แม่นาก ตอนที่ 17
ชมนาดประคองมากให้ลุกขึ้น ทั้งสองคนมองหน้ากัน
มุมหนึ่งห่างออกมา เพลิงยืนแค้น หมึกกับเก่งมองหน้ากันอย่างหวาดเสียว
"เพราะอย่างนี้แหละ กูถึงต้องกำจัดไอ้มากให้ได้"
เก่งบอก
"ดูท่าทางคุณชมนาดคงจะมีใจให้ไอ้มาก ไม่อย่างนั้นจะใกล้ชิดกันขนาดนี้รึ ทีกะพี่เพลิงน่ะ"
เพลิงหันขวับมามองเก่ง เพลิงต่อยเก่งอย่างแรง ตนกระเด็นไป หมึกรีบไปประคอง
"เรื่องของกู มึงไม่ต้องมาตอกย้ำ"
หมึกกับเก่งก้มหน้า
"กูไม่คิดว่าจะสนิทสนมกันถึงขนาดนี้ ไอ้มากมันมีดีกว่ากูตรงไหน ผู้หญิงถึงได้รักได้หลงมันหนักหนา ตั้งแต่อีนาก ตอนนี้ก็คุณชมนาด"
เพลิงหันมองอีกครั้ง เห็นมากกำลังประคองชมนาดอยู่
"ไอ้มาก คราวนี้ กูจะให้มึงรู้ว่า การถูกแย่งของรักน่ะ มันเป็นยังไง"
เพลิงแค้นสะบัดหน้าไปทันที
ชมนาดกับมากยืนใกล้ชิดกัน
ชมนาดรู้ตัว ปล่อยมากช้าๆ อ้อยอิ่ง
"กระผมอยากกลับบ้าน อยู่เรือนพ่อใหญ่ถึกนานวัน กระผมอึดอัด"
"อยู่ต่ออีกสักหน่อย เถอะนะพี่ ฉันกังวลว่า คนที่ปองร้ายพี่จะหวนกลับมาอีก"
"ถ้ามันหวนมาอีก กระผมจะสู้ให้สุดชีวิต กระผมไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว"
มากหันไปมองหลุมศพนาก ชมนาดถอนหายใจ
"พี่รักแม่นากถึงเพียงนี้เชียวหรือ"
มากนิ่งไม่ตอบ ชมนาดมองมากแล้วฮึด
"สักวันฉันจะทำให้พี่รู้ว่า ว่าฉันก็คู่ควรกับความรักของพี่เช่นกัน"
มากยิ้มน้อยๆ มองชมนาดอย่างสงสาร
"เรากลับกันเถอะขอรับ"
มากเดินไป ชมนาดมองตาม ไม่ยอมแพ้
นากนั่งกอดเข่าอยู่ในหม้อใต้แม่น้ำ เงยหน้าขึ้นร้องไห้รำพัน
"พี่มากจ๋า พี่อยู่ที่ไหน ฉันทรมานเหลือเกิน พี่มากอยู่ที่ไหน มาช่วยฉันที"
นากร้องไห้คร่ำครวญ
"ไอ้พวกคนใจบาป กูไปทำอะไรให้พวกมึง ทำไมต้องทำกับกูถึงเพียงนี้"
นากคับแค้นใจ
มากเก็บข้าวเก็บของอยู่หน้าเรือน แล้วยกมือไหว้พ่อใหญ่ถึก
"ขอบใจพ่อใหญ่ถึกที่ช่วยเหลือ พวกฉัน"
"ข้าต่างหากที่ต้องขอบใจเอ็งที่....ยกโทษให้ข้า"
"ช่างมันเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว"
พ่อใหญ่ถึกละอายใจ
"ข้าเองก็ลำบากใจ"
"จากนี้ คนบางพระโขนงก็คงสบายใจได้ ข้าขอลาก่อน"
"แล้วเอ็งจะทำอย่างไรต่อไปไอ้มาก"
มากนิ่งคิด แล้วยิ้ม
"ข้าก็ยังไม่รู้ "
มากยิ้มให้พ่อใหญ่แล้วเดินจากไป
พ่อใหญ่ถึกมองตาม
หน้าเรือนรับรอง พิมกับมั่นยืนคุยกัน
"พี่จะไปจริงๆหรือ ทำไมไม่อยู่ก่อน ฉันกลัวว่า จะเกิดเรื่องอีกน่ะสิ"
"เอ็งอย่ากังวลไปเลย"
พิมเป็นห่วง แต่ก็พยักหน้า
"พี่ต้องระวังตัวให้ดีนะ ฉันคิดว่า พี่เพลิงคงจะมาพระโขนงในเร็ววันนี้"
"คราวนี้ ข้าจะไม่ยอมเป็นเป้านิ่งอีกเป็นอันขาด"
มั่นมองหน้าพิมพิมสีหน้าไม่สบายใจ มั่นยิ้ม
"ข้ารู้ว่าเอ็งเองก็ลำบากใจ ข้าสัญญาว่าจะหลีกเลี่ยง ไม่ปะทะกับพี่ชายของเอ็ง"
พิมมองหน้ามั่นแล้วยิ้มโล่งใจ
"ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ยังไง พี่เพลิงก็เป็นพี่ของฉัน ฉันไม่อยากให้คนที่ฉันรัก ต้องปะทะกัน"
มั่นชะงักมองหน้าพิม แล้วยิ้ม
"ไหนพูดอีกทีสิ ข้าได้ยินไม่ชัด"
พิมเขิน
"ไม่ต้องมาล้อ ฉันเป็นผู้หญิง อายเป็นนะ"
มั่นเชยคางพิมขึ้นมามองหน้า
"เอ็งรู้ตัวไหม ว่าเอ็งเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครจริงๆ"
พิมยิ้มให้มั่น เขินๆ ฟินๆ สองคนยืนคุยกันมุ้งมิ้ง
อีกมุมหนึ่งห่างออกมา ปุกยืนชะเง้อ อยู่ท่ามกลางวงล้อมของทุ้ย เค้ง โพล้ง ทุกคนคอยกีดกันไม่ให้ปุกเห็นพิมกับมั่นคุยกัน
"พวกเอ็งจะห้อมล้อมข้าทำไม จะไปไหนก็ไปสิไป๊"
สามคนมองหน้ากัน แล้วยิ้ม
โพล้งบอก
"แหม ป้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ว่างอยู่ ข้าก็อยากจะตีสนิทน่ะสิ จริงมั๊ยพวกเรา"
เค้งกับโพล้งมองหน้ากันไม่เข้าใจ โพล้งส่งสัญญาณ เค้งกับโพล้งพยักหน้ารับ
"ฉันอยากคุยกะป้า ฉันกำพร้าแม่"
ทุ้ยบอก "ฉันก็อยากคุยกะป้า ฉันกำพร้าพ่อ"
ปุกมองหน้าทุกคนท้าวสะเอว
"แล้วข้าหน้าเหมือนแม่เอ็งตั้งกะเมื่อไหร่ ข้าไม่เคยมีลูกมีผัวโว๊ย"
ปุกด่ากราดทุกคนหัวหด
พิมกับมั่นยืนคุยกันมุ้งมิ้ง ปุก ทุ้ย เค้ง โพล้งเดินเข้ามาสมทบ
ปุกค้อน
"คุยอะไรกันนักกันหนา"
พิมกับมั่นมองหน้าปุกแล้วยิ้มขำ
"ยังจะมายิ้มอีก"
ปุกดึงมือพิมออกห่างจากมั่น แบบหวงๆ
มากเดินเข้ามา มั่นรีบแยกจากพิมไป
"เสร็จแล้วหรือ"
มากพยักหน้า
"เรียบร้อยแล้ว ฉันกับพ่อใหญ่เข้าใจกันดี"
"แล้วเอ็งจะไม่ล่ำลาคุณชมนาดหน่อยรึ"
มากหันขึ้นไปมองบนเรือน แล้วส่ายหน้า
"ไม่จำเป็นหรอก ข้าคิดว่า คุณชมนาดคงเข้าใจดี เราไปกันเถอะ"
มากยิ้มให้พิมกับปุก แล้วทุกคนเดินทางไป
พิมกับปุกมองตาม
"จะว่าไป พ่อมากนี่ก็คนดีนะ น่าเสียดายจนไปหน่อย"
"ฉันไม่สนใจเรื่องเงินหรอก ถ้าเรามีมือมีขา ไม่ขี้เกียจเสียอย่าง ยังไงก็ไม่อดตาย"
"น่าสงสารคุณชมนาดเสียจริง เหมือนดอกไม้อยู่บนคบยาง สูงเกินจะเอื้อม"
"ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะโน้มกิ่งลงมา ผู้ชายที่ฉันรักจะไอ้เอื้อมถึงได้ง่ายหน่อยไง"
ปุกตีพิมหมับ พิมหัวเราะคิก
"พูดอะไรก็ไม่รู้"
"ก็มันจริงนี่นา ใจคอ ปุกจะให้แห้งเหี่ยวคาต้นกระนั้นหรือ ไม่เอาหรอก"
ปุกหยิกพิมรัวๆ พิมหัวเราะขำ
กลุ่มของมากเดินห่างออกไป
ชมนาดยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้อง เห็นหลังมากและคณะเดินไปไกลจนลับตา ชมนาดถอนหายใจ
"ฉันต้องพยายามมากแค่ไหน พี่ถึงจะหันมามองฉันนะ พี่มาก"
บ่าวชมนาดบอก
"คุณชมนาดเจ้าขา อย่าพูดแบบนั้นสิเจ้าคะ มัน..."
"มันไม่งามใช่ไหม มันเสื่อมเกียรติข้าใช่ไหม"
บ่าวชะงักก้มหน้า
ชมนาดยิ้มเศร้า
"รู้ไหม การต้องรักษาความงาม รักษาเกียรติยศ ชื่อเสียงไว้ ข้าเหงาเหลือเกิน อ้างว้างเหลือเกิน .....จะมีใครเข้าใจข้าบ้างมั๊ย"
ชมนาดหน้าเศร้า บ่าวมองชมนาดเห็นใจ
พิมกับปุกเดินมาตามทาง ปุกบ่นกระปอดกระแปด
"ทำไมจะต้องไปหาตาปลอดด้วย ให้พ่อใหญ่ถึกไปจัดการไม่ได้หรือ"
"อย่าบ่นสิ ไม่รู้หรือว่า พ่อใหญ่ถึกเป็นคนของพี่เพลิง คิดหรือว่าถ้าใช้เขาไปทำ เรื่องนี้จะไม่ถึงหูพ่อกับแม่"
"แต่ว่า ..."
"ไม่เอาน่าอย่าบ่น เข้าไปในวัดไม่ได้หรือยังไง"
ปุกชะงักไม่พูด สะกิดพิมยิกๆ พิมชะงักหันไป
"พี่เพลิง"
พิมชะงัก เห็นเพลิงหมึกเก่ง ยืนอยู่ตรงหน้า
ที่มุมหนึ่ง ใต้ต้นไม้ พิมมองหน้าเพลิง แล้วเมิน
"มีธุระอะไรก็ว่าไป ทำไมต้องทำลับๆล่อๆด้วย ไปหาข้าที่เรือนก็ได้ ไม่เห็นต้องมาซุ่มซ่อน เป็นเสือแบบนี้เลย"
"ข้ายังไม่อยากเจอหน้าแม่ชมนาด"
"อ้าว ไหนว่าเป็นคู่หมาย ทำไมไม่อยากจะเจอหน้า หรือว่าพี่เพลิงเปลี่ยนใจ"
"เอ็งไม่ต้องมาพูดให้มากความ ข้ามีเรื่องจะถาม"
"ถามน่ะได้ แต่ไม่รู้จะตอบได้หรือเปล่า"
"เอ็งอย่ามาโยกโย้ จำที่แม่สั่งได้มั๊ย"
" เรื่องอะไร แม่สั่งข้ามาหลายอย่างเหลือเกิน ใครจะไปจำได้หมด"
"ก็บอกให้ช่วยข้าไง"
พิมชะงักหันไปมองหน้าเพลิง
"พี่จะให้ฉันช่วยอะไร บอกก่อนนะ เรื่องชั่วๆน่ะฉันไม่ทำ"
"ข้าสัญญาว่าถ้าเอ็งช่วยข้า ข้าจะช่วยเอ็งเรื่องไอ้มั่น"
พิมชะงักจ้องหน้าเพลิง สองพี่น้องต่อตากัน
อ่านต่อหน้า 2
แม่นาก ตอนที่ 17 (ต่อ)
ปุกยืนชะเง้อ มองพิม หมึกกับเก่งกันไว้
"มึงจะอะไรกับกูหนักหนา วันๆมีแต่ผู้ชายมาล้อมหน้าล้อมหลัง ปล่อยกูได้แล้ว กูจะไปหาคุณหนูพิม"
"ยังไปไม่ได้ ให้พี่น้องเขาคุยกันก่อน ป้าจะไปยุ่งทำไม"
"ก็ข้าเป็นห่วงคุณหนูของข้านี่หว่า"
"แต่คุณหนูของป้า เป็นน้องสาวพี่เพลิงนะ ปล่อยเค้าเหอะ"
หมึกกับเก่งขวางไว้ ปุกมองสองคนสีหน้าวิตก
"ข้าก็หวังว่า จะเป็นเรื่องดีๆนะ
ปุกหน้าวิตก
"อะไรนะ จะบ้าหรือ ข้าไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก" พิมว่า
"ข้าให้เอ็ง กันคนอื่นออกจากแม่ชมนาด แค่นี้มันจะยากอะไรกันนักหนา ข้าเป็นพี่ชายนะโว๊ย"
"ก็เพราะเป็นพี่นั่นแหละข้าถึงไม่ทำ ทำไมไม่คิดบ้างว่าใช้วิธีนี้ ถึงได้ตกแต่งกันไป จะอยู่ยืดหรือ นี่พี่กำลังจะทำร้ายผู้หญิงทั้งคนนะพี่เพลิง"
"ไม่ต้องมาตีผีปากสั่งสอนข้า แค่บอกมา เอ็งจะช่วยหรือไม่ช่วย"
"ฉันไม่ช่วย และไม่มีวันช่วยพี่ทำเรื่องชั่วๆอีกแล้ว"
"นังพิม!"
เพลิง เงื้อมือจะตบ พิมลอยหน้าสู้ไม่ยอมถอย
"เอาสิ ตบเลย ตบเลย ถ้าคุณชมนาดถามว่าฉันไปโดนอะไรมา ฉันจะได้บอกเต็มปากเต็มคำ ว่าโดนพี่เพลิงตบ เอาสิ ตบเลย"
เพลิงลดมือลง แล้วเปลี่ยนเป็นผลักพิมล้มลงอย่างแรง
เพลิงชี้หน้า
"อย่าคิดนะว่ากูไม่กล้า ถึงกูไม่ตบ กูก็ทำแบบอื่นได้"
" ใช่สิ ฉันรู้อยู่แล้ว คนอย่างพี่เพลิง ทำเรื่องเลวๆได้ทุกอย่าง แต่ฉันไม่ใช่ เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ทำ"
เพลิงโมโหฮึดฮัด ทำอะไรไม่ได้
เพลิงตะโกน
"อีน้องไม่รักดี อีน้องนอกคอก ไอ้หมึกไอ้เก่ง ไปโว๊ย"
เพลิงไป หมึกเก่งปล่อยมือจากปุกวิ่งตามเพลิงไปทันที ปุกรีบวิ่งเข้ามาประคองพิมลุกขึ้น
"โถเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ เจ็บตรงไหน"
" เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ เจ็บที่ใจนี่สิ มากกว่าหลายเท่านัก"
พิมมองตามหลังเพลิง น้ำตาไหลคับแค้นใจ ปุกสงสาร ดึงพิมเข้ามากอด
"อย่าร้องไห้นะเจ้าคะ คุณหนูพิมคนดีของปุก"
พิมน้ำตาไหล แค้นใจ
ที่เรือนขุนเพชรพวงจันทร์กำลังนั่งคัดเครื่องเพชรเครื่องทอง ขึ้นมาส่องมองดู
"เส้นไหนดีนะ เส้นนี้จะเล็กไปไหม แต่ว่าน้ำก็ดีไม่มีที่ตินะ หรือว่าจะเส้นนี้ดี"
ขุนเพชรเดินขึ้นเรือนมา สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
"ทำอะไรอยู่แม่พวง นี่กรุแตกหรืออย่างไร"
พวงจันทร์ยิ้มรับ
"อิฉันก็เตรียมสินสอดน่ะสิเจ้าคะ ไปขอลูกสาวคุณหลวงทั้งที จะน้อยหน้าได้อย่างไร จริงสิ แล้วทางหลวงณรงค์ว่ากระไรหรือเจ้าคะ"
"จะไปว่าอะไร..."
ก่อนหน้านี้ หลวงณรงค์ กับขุนเพชรนั่งคุยกัน
"กระผมก็ร้อนใจ อยากจะถามคุณหลวงว่า จะรังเกียจไหม ถ้ากระผมจะส่งขันหมากมาสู่ขอ คุณชมนาดให้พ่อเพลิงของกระผม"
หลวงณรงค์ยิ้ม สีหน้าลังเล
"ไอ้เรามันคนกันเอง ตัวฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจ พ่อเพลิงหรอก ยินดีเสียด้วยซ้ำ หากจะได้มาเป็นวงศ์วานว่านเครือกัน แต่ติดตรงที่ว่า...."
"ติดตรงไหนหรือขอรับ หรือว่า คุณหลวงจะเรียกสินสอดเพิ่ม ทางกระผมก็ไม่ขัด"
"ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ตัวฉันเองน่ะ ไม่เคยบังคับใจแม่ชมนาดเลย แม่เขาตายตั้งแต่เล็ก แล้วตัวเขาเองก็วางเนื้อวางตัวเป็นหลักในเรือน ไม่เคยมีเรื่องให้ฉันต้องเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นแม่บ้านแม่เรือนแทนแม่เขาได้เป็นอย่างดี บอกตรงๆ นะ เขาเหมือนแม่เขามาก ฉันเองก็เกรงใจเขาอยู่"
ขุนเพชรหัวเราะ
"แหม พ่อก็ต้องรักลูกสาวเป็นธรรมดานั่นแหละขอรับ"
"จริงอยู่ ถ้าแม่ชมนาดเขา ต้องใจ กับพ่อเพลิง ฉันก็ยินดีด้วย ไม่ขัดขวางแน่นอน"
"เช่นนั้นกระผมถือว่า คุณหลวงตกลงนะขอรับ ส่วนเรื่อง คุณชมนาดกับพ่อเพลิงน่ะ กระผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา พ่อเพลิงน่ะมันรู้ใจผู้หญิงดีน่ะขอรับ"
ขุนเพชรกับหลวงณรงค์มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
หลวงณรงค์ลังเลใจ แต่ขุนเพชรยิ้มร่า
.....
"ลองข้าออกปากด้วยตัวเองมีหรือ หลวงณรงค์จะกล้าขัด"
พวงจันทร์นิ่งคิดตาม
"คุณพี่แน่ใจเช่นนั้นหรือ... หลวงณรงค์ไม่มีลังเลดอกหรือ"
ขุนเพชรชะงัก แล้วส่ายหน้า
"ไม่มีหรอก จะเอาตรงไหนมาลังเล ทางเราลงทุนปลูกเรือนให้ แถมยังเครื่องเพชรเครื่องทองอีกไม่มีอั้น ใครไม่เอาก็โง่ตายแล้ว"
"ถ้าคุณพี่มั่นใจแบบนั้น เห็นทีเราจะต้องเร่งมือแล้วล่ะ"
พวงจันทร์ยิ้ม
"ทำไมจะต้องเร่ง ข้าไม่เข้าใจ"
"โธ่ คุณพี่ ลำพังอาศัยบารมีคุณพี่สั่งคนที่พระโขนง เป็นหูเป็นตาให้น่ะ มันก็ได้อยู่ แต่จะบังคับซื้อที่ดินราคาถูกน่ะมันก็ยาก หากว่าเรามีหลวงณรงค์เป็นดอง ทีนี้เราจะเอ่ยปากใช้หรือไหว้วานใครมันก็สะดวกยิ่งขึ้น จริงมั๊ยเจ้าค่ะคุณพี่"
ขุนเพชรคิดคล้อยตาม
"หมายความว่า.....แม่พวงจะเร่งงานแต่งงานขึ้นมากระนั้นหรือ"
" ใช่สิเจ้าค่ะ หากคิดฆ่าควายจะเสียดายเกลือทำไม หลวงณรงค์มีแค่แม่ชมนาดคนเดียว ทรัพย์สิน ก็ต้องตกกับแม่ชมนาด ลงทุนแค่นี้ แต่เราจะได้มากกว่าทั้งหมดที่หลวงณรงค์มีเลยด้วยซ้ำ"
"แหม แม่พวงนี่ฉลาดล้ำจริงๆ เดินหมากตานี้ รุกเข้าถึงหีบสมบัติของหลวงณรงค์เลย ไม่เสียทีที่เป็นเมียข้า"
ขุนเพชรชื่นชม พวงจันทร์ยิ้มภูมิใจ
"ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับ พ่อเพลิงแล้วละ ว่าจะรวบหัวรวบหางแม่ชมนาดได้เร็วแค่ไหน ทรัพย์สมบัติเราก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น"
สองผัวเมียหัวเราะชื่นชม
อีกมุมหนึ่ง เพลิงยืนนิ่งฟังสีหน้ากดดัน
ที่มุมลับตาในเรือนขุนเพชร เพลิงนั่งซดเหล้าเอาเป็นเอาตาย หมึกกับเก่งมองหน้ากัน ทำท่าขยาด
"กูจะทำยังไงดีวะ"
หมึกยุ"ฉุดเอาเลยดีมั๊ยพี่ พาไปขังในวิมานสักเจ็ดวัน ดูซิจะมีอิดออดอีกมั๊ย"
"ไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าหลวงณรงค์รู้เข้า มีหวังเดือดร้อนถึงพ่อข้า ต้องมีทางทำให้ แม่ชมนาดยินยอมพร้อมใจโดยไม่ขัดขืนสิวะ"
เก่งบอก "ให้แม่พิมวางยาสิ แล้วพี่เพลิงก็ย่องเข้าหา"
เพลิงหน้าเครียด ยกเหล้าซดอีก
"มึงเลิกพูดถึงอีน้องนอกคอกไปเลย กูรำคาญหู ขอให้ช่วยนิดช่วยหน่อยก็ทำเป็นคุณธรรมล้ำเลิศขึ้นมาทุเรศจริงๆ"
เก่งกับหมึกมองหน้ากัน
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมพี่ไปปรึกษาพ่อหมอล่ะ"
เพลิงชะงัก แล้วยิ้ม
"จริงสิ ข้าลืมไปได้ยังไงวะ"
เพลิงยิ้มพอใจ
ผ่านเวลา พ่อใหญ่ถึกส่งจดหมายให้ ชมนาดรับมาแล้วมองอย่างแปลกใจ
"หลวงณรงค์ท่านให้คนส่งจดหมายมาถึงคุณชมนาดขอรับ กระผมต้องขอตัวก่อนนะขอรับ"
"ขอบใจมากนะจ๊ะ ที่ช่วยเป็นธุระให้"
"ไม่ต้องกังวลนะขอรับคุณชมนาด กระผมจะระดมคนเข้ามาสร้างเรือนให้เรียบร้อยก่อนกำหนดแน่นอน"
พ่อใหญ่ถึกไป ชมนาดนิ่งมองแปลกใจ แกะจดหมายออกอ่าน
.... "ชมนาด พ่อมีข่าวจะแจ้งให้ลูกรู้" ...
ขุนเพชร และพวงจันทร์เอาทรัพย์สินไปขอหมั้นชมนาด กับหลวงณรงค์ ทั้งคู่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เรือน เห็นบรรดาหีบทรัพย์สินเงินทอง ของหมั้นละลานตาไปหมด
"กระผมกับแม่พวง ขอหมั้นแม่ชมนาด ลูกสาวของคุณหลวง นี่เป็นของหมั้น ที่พวกกระผมนำมาเพื่อแสดงความจริงใจที่พวกผมมีต่อคุณหลวงและคุณชมนาดนะขอรับ"
หลวงณรงค์มองทรัพย์สินตรงหน้า นิ่งอึ้ง
"แต่ว่า..."
"หากคุณหลวงเห็นว่าน้อยเกินไป ก็บอกกล่าวมาได้นะเจ้าคะ เพราะอิฉันเอ็นดูแม่ชมนาดเหลือเกิน อยากได้แม่ชมนาดมาเป็นลูกสาว ขัดข้องสิ่งใด ขอให้คุณหลวงโปรดเอ่ยปากมา เว้นแต่เดือนกับดาว นอกนั้นอิฉันจะจัดหามาให้ตามใจท่าน หวังว่าคุณหลวงจะไม่รังเกียจพ่อเพลิงของอิฉันนะเจ้าคะ"
หลวงณรงค์นิ่งอึ้งพูดไม่ออก
อ่านหนังสือจากพ่อแล้ว ชมนาดเครียด เงยหน้าขึ้น
"คุณพ่อ..."
ชมนาดก้มลงอ่านต่อ
"พ่ออยากให้ลูกคิดใคร่ครวญให้ดี หากเจ้าออกเรือนไปกับพ่อเพลิง คงจะสุขสบายไปตลอดชาติ"
ชมนาดเงยหน้าขึ้นขยำจดหมายปาทิ้งทันที
"สบายไปหรือตกนรกไปตลอดชาติกันแน่"
ชมนาดเดินไปทันที
จดหมายกระเด็นไปตกที่มุมห้อง
ที่เรือน มาก มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้ง กำลัง เตรียมอุปกรณ์สำหรับไปหาปลา
โพล้งบอก
"เฮ้อ... แล้งปีนี้ นานจริงๆ ข้ารอฝนตกลงมา พวกเราจะได้ตกกล้า ดำนากันเสียที"
เค้งบอก "นั่นน่ะสิ ฉันเองก็อยากพาไอ้ทุยลุยทุ่ง ปีนี้ถ้าได้ข้าวดี ปีหน้าข้าจะออกเรือน"
"ไอ้เค้ง เอ็งจะออกเรือน น่ะหาผู้หญิงได้แล้วหรือ แบบที่เป็นคนนะ ไม่ใช่กระรอกกระแต"
"เฮ้ย คนสิพี่ ถ้าข้าวดีคงมีคนมาสนใจฉันบ้างหรอก"
ทุกคนมองหน้ากันขำ
"ไอ้มาก แล้วเอ็งล่ะจะคิดอ่านยังไงต่อไป" มั่นถาม
"ข้าจะกลับไปอยู่ที่เรือนโน้น ระหว่างรอทำนา ข้าว่าจะปลูกถั่วปลูกงาไปพลาง ข้าว่าจะไปรับจ้างหาเงินสักก้อนเอาไว้ทำทุน"
มั่นพยักหน้าเห็นด้วย
พ่อใหญ่ถึก เดินเข้ามา
"อยู่กันพร้อมหน้าเลย ข้ามีเรื่องจะมาให้พวกเอ็งช่วย"
มั่นบอก
"เรื่องอะไรอีก ขอให้เป็นเรื่องดีๆนะพ่อใหญ่"
"ข้าจะขอแรงพวกเอ็งไปช่วยกันปรุงเรือนให้ผู้ใหญ่ เขาเร่งมา"
"พวกฉันทำเป็นแต่ ไร่ นา หากุ้ง หาปลา จะให้ไปปรุงเรือนให้เจ้าใหญ่นายโตพวกฉันทำไม่เป็นหรอก"
"ได้ พ่อใหญ่ถึกฉันจะไปช่วย"
ทุกคนมองหน้ามาก
"ข้าจะไปกับเอ็งไอ้มาก ส่วนพวกเอ็ง สามคนก็อยู่เฝ้าเรือนเตรียมข้าวปลา
อาหารไป"
มั่นกับมากมองหน้ากัน
อ่านต่อหน้า 3
แม่นาก ตอนที่ 17 (ต่อ)
ชมนาดนิ่งเครียดใช้ความคิด
"พ่ออยากให้เจ้าคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ หากเจ้าตกลงออกเรือนกับพ่อเพลิง ชีวิตนี้เจ้าคงไม่ลำบาก......"
ชมนาดถอนหายใจ
"ไม่ลำบากหรือ พ่อคิดว่าข้ากลัวความลำบากกระนั้นหรือ"
ชมนาดลุกขึ้นทันที บ่าวชมนาดผวา
"คุณชมนาดเจ้าขา จะไปไหนหรือเจ้าคะ"
ชมนาดชะงัก เก็บอาการ วางท่าสง่า
"ข้าจะไปดูเขาปรุงเรือน เอ็งไม่ต้องตามไปหรอก"
ชมนาดเดินพรวดๆออกไป บ่าวละล้าละลัง
อีกทาง พิมเดินเข้ามา
"คุณชมนาดไปไหนหรือ"
"เห็นว่าจะไปดูเรือนน่ะเจ้าคะ ไม่ให้บ่าวตามไปด้วย"
"โธ่คิดว่าเรื่องอะไร มีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้ากำลังจะไปดูเรือนเหมือนกัน"
บ่าวพยักหน้าแล้วไป พิมมองตามแล้วยิ้ม
เรือนที่กำลังก่อสร้าง ทุ้ย เค้ง โพล้ง กำลังช่วยกันแบกดินแบกของ ฯลฯ
มากกับมั่นกำลัง แบกกระดานมาวาง
มั่นบอก
"เรือนหลังมหึมาขนาดนี้ สงสัยจะสร้างเป็นเรือนหอ"
"อะไรก็ช่าง เรามีหน้าที่สร้างก็สร้างไปเถอะ"มากว่า
"เอ็งไม่สงสัยบ้างหรือ ช่วงนี้พระโขนงมีเรื่องแปลกๆ มีเศรษฐีมากว้านซื้อ
ที่ดิน มีคนมาปลูกเรือน ข้าสงสัยว่า มันน่าจะมีอะไร"
"จะไปมีอะไร คนเราก็อยากจะมีเรือนมีครอบครัวกันทั้งนั้น หรือเอ็งไม่อยากมี"
มากปาดเหงื่อ หยิบผ้าขาวม้าขึ้นมาเช็ดหน้า
"ข้าจำได้ ความฝันสูงสุดของนาก คืออยากมีครอบครัวเล็กๆ มีพ่อ มีแม่
มีลูก"
มากยิ้มเศร้า
นึกถึงภาพที่ทั้งสองกำลังเดินคุยกันในทุ่งนา
นากมองไปรอบๆ แล้วสูดลมหายใจยาวอย่างมีความสุข
"ฉันมีความสุขเหลือเกิน เหมือนกับว่ากำลังฝันไปอย่างนั้น"
"ในฝันของแม่ คืออะไร ในนั้นมีพี่อยู่ด้วยหรือเปล่า"
นากยิ้มเอียงอาย
"ในฝันของฉันคือ ฉันมีครอบครัวเล็กๆ เราอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ ลูก พี่ไปทำนา ฉันหุงข้าวหาปลาไว้รอท่า"
"แล้วลูกจะมาตอนไหนล่ะ"
นากยิ้มเขิน กระซิบอะไรบางอย่างข้างหูมาก มากยิ้ม
"จริงนะ อย่าผิดสัญญาล่ะ"
นากเอียงอาย มากอุ้มนากขึ้นกอด เหวี่ยงหมุนไปรอบๆ
มากยิ้มอย่างมีความสุข
เสียงชมนาดดังเข้ามา "พี่มาก"
มากสะดุ้ง ตกใจ
ชมนาดมายืนตรงหน้า
"พี่มาทำอะไรที่นี่"
"พ่อใหญ่ถึกตามให้มาทำงานขอรับ"
ชมนาดแปลกใจ
"นี่มันอะไรกันแน่"
"เห็นพ่อใหญ่ถึกบอกว่า จะต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนกำหนด"
ชมนาดอึ้ง มากมองแปลกใจ
ชมนาดตะโกนเรียก "พ่อใหญ่ถึก"
ชมนาดพรวดพราดไปทันที มากแปลกใจรีบวิ่งตามไป
บรรดาคนงานกำลังแบกหามไม้ เครื่องมือก่อสร้าง
พ่อใหญ่ถึกกำลังคุยกับช่าง
"ผู้ใหญ่เขาเร่งมา จะสร้างเป็นของขวัญแต่งงาน พ่ออย่าทำให้ฉันเสียชื่อนะ"
"ขอรับพ่อใหญ่ ข้าจะเร่งงานให้เต็มที่เลย"
ชมนาดวิ่งมาหยุดยืน ข่มอารมณ์ พ่อใหญ่ถึกเห็น รีบเข้ามาต้อนรับ
"คุณชมนาด มาดูงานด้วยตัวเองเลยหรือขอรับ"
"ไปถึงไหนแล้ว"
"กระผมกำลังสั่งให้เขาเร่งสร้างเต็มที่ คงเสร็จทันฤกษ์แน่ขอรับ"
"ฤกษ์ อะไร"
"ฤกษ์แต่งงานไงขอรับ คุณหลวงท่านยังบอกอีก 2-3 วัน จะขึ้นมาดูความคืบหน้าด้วยตัวเอง"
ชมนาดตะลึง เซไป มากรับตัวไว้ พ่อใหญ่ถึกตกใจ
"คุณชมนาดเป็นอะไรไปหรือขอรับ"
"เปล่า อากาศร้อนเหลือเกิน พ่อใหญ่ถึกไปทำงานเถอะ ฉันจะเดินดูรอบๆ"
"ขอรับคุณชมนาด ไอ้มากข้าฝากดูแลคุณชมนาดด้วย"
"ขอรับ"
พ่อใหญ่ถึกไป ชมนาดถอนหายใจหนัก มากมองอย่างเห็นใจ
ชมนาดกับมากเดินมาริมแม่น้ำ ชมนาดเหม่อมองสายน้ำ
"คุณชมนาดคิดอะไรหรือขอรับ"
"ร้อนเหลือเกิน ถ้าเราอยู่ใต้น้ำเหมือนปลาเราคงจะไม่ร้อนแบบนี้หรอกนะ"
"ถ้าใจร้อน อยู่ตรงไหนก็ร้อน"
ชมนาดชะงักมองหน้ามาก แล้วยิ้มเยาะ
"จริงสิ พี่มากเป็นคนใจเย็น ใจหนักแน่น ไม่ว่าอะไรจะมากระทบพี่ก็ทนได้ ไม่หวั่นไหว"
มากนิ่งไม่ตอบ
"พี่รู้มั๊ย ใจฉันร้อนขนาดไหน ทำไมพี่ไม่รู้บ้าง พี่ไม่รับรู้ถึงความรักของฉัน
ที่มีต่อพี่บ้างหรือไร พี่มาก"
มากหลบตา
"มันเป็นไปไม่ได้ หัวใจรักของกระผม มอบให้แก่แม่นากไปจนหมดสิ้นแล้ว"
"พี่มาก พี่ใจร้ายเหลือเกิน แม่นากตายไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับ แต่ฉัน ฉันมีเลือดมีเนื้อ มีใจรักแต่เพียงพี่ พี่ต้องให้ฉันคุกเข่าขอร้องหรือ ได้โปรดหันมามองฉันบ้าง พี่มาก อย่าใจร้ายกับฉันนักเลย"
ชมนาดโผเข้ากอดมากไว้ มากชะงัก
"ฉันยอมเป็นหญิงไร้ยางอาย สารภาพรักต่อหน้าผู้ชาย หวังว่าพี่จะเมตตาเห็นฉันบ้าง"
มากค่อยๆเอื้อมมือแกะมือของชมนาดออกจากตัวอย่างนุ่มนวล
"ความรักของคุณชมนาดที่มอบให้ กระผมซึ้งใจหนักหนา แต่ว่า กระผมไม่คู่ควรกับความรักของคุณชมนาดดอก ลืมเสียเถิด"
ชมนาดชะงัก เจ็บช้ำ
"ถ้าฉันตายไปต่อหน้าพี่ พี่จะเปลี่ยนใจบ้างหรือไม่ จะมองฉันด้วยสายตาเดียวกับที่มองแม่นากหรือไม่"
มากนิ่งไม่ตอบ ทอดสายตาเหม่อไปไกล
"กระผมไม่เหลือใจไว้ให้ใครได้อีกแล้ว" มากยืนยัน
ชมนาดมองมากอย่างเจ็บช้ำ
"ดี ฉันชื่นชมในความรักของพี่"
ชมนาดน้ำตาไหล ถอยหลังห่างออกมา แล้วกระโดดลงแม่น้ำหายไปทันที
"คุณชมนาด"
มากตกใจรีบกระโดดตามไป
บนตลิ่ง ทุกคนพากันวิ่งเข้ามายืนมุงดูสีหน้าร้อนใจ
พ่อใหญ่ถึกถาม
"ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้วะไอ้มั่น"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"
พิมแหวกกลุ่มคนเข้ามา
"มันเกิดอะไรขึ้น"
"คุณชมนาดตกน้ำ" มั่นบอก
"ตกน้ำ ตกได้ยังไง"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าเห็นเหมือนคุณชมนาดกระโดดน้ำลงไปเอง"
"กระโดดน้ำหรือ"
พิมหันตกใจ มั่นพยักหน้า พิมสีหน้าหนักใจก้มมองกระดาษในมือ
เมื่อตอนที่ชมนาดขว้างจดหมายในมือ จดหมายกระเด็นไปตกที่เท้าของพิม พิมมองมองตามชมนาดไป แล้วก้มลงหยิบขึ้นมาอ่าน
พิมสีหน้าตกใจ
"หรือว่า ...."
มั่นมองพิมแปลกใจ
"อะไรหรือ คุณชมนาดเป็นอะไร"
พิมส่ายหน้า
"ไม่มีอะไรหรอกพี่"
พิมชะเง้อมองดูในแม่น้ำ สีหน้าวิตก
บนผิวน้ำ ชมนาดโผล่หัวขึ้นมา ตามด้วยมาก มากว่ายน้ำประคองชมนาดขึ้นมาที่ฝั่ง พอถึงฝั่งชมนาดไม่มีแรงเดิน มากตัดสินใจอุ้มชมนาดขึ้นมาจากน้ำ ชมนาดกอดคอมากซบหน้านิ่ง
คนยืนมุงดูอยู่อ้าปากค้าง
อ่านต่อหน้า 4
แม่นาก ตอนที่ 17 (ต่อ)
มากวางชมนาดลง ชมนาดลืมตามองมาก
"พี่ช่วยฉันทำไม"
"อย่าทำแบบนี้ ความรักควรเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ใช่รักแล้วทำให้เจ็บปวด"
พิมแหวกผู้คนเข้ามา ถึงตัวชมนาด มากขยับตัวออกห่างชมนาดไป ชมนาดมองตามแววตาเจ็บปวด
"แม่เป็นยังไงบ้าง"
ชมนาดหลับตาลง
"แม่พิม พาฉันกลับเรือนที"
พิมชะงักมองหน้าชมนาดอย่างเห็นใจ
"ได้จ๊ะ"
พิมประคองชมนาดขึ้น เดินไป
มั่นเดินเข้ามาส่งผ้าขาวม้าให้มาก
"สงสารคุณชมนาด"
"ข้าก็สงสาร แต่สิ่งที่คุณชมนาดต้องการ ข้าให้ไม่ได้"
มากนิ่งหน้าเศร้า มั่นมองมากอย่างเข้าใจ
หน้าเรือนของหมอผี ตอนกลางวัน
หมอผีลุกขึ้นจากเตียง ใส่เสื้อ แล้วหยิบขวดน้ำมันเล็กๆ โยนไปบนเตียง
สายค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเตียง หัวหูยุ่งเหยิง หยิบขวดน้ำมัน จับยัดใส่หว่างอก
"อันนี้ยาขวดสุดท้ายแล้วนะ ถ้าคราวนี้ไม่ได้ผล เอ็งคงต้องไปหาหมอคนใหม่แล้ว"
"หมายความว่ายังไง หาหมอคนใหม่"
"อ้าว ถ้ามันไม่ได้ผล เอ็งก็ต้องหาหมอคนใหม่ทำพิธีให้น่ะสิ นังโง่เอ๊ย"
สายลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ แล้วเวียนหัว ทำท่าคลื่นไส้ วิ่งไปจะอาเจียน
"อีบ้า เป็นอะไรของเอ็ง อย่ามาทำบ้านข้าเลอะเทอะนะโว๊ย"
"หมู่นี้ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้ คลื่นเหียนวิงเวียรตลอดเลย"
"หรือว่าเอ็งจะท้องวะ เออเว้ย ไอ้ผัวเฒ่าหน้าโง่ของเอ็งยังมีน้ำยาอยู่หรือ"
"บ้า ตาแก่นั่นน่ะ มันเป็นหมันตั้งนานแล้ว"
"อะไรก็ช่างเถอะ ไปได้แล้ว ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก เข้าใจมั๊ย"
"นี่พี่หมอเบื่อฉันแล้วหรือไร"
"ก็ทำนองนั้นแหละ ไปซะไป๊"
สายมองหมอผีด้วยสายตาตัดพ้อ
"ไปสิ อีนี่"
สายรีบไป หมอผีมองตามแล้วส่ายหน้า ชะงัก เงี่ยหูฟัง
"งั้นหรือ อีโหงพราย มึงทำได้ดีมาก"
ที่แท่นบูชาของหมอผี เงาดำพัดผ่าน เทียนดับวูบ
ไฟสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง หมอผีกำลังจ่อธูปเข้ากับเทียน หมึก เก่ง เพลิง นั่งเบียดกันอยู่ด้านหลัง
"เอาอย่างที่ทำแล้วไม่มีหรือ"
หมอผีหัวเราะ
"ถ้าเอ็งอยากให้ได้ผล ก็ต้องเอาน้ำมันพรายจากผีตายทั้งกลม รับรองดีดไปโดนแค่นิดเดียว ไม่มีพลาด ตามมาหาเอ็งถึงบ้าน ต่อให้ถีบหัวส่งผู้หญิงก็ไม่ยอมหนี มีแต่จะวิ่งเกาะ"
เพลิงกระหยิ่มยิ้มย่อง
"งั้นจะรออะไรอีกล่ะ เอาเลย ฉันอยากจะเอาไปใช้เต็มที"
"ใจเย็นๆ ของดีต้องรอหน่อยอย่าใจร้อน"
หมอผีหลับตาบริกรรมคาถา บรรยากาศลมพัด อื้ออึงหน้ากลัว
หมึก เก่ง เพลิง ถอยร่นไปกอดกันกลม อยู่ด้านหลัง
หมอผีลืมตาขึ้น ผีน่ากลัวมายืนอยู่ตรงหน้า หมอผี ลืมตาขึ้น เอามีดอาคมจี้ไปตรงหน้า
"เอาน้ำมันมาให้กูซะดีๆ"
"ไอ้คนชั่ว สักวันเวรกรรมจะตามสนองมึง"
"อีผีหน้าโง่ ตายแล้วยังเสือกมาสั่งสอนกูอีก"
หมอผีเอามีดปักไปที่หน้าผาก ผีชะงักนิ่ง ไร้พิษสง
"พวกเอ็งเอาชามรอง อีกคนเอาไฟลนที่คาง เร็วเข้า"
เพลิงถอยหันไปพยักหน้าให้หมึกกับเก่งทำ หมึกกับเก่งทำหน้าหวาดๆ
"กูบอกว่าให้ทำไง"
หมึกกับเก่ง ทำตามอย่างหวาดเสียว ระหว่างนั้นหมอผีบริกรรมคาถา พอได้น้ำมันแล้ว หมอผีดึงมีดที่ปักอยู่ออก วิญญาณสีดำเหมือนถูกดูดออกจากร่าง ไปอยู่ในขวดของหมอผี
หมอผียิ้มภูมิใจเพลิงมองอย่างแปลกใจ
"นี่มันคืออะไรหรือพ่อหมอเก็บไว้ทำไม"
"มันคือวิญญาณของไอ้พวกผีทั้งหลาย เก็บไว้ใช้งาน"
"จริงหรือ ขอข้าบ้างสิ"
"ไม่ได้!!!ไอ้วิญญาณพวกนี้ มันต้องมีอาคมกำกับ ถ้าไม่มี บางทีมันก็ย้อนมาทำร้ายเราได้เหมือนกัน"
เพลิงคอหด
"งั้นฉันเอาแค่น้ำมันดีกว่า กับผีพูดกันไม่รู้เรื่อง"
"ยังก่อน มันยังต้องทำพิธีเพิ่มคาถาให้มันขลังกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งใจร้อนสิ"
เพลิงกับหมอผีมองหน้ากัน หมอผียิ้มร้าย แต่เพลิงทำหน้าร้อนใจ
บริเวณหน้าเรือนมั่น ตอนกลางคืน
มั่นกำลังนั่งลับมีด ทุ้ย เค้ง โพล้ง ชุนแห ซ่อมเครื่องมือหาปลาไปพลาง นั่งนินทามากไปพลาง
โพล้งบอก
"ถ้าเป็นกู กูจะเลือกแม่ชมนาด มึงลองคิดดูสิวะ สวย รวย เก่ง ที่สำคัญ ยังสดๆเป็นๆ จับต้องได้"
ทุ้ยบอก
"นั่นสิ ไม่เข้าใจทำไมไอ้มากถึงได้เมินเฉยกับ คุณชมนาดขนาดนั้น ใจร้ายใจดำที่สุด ความรักเข้าใจยากเนอะ ทำไมไม่มีใครมารักฉันแบบนี้บ้าง ฉันจะได้ออกเรือนกับเขาสักที" เค้งบอก
โพล้งกับเค้งมองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกัน เขกหัวทุ้ย
"มึงไปตักน้ำใส่กะโหลก แล้วชะโงกดูหนังหน้ามึงซะก่อนเหอะไอ้เค้งแล้ว ค่อยคิดเรื่องออกเรือนไป๊"
"อันนี้กูเห็นด้วย หนังหน้ามึงมัน น่ากลัวจริงๆ กูสงสารผู้หญิง"
มั่นหยุดมือลับมีด
"พวกเอ็งหยุดพูดได้แล้ว พวกเอ็งไม่เข้าใจไอ้มาก ถึงได้พูดกันแบบนี้"
โพล้งบอก "งั้นเอ็งเข้าใจล่ะสิ แหม"
"ไอ้มากมีรักแท้ เพียงหนึ่งเดียว คือ แม่นาก ชาตินี้มันคงมองใครไม่ได้อีกแล้วละ"
เค้งบอก
"จริงด้วย เหมือนพี่มั่นที่มีรักแท้ให้แต่แม่พิมใช่มั๊ยวู๊ย"
ทั้งสามคนทำหน้าล้อเลียนมั่น มั่นยิ้มขยับมีดพร้าในมือทำท่าโหด สามคนทำหน้าเจื่อน
"มึงไม่ต้องมาขู่ไอ้มั่น กูกลัว หนอย พูดถึงนิดหน่อยทำเป็นรมณ์เสีย ระวังเหอะ กลัวเมียขึ้นสมอง" โพล้งบอก
มั่นหัวเราะ
"ก็ยังดีวะ มีเมียให้กลัว บอกตรงๆนะ ข้าสงสารไอ้มาก"
ทุกคนหันไปมองมาก มากนั่งเหม่อมองไปบนท้องฟ้า เห็นดาวเต็มฟ้า
นึกถึงคราวที่มากนอนหนุนตักกันอยู่บนเรือน ทั้งคู่มองท้องฟ้าอย่างมีความสุข
"ดาวสวยจังนะจ๊ะพี่มาก ดูสิ นั่นดาวอะไรหรือจ๊ะพี่"
"นั่นดาวเหนือ คนเรือเขาบอกว่า ถ้าเราหลงทาง ให้มองดาวเหนือไว้ เราจะกลับถึงบ้านได้แน่นอน"
"งั้นถ้าพี่มากหลงทาง พี่ต้องมองดาวเหนือไว้นะจ๊ะ พี่จะได้กลับมาหาฉันกับลูกได้"
"ข้าสัญญา ไม่ว่าไปไกลแค่ไหน ลำบากเพียงใด ข้าจะดั้นด้นกลับมาหานากกับลูกให้จงได้"
นากยิ้มเขิน ทั้งคู่สบตากัน มากค่อยๆก้มลงจูบที่หน้าผากนากอย่างแสนรัก
"พี่คิดถึงเอ็งเหลือเกิน นาก"
มากเศร้า ก้มหน้า
นากเงยหน้าขึ้น ยิ้มเศร้า
"ตอนนี้ฉันถูกขังไว้ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มองไม่เห็นแม้แต่ดาวเหนือ ฉันจะกลับไปหาพี่ได้อย่างไร พี่มากจ๋า ฉันคิดถึงพี่เหลือเกิน"
นากลุกขึ้น เดินคลำไปหาผนัง เอื้อมมือไปแตะ โดนพลังสะท้อนกลับ นากกระเด็นไปนอนที่พื้น
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอโปรดเมตตาลูกด้วย ลูกไม่เคยคิดร้ายหมายชีวิตใคร โปรดช่วยลูกด้วยเถิด ให้ลูกได้กลับไปพบหน้าพี่มากอีกครั้ง ได้โปรด"
แม่นากร้องไห้คร่ำครวญ
หม้อที่ขังนาก ถูกกระแสน้ำพัดกระเด็นกระดอน กลิ้งไปใต้น้ำ พรายน้ำฟูขึ้น เหนือผิวน้ำ
บนผิวน้ำ เรือลำเล็กลอยอยู่ ห่างออกไป มีคนกำลังจุดตะเกียงเจ้าพายุไว้ที่หัวเรือ บนเรือมีคนตกปลาตอนกลางคืน
เช้าวันใหม่ ขุนเพชร ยืนหน้าเครียด รับรายงานจากบ่าวชาย
"เอ็งแน่ใจนะว่าเรื่องนี้ เป็นความจริง"
"แน่ใจขอรับ"
ขุนเพชรโบกมือให้บ่าวไป บ่าวถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่
พวงจันทร์เดินเข้ามา มองบ่าวชายแปลกใจ
"มีอะไรหรือเจ้าคะคุณพี่"
"หลวงณรงค์ไปพระโขนง"
"อะไรนะ ทำไมไม่เห็นส่งข่าวมาก่อนล่ะเจ้าคะ จู่ๆไปเช่นนี้ หรือว่ามีราชการด่วน"
" เกิดเรื่องแม่ชมนาด กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย"
"ฆ่าตัวตายหรือ"
"มันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่"
พวงจันทร์ตะโกน
" ใครไปตามพ่อเพลิงมาทีซิ เร็วเข้า"
สองผัวเมียมองหน้ากันร้อนใจ
ที่เรือนรับรอง ชมนาดนอนซมนิ่ง หน้าตาซีดเซียว พิมกับปุกนั่งมองอึดอัดใจ
"คุณชมนาด ไม่กินอะไรเลยแบบนี้ ร่างกายจะทรุดนะ แข็งใจกินสักคำเถอะ"
"ฉันไม่หิว ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น"
"จะทรมานร่างกายไปทำไม เจ็บก็ตัวเรา หิวก็ตัวเรา ใครเขาจะรับรู้"
"ใช่ ฉันมันโง่ ไม่รู้จักคิด ทรมานตัวเองทำไม สมควรตายจริงๆ ฉันอยากพัก พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ"
พิมกับปุกมองหน้ากัน
"ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง จิตใจก็พลอยอ่อนแอ เราจะหาทางแก้ปัญหาได้อย่างไร ฉันไปก่อนนะ คุณชมนาด"
พิมกับปุกลุกขึ้นเดินออกไป
ประตูเปิดออก พิมกับปุกอ้าปากค้าง ตะลึง
"พี่...."
อ่านต่อตอนที่ 18