แม่นาก ตอนที่ 7
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า มีเสียงไก่ขัน มากนอนหลับไม่ได้สติ สภาพเหมือนบ้านร้าง มีหยากไย่ ใยแมงมุมเกาะ มากนอนหลับอยู่กลางห้อง มากขยับตัวเล็กน้อย
อีกมุมหนึ่ง นากยืนมองมากเงียบๆ
"พี่มากจ๋า พี่นอนรอนากตรงนี้แหละนะจ๊ะพี่"
นากก้มลงมาใกล้ๆ มาก แล้วเป่าลมเหมือนเป็นมนต์สะกด มากหลับอยู่ภายใต้มนต์สะกด แม่นากหันไปมองที่ประตู เห็นประตูลั่นดานเรียบร้อย ร่างแม่นากค่อยๆเลือนทะลุประตูบ้านออกไป
มกนอนไม่ได้สติ ในบ้านรกเลอะเทอะ
มั่นเดินออกมาจากประตูบ้าน ทุ้ย เค้ง โพล้ง เดินตามออกมา
"ไอ้มั่น เอ็งไม่ไปวัดด้วยกันหรือ" ทุ้ยถาม
"เอ็งล่วงหน้าไปก่อนเถอะ ข้าจะไปดูไอ้มากหน่อย ไม่รู้มันมาถึงบ้านหรือยัง"
โพล้งถาม
"เอ็งจะไปคนเดียวหรือ"
"ที่ถามเนี่ย พี่จะไปด้วยหรือ พี่โพล้ง" เค้งว่า
โพล้งส่ายหัว
"เปล๊า ถามเฉยๆ ข้าจะไปนาเป็นเพื่อนไอ้ทุ้ยต่างหาก"
ทุกคนส่ายหน้า มั่นยิ้ม
"ไม่เป็นไรหรอก ข้าไปได้ ข้าไม่เชื่อเรื่องชาวบ้านร่ำลือกันหรอก ไปก่อนนะ สายนักแดดจะแรง"
มั่นไป ทุ้ย เค้ง โพล้งมองตาม
"จะว่าไป ไอ้มั่นนี่มันก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ เสียแต่พูดจาขวานผ่าซากไปหน่อย ไม่งั้นป่านนี้ คงมีเมียไปแล้ว"
เค้งบอก
"มีเมียเป็นแม่นากกระนั้นหรือ ไม่ไหวม๊าง"
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงดีใจ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ข้าขอผ่าน"
โพล้งทำคอย่น ทุ้ยมองเค้งกับโพล้งแล้วส่ายหน้าอ่อนใจ
มั่นพายเรือมาจอดที่หัวสะพาน มั่นชะเง้อคอมอง เห็นเรือนแม่นากเงียบกริบ
"ไหนลุงปลอดว่าไอ้มากกลับมาแล้ว ไหงเงียบกริบขนาดนี้"
มั่นผูกเรือกับหัวสะพานแล้วโดดขึ้นฝั่ง
ทันใดนั้น มีลมพัดขึ้นรอบๆตัว มั่นตกใจ
"อะไรกันวะ"
อีกมุมหนึ่ง แม่นากยืนจ้องอยู่
"กลับไปซะ กลับไป"
มั่นชะงัก มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดๆ
"ไอ้มาก ไอ้มากอยู่มั๊ย"
แม่นากโกรธ ยิ่งบังคับให้พายุรอบๆตัวมั่นแรงขึ้น
บนเรือน มากนอนสลบไสลไม่ได้สติ มากขยับนิ้วเหมือนจะตื่น
ทันใด แม่นากปรากฏร่างขึ้น แม่นากสีหน้าร้อนใจ ก้มลงเป่ามนต์ใส่มากอีกครั้ง มากนิ่งสนิท
"พี่มั่น พี่บังคับให้ฉันต้องทำ"
แม่นากสีหน้าโกรธแค้น แล้วหายตัวไปทันที
แม่นากโกรธ. ยิ่งบังคับให้พายุแรงขึ้น
"ฉันบอกให้พี่กลับไป กลับไปสิ"
แม่นากหายตัวไปทันที
มั่นเริ่มลังเล
"ลุงปลอดนี่ท่าจะเหลว ไม่เห็นมีใครอยู่เลย สงสัยแก่จนเลอะเลือน"
มั่นส่ายหน้าหันหลังเดินกลับไปขึ้นเรือ
แม่นากปรากฏร่างขึ้นด้านหลัง สีหน้าโล่งใจ
"อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ฉันขอร้อง"
มั่นชะงักหันกลับไปมอง เห็นพายุลมสงบ มั่นมองอย่างแปลกใจ แล้วหันลงเรือปลดเชือกพายออกไป
แม่นากสีหน้าโล่งใจ ค่อยๆเลือนร่างหายไป
วันเดียวกัน พิม กับปุกเดินเข้ามาในวัดมหาบุศย์ พร้อมถือข้าวของมาทำบุญ
ปุกถาม
"คุณพิมเจ้าขา ทำไมต้องมาทำบุญถึงบางพระโขนงด้วย บ่าวว่ามันจะไกลไปมั๊ยเจ้าคะ"
"แล้วอาสาตามมาทำไมเล่า"
"ก็นายแม่สั่งว่า ให้ไปวัด เอาน้ำมนต์กลับไปฝากคุณเพลิงด้วย บ่าวเห็นคุณหนูมาวัด เลยอาสาตามมา"
"บอกให้อยู่บ้านก็ไม่เชื่อ แล้วจะบ่นทำไม เดี๋ยวก็ไม่ได้บุญหรอก"
ปุกทำหน้าเซ็ง พิมเดินไปชะเง้อชะแง้ เหมือนจะหาใครบางคน
"คุณพิมเจ้าขา มองหาใครหรือเจ้าคะ"
พิมชะงัก
"มาวัดก็มองหาพระสิ จะมองหาอะไร"
พิมรีบเดินไปทันที ปุกมองสงสัย
มั่น กำลังผูกเรือที่หัวสะพานท่าน้ำวัด แล้วนิ่งคิด ถึงเหตุการณ์ตอนมีพายุปั่นป่วนอยู่รอบตัว
"มันเกิดอะไรกันแน่ แล้วลุงปลอดไปเอาเรื่องมาจากไหนว่า พี่มากกลับมาแล้ว"
มั่นคิดไม่เข้าใจ
"มันใช่เรื่องจะมาล้อเล่นกันมั๊ยเนี่ย ประเดี๋ยวเจอตัวก่อนเถอะ"
พิมกับปุกเดินลงจากศาลาวัด ปุกตามประกบติดพิม พิมหันไปมองอย่างรำคาญ
"จะตามอะไรกันนักกันหนา"
"โธ่ คุณหนูพิมเจ้าขา ก็นายแม่สั่งให้อิฉันตามดูแลคุณหนูนี่ค่ะ อิฉันก็ต้องทำหน้าที่"
พิมรำคาญ นิ่งนึกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
"ว่าแต่ ได้น้ำมนต์ให้พี่เพลิงแล้วหรือ"
ปุกชะงัก
"ว๊าย จริงด้วย ไปค่ะ งั้นเราไปเอาน้ำมนต์กัน หรือให้หลวงตาทำให้ใหม่ๆสดๆเลยดีกว่าจะได้ขลัง"
"โอ๊ย แกก็ไปเอาสิ ยายปุก เดี๋ยวฉันรอตรงนี้แหละ ร้อนจะแย่แล้ว"
ปุกลังเล มองพิมพ์อย่างเป็นห่วง พิมถอนหายใจเฮือก
"นี่ ยายปุก ไม่ต้องห่วงฉันนักหรอก อายุขนาดฉันนี่ ถ้าตั้งใจจะมีผัว ป่านนี้ลูกฉันคงมีเมียได้แล้วแหละ ไปเถอะ ไม่ต้องกลัวผู้ชายพายเรือมาฉุดหรอก ถ้ามีจริง ฉันจะยิงเรือมันเอง"
ปุกขำ
"พูดอะไรก็ไม่รู้คุณหนูพิมของอิฉัน ก็เป็นห่วงน่ะเนอะ สวยขนาดนี้ แถมยังเป็นลูกเจ้าขุนมูลนายซะอีก"
"ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันดอก ฉันไม่เป็นไรแน่"
"เจ้าค่ะ รอแป๊บนะเจ้าคะ ปุกไปแป๊บเดียว"
ปุกรีบไป พิมถอนหายใจโล่งอก มองซ้ายมองขวาหาใครบางคน
"จะมาวัดหรือเปล่านะวันนี้ แหม ทีจะหาตัวก็ตามหายากจริงนะ ไอ้มั่น"
"เรียกหาข้าทำไม คิดถึงหรือ"
พิมชะงักหันกลับมา มั่นยืนทำหน้าถมึงทึงรออยู่
ที่นอกชานบ้านแม่นาก บ้านรกร้าง มีใบไม้ปลิว
มากตื่น ลืมตาขึ้นมา
"อะไรกัน นี่ข้าตื่นสายขนาดนี้เชียวหรือ"
มากลุกขึ้น เดินจะผลักบานประตูออกไป แต่ติดดาน มากมองที่ประตูแล้ว ดันไม้ดานออก ก่อนจะเปิดประตูออกไป
มากเดินออกมาจากห้อง บริเวณชานเรือนสะอาด เรียบร้อย นากกำลังนั่งหันหลังให้นมลูก
มากยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ สวมกอดแม่นากจากทางด้านหลัง
"ให้นมไอ้แดงอยู่หรือ ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ"
นากยิ้มเอียงอายเบี่ยงตัวหลบ
"ฉันเห็นพี่กำลังหลับสบาย ก็ไม่อยากปลุก หิวหรือยังจ๊ะ พี่ไปกินข้าวกินปลาซะก่อนสิ ฉันตั้งสำรับไว้ให้แล้ว"
"เห็นแบบนี้ แล้ว พี่อิจฉาไอ้แดงพิลึก"
นากยิ้มอาย มากเชยคาง แม่นากขึ้นมามองจ้องลึกในตา
"พี่รู้สึกว่านากสวยขึ้นนะ ดูอิ่มเอิบไปหมดทั้งตัว พี่อยากจะกลืนแม่นากไว้ในอกจจริงๆ"
มากยิ้มก้มลงจะหอมแก้ม นากเบี่ยงตัวหลบ
"ไม่เอาน่า ประเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"ดีสิ พี่อยากให้คนเห็น เขาจะได้รู้ว่า แม่นากเมียพี่สวยแค่ไหน ไอ้ที่ไปร่ำไปลือว่า เป็นภูตผีปีศาจน่ะ มันโกหกทั้งเพ จริงมั๊ยจ๊ะ นากของพี่"
นากชะงัก พอได้ยินคำว่าภูตผี มากรู้สึก
"อ้าวเป็นอะไรไปล่ะ"
"อย่าไปพูดถึงคนอื่นเลยจ๊ะพี่ ไปกินข้าวก่อนเถอะ ฉันให้นมลูกประเดี๋ยวจะตามไปนะจ๊ะ"
"ดีเหมือนกัน เดี่ยวกินข้าวเสร็จแล้วพี่ว่าจะไปหาพี่มั่นหน่อย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว"
แม่นากชะงัก จับมือพ่อมากไว้ พ่อมากมองแปลกใจ
"มีอะไรหรือแม่นาก หน้าตาซีดเชียว"
แม่นากรู้สึกตัวมองหน้ามาก แล้วยิ้มกลบเกลื่อน
"ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะพี่มาก ไปกินข้าวกินปลาซะก่อนเถอะ"
มากพยักหน้าลุกขึ้นไปแม่นากมองตาม แววตาแข็งกร้าว
" ฉันไม่มีวันให้ใครเข้าใกล้พี่ได้หรอกจ๊ะ พี่มาก"
พิมเดินตามมั่นมาที่ริมน้ำ พิมสีหน้าวุ่นวายใจ จู่ๆมั่นก็หยุดเดิน พิมไม่ทันระวังชนหลังมั่นอย่างจัง
"อะไรกัน จะหยุดก็ไม่บอก"
"อย่ามาทำเสแสร้ง ไหนว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก หรือว่า อยากแสดงอำนาจ หลอกล่อให้ข้า หลงกลอีก"
พิมอึกอัก
"คือว่า ...เรื่องที่วันก่อนนี้ ข้าไปที่บ้านพ่อมากน่ะ คือ..ว่า"
"ข้ารู้แล้ว ว่า... อยากจะซื้อที่ แต่ข้าก็บอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าไอ้มากไม่มีวันขายที่ตรงนั้นให้หรอก เข้าใจหรือยัง ถ้าเข้าใจแล้ว ก็กลับไปได้แล้วแล้วอีกอย่าง อย่าทำลูกไม้แบบนี้เลย ไม่ได้ผลหรอก"
พิมงง
"ลูกไม้อะไรหรือ เอ็งว่าข้าใช้ลูกไม้อะไร"
"ก็ลูกไม้มารยาหญิงล่ะสิ ยังไง ไอ้มากไม่มีวันจะมองหญิงอื่นนอกจากแม่นากหรอก"
พิมชะงัก มองหน้ามั่น นิ่งคิด แล้วกรี๊ด ปรี่เข้าไปทุบตีมั่นวุ่นวาย
"ไอ้คนบ้า ไอ้คนใจสกปรก คิดว่าข้าให้ท่าพี่มากหรือ ไอ้คนผีทะเล ไอ้คนลามก"
มั่นคว้ามือพิมไว้ พิมไม่ยอมทั้งหยิกทั้งข่วน มั่นทนไม่ไหว ลากพิมไปดันไว้กับต้นไม้ แนบชิดกันมาก
มั่นค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้ๆ พิมเริ่มกลัว เบือนหน้าหนี
"กลัวข้าหรือ กลัวทำไม เมื่อกี้เก่งนักไม่ใช่หรือ"
"ไอ้บ้า ใช้กำลังกับผู้หญิง เป็นผู้ชายยังไง"
"ข้าจะดีกับผู้หญิงที่สมกับเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ดีกับหญิงปากร้ายเช่นเจ้าหรอก"
พิมชะงักหันไปมองจ้องหน้า มั่นแค้น มั่นมองพิมแล้วยิ้ม ค่อยๆก้มหน้าลงมาเหมือนจะจูบ พิมเบือนหน้าหนีหวาดเสียวมาก
"นั่นจะทำอะไรคุณหนูของข้า ห๊า"
มั่นสะดุ้งหันไปมอง เห็นปุกวิ่งรี่เข้ามา พิมได้ที เตะหน้าแข้งมั่นอย่างแรง มั่นโดดโหยง
"คุณหนูเจ้าขา เป็นยังไงบ้าง มันทำอะไรคุณหนูของอีปุกหรือเปล่า อีปุกจะจัดการด่าให้เนื้อติดปากเลยเชียว"
ปุกหันไปอ้าปากจะด่า พิมดึงมือไว้ก่อน
"ไม่มีอะไร เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ช่างมันเถอะ น้ำมนต์ได้หรือยัง"
ปุกงง
"ได้แล้วเจ้าค่ะ"
"ถ้าได้แล้วเราก็กลับกันเถอะ"
พิมสะบัดหน้าเดินไป มั่นตะโกนตาม
"อย่ามาเหยียบบางพระโขนงอีกนะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้าหรอก"
พิมชะงักหันมามองหน้ามั่นเจ็บใจ
"จำไว้นะ ถึงข้าจะเป็นหญิงก๋ากั่น แต่ข้าไม่เคยทำอะไรที่ผิดศีลธรรม"
พิมมองหน้ามั่นอย่างเจ็บใจ ตัดพ้อ แล้วสะบัดหน้าไป ปุกมองหน้ามั่นแบบฝากไว้ก่อนแล้วรีบตามไป
มั่นมองตาม สีหน้าประหลาดใจ
"ผู้หญิงอะไร เข่าแหลมชะมัด"
มั่นก้มตัวงอจุก
พิมเดินพรวดๆไปที่ท่าน้ำ ปุกวิ่งตามมาลนลาน
"คุณหนูเจ้าขา รออิปุกด้วยสิเจ้าคะ มันทำอะไรคุณหนู"
พิมเบรกพรวด แอบปาดน้ำตา แล้วหันไปจ้องหน้าปุก
"บอกแล้วว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องเข้าใจผิด จะถามหาอะไร กลับสิ"
พิม ลงเรือทันที ปุกมองตามแปลกใจ
"มันต้องมีอะไรสิน่า"
ปุกมองพิมหน้านิ่งที่นั่งอยู่บนเรือ
มั่นเดินแอบเป๋ๆ เพราะจุกที่โดนพิมขึ้นเข่า
อีกทาง ทุ้ย เค้ง โพล้งเดินมา
"อ้าวไอ้มั่น ทำไมเดินแบบนั้น เหมือนไปโดนใครอัดมา"
มั่นพยายามยืดตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ใครจะมาอัดฉันได้ ฉันน่ะ ถูกนักเลงรุมมาแล้วเป็นสิบ ยังผ่านสบายๆ"
เค้งทำหน้าไม่เชื่อถือ
"เออ แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน เจอลุงปลอดบ้างหรือเปล่า"
"ไม่เจอหรอก ฉันว่าจะมาตามหาเหมือนกัน ไหนว่าไอ้มากกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ"
โพล้งถาม
"อ้าว เอ็งไปบ้านไอ้มาก แล้วไม่เจอลุงปลอดหรือ ไหนว่าจะไปหาไอ้มาก"
"เชอะ ฉันเพิ่งกลับมาเดี๋ยวนี้เอง ไม่เจอ ว่าจะมาถามลุงปลอดให้รู้เรื่อง ข่าวโคมลอยหรือเปล่าเนี่ยแล้วอีกอย่างนะ แถวนั้นมันมีบ้านคนที่ไหน เขาย้ายออกกันหมดแล้ว เมายาเส้นละม๊าง"
ทุ้ยบอก
"แต่ฉันได้ยินกะหูนะพี่ หลวงตา บอกว่าลุงปลอดมันแต่งตัวเรี่ยมเชี่ยม บอกว่าจะไปเยี่ยมไอ้มากก็เมื่อวานนัดกันไม่ใช่หรือ ยังไงกันวะ"
มั่นมองหน้า ทุ้ย เค้ง โพล้งมองหน้ากันแปลกใจ
แม่นากกับมากกำลังอยู่กินข้าว มากมองที่สำรับ เป็นกับข้าวธรรมดาน่ากิน มากใช้มือเปิบข้าวเข้าปาก แต่ความจริง มากมือหยิบใบไม้ ประมาณใบกระถินแห้งๆ เข้าปาก เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
"น้ำพริกขี้กาของนาก อร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลย"
"ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆนะจ๊ะพี่มาก"
มากยิ้มรับ แล้วเปิบใบไม้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
อีกทางหนึ่ง แม่นาก นั่งไกวเปลมองพ่อมากอยู่อย่างหวงแหน
มากยังคงเปิบใบไม้กินอย่างเอร็ดอร่อย
ที่สำรับกับข้าว ใบไม้พร่องไปจนเกือบหมด
มากหันไปหยิบขันน้ำขึ้นมากิน ในขัน ตะไคร่น้ำเขียว สีของน้ำเหมือนน้ำเน่า มากมองดูแล้วยิ้ม
"น้ำลอยดอกมะลิซะด้วย แม่นากช่างรู้ใจพี่"
มากมองนากแล้วยิ้มภูมิใจ ยกขันน้ำขึ้นดื่มอึกๆๆๆ แล้ววางลง อิ่ม
มากทำท่าจะลุกขึ้น นากผวาลุกตาม
"พี่มากจ๋า พี่จะไปไหนหรือ"
"พี่ว่าจะไปหาพี่มั่นซักหน่อย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน"
นากชะงัก จับมือ มากไว้
"พี่มากจ๋า อย่าเพิ่งไปเลย พี่เพิ่งกลับมายังไม่ได้พักได้ผ่อนเลย"
"โธ่ พี่ไปแป๊บเดียวเอง นากจะไปกับพี่ด้วยมั๊ยล่ะ จะได้แวะไปส่งข่าวป้าเงินแกซักหน่อย"
นากชะงัก มากมองหน้าแม่นากสงสัย
"มีอะไรหรือ ป้าเงินแกยังรังเกียจพี่อยู่หรือ"
"เปล่าจ๊ะ ไม่ได้รังเกียจหรอก แต่ว่า ..."
"แต่อะไรหรือ"
นากอึดอัด มากมองหน้าอย่างค้นความจริง นากเงยหน้าขึ้นมองมาก แล้วเป่ามนต์ใส่
มากรู้สึกเหมือนมึนหัว สะบัดหน้าเบาๆ แล้วเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไปช้าๆ
อ่านต่อหน้า 2
แม่นาก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้อง มากเดินตาลอยเข้ามาในห้อง หันหลังกลับไปขัดดานประตู เหมือนต้องมนต์ แล้วล้มลงนอนสิ้นสติไป แม่นากเดินทะลุประตูเข้ามา
"พี่มากจ๋า ฉันขอโทษ ที่ต้องทำกับพี่แบบนี้ ฉันปล่อยพี่ไปไม่ได้จริงๆ"
แม่นากก้มลง ประคองหน้ามากไว้ แล้วก้มลงจูบมากอย่างแสนรัก
มากหลับใหลไม่ได้สติ
พิมเดินนำหน้าปุก เดินขึ้นไปบนบ้าน ปุกวิ่งตามลุกลน
"คุณพิมเจ้าขา รอบ่าวด้วยสิเจ้าคะ"
พิมไม่ฟังเสียง เดินขึ้นเรือนไป
พิมเดินเข้าห้องปิดประตูปัง ปุกเดินตามเข้ามา แต่เปิดประตูไม่ออก
"คุณพิมเจ้าขา คุณพิม เปิดประตูให้บ่าวด้วยสิเจ้าคะ"
ปุกตบประตูร้องเรียก
พิมกระแทกตัวนั่งลงที่เตียง หน้าแค้น
"คุณพิมเจ้าขา เปิดประตูด้วยสิคะ"
พิมหันไปมองหงุดหงิด
"ไม่เปิด ไปให้พ้น ฉันจะนอน"
"ไอ้คนบ้า ไอ้คนผีทะเล ข้าไม่มีวันญาติดีกับเอ็งแน่ไอ้มั่น หนอยแนะ อุตส่าห์หวังดี จะไปเตือน ดี ข้าจะปล่อยให้พ่อกว้านซื้อที่ซะให้หมด พวกเอ็งจะได้รู้สำนึกซะทีพิม"
ที่หน้าห้อง ปุกชะงัก หน้าม่อย
"เจ้าค่ะ ไม่กวนก็ไม่กวน"
ปุกเดินห่างออกจากห้อง แล้วหันไปมอง นิ่งคิด
"มันต้องมีอะไรสิน่า ไม่งั้นคุณหนูไม่เป็นแบบนี้ดอก ไม่ได้การ อีปุกต้องรู้ให้ได้"
ปุกนิ่งคิด
แม่นาก นอนเคียงกับพ่อมาก จ้องมองพ่อมากอย่างแสนรัก
"นากจ๋า พี่ดีใจเหลือกัน ที่วันนี้ เราได้อยู่ด้วยกัน"
นากยิ้มอาย
"ฉันก็ดีใจจ๊ะพี่มาก ฉันมีครอบครัว มีพี่มาก แล้วซักวัน เราจะมีลูกด้วยกัน ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ไม่อยากแม้แต่จะขยับตัว กลัวว่าตื่นขึ้นมา มันจะเป็นแค่ความฝัน"
มากจับมือนากขึ้นมาทาบที่หัวใจ ของตัวเอง
"ใต้มือของแม่นาก คือหัวใจของพี่ มันเต้นแรง เพราะความรัก ที่พี่มีต่อเจ้า"
นากยิ้มเขิน มากขยับเข้าหานาก จูบที่หน้าผาก
แม่นากกับพ่อมาก ก่ายเกย กอดกันตามประสาผัวเมีย
แม่นากจ้องหน้าพ่อมากอยู่
"ฉันไม่มีวันจะยอมให้พี่จากไปอีกแล้ว ไม่มีวัน"
นากเอื้อมมือไปลูบหน้ามากที่นอนไม่ได้สติ
เสียง ลุงปลอดดังเข้ามา
"ไอ้มากเอ๊ย ไอ้มาก"
แม่นากชะงัก หันขวับไปมองตามเสียง แววตาแข็งกร้าวขึ้นทันที
แม่นากหน้าเครียด
"ข้าบอกให้ไปไห้พ้น ไปให้พ้นสิ จะมาทำไมกัน"
แม่นากละล้าละลังหันไปมองดู พ่อมากยังนอนอยู่ที่พื้น มากตากระตุกทำท่าเหมือนจะลืมตาตื่นขึ้น
"ไอ้มาก"
แม่นากร้อนรน
บริเวณหน้าเรือน ลุงปลอดชะเง้อชะแง้มอง
"ไอ้มากเอ๊ย วู้"
ลุงปลอดมองไปบนนอกชานเรือน สภาพรกร้าง สกปรกมีใบไม้แห้ง ปลิวไปทั่ว
"อะไรกันวะ ไหนเขาแจ้งว่าไอ้มากมันกลับมาแล้วนี่นา"
ลุงปลอดนิ่งคิด จะก้าวเท้าขึ้นเรือน
อีกทางหนึ่ง แม่นากปรากฏร่างขึ้น ตัวแม่นากอยู่ในร่มเงา พอยื่นมือจะจับลุงปลอด มือโดนแสงอาทิตย์ เป็นควันขึ้น แม่นากชักมือกลับทันที
ลุงปลอดก้าวเท้าขึ้นไปบนนอกชาน มองลอดซ้ายแลขวาหามาก
"ไอ้มากโว๊ย นี่เอ็งกลับมาหรือยังวะ"
แม่นากร้อนใจ ลุงปลอดไปยืนจ่ออยู่ที่หน้าประตูเรือน
ภายในห้อง นิ้วมากกระดิก ตากระตุก เหมือนจะได้ยินเสียงเรียก
"ไอ้มากโว๊ย"
ลุงปลอด จับประตู เขย่า แต่ติดกลอนข้างใน ลุงปลอดสีหน้าประหลาดใจ
ทางด้านหลังลุงปลอด มือลึกลับเคลื่อนเข้ามาจับไหล่ ลุงปลอดสะดุ้งเฮือกพอหันมากลายเป็น มั่น
ลุงปลอดโวยวาย
"ไอ้มั่น มึงจะฆ่ากูหรือ ไอ้เวร"
"ลุงมาทำอะไร ที่นี่"
"ข้าก็มาหาไอ้มากสิวะ"
"ลุงได้ข่าวจากไหนกันแน่ ฉันมาตั้งแต่เช้าไม่เห็นมีใครซักคนนึง"
"อ้าว ข้าได้ยินกับหู พ่อใหญ่ถึกมันส่งข่าวมาว่าไอ้มากมันปลดประจำการแล้ว"
"สงสัยลุงเมายาละม๊าง"
ทุ้ยชี้มือไปรอบๆ
"ดูสภาพสิ บ้านรกแบบนี้ คนอยู่ไม่ได้หรอก"
เค้งบอก
"ใช่ มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่จะอยู่บ้านแบบนี้"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย แล้วนึกได้ เค้งรีบตบปากตัวเอง
"ไม่ใช่ ฉันจะว่าใครนะ ขอโทษ"
แม่นากยืนอยู่บนนอกชานใกล้กับเค้ง แต่เค้งมองไม่เห็น เค้งทำท่าเสียวสันหลัง
"ฉันว่า กลับกันเหอะ เป็นไรไม่รู้ หนาวเยือกพิลึก"
ทุ้ยจ้องหน้า เค้ง เห็นเหงื่อไหลกระซิก
"ไม่จริงมั๊ง เหงื่อตกซิกๆ"
แม่นากจ้องมองทุกคนอย่างแค้น
"กลับไปซะ กลับไป"
บรรยากาศรอบๆ มีลมพัดใบไม้ปลิว เหมือนจะเกิดลมบ้าหมู กิ่งไม้ปลิวหวือมา กระแทกหัวเค้งอย่างแรง
"ใครทำไรฉันเนี่ย"
โพล้งบอก "สงสัย ผีแกล้งมึงน่ะสิ" พลางหัวเราะขำ
ทุกคนหันไปมองหน้าโพล้ง โพล้งนึกได้ รีบตบปากตัวเองทันที
"กูล้อเล่น ขอโทษ กลับกันเหอะ กูว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดีแล้ว ใครไม่กลับกูกลับ"
โพล้งเดินนำทุกคนลงจากบ้านทันที ทุกคนเดินตามลงมา
มั่นเดินไปหยุดที่หน้าห้อง แม่นากปรากฏตัวขึ้นขวางไว้ แต่มั่นมองไม่เห็น
"พี่มั่น ฉันขอร้อง พี่กลับไปเสียเถิด กลับไป อย่าให้ฉันต้องทำบาปไปมากกว่านี้เลย"
มั่นเหมือนจะได้ยิน มองหน้าห้องลังเล
ทุ้ยบอก "ไอ้มั่น เอ็งจะไปมั๊ย ถ้าไปไปกูไปนะโว๊ย"
มั่นหันไปมองทุ้ย แม่นากเป่ามนต์เบาๆ มั่นชะงัก หันหลังเดินกลับลงไปจากเรือน
แม่นากมองตามสีหน้าไม่สบายใจ
มั่นเดินนำหน้าทุกคนลิ่วไป ไม่มองหน้าใคร ด้านหลัง ทุ้ย เค้ง โพล้ง ลุงปลอดมองหน้ากัน
"ไอ้มั่นโว๊ย ไอ้มั่น" โพล้งเรียก
มั่นไม่ตอบเดินไป เค้งรีบวิ่งไปขวาง มั่นยืนตาลอย ลุงปลอดมองหน้าทุกคนแล้วตบหน้ามั่นเบาๆ มั่นสะดุ้งโหยง
"ตบหน้าฉันทำไมล่ะเนี่ยมันเจ็บนะลุงปลอด"
"อ๊ะ ไม่ตบเอ็งจะรู้ตัวหรือ ไอ้มั่น เอ็งเดินลิ่วๆ ลงเรือนมา ควายหายหรือเอ็ง"
มั่นงง
"ควายหายเมื่อไหร่ แล้วนี่ ลุงมาแถวนี้ทำไม"
มั่นจ้องหน้า ลุงปลอดแปลกใจ หันไปมองหน้าทุกคน ทุ้ยยิ่งหัวหด
"เป็นไรไปหมด ทำหน้าเหมือนเห็นผี"
ทุ้ยกลัว
"กูว่าเรากลับไปคุยกันที่บ้านเหอะ กูใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้"
"กูเห็นด้วย" เค้งบอก
"งั้นกูนำก่อนแล้วกัน"
โพล้งเดินนำทุกคนไปทันที ทุ้ยกับเค้งแย่งกันวิ่งตามไป ลุงปลอดชะเง้อมองทางด้านหลัง เหมือนจะมองหาใครบางคน
"ลุงปลอดหาใครหรือ"
"เรื่องของข้า กลับก็กลับวะ ตะวันมันชิงพลบแล้วนี่หว่า"
ลุงปลอดเดินตามทุกคนไป มั่นงง แปลกใจตัวเอง แล้วเดินตามไป
พระอาทิตย์ เริ่มคล้อยลง จะลับขอบฟ้า
เย็นนั้น เพลิงกำลังนวดแม่พวงจันทร์ ประจบประแจง พิมทำหน้าเซ็ง
"แม่จ๋า ฉันอยากจะขออนุญาตแม่สักหน่อย"
พิมถาม
"ไปกินเหล้าน่ะหรือ กินบนเรือนก็ได้"
เพลิงค้อน
"เอ็งไม่ต้องมายุ่งเลยนังพิม" เพลิงบอกกับแม่ " แม่จ๋า ลูกอยากจะขอไปเที่ยว เปิดหูเปิดตาซักหน่อย นะจ๊ะแม่จ๋า"
"โธ่พ่อเพลิง จะไปทำไมล่ะลูก อดใจรออีกสักประเดี๋ยวหนึ่งเถอะ นี่ยังไม่ครบ 7 วันเลยนะ กำหนดจริงๆ มันเดือนนึงไม่ใช่หรือ"
"ใช่เจ้าค่ะ เดือนนึง ถือศีล 5 ไม่ให้ขาดไม่ให้พร่อง" ปุกบอก
เพลิงหันไปทำหน้าดุใส่ ปุกหลบตา
"ไม่ต้องมาทำขู่เลย หรือว่าพี่ไม่กลัวผีมาหักคอเอา"
แม่พวงแว๊ด
"นังพิมนังลูกคนนี้ พูดจาไม่เป็นมงคล ขู่พี่ได้ยังไง"
"แม่ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าพี่เพลิงน่ะ ทำอะไรไว้"
"ทำอะไร นังนากมันตาย พ่อเพลิงไปบีบคอมันที่ไหน มันออกลูกไม่ได้ แล้วก็ตาย จริงมั๊ย พ่อเพลิงลูกแม่"
"จริงจ๊ะแม่"
เพลิงทำท่าสอพลอ พิมมองหน้าเจ็บใจ
"เออ ต่อปีกเติมหางกันเข้าไป ซักวันนึงเหอะ เวรกรรมจะตามทัน งั้นก็ให้แม่ไปจุดธูปขอขมากันเองก็แล้วกัน ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว"
พิมงอนปึงๆๆๆไป ปุกลุกขึ้นตามไป
แม่พวงมองตาม นิ่งคิด
"สรุปแล้วเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่"
เพลิงหลบตา
"ก็ตามที่หนูเล่าให้แม่ฟังนั่นแหละ"
พวงจันทร์มองหน้า เพลิงนิ่ง หลบตา
เดินกระทืบเท้าเข้ามาในห้อง
"พะเน้าพะนอกันเข้าไป ชี้นกเป็นไม้ ชี้ควายเป็นลา ทำอะไรดีไม่มีผิด เฮ้อ รู้มั๊ยว่าพี่เพลิงทำอะไรไว้บ้าง"
อีกทางหนึ่ง ปุกเดินตามเข้ามามองหน้าพิมแล้วยิ้ม
"คุณพิมเจ้าขา อย่าหงุดหงิดไปเลยเจ้าค่ะ"
"ไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไร ไม่เห็นหรือ พี่เพลิงทำอะไร จะเลวชั่วแค่ไหน แม่ก็เห็นดีเห็นงามไปหมด แล้วอย่างนี้จะปกครองเรือนได้อย่างไร ใครมันจะนับถือ"
"ก็เพราะเช่นนี้ไงคะ นายแม่ถึงต้อง คอยประคับประคองพ่อเพลิง"
"ใช่สิ ฉันทำอะไรผิดไปหมด"
"ไม่ใช่ผิดหรอกเจ้าค่ะ คุณหนูพิมของบ่าวน่ะเก่ง เกินใคร จะเรื่องทำมาหากิน หรือเรื่องความคิดความอ่าน คุณพี่เพลิงสู้ไม่ได้หรอก"
พิมมองหน้าปุก แล้วหัวเราะ
"มาแนวไหนเนี่ย มาชมกันแบบนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกนะบอกไว้ก่อน"
ปุกจริงจัง
"บ่าวพูดจริงนะเจ้าคะ บ่าวเลี้ยงคุณหนูมาแต่อ้อนแต่ออก ทำไมบ่าวจะไม่รู้ คุณเพลิงน่ะไม่มีทางสู้คุณหนูได้หรอก นายแม่ถึงต้องคอยประคับประคองแบบนี้ คุณหนูก็เหมือนกันนะคะ ต้องรักพี่ ช่วยเหลือพี่ไว้ อย่างไรเสีย คุณหนูกับคุณเพลิง ก็พี่น้องกัน"
พิมนิ่งคิด แล้วถอนหายใจ
"แล้วจะให้ฉันทำอย่างไรได้ พี่เพลิงน่ะทำเรื่องไว้หนักหนา นี่ขนาด ไปฉุดผู้หญิง ทำเขาเจ็บเจียนตาย เฮ้อ ตอนนี้คนที่บางพระโขนงเลยพากันเกลียดฉันหมดแล้ว"
"ใจเย็นๆนะเจ้าคะ ค่อยๆเล่า เราจะได้ช่วยกันคิดหาทางแก้ อย่างไรเสียคุณเพลิงก็เป็นพี่ของคุณหนูนะเจ้าคะ"
พิมนิ่งคิด สีหน้าหนักใจ ปุกมองอย่างเป็นห่วง
อ่านต่อหน้า 3
แม่นาก ตอนที่ 7 (ต่อ)
นอกชานเรือน ตะเกียงจุดไฟวอบแวบ
แม่นากกำลัง หุงข้าวทำกับข้าว เตรียมไว้รอ
เปลผ้าขาวม้าที่ผูกไว้นิ่งสนิท แม่นากหันไปมอง
ที่ฝาผนัง เห็นเงามือแม่นาก ยื่นยาวไปไกว เปลแกว่ง
พ่อมากเดินออกมาจากห้อง งัวเงีย หันไปมองที่เปล แม่นากหันไปมองที่ข้างฝา จิ้งจก
หล่นใส่พ่อมากทันที มากตกใจรีบหันไปปัดออก
"บ้าจริง ทำไมจิ้งจก ตุ๊กแกมันเยอะขนาดนี้"
"มันคงมากินแมลงนั่นแหละจ๊ะพี่มาก"
"แล้วนี่นากทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ปลุกพี่ ปล่อยให้พี่นอนเช้าจรดค่ำแบบนี้"
"โธ่ พี่จะตื่นขึ้นมาทำไม เพิ่งกลับมา รักษาตัวให้หายดีก่อน ไม่ดีกว่าหรือ"
"แม่นากทำแบบนี้ พี่ก็เสียคนแย่สิ งานการไม่ทำเอาแต่นอนกินบ้านกินเมืองแบบนี้ มีแต่คนจะนินทา"
"นากไม่สนใจหรอกพี่ แค่มีพี่อยู่ นากก็ไม่สนใจคนทั้งโลกอีกแล้ว"
มากเชยคางแม่นากขึ้นหอม แม่นากยิ้มกอดมากไว้แน่น
"จริงๆนะจ๊ะพี่มาก พี่อย่าไปไหนเลย อย่าห่างจากฉัน"
"โธ่แม่นาก พี่จะไปไหนได้เล่า มีนากกับไอ้แดงอยู่ พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"
นากร้องไห้
"จริงนะพี่มาก อย่าโกหกฉันนะจ๊ะ"
มากแปลกใจ
"พี่จะโกหกนากได้อย่างไร"
มากจูบเช็ดน้ำตาให้นาก สองคนยิ้มให้กัน นากกอดมากไว้
นากกังวลสุดๆ
มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้ง ลุงปลอด นั่งจับกลุ่มคุยกันที่ ศาลาวัด ส่วนปริก นุ่งห่มสไปขาว เหมือนคนไปถือศีลวันพระที่วัด
"ป้าปริก มาถือศีลหรือ ฝนจะแล้งก็คราวนี้แหละ"
"แหม ไอ้มั่น ปากมึงเนี่ย จะพาจน กูก็ทำแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ ตั้งแต่..."
ยังพูดไม่ทันจบ โพล้งก็แทรก
"จริงนะ กูเห็นป้าปริกมาถือศีลที่วัดทุกวันพระตั้งแต่ อีนากมันตาย ทำบุญให้นังนากมันหรือป้า"
ป้าปริกค้อนขวับ
"เออ กูรับก็ได้ ว่ากูตั้งใจทำบุญให้นังนากมัน"
ทุ้ยหน้าซื่อมาก
"ป้าแกคงเสียใจน่ะ แล้วก็เสียชื่อด้วย ที่ทำคลอดไม่สำเร็จเนอะป้าเนอะ"
ปริกอารมณ์เสีย ชี้หน้าด่ากระจาย
"ไอ้พวกเวรตะไล ไอ้พวกห้าร้อย กูมาทำบุญให้อีนาก แล้วมันผิดตรงไหน ไอ้พวกนี้ ประเดี๋ยวกูด่าให้เนื้อติดปากเลย เห็นกูเป็นเพื่อนเล่นหรือไง คราวหน้าถ้าพวกเอ็งมีเมีย จะคลอด ก็ทำคลอดกันเองก็แล้วกัน อย่ามาตามกูเชียว"
ทุกคนงง ที่ป้าปริกของขึ้นอย่างแรง
"พอได้แล้วพวกเอ็ง ปากเสียจริงๆ ด้วย นังปริก เอ็งก็อย่าถือโทษโกรธไอ้พวกลิงพวกนี้เลย" ลุงปลอดว่า
ปริกหอบ
"กูเหนื่อยจริงๆนะโว๊ย หัวใจจะวาย"
ปริกทำท่าเหมือนหน้าจะมืด หยิบยาลมจากชายพกออกมาดม สักพักก็เรอเอิ๊ก ทุกคนทำหน้าตกใจ ไม่คิดว่า ปริกจะอาการหนัก
"ฉันก็แค่ล้อเล่น ป้าไม่น่าโกรธเลย ขอโทษนะจ๊ะ เอางี้ เดี๋ยวฉันพายเรือไปส่งป้าที่บ้าน ดีมั๊ย"
"มึงไม่ต้องมายุ่งกะกู กูเดินมาเอง กูกลับเองได้"
ปริกลุกขึ้นสะบัดหน้าเดินไป ลุงปลอดมองตาม ส่ายหน้า
"อีปริกนี่ก็ลมเข้าลมออก สงสัยเลือดจะไปลมจะมา หน้างี้เขียวเชียว"
"ตามไปดูดีมั๊ยฉันกลัวแกจะเป็นลมไปซะก่อนน่ะสิ"
ทุ้ยบอก
"ตามไปให้แก่ด่าเนื้อฉีกน่ะหรือ ฉันไม่ไปหรอกนะ"
ทุกคนมองหน้ากันแบบเห็นด้วย มั่นมองตามไปอย่างเป็นห่วง
ปริก เดินเซกุมหัวใจ
คืนนั้น พระจันทร์ข้างแรมบนท้องฟ้า บนนอกชาน นากนั่งชุนผ้า ตามมองไปที่มาก ที่กำลังไกวเปล สีหน้ามากครุ่นคิด
"พี่แปลกใจจัง ทำไม บ้านเรามันเงียบเหงาพิกล บ้านละแวกนี้ก็ร้างกันหมด เขาย้ายไปไหนกันหรือแม่นาก"
นากก้มหน้าถอนหายใจ
"อย่างที่ฉันบอกพี่นั่นแหละจ๊ะ คนในหมู่บ้านเขาร่ำลือกันว่าฉันเป็นผี ทุกคนพากันรังเกียจฉัน แล้วก็ย้ายหนีไป"
"พวกมันเอาอะไรมาคิด ไร้เหตุผลจริงๆ แล้วนี่ พี่มั่น มาเยี่ยมเอ็งบ้างหรือเปล่า ป้าเงิน จำปีลำจวนล่ะ แวะมาดูเอ็งบ้างหรือ เปล่าแม่นาก"
แม่นากชะงัก แล้วยิ้มเจื่อนๆ
"ก็มาบ้างจ๊ะ คราก่อนก็มาช่วยถางหญ้าที่รกๆ ส่วนป้าเงินเดินเหินลำบาก ไม่ใคร่ได้ออกจากเรือน"
มากนิ่งคิด
"พี่ว่า พี่จะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ไม่งั้นคนจะลือกันไปใหญ่โต"
"พี่มากจ๋า พี่จะไปไหนหรือ"
"พี่จะไปคุยกับคนในหมู่บ้านให้รู้เรื่อง"
"พี่อย่าไปเลย ฉัน ...เอ่อ เป็นห่วงพี่ นี่มันดึกดื่นแล้ว ไว้รอพรุ่งนี้เถิดนะจ๊ะพี่จ๋า"
"พี่รอไม่ได้แล้ว ใจพี่ร้อนเหลือเกิน ใครทำร้ายพี่ไม่เท่าไหร่ แต่ทำร้ายแม่นากของพี่ พี่ทนไม่ได้หรอก"
มากคว้ามีดพร้าเหน็บหลัง แล้วฉวยใต้มาถือ
"แม่นากรอพี่ที่เรือนนี่แหละ พี่ไปคุยกับพี่มั่น สักพักก็กลับแล้ว เข้านอนเถอะนะไม่ต้องเป็นห่วงพี่"
มากเดินลงไปจากเรือนทันที แม่นากมองร้อนใจ รีบลงเรือนตามไปทันที
บริเวณทางเดิน พ่อมากเดินดุ่มๆไป แล้วชะงัก ทางด้านหลัง แม่นากเลื่อนตัวมา พอมากหันมามอง แม่นากหยุดชะงักยืนมอง
"พี่บอกให้กลับไปรอที่บ้านไงล่ะ ไม่ต้องมาหรอก พี่ไปประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็กลับ"
มากเดินกลับมาที่นาก ยืนคุยกันในระยะประชิด
"แต่มันก็ดึกดื่นแล้ว เดินไปแบบนี้ งูเงี้ยวเขี้ยวขอมันออกหากินนะจ๊ะพี่มาก"
"พี่บอกแล้วไง ไม่ต้องเป็นห่วง พี่ไปรบต่างแดนมาแล้ว เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงบ้านพี่มั่น จะกลัวทำไม"
นากวิตกกังวล
อีกทางหนึ่ง ปริกเดินมาแล้วหยุดชะงัก ยืนมอง เห็นมากยืนอยู่คนเดียว พูดคนเดียว ยกมือยกไม้
"เอ๊ะนั่นมัน ไอ้มากนี่หว่า"
ปริกจะตะโกนเรียก
นากชะงัก เห็นปริก ตาเรืองแสงขึ้นทันที
"งั้นพี่รีบไปรีบกลับนะจ๊ะ"
มากยิ้ม
"พี่จะรีบมา นากขึ้นเรือนไปเถอะ"
มากเดินไป แม่นากยืนนิ่ง
ปริกเห็นร่างผู้หญิงทางด้านหลัง พอหันกลับมาเป็นนาก ปริกตะลึงตาค้างพยายามจะตะกายหนี
ที่เรือนขุนเพชร ชคืรเดียวกัน พวงจันทร์นั่งนิ่ง สีหน้าครุ่นคิด ปุกนั่งรายงานอย่างออกรส
"อิฉันว่า คุณหนูพิมไม่โกหกหรอกเจ้าค่ะ เรื่องผีนังนากน่ะฟังดูร้ายแรงเอาเรื่องนะเจ้าคะ"
"งั้นเชียวหรือ พ่อเพลิงเนี่ยเหลวไหลจริงเชียว ตอนเล่าให้ข้าฟังนี่เป็นอีกเรื่องนึงเชียว เออ แล้วเอ็งซักไอ้หมึกกับไอ้เก่งได้ความว่าไง"
"มันก็ยืนยันว่า ผีนังนากนั่นจะแก้แค้นทุกคนที่ทำให้มันต้องตาย เหตุนี้กระมังเจ้าคะ คุณเพลิงถึงได้กลัวขนาดนี้"
"อีนี่มันบังอาจมาขู่ลูกข้า เชอะ มันจะทำได้ซักแค่ไหนเชียว เป็นคนยังไม่มีปัญญาทำอะไรข้าได้เลย แล้วตอนนี้เป็นผีจะมีปัญญาหรือ"
"แต่เขาลือกันว่า ผีนังนากมันเฮี้ยนนะเจ้าคะ นี่ฆ่าคนไปไม่รู้กี่คนแล้ว อู๊ย บ่าวพูดแล้วขนลุก"
"ให้มันรู้ไปว่า อีผีไม่มีสกุล จะมาเก่งกว่า คนอย่างกูไปได้"
แม่พวงนิ่งคิด แล้วยิ้ม
"แต่ที่มันอาละวาดก็มีข้อดีอยู่"
ปุกงง
"จะดีได้อย่างไรเจ้าคะนายแม่ ผีอาละวาดใครจะอยากอยู่"
พวงจันทร์หัวเราะ
"ยิ่งมันอาละวาดสิ ยิ่งดี ใครจะกล้าอยู่ ที่ดินบางพระโขนงก็ยิ่งราคาตก ข้าจะฉวยโอกาสนี้ ให้พ่อเพลิงทำผลงานซะเลย"
พวงจันทร์ยิ้มร้าย ปุกมองอย่างนึกรู้ว่า พวงจันทร์มีแผน
ปริกตาเหลือกค้าง แม่นากก้มลงมาใกล้ๆ ตาเรืองแสงวาบ
"ป้ามายุ่งกับพวกฉันทำไม ฉันไม่เคยคิดแค้นเคือง ทำไมพวกป้าถึงไม่ปล่อยฉันไป"
ปริกยกมือไหว้
"ฉะ...ฉัน ไม่ได้ ฉันขอโทษ"
"ที่ผ่านมาแล้ว ฉันอโหสิกรรมให้ป้า แต่ต่อจากนี้ไป อย่าผ่านมาที่นี่อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ละเว้นพวกป้าแม้แต่คนเดียว"
แม่นากจ้องมองปริกดุร้าย แล้วค่อยๆเลื่อนตัวไป
ปริกยืนตะลึง ตกใจกลัวจนฉี่ไหลรินลงมาที่พื้น
ปริกลุกขึ้นโซซัดโซเซ แน่นหน้าอก เหมือนหัวใจจะวาย เดินไปอีก 2-3 ก้าว ก็สะดุ้งเฮือก หัวใจวาย ล้มลง กลิ้งตก น้ำไป
ฝ่ายมากเดินมาตามทาง ส่องไฟไปข้างหน้าเห็นต้นไม้ใหญ่
"เอ๊ะ ทำไม เหมือนเพิ่งเดินผ่านมา"
มากส่ายหน้าไม่แน่ใจ เดินต่อไป
ทางด้านหลังมาก แม่นากปรากฏร่างขึ้น
"กลับบ้านเถอะพี่ เดินจนเช้าพี่ก็หาทางออกจากป่าไม่ได้หรอก"
มากยกคบไฟขึ้นส่องอีกครั้ง ก็วนกลับมาที่เดิม
มากมองไปรอบๆตัวอย่างแปลกใจ แล้วมากเริ่มรู้สึกเหมือนแผ่นดินหมุน ท้ายที่สุด ก็ล้มลงที่พื้น หมดสติไป
แม่นากก้าวเท้ามายืนตรงหน้า หน้าเศร้า ค่อยๆก้มลงลูบแก้ม มากเบาๆ
"พี่มากจ๋า ฉันขอโทษ ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้"
นากเศร้าน้ำตาไหล มากนอนสลบไม่ได้สติ
เวลาต่อเนื่องมา มากนอนอยู่บนเรือนของตัวเอง นากนั่งไกวเปลลูก มองมากด้วยแววตาเศร้า
เพลงกล่อมลูกดังขึ้น โหยหวน ในคืนเดือนแรม
เสียงเพลงกล่อมลูกนั้น ดังโหยหวน ได้ยินถึงเรื่อนอื่น
ชาวบ้านมรเรือน หันไปมองหน้ากัน แล้วรีบเข้ามุ้งนอน ชักผ้าห่มคลุมโปง
ชาวบ้านอีกเรือนหนึ่ง ปิดหน้าต่างปัง
อีกเรือนกอดกันกลม เด็กร้องไห้ระงม
พระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า บนเรือนขุนเพชร พวงจันทร์กับพิม กำลังนั่งกินข้าว มีปุกคอยดูแล
"อีปุก เอ็งไปดูทีว่าพ่อเพลิงตื่นหรือยัง"
"บ่าวไปเรียกตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ ทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้"
"งั้นข้าไปตามเอง"
"แม่จะไปไหนหรือจ๊ะ ทำไมต้องเอาพี่เพลิงไปด้วย ไปประเดี๋ยวก็ร้องกลับแล้ว เสียอารมณ์เปล่าๆ"
"ไม่ได้ งานนี้ พ่อเพลิงต้องออกโรงเอง"
พิมงง
" งานหรือ แม่จะให้พี่เพลิงเนี่ยนะ ไปทำงาน เหลวซะมากกว่า"
"พิมเอ๊ย เอ็งต้องให้โอกาสพี่เขาบ้างสิลูกเอ๊ย คราวนี้ แม่จะพาพ่อเพลิงไป บางพระโขนง!"
พิมหันไปมองแม่ตาค้าง
พวงจันทร์ยิ้ม เดินไป
"นี่ข้าหูไม่ฝาดใช่ไหม ยายปุก"
ในห้อง เพลิงกำลังโวยวาย
"เป็นตายยังไงกูก็ไม่ไปบางพระโขนง กูไม่ไป"
"พ่อเพลิงต้องไป"
เพลิงชะงัก เห็น พวงจันทร์ พิม กับปุกเดินเข้ามา เพลิงเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อน
"โธ่แม่จ๋า จะให้หนูไปบางพระโขนงทำไม มีงานอะไรใช้บ่าวไพร่ไปทำก็ได้ ไม่เห็นจะต้องถึงมือลูกเลย นะจ๊ะแม่จ๋า"
"งานนี้ ต้องให้พ่อเพลิงไปด้วย อย่ามัวรีรอ เดี๋ยวน้ำจะลง"
"แต่ว่าแม่จ๋า ฉันยังหวั่นๆข่าวลือ เรื่อง...เอ่อ"
"ผีอีนากน่ะหรือ ไม่ต้องวิตกไป ยิ่งมันอาละวาดก็ยิ่งดี"
"แม่คิดจะทำอะไรหรือ แม่ไม่กลัวมันทำร้ายฉันหรือ"
"โธ่ถัง พ่อเพลิง ผีมันจะมาทำอะไรพ่อเพลิงได้"
พวงจันทร์หยิบสร้อยทองเส้นโต พร้อมพระ แขวนให้เพลิง
"แม่จะให้ฉันไปทำอะไรกันแน่"
"เอ็งต้องไปกว้านซื้อที่ดินกับแม่ งานนี้ เอ็งจะต้องออกหน้า พ่อเพลิงต้องแสดงให้พ่อเพชรน่ะ รู้ฝีมือ ต่อไปพ่อเพลิงจะต้องปกครองบ้านเรือนแทนพ่อเพชรนะลูก"
พวงจันทร์วาดฝันให้เพลิงคิดตาม
"แต่ว่า ..."
"ไม่มีแต่....ถ้างานนี้สำเร็จ แม่จะหาเส้นเท่าหัวแม่มือ แขวนพระเลี่ยมทององค์ใหญ่ที่สุดให้พ่อเพลิงเลยนะลูก น่านะ ไปกับแม่เถอะ"
เพลิงตาโต
พิมมองสีหน้าวิตก
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่หน้าวัด ลุงปลอดเดินนำหลวงตา มาที่หัวสะพาน
"นิมนต์ หลวงพ่อรอตรงนี้ประเดี๋ยวนะขอรับ"
หลวงตาหยุดยืนรอ ลุงปลอด เดินไปปลดโซ่เรือแล้วชะงัก
" เฮ้ย"
ลุงปลอด มองไปที่กอสวะกอใหญ่ เห็นร่างปริกนอนคว่ำค้างอยู่บนกอสวะ
กลุ่มชาวบ้านยืนมุงดู ลุงปลอดนั่งมองศพปริกแล้วส่ายหน้า สัปเหร่อเอื้อมมือไปชักผ้าขึ้นมาคลุมหน้า
"เอ็งว่าอีปริกมันเป็นอะไรตาย"
"ท่าทางมันจะหัวใจวายตายนะ คอไม่ได้หัก แต่หน้าตาเขียวคล้ำ มันคงขาดอากาศหายใจ" สัปเหร่อว่า
ชาวบ้านซุบซิบกัน เสียงดัง
ทุ้ยบอก
"หรือว่า ผีอีนากมันจะหักคอยายปริกจริงๆ"
มั่นหันไปตวาด
"ไอ้บ้า พูดพล่อยๆแบบนี้ได้ยังไง ผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ"
"หรือไม่จริง เมื่อวานนี้ยายปริกเดินกลับบ้าน มันต้องผ่านทางบ้านอีนากไม่ใช่หรือ"
ทุกคนมองหน้ากัน เหมือนจะเห็นด้วย มั่นฮึดฮัด
"ถ้าไม่เห็นกะตา อย่ามาพูดให้เป็นเรื่อง"
เค้งบอก
"ยายปริกก็นะ เห็นกันหลัดๆ ไม่น่าหาเรื่องเลย ถ้ายอมให้พี่มั่นไปส่ง ก็จบเรื่อง คงไม่เป็นผีตามไปคุยกับอีนากมันหรอก"
โพล้งบอก
"ก็ดี จะได้คุยกันรู้เรื่องรู้ราว ผีกับผี คุยกันง่ายหน่อย"
ลุงปลอดด่า
"เอ็งสามตัวอยากคุยกับอีนากรู้เรื่องมั๊ยล่ะ"
ทุกคนคอหด ส่ายหน้าพร้อมกัน
"ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะเป็นฝีมือแม่นาก ฉันไม่เชื่อ"
มั่นผลุนออกไป
ลุงปลอดส่ายหน้า
"ตอนนี้ไม่รู้ว่าอีนากมันทำหรือไม่ได้ทำ แต่คนมันเชื่อกันไปทั้งบางแล้วละ"
ลุงปลอดส่ายหน้า
อ่านต่อหน้า 4
แม่นาก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ขบวนของพวงจันทร์เดินเข้ามาในบริเวณวัด เพลิงยุกยิก มองซ้ายมองขวาอย่างกังวล พิมหันไปยิ้มเยาะ
"ไงพี่เพลิง กลัวผีหรือ มีพระแล้วจะกลัวทำไมล่ะ"
"ข้าไม่ได้กลัว แค่ไม่ชอบมาวัด หุบปากเอ็งไปเลย นังพิม"
"ร้อนหรือ ก็ทำบาปไว้เยอะขนาดนั้นนี่นา แต่ว่า ไหนๆ ก็มาถึงบางพระโขนงแล้ว พี่จะไม่แวะไปจุดธูปขอขมาแม่นากด้วยตัวเองหน่อยหรือ จะได้ไม่เสียเที่ยว"
เพลิงชะงักเงื้อมือจะทุบ พิมลอยหน้าสู้
"กล้าทุบฉันหรือ กล้าทุบฉันก็กล้าร้องนะจะบอกให้"
"หยุดทั้งสองคนนั่นแหละ เข้ามาในวัดแล้วนะ พ่อเพลิง สำรวมหน่อย อย่าหลุกหลิก ส่วนเอ็งนังพิม อย่าวุ่นวายกับพี่เขา" พวงจันทร์หันไปทางปุก ที่แบกข้าวของเต็มมือื "อีปุก ให้มันไวเข้าเลย ต้วมเตี้ยมอยู่ได้ เร็วเข้า"
"นี่จะบ่ายแล้วนะเจ้าคะ ยังไงก็ไม่ทันเพลหรอก"
"ใครว่าข้าจะมาทำบุญ"
"อ้าว แล้วแม่จะไปไหนล่ะ"
"ข้าจะมาหาพ่อใหญ่ถึกตะหาก ทำบุญพระกินหมด จะทำทำไม เสียของ"
พวงจันทร์เดินนำหน้าไปกับปุก เพลิงมองหน้าพิมแล้วยกมะเหงก ก่อนจะรีบตามแม่พวงไป
พิมเบะปาก
"เฮอะ ว่าแล้วเชียว อย่างแม่เนี่ยนะ จะมาทำบุญ"
พิมเซ็ง แล้วชะงัก
"นั่นมัน"
พิมเห็นกลุ่มชาวบ้าน ช่วยกันแบกศพปริกไป
พิมสงสัยตามไป
บริเวณป่าช้า ชาวบ้านเดินสวนทางกลับมา พิมยืนสังเกตการณ์ แล้วสะกิดถาม
"มีคนตายหรือจ๊ะ"
"ใช่ อีปริกหมอตำแยน่ะสิ อยู่ดีไม่ว่าดี ดันไปหาเรื่องผีอีนากเข้า เจอดีเลยมั๊ยล่ะ"
"ผีแม่นาก แม่นากที่ตายไปตั้งนานแล้วน่ะหรือจ๊ะ"
"นี่คนต่างถิ่นล่ะสิ รู้มั๊ยผีอีนากมันเฮี้ยนยังกะอะไรดี มันฆ่าทุกคนที่ไปยุ่งวุ่นวายกับมัน คราวก่อนก็หมอผี มันไปขุดเอาลูกอีนากไปทำลูกกรอก โอ๊ย คอหักหมุนได้รอบเชียว"
พิมตกใจ
"ไม่จริงมั๊ง อะไรจะเฮี้ยนขนาดนี้"
"โอ๊ย เอ็งมาจากต่างถิ่นจะไปรู้อะไร พอตะวันตกดิน ไม่มีใครกล้าออกมาเดินเล่นหรอก ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน รีบกลับบ้านกลับช่องไปซะ"
ชาวบ้านไป พิมยืนนิ่งคิด
"อะไรกันนี่ แม่นากเป็นผีใจร้ายจริงๆหรือ"
"มาทำไมอีก"
พิมสะดุ้งโหยง หันกลับไป มั่นยืนจ้องอยู่ ท่าทางเอาเรื่อง
ณ เรือนพ่อใหญ่ถึก พวงให้ปุกแบกข้าวของมามากมาย
"เอาของมาทำไมกันมากมาย แค่มาเยี่ยมกระผมก็ดีใจมากแล้ว"
"ฉันมานี่ ก็เพราะคุณพี่ไหว้วานให้ฉันเป็นธุระ ไอ้ฉันก็นึกถึงพ่อใหญ่ถึกนี่แหละ คนคุ้นเคยกัน"
พ่อใหญ่ถึกทำหน้าอึดอัดใจ
พวงจันทร์ยิ้มมีเชิงหันไปมองหน้า เพลิง สองแม่ลูกยิ้มให้กัน
"ท่านขุนเพชรก็เคยมีพระคุณกับกระผมตั้งแต่ครั้งก่อน ถ้าไม่ได้ท่านขุน ผมคงไม่ได้เป็น พ่อใหญ่บางพระโขนงนี่หรอก คุณนายจะใช้สอยอะไรผมว่ามาได้เลยอย่าได้เกรงใจ"
พวงจันทร์ยิ้มพอใจ
"อีปุก เอ็งไปรอข้าที่วัดก่อน ประเดี๋ยวข้าเสร็จธุระแล้วข้าจะตามไป"
"เจ้าค่ะ"
ปุกลาไปอย่างรู้หน้าที่
"นี่พ่อเพลิง ลูกชายของฉัน ฉันอยากจะฝากฝังให้พ่อใหญ่ถึกช่วยแนะนำ"
เพลิงขยับขึ้นมาเสนอหน้า ยิ้มให้ถึก อย่างวางก้าม
ที่วัด มั่นกับพิมจ้องหน้ากัน
"มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่ามาทำบุญ"
พิมเมินหน้าไม่โต้ตอบ มั่นยิ้มเยาะ
"แต่ข้าว่า อย่างแม่คงไม่มาทำบุญหรอก คงมาเก็บดอกเบี้ยดอกหอย ไม่ก็มาหาที่ทำนาบนหลังชาวบ้านมากกว่า"
พิมค้อน
"ข้าตามแม่มาทำธุระ ทำไม เขาปักป้ายห้ามไว้หรือ"
"จะมาทำไม แม่ก็รู้ว่า พี่ชายแม่ ทำเรื่องไว้มากมายแค่ไหน"
"พี่ชายข้ากับข้ามันคนเดียวกันหรือ รู้จักแยกแยะหน่อยสิ"
สองคนจะแยกเขี้ยวใส่กัน
ลุงปลอดเดินมาอีกทางฟนึ่ง เห็นสองคนยืนจ้องหน้ากัน ก็กระแอม
"คุยอะไรกันอยู่หรือ แลจะถูกคอกันเชียวนะเอ็ง"
มั่นชะงัก หันไปมอง พิมถอยห่าง แล้วยกมือไหว้ลุงปลอด
"แม่หนูพิม มาทำอะไรถึงนี่ล่ะ"
"ฉันตามแม่มาธุระกับพ่อใหญ่ถึกน่ะจ๊ะ"
มั่นถามแทรก
"เรียบร้อยแล้วหรือ ลุงปลอด ชาวบ้านว่ายังไงบ้าง"
"จะไปว่าอะไร ชาวบ้านก็ลือให้แซ่ด ว่า อีปริกมันโดนอีนากหักคอ โอ๊ย ข้าละเหนื่อยใจ เดี๋ยวข้าขึ้นไปรายงานหลวงพ่อก่อนนะ เอ็งสองคนคุยกันไปก่อนก็แล้วกัน"
ลุงปลอดเดินขึ้นไป
มั่นเครียด
"บ้ากันไปใหญ่แล้ว"
พิมแปลกใจ
"ทำไมเอ็ง เอ่อ พี่ถึงต้องเดือดเนื้อร้อนใจขนาดนั้น"
"แม่จะไปรู้อะไร แม่นากน่ะ อาภัพนัก กว่าได้ครองรักครองเรือนกับไอ้มาก ก็ลำบากสาหัส ยังไม่ทันไรก็ต้องมาตายอีก แล้วตายไปยังไม่พ้นจะมีคำครหา คิดดูสิ แม่นากจะสงบได้หรือ"
พิมหันไปมองหน้ามั่นอย่างเห็นใจ
ที่เรือน มากรู้สึกตัว ฟื้นตื่นขึ้นมา มองซ้ายมองขวา หาแม่นาก ไม่เจอ
มากนิ่งคิด
เมื่อคืนที่ผ่านมา มากพลิกตัว ลืมตา มองเห็นภาพตรงหน้า แบบเบลอๆ เห็น ปริก ยืนอยู่ที่หัวสะพาน
ปริกหันไปมองมากที่นอนอยู่ในเรือนสีหน้าเศร้า
นากหันไปมองมากแล้ว เป่ามนต์
มากค่อยๆปิดตาลงช้าๆ
มากสีหน้าแปลกใจ
"หรือว่าเราจะฝันไป ยายปริกจะมาทำไมกลางค่ำกลางคืนแบบนี้"
มากค่อยๆลุกขึ้น แล้วเซ
ตอนนี้สภาพร่างกายของมาก ค่อนข้างทรุดโทรม เพราะมากมาอยู่กับแม่นากระยะนึง กินแต่ใบไม้ หนอน ร่างกายจึงทรุดโทรมกว่าปกติ
"ทำไมช่วงนี้ ถึงได้เวียนหัวบ่อยนักนะ นาก นากเอ๊ย"
มากลุกขึ้นเดินโซเซออกไปจากห้อง
นากยืนมองหลบอยู่ที่มุมห้อง มองไปที่หน้าประตู มีแสงแดดลอดเข้ามา
แม่นากสีหน้าร้อนใจ
พ่อมากเดินออกมาที่หน้าเรือนแล้วชะงัก เห็น ใบไม้หยากไหย่ เต็มบ้านไปหมด
"อะไรกันนี่ ทำไมบ้านมันถึงได้รกขนาดนี้ นาก นากอยู่ไหน"
"ฉันอยู่นี่จ๊ะพี่มาก"
มากหันมองไปตามเสียง เห็นนากนั่งอยู่ที่มุมมืด มากรีบเดินเข้าไป
"นากเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมมานั่งอยู่มืดๆตรงนี้"
"ฉันไม่สบายจ๊ะพี่ เมื่อครู่นี้มีพายุแรงเหลือเกิน ฉันเลยเข้ามาหลบ"
มากหันไปมองที่ชานเรือน เห็นบ้านรก หลังคามีตับจากหล่นลงมา
"ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวพี่จัดการเอง นากเอาไอ้แดงไปนอนในห้องเถอะ"
มากประคอง นากเดินกลับห้องไป
ที่นอกชานเรือน รกเต็มใบด้วยใบไม้แห้ง
มั่นนั่งหน้าเครียด พิมมองอย่างเห็นใจ เดินมานั่งข้างมั่น
"ถามจริงเถอะ อะไรทำให้ พี่....มั่น"
มั่นหันไปมองหน้าพิมดุๆ พิมชะงัก
"พี่ถึงได้คิดว่า ไม่ใช่ฝีมือแม่นาก"
"แม่นากน่ะคนดี จิตใจมีเมตตา ถึงตายไป ก็ไปเป็นผีที่ดี ไม่มีทางทำชั่วทำเลวได้หรอก"
" พี่พูดกับผีรู้เรื่องหรือ แล้วเคยเห็นกับตาหรือว่า ไม่ใช่ฝีมือแม่นาก อะไรกัน เชื่อลมๆแล้งๆ จะหาเหตุหาผลหน่อยก็ไม่ได้"
"ก็เหมือนที่พวกชาวบ้านพูดกันนั่นแหละ พูดไปพูดมา ก็แม่นากทำ ผีมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลือกันไป"
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมพี่ไม่ไปดูให้เห็นกับตาเล่า ว่าเรือนนั้นมีผีจริงหรือเปล่า ฉันก็อยากรู้ว่า ผีมันหน้าตาเป็นยังไง"
มั่นหันไปมองหน้าพิม
"ได้ เราไปดูให้เห็นกับตากัน"
มั่นลุกขึ้นเดินไป พิมแอบยิ้ม
"ดีสิ ฉันจะได้รู้ว่า พี่มากกลับมาพระโขนงหรือยัง"
พิมยิ้มสมใจแล้วรีบตามไป
ปุก ยืนชะเง้อคอมองหาพิม ลุงปลอดเดินลงมาจากศาลาวัด ปุกรีบวิ่งเข้าไปหา
"พ่อมัคนายก พ่อจำฉันได้ไหมจ๊ะ"
ลุงปลอดมอง
"อ๋อ แม่ปุก"
"ใช่จ๊ะ พ่อเห็นคุณหนูพิมของฉันไหมจ๊ะ"
"อ๋อ เห็นสิ เมื่อครู่นี้ เห็นยืนคุยกะไอ้มั่นอยู่ตรงนี้แหละ"
ปุกแปลกใจ
"ไอ้มั่นหรือ ใครเจ้าคะไอ้มั่นแล้วไปไหนแล้วซะล่ะ"
"ไอ้มั่นมันคนแถวนี้แหละ แต่ไม่ต้องห่วง ไอ้นี่มันคนดีใช้ได้ หรือว่า คุณหนูพิมจะวานให้มันพายเรือไปส่ง เขาเคยไปส่งกันตอนงานวัดครั้งก่อน"
" งานวัดคราวก่อนหรือเจ้าคะ"
"ใช่ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ไอ้มั่นมันคนดี ข้ารู้จักมันตั้งแต่เล็กแต่น้อย ข้าต้องขอตัวก่อนนะ มีคนตายอีกแล้ว เฮ้อ แม่ปุกก็อย่าไปฟังข่าวลือให้มาก มันก็ลือกันไปเรื่อยเปื่อย"
"ข่าวลือเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ พ่อมั่นน่ะหรือ"
"ไอ้มั่นจะไปมีข่าวลืออะไร มีแต่นังนาก พี่สะใภ้มันน่ะสิ แต่ไม่มีข่าวจริงหรอก มันก็แค่ข่าวโคมลอย"
"แม่นาก ผีแม่นากนี่หรือเจ้าคะ ตายจริง เป็นดองกับพ่อมั่นด้วยหรือ"
"ข่าวลือก็เป็นข่าวลือนั่นแหละ"
ลุงปลอดเดินไป ปุกนิ่งคิด สีหน้าวิตก
มั่นเดินจ้ำๆ พิมวิ่งตาม กระปลกกระเปลี้ย
"โอ๊ย จะรีบไปตามควายที่ไหน ช้าหน่อยสิ ฉันเหนื่อยนะ"
"ใครใช้ให้ตามมาเล่า เดินไม่ทันก็กลับไปซะ ทำเป็นผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน จะทำมาหากินอะไรได้"
"แอบด่าฉันหรือ ฉันได้ยินนะ"
"ทีอย่างนี้ละหูดี ฉันรีบ แม่จะมัวแต่กรีดกรายเก็บดอกไม้อยู่หรือ ไม่เข้าเรื่อง"
พิมหอบ
"ฉันไม่ได้กรีดกราย แต่ฉันเดินตามควายอยู่ ไปสิ เดินนำไป"
มั่นนิ่งคิด งง แล้วก็เดินนำหน้าไป พิมเบ้ปากใส่
"พี่นั่นแหละ ไอ้ทุย"
พิมรีบวิ่งตามมั่นไป
ในเรือน มากจับมือแม่นากไว้
"พักผ่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ ข้าวปลาพี่หากินเองได้"
"ไม่ต้องหรอก พี่ต่างหากต้องพัก"
แม่นากลุกขึ้น พ่อมากกดให้แม่นากนอน
"ไม่ต้อง พี่จะไปหาปลามากินสักตัว รู้สึกมันโหยๆยังไงชอบกล"
นากนิ่งชะงัก
"พี่อย่าไปไกลนะ ฉันเป็นห่วง แถวนี้มันรก กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอมาซุ่ม"
"ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ไปไหนไกลหรอก พี่อยากจะซ่อมหลังคาซักหน่อย มันผุพังเหลือเกิน นอนเถอะนะ"
มากลุกขึ้นไป หยอกลูกที่เปล หันมายิ้มให้นาก แล้วเดินลงเรือนไป
แม่นากถอนหายใจหนักอก
พวงจันทร์กับเพลิง เดินคุยกันมาหนุงหนิงประสาแม่ลูก
"เห็นมั๊ย งานมันไม่ได้ยากเย็น เราได้พ่อใหญ่ถึกเป็นไม้เป็นมือ เรื่องกว้านซื้อที่ดิน มันไม่ใช่เรื่องยาก"
"แหม แม่ของฉันนี่ฉลาดจริงๆ ฉันรู้เลย ว่าได้ความฉลาดจากใครมา"
"จะไปยากอะไร ทีนี้ เราก็รอดูจังหวะ ยิ่งข่าวลือเรื่องผีอีกนากมันกระฉ่อนเท่าไหร่ พระโขนงก็จะเป็นหมู่บ้านร้าง ราคาที่มันจะต่ำยิ่งกว่ากว่าขี้หมาใต้ถุนบ้านซะอีก คอยดู"
"ว่าแต่ ฉันก็ยังเกรงเรื่องนี้อยู่นะ "
"ไม่ต้องเป็นห่วงดอก พ่อเพลิง ผีมันต้องกลัวแม่สิ เราเป็นคนจะไปกลัวผีทำไม"
สองแม่ลูกหัวเราะร้ายใส่กัน
ปุกเดินมา ร้อนรน
"อีปุก ข้าให้ไปตามลูกข้า แล้วทำไมกลับมาคนเดียว แม่พิมไปไหนเสีย"
"คุณนายเจ้าขา อิฉันมีข่าวใหญ่"
"ข่าวอะไรของเอ็งนังปุก"
"ก็เรื่องผีแม่นากนั่นแหละค่ะ นี่ข่าวว่า เมื่อคืนมันเพิ่งหักคอหมอตำแยที่ทำคลอดมัน ฝังไปสดๆร้อนๆ วันนี้เอง"
เพลิงชะงักตาตั้ง
พิม มั่น เดินลัดเลาะเข้ามาถึงเขตเรือนของแม่นาก ทั้งคู่หยุดยืนมอง เห็น เรือนตรงหน้า รกเรื้อ
"คราวที่แล้ว ยังไม่โทรมแบบนี้นี่นา อย่าว่าแต่คนอยู่ได้เลย ผียังอยู่ลำบาก"
มั่นถลึงตามองพิม
"ทำไม จะกดราคาซื้อหรือ"
"อะไรกัน พูดจาดีๆน่ะเป็นมั๊ย อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนแล้วนะยังจะมาทำปากไม่ดีใส่ข้าอีก"
"แน่ใจนะว่าไม่กลัว งั้นขึ้นไปดูบนเรือนด้วยกัน จะได้รู้ว่าเรือนนี้ ผีหรือคนอยู่"
มั่นคว้ามือพิม ลากขึ้นไปบนเรือน พิมร้องโวยวาย
"จะทำอะไร ถามก่อนสิว่ามีใครอยู่มั๊ย"
"โยกโย้จริงๆ ได้ ถามก็ได้ ไอ้มาก แม่นาก มีใครอยู่มั๊ย ข้าไอ้มั่นมาหานะ"
มั่นยืนตะโกน พิมมองค้อน
มากกำลังฟันต้นจาก นกบินพรึบขึ้นจากต้นไม้ มากชะงัก
"ไอ้มาก แม่นาก"
มากชะงัก เงี่ยหูฟัง
"เสียงใครวะ"
มากเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
ในเรือน แม่นากชะงัก หันขวับไปมองที่หน้าบ้าน
"จะมากันทำไม ทำไมชอบยุ่งเรื่องของข้านักนะ"
แม่นากมองหน้าดุ
บนชานเรือน มั่นกับพิม
"จะตะโกนทำไม อยู่แค่นี้เอง เป็นบ้าหรือไง"
"ก็แม่บอกให้เรียกก่อนไง"
พิมมองหน้ามั่นแล้วค้อน
"บ้าไปแล้ว ถ้ามีคนอยู่ เขาก็หูแตกตายแล้วล่ะ
"ไหนว่าจะมาดูให้เห็นกะตาไง ไปสิ"
มั่นคว้ามือพิมลาก พิมทำหน้าหวาดเสียว แต่ก็ยอมเดินขึ้นมาโดยดี พิมหลบหลังมั่น
มั่นค่อยๆเอื้อมมือไปจะจับประตู
แม่นากหน้าตาอ่อนล้าพยายามรวบรวมกำลัง เพื่อปรากฏร่าง สีหน้าแม่นากเครียด
นอกเรือน เกิดพายุพัด ลมแรง เหมือนลมบ้าหมู พัดกิ่งไม้กระเด็นมาที่หลังคาบ้านแม่นาก
มั่นกับพิม มองรอบๆตัว แบบหวาดๆ
มั่นเปิดประตูพรวดอย่างแรง ประตูเปิดออก
อ่านต่อตอนที่ 8