แรงชัง ตอนที่ 1
ในสมัยรัชกาลที่ 5 อาณาจักรสยามมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ จึงมีพ่อค้าชาวจีนเดินทางเข้ามายังสยามเป็นจำนวนมาก
เฟยหลง หนึ่งในพ่อค้าจีนที่อาศัยอยู่ย่านเยาวราชกับชงชาง ลูกชายวับ 7 ชวบ ท่าทางเฉลียวฉลาด ชงชางนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน เสียงเฟยหลงตะโกนหาดังเข้ามา
“อาชงชาง อยู่ที่ไหน”
ชงชางหันขวับมาตามเสียงเรียก ตะโกนตอบ
“อยู่นี่ฮะเตี่ย”
ชงชางวิ่งมาหาเฟยหลง ซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยยืนรออยู่หน้าบ้าน โดยเฟยหลงถือห่อผ้าบรรจุของมีค่าอยู่ภายใน
“มัวไปเล่นอยู่ที่ไหน ลื้อก็รู้นี่ว่าวันนี้เราจะต้องเข้าไปคารวะคุณหลวงนฤบดินทร์กันน่ะ”
ชงชางสำนึกผิด เฟยหลงส่งห่อผ้าชิ้นเล็กให้เด็กน้อยถือ
“เอ้า ลื้อถือห่อนี้ให้ดีๆ นะ”
ชงชางถือห่อผ้าไว้มั่น เฟยหลงจูงมือลูกชายออกไป
เฟยหลงจูงชงชางเดินมาตามทาง เจอขบวนแห่นาคเข้าพอดี ก็หยุดให้ขบวนผ่านหน้าไป ชงชางมองอย่างสนใจและสนุกไปกับเสียงโห่เสียงกลองยาว เด็กน้อยกระตุกมือเตี่ย
“เขาทำอะไรกันน่ะเตี่ย”
“เขาเรียก แห่นาค ลื้อเห็นคนที่ใส่ชุดขาวนั่นมั้ย”
ชงชางมองตาม เห็นนาคกำลังขี่คอชายคนหนึ่งเดินไปตามทาง
“นั่นน่ะ เขาเรียก นาค แล้วพอเดี๋ยวเขาเข้าไปทำพิธีบวชในวัดเสร็จแล้ว เขาก็จะกลายเป็นพระที่ห่มจีวรสีกลัก อย่างที่ลื้อเคยเห็นนั่นล่ะ คนไทยเขาเชื่อกันว่า ถ้าลูกชายได้บวช พ่อแม่ก็จะได้อาศัยเกาะชายผ้าเหลืองนี่ล่ะ ขึ้นสวรรค์”
ชงชางมองไปในขบวนแห่นาค เห็นพ่อแม่ของนาคยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เขาพลอยยิ้มตามไปด้วย พอมองผ่านขบวนแห่นาคไปอีกก็เห็นนรอินทร์และศักดา เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน กำลังยืนมองขบวนแห่นาคอย่างสนใจอยู่เช่นกัน ศักดาหันมาบอกนรอินทร์
“เดี๋ยวเรารอเก็บสตางค์ที่นาคจะโปรยให้ทานกันดีกว่า”
นรอินทร์พยักหน้ารับ ตื่นเต้นไปด้วย แต่โดยที่ไม่มีใครทันคาดคิด ชายคนหนึ่งใส่ชุดไว้ทุกข์ก็พุ่งออกมาจากข้างทางแล้วกระโดดถีบชายคนที่ให้นาคขี่คอจนล้มไม่เป็นท่า นาคพลอยร่วงตกลงมาล้มหน้ากระแทกพื้น ผู้คนในขบวนแห่นาคแตกกระจัดกระจาย ข้าวของที่ถือกันมาหกตกแตก พวกผู้หญิงร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจ เสียงดังโกลาหล พ่อของนาคชี้หน้าชายที่เข้ามาหาเรื่อง
“เฮ้ย นี่มันอะไรวะ”
ชายคนนั้นไม่เกรงกลัว แล้วยังมีชายใส่ชุดไว้ทุกข์อีก 2-3 คน ถือดาบ สีหน้าดุดันพุ่งออกมาจากข้างทาง มายืนขนาบชายคนแรกอีกด้วย
“ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ ในเมื่อลูกชายเอ็ง ทำให้น้องชายข้าตาย ลูกชายเอ็งมันก็ต้องตายตกตามกันไป”
ทุกคนในขบวนแห่นาคตกตะลึง แม่นาคร้องลั่น
“ไม่นะ”
แม่ผวาเข้าไปกอดลูกชายที่เป็นนาค ปกป้องเต็มที่
“ก็หลวงท่านตัดสินไปแล้วนี่ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย พ่อเรืองของฉัน มันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรือของมัน ชนกับเรือของน้องชายเจ้าสักหน่อย แล้วมันก็ไม่รู้ด้วยว่าน้องชายเจ้าว่ายน้ำไม่เป็น”
“จะรู้หรือไม่ ข้าไม่สน ข้ารู้แต่ว่า เมื่อน้องชายข้าตาย ลูกชายเอ็งก็ต้องตายตกไปตามกัน”
ชายคนนั้นดึงมีดที่เหน็บหลังออกมา แล้วพุ่งจะเข้าไปแทงนาคที่ยังนั่งเจ็บอยู่ที่พื้น แต่แม่ไม่ยอม โดดเข้าขวางไว้ ทำให้โดนแทงอย่างแรง ตาเหลือกลาน นาคตกใจสุดขีด ตะโกนร้องสุดเสียง
“ไม่”
แม่ล้มลง มือกุมท้องที่ถูกแทง นาครับร่างแม่ไว้ได้ก่อนจะล้มฟาดพื้นไป แม่ยังไม่สิ้นใจ มองหน้านาคด้วยสายตาเป็นห่วง จังหวะนั้นคนของพ่อ ที่อยู่ในขบวนแห่นาค ต่างก็ชักดาบออกมา แล้วพุ่งเข้าฟันชายพี่น้องคนตาย ชายคนนั้นก็สู้ตอบ พวกผู้หญิงร้องวี้ดว้ายแล้ววิ่งหลบพวกผู้ชายที่ต่อสู้กันอย่างโกลาหล
เฟยหลงตกใจ รีบดึงตัวชงชางเข้าหลบข้างหลัง แต่ชงชางกลับมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่กลัว จึงไม่ยอมหลบหลังเตี่ย เขามองไปฝั่งตรงข้าม เห็นนรอินทร์และศักดายืนดูขบวนแห่นาค ต่างอยู่ในอาการตกใจกลัวจนตัวสั่น ทั้งสองถึงกับฉี่ราด ศักดาเอามือกุมเป้า ทำอะไรไม่ถูก มองมาทางชงชางอย่างไม่ตั้งใจ เห็นชงชางมองมา จังหวะเดียวกันนั้นนรอินทร์ก็รีบดึงตัวศักดาให้หลบออกจากทิศทางของการต่อสู้ของพวกผู้ใหญ่
ชงชางหันกลับมาดูพวกผู้ใหญ่ประดาบกันอีก ปลายดาบของพวกผู้ชายที่ต่อสู้กัน ตวัดมาโดนหน้าอกชงชางโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โอ๊ย”
ชงชางล้มลง เฟยหลงตกใจมาก
“อาชาง”
เฟยหลงรีบประคองร่างชงชางไว้ เห็นแผลที่ปลายดาบตวัดโดนอก ชงชางเป็นแผลไม่ลึกมาก แต่ก็ทำให้เลือดไหลเปื้อนเสื้อ เฟยหลงยิ่งเห็นเลือดก็ยิ่งตกใจ
“อาชาง”
เฟยหลงพยายามจะอุ้มลูกชายให้หลบออกไปจากตรงนั้น แต่พวกผู้ชายก็ประดาบกันจนไม่มีใครกล้าขยับตัวเพราะกลัวถูกลูกหลงไปด้วย ชงชางตกใจจนลืมเจ็บ ตามองดูเหตุการณ์ ชายฉกรรจ์ของทั้ง 2 ครอบครัวเข้าต่อตีประดาบกันอย่างตื่นตะลึง ชายที่เข้ามาทำร้ายนาคบุกลุยเข้าไปจนถึงตัวนาคที่ยังประคองแม่ที่เจ็บไว้
“อย่าทำอะไรลูกฉัน”
แม่ยกมือเปื้อนเลือดไหว้ปลกๆ ขอชีวิตลูกชาย แต่ชายคนนั้นไม่สนใจ จ้วงแทงนาคเต็มแรง นาคตาเหลือกลานด้วยความเจ็บ ร้องไม่ออก แม่กรีดร้องสุดเสียง
“ไม่”
ชายคนนั้นกระชากมีดออกจากร่างนาค นาคสะดุ้งสุดตัวแล้วหงายหลังไป ตาเบิกโพลงด้วยความเจ็บสุดชีวิต แม่พยายามจะยันตัวขึ้น แต่ไม่ไหว ได้แต่กอดร่างลูกชายที่กำลังจะขาดใจ ชายคนร้ายเห็นร่างนาคกระตุก 2-3 ครั้ง ก่อนจะแน่นิ่งไป แม่ร้องไห้โฮเสียงดังลั่น กลุ่มชายที่กำลังประดาบกันอยู่หันมามองนาคเป็นตาเดียว ชายคนแทงยิ้มสะใจเมื่อเห็นว่านาคตายแน่แล้ว ก็รีบพาพี่น้องวิ่งหลบออกไปโดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง
เฟยหลงตั้งสติได้ รีบอุ้มชงชางออกไปจากที่นั่น ชงชางยังเหลียวกลับมามองนาค เห็นเลือดค่อยๆ ไหลออกจากตัวนาค ซึมผ่านผ้าขาวที่นุ่งอยู่ นาคสิ้นใจทั้งๆ ที่ตายังเบิกโพลงอยู่ เสียงแม่กรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งด้วยความเสียใจ กอดร่างไร้วิญญาณของลูกชายไว้
นรอินทร์กับศักดาวิ่งหนีเหตุร้ายในงานแห่นาคมาที่บ้านคุณหลวงนฤบดินทร์ พ่อของนรอินทร์ ก่อนจะล้มลงนั่งแปะกับพื้น หายใจหอบด้วยความเหนื่อย
“โฮ้ย เหนื่อย”
ศักดาหายใจหอบอยู่สักพักก็อาการดีขึ้น แล้วมองที่เป้ากางเกงนรอินทร์ เห็นร่องรอยการฉี่ราด ศักดาก้มลงมองตัวเอง เห็นมีสภาพไม่ต่างกัน จึงรีบกำชับนรอินทร์
“แกอย่าบอกใครเรื่องนี้นะ”
“จะบอกใครได้ล่ะ บอกไป ฉันก็ได้อายไปด้วยน่ะสิ”
“แกไม่พูด แต่ไอ้เด็กลูกเจ๊กคนนั้นน่ะสิ”
ศักดานึกถึงตอนที่เขาเห็นชงชางมองตอนฉี่ราด เขาเริ่มชิงชังชงชาง ที่ชงชางรู้เรื่องน่าอับอายของตน แต่นรอินทร์ไม่ใส่ใจมากนัก
“ช่างมันเถอะ กะอีแค่ลูกเจ๊กลูกจีนคนหนึ่ง มันก็เท่านั้น เราคงไม่ได้เจอกับมันอีกหรอก”
ศักดาพยักหน้าเห็นด้วย
เฟยหลงพาชงชางกลับมาบ้าน แล้วเอายาใส่แผลที่หน้าอกให้ กังวลกลัวลูกจะเจ็บ แต่ชงชางกลับทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร
“ข้าวของที่เราจะเอาไปให้คุณหลวงนฤบดินทร์ แตกเสียหายหมดเลยนะเตี่ย”
“ช่างเถอะ เราสองพ่อลูกไม่ตายก็บุญแล้ว พรุ่งนี้เราค่อยไปเรือนคุณหลวงท่านใหม่ ไม่เจ็บหรือไง อาชาง”
“เจ็บสิเตี่ย”
“แล้วทำไมไม่ร้อง”
“ร้องแล้วมันหายเจ็บซะที่ไหนล่ะเตี่ย”
เฟยหลงยิ้มชอบใจที่ลูกชายมีน้ำอดน้ำทนผิดเด็กทั่วไป
“แผลไม่ลึกมาก แต่ก็คงทิ้งรอยแผลเป็นไว้ที่กลางอกของลื้ออยู่บ้างล่ะ”
“ช่างมันเถอะเตี่ย เออ นี่เตี่ย ทำไมคนพวกนั้นถึงต้องฆ่าฟันกันอย่างนั้นด้วยล่ะ”
“ความแค้นไงล่ะอาชาง ความแค้นทำให้คนสิ้นคิด จนลืมหมดว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป แล้วเมื่อฝ่ายหนึ่งถูกฆ่า และต้องกลับมาแก้แค้น อีกฝ่ายก็ต้องกลับไปแก้แค้นเอาคืนเข้าสักวันเหมือนกัน แล้วมันก็จะเกิดวงจรการฆ่าฟันกันไม่จบไม่สิ้น อาชาง ลื้อจำไว้นะ ลื้ออย่าอาฆาตแค้นใครจนสิ้นคิด ถ้าวันใดลื้อเกิดเคียดแค้นใครขึ้นมา เตี่ยก็ขอให้ลื้อจงเอาสติเข้าดับความแค้นนั้น แล้วอโหสิแก่ผู้ที่ทำให้ลื้อแค้น แล้วความแค้นก็จะจบสิ้นไป เข้าใจมั้อาชาง”
“เข้าใจฮะเตี่ย”
เฟยหลงยิ้มพอใจ
วันรุ่งขึ้น เฟยหลงมาที่เรือนคุณหลวงนฤบดินทร์ โดยนำโถลายครามสวยงามมาให้เจ้าของเรือนด้วยความอ่อนน้อม
คุณหลวงนฤบดินทร์รับโถลายครามไปดูอย่างชื่นชมและปลาบปลื้ม ในขณะที่คุณหญิงแจ่มจันทร์ก็ปลาบปลื้มกับของกำนัลที่ล้วนแล้วแต่ทำมาจากหยกทั้งสิ้น
“งามมาก”
“เพิ่งเอาขึ้นจากเรือเลยขอรับคุณหญิง กระผมเห็นแล้วคิดถึงคุณหลวงกับคุณหญิงทันที เลยรีบคัดเอาแต่เฉพาะชิ้นที่ดีเลิศมาให้น่ะขอรับ”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ยิ้มพอใจ แล้วมองไปข้างหลังเฟยหลง
“นั่นลูกชายรึ”
เฟยหลงดึงตัวชงชางให้มาข้างหน้า
“ขอรับ มันชื่อ ชงชาง กำพร้าแม่ตั้งแต่เกิด กราบท่านสิ อาชาง”
ชงชางกราบคุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์อย่างนอบน้อมสวยงาม ไม่เก้งก้างอย่างเด็กทั่วไป
“เออๆๆๆ หน่วยก้านมันดีจริง แล้วได้เล่าเรียนหนังสือบ้างไหมนี่”
“ไม่ได้เรียนขอรับ แต่มันเป็นเด็กหัวดี อยู่ที่ร้าน มันช่วยกระผมทำบัญชีรับจ่ายเป็นประจำ ไม่มีตกหล่นแม้สตางค์แดงเดียว”
“เก่งจริง” คุณหญิงแจ่มจันทร์ชื่นชม
“แต่มันก็เป็นแค่ลูกพ่อค้า ไหนจะสู้ลูกพระยาอย่างลูกชายท่านได้ล่ะขอรับ”
คุณหลวงนฤบดินทร์หัวเราะชอบใจ
“ยังๆ ฉันยังเป็นแค่คุณหลวง ยังไม่ได้เป็นพระยา”
“อีกไม่นานหรอกขอรับ”
คุณหลวงนฤบดินทร์หัวเราะชอบใจอีก
“ลูกชายคุณหลวงชื่ออะไรนะขอรับ”
“นรอินทร์”
เวลาเดียวกันนั้น นรอินทร์กำลังจะเอารังมดแดงหย่อนลงบนอกลูกบ่าวคนหนึ่งที่นอนหลับอยู่ด้วยความเกเร ศักดาเดินเข้ามาข้างหลังตบบ่านรอินทร์แรงๆ นรอินทร์ตกใจ ทิ้งรังมดแดงลงกับพื้น รังแตก มดแดงแตกฮือออกจากรังวิ่งเกาะขานรอินทร์ นรอินทร์กระโดดหนี แล้ววิ่งออกไป ศักดาหัวเราะ ก่อนวิ่งตามไป
คุณหญิงแจ่มจันทร์พูดกับคุณหลวงนฤบดินทร์ ขณะที่เฟยหลงกับชงชางก็ยังนั่งอยู่ด้วย
“เดี๋ยวดิฉันจะลงไปดูบ่าวมันหาของว่างขึ้นมาให้นะคะ”
คุณหลวงนฤบดินทร์พยักหน้า สบตากับคุณหญิงแจ่มจันทร์ คุณหญิงรู้ทางกัน รีบรวบของกำนัลที่เฟยหลงเอามาให้แล้วเดินออกไปพร้อมของ เฟยหลงหันมาบอกลูกชาย
“อาชาง ลื้อลงไปวิ่งเล่นข้างล่างก่อนไป๊ เตี่ยจะคุยธุระกับคุณหลวงท่าน”
ชงชางวิ่งลงเรือนไป เฟยหลวงกับคุณหลวงนฤบดินทร์มองตามไป ก่อนจะหันกลับมาคุยกันเอง
“กระผมอยากจะขอความกรุณาคุณหลวงเรื่องกิจการค้าขายของกระผมหน่อยขอรับ”
เฟยหลงเริ่มเจรจาค้าขาย ในขณะที่คุณหญิงแจ่มจันทร์เดินหอบของกำนัลจะเอาไปเก็บในห้องนอน ลำหับกำลังถูเรือนอยู่ตรงนั้นเหลียวมามองของในมือคุณหญิง ตาลุกวาว แล้วทำทีเป็นมีน้ำใจ ประจบประแจง
“คุณหญิงถือของอะไรมามากมายน่ะเจ้าคะ ให้ลำหับช่วยถือให้มั้ยเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ตอบห้วนๆ แล้วรีบเดินเข้าห้องไปเลย ลำหับแอบเบ้ปากใส่
“ฮึ ทำเป็นหวง อย่าให้อีลำหับคนนี้มันร่ำรวยมีเงินมีทอง เป็นคุณหญิงกับเขามั่งก็แล้วกัน ชิ”
นรอินทร์เดินอารมณ์เสียเข้ามา ศักดาเดินตามมา นรอินทร์ทั้งเกา ทั้งปัดมดแดงออกจากตัวเป็นโกลาหล
“แกไม่น่ามาขัดจังหวะให้ฉันเสียฤกษ์สนุกเลย”
“สนุกที่จะได้แกล้งไอ้ลูกบ่าวคนนั้นน่ะรึ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
ระหว่างนั้นชงชางเดินลงมาจากเรือนมา เตร็ดเตร่ดูโน่นนี่อย่างสนใจ บ้านเรือนไทยดูแปลกตากว่าบ้านของเขาในเยาวราชมาก
อีกมุมหนึ่งของบ้าน เนื้อนาง น้องสาวของนรอินทร์ นั่งเล่นหม้อข้าวหม้อแกงอยู่ โดยมีสาย พี่เลี้ยงซึ่งอายุแก่กว่ากันนั่งเฝ้าแล้วหลับไป เนื้อนางเล่นเบื่อแล้ว เห็นสายนั่งหลับ จะเดินไปปลุก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินออกไปคนเดียว จนไปถึงสระบัว เห็นดอกบัวในสระสวยต้องใจ เลยลงนั่ง ยื่นมือออกไปจะเด็ด แต่เด็ดเท่าไหร่สายบัวก็ไม่ขาด พอโถมตัวลงเด็ดทั้งตัว ก็เสียหลักหล่นลงไปในสระ ชงชางได้ยินเสียงของหนักๆ หล่นลงในน้ำก็ชะเง้อดู เห็นคนตกน้ำและกำลังตะเกียกตะกายอย่างคนว่ายน้ำไม่เป็น ก็รีบวิ่งไปที่สระบัว โดดตามลงไปในน้ำทันที
นรอินทร์และศักดา ได้ยินเสียงที่สระบัว แต่ไม่เห็นเหตุการณ์แต่ต้น เห็นแต่ชงชางโดดลงในสระบัว ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“นั่นมันไอ้ลูกเจ๊กนี่”
ทั้งคู่รีบวิ่งไปที่สระบัว ชงชางลากตัวเนื้อนางขึ้นมาจากสระอย่างทุลักทุเล ในขณะที่เนื้อนางสำลักน้ำอย่างหนัก นรอินทร์กับศักดาวิ่งเข้ามา พอเห็นสภาพเนื้อนางนอนแผ่หมดแรงอยู่ก็ตกใจ นรอินทร์หันไปจ้องหน้าชงชาง
“เฮ้ย ไอ้ลูกเจ๊ก เอ็งทำอะไรน้องสาวข้า เอ็งผลักน้องสาวข้าตกน้ำรึ”
ชงชางพยายามจะพูดอธิบาย แต่เหนื่อยจนพูดไม่ไหว นรอินทร์ไม่สนใจ โดดเข้าชกต่อยชงชาง ศักดาก็เข้าร่วมเตะต่อยชงชางด้วย เนื้อนางหันมามอง พยายามจะห้าม แต่ก็ไม่มีแรง
สายนั่งหลับอยู่ ได้ยินเสียงนรอินทร์กับศักดารุมซ้อมชงชางก็ตกใจ รีบวิ่งไปดู ชงชางโดนเตะต่อยจนน่วม เนื้อนางพยายามตะกายมาห้าม
“อย่า”
สายวิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์ชุลมุน
“ว้าย อะไรกันเจ้าคะ คุณหนู ทำไมเปียกไปหมดอย่างนี้ล่ะเจ้าคะ”
เนื้อนางส่ายหน้าไม่ตอบ ไม่สนใจตัวเอง แต่จะให้สายไปช่วยชงชาง
“พี่สาย ไปช่วยเขาที”
สายละจากเนื้อนาง วิ่งเข้าไปจะห้ามนรอินทร์กับศักดา แต่นรอินทร์หันมาถีบสายจนกระเด็นออกไป
“อย่ายุ่ง”
สายผงะหงายล้มไป เธอเห็นว่าคงช่วยชงชางไม่ได้แน่ จึงลุกขึ้นวิ่งไปที่เรือนทันที
เฟยหลงยังนั่งคุยอยู่กับคุณหลวงนฤบดินทร์ ลำหับขยับมาถูเรือนใกล้ๆ
“ถ้าคุณหลวงจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กระผมได้ส่งสินค้าขึ้นไปขายทางเหนือ ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งขอรับ”
เฟยหลงหยิบเอาห่อเงินปึกใหญ่ออกมาส่งให้คุณหลวงนฤบดินทร์อย่างนอบน้อม ลำหับชะเง้อดู แต่ไม่เห็นอะไรเพราะอยู่ไกล คุณหลวงนฤบดินทร์ทำเป็นมองห่อเงินนั้นอย่างไว้ท่า ไม่หยิบจับมาดู แต่ยิ้มกริ่ม
“เอาสิ”
สายวิ่งหน้าตื่นขึ้นเรือนมา จังหวะเดียวกันกับที่คุณหญิงแจ่มจันทร์เดินกลับเข้ามา
“คุณหลวงคะ”
ทุกคนหันไปมองสายทันที
อ่านต่อหน้า 2
แรงชัง ตอนที่ 1 (ต่อ)
นรอินทร์กับศักดายิ่งเห็นชงชางไม่สู้ยิ่งได้ใจ รุมทำร้ายชงชางกันใหญ่ คุณหลวงนฤบดินทร์ เฟยหลง คุณหญิงแจ่มจันทร์ สาย ลำหับ และบ่าวติดตามคนอื่นๆ วิ่งเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นรอินทร์กับศักดาชะงักค้าง หันไปมอง เห็นคุณหลวงนฤบดินทร์ก็ตกใจ เฟยหลงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการชงชาง
“อาชาง เป็นยังไงมั่ง”
เฟยหลงเห็นเลือดกบปากลูกชายก็หน้าเสีย คุณหญิงแจ่มจันทร์และบ่าวติดตามวิ่งเข้าไปดู
เนื้อนาง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นลูก”
เนื้อนางพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเพื่อจะเล่า คุณหลวงนฤบดินทร์อารมณ์เสีย เมื่อได้ฟังเนื้อนางพูดจบ
“คนเขาหวังดี โดดลงไปช่วยน้องให้รอดจากจมน้ำตาย แต่กลับมาถูกเจ้ากับเพื่อนรุมทำร้ายเอาจนเจ็บอย่างนี้ ใช้ได้ที่ไหน”
นรอินทร์กับศักดาก้มหน้างุด เกรงกลัวคุณหลวงนฤบดินทร์ เฟยหลงเอาผ้าซับเลือดที่มุมปากให้ชงชาง ส่วนคุณหญิงแจ่มจันทร์ก็นั่งกอดเนื้อนาง สีหน้าไม่ดี คุณหลวงนฤบดินทร์เอ็ดลูกต่อ เพราะไม่อยากผิดใจกับเฟยหลงเพราะเรื่องลูกๆ เหมือนกัน กลัวเสียผลประโยชน์ที่จะได้
“อย่าเห็นว่าเป็นลูกพ่อแล้วจะวางอำนาจบาตรใหญ่กับใครก็ได้นะ เจ้าอินทร์ ครั้งนี้พ่อจะต้องลงโทษเจ้า”
เฟยหลงค้านทันที
“อย่าเลยขอรับคุณหลวง มันเป็นเรื่องที่เด็กๆ เข้าใจผิดกันไปเอง อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตไปเลยขอรับ อาชางเองก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก”
“ก็ได้”
นรอินทร์กับศักดายิ้มร่าออกมาทันที
“แต่เจ้าสองคนต้องขอโทษลูกชายเถ้าแก่เฟยหลงก่อน”
นรอินทร์ทำท่าจะโวยวาย
“พ่อจะให้ฉันขอโทษ”
นรอินทร์พูดไม่จบเพราะคุณหลวงนฤบดินทร์ทำตาดุใส่ นรอินทร์เม้มปากแน่น หันไปมองศักดา ศักดาพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้นรอินทร์ทำตามนั้นจะได้หมดเรื่องไป นรอินทร์มองชงชางอย่างเกลียดชัง ก่อนจะหลุดคำขอโทษออกมาด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“ขอโทษ”
คุณหลวงนฤบดินทร์หันไปมองศักดา ศักดาจำใจพูดเช่นกัน
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” ชงชางตอบ
นรอินทร์กับศักดาเมินหน้าไปทางอื่นทันที ไม่ฟัง ชงชางหน้าเจื่อน
“เอาล่ะ หมดเรื่องแล้ว จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ”
คุณหญิงแจ่มจันทร์บอกลูกชาย นรอินทร์กับศักดารีบลุกเดินออกไปทันที แต่ยังเดินไปไม่พ้นเรือน ก็ได้ยินเสียงแม่พูดขึ้น
“ขอบใจนะจ๊ะ ชงชาง ที่ช่วยเนื้อนางเอาไว้น่ะ”
ชงชางยิ้มรับ นรอินทร์กับศักดาได้ยินชื่อชงชางก็เบ้ปากรังเกียจทันที นรอินทร์กระซิบศักดา
“ไอ้ลูกเจ๊กนั่นมันชื่อชงชาง”
“ชื่อโฉ่งฉ่างจะดีกว่าล่ะมั้ง”
“เธอชื่อชงชางเหรอ แปลว่าอะไร” เนื้อนางถามขึ้น
“แปลว่ารุ่งเรือง”
คุณหลวงนฤบดินทร์ยิ้มชอบใจ
“เออ เถ้าแก่ช่างตั้งชื่อให้ลูกจริง แล้วนี่ดูเด็กๆ ก็เข้ากันได้ดีนะ วันหลังเวลาเถ้าแก่มาหาฉัน พาชงชางมาเล่นกับเนื้อนางด้วยสิ”
“ขอรับคุณหลวง”
ชงชางกับเนื้อนางมองหน้ากันด้วยความรู้สึกดีๆ
พระยาสีหราฐนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เรือน ขณะให้สวิงนวดหลังอยู่อย่างสบายใจ พอสวิงไม่ทันระวัง พระยาสีหราฐก็ฉวยโอกาสจับก้นสวิง สวิงร้องตกใจ คุณหญิงเด่นหล้า พลอยตกใจไปด้วย
“ร้องทำไม นังหวิง”
สวิงอึกอัก มองพระยาสีหราฐอย่างตื่นกลัว คุณหญิงเด่นหล้าเห็นอาการก็เดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ้า นวดคุณพระเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นก็ลงไปช่วยพวกในครัวไฟข้างล่างเขาทำงานสิ ไป๊”
สวิงขยับจะไป เสียงพระยาสีหราฐดังขึ้น
“เดี๋ยว”
สวิงชะงัก
“ข้ายังไม่หายปวดเมื่อเนื้อตัวเลย เดี๋ยวเอ็งตามไปนวดข้าในห้องด้วยก็แล้วกัน”
พระยาสีหราฐเดินเข้าห้องไป สวิงหน้าตื่น พอเดาได้ว่าพระยาสีหราฐต้องการอะไร เธอวิ่งเข้ามาเกาะขาคุณหญิงเด่นหล้าหาที่พึ่ง
“คุณหญิง บ่าวไม่อยาก”
คุณหญิงเด่นหล้ามองสวิงอย่างเห็นใจ ลูบหัวสวิงอย่างเวทนา
“แต่ก็ดีกว่าเอ็งไม่มีที่ซุกหัวนอนไม่ใช่รึ”
สวิงอึ้ง พูดไม่ออก น้ำตาเริ่มไหล คุณหญิงเด่นหล้าจูงมือสวิงพาเดินไปส่งที่หน้าห้องนอนของพระยาสีหราฐ สวิงน้ำตาไหลพราก จำใจเคาะประตู แล้วผลักประตูห้องเข้าไปอย่างยอมจำนนในชะตากรรม คุณหญิงเด่นหล้าเริ่มร้องไห้ เจ็บปวดที่ผัวมักมากในกามอย่างไม่เกรงใจ
พระยาสีหราฐยืนรอสวิงอยู่ในห้อง สวิงเดินเข้ามาหา ตัวสั่นกลัว พระยาสีหราฐเอามือเชยคางสวิงขึ้นเพื่อหวังจะดูหน้าชัดๆ แต่สวิงก้มหน้างุดไม่ยอมให้ดู แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว พระยาสีหราฐก็ตบสวิงฉาดด้วยความไม่พอใจ สวิงทรุดลงไปกองกับพื้น
คุณหญิงเด่นหล้าได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นในห้องก็หวาดกลัว น้ำตาไหล ศักดาเดินกลับเข้าบ้านมาพอดีแล้วจะเดินผ่านแม่ไปโดยไม่สนใจที่จะทักทายแม่ คุณหญิงเด่นหล้าเห็นลูกมาก็รีบปาดน้ำตา
“ศักดา”
ศักดาชะงัก หน้ามุ่ย มองแม่อย่างรำคาญ
“พื้นเสียอะไรมา ทะเลาะกับนรอินทร์มารึ”
ศักดาพูดเสียงแข็งๆ อย่างไม่เกรงใจแม่ เพราะเห็นพ่อทำแบบนี้กับแม่บ่อยๆ
“เปล่า”
“แล้วทำไมหน้าตาพื้นเสียกลับบ้านมาอย่างนี้ล่ะลูก”
“ฉันเกลียดไอ้โฉ่งฉ่าง”
“ใคร”
“ลูกเถ้าแก่เฟยหลงที่มันเป็นพ่อค้าอยู่แถวเยาวราชน่ะแม่ มันทำให้ฉันถูกน้าหลวงเอ็ด”
“ก็แล้วลูกไปทำอะไรให้คุณหลวงท่านเอ็ดเอาได้ล่ะ”
ศักดาโมโห ตะคอกใส่
“ไม่ใช่เรื่องของแม่น่า”
คุณหญิงเด่นหล้าเงียบไปทันที ไม่กล้าเซ้าซี้ถามต่อ ชีวิตนี้ตกอยู่ใต้อำนาจลูกและผัวจนหมดสิ้น ทั้งสองยังไม่ทันจะพูดอะไรกันต่อ ก็ได้ยินเสียงลอดออกมาจากภายในห้องนอนพระยาสีหราฐ เป็นเสียงตบตี สลับกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของสวิง สองแม่ลูกนึกรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง คุณหญิงเด่นหล้าเจ็บปวดและอับอายที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นภายในบ้าน แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้เงียบๆ แล้วเดินเข้าห้องไป ศักดาส่ายหน้าเบื่อหน่ายความอ่อนแอของแม่
เนื้อนางนั่งอยู่ที่ริมสระบัว แต่ห่างน้ำพอสมควร เพราะยังกลัวน้ำอยู่ จากการที่ตกน้ำไปเมื่อวันก่อน มีบ่าวนั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ เนื้อนางชะเง้อมองลงไปในน้ำ แล้วสักครู่ชงชางก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากใต้น้ำ ในมือถือดอกบัวที่เด็ดแล้วกำหนึ่ง ชงชางปีนขึ้นตลิ่ง วิ่งเข้ามาส่งดอกบัวกำนั้นให้เนื้อนาง เนื้อนางรับไปอย่างดีใจ แล้วมองของในมือชงชาง ที่เขาไม่ได้ส่งให้
“อะไรน่ะ”
“ฝักบัว”
“เอามาทำไม”
“เม็ดมันกินได้ รู้มั้ย”
“ยังไง”
ชงชางแกะเม็ดบัวออกจากฝัก แล้วแกะเปลือกออก ดึงแกนกลางที่ขมๆ ออก ก่อนจะส่งเม็ดบัวสะอาดเกลี้ยงให้เนื้อนาง เนื้อนางรับมาเคี้ยวกิน
“อร่อยดีนะ”
ชงชางยิ้ม ดีใจที่เนื้อนาง เพื่อนเล่นคนใหม่ ชอบอะไรเหมือนๆ กัน
ในขณะที่บนเรือน เฟยหลงนำเครื่องลายครามมากำนัลคุณหลวงนฤบดินทร์ และคุณหญิงแจ่มจันทร์อีก คราวนี้จำนวนมากกว่าเดิม ทั้งสองยิ้มแย้มชอบใจ
วันต่อมา คุณหลวงนฤบดินทร์เอาเครื่องลายครามที่ได้จากเฟยหลง มากำนัลให้พระยาสีหราฐอีกทอดหนึ่ง พระยาสีหราฐหยิบเครื่องลายครามชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู พอใจมาก คุณหลวงนฤบดินทร์แอบยิ้มดีใจ
ชงชางเอาเม็ดต้อยติ่งที่เก็บมาได้กำหนึ่ง โปรยลงในสระบัว เนื้อนางวิ่งตามมาดู แต่ยืนอยู่ห่างๆ น้ำ เธอเห็นเม็ดต้อยติ่งโดนน้ำก็แตกดังเป๊าะแป๊ะกระจายไปทั่ว เนื้อนางหัวเราะชอบใจ ชงชางหัวเราะไปด้วย
คุณหลวงนฤบดินทร์นั่งกินข้าวอยู่กับเฟยหลงอย่างคุ้นเคย เฟยหลงแต่งตัวดีขึ้น เพราะฐานะเริ่มดีขึ้นจากการสนับสนุนของคุณหลวงนฤบดินทร์ คุณหญิงแจ่มจันทร์นั่งอยู่ด้วย เธอใส่เครื่องประดับหยก เป็นของที่รับมาจากเฟยหลง ทั้งคุณหลวงและคุณหญิงไม่ได้รังเกียจที่จะกินร่วมสำรับกับเฟยหลงที่เป็นคนจีนเลย
“เออ คุณหลวงคะ อีกไม่กี่วันก็จะมีงานจุดพระประทีปแล้ว ดิฉันขอเข้าไปช่วยคุณท้าวเนื่องจัดดอกไม้ที่ในวังหน่อยนะคะ”
“เอาสิ”
เฟยหลงตื่นเต้น
“งานจุดพระประทีปหรือขอรับ พวกเด็กๆ คงอยากไป”
บริเวณงานจุดพระประทีป เนื้อนางวิ่งเข้ามาดูในงานอย่างตื่นตาตื่นใจ ชงชางวิ่งตามมาด้วย สายวิ่งกระหืดกระหอบตามมาหลังสุด ถือกระทงมาด้วย 1 ใบ
เนื้อนางหันมาเห็นสายตามมาก็คิดจะแกล้งหลบ เลยคว้ามือชงชางออกวิ่งให้เร็วกว่าเดิม แล้วไปหลบที่หลังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง สายวิ่งตามมาไม่ทัน เพราะไม่กล้าวิ่งเร็ว กลัวกระทงหกคว่ำ เลยหาเนื้อนางกับชงชางไม่เจอ
“คุณหนู”
เนื้อนางไม่ให้ชงชางส่งเสียง สายหาทั้งสองไม่เจอ ก็เดินออกไปหาทางอื่น เนื้อนางหัวเราะชอบใจแล้วดึงมือชงชางให้ไปอีกทาง คนละทางกับสาย
เวลาผ่านไป ทั้งเนื้อนางและชงชางโตเป็นหนุ่มสาว ทั้งสองยังพากันวิ่งหลบสายให้ตามไม่ทัน แล้วก็หัวเราะสนุกกัน
“พี่สายนี่ ไม่เคยหาเราเจอเลยนะชงชาง”
“ใช่ แล้วคุณหนูก็จะต้องอดลอยประทีปอย่างนี้ทุกปี เพราะพี่สายโกรธที่คุณหนูวิ่งหนี เลยเอากระทงไปทิ้ง”
เนื้อนางหัวเราะชอบใจ
“ไม่เอาชงชาง บอกกี่ทีแล้วว่าให้เลิกเรียกฉันว่า คุณหนู ได้แล้ว ฉันโตแล้ว เห็นมั้ย”
เนื้อนางหมุนตัวให้ชงชางดูว่าเธอเป็นสาวแล้ว การแต่งตัวและทรงผมก็เปลี่ยนจากเสื้อผ้าแบบเด็กๆมาเป็นแบบสาวน้อย ชงชางมองเนื้อนางแล้วไม่พูดอะไร เอาแต่อมยิ้ม
“ยิ้มอย่างนี้หมายความว่าอะไรฮึ”
ชงชางส่ายหน้าไม่ตอบ เนื้อนางเริ่มหยิกแขนชายหนุ่ม
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ชงชางไม่ยอมตอบ วิ่งหนีเอาดื้อๆ เนื้อนางไม่ยอมแพ้วิ่งตาม ชงชางเหลียวกลับมามองเนื้อนาง ไม่ทันดูทาง เลยชนเข้ากับนรอินทร์ซึ่งมาเที่ยวในงานนี้เหมือนกัน นรอินทร์เสียหลัก ล้มใส่กระจาดขายขนมของแม่ค้า ขนมตกกระจายเกลื่อน นรอินทร์เลอะเทอะไปทั้งตัว สายได้ยินเสียงเอะอะในตลาดก็วิ่งกลับเข้ามาดู นรอินทร์ตั้งตัวได้ก็จ้องหน้าชงชาง
“ไอ้โฉ่งฉ่าง นี่เอ็งตั้งใจจะแกล้งข้าให้ได้อายผู้คนใช่มั้ย”
“เปล่า”
“ข้าไม่เชื่อ”
นรอินทร์จะพุ่งเข้าใส่ชงชาง เพราะรู้ว่าชงชางไม่เคยตอบโต้ แต่เนื้อนางเข้าขวางไว้
“อย่าทำอะไรชงชางนะ”
“หลีกไปเนื้อนาง”
“ไม่ ฉันไม่หลีก พี่อย่าไปหาเรื่องชงชางเขานักเลย เขาไม่เคยทำอะไรพี่เลยนะ มีแต่พี่แหละที่กลั่นแกล้งเขามาตั้งแต่เด็กจนโตในเวลาที่พ่อไม่เห็น”
“พูดมาก”
นรอินทร์จับตัวเนื้อนางเหวี่ยงออกไป เนื้อนางถูกเหวี่ยงไปปะทะเข้ากับอกศักดา จนล้มกลิ้งไปด้วยกัน ศักดาได้ถูกเนื้อต้องตัวเนื้อนางอย่างเต็มที่ก็ใจเต้น
“ฉันไม่เคยสังเกตเลยนะว่าเจ้าเป็นสาวเต็มตัวแล้ว”
เนื้อนางรู้สึกว่าศักดากำลังหาเศษหาเลยอยู่ก็รีบลุกขึ้นทันที ศักดาลุกตามไปพูดข้างหูเนื้อนาง
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้แค่เป็นสาวเท่านั้น ยังสวยซะด้วย”
ศักดาจะฉวยโอกาสหอมแก้มเนื้อนาง แต่หญิงสาวระวังตัวอยู่แล้ว จึงสะบัดหน้าใส่ศักดา แล้วหันไปมองนรอินทร์ที่พุ่งเข้าไปชกต่อชงชาง
ชงชางไม่ยอมสู้ตอบนรอินทร์ เอาแต่หลบหลีก ชาวบ้านเริ่มมามุงดู นรอินทร์เห็นคนเริ่มมุง แต่เขาทำอะไรชงชางไม่ได้ก็ยิ่งโมโห หันไปคว้าท่อนฟืนในเตาขึ้นมากวัดแกว่ง มุ่งมั่นจะทำร้ายให้ชงชางเจ็บหนักและได้อายผู้คนบ้าง เนื้อนางตะโกนห้าม
“อย่านะพี่อินทร์”
นรอินทร์ไม่สนใจเนื้อนาง มุ่งจะเข้าทำร้ายชงชางอย่างเดียว เนื้อนางจะพุ่งเข้าขวางอีก แต่ศักดารู้ทัน จับแขนหญิงสาวไว้ไม่ให้เข้าไปช่วยได้ ปล่อยให้นรอินทร์ไล่ต้อนชงชางอยู่ฝ่ายเดียว นรอินทร์ฟาดท่อนไม้ใส่ชงชาง ชงชางหลบได้ 2-3 ครั้งแล้วก็หลบไม่พ้น ถูกนรอินทร์ฟาดท่อนไม้ใส่กลางหลังจนล้มหน้าคว่ำไป
“ชงชาง”
นรอินทร์เห็นได้ที จะฟาดชงชางซ้ำ เนื้อนางรู้ว่าพี่ชายตั้งใจทำร้ายชงชางให้ปางตายจริงๆ จึงสะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดจากศักดาได้ แล้วรีบวิ่งไปขวางเอาไว้ ทำให้นรอินทร์ต้องยั้งมือไว้
“หลีกไป เนื้อนาง”
“ไม่ ถ้าพี่ทำอะไรชงชาง ฉันจะไปบอกพ่อ”
นรอินทร์อึ้ง ฉุนที่เนื้อนางเข้าข้างศัตรู จึงเดินออกไปอย่างฮึดฮัด ศักดาเห็นเนื้อนางปกป้องชงชางอย่างออกนอกหน้า ก็ฮึดฮัดตามนรอินทร์ไปอีกคน เนื้อนางถอนใจ สายวิ่งเข้ามาช่วยเนื้อนางประคองชงชาง
นรอินทร์เดินฮึดฮัดขัดใจมา
“ฉันเกลียดมันจริงๆ ไอ้โฉ่งฉ่างนั่นน่ะ ยิ่งเห็นมันอยู่กับเนื้อนางก็ยิ่งเกลียด ไม่รู้พ่อกับแม่เห็นมันดียังไง ถึงยอมให้มันมาใกล้ชิดเนื้อนางได้”
ศักดายังเดินคิดอะไรเงียบๆ อยู่ นรอินทร์ยังไม่เห็น มัวแต่ด่าต่ออย่างอารมณ์เสีย
“ก็คงจะเห็นแก่ของกำนัลที่ได้ เถ้าแก่เฟยหลงมันเอาให้บ่อยๆ นั่นละ ไอ้เถ้าแก่นี่มันก็ดวงดีเหลือเกิน ค้าขายแค่ไม่กี่ปี ตอนนี้มันมีกิจการใหญ่โตเป็นถึงคหบดีเลย”
นรอินทร์เห็นศักดาไม่โต้ตอบอะไรเลยก็สงสัย หันไปมอง
“คิดอะไรอยู่”
“ไม่เห็นแกเคยบอกฉันเลยว่าเนื้อนางเป็นสาวแล้ว”
“แล้วทำไมต้องบอก”
ศักดาไม่ตอบ แต่ยิ้ม นรอินทร์หรี่ตามองเพื่อนอย่างรู้ทัน
“นี่อย่าบอกนะว่าแกชอบเนื้อนางน่ะ”
“แล้วแกจะว่ายังไง ถ้าฉันจะขอเป็นน้องเขยแก”
นรอินทร์นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา
“ฉันจะไปว่าอะไรได้นอกจากจะบอกว่า ยินดี”
ศักดาหัวเราะชอบใจเสียงดัง
ในขณะที่เนื้อนางกำลังดูบาดแผลให้ชงชางอยู่ในงานลอยประทีป
“พี่อินทร์นี่ นับวันจะแกล้งชงชางหนักข้อขึ้นทุกที ชงชางนี่ก็ช่างกระไรเลย ทำไมไม่รู้จะตอบโต้เขาบ้าง”
“ก็ถ้ากระผมตอบโต้พี่ชายคุณหนู”
ชงชางเห็นเนื้อนางจิกตาดุใส่ เลยเปลี่ยนคำ
“คุณเนื้อนาง คุณเนื้อนางจะพอใจรึ”
เนื้อนางนิ่งอึ้งไปสายรีบถาม
“แล้วชงชางจะยอมให้เขารังแกอย่างนี้เรื่อยไปรึ”
ชงชางถอนใจ เบื่อเหมือนกันที่ถูกรังแกแล้วตอบโต้ไม่ได้
“เตี่ยสั่งว่าให้อดทน เพราะคุณหลวงท่านมีบุญคุณกับเตี่ยล้นเหลือ ถ้าไม่มีคุณหลวง กระผมกับเตี่ยก็คงไม่มีวันนี้”
เนื้อนางมองชงชาง ชื่นชม ชงชางมองตอบ ทั้งสองมองตากันราวกับอยู่ลำพังกันสองคน จนสายทนไม่ไหว ต้องกระแอมออกมา
“จะลอยประทีปกันรึยังเจ้าคะ”
ทั้งสองคนรู้สึกตัว หันมามองสายที่ค้อนใส่ก็หัวเราะกันอีก
บริเวณริมน้ำ ชงชางจุดเทียนในกระทงให้เนื้อนาง เนื้อนางยกกระทงขึ้นจบ แล้วส่งกระทงให้ชงชาง
“ทำไมคุณเนื้อนางไม่ลอยประทีปเอง”
เนื้อนางส่ายหน้า
“ยังกลัวน้ำอยู่อีกรึขอรับ”
เนื้อนางพยักหน้า “วันนั้น ถ้าชงชางไม่ช่วยฉันไว้ ฉันคงตายไปแล้ว”
“กระผมไม่มีวันปล่อยให้คุณเนื้อนางเป็นอะไรหรอกขอรับ”
เนื้อนางเก้อๆ เขินๆ ส่งกระทงให้ชงชางไปลอยโดยไม่ยอมมองหน้าชายหนุ่ม ชงชางยื่นมือมารับกระทง มือของเขาทาบทับหลังมือหญิงสาว เนื้อนางยิ่งเก้อเขินหนัก
“คุณเนื้อนางลองลอยประทีปเองสักปีเถอะขอรับ กระผมจะอยู่ข้างๆ”
เนื้อนางไม่มั่นใจ ชงชางพยักหน้าให้กำลังใจ เนื้อนางยอมรับกระทงมาถือด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยึดแขนชงชางไว้เพราะกลัวตกน้ำ ชงชางยิ้ม แล้วในที่สุดเนื้อนางก็ลอยกระทงสำเร็จ
“เห็นมั้ยขอรับ กระผมบอกแล้วว่า กระผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเนื้อนางเป็นอะไร”
เนื้อนางยิ้มแก้มแดง สายแกล้งกระแอมเตือน
“กลับกันสักทีดีมั้ยคะคุณหนู เดี๋ยวดึกนัก น้ำค้างจะลง แล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย”
เนื้อนางอิดออด อยากอยู่กับชงชางต่อ
“กลับเถอะขอรับ เดี๋ยวกระผมก็ต้องกลับเหมือนกัน ต้องกลับไปช่วยเตี่ยทำงาน คืนนี้จะมีเรือสินค้าเข้ามาตอนตีสาม”
เนื้อนางพยักหน้ารับทราบ ทั้งสองเดินแยกจากกันไปคนละทาง แต่ไม่วายเหลียวกลับมามองกันจนลับตา
ศักดาเดินอารมณ์ดีขึ้นเรือนมา คุณหญิงเด่นหล้ายังนั่งร้อยมาลัยอยู่กับบ่าว
“กลับมาแล้วรึ พ่อศักดิ์”
“แม่ เจ้าคุณพ่ออยู่มั้ย”
คุณหญิงเด่นหล้าหน้าสลดลง
“คงจะอยู่ที่เรือนนังเยื้อนล่ะมั้ง พ่อศักดิ์มีอะไรกับเจ้าคุณพ่อรึ”
“ลูกอยากให้เจ้าคุณพ่อไปสู่ขอผู้หญิงให้น่ะ”
คุณหญิงเด่นหล้าตกใจ
“ผู้หญิงที่ไหน”
“แม่ก็รู้จัก เนื้อนาง ลูกคุณหลวงนฤบดินทร์ น้องสาวนรอินทร์”
“เนื้อนาง ยังเด็กอยู่ไม่ใช่รึ”
“ไม่เด็กแล้วแม่ เป็นสาวเต็มตัวแล้ว”
ศักดานึกถึงตอนที่ล้มทับกัน สีหน้าเคลิ้มฝัน คิดไปในทางอกุศล
“เป็นสาว ทั้งเนื้อทั้งตัว แล้วล่ะแม่”
คุณหญิงเด่นหล้าเห็นสีหน้าลูกก็พอเดาอารมณ์ได้ เริ่มไม่สบายใจ
“แล้วพ่อศักดิ์ไปรักใคร่ชอบพอกับเนื้อนางกันตอนไหน ทำไมแม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ”
“จะรักตอนไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่แม่กับเจ้าคุณพ่อต้องไปสู่ขอเนื้อนางให้ลูกนะ นะๆ”
คุณหญิงเด่นหล้าพยักหน้าตามใจลูกทุกเรื่อง ศักดายิ้มร่า จะเดินเข้าห้อง แล้วชะงัก หันกลับมามองดูบ่าวที่นั่งร้อยมาลัยให้คุณหญิงเด่นหล้าอยู่ เห็นบ่าวผู้นั้นหน้าตาดี ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ศักดาพุ่งเข้าไปคว้าแขนบ่าวคนนั้นให้ลุกขึ้นแล้วจะลากตัวเข้าห้องไปด้วย บ่าวตกใจร้องไห้ พยายามดิ้นหนี
“อย่าเจ้าค่ะ อย่าทำบ่าว”
บ่าวสะบัดจนหลุดแล้ววิ่งหนีไป ศักดาวิ่งตามแล้วกระชากตัวให้หันหน้าไปหา ตบฉาดจนบ่าวล้มหน้าคว่ำไปกับพื้น เขาตามไปกระชากตัวให้พลิกตัวขึ้น บ่าวมีเลือดซึมที่มุมปาก น้ำตานองหน้า ศักดาไม่สนใจ ฉุดกระชากพาตัวบ่าวเข้าห้องไปด้วยจนได้
คุณหญิงเด่นหล้าได้แต่ถอนใจ
อ่านต่อหน้า 3
แรงชัง ตอนที่ 1 (ต่อ)
เนื้อนางเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับบ้านมา สายเหลือบมองแล้วแกล้งกระเซ้า
“เฮ้อ ปีนี้คุณหนูของบ่าวโตเป็นสาวแล้วจริงๆ”
“พี่สายพูดอะไร”
“อย่านึกว่าสายไม่เห็นสายตาที่คุณหนูมองชงชางนะเจ้าคะ”
เนื้อนางหน้าเขินหนัก สายหน้าเครียด
“ถึงชงชางเขาจะเป็นคนดีก็จริง แต่เขาเป็นลูกจีน สายว่า คุณหนูควรทำใจเผื่อไว้หน่อยก็ดีนะเจ้าคะ”
เนื้อนางเครียด
เฟยหลงนั่งคิดบัญชีอยู่ที่บ้าน ชงชางเดินเข้ามา เฟยหลงเห็นสภาพลูกชายก็ตกใจ
“ลื้ออย่าบอกนะว่า เป็นฝีมือคุณอินทร์กับคุณศักดิ์อีกน่ะ”
ชงชางพยักหน้า เฟยหลงถอนใจ
“เฮ้อ ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังกันไปถึงไหน”
“ช่างเถอะเตี่ย เตี่ย ฉันขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ คนจีนอย่างเรามีสิทธิ์แต่งงานกับคนไทยมั้ย ฉันเห็นเดี๋ยวนี้ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงต่างเชื้อชาติกันหลายคู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ชายที่หลวงท่านส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาโน่นน่ะ เห็นเอาเมียแหม่มกลับมาด้วยแทบทุกราย”
“อยู่ๆ ลื้อถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม หรือว่าลื้อไปหลงรักผู้หญิงที่ไหนเข้าแล้วน่ะ”
ชงชางไม่ตอบ ก้มหน้านิ่ง คิดถึงเนื้อนาง เฟยหลงหรี่ตามองลูกชายอย่างสงสัย
“อย่าบอกนะว่าลื้อไปหลงรักคุณหนูเนื้อนาง”
ชงชางไม่ตอบ แต่มองหน้าพ่ออย่างจริงจัง เฟยหลงก็จริงจังไม่ต่างกัน
“เตี่ยน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกอาชางเอ๊ย แต่เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับคุณหลวงและคุณหญิงน่ะสิ”
วันต่อมาเฟยหลงมาที่เรือนคุณหลวงนฤบดินทร์ แล้วไหว้ลาคุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ ก่อนกลับไป คุณหลวงนฤบดินทร์รีบไปเปิดกำปั่นดูของกำนัลจากเฟยหลงทันที เห็นเป็นของกำนัลที่มีค่าทั้งนั้นก็ยิ้มพอใจ นรอินทร์เดินผ่านมา ได้ยินพ่อแม่คุยกันเรื่องชงชางพอดี เขาหยุดแอบฟังโดยที่คุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ไม่ทันรู้ตัว
“คุณหญิงคิดอย่างไรกับชงชาง”
“คุณหลวงถามเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์อะไรหรือคะ”
“ก็ฉันสงสัยว่า ถ้าเด็กๆ เขาเกิดรักกันขึ้นมา คุณหญิงจะว่ายังไง”
“ทำไมคุณหลวงถึงคิดว่าเด็กจะรักกัน สองคนนั่นวิ่งเล่นเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็กนะคะคุณหลวง”
“ก็ยิ่งทำให้ผูกพันกันมากยิ่งขึ้นน่ะสิ ตกลง เรื่องนี้คุณหญิงคิดว่ายังไง”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ถอนใจ
“ชงชางมันก็คนดีอยู่หรอกนะคะคุณหลวง แต่ยังไงๆ เสีย มันก็เป็นลูกเจ๊กลูกจีน”
“คุณหญิงอย่าไปดูถูกคนอย่างนั้นสิ ทั้งเถ้าแก่เฟยหลง ทั้งชงชาง ล้วนแต่เป็นคนขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้ ที่สำคัญ มันทำให้เรารวย”
คุณหญิงแจ่มจันทร์นิ่งไปนิดแล้วยิ้ม ก่อนยกแขนอวดกำไลทองอันใหญ่ที่ใส่อยู่ที่ข้อมือให้คุณหลวงนฤบดินทร์ดู
“ทองลายนี้ ง้ามงามนะคะคุณหลวง เถ้าแก่เฟยหลงนี่ก็ช่างไปสรรหามาจริงๆ”
คุณหลวงนฤบดินทร์มองกำไลทองที่ข้อมือคุณหญิงแจ่มจันทร์แล้วก็ยิ้มชอบใจ รู้แล้วว่าภรรยาไม่ขัดข้องอะไรถ้าชงชางกับเนื้อนางจะรักกัน นรอินทร์ฟังด้วยความเคียดแค้นขัดใจที่รู้ว่าพ่อแม่เห็นดีเห็นงามด้วยถ้าชงชงกับเนื้อนางจะรักกัน เขารีบไปเล่าเรื่องนี้ให้ศักดาฟัง ศักดาโมโหมาก
“จริงเหรอวะ”
“จริงสิวะ ฉันได้ยินพ่อกับแม่พูดด้วยหูสองข้างของตัวเองนี่เลย”
“เจ๊กจีนอย่างมันสะเออะจะมาแย่งผู้หญิงของฉัน ฉันยอมไม่ได้โว้ย”
“แล้วแกจะเอายังไง”
ศักดาหายใจแรงด้วยโทสะ คิดแผนร้ายทันที
กลางคืน ชงชางนอนหลับอยู่บนเตียงตามลำพัง ศักดากับนรอินทร์ ปีนหน้าต่างห้องเข้ามาอย่างเงียบเชียบ แต่ชงชางยังไม่รู้ตัวตื่น ทั้งคู่ตรงไปยังที่นอนของชงชาง ศักดายกดาบขึ้นจะแทงชงชางเต็มที่ ชงชางรู้สึกตัวตื่นขึ้นก่อน ทันเห็นศักดายกดาบจะแทง เขาถีบอย่างแรงจนศักดากระเด็นออกไป นรอินทร์เห็นศักดาเสียท่า ก็โดดเข้าฟันชงชาง ชงชางได้แต่หลบไปมา เพราะไม่มีอาวุธจะโต้ตอบ ต้องสู้ด้วยมือเปล่าอย่างเดียว แต่ก็ยังสามารถดึงผ้าปิดหน้าของนรอินทร์หลุดออกมาจนได้ ชงชางตกใจเมื่อเห็นว่าผู้ประสงค์ร้ายคือใคร
“คุณอินทร์”
นรอินทร์ตกใจมากที่ผ้าปิดหน้าหลุด แต่อาศัยจังหวะที่ชงชางยังตะลึงอยู่ ถีบชงชางจนหงายหลังล้มไป นรอินทร์ตามเข้าไปจะแทง แต่ศักดาวิ่งเข้ามาขวางก่อน
“ขอฉัน”
นรอินทร์นิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายอมให้ศักดาเป็นคนลงมือ ศักดาดึงผ้าปิดหน้าออก ก่อนตะคอกใส่ชงชาง
“เอ้า กูยอมให้มึงเห็นหน้ากู เพราะมึงจะได้จำใส่กะโหลกของมึงลงไปในนรกด้วย ว่ามึงตายเพราะใคร”
ศักดายกดาบขึ้นจ้วงแทงชงชางสุดแรง ชงชางตาเบิกโพลงด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต
ชงชางสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นนั่งหอบตกใจ มือยังกุมอกอยู่ตรงที่ฝันเห็นศักดาเอาดาบแทงอยู่ เขาก้มลงมองที่อกตัวเอง แล้วจึงค่อยได้สติว่าเป็นแค่ฝันร้ายไปเท่านั้น
เช้าวันเดียวกันนั้น เนื้อนางนั่งหวีผมอยู่ ท่าทางเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว เหม่อคิดถึงชงชางแล้วอดยิ้มไม่ได้ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วเห็นใครคนหนึ่งชะเง้อมองตัวเองมาจากนอก
รั้วบ้าน เนื้อนางสงสัยรีบหลบให้พ้นจากหน้าต่างทันที สายเดินเข้ามา เห็นท่าทางของเนื้อนางก็แปลกใจ
“มีอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู”
เนื้อนางส่ายหน้า ไม่ค่อยแน่ใจว่าเห็นอะไรแน่ เลยตัดบท
“ไปวัดกันเถอะพี่สาย”
เนื้อนางเดินนำสายออกไป
เนื้อนางมาใส่บาตรที่วัด สายมองหน้าเจ้านายอย่างจับสังเกต
“วันนี้คุณหนูสีหน้าไม่ดีเลย มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเจ้าคะ บอกสายเถอะเจ้าค่ะ”
เนื้อนางถอนใจแล้วตัดสินใจบอก
“เมื่อเช้า ตอนที่ฉันกำลังแต่งตัว ฉันคิดว่า ฉันเห็นคนแอบมองเข้ามาในห้องล่ะพี่สาย”
“ตายจริง แล้วคุณหนูเห็นหน้าหรือเปล่าเจ้าคะว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร”
“ฉันเห็นหน้าไม่ชัดน่ะ”
“เรื่องนี้สายจะต้องเรียนคุณหลวงกับคุณหญิง”
“อย่าเลยพี่สาย ฉันอาจจะตาฝาดก็ได้ กรวดน้ำกันเถอะ”
เนื้อนางกำลังจะเทน้ำเพื่อกรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่ในวัด แต่แล้วก็มีมือๆ หนึ่งพรวดเข้ามาจับมือเธอไว้ เนื้อนางหันขวับไปมองอย่างตกใจ
“พี่ศักดิ์”
ศักดายิ้มเอาใจ
“โบราณเขาว่า ทำบุญร่วมกัน แล้วก็จะได้เป็นเนื้อคู่กัน กรวดน้ำสิเนื้อนาง”
“ไม่”
เนื้อนางพยายามจะชักมือออกจากมือศักดา แต่ศักดาไม่ยอม จับไว้แน่น และยังบังคับให้เนื้อนางกรวดน้ำไปพร้อมๆ กับเขาอีกด้วย พอกรวดน้ำเสร็จ เนื้อนางรีบสะบัดมือออกจากมือศักดาทันที แล้วสะบัดหน้าจะเดินกลับ ศักดารีบคว้าข้อมือไว้
“จะรีบไปไหนล่ะเนื้อนาง”
เนื้อนางไม่ตอบ แต่พยายามจะสะบัดมือจากศักดาให้หลุด แต่ศักดาก็ยังจับเอาไว้แน่น
“นี่มันในวัดนะพี่ศักดิ์ จะทำอะไรก็ให้มีสำนึกซะบ้าง”
ศักดาโมโห “พี่ล้อเล่นแค่นี้ ทำไมต้องด่ากันด้วย”
ศักดายื่นหน้าเข้าไปใกล้เนื้อนางจะจูบให้หายเจ็บใจ โดยไม่สนใจว่านี่คือในวัด เนื้อนางก้มหน้าหลบทัน แล้วกระทืบเท้าใส่หลังเท้าศักดาเต็มแรง ศักดาร้องลั่น เผลอปล่อยมือเนื้อนาง หญิงสาวรีบวิ่งออกไปทันที สายวิ่งตาม
“คุณหนู รอสายด้วย”
เนื้อนางชะลอฝีเท้าลง เห็นศักดาไม่ตามมาก็หยุดรอสาย
“โฮ้ย วิ่งตามคุณหนูซะเหนื่อยเลย”
“ชังน้ำหน้าพี่ศักดิ์จริงๆ”
สายถอนใจกลุ้ม “แต่คุณหนูไปทำร้ายเขาอย่างนั้น ไม่ดีเลยนะเจ้าคะ”
“ไม่ดียังไง ก็พี่สายไม่เห็นรึว่าพี่ศักดิ์ทำตัวรุ่มร่ามขนาดไหน ขนาดอยู่ในวัดนะนั่น”
“คราวหลังเราก็พยายามอยู่ห่างๆ เขาก็แล้วกันเจ้าค่ะ แต่อย่าไปมีเรื่องเลย เพราะถึงยังไงก็เป็นคนรู้จักกันอยู่ อยู่ในสังคมเดียวกัน ยังไงก็หนีหน้ากันไม่พ้นหรอกเจ้าค่ะ”
เนื้อนางถอนใจ รู้ว่าสายพูดถูก เธออดนึกถึงชงชางไม่ได้
ชงชางช่วยผินนับจำนวนสินค้าที่เพิ่งส่งมาจากท่าเรือ เฟยหลงยืนดูอยู่อย่างพอใจที่ลูกชายขยันขันแข็งสมใจ ขณะที่ผินหันมาถาม
“เถ้าแก่ นอกจากสินค้าพวกนี้แล้ว เถ้าแก่ไม่สนใจจะขายสินค้าประเภทอื่นบ้างรึ”
“อะไรล่ะ”
“ก็ฝิ่นไงล่ะ ฉันเห็นที่ไหนๆ เขาก็ขายฝิ่นกันทั้งนั้นล่ะ เพราะมันได้กำไรโขอยู่”
“ไม่ อั๊วไม่ขายฝิ่น ใครจะขายก็ขายไป แต่อั๊วไม่ขาย”
“ทำไมล่ะเถ้าแก่ หลวงเขาก็อนุญาตให้ขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายนี่”
“ก็นั่นเป็นเพราะว่าหลวงเขาห้ามคนจีนพี่น้องเราไม่ให้สูบไม่ได้น่ะสิ ก็สูบกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษโน่น คงจะเลิกสูบกันไม่ได้หรอก แล้วเมื่อห้ามไม่ได้ ก็อนุญาตให้ขายมันเสียเลย แล้วหลวงก็เก็บค่าอากรเอาแพงๆ ใครไม่อยากเสีย จ่ายค่าอากรให้หลวง ก็ต้องลักลอบขายกัน”
เฟยหลงหันไปพูดกับชงชาง
“เตี่ยไม่ชอบฝิ่น เพราะฝิ่นมีแต่จะทำลายผู้คน ใครติดฝิ่นก็ไม่รู้จักทำงานทำการ วันๆ เอาแต่ง่วงเหงาหาวนอน เตี่ยไม่เอาด้วยหรอก สินค้าจากเมืองจีนมีให้ขายอีกตั้งมากมาย เราไม่จำเป็นต้องขายฝิ่นหรอก เข้าใจมั้ย อาชาง”
“ครับเตี่ย”
เฟยหลงยิ้มพอใจ
พระยาสีหราฐกระทืบบ่าวคนหนึ่งอยู่ที่เรือน บ่าวพยายามจะพลิกตัวหนี แต่ดูเชื่องช้าผิดปกติ เลยถูกกระทืบจนน่วม บ่าวคนอื่นๆ ได้แต่ยืนดูรอบๆ เวทนาบ่าวที่ถูกกระทืบไปตามๆ กัน รวมทั้งคุณหญิงเด่นหล้าด้วย ศักดาเดินเข้ามา พอเห็นว่าพ่อทำอะไรก็เข้ามาดู แต่ไม่ห้าม
“เจ้าคุณพ่อกระทืบไอ้เม่นมันทำไมขอรับ มันขโมยฝิ่นพ่อไปสูบอีกแล้วหรือขอรับ”
พระยาสีหราฐไม่ตอบ แต่กระทืบไป ด่าไป
“จำไว้ไอ้เม่น อย่าริอ่านขโมยฝิ่นของกูอีก ฝิ่นของกูมีไว้ขาย ไม่ได้มีไว้ให้มึงขโมยไปสูบเปล่าๆ ปลี้ๆ เข้าใจมั้ย”
พระยาสีหราฐกระทืบบ่าวจนเหนื่อย หมดแรงกระทืบต่อ เลยละออกมา บ่าวอื่นๆ รีบเข้าไปลากตัวเม่นออกไปรักษาตัว คุณหญิงเด่นหล้ามองสงสาร แต่ไม่กล้าช่วย
“ไอ้เม่นมันขโมยฝิ่นคุณพี่ไปสูบนิดเดียว คงไม่กระไรนักหนาหรอกมั้งคะคุณพี่”
พระยาสีหราฐตวาดใส่ “แต่ฝิ่นฉันมีไว้ขาย ไม่ได้มีไว้แจกเป็นทาน รู้มั้ยว่ากว่าคนของฉันลักลอบขนเข้ามาให้ฉันได้โดยไม่ผ่านด่านตรวจของหลวงน่ะ มันลำบากขนาดไหน”
คุณหญิงเด่นหล้าหน้าเสีย ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“เจ้าคุณพ่ออย่าเพิ่งพื้นเสียเลยขอรับ ทำใจเย็นๆ แล้วคุยกับลูกก่อน”
“คุยเรื่องอะไร”
ศักดาร้อนใจ “เรื่องเนื้อนางขอรับ ลูกอยากให้เจ้าคุณพ่อกับแม่เร่งไปสู่ขอเนื้อนางเต็มทีแล้ว เจ้าคุณพ่อจะว่าอย่างไรขอรับ”
“อยากมีเมียเต็มทีแล้วรึ เจ้าศักดิ์ เอ้าๆ แล้วพ่อจะไปเจรจาให้”
“เร็วที่สุดเลยนะขอรับ”
“เออ”
ศักดายิ้มร่า
คุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ นั่งคุยกันอยู่ที่เรือนเกี่ยวกับเรื่องของเนื้อนางกับศักดา
“ฉันหนักใจทีเดียวล่ะคุณหญิง ใครจะนึกล่ะว่า พ่อศักดาจะเกิดมานึกชอบอะไรลูกเนื้อนางของเราเข้า แต่ก่อนแต่ไรเห็นเข้านอกออกในบ้านเราไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ก็เห็นเฉยๆ”
“พ่อศักดิ์คงไม่ได้สนใจจนกระทั่งได้เห็นเนื้อนางเป็นสาวเต็มตัวแล้วน่ะสิคะคุณพี่”
“แล้วทีนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะแม่แจ่ม เถ้าแก่เฟยหลงก็ทาบทามเนื้อนางให้ชงชางก่อนแล้ว เราเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่หากว่าเราปฏิเสธคุณพระสีหราฐ ผู้ใหญ่ก็เห็นจะมองหน้ากันไม่ติดแน่”
“เรื่องนี้ดิฉันว่า เราสมควรถามความสมัครใจของลูกดีกว่านะคะ ถ้าหากว่าเนื้อนางไม่สมัครใจจะแต่งกับพ่อศักดา เราปฏิเสธไป คุณพระสีหราฐก็คงจะเข้าใจล่ะค่ะ”
“เอ้าๆ งั้นก็เรียกเนื้อนางมาคุย”
สักครู่ เนื้อนางก็มานั่งลงตรงหน้าคุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์
“ลูกไม่ได้ชอบพอกับพี่ศักดิ์ เห็นจะร่วมหอลงโรงกันไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อ”
“แล้วกับเจ้าชงชาง ลูกเถ้าแก่เฟยหลงล่ะ”
เนื้อนางไม่ตอบ แต่ยิ้ม คุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์หันไปมองหน้ากัน รู้คำตอบทันที
ศักดาโวยวายลั่น อารมณ์เสีย เมื่อรู้ถึงการตัดสินใจของเนื้อนางจากคุณหญิงเด่นหล้า
“ลูกไม่ยอม เนื้อนางจะต้องแต่งงานกับลูก”
“แต่ผู้หญิงเขาไม่สมัครใจนี่ลูก”
“ฮื้อ แต่เนื้อนางจะแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น เนื้อนางจะต้องแต่งงานกับลูกคนเดียว”
พระยาสีหราฐเหลือบสบตากับคุณหญิงเด่นหล้าถอนใจกลุ้ม ในขณะที่ศักดาออกไปนอกบ้าน ระบายความกลัดกลุ้มให้นรอินทร์ฟัง
“ฉันมันไม่ดีตรงไหนวะไอ้อินทร์ น้องสาวแกถึงได้ไม่สนใจฉันเลย”
“เนื้อนางมันตาไม่ถึงน่ะสิ ใจเย็นๆ ก่อนเถอะน่า มาๆ ฉันจะพาแกไปที่ที่จะทำให้แกอารมณ์ดีขึ้น”
“ที่ไหน” ศักดาแปลกใจ
ผินกับชงชางเดินมาตามทางด้วยกัน
“ตกลงจะไม่ไปกับฉันจริงๆ เหรออาชาง”
“ไม่ล่ะพี่ผิน พี่ผินก็เห็นแล้วว่าเตี่ยฉันเกลียดฝิ่นขนาดไหน”
“เอ้า งั้นก็ตามใจนะ ฉันไปก่อนล่ะ”
ผินเดินแยกไปทางหนึ่ง ชงชางเดินไปอีกทาง
นรอินทร์พาศักดามาที่โรงฝิ่น ศักดาแปลกใจ
“เนี่ยน่ะเหรอ ที่ที่แกว่าจะพาฉันมาน่ะ”
“ฮื่อ ใครๆ เขาก็สูบฝิ่นกัน ฉันเคยมาสูบ 2-3 ทีแล้ว สบายตัวดี แกไม่อยากลองบ้างรึ”
“ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวติด เห็นบ่าวในบ้านมันติดฝิ่นแล้ว ตัวซีดยังกับผี เรี่ยวแรงก็ไม่มี ไม่ไหวเลย”
“ฮื้อ สูบที สองที มันไม่ติดหรอกวะ ศักดิ์”
ศักดาส่ายหน้าปฏิเสธ
“ตามใจแกนะ อย่างนั้นฉันจะเข้าไปล่ะ”
“เออๆ งั้นฉันรออยู่แถวนี้ล่ะ”
นรอินทร์เดินเข้าไปข้างใน ศักดาลงนั่งรออยู่แถวๆ นั้น แล้วคิดถึงเรื่องเนื้อนาง
ชงชางนำอาหารมาถวายเพลที่วัด
“เตี่ยให้เอาอาหารมาถวายเพลหลวงพ่อขอรับ”
หลวงพ่อพยักหน้ารับ มองชงชางถวายเพลด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อยไม่กระโดกกระเดกอย่างผู้ชายทั่วไป และมีความเป็นไทยในตัวมากกว่าพ่อ สิ่งที่ยังยืนยันว่าเขาคือลูกจีน คือเสื้อผ้า ทรงผม และชื่อเท่านั้น นอกนั้นชงชางเหมือนเป็นคนไทยแท้ๆ ทีเดียว
ศักดานั่งครุ่นคิดอยู่เงียบๆ หน้าโรงฝิ่น ไกลออกไป ผินกำลังจะเดินเข้าโรงฝิ่นอยู่พอดี แต่เห็นศักดาก่อนก็จำได้ว่าใคร เลยหยุดยืนดู
“ไอ้โฉ่งฉ่างมันมีดีตรงไหนวะ เนื้อนางถึงได้มีใจให้มัน แล้วมองข้ามหัวข้า ฮึ่ย”
ศักดาอารมณ์เสีย เตะถีบต้นไม้แถวนั้นจนตัวเองเซจะล้ม เลยไปชนเข้ากับบ่าว 2 คน ที่กำลังหิ้วปีกนายน้อยเดินออกมาจากโรงฝิ่นพอดี นายน้อยล้มคว่ำไปกับพื้นทันที
“เฮ้ย นี่จะหาเรื่องกันรึ”
ศักดายังอารมณ์เสียอยู่
“เปล่า”
ผินยืนดูเหตุการณ์อยู่ ศักดาจะเดินไป แต่บ่าวของนายน้อยคนนั้นไม่ยอม ดึงบ่าศักดาไว้
“แต่ลื้อทำอย่างนี้ลื้อควรจะขอโทษนายน้อยของอั๊วก่อน”
“กูไม่ขอโทษ มึงข้องใจอะไรมั้ย”
ศักดาจะเดินออกไปอย่างไม่แยแส แต่บ่าวไม่ยอม ดึงบ่าศักดาไว้อีก ศักดาโมโหมาก หันกลับมาถีบบ่าวจนล้มหงายไป บ่าวอีกคนพุ่งเข้ามาเล่นงานศักดาบ้าง บ่าวคนแรกตั้งตัวได้ ก็กระโจนเข้าใส่ศักดาอีกคน ศักดาเริ่มเห็นว่าตนจะสู้ไม่ไหว พอดีเห็นนรอินทร์เดินสะลึมสะลือออกมาจากโรงฝิ่น ก็หันไปเรียก
“ไอ้อินทร์”
นรอินทร์เดินเมาฝิ่นเข้ามาหาศักดาแล้วนั่งลงทันที ทำท่าจะหลับ ไม่รับรู้อะไร บ่าว 2 คนของนายน้อยอัดใส่ศักดา ศักดาพยายามเรียกนรอินทร์ให้มาช่วย
“ไอ้อินทร์”
นรอินทร์ได้แต่นั่งตาปรือ ศักดาเห็นว่าจะถูกรุมอัดอีก จึงตัดสินใจจะหนี แต่ยังห่วงนรอินทร์ เลยพยายามลากตัวออกไปด้วย บ่าวทั้งสองของนายน้อยตามไป ผินตามไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ศักดาลากตัวนรอินทร์มา แต่บ่าวทั้งสอง ก็ยังตามมาเอาเรื่องไม่ลดละ
“ไอ้อินทร์โว้ย ลุกขึ้นมาช่วยกันก่อนสิ”
นรอินทร์ตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรง ศักดาเห็นท่าไม่ดี ขืนยังอยู่มีหวังถูกรุมกระทืบตาย เขาเลยตัดสินใจจะหนี พยายามลากนรอินทร์ไปด้วย แต่นรอินทร์ทิ้งตัวหนักถ่วงอยู่
“โธ่เว้ย”
ศักดาทั้งโมโหนรอินทร์ ทั้งกลัวถูกรุมซ้อม เลยตัดสินใจทิ้งนรอินทร์ที่เป็นตัวถ่วงเอาไว้ตรงนั้น แล้ววิ่งหนีไปเลย บ่าวเห็นว่าตามศักดาไม่ทันแล้ว เลยหันไปกระทืบนรอินทร์แทน ผินทนดูไม่ไหวรีบเข้าไปห้าม
“อย่า”
ศักดาวิ่งหนีไป หันกลับมามอง เห็นผินเข้าไปนัวเนียกับบ่าวทั้งสองเหมือนช่วยบ่าวรุมกระทืบนรอินทร์อยู่ ศักดายิ่งกลัว รีบหนีไปโดยเร็ว
ชงชางเดินกลับมาจากวัด เห็นความชุลมุนของผิน นรอินทร์ และบ่าวทั้งสองก็ตกใจ วิ่งเข้าไปดู เห็นผินกำลังห้ามบ่าวสองคน ไม่ให้กระทืบนรอินทร์อยู่
“คุณอินทร์”
ชงชางรีบวิ่งเข้ามาห้าม
“พอทีเถอะนะพี่ อั๊วขอร้อง”
บ่าวเห็นชงชางยกมือไหว้ขอร้องก็ใจอ่อนเลิกกระทืบนรอินทร์แล้วเดินกลับเข้าไปในโรงฝิ่น ชงชางเขย่าตัวเรียกนรอินทร์
“คุณอินทร์”
นรอินทร์ยังไม่ได้สติ เพราะเมาฝิ่นด้วย ชงชางร้อนใจ ในขณะที่ศักดาวิ่งหนีมาได้ จะหนีต่อ แต่ก็ยังอดห่วงนรอินทร์ไม่ได้ หยุดยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม
อ่านต่อหน้า 4
แรงชัง ตอนที่ 1 (ต่อ)
ชงชางเห็นนรอินทร์น่วมไปทั้งตัว และไม่ได้สติเลย ก็หันไปถามผิน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะพี่ผิน”
ผินส่ายหน้า ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ชงชางเลิกสนใจสาเหตุ หันกลับมาดูอาการนรอินทร์ แล้วจะพยุงขึ้น
“พี่ผินช่วยฉันหน่อยเร็ว”
ผินกำลังจะเข้าไปช่วยชงชางพยุงนรอินทร์ ศักดาวิ่งย้อนกลับมาด้วยความเป็นห่วงนรอินทร์ เห็นชงชางกับผินกำลังเข้าไปแบกร่างนรอินทร์อยู่ ก็เข้าใจผิดคิดว่าชงชางกับผินกำลังรุมทำร้ายนรอินทร์ เพราะเห็นชงชางก็เป็นลูกจีนเหมือนพวกบ่าวเหมือนกัน และตอนก่อนวิ่งหนีไปก็เห็นผินวิ่งเข้าไปคลุกอยู่กับบ่าว ทั้งสองด้วย
“เฮ้ย ไอ้โฉ่งฉ่าง มึงทำอะไรเพื่อนกู”
ศักดาวิ่งเข้าไปกระชากชงชางให้ออกห่างจากนรอินทร์ แล้วชกเปรี้ยง จนชงชางหงายหลังไป ทำเก่งกล้าไม่กลัวชงชาง เพราะรู้ว่าชงชางไม่โต้ตอบ ผินรีบเข้าไปดูชงชาง ในขณะที่ศักดาเข้าไปดูนรอินทร์ที่สภาพน่วมไปทั้งตัว แถมยังเมาฝิ่นจนสลบไปด้วย ศักดาหันมาชี้หน้าชงชาง
“มึงทำร้ายเพื่อนกู คอยดูเถอะ เรื่องนี้รู้ถึงหูคุณน้าหลวงเมื่อไหร่ มึงตายแน่”
ศักดาพยุงนรอินทร์ลุกขึ้น ชงชางได้แต่มองอย่างอ่อนใจ
คุณหญิงแจ่มจันทร์ทำแผลให้นรอินทร์อยู่ที่เรือน มีลำดวนคอยช่วยส่งยาให้ นรอินทร์ยังมึนๆ อยู่ คุณหลวงนฤบดินทร์หันมาถามชงชาง
“ตกลงเรื่องมันยังไงกัน หะ ชงชาง”
“กระผมก็ไม่ทราบขอรับ กระผมเพิ่งกลับถวายเพลที่วัด ผ่านไปเจอคุณอินทร์กำลังถูกคนรุมทำร้ายอยู่”
“ไม่จริง มึงนั่นแหละที่ทำร้ายเจ้าอินทร์”
“แล้วตอนนั้นพ่อศักดิ์อยู่ที่ไหนล่ะ”
ศักดาอึกอัก ไม่กล้าตอบว่าตัวเองวิ่งหนีไป โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าเนื้อนางด้วย
“ฉันวิ่งไปตามคนมาช่วยน่ะจ้ะ”
ผินรีบแทรกขึ้นมา “ชงชางไม่ได้ทำร้ายคุณอินทร์หรอกขอรับ กระผมเป็นพยานได้ คุณอินทร์ถูกพวกอื่นรุมทำร้ายอยู่ คุณศักดาจะวิ่งไปตามใครมาช่วยหรือเปล่า กระผมไม่รู้ รู้แต่ว่า ชงชางต่างหากที่เข้ามาช่วยคุณอินทร์”
คุณหลวงนฤบดินทร์หันไปมองหน้าศักดา เห็นศักดาหลบตา ก็พอจะเดาอะไรได้
“แล้วนั่นทำไมเจ้าอินทร์ถึงได้คอพับคออ่อนอย่างนั้น มันเจ็บมากเลยรึ แม่แจ่ม”
“เจ็บน่ะคงจะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ที่ยังไม่ได้สติเป็นผู้เป็นคนนี่เห็นจะเป็นเพราะเมาฝิ่นมากกว่า”
“นี่เจ้าอินทร์กับพ่อศักดิ์ไปโรงฝิ่นมารึนี่”
ศักดาหลบตาอีก คุณหลวงนฤบดินทร์เอาน้ำสาดใส่หน้านรอินทร์อย่างแรง นรอินทร์ตกใจ ลุกพรวดขึ้น หน้าตาเหรอหราเพิ่งได้สติ งงๆ ไม่รู้กลับมาอยู่บ้านได้อย่างไร คุณหลวงนฤบดินทร์ยิ่งเห็นสภาพลูกชายตัวเองก็ยิ่งโกรธจัด เขวี้ยงขันน้ำลงพื้น ทุกคนในที่นั้นตัวเกร็งด้วยความตกใจไปตามๆ กัน
“เจ้าอินทร์ ถ้าพ่อรู้ว่าแกไปสูบยาที่โรงฝิ่นอีก พ่อจะเฆี่ยนแกให้หลังลายเหมือนที่เคยเฆี่ยนทาสเลย ไม่เชื่อคอยดู”
นรอินทร์หน้าเสีย
เนื้อนางยืนคุยกับชงชางอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้านของเธอ
“เฮ้อ ชงชางอุตส่าห์ช่วยพี่อินทร์แท้ๆ กลับถูกใส่ร้ายซะได้”
“ช่างเถอะขอรับ กระผมไม่ติดใจเอาความอะไร”
ไกลออกไป ศักดายืนอยู่กับนรอินทร์ มองเนื้อนางกับชงชางอยู่
“ฉันเกลียดไอ้ลูกเจ๊กนั่นจริงๆ มันทำให้ฉันต้องเสียหน้าต่อหน้าแม่เนื้อนางเลย คอยดูนะ สักวัน ฉันจะเอาคืน”
ทั้งสองคนมองชงชางอย่างชิงชัง
“แล้วเรื่องเนื้อนาง แกจะเอาทำยังไงต่อ”
“ฉันจะทำให้แม่เนื้อนางเปลี่ยนใจ หันกลับมาสนใจฉันให้ได้ เนื้อนางจะต้องเป็นของฉัน”
ศักดามองเนื้อนางด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาก
ภายในเรือนคุณหลวงนฤบดินทร์ ทุกคนมองเนื้อนางซึ่งกำลังเปิดดูของกำนัลที่ศักดาส่งมาให้ เป็นแพรพรรณหลากสี หลายประเภท ดูดีมีราคา ที่ศักดาให้เนื้อนางจำนวนมากมาย
“เนื้อนางมาดูนี่สิ พี่ศักดิ์ของลูกส่งมาให้แน่ะ”
เนื้อนางดูแล้วก็ผลักกองผ้ากลับไปให้คุณหญิงแจ่มจันทร์อย่างไม่ใยดี แล้วลุกเดินไป สายรีบตามไป นรอินทร์ คุณหญิงแจ่มจันทร์ และลำดวนหน้าเจื่อนเมื่อเห็นเนื้อนางไม่สนใจ ไม่อยากได้ คุณหลวงนฤบดินทร์มองลูกสาวอย่างเข้าใจ
เวลาต่อมา ลำดวนนำขบวนบ่าวบ้านหลวงนฤบดินทร์ช่วยกันขนแพรพรรณที่ศักดาส่งไปให้เนื้อนาง เอากลับมาคืนที่เรือนพระยาสีหราฐ ศักดาเห็นก็หน้าเครียด แต่ไม่ยอมเลิกรา วันต่อมา เขาก็ส่งของไปให้เนื้อนางอีก เป็นทองหยองเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง ลำดวนตาลุกตื่นเต้นและอยากได้ เนื้อนางมองๆ แล้วก็ลุกเดินไป ไม่สนใจ
ศักดาเห็นของกำนัลถูกส่งกลับมาอย่างไม่ใยดีก็โกรธ พอลำดวนกับบ่าวบ้านคุณหลวงนฤบดินทร์กลับไป เขาก็โวยวายทันที
“ทำไมแม่เนื้อนางถึงทำอย่างนี้ล่ะแม่ เจ้าคุณพ่อ”
“ผู้หญิงเขาไม่รับไมตรีด้วย พ่อว่าเจ้าตัดใจซะดีมั้ย”
“ไม่ขอรับ เนื้อนางจะต้องแต่งงานกับลูก”
ศักดาลุกพรวดเดินออกไปเลย พระยาสีหราฐกับคุณหญิงเด่นหล้ามองอย่างกลุ้มใจ
ภายในเรือนหลวงนฤบดินทร์ สายกำลังเตรียมสำรับอาหารอยู่ ลำดวนเดินเข้ามา
“คุณศักดาอุตส่าห์ส่งของกำนัลสวยๆ งามๆ ตั้งมากมายมาให้คุณหนู คุณหนูกลับไม่สนใจสักนิด แหม นี่ถ้าฉันเป็นคุณหนูเนื้อนางหน่อยล่ะก็ ฉันได้ลอยหน้าเป็นลูกสะใภ้ท่านพระยาไปแล้ว”
“ก็นั่นมันแก ไม่ใช่คุณหนู”
“ไอ้ลูกจีนคนนั้นมันมีอะไรดีน้อ คุณหนูถึงได้ใฝ่ใจกับมันนัก หรือว่า”
ลำดวนทำตาโตคิดไปในทางอกุศล สายมองแล้วโมโห
“นี่ แกอย่าได้คิดอะไรไปในทางอกุศลเป็นอันขาดนะ นังลำดวน เรื่องคู่น่ะ มันเป็นเรื่องของบุญวาสนาที่ทำร่วมกันมา คนไม่ได้ตักบาตรร่วมขันกันมาแต่ชาติก่อน ชาตินี้มันก็เลยแคล้วคลาดกันไป อีกอย่างหนึ่ง ชงชางน่ะเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้ ไม่เหมือน...หรอก”
“แหมๆๆ พูดสรรเสริญเยินยอกันจริงนะ รึว่าจริงๆ แล้วพี่สายอยากได้ลูกจีนคนนั้นซะเองล่ะ เอ๊ะ รึว่า ได้กันแล้วล่ะ”
สายโมโหควันออกหู คว้าของใกล้มือเขวี้ยงใส่ลำดวน ลำดวนร้องลั่น เอามือขึ้นคลำหัวพบว่าเลือดออก เลยโมโหเดือดขึ้นมาทันที
“พูดเล่นแค่เนี้ย พี่สายต้องทำฉันถึงขนาดนี้เลยเรอะ”
“พูดสกปรกน่ะสิไม่ว่า ปากสกปรกก็เพราะคนมันใจมันสกปรก”
“นี่พี่ทำฉันหัวแตกแล้วพี่ยังด่าฉันอีกเรอะ”
“เออ”
ลำดวนแค้นใจแล้วคว้าของใกล้มือเขวี้ยงใส่สายบ้าง สายโมโหที่โดนของเขวี้ยงใส่จนเจ็บก็เข้าไปผลักลำดวนจนล้มไป ลำดวนยิ่งโมโห ลุกขึ้นได้ก็พุ่งเข้าผลักสายจนล้มบ้าง สองคนซัดกันนัวเนีย อิ่มกับบ่าวคนอื่นๆ ได้ยินเสียงเสียงเอะอะก็วิ่งเข้ามาดู
“อ้าว เฮ้ย นั่นมันอะไรกันน่ะ เอ้า ช่วยเข้าไปแยกกันหน่อยสิ มัวแต่ยืนดูอะไรกันอยู่ล่ะ ไปสิ”
บ่าวอื่นๆ เข้าไปแยกสายกับลำดวนออกจากกัน สองคนจ้องหน้ากันอย่างโกรธแค้น หายใจหอบเหนื่อย
“เอ็งสองคนตีกันด้วยเรื่องอะไรวะ ไหนบอกข้าสิ”
สายกับลำดวนจ้องหน้ากันอย่างแค้นเคือง
เนื้อนางนั่งอยู่ริมสระบัว โยนก้อนหินลงน้ำเล่น ไม่ได้ร้อนใจอะไร ผิดกับชงชาง ที่มองเนื้อนางอย่างหวนแหน
“คุณเนื้อนางปฏิเสธคุณศักดาไปอย่างนั้น เขาคงเคืองแย่”
“ก็ช่างเขาปะไรล่ะชงชาง ฉันไม่ได้รักเขานี่”
“แล้วคุณเนื้อนางรักใคร”
เนื้อนางมองชงชางนิ่ง
“ยังจะต้องให้ฉันพูดอีกรึ”
ชงชางยิ้ม “กระผมสัญญาว่า จะมีคุณเนื้อนางเพียงคนเดียวตลอดไป”
เนื้อนางยิ้มรับ น้ำตาซึมด้วยความปลื้มใจ ชงชางเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้อย่างเบามือ เนื้อนางเลยเอนตัวลงซบบ่าชายหนุ่ม ทั้งสองคนนั่งอิงแอบกันมองดอกบัวในสระอย่างมีความสุข
บริเวณเรือนหลวงนฤบดินทร์ ศักดามาคุยระบายอารมณ์กับนรอินทร์
“แค้นใจจริง แม่เนื้อนางมองไม่เห็นหัวฉันเลย ส่งของอะไรไปให้ก็ส่งกลับคืนมาหมด ฉันมันด้อยกว่าไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่นตรงไหนวะ หะ ไอ้อินทร์”
“เนื้อนางมันใฝ่ต่ำ”
“ถ้าฆ่าคนตายไม่ผิดล่ะก็ ฉันจะฆ่าไอ้โฉ่งฉ่างนั่นกับมือฉันเองเลยทีเดียว ฮึ่ย ฉันเป็นถึงลูกพระยา แต่ไอ้โฉ่งฉ่างนั่นมันก็เป็นแค่ลูกเจ๊กขายของเท่านั้นเอง”
“แต่มันก็ขายของกันจนรวยล่ะ พ่อมันเป็นถึงคหบดีแล้ว ไม่ใช่เจ๊กขายของทั่วไป”
ศักดาฮึดฮัดขัดใจอยู่สักครู่ก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรออก
“แล้วถ้ามันไม่รวยล่ะ แกว่าเนื้อนางยังจะมีใจให้มันอยู่รึเปล่า”
“แกคิดอะไรอยู่หะ ศักดิ์”
“เดี๋ยวคืนนี้ แกก็รู้ เพราะคนอย่างฉัน แพ้ไม่เป็นโว้ย”
ศักดายิ้มร้าย
ชงชางเดินกลับมาถึงบ้าน คิดถึงเรื่องเนื้อนาง เฟยหลงยืนมองอยู่สักครู่แล้วจึงเดินเข้ามาหาลูกชาย
“คิดอะไรอยู่ล่ะ อาชาง”
“ฉันอยากแต่งงานแล้วล่ะ เตี่ย”
“ลื้อพร้อมแล้วเหรอ”
“ความจริงฉันก็อยากจะช่วยเตี่ยดูแลกิจการให้มันมั่นคงกว่านี้อีกหน่อยล่ะนะ แต่ฉันกลัวว่าถ้าไปสู่ขอคุณเนื้อนางช้าไป ฉันก็อาจจะเสียคุณเนื้อนางไปก็ได้”
“เพราะคุณศักดา ลูกชายคุณพระสีหราฐใช่มั้ย”
ชงชางพยักหน้ารับ
“ถ้าลื้อคิดว่าพร้อมที่จะมีครอบครัวแล้ว ก็เอาสิ อาชาง คุณหลวงกับคุณหญิงท่านก็ไม่ได้รังเกียจอะไรลื้อนี่ เอ้า งั้นเตี่ยจะเข้าไปขอพบคุณหลวงกับคุณหญิงที่เรือนพรุ่งนี้เลย”
“ขอบคุณนะเตี่ย ขอบคุณ”
ชงชางยิ้มดีใจสุดๆ
ที่มุมมืด ใกล้บ้านเฟยหลง ตอนกลางคืน ศักดายืนรออยู่ นรอินทร์เดินเร็วๆ เข้ามาหา ศักดาส่งผ้าดำผืนหนึ่งให้
“เอาปิดหน้าซะ”
ศักดาเองก็เอาผ้าดำผืนหนึ่งขึ้นผูกปิดบังใบหน้าตัวเองเหมือนกัน นรอินทร์มองผ้าดำในมือแล้วการกระทำของศักดาอย่างงงๆ
“แกจะทำอะไรวะ”
“เดี๋ยวแกก็รู้ ปิดหน้าซะแล้วตามมา”
ศักดาวิ่งเลียบไปตามกำแพงหายไปในความมืด นรอินทร์ยังไม่รู้ว่าศักดาจะให้ทำอะไร แต่ก็เอาผ้าดำขึ้นผูกปิดบังใบหน้า แล้ววิ่งตามศักดาไป ศักดาปีนข้ามกำแพงบ้านเฟยหลงเข้าไป นรอินทร์ปีนตาม ทั้งสองปีนเข้ามาในรั้วบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ศักดาก็ตรงไปที่มุมหนึ่งของบ้าน แล้วจุดไฟขึ้น นรอินทร์เข้าใจทันทีว่าศักดาจะทำอะไร คว้ามือศักดาไว้ก่อนที่เพื่อนจะเผาบ้าน
“เฮ้ย เอาอย่างนี้เลยเหรอวะไอ้ศักดิ์”
“ก็ใช่น่ะสิ ก็ถ้าไอ้โฉ่งฉ่างกับเตี่ยมันสิ้นเนื้อประดาตัว ฉันก็อยากจะรู้นักว่าแม่เนื้อนางจะยังมีใจให้กับไอ้โฉ่งฉ่างมันอีกมั้ย พ่อแม่แกเองก็คงไม่อยากให้ลูกสาวมาตกระกำลำบากกับคนที่เหลือแต่ตัวหรอกวะ”
นรอินทร์ยังลังเล กลัวกฎหมายบ้านเมือง ศักดาชักฉุน
“แกอยากได้ไอ้โฉ่งฉ่างเป็นน้องเขย หรือว่าฉันล่ะ”
นรอินทร์ตัดสินใจได้ ช่วยศักดาจุดไฟเผาบ้านเฟยหลงทันที เวลาเดียวกันนั้น ผินเดินออกมาจากในบ้านเพราะอากาศร้อน เลยนอนไม่หลับ เดินออกมารับลม
“โอ๊ย ทำไมคืนนี้อากาศมันร้อนอย่างนี้วะ”
ผินเดินบิดตัวไปมาคลายเมื่อยแล้วชะงักเมื่อเห็น ชายปิดหน้า 2 คน กำลังเผาบ้านอยู่
“เฮ้ย พวกแกเป็นใคร แล้วกำลังทำอะไรกันน่ะ”
ศักดากับนรอินทร์หันมาเห็นผินก็ตกใจ นรอินทร์อุทาน
“ฉิบหายแล้ว”
ทั้งสองคนกำลังจะวิ่งหนี แต่ผินไม่ยอมให้หนี พุ่งโดดเข้ารวบตัวนรอินทร์ไว้ นรอินทร์ดิ้นสลัดแต่
ไม่หลุด แต่ผ้าปิดหน้าเกิดหลุดก่อน ผินเลยเห็นหน้านรอินทร์ชัดเจน
“คุณอินทร์ ทำไมคุณอินทร์ทำอย่างนี้ขอรับ”
นรอินทร์ไม่ตอบ พยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของผินให้ได้ แต่พอผินไม่ยอมปล่อย นรอินทร์ก็เลยตัดสินใจตะโกนเรียกศักดา
“ไอ้ศักดิ์ ช่วยฉันด้วย”
เฟยหลงสะดุ้งตื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงผินเอะอะดังอยู่นอกบ้าน เขาลงจากเตียงรีบออกไปนอกห้องทันที แล้วเจอชงชางวิ่งหน้าตื่นออกมาจากในห้องนอนเหมือนกัน คนในบ้านอื่นๆ ก็วิ่งหน้าตาตื่นตามเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นอาชาง เตี่ยได้ยินเสียงคนเอะอะ”
“ไม่รู้เหมือนกันเตี่ย”
ชงชางรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน จะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เฟยหลง และคนอื่นๆ วิ่งตามไป
ศักดาหันกลับมา เห็นผินจับตัวนรอินทร์ไว้ได้ และผ้าปิดหน้านรอินทร์ยังหลุดเสียอีก ก็ตกใจ
“บรรลัยแล้ว”
ศักดารีบวิ่งกลับไปช่วยนรอินทร์แต่ยังไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี เขาเห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่พื้น จึงรีบหยิบเอาท่อนไม้นั้นฟาดหัวผินอย่างแรง ผินทรุดลง สลบไปทันที นรอินทร์รีบเข้าไปดูอาการผิน ส่วนศักดาก็หันมองไปทางบ้าน เห็นชงชางและคนอื่นๆ กำลังจะออกมา ศักดาเหลียวกลับมามองนรอินทร์กับผิน
“มันยังไม่ตาย” นรอินทร์บอก
“แต่มันเห็นหน้าแกแล้ว ถ้ามันฟื้น มันต้องบอกคนอื่นๆ แน่ๆ ว่าเราเป็นคนมาเผาบ้านมัน”
“งั้นเราจะทำยังไงกันดีวะไอ้ศักดิ์ ถ้าถูกจับได้ ฉันตายแน่”
ศักดาหันไปมองกลุ่มชงชางที่กำลังจะมา แล้วมองไปที่ไฟที่มุมบ้านซึ่งกำลังคุโชนขึ้นเรื่อยๆ เขาตัดสินใจทันที
“ช่วยกันลากไอ้นี่ไปที่โน่นเร็ว”
ศักดาชี้ไปตรงจุดที่ไฟเริ่มไหม้โชน นรอินทร์เข้าใจทันทีว่าศักดาจะให้ทำอะไร
“แต่นั่นเท่ากับว่าเราฆ่ามันเลยนะ”
“หรือว่าแกอยากถูกจับได้ล่ะ”
นรอินทร์คิดตามแล้วเห็นด้วยกับศักดา สองคนช่วยกันลากขาผินคนละข้าง ตรงไปยังกองไฟ ทั้งสองคนยืนดูผินอยู่สักพัก เชื่อว่าผินต้องตายในกองไฟแน่ แล้วก็รีบวิ่งหายไปในความมืด พวกชงชางเพิ่งวิ่งมาถึง เห็นไฟไหม้ก็ตกใจ
“ช่วยกันหาน้ำมาดับไฟเร็ว”
ชงชางเข้าไปดับไฟคนแรก เฟยหลงพยายามจะช่วยด้วย คนอื่นๆ วิ่งวุ่นหาน้ำมาดับไฟกันเป็นที่โกลาหล ชงชางกำลังดับไฟไปใกล้ตรงที่ผินนอนสลบอยู่ แต่จังหวะนั้นเพิงไม้ที่ถูกไฟไหม้จนกร่อนก็ล้มลงมาใส่เฟยหลง เฟยหลงร้องลั่น ชงชางหันขวับไปทันที
“เตี่ย”
ชงชางรีบวิ่งไปดูอาการเฟยหลง คนอื่นๆ ยังช่วยกันดับไฟ แต่ยังไม่มีใครเห็นร่างผิน
ศักดากับนรอินทร์วิ่งมาจนมั่นใจว่าไม่มีใครตามมา ก็หยุดยืนหอบ
“คงไม่มีใครตามมาแล้วล่ะ”
นรอินทร์หวนกลับไปคิดถึงผิน
“แกว่าไอ้คนนั้นมันตายมั้ย”
“ก็ไม่น่ารอดหรอก”
นรอินทร์เครียด เพราะไม่เคยฆ่าคนมาก่อน
“นี่เราสองคน ฆ่าคนตายเลยนะเนี่ย”
ศักดาโมโห “ก็ถ้ามันไม่ตาย เราสองคนคนนี่แหละที่จะต้องตาย”
ศักดาผลักอกนรอินทร์อย่างแรง
“ก็เพราะแกทีเดียวที่ทำให้มันเห็นหน้า ไม่งั้นเราก็ไม่ต้องฆ่ามันอย่างนี้หรอก”
นรอินทร์ผลักอกศักดาบ้าง
“แต่ถ้าแกไม่คิดจะมาเผาบ้านไอ้โฉ่งฉ่าง มันก็คงจะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้หรอกวะ”
“ก็หรือว่าแกอยากได้ไอ้โฉ่งฉ่างเป็นน้องเขยล่ะ”
นรอินทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นเรารีบแยกย้ายกันตรงนี้เถอะ ก่อนที่ใครจะมาเห็น”
ศักดาพยักหน้ารับ แล้ววิ่งหายไปในความมืดทางหนึ่ง นรอินทร์ก็วิ่งออกไปอีกทางหนึ่ง
ตอนเช้า สายวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเนื้อนาง
“คุณหนู บ้านชงชางไฟไหม้เมื่อคืนนี้เจ้าค่ะ”
เนื้อนางตกใจมาก
“มีใครเป็นอะไรบ้างรึเปล่าพี่สาย ชงชางล่ะ ชงชางเป็นยังไงบ้าง”
เวลาเดียวกันนั้น ชาวบ้านกำลังมุงดูเหตุการณ์ที่บ้านชงชางอยู่ วิพากษ์วิจารณ์กัน ลำดวนอยู่ในหมู่ชาวบ้านด้วย อุทานตกใจ
“มีคนตายด้วยเหรอ”
ชาวบ้านพยักหน้าว่าใช่ ลำดวนพยายามชะเง้อดูว่าเป็นใคร ขณะเดียวกันภายในบ้านชงชาง มีร่างๆ หนึ่งนอนอยู่ มีผ้าขาวคลุมไว้ ชงชางนั่งอยู่ข้างๆ เศร้าจนพูดอะไรไม่ออก เนื้อนางเดินเร็วๆ มาที่บ้านชงชางด้วยความร้อนใจ สายตามมาด้วย เนื้อนางรู้ว่ามีคนตายก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“ชงชาง”
ชงชางหันมาทันที
“คุณเนื้อนาง”
“พอฉันรู้เรื่องก็รีบมาทันทีเลย เป็นยังไงบ้าง”
“โชคดีที่ไฟยังไหม้ไม่มากขอรับ เพราะได้ยินเสียงคนเอะอะก่อน เลยรีบออกมาดูกัน เลยดับไฟทัน แต่”
ชงชางหยุดพูดไปเพราะพูดไม่ออก เศร้าที่มีคนตายในบ้าน เนื้อนางเหลือบไปมองศพที่คลุมผ้าอยู่ ไม่กล้าหันไปดูตรงๆ
“นั่น ใคร”
ชงชางไม่ตอบแต่เศร้ามาก เฟยหลงเองก็เศร้า ตัวเองก็มีผ้าพันแผลที่แขนตรงที่ถูกเพิงไม้ล้มใส่
“เจ้าผิน มันเป็นคนงานเก่าแก่ของกระผมเองขอรับคุณหนู ไม่รู้มันเคราะห์ร้ายยังไง ถึงได้ถูกไฟครอกได้”
“ตอนที่ไฟไหม้ ก็ไม่มีใครเห็นเลยว่าพี่ผินอยู่ตรงไหน เพราะมัวแต่ช่วยกันดับไฟโกลาหลอยู่ จนกระทั่งดับไฟกันได้แล้วนั่นล่ะขอรับ ถึงได้เห็น”
“เสียใจด้วยนะจ๊ะชงชาง เถ้าแก่”
“คงเป็นคราวเคราะห์ของเจ้าผินมันน่ะขอรับ”
ทุกคนเศร้าไม่ต่างกัน
ที่เรือนหลวงนฤบดินทร์ คุณหญิงแจ่มจันทร์ชะเง้อมองหาลำดวน
“เอ๊ะ นี่นังลำดวนมันหายไปไหนของมันนะ จะเรียกใช้สอยอะไรไม่ได้เลย”
ยังไม่ทันมีใครตอบ ลำดวนก็วิ่งเข้ามารายงานข่าวทันที
“บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะคุณหญิง”
“ไปไหนมา”
“บ่าวไปตลาดมาเจ้าค่ะ ถึงได้รู้ว่าบ้านเถ้าแก่เฟยหลงไฟไหม้เมื่อคืนนี้”
ทุกคนตกใจ
“แล้วเถ้าแก่กับเจ้าชงชางมันเป็นอะไรรึเปล่า” คุณหลวงนฤบดินทร์ถามอย่างร้อนใจ
“คุณชงชางไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แต่เถ้าแก่เฟยหลงถูกเพิงไม้ล้มใส่ก็เลยบาดเจ็บ แล้วก็มีคนตาย”
ทุกคนตกใจมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะนรอินทร์ นั่งฟังลำดวนรายงานหูผึ่ง คุณหลวงนฤบดินทร์รีบถาม
“ใครตาย”
“นายผินเจ้าค่ะ เห็นพวกชาวบ้านพูดกันว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนที่ไฟไหม้มันชุลมุนกันมาก กว่าจะมาเจอนายผินก็เป็นศพไหม้เกรียมไปแล้ว”
“โธ่เอ๊ย เวรกรรมแท้ๆ”
คุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์หน้าเศร้าสลด นรอินทร์พยายามสะกดอารมณ์ไว้ไม่ให้ใครสังเกตเห็น
ชงชางเดินมาส่งเนื้อนางกลับบ้าน
“เรื่องงานศพ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกได้เลยนะจ๊ะชงชาง”
“ขอบคุณขอรับ”
“งั้นฉันกลับก่อนนะ ชงชางคงมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก ฉันไม่รบกวนแล้ว”
เนื้อนางกับสายเดินออกไป ชงชางเดินกลับเข้ามาในบ้าน เฟยหลงเรียกไว้
“อาชาง เรื่องไปเจรจาสู่ขอคุณหนูเนื้อนาง คงต้องเลื่อนออกไปสักระยะหนึ่งก่อนล่ะนะ บ้านเราเพิ่งเกิดเรื่องร้าย และมีคนตายอย่างนี้ จะลุกขึ้นจัดงานมงคล เห็นทีจะไม่เหมาะ”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะเตี่ย”
ชงชางยังเศร้ากับการตายของผินอยู่
นรอินทร์เดินเร็วๆ เข้ามาหาศักดาที่มุมลับตา
“แกรู้รึยังศักดิ์ ตกลงไอ้คนนั้นมันตายจริงๆ หมดโอกาสจะไปบอกใครได้ว่าบ้านไอ้โฉ่งฉ่างมันไฟไหม้ได้ยังไง”
นรอินทร์หัวเราะสบายใจ
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เราจะให้ใครรู้ไม่ได้เลยนะเว้ย”
“รู้หรอกน่า ก็ถ้าฉันไม่พูด แกไม่พูด แล้วใครจะรู้ล่ะ”
สองคนมองหน้ากัน มีความลับร่วมกัน
“น่าเสียดายที่พวกไอ้โฉ่งฉ่างมันรู้ตัวก่อน มันเลยดับไฟทัน เรื่องที่แกคิดจะให้มันหมดเนื้อหมดตัว เลยเป็นไปไม่ได้แล้วละว่ะ แล้วยิ่งเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ต่อไปนี้พวกมันคงระวังเรื่องไฟฟืนแจเลยล่ะ แล้วแกจะเอายังไงต่อวะไอ้ศักดิ์”
“ฉันก็จะใช้จังหวะนี้ ที่ไอ้โฉ่งฉ่างมันคงจะยุ่งๆ กับเรื่องที่บ้านมันไฟไหม้ จนไม่มีเวลามาหาเนื้อนางอย่างเคย ทำให้เนื้อนางต้องตัดขาดจากมัน”
“แกจะทำยังไงวะ”
ศักดายิ้มร้าย มีแผนร้ายแผนใหม่ในใจ
อ่านต่อตอนที่ 2