นครศรีธรรมราช - ประปา ทน.นครศรีธรรมราช ยังวิกฤต หลายฝ่ายข้องใจแหล่งน้ำสำรองไม่ถูกนำมาใช้ จับตาเตรียมเข็นโครงการยักษ์ซื้อน้ำเอกชน นักการเมืองคนดังเตรียมพื้นที่รับประโยชน์เชื่อมเงาเอกชนบริษัทน้ำชื่อดังใกล้ชิดพรรคการเมืองใหญ่เตรียมรับสิทธิขายน้ำดิบ 30 ปี
วันนี้ (4 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า สถานการณ์การขาดแคลนน้ำประปาในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และท้องถิ่นใกล้เคียงที่เป็นลูกค้าของสำนักการประปาเทศบาลเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ยังคงประสบปัญหาต่อการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งทิศใต้ของเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ส่วนทางตอนกลางของพื้นที่ และโซนทิศเหนืออยู่ในภาวะไหลน้อย หรือหยุดไหล ทำให้ต้องหาซื้อน้ำมาใช้ในครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ตั้งจุดบริการน้ำเพียงใช้แท็งก์ขนาด 2 พันลิตร วางบริการตามจุดต่างๆ โดยให้ประชาชนมารองรับขนกลับไปใช้เอง ขณะที่พ้นที่บริการน้ำในระบบจำหน่ายของสำนักการประปาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ในพื้นที่ย่านใกล้เคียงกับโรงกรองน้ำบ้านทวดทอง ตำบลโพธิ์เสด็จ แม้ห่างเพียงไม่ถึง 2 กม. การใช้น้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตของผู้ใช้น้ำเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ถูกประชาสัมพันธ์ออกมาเป็นระยะว่า มีน้ำเพียงพอเนื่องจากมีแหล่งน้ำสำรอง 2 แหล่ง คือ บริเวณบ้านวังก้อง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าของบ่อได้อนุเคราะห์ให้สูบน้ำในแหล่งนี้แบบให้เปล่า และอีกจุดคือ บริเวณตำบลนาทราย อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช เป็นบ่อน้ำในเหมืองทรายเก่าของผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่ง โดยเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ต้องเช่าใช้ถึงปีละกว่า 3 แสนบาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า วิกฤตการขาดแคลนน้ำ แหล่งน้ำทั้ง 2 แหล่งนี้ถูกสูบมาใช้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ขณะที่ความสนใจในการแก้ไขปัญหากลับไม่เป็นไปตามความต้องการของประชาชนเท่าที่ควร ท่ามกลางสถานการณ์ในการขาดแคลนน้ำใช้ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช กลับให้ความสำคัญต่อการวาดรูปน้ำตกสามมิติบนบันไดสะพานลอยเป็นเรื่องสำคัญกว่า โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าใช้งบประมาณในการนี้ไปมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากไม่มีป้ายประชาสัมพันธ์ มีเพียงป้ายห้ามขึ้นใช้สะพานลอยชั่วคราวเนื่องจากต้องการให้ผู้บริหารมาทำพิธีเปิดใช้ก่อน
อดีตข้าราชการรายหนึ่งผู้ซึ่งติดตามความไม่ปกติของการผลิตน้ำ โดยสำนักการประปาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มาอย่างต่อเนื่อง และเก็บข้อมูลทั้งหมดเพื่อดำเนินการในการตรวจสอบเชิงลึก ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไม่สามารถสูบน้ำจากแหล่งน้ำสำรองทั้ง 2 แหล่งมาใช้อย่างเต็มที่ เป็นเพราะข้ออ้างในการขาดแคลนน้ำดิบเพื่อที่จะหาช่องทางในโครงการจัดซื้อน้ำจากเอกชนใช่หรือไม่
“บังเอิญว่ามีข้อมูลพอสมควรพบว่า อดีตนักการเมืองระดับชาติบางคนกำลังเคลื่อนไหวเพื่อดึงเอาบริษัทเอกชนที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการขายน้ำ ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ที่อดีตนักการเมืองรายนี้สังกัดอยู่ ได้ให้คนใกล้ชิดของอดีตนักการเมืองรายนี้จัดการกว้านซื้อที่ดินย่านชานเมืองนครศรีธรรมราช ที่มีพื้นที่เหมาะสมเป็นแหล่งน้ำสำหรับสูบส่งขาย ประกอบกับเป็นเรื่องที่ประจวบเหมาะมากอีกที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ทุ่มทุนวางท่อไปในพื้นที่ใกล้เคียงกับย่านนั้นพอดี”
อดีตข้าราชการรายนี้ยังกล่าวว่า หากมีบริษัทน้ำเข้ามาที่นครศรีธรรมราชจริงตามข้อมูล คิดเอาว่าเขาจะหาแหล่งน้ำจากจุดไหนที่ใกล้กับตัวเมืองนครศรีธรรมราช หากบริษัทนั้นเข้ามาเท่ากับว่าเป็นผู้ซื้อน้ำจากแหล่งน้ำของเครือข่ายอดีตนักการเมืองระดับชาติรายนี้ เท่ากับว่าจะสามารถแสวงหาประโยชน์ได้อย่างยาวนานเป็นเกมธุรกิจน้ำที่น่าสนใจ หากกล้าสุ่มเสี่ยงลงทุน และเชื่อมโยงกันได้กับเทศบาลนครนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ ในช่วงของการใช้อำนาจของ คสช.เปิดขยายการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่นในขณะนี้ต้องจับตาดูว่า เทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีความกล้าเพียงพอที่จะทำโครงการซื้อน้ำจากเอกชนระยะยาวเข้ามาอีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่ครั้งที่แล้ว โครงการนี้ซึ่งมีรูปแบบการการผูกขาดระยาวถึง 30 ปี มูลค่ากว่า 6,800 ล้านบาทตกไป เนื่องจากแรงเสียดทางจากสภา และจากกระแสสังคมที่ไม่ไว้วางใจในการบริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ท่ามกลางหลายปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างมาก
โดยพบว่า จะมีการเปิดประชุมสภาอีกครั้งในวันที่ 17-18 พ.ค.59 กระแสข่าวสะพัดอีกครั้งว่า โครงการเดิมที่ตกไปนั้นจะถูกปรับปรุงรูปแบบ และนำกลับเข้ามาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้สภาอนุมัติท่ามกลางความสนใจจากหลายฝ่าย ซึ่งหากมีการนำโครงการเข้ามาจริง ข้อมูลจะมีการเชื่อมต่อกัน และสอดคล้องกันต่อกระแสอย่างมาก