กาญจนบุรี - ชาวตำบลกลอนโด อำเภอด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี รวมตัวคัดค้านบริษัทเอกชนเตรียมดำเนินการก่อสร้างฟาร์มหมูขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ หลังทำประชาคมเพียงแค่หมู่เดียว ด้านลุงอายุกว่า 63 ปี เผยถูกโทรศัพท์ลึกลับโทร.ขู่
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (20 มิ.ย.) นางอุษา ชาวศรีทวน อายุ 52 ปี นายสมนึก ผิวสุข อายุ 63 ปี แกนนำ พร้อมด้วยชาวบ้านหมู่ 4 หมู่ 6 และหมู่ 11 ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณหอประชุมโรงเรียนวัดหนองบัว หมู่ 4 ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เพื่อรับฟังคำชี้แจงจากบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่เตรียมดำเนินการก่อสร้างฟาร์มหมูขนาดใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ในเขตพื้นที่หมู่ 6 ต.กลอนโด โดยมี นางเบญจมาศ ลิขิตวัฒนกิจ ผอ.โรงเรียนวัดหนองบัว เป็นผู้ประสานให้บริษัทดังกล่าวส่งตัวแทนมาชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจต่อชาวบ้านที่มารอรับฟังมากกว่า 200 คน มี ร.ท.อัศวิน ศานติวรางกูล หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ พัน ซบร.พร้อมกำลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านมะขามเตี้ย คอยดูแลความสงบเรียบร้อย
ระหว่างรอ นายวิเชียร เอกศิริวรานนท์ กำนันตำบลกลอนโด ได้ออกมากล่าวต่อชาวบ้านที่หน้าเวทีว่า จากกรณีชาวบ้านหมู่ที่ 6 ชุมชนหนองบัว บริเวณพื้นที่ที่มีผลกระทบ และหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 11 หมู่บ้านข้างเคียง จำนวน 222 คน และเจ้าอาวาสวัดหนองบัว รวมทั้งโรงเรียนวัดหนองบัว โดยผู้บริหาร คณะครูนักเรียนได้มาร้องขอให้ตนคัดค้านการสร้างฟาร์มเลี้ยงสุกร ถึงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอด่านมะขามเตี้ย ซึ่งตนก็ได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยขอให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอด่านมะขามเตี้ย ดำเนินการตามข้อร้องเรียนของผู้ที่คัดค้านรวม 4 ข้อ คือ 1.ให้ตรวจสอบการทำประชาคมที่ลงมติผ่านให้สร้างฟาร์มเลี้ยงสุกร ที่จัดขึ้นบริเวณศาลาประชาคมหมู่ที่ 6 เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา 2.หมู่บ้านข้างเคียงที่มีผลกระทบก็สมควรที่จะให้มีการทำประชาคมด้วย เพราะราษฎรหมู่ที่ 11 เคยได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3 พื้นที่ใกล้เคียงกับหมู่ 11 มาแล้ว โดยผ่านการทำประชาคมเฉพาะหมู่ 3 เท่านั้น
3.ให้ตรวจสอบระยะขจัด ว่า ขอบเขตพื้นที่ฟาร์มมีความห่างจากบ้าน ชุมชน วัด และโรงเรียนตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดเอาไว้หรือไม่ และ 4.ให้ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีหน่วยงานทหาร หน่วยงานภาครัฐ และให้นำชาวบ้านที่ลงชื่อคัดค้าน รวมทั้งตัวแทนวัด ตัวแทนโรงเรียน และเด็กนักเรียนที่ออกมาคัดค้านไปเยี่ยมชมกิจการ และระบบฟาร์มจริง และที่ผ่านมาชาวบ้านที่คัดค้านบางรายได้มีคนโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ให้ยุติการเคลื่อนไหวคัดค้าน นี่คือรายละเอียดทั้งหมดที่ชาวบ้านร้องขอให้ตนดำเนินการ ซึ่งก็ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และมาทราบภายหลังว่า เอกสารดังกล่าวทางอำเภอด่านมะขามเตี้ย ได้ส่งต่อมาให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลกลอนโด ซึ่งก็สร้างความสงสัยให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
โดยหลังจากที่ นายวิเชียร เอกศิริวรานนท์ กล่าวต่อชาวบ้านแล้วเสร็จ ก็ได้เชิญตัวแทนจากอำเภอด่านมะขามเตี้ย ไปที่หน้าเวทีเพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน แต่ก็มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย นายวิเชียร จึงร้องขอให้ชาวบ้านนั้นใจเย็นๆ และเชิญตัวแทนของออำเภอออกไป และดำเนินการพูดคุยกุบชาวบ้านต่อ
ต่อมา เวลาประมาณ 14.40 น.นางเบญจมาศ ลิขิตวัฒนกิจ ผอ.โรงเรียนวัดหนองบัว จึงมาพบกับชาวบ้านเพื่อแจ้งให้ทราบว่า ตัวแทนของบริษัทขอยกเลิกการชี้แจง เนื่องจากทราบว่า มีชาวบ้านเป็นจำนวนมากมารวมตัวประท้วง สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนั้น นางเบญจมาศ จึงตัดสินใจโทรศัพท์ประสานกลับไปหาตัวแทนของบริษัท และร้องขอให้รีบเดินทางมาชี้แจงต่อชาวบ้าน โดยไม่ต้องกลัวว่าชาวบ้านจะทำร้าย พร้อมกับขอรับรองด้วยเกียรติของ ผอ.โรงเรียน และการันตีความปลอดภัย เนื่องจากมีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ สุดท้ายตัวแทนของบริษัทจึงได้ตอบตกลงที่จะเดินทางมาชี้แจง โดยขอเวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที
ซึ่งตลอดเวลา นางเบญจมาศ ได้พูดคุยโทรศัพท์ผ่านไมโครโฟนเพื่อให้ชาวบ้านได้รับทราบไปด้วย จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น.ได้มีตัวแทนจากบริษัทฯ เป็นชาย 2 คน เดินทางมาถึงพร้อมกับพยายามอธิบายเพื่อชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการด้านธุรกิจฟาร์มหมูให้ชาวบ้านทั้งหมดได้เข้าใจ รวมทั้งอธิบายเกี่ยวกับการกำจัดมูลของหมูที่ชาวบ้านเกรงว่าอาจจะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านว่าจะนำไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า แต่ชาวบ้านต่างก็ไม่ยินยอม ตัวแทนบริษัทจึงเดินทางกลับทันทีโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
ด้าน นางอุษา ชาวศรีทวน 1 ในแกนนำเปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวชื่อบริษัทอินเทคสุกร ฟาร์มหมู ทราบว่า มาจากจังหวัดนครปฐม ซื้อที่ดินเพื่อสร้างฟาร์มหมูประมาณ 350 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 6 โดยมีการทำประชาคมเฉพาะพื้นที่หมู่ 6 เท่านั้น โดยที่ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ได้มีส่วนร่วม คือ หมู่ 4 และหมู่ 11 ทั้งที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกัน และอยู่ห่างจากฟาร์มหมูที่กำลังดำเนินการนำรถแบ็กโฮไปขุดบ่อเพียงประมาณ 400 เมตรเท่านั้น ซึ่งตนและชาวบ้านจะพร้อมใจกันคัดค้านไม่ให้มีการสร้างฟาร์มหมูขึ้นอย่างเด็ดขาด
หากการคัดค้านไม่ได้ผลคงต้องเดินทางเข้าพบรัฐบาลเพื่อร้องคัดค้านต่อไป ซึ่งฟาร์มหมูดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะมีผู้นำท้องถิ่นเป็นผู้นำเข้ามา โดยมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ปัจจุบันชาวบ้านเริ่มเกิดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแล้ว
ส่วน นายสมนึก ผิวสุข อายุ 63 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 เปิดเผยว่า ฟาร์มดังกล่าวมากว้านซื้อที่บริเวณโดยรอบที่ดินของตนไปหมดแล้ว ส่วนที่ดินของตนอยู่ตรงกลาง และด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ ทางเจ้าของก็พยายามขอซื้อที่ดินของตน แต่ตนไม่ยอมขาย เพราะต้องการเก็บที่ดินเอาไว้ทำกิน และให้ลูกหลาน และตนก็คัดค้านไม่ให้มีการสร้างฟาร์มหมูมาโดยตลอด เพราะหากสร้างเสร็จก็คงจะทนดมกลิ่นของขี้หมู่ไม่ได้อย่างแน่นอน และเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากชายลึกลับคนหนึ่ง โดยใช้เบอร์โทรจากตู้โทรศัพท์ เมื่อตนรับสายก็ได้รับเสียงข่มขู่ว่า ตนจะกินข้าวต่อหรือกินอย่างอื่นแทน หากต้องการกินข้าวอยู่ก็ขอให้หยุดคัดค้านการก่อสร้างฟาร์มหมู ซึ่งตนพยายามสอบถามว่าเป็นใครแต่ชายคนดังกล่าวก็ได้วางสายโทรศัพท์ไป ซึ่งตนก็ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทุกคนทราบแล้ว
นางเบญจมาศ ลิขิตวัฒนกิจ ผอ.โรงเรียนวัดหนองบัว กล่าวว่า ตนทราบเพียงแต่ว่าจะมีการสร้างฟาร์มหมูขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าฟาร์มหมูจะสร้างที่จุดใด ซึ่งไม่นานมานี้ตนก็ได้ลงชื่อคัดค้านการสร้างฟาร์มหมู และก็ได้รับการติดต่อจากทางบริษัทว่าจะขอเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งตนก็แปลกใจ จึงสอบถามไปว่า ทำไมต้องมาชี้แจง ตัวแทนของบริษัทก็ตอบกลับมาว่า ผอ.ลงชื่อคัดค้านจึงขอเข้ามาชี้แจงให้ทราบ และก็มาทราบภายหลังว่า หนังสือคัดค้านทางอำเภอส่งกลับมาที่ อบต.กลอนโด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงตัดสินใจนัดหมายให้ตัวแทนของบริษัทมาชี้แจงให้แก่ชาวบ้านที่คัดค้านได้รับทราบข้อมูลพร้อมๆ กัน โดยจะขอเป็นคนกลาง และจะไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว คำว่า ฟาร์มหมู จะต้องมีภาวะของกลิ่นมารบกวนอย่างแน่นอน นอกจากปัญหาเรื่องกลิ่นแล้ว จะต้องมีปัญหาเรื่องของแมลงวันตามมา เพราะปัจจุบันในพื้นที่ก็มีฟาร์มเลี้ยงไก่ด้วย เมื่อเด็กนักเรียนเข้าไปกินอาหารที่โรงอาหารจะพบว่า มีแมลงวันอยู่เป็นจำนวนมาก และหากมีฟาร์มหมูขึ้นมาอีก เด็กๆ นักเรียนที่มีอยู่กว่า 100 คน จะต้องได้รับผลกระทบต่อการเรียนอย่างแน่นอน