องฟ้าไปในสวน หนีเรื่องร้ายๆ ของผู้ใหญ่
“ป้าสาย พ่อตีแม่เหรอจ๊ะ”
สายอึ้ง “เปล่าเจ้าค่ะคุณหนู”
“แต่เอื้องได้ยิน พ่อตีแม่ทำไมจ๊ะ”
สายพูดไม่ออก ดึงตัวเอื้องฟ้ามากอด
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะคุณหนู มาเล่นกับป้าสายดีกว่า”
สายทำทีเป็นชวนเอื้องฟ้าเล่น พอเอื้องฟ้าเริ่มเล่นเพลิน เธอมองเอื้องฟ้าอย่างเวทนาแล้วหันไปมองทางเรือนอย่างกลุ้มใจ
ขณะที่ศักดาตบเนื้อนางอีกครั้ง เนื้อนางฟุบหน้าไปกับเตียง หน้าตาบวมช้ำ เลือดซึมมุมปากร้องไห้ไม่มีเสียง ศักดาจับหน้าเนื้อนางให้มองหน้าเขา
“ขนาดมีลูกด้วยกันคนหนึ่งแล้ว เธอก็ยังไม่ลืมไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่นใช่มั้ย ได้ พี่จะทำให้เธอลืมไอ้เจ๊กนั่นให้ได้”
ศักดาตบเนื้อนางอีกครั้ง ก่อนจะโถมตัวเข้าหา เนื้อนางหมดเรี่ยวแรงจะต่อสู้ขัดขืนใดๆ ได้แต่นอนนิ่งๆ น้ำตาไหลพราก คิดถึงชงชางจับใจ
หอมเล่นกับหาญอยู่ตามประสาแม่ลูกที่บ้านชุมพร โดยน้อยนั่งอยู่ด้วย
“ฉันไม่อยากให้พี่ชาญไปพระนครเลยนะพี่น้อย เป็นห่วงกลัวจะเจอไอ้คุณหลวงบ้านั่นมันเจอตัวพี่ชาญจริงๆ ก็เคยฆ่าฟันกันจนล้มตายไปอย่างนั้น เจอหน้ากันอีกครั้ง คงไม่แคล้วเอากันถึงตายอีกแน่ๆ ฉันกลัวจริงๆ พี่น้อย”
“แต่คุณชาญก็ฉลาดพอตัวอยู่ล่ะ คงไม่เสียท่า เสียที ถูกจับได้หรอกน่า อย่าเพิ่งวิตกให้มากความไปเลยหอม”
หอมรับฟัง แต่ยังไม่สบายใจอยู่ดี
เจ้าพระยาสีหราฐกับพระยานฤบดินทร์คุยซุบซิบกันอยู่ในห้องภายในกระทรวง ไม่อยากให้ใครได้ยิน
“ไอ้ยุทธมันกำลังเริ่มสงสัยเรื่องค่าสัมปทานป่าไม้ว่าส่งเข้าคลังหลวงไม่ครบ”
นฤบดินทร์ตกใจ “แล้วเราควรจะทำยังไงดีขอรับ ถ้าไอ้ยุทธมันเกิดพูดขึ้น แล้วมีการสอบสวน เราสองคนเห็นทีจะแย่แน่”
“คืนนี้ให้มันได้รับคำสั่งจากท่าน ไปหาท่านที่บ้าน”
พระยานฤบดินทร์ตกใจ “คำสั่งจากกระผม”
“ใช่”
“ให้ไปหาทำไมขอรับ”
“ก็เรื่องค่าสัมปทานป่าไม้นั่น นอกจากเราสองคนแล้ว ไม่ควรที่จะมีคนอื่นรู้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะถ้าความแดงขึ้นมา เราสองคนเห็นทีจะต้องโทษหนักไปด้วยกัน เพราะฉะนั้น คงรู้นะว่า ควรจะจัดการไอ้ยุทธมันยังไง”
เจ้าพระยาสีหราฐก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากให้ใครเห็นว่าทั้งสองคนพูดคุยกัน
คืนนั้น พระยานฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ นั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียด
“ไอ้สีหราฐนี่มันร้ายจริงๆ มันไม่อยากมือเปื้อนเลือดน่ะสิ ถึงโยนเรื่องนี้ให้เราจัดการ ทั้งๆ ที่มันอยู่เบื้องหลังทั้งหมด”
“แล้วคุณพี่จะจัดการกับนายยุทธยังไงคะ”
พระยานฤบดินทร์หนักใจ ก่อนจะออกไปรอยุทธที่ริมกำแพงเรือน ยุทธเดินเข้ามาหา
“นัดกระผมมาที่นี่”
ยุทธมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ เพราะเห็นเป็นที่รกร้างและมืดทึบ
“มีราชการอะไรด่วนหรือขอรับ แล้วทำไมต้องนัดกระผมมาที่นี่ด้วยล่ะขอรับ”
“เพราะเรื่องที่ฉันจะพูด มันเป็นเรื่องลับน่ะสินายยุทธ”
“เรื่องอะไรรึขอรับ”
“ก็เรื่องค่าสัมปทานป่าไม้ที่มันส่งเข้าคลังหลวงไม่ครบตามจำนวนน่ะสิ ฉันสงสัยว่าท่านเจ้าพระยา
สีหราฐอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
ยุทธหรี่ตามองพระยานฤบดินทร์อย่างไม่ไว้ใจ เพราะไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่โกงเงินหลวงไป ระหว่างสองคนนี้
“จริงหรือขอรับ”
พระยานฤบดินทร์พยักหน้า “ฉันสงสัยมานานแล้ว ก็เลยเริ่มหาหลักฐานที่จะเอาผิดให้ได้ นี่ไงหลักฐาน”
พระยานฤบดินทร์เอาเอกสารบางอย่างออกมายื่นส่งให้ยุทธ ยุทธหลงกลรับเอกสารมาเปิดดู แล้วในจังหวะที่ยุทธก้มลงดูเอกสารนั้น มั่นก็เดินย่องเงียบออกมาจากเงามืด เอาไม้ทุบหัวยุทธสุดแรง ยุทธร้องได้คำเดียวก็ทรุดลงนอนแน่นิ่งไป พระยานฤบดินทร์ยืนมองสีหน้าเย็นชามาก
“ดูให้แน่ใจนะว่ามันจะไม่มีวันลุกขึ้นมาบอกอะไรใครได้อีก”
มั่นรับคำแล้วก็เอาไม้ฟาดร่างยุทธอีกหลายครั้ง จนแน่ใจว่าตายแน่แล้ว จึงค่อยๆ ลากร่างไร้วิญญาณของยุทธไปโยนลงหลุมที่ขุดไว้แล้ว แล้วจัดการโกยดินกลบอย่างรู้งาน
พระยานฤบดินทร์ยืนมองมั่นทำทุกอย่างจนเสร็จ ก็เดินกลับไปที่เรือนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หอมนั่งเล่นกับหาญหน้าบ้าน พลางชะเง้อดูว่าชงชางจะกลับมาหรือยัง น้อยมองอาการของหอมก็เข้าใจ
“เดี๋ยวคุณชาญก็กลับมาน่า”
หอมยังรอชงชางกลับมาอย่างกระวนกระวาย สักครู่ชายหนุ่มก็เดินเข้ามา ท่าทางเหนื่อยอ่อนเพราะการเดินทาง หอมยิ้มร่าดีใจ รีบจูงหาญไปหาพ่อทันที ขณะที่ชงชางเห็นภาพหอมจูงหาญเข้ามา เป็นภาพเนื้อนางกับเอื้องฟ้าแว่บเข้ามาในหัว
“พี่ชาญ”
“พ่อ”
ชงชางเปลี่ยนจากสีหน้าเคร่งเครียดเป็นยิ้มแย้มทันทีเมื่อเห็นหน้าลูก ก้มลงกอดหาญอย่างรักใคร่ หอมยิ้มร่า น้อยพูดล้อๆ
“คุณชาญไม่อยู่ มีคนบางคน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงคุณชาญมากเลยนะ”
ชงชางมองหอมทันที เห็นสีหน้าดีใจของเมียก็รู้ว่าหอมรักและเป็นห่วงเขาจริงๆ
“ก็ฉันเป็นห่วงพี่นี่”
ชงชางยิ้มให้หอม
“เข้าบ้านกันดีกว่า พี่อยากอาบน้ำอาบท่าเต็มทีแล้ว อาบน้ำกินข้าวแล้ว พี่จะไปคุยธุระกับคุณพระสักหน่อย”
ชงชางโอบบ่าหอม แล้วอุ้มหาญด้วย น้อยมองสามพ่อแม่ลูก ยิ้มมีความสุข
“ขอให้ได้อยู่สงบสุขกันอย่างนี้ตลอดไปเถอะ สาธุ” น้อยยกมือไหว้อธิษฐาน
เนื้อนางนั่งอยู่ที่ริมสระบัวตามลำพัง สายเดินเข้ามาหา
“บ่าวนึกแล้วว่าคุณหนูต้องมาอยู่ที่นี่”
“ทำไมฉันไม่ตายไปซะตั้งแต่วันที่ตกน้ำวันนั้นนะ พี่สาย ชงชางไม่น่าช่วยฉันขึ้นมาเลย”
เนื้อนางหันหน้ามาหาสาย หน้าตามีรอยเขียวช้ำอยู่หลายแห่ง
“โถ คุณหนู”
“นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันมีเอื้องฟ้าล่ะก็ ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเลย อยากจะตายๆ ตามพี่อินทร์กับเถ้าแก่เฟยหลงไปซะจริงๆ”
“อย่าคิดอย่างนี้สิเจ้าคะคุณหนู เรื่องอะไรที่มันร้ายๆ และผ่านไปแล้ว คุณหนูก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป อย่าเก็บมาใส่ใจอีก ไม่งั้นชีวิตคุณหนูก็จะหาความสุขไม่ได้เลย”
“ถึงไม่คิดถึงเรื่องร้ายที่ผ่านมา แต่เวลานี้ ชีวิตฉันก็ไม่มีความสุขเลย ก็พี่สายดูสิ”
เนื้อนางเอามือแตะตามแผลที่ถูกศักดาตบเป็นรอยไว้
“ฉันคิดถึงชงชางเหลือเกินพี่สาย เวลานี้เขาจะเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ชุมพรใช่มั้ย ไกลเหลือเกิน”
“แต่เขาจะอยู่ที่ไหน ชีวิตเขากับชีวิตเรา มันก็คนละเส้นทางแล้วล่ะเจ้าค่ะคุณหนู”
เนื้อนางพยักหน้ารับอย่างจำยอม เอื้องฟ้าวิ่งเข้ามาแต่ไกลๆ เนื้อนางรีบเช็ดน้ำตาไม่อยากให้ลูกเห็น เอื้องฟ้าวิ่งมาถึง เนื้อนางกอดลูกไว้
“ฉันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูกใช่มั้ยพี่สาย”
สายพยักหน้าเห็นใจ เนื้อนางน้ำตาไหลอีกครั้ง โดยที่เอื้องฟ้าไม่เห็น สายสงสารเนื้อนางจับใจ
ชงชางมาหาเจ้าพระยาบริบรรณที่เรือน กล้ามานั่งอยู่ด้วย
“คุณหลวงนฤบดินทร์มันยังเลวเหมือนเดิมขอรับ ยังรับส่วยและของกำนัลจากพ่อค้าทั้งไทยทั้งจีนมากมาย”
เจ้าพระยาบริบรรณส่ายหน้าระอาใจ “คนอย่างนี้ มีเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ เผลอๆ มันเอาตำแหน่งหน้าที่การงาน ฉ้อราษฎร์บังหลวงอีกด้วย”
“เป็นไปได้ขอรับ คนโลภอย่างคุณหลวง ยิ่งมีก็ยิ่งอยากได้ และตำแหน่งในกระทรวงการคลังก็เอื้ออยู่”
“ใช่ ว่าแต่ เราจะหาทางเล่นงานมันได้ทางไหนบ้างล่ะ”
“กระผมเคยเข้าออกเรือนนั้นตั้งแต่เด็กจนโต พอจะรู้อยู่บ้างว่าคุณหลวงชอบบันทึกการรับจ่ายทุกอย่างไว้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของหรือเงินทอง กระผมคิดว่าถ้าเราหาทางเข้าไปหาบันทึกของคุณหลวงได้ ก็คงจะเป็นหลักฐานเอาผิดได้บ้างละขอรับ”
“จะอันตรายเกินไปมั้ย ชาญ” กล้าติง
“ฉันไม่กลัว มันฆ่าเตี่ยฉัน”
ชงชางตาแดงๆ จะร้องไห้ แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้
“ถ้าสิ่งใดที่จะทำให้ไอ้คุณหลวงนฤบดินทร์มันพินาศลงได้ ฉันก็จะทำ”
“งั้นเราก็จะต้องกลับเข้าไปในพระนครอีก”
เจ้าพระยาบริบรรณค้าน “อย่าเพิ่ง พวกเอ็งเพิ่งไปมีเรื่องกันมาจากที่นั่น เวลานี้ ไอ้นฤบดินทร์มันคงระแวดระวังตัวอยู่พอสมควรทีเดียว แล้วขืนพวกเอ็งกลับไปตอนนี้ อาจเสียท่ามันได้ ใจเย็นๆ ไว้ก่อนนะชาญ เรารอมาได้ตั้งหลายปี รอต่อไปอีกสักหน่อยก็คงได้หรอก”
“ขอรับ คนจีนมีภาษิตหนึ่งที่ว่า สิบปีชำระหนี้แค้นก็ยังไม่สาย กระผมจะมีชีวิตอยู่รอจนกว่าจะได้เห็นไอ้คุณหลวงนฤบดินทร์มันย่อยยับกับตาให้ได้”
ชงชางยังเคียดแค้นไม่หาย
เจ้าพระยาสีหราฐกับพระยานฤบดินทร์ แอบมาคุยกันอยู่ภายในกระทรวง
“เรื่องไอ้ยุทธ เรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อยขอรับ มันจะไม่มีวันได้เปิดปากบอกใครเรื่องค่าสัมปทานป่าไม้ได้แน่ขอรับ”
เจ้าพระยาสีหราฐเดินหัวเราะอย่างอารมณ์ดีออกไป พระยานฤบดินทร์มองอย่างชิงชัง
ขณะเดียวกัน บริเวณหลุมฝังศพยุทธ หมาตัวหนึ่งคุ้ยหาของกินอยู่ พอคุ้ยได้ก็วิ่งออกไป ดินปากหลุมถูกหมาคุ้ยกระจุยกระจาย และศพของยุทธก็โผล่ขึ้นมาเหนือดินบางส่วน
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างจริงจัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โปรดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าวจากทุ่งหลวงคลองรังสิตเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2450 โดยทรงกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอุดหนุนและบำรุงหาพันธุ์ข้าวที่ดีมาไว้ทำพันธุ์และเพื่อให้ข้าวของประเทศสยามเจริญดีมีราคาเทียบเท่ากับข้าวของประเทศอื่นๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวของไทย เจ้าพระยาบริบรรณจึงเรียกชงชางกับกล้ามาพบ
“ในพระนครกำลังจะมีการจัดประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นเป็นครั้งแรก ตามพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวผู้คนจากหลายจังหวัดก็จะเดินทางเข้าพระนคร ฉันว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสดีที่เธอจะเข้าพระนครแล้ว ชาญ”
“ขอรับ”
ชงชางกลับมาบอกหอมเรื่องจะเข้าพระนคร แต่หอมไม่ยอม
“ไม่ ฉันไม่ให้พี่กลับไปที่พระนครอีกหรอก”
“แต่พี่ต้องไปติดต่อเรื่องค้าขาย”
“ไม่จริง ฉันรู้ว่าพี่กำลังหาทางแก้แค้นไอ้คุณหลวงนฤบดินทร์นั่นอยู่ ฉันเคยแอบได้ยินพี่คุยกับพี่กล้า”
ชงชางอึ้งไป รู้ทันทีว่าหอมรู้จริง
“พี่ชาญ เราอยู่กันแต่ที่นี่ เราก็สุขสบายกันดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ ฉันอยากให้พี่เลิกคิดที่จะแก้แค้นคุณหลวงนั่นสักทีเถอะนะ อโหสิกรรมต่อกัน ให้เรื่องมันแล้วต่อกันไปเถอะจ้ะพี่”
“แต่เตี่ยพี่ถูกมันฆ่าตายอย่างน่าอนาถนะหอม ศพเตี่ยพี่ก็ไม่มีโอกาสได้เผา แม้ซากเถ้าถ่านของเตี่ย เวลานี้พี่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน บ้านที่พี่เคยอยู่ตั้งแต่เกิดก็ถูกพวกมันเผาเสียจนกลายเป็นตอตะโก หอมเข้าใจมั้ยว่าพี่เจ็บที่ตรงนี้”
ชงชางเอากำปั้นทุบที่หัวใจตัวเองแรงๆ
“ถ้าพี่ไม่ได้เห็นไอ้คุณหลวงมันย่อยยับไปกับตาพี่ล่ะก็ พี่คงไม่มีวันตายตาหลับหรอก”
“แต่ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรไป คิดถึงฉันกับลูกบ้างมั้ยว่าจะอยู่กันยังไง”
ชงชางชะงักไป เห็นหอมน้ำตาปริ่ม จึงคว้าเมียมากอดไว้แนบอก
“แต่พี่รู้ว่าหอมเป็นคนเข้มแข็ง ถึงไม่มีพี่ หอมก็อยู่ได้ ให้พี่ไปเถอะนะ พี่ไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปวันๆ
อย่างคนอกตัญญู ชีวิตอย่างนั้น มันคือสิ้นความเป็นคน พี่อยู่อย่างนั้นไม่ได้ เข้าใจพี่นะหอม”
หอมเข้าใจ แต่ก็ไม่อยากให้ชงชางไปอยู่ดี
“ให้พี่ไปนะหอม”
ชงชางเห็นหอมน้ำตาไหลพรากก็รู้แล้วว่าหอมยินยอมทั้งๆ ที่ฝืนใจ
“ขอบใจมากหอม พี่สัญญาว่าพี่จะเอาชีวิตพี่กลับมาอยู่กับหอม อยู่กับลูก เราจะเฝ้าดูลูกเติบโตไปด้วยกัน”
ชงชางจูบหน้าผากหอม ก่อนจะตัดใจเดินออกไป หอมทรุดลงร้องไห้ น้อยเดินสวนเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นน่ะหอม”
หอมโผเข้ากอดน้อยร้องไห้โฮ
ชงชางกับกล้าเดินย่องเงียบมาในความมืด บริเวณท่าน้ำเรือนพระยานฤบดินทร์ แล้วเดินแยกกันไปคนละทาง กล้าย่องมาที่เรือนบ่าว เหลียวซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นใคร ก็เริ่มจุดไฟขึ้นที่มุมหนึ่ง แล้ววิ่งไปหาที่ซ่อนตัวรอดูสถานการณ์ ขณะที่ชงชางวิ่งมาซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ถุนเรือน รอเวลา กล้ายังคงซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ ลำดวนเดินออกมาจากเรือน ทำจมูกฟุดฟิด
“กลิ่นอะไรไหม้ๆ วะ”
ลำดวนเดินหาที่มาของกลิ่นไหม้ จนเจอจุดที่ไฟไหม้ ก็ตกตะลึง ตะโกนเสียงดังขึ้นทันที
“แย่แล้ว ไฟไหม้โว้ย ไฟไหม้ มาช่วยกันดับไฟเร็ว”
มั่น และบ่าวคนอื่นๆ วิ่งหน้าตื่นออกมาจากในเรือนที่พัก พอเห็นไฟไหม้ก็รีบหาอุปกรณ์มาช่วยกันดับไฟโกลาหล ลำดวนรีบวิ่งไปที่เรือนใหญ่ฃ กล้ายังซุ่มดูสถานการณ์อยู่ที่เดิม ขณะที่ชงชางเห็นลำดวนวิ่งหน้าตาตื่นมา
“คุณพระ คุณหญิงเจ้าขา ไฟไหม้เจ้าค่ะ”
ชงชางยิ้มสะใจ แต่ยังซุ่มอยู่ที่เดิม รอจังหวะ ขณะที่พระยานฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์เตรียมจะนอน พระยานฤบดินทร์เอาพวงกุญแจที่ล็อคของสำคัญที่เหน็บไว้กับเอว ออกมาวางที่โต๊ะหัวเตียง พอได้ยินเสียงลำดวนตะโกนโวยวาย สองคนตกใจ รีบวิ่งออกไปดู โดยที่พระยานฤบดินทร์ลืมเอาพวงกุญแจไปด้วย
ลำดวนวิ่งโวยวายว่าไฟไหม้ขึ้นมาบนเรือน พระยานฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์วิ่งหน้าตื่นออกมาจากในห้อง บ่าวที่นอนอยู่บนเรือนก็วิ่งหน้าตื่นออกมารวมตัวกันอยู่ที่โถงกลาง
“เอะอะอะไรนังลำดวน”
“ไฟไหม้เจ้าค่ะ ไฟไหม้ที่เรือนบ่าวทางด้านหลังโน่นเจ้าค่ะ”
“ไหม้ได้ยังไง”
พระยานฤบดินทร์ตัดบท “อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย รีบไปช่วยกันดับไฟก่อน”
ทั้งหมดวิ่งลงจากเรือนไปหน้าตาตื่น ชงชางยิ้มสะใจเมื่อเห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน เขารีบวิ่งขึ้นไปบนเรือน กวาดตามองจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่บนเรือนแล้ว ก็มองหาห้องนอนพระยานฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ แล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที มองหาที่เก็บของสำคัญ
ชงชางเห็นพวงกุญแจที่พระยานฤบดินทร์วางทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เขายิ้มดีใจ
กลุ่มพระยานฤบดินทร์วิ่งมาถึงเรือนบ่าวที่ไฟไหม้ ก็รีบสั่งการเร่งให้บ่าวช่วยกันดับไฟโกลาหล
“ไอ้มั่น เอาน้ำสาดเข้าไป เร็ว”
กล้าเห็นพระยานฤบดินทร์กับมั่น และบ่าวคนอื่นๆ กำลังวุ่นวายกับการดับไฟก็ยิ้มพอใจ แต่แล้วก็หน้าเครียดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าไฟที่ลุกอยู่ทำท่าจะดับแล้ว กล้าครุ่นคิดว้าวุ่นก่อนตัดสินใจวิ่งเงียบออกไปหาชงชางที่เรือนใหญ่ แล้วสะดุดกับอะไรบางอย่างจนล้มลง เขาก้มลงดู เห็นเป็นโครงกระดูกคนบางส่วนโผล่พ้นขึ้นมาจากหลุมดินที่กลบเอาไว้ กล้าเอามือตะกุยดินขุดดูแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นโครงกระดูกคนแน่นอน แต่เมื่อเริ่มตั้งสติได้ ก็ได้ยินเสียงพระยานฤบดินทร์พูดดังแว่วมา
“ถึงไฟจะดับแล้ว แต่พวกเอ็งต้องจัดคนเฝ้าตรงที่ไฟมันไหม้ด้วย เผื่อมันจะคุขึ้นอีก แล้วก็ดูให้แน่ใจว่าไฟดับหมดดีแล้ว เข้าใจมั้ย”
“ขอรับ”
มีเสียงคนเดินมา กล้าตั้งสติได้ รีบเอาดินกลบๆ โครงกระดูกนั้นไว้อย่างเดิมแล้วรีบวิ่งตรงไปที่เรือนพระยานฤบดินทร์ทันที
ชงชางกำลังหาที่เก็บของสำคัญอยู่ จนในที่สุดก็หาเจอ เขารีบเอากุญแจลองไขที่เก็บของออกดู แล้วเห็นเอกสารเก็บอยู่ภายในจำนวนมาก เขาคว้าเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาดู แล้วยิ้มพอใจ
“คุณหลวงนี่เลวกว่าที่คิดไว้เสียอีก นอกจากรับส่วยพ่อค้าทั้งไทยทั้งจีนไม่รู้เท่าไหร่แล้ว มันยังบังอาจฉ้อราษฎร์บังหลวงอีกด้วย”
ชงชางค้นเอกสารเพิ่มเติมอีก แล้วเจอเอกสารเพิ่ม อ่านแล้วก็หน้าเคียดแค้นยิ่งขึ้น
“คุณพระสีหราฐก็รู้เห็นเป็นใจกับคุณหลวง รวมหัวกันฉ้อราษฎร์บังหลวงกันมาหลายปีแล้วเหรอเนี่ย”
ชงชางสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกล้าเรียกดังมาจากใต้ถุนเรือน
“ชาญ”
ชงชางวิ่งไปชะโงกหน้าต่างดู เห็นกล้าร้อนรน
“มีอะไร”
“หาของได้รึยัง คุณพระกำลังจะกลับมาที่เรือนแล้ว”
ชงชางตกใจ
“รอเดี๋ยว”
ชงชางผลุบกลับเข้าไปในห้อง รวบเอกสารต่างๆ ของพระยานฤบดินทร์ยัดใส่ย่ามอย่างรีบร้อน
พระยานฤบดินทร์เดินหัวเสียกลับมาที่เรือน คนอื่นๆ ตามมาด้วย
“อยู่กันยังไงให้ไฟไหม้ได้ ไฟไหม้บ้านขึ้นมา เป็นได้เดือดร้อนกันหมดล่ะ”
ลำดวนรีบพูดเอาดีใส่ตัว
“นี่ถ้าบ่าวไม่ออกไปเห็นก่อนนะเจ้าคะ ป่านนี้คงไหม้ยิ่งกว่านี้แล้วเจ้าค่ะ เผลอๆ จะลามมาติดที่เรือนนี่เข้าด้วย”
“เออๆๆ”
พระยานฤบดินทร์อารมณ์เสีย ทั้งหมดเดินขึ้นเรือน กล้าร้อนใจมาก กลัวชงชางถูกจับได้ว่าขึ้นเรือนไปขโมยของ แต่ไม่รู้จะช่วยชงชางได้อย่างไร
ชงชางเอาเอกสารยัดใส่ย่ามจนเสร็จ แล้วเอาพวงกุญแจวางคืนที่เดิม เขาจะเดินออกจากห้อง ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกลุ่มของพระยานฤดินทร์เดินขึ้นเรือนมา ชงชางรีบผลุบกลับเข้าไปในห้องแล้วงับประตูอย่างรวดเร็ว พระยานฤบดินทร์เห็นประตูห้องมีมือดึงปิดงับเข้าไปพอดี เขารีบเอาแขนกั้นไว้ไม่ให้คุณหญิงแจ่มจันทร์เดินต่อ คุณหญิงแจ่มจันทร์หน้าตื่น
“มีอะไรรึคะคุณพี่”
พระยานฤบดินทร์ส่ายหน้าไม่ตอบ แต่ตาจ้องเขม็งไปที่ประตูห้อง คุณหญิงแจ่มจันทร์มองตามเริ่มเข้าใจ
“มีขโมยขึ้นเรือนเรารึคะ”
พระยานฤบดินทร์พยักหน้า คุณหญิงแจ่มจันทร์หน้าเสีย รีบไปยืนหลบอยู่กับพวกลำดวนและบ่าวผู้หญิงคนอื่นๆ ทันที ลำดวนยังไม่รู้เรื่อง
“มีอะไรเหรอเจ้าคะ”
พระยานฤบดินทร์โมโห ตวาดใส่
“เงียบ”
ลำดวนหน้าเสีย รีบรวมกลุ่มกับพวกผู้หญิงทันทีโดยอยู่หลังสุด พระยานฤบดินทร์หันไปคว้าดาบมาถือไว้กระชับ มั่นคว้าดาบมาอีกคน
ชงชางอยู่ภายในห้อง ร้อนรนหาทางหนี แต่ไม่เห็นทางหนีได้เลย ขณะที่พระยานฤบดินทร์กับมั่น เดินตรงไปที่ห้องนอน แล้วเปิดประตูผางออก แต่ไม่เห็นใคร พระยานฤบดินทร์แปลกใจ แต่ยังไม่วางใจ ค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้อง มั่นตามเข้าไป พระยานฤบดินทร์กระชากประตูเปิดออก ไม่เจอใคร ก็หันไปมองที่เตียง แล้วทำสัญญาณให้มั่นไปยืนอยู่ที่เตียงอีกฟาก มั่นก้มมุดดูใต้เตียง พระยานฤบดินทร์เตรียมพร้อมจะฟันเต็มที่ แต่ใต้เตียงว่างเปล่า ไม่มีใคร มั่นมองหน้าพระยานฤบดินทร์อย่างงงๆ
“ไม่มีใครเลยขอรับ”
พระยานฤบดินทร์มึนงง แล้วหันไปมองหน้าต่างที่เปิดค้างอยู่ มั่นวิ่งเข้ามาดูด้วย ทั้งสองมองลงไปที่พื้นด้านล่าง เห็นว่าสูงเอาการ
“คุณพระคงจะตาฝาดน่ะขอรับ ไม่มีใครในห้องเลย แล้วก็คงไม่มีใครบ้าพอจะโดดออกไปทางหน้าต่างนี่ด้วย สูงออกขนาดนี้”
พระยานฤบดินทร์คิดตามที่มั่นพูด แล้วสังหรณ์ใจ หันขวับไปมองที่ที่วางกุญแจทิ้งไว้ เห็นกุญแจยังวางอยู่ที่เดิมก็โล่งอก รีบคว้าพวงกุญแจมาเหน็บไว้ที่เอวอย่างเดิม พระยานฤบดินทร์กับมั่นเดินออกมาจากห้องนอน คุณหญิงแจ่มจันทร์รีบวิ่งเข้าไปหา
“ว่าไงคะคุณพี่”
พระยานฤบดินทร์ไม่ตอบ มั่นตอบให้แทน
“ไม่เจอใครขอรับ”
คุณหญิงแจ่มจันทร์โล่งอก แต่พระยานฤบดินทร์ยังแคลงใจ
“แต่ฉันมั่นใจนะว่า ฉันเห็นมือคนงับประตูปิด”
“คุณพี่อาจจะตาฝาดไปก็ได้นะคะ อาจจะเป็นเงาใบไม้ก็ได้ เอ้าๆ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนเถอะ คืนนี้ตกอกตกใจกันมากพอแล้ว”
มั่นและบ่าวเริ่มแยกย้าย ลำดวนก็ไปด้วย
“กลับเข้าห้องกันเถอะค่ะคุณพี่ จะได้พักผ่อน คืนนี้เราเหนื่อยกันมามากแล้ว”
พระยานฤบดินทร์ยอมให้คุณหญิงแจ่มจันทร์ประคองไปห้อง
“ฉันคงตาฝาดไปจริงๆ”
“คุณพี่กับไอ้มั่นก็เข้าไปดูกันจนทั่วแล้วก็ไม่เจอใครนี่คะ” คุณหญิงแจ่มจันทร์ปลอบ
กล้าประคองชงชางซึ่งขาเจ็บมานั่งพักเหนื่อย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแล้ว กล้าจับขาชงชางดูแผล ชงชางเจ็บมาก แต่กัดฟันทนไม่ร้อง
“คิดว่าแค่ขาแพลงเท่านั้นแหละวะชาญ ไม่น่าจะถึงกับหักหรอก”
“ก็คิดว่างั้นเหมือนกัน”
“แกใจกล้ามากนะที่โดดลงมาจากที่สูงขนาดนั้นน่ะ”
ชงชางนึกถึงตอนที่เขากระโดดหน้าต่างหนีลงมา แล้วเคียดแค้น
“ความจริงฉันน่าจะอยู่เผชิญหน้ากับคุณหลวงมากกว่า ฉันจะได้แก้แค้นให้เตี่ย มันฆ่าเตี่ยฉัน มันก็สมควรที่จะต้องตายตกตามกันไป แต่มาคิดอีกที ได้แก้แค้นส่วนตัวแต่อาจเสียการใหญ่ ฉันเลยต้องตัดสินใจโดดลงมา”
“แล้วได้หลักฐานมั้ย”
“มากพอที่คุณหลวงจะไม่มีแผ่นดินอยู่เลยล่ะ”
“นอกจากหลักฐานที่แกได้มานี่ ฉันยังพบอย่างอื่นด้วยนะ”
“อะไร”
กล้าเล่าให้ฟังว่าเขาพบโครงกระดูกคนฝังอยู่ ชงชางสงสัย
“ศพใคร”
“ไม่รู้ แต่เอาเถอะ ตอนนี้เรารีบไปให้ไกลๆ จากที่นี่กันก่อนเถอะ เดี๋ยวใครมาเจอเราเข้า แผนทุกอย่างที่วางไว้จะพังหมด ไป”
ชงชางกัดฟันลุกขึ้น กล้ารีบเข้าประคองแล้วลากตัวชงชางวิ่งหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
ตอนเช้าเจ้าพระยาบริบรรณดูเอกสารที่ชงชางขโมยมาจากห้องนอนพระยานฤบดินทร์แล้วหัวเราะชอบใจเสียงดัง
“ดีมากเลยชาญ เธอรู้มั้ยว่าเอกสารพวกนี้ มันทำอะไรได้บ้าง”
“เอาผิดไอ้หลวงนฤบดินทร์”
“ไม่ใช่แค่เอาผิดมันได้เท่านั้น เธอรู้หรือไม่ นอกจากความผิดที่ไอ้นฤบดินทร์มันรับส่วยจากพวกพ่อค้ามานานหลายปีแล้ว ไอ้นฤบดินทร์มันยังฉ้อราษฎร์บังหลวง มันบังอาจยักยอกค่าสัมปทานป่าไม้ ไม่ส่งเข้าคลังหลวง หนำซ้ำ พระยาสีหราฐก็เป็นใจไปกับมันด้วย หลักฐานนี่ จะทำให้พวกมันต้องถูกริบเรือน ทุกอย่างที่มันมีต้องตกเป็นของหลวงกันคราวนี้ล่ะ”
“กระผมพบโครงกระดูกคนถูกฝังอยู่บริเวณที่รกร้างด้านหลังเรือนของหลวงนฤบดินทร์ด้วยนะขอรับกระผมมั่นใจว่าเป็นกระดูกคนแน่ๆ ไม่ใช่กระดูกสัตว์” กล้าเล่า
“หะ นี่มันฆ่าคนด้วยรึเนี่ย พวกเธอรู้มั้ย ความผิดโทษฐานฆ่าคน มันคือตัดคอให้ตายตกตามกันไป ทำดีมากไอ้กล้า ไอ้ชาญ คราวนี้ล่ะ ไอ้นฤบดินทร์กับแม่แจ่มจันทร์ได้พบกับความหายนะแน่”
เจ้าพระยาบริบรรณหัวเราะเสียงดังสะใจ ชงชางยิ้มสะใจไปด้วย
“ฉันยังพอมีเส้นสายคนรู้จักอยู่ข้างในพระนครหลายคนอยู่ ฉันจะส่งเรื่องนี้ไปให้พวกเขา แล้วคราวนี้ ไอ้ชาญ เราคอยดูจุดจบของไอ้นฤบดินทร์กับแม่แจ่มจันทร์กันได้เลย”
เจ้าพระยาบริบรรณหัวเราะเสียงดังสะใจอีกครั้ง ในขณะที่ชงชางยิ้มมีความสุข
ลำดวนเดินซื้อของอยู่ในตลาด มีคนเข้ามาทักทาย
“ไงจ๊ะแม่ลำดวน เดี๋ยวนี้แกกลายเป็นคนสนิทของคุณหญิงแจ่มจันทร์ไปแล้วเหรอ”
ลำดวนยิ้มร่า โอ้อวด “ก็ฉันทำงานดีนี่จ๊ะ”
ทันใดนั้นบรรยากาศในตลาดก็แตกตื่น คนในตลาดแหวกทางให้ตำรวจนครบาลจำนวนหนึ่งเดินหน้าตาขึงขังผ่านไป ลำดวนอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที วิ่งเข้าไปถามนายตำรวจคนหนึ่ง
“จะไปจับใครที่ไหนกันรึจ๊ะ”
นายตำรวจคนแรกไม่ยอมตอบ ลำดวนไม่ยอมแพ้ ไล่ถามไปที่นายตำรวจคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีนายตำรวจคนไหนตอบเลยสักคน ลำดวนขัดใจ
“ถามอะไรก็ไม่ยอมบอก”
กลุ่มนายตำรวจยังคงเดินหน้าต่อไป แล้วก็มีใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาลำดวน ตื่นเต้นมาก
“แกยังไม่รู้ใช่มั้ยว่านายตำรวจพวกนั้นเขากำลังจะไปจับนายแก”
“หะ จับนายฉัน จับเรื่องอะไร”
“หลายข้อหาเลยล่ะ เห็นคนในกรมบอกว่า มีโทษถึงขั้นตัดคอริบเรือนเลยนะแก”
“อะไรนะ ตัดคอริบเรือนเลยเรอะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้เขากำลังไปจับพระยานฤบดินทร์แล้ว แล้วได้ยินมาว่า เจ้าพระยาสีหราฐกับเมียก็โดนด้วย”
ลำดวนตกใจสุดขีด ไม่ฟังอะไรต่อแล้ว รีบวิ่งกลับเรือนด้วยทางลัดทันที ล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทาง มุ่งมั่นที่จะวิ่งไปให้ถึงเรือนก่อนที่นายตำรวจกลุ่มนั้นจะไปถึง
เวลาเดียวกันนั้น นายตำรวจเข้าควบคุมตัวเจ้าพระยาสีหราฐถึงโต๊ะทำงาน เจ้าพระยาสีหราฐถึงกับหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก นายตำรวจอีกจำนวนหนึ่งเข้าค้นหาเอกสารบางอย่างจากในโต๊ะทำงานเป็นโกลาหล ในขณะที่เจ้าพระยาสีหราฐถูกควบคุมตัวออกไป พระยานฤบดินทร์ถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวเช่นกัน ถึงกับเข่าอ่อน นายตำรวจอีกกลุ่มหนึ่งเข้าจับกุมตัวคุณหญิงเด่นหล้าที่เรือน คุณหญิงตกใจสุดขีด
“นี่มันอะไรกัน”
คุณหญิงแจ่มจันทร์กำลังเล่นกับเอื้องฟ้าอยู่อย่างสนุกสนาน คนอื่นๆ นั่งดูแล้วหัวเราะขำในความไร้เดียงสาของเอื้องฟ้า
“เนื้อนางน่าจะพาลูกกลับมาเล่นที่บ้านนี้บ่อยๆ นะลูก แม่เหงา เคยมีลูกสองคน หวังจะได้ฝากผีฝากไข้ตอนแก่ กลับเหลือลูกสาวเพียงคนเดียว แล้วลูกสาวเมื่อแต่งงาน ก็ไปเป็นคนของบ้านอื่นเขาซะแล้ว”
“แต่ลูกก็มาที่นี่เกือบทุกวันอยู่แล้วนี่คะ”
“มาทุกวันเลยยิ่งดี”
เนื้อนางยิ้ม สายแอบพึมพำกับตัวเอง
“มาไม่ได้ทุกวันหรอกเจ้าค่ะ ถ้าวันไหนถูกคุณศักดิ์ตบตีเอา ก็ต้องหลบหน้าคนอยู่แต่ในบ้านจนกว่าแผลจะหายน่ะเจ้าค่ะ”
สายมองศักดาอย่างชิงชัง ทันใดนั้นลำดวนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณหญิงเจ้าขา เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ตำรวจกำลังจะมาจับตัวคุณหญิง ข้อหาอะไรไม่รู้เจ้าค่ะ รู้แต่ว่า มีโทษถึงตัดคอริบเรือนเลย”
“อะไรนะ จะมาจับฉันทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
เนื้อนางหน้าเสีย “นั่นสิ คุณแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ รู้แต่ว่าตอนนี้ตำรวจกำลังมาที่นี่แล้ว บ่าวเจอที่ตลาด เลยรีบวิ่งกลับมาที่นี่ทางลัด เลยถึงก่อนตำรวจกลุ่มนั้น”
คุณหญิงแจ่มจันทร์สติแตกขึ้นมาทันที หันไปมองหน้าเนื้อนางกับศักดา เนื้อนางก็ตกใจจนคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
“กระผมว่าตอนนี้คุณแม่หนีก่อนเถอะขอรับ เรื่องอื่นค่อยคิดกันทีหลัง”
“หนี หนีไปไหน”
“หนีไปไหนก็ได้ แต่อย่าให้ถูกจับ ไปขอรับ ไปเก็บของเท่าที่จำเป็นติดตัวไป”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ลนลานวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที เนื้อนางจะร้องไห้ด้วยความตกใจ
“ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ศักดาส่ายหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน ทุกคนดูร้อนรน ยืนไม่ติด เนื้อนางร้อนใจวิ่งตามคุณหญิงแจ่มจันทร์เข้าไปในห้อง เห็นแม่เก็บของลนลาน จนแทบจะเก็บอะไรไม่ได้เลย
“ลูกช่วยค่ะ”
เนื้อนางช่วยแม่เก็บของ แต่ก็มือสั่นพอกันทั้งแม่ทั้งลูก ขณะที่ศักดาร้อนใจ
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย”
ลำดวนหันมามองหน้าศักดา
“นี่คุณศักดิ์ยังไม่รู้ใช่มั้ยเจ้าคะว่า พ่อกับแม่ของคุณศักดิ์ก็โดนจับด้วย”
“อะไรนะ”
ศักดาละล้าละลัง อยากจะวิ่งกลับไปดูที่บ้าน แต่ก็ห่วงทางนี้ นายตำรวจกลุ่มที่เดินผ่านตลาดก็เดินขึ้นมาบนเรือน ทุกคนเห็นตำรวจก็หน้าเสีย ขณะที่เนื้อนางกับคุณหญิงแจ่มจันทร์ยังเก็บของกันอย่างลนลาน
“แม่กลัวอยู่แล้วเชียวว่าสักวันเรื่องค่าสัมปทานป่าไม้มันต้องแดงขึ้นมา”
เนื้อนางชะงักไปทันที แต่ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ และยังไม่ทันจะทำอะไรกันต่อ นายตำรวจก็เข้ามา
“คุณหญิง”
คุณหญิงแจ่มจันทร์หันไปเห็นตำรวจ ก็ตกใจกลัวจนเป็นลมไปทันที
“แม่”
เจ้าพระยาบริบรรณหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ
“ไอ้ชาญ เธอรู้มั้ย คนของฉันที่พระนครเขาส่งข่าวมาให้ฟังว่าแม่แจ่มจันทร์ตอนที่โดนตำรวจเข้าจับกุมที่เรือน ก็ถึงกับเป็นลม ไม่ได้สติไปเลย ส่วนไอ้นฤบดินทร์นั่น ก็กลัวความผิดจนผมทั้งหัวกลายเป็นสีขาวหมดเลย เห็นทีว่าสองผัวเมียคู่นี้ ต้องโทษตัดคอริบเรือนอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะรับส่วย ฉ้อราษฎร์บังหลวงแล้ว ยังฆ่าคนอีกด้วย ตำรวจเขาเจอโครงกระดูกตรงที่รกร้างหลังเรือนไอ้นฤบดินทร์อย่างที่เอ็งว่าจริงๆ ไอ้กล้า เขาว่าโครงกระดูกอันนั้น คือนายยุทธ ทำงานอยู่ที่กระทรวงคลังเหมือนไอ้นฤบดินทร์นั่นแหละ คาดว่ามันคงจะระแคะระคายเรื่องที่ไอ้นฤบดินทร์กับสีหราฐเก็บค่าสัมปทานป่าไม้เป็นของตัวเอง ไม่ส่งเข้าคลังหลวง ก็เลยถูกไอ้นฤบดินทร์มันกำจัดซะ สีหราฐนั่นก็ตัวร้ายน้อยอยู่เมื่อไหร่ ทั้งรับส่วย ค้าฝิ่นเถื่อนบีบบังคับเอาที่ดินของชาวนา ใครไม่ให้ก็ให้พวกบ่าวผู้ชายช่วยกันรุมกระทืบจนตาย”
เจ้าพระยาบริบรรณอารมณ์ดี สะใจ
“ฉันไม่นึกเลยนะว่าเราจะเล่นงานพวกมันได้ถึงขนาดนี้ ผลงานของเธอ ชาญ เธอเป็นคนทำให้พวกมันได้รับโทษ เรือนทั้งหมดถูกริบเป็นของหลวง เธอเป็นคนทำให้พวกมันต้องเจ็บปวด อับอาย และตายอย่างไร้เกียรติ ความแค้นของเราสองคนถูกชำระแล้ว”
เจ้าพระยาบริบรรณตบบ่าชงชาง อารมณ์ดี ชงชางหัวเราะสะใจ แล้วคิดถึงเนื้อนางขึ้นมา
“แล้วลูกสาวไอ้คุณหลวงล่ะขอรับ”
บริเวณกระท่อมซ่อมซอแห่งหนึ่ง เนื้อนางนั่งร้องไห้จนแทบจะหมดสติ ศักดาทุบต้นไม้ระบายอารมณ์แค้น สายดูแลเอื้องฟ้าอยู่
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง ไม่เหลืออะไรติดตัวสักอย่าง ขี้ข้ารับใช้ก็ไม่เหลือสักคน ที่ซุกหัวนอนก็แทบจะไม่มี”
“ของนอกกาย ช่างมันเถอะค่ะพี่ศักดิ์ แต่พ่อแม่ของเรา จะต้องโทษประหารจริงๆ หรือคะ”
“ก็หลวงเขาว่าอย่างนั้น”
“ฉันขอเข้าไปเยี่ยมในคุก เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยม นี่หมายความว่า ฉันจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่อีกจนกระทั่งถึงวัน ประหาร อย่างนั้นหรือคะ”
“ก็คงอย่างนั้นแหละ”
เนื้อนางร้องไห้โฮ ศักดาตะโกนลั่นออกมาด้วยความแค้นใจอย่างที่สุด เอื้องฟ้าตกใจร้องไห้จ้า ศักดาเลยยิ่งคลั่ง เอื้องฟ้าวิ่งเข้าไปกอดเนื้อนาง เนื้อนางกอดลูกไว้แน่น
“แม่จ๋า เราจะต้องอยู่ที่นี่กันจริงๆ หรือจ๊ะ เอื้องคันไปทั้งตัวเลย”
เนื้อนางเห็นลูกก็ยิ่งร้องไห้หนัก สายกลุ้มใจ แต่ก็จนปัญญาไม่รู้จะช่วยนายอย่างไรดี
ชงชางเตรียมตัวจะเข้านอน อารมณ์ดี หอมจัดที่นอนดูแลปรนนิบัติผัวเต็มที่ แต่สีหน้าไม่ดีนัก
“ฉันพอจะได้ข่าวเรื่องที่พระนครมาบ้าง พี่พอใจเช่นนั้นหรือ พี่ชาญ”
“พอใจ พอใจมาก คนที่ฆ่าเตี่ยพี่ กำลังจะต้องตายตกตามกัน”
ชงชางยิ้มสะใจ ในขณะที่หอมไม่สบายใจเลย
บริเวณลานประหาร คนเริ่มมามุงดูอย่างสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตระเตรียมลานประหาร หลักประหาร ดาบ เชือก เนื้อนางแทบจะเดินไปลานประหารไม่ไหว ศักดาต้องประคองไว้ตลอดเวลา เนื้อนางร้องไห้ไม่หยุด
“ถ้าเนื้อนางทนดูไม่ไหว พี่ว่าอย่าไปเลย”
“จะไม่ไปได้ยังไงกันคะพี่ศักดิ์ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะได้เห็นพ่อกับแม่ในตอนที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ ไม่นึกเลยว่าชีวิตจะมีวันนี้”
ศักดาซึมไป ถอนใจเครียด แล้วประคองเนื้อนางเดินต่อไปยังลานประหาร
เวลาเดียวกันนั้น ที่ชุมพร ชงชางเตรียมทำพิธีไหว้บรรพบุรุษที่ตายไปแล้วแบบจีนอยู่ เขาเรียกหาญให้มาไหว้ด้วยกัน แต่หอมและน้อยยืนมองอยู่ห่างๆ ไม่ค่อยสบายใจ ในขณะที่ชงชางมีความสุขมาก
เจ้าหน้าที่คุมตัวนักโทษประหารทั้งหมดมาที่ลานประหาร คุณหญิงแจ่มจันทร์และคุณหญิงเด่นหล้าถึงกับหมดเรี่ยวแรงที่จะเดินไปที่ลาน เจ้าหน้าที่ต้องประคองกึ่งลากตัวไป และจับนักโทษประหารทั้งหมดมัดกับเสา เนื้อนางกับศักดาเดินมาถึงลานประหารพอดี เนื้อนางเห็นพ่อกับแม่ก็ตะโกนลั่น
“พ่อ แม่”
เนื้อนางกับศักดาพยายามจะวิ่งไปถึงตัวพ่อแม่ แต่ถูกเจ้าหน้าจับตัวไว้ไม่ให้เข้าไป สองฝ่ายจึงได้แต่มองกันอย่างสุดรันทด
“เนื้อนางช่วยแม่ด้วย แม่ยังไม่อยากตาย”
เนื้อนางยิ่งได้ยินแม่พูดอย่างนั้นก็ยิ่งร้องไห้ใจจะขาด พยายามจะดิ้นไปหาแม่ให้ได้ แต่ก็ไปไม่ได้เพราะถูกเจ้าหน้าที่รั้งตัวเอาไว้
“พ่อศักดิ์”
ศักดาได้แต่ยืนมองแม่ ทำอะไรไม่ถูก คุณหญิงเด่นหล้าเหมือนหัวใจจะวาย เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาดู เห็นว่าคุณหญิงเด่นหล้าช็อคตาค้างไป แต่ไม่หมดสติ ส่วนเจ้าพระยาสีหราฐและพระยานฤบดินทร์ได้แต่นั่งคอตก ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี พระยานฤบดินทร์บอกกับศักดา
“ฝากเนื้อนางด้วย”
พระยานฤบดินทร์นั่งก้มหน้า น้ำตาไหลเงียบๆ ผมขาวโพลนทั้งหัว ส่วนเจ้าพระยาสีหราฐก็ดูแก่โทรมไปทันตา
พิธีประหารจะเริ่ม เจ้าหน้าที่เริ่มเอาผ้าไปผูกปิดตานักโทษประหารทุกคน นักโทษแต่ละคนกลัวสติแตก คุณหญิงแจ่มจันทร์ร้องไห้เสียงโหยหวน ยิ่งทำให้เนื้อนางปวดใจมาก ร้องไห้จนแทบจะเป็นลมไป คุณหญิงเด่นหล้ายังช็อคตาค้างอยู่ เจ้าหน้าที่เอาผ้าปิดตาไว้เช่นคนอื่นๆ ขณะที่ชงชางสอนหาญกราบไหว้บรรพบุรุษที่ตายไปแล้วอย่างยิ้มแย้ม
เนื้อนางและศักดาเศร้าและเครียดแทบจะหัวใจแตกสลายอยู่ตรงนั้น เพชฌฆาตเริ่มทำตามขั้นตอน เนื้อนางกอดแขนศักดาไว้แน่นหวังยึดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต
ขณะที่ชงชางกับหาญปักธูปลงกระถาง เพชฌฆาตเริ่มลงดาบ ศีรษะของพระยานฤบดินทร์หลุดจากบ่า ผ้าปิดตาหลุดออก ศีรษะกลิ้งไปหยุดนิ่งที่แทบเท้าเนื้อนาง เนื้อนางก้มลงดู เห็นศีรษะพ่อกลิ้งมาหยุดแทบเท้า ตายังเบิกโพลง
หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะล้มหมดสติไป
อ่านต่อตอนที่ 8