xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายรักขุนตัดหวายยื่นหนังสือขอระงับโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 หวั่นกระทบ สวล. และสุขภาพทวีคูณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายรักขุนตัดหวาย อ.จะนะ จ.สงขลา เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่ออุตสาหกรรมจังหวัด และนายอำเภอจะนะ ขอระงับโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพประชาชนเป็นทวีคูณ

วันนี้ (10 มี.ค.) เครือข่ายรักขุนตัดหวาย ได้เข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา อบต.ขุนตัดหวาย และนายอำเภอจะนะ เพื่อขอระงับการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 ในพื้นที่ ต.ขุนตัดหวาย อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมีผู้ช่วยอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา นายอำเภอจะนะ เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน และรับฟังปัญหาข้อร้องเรียนของเครือข่าย

น.ส.ศศิธร เจริญศรี เครือข่ายรักขุนหวาย กล่าวว่า ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านขุนตัดหวาย อ.จะนะ จ.สงขลา ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 1 ซึ่งมีเสียงดังในเวลากลางคืน มีการปล่อยน้ำเสียลงในคลองหรา คลองสำคัญของบ้านขุนตัดหวาย และจะมีกลิ่นเหม็นแสบจมูก ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นสารเคมี หรือกลิ่นไม้ที่ทางโรงงานนำมากองทับถมกันเป็นจำนวนมากหรือไม่

คนที่อยู่ห่างโรงไฟฟ้าชีวมวลระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ได้รับกลิ่นรุนแรงมาก และล่าสุด จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 ในบริเวณใกล้เคียงกัน ผลกระทบก็จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ตอนนี้ผลกระทบเพียงโรงเดียวก็จะทนไม่ไหวแล้วยังจะสร้างเพิ่มขึ้นอีก จึงอยากขอระงับการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 ในพื้นที่ ต.ขุนตัดหวาย
 

 
ด้าน น.ส.โสภิดา ชัวชมเกตุ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลจากเศษไม้ยางพารา ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ขุนตัดหวาย อ.จะนะ จ.สงขลา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สงขลาไบโอแมส จำกัด ซึ่งได้ดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2558 พบว่า ปัจจุบันได้เริ่มส่งผลกระทบต่อชุมชนในหลายๆ ด้าน เช่น ปัญหากลิ่นเหม็นจากเศษไม้ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง ปัญหาเสียงดัง และน้ำเน่าเสียในแหล่งชุมชน

น.ส.โสภิดา กล่าวอีกว่า ล่าสุด ในปี 2559 ทางชุมชนทราบว่า ได้มีการจัดซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียง (ห่างจากโรงไฟฟ้าโรงที่ 1 เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร) ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ขุนตัดหวาย เช่นกัน เพื่อเตรียมการสร้างโรงไฟฟ้าโรงที่ 2 ซึ่งการจัดการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สงขลาไบโอเพาเวอร์ จำกัด ทางชุมชนพิจารณาเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างแน่นอน
 

 
และเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ทางบริษัท สงขลาไบโอเพาเวอร์ จำกัด ได้มีการประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจ และความจำเป็นเรื่องความต้องการไฟฟ้าโดยรวม และข้อดีของการมีโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทางตัวแทนกลุ่มคนรักษ์ขุนตัดหวาย ได้สอบถามไปยังบริษัทดังกล่าว แต่มิได้คำตอบในหลายประเด็น เช่น ความจำเป็น หรือสาเหตุที่ทำให้ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขึ้น 2 โรงในพื้นที่ตำบลเดียวกัน ไฟฟ้าขาดแคลนจริงหรือไม่ ปริมาณเชื้อเพลิงที่นำมาใช้ (เศษไม้ยางพารา หรือไม้อื่นๆ) มีเพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงหรือไม่ หากขาดแคลนเชื้อเพลิงการจัดการต่อไปจะทำอย่างไร ทางชุมชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการลักลอบนำถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิงด้วย

ขณะที่แหล่งน้ำ และระบบนิเวศในชุมชน เริ่มมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสื่อมโทรมจากการดำเนินการผลิตไฟฟ้าของโรงที่ 1 หากมีโรงที่ 2 เกิดขึ้นผลกระทบดังกล่าวจะเพิ่มเป็นทวีคูณ ดังนั้น ทางชุมชนจึงเสนอให้ทางบริษัทดังกล่าวจัดการระบบนิเวศให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เช่นเดิม ก่อนการพิจารณาสร้างโรงไฟฟ้าโรงที่ 2 ปริมาณฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ส่งผลกระทบต่อชุมชน ถึงแม้ว่าทางโรงไฟฟ้าโรงที่ 1 จะมีการตรวจวัด และรายงานผกระทบต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การกระทำดังกล่าวมีความถี่ในการตรวจวัดปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 6 เดือน ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับการผลิต และผลกระทบที่ชุมชนได้รับ
 

 
น.ส.โสภิดา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ภายหลังจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบและบริเวณใกล้เคียง พบว่า ชาวบ้านทุกหลังคาเรือนให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน คือ หลังจากการดำเนินงานโรงไฟฟ้าโรงที่ 1 ไม่นานชาวบ้านก็เริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินทายใจ ฝุ่นละอองจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านหายใจติดขัด กลุ่มผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และเด็กเล็กเริ่มมีอาการไอเรื้อรัง ปัญหาเรื่องเสียงมีเสียงดังเป็นช่วงๆ ไกลกว่า 4 กิโลเมตร

ปัญหาการใช้น้ำ ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าโรงที่ 1 ประสบปัญหาเรื่องน้ำใช้ขาดแคลน จึงมีการขุดเจาะน้ำใต้ดินมาใช้ประโยชน์ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงกังวลว่า ในอนาคตอันใกล้ชาวบ้านอาจต้องซื้อน้ำใช้ เช่นเดียวกับหลายๆ พื้นที่ก็เป็นได้ ปัญหาเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของผลกระทบที่ชาวบ้านได้เริ่มสัมผัสด้วยตัวเอง สิ่งที่ชาวบ้านพบเจอยังรวมถึงเรื่องของความปลอดภัยในการคมนาคมที่มีรถบรรทุกจำนวนมากขึ้น
 

 
ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลเสียเพียงชาวบ้านในพื้นที่ ต.ขุนตัดหวายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเช่นเดียวกัน ดังนั้น ขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้ระงับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล แห่งที่ 2 ของ ต.ขุนตัดหวาย ตามอำนาจหน้าที่ที่พอจะช่วยประชาชนในพื้นที่ที่มีผลกระทบโดยตรง

ด้าน นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอจะนะ กล่าวว่า การดำเนินการของโรงไฟฟ้าชีวมวลนี้ ทางโครงการโรงไฟฟ้าไม่เคยแจ้งทางอำเภอให้ทราบ เพราะกระบวนการนี้จบอยู่ที่การพิจารณาของสภา อบต. ซึ่งเป็นความลักลั่นของกฎหมาย แต่เมื่อเกิดปัญหาหรือผลกระทบทางอำเภอจะต้องเข้ามาดูแลจัดการ การตั้งโรงงานในชุมนเป็นเรื่องที่ดีคนในชุมชนได้มีงานทำ แต่จะต้องคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนในพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้มีการกว้านซื้อที่ดินใกล้โรงเรียนจะนะชนูปถัมภ์ อีกหนึ่งแห่งด้วย เรื่องนี้ทาง อ.จะนะ จะส่งเรื่องไปยังจังหวัด พลังงานจังหวัดต่อไป
 

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น