xs
xsm
sm
md
lg

อัพแมนมาปิ๊งรัก ตอนที่32 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อัพแมนมาปิ๊งรัก ตอนที่32 อวสาน

ตอนเช้า ขณะที่หยาลู่สอนหย่งชิงวาดรูปอยู่หน้าบ้านพัก จื้อหลิงเดินออกมากำลังจะไปจ่ายตลาด กระแอมขัดจังหวะ

“ยัยคางแหลม ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าให้คุณครูหยาลู่ต้องเสียเวลา ฮึ”
จื้อหลิงค้อนขวับสองขวับแล้วเดินงอนออกไป สวนกับหยาเอินจึงโบกมือบอก
“ไปจ่ายตลาด”
หยาเอินเดินมาเห็นหยาลู่อยู่กับหย่งชิงก็ชะงัก หยาลู่มองน้องสาว เข้าใจว่าหยาเอินอยากคุยกับหย่งชิง จึงหันไปบอกหย่งชิงว่า
“เอ่อ ตรงนี้ต้องปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ผมไปเอายางลบก่อนนะ”
รอจนหยาลู่เดินลับตัวไปแล้ว หยาเอินจึงเข้าไปหาหย่งชิง
“คือว่า คุณรู้มั้ยว่าเยี่ยนเจ๋ออยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
หยาเอินผิดหวัง เดินก้มหน้าออกไป แต่หย่งชิงเรียกไว้
“แต่ว่า เธอไม่ต้องกังวล ฉันส่งคนไปตามหาแล้ว ความจริงฉันอิจฉาเธอมาก ฉันคิดว่าพี่ชายเธอดีกับเธอมาก ทุกครั้งที่เธอมีทุกข์ ก็จะพบว่าพี่ชายเธอเป็นห่วงเธอเสมอ”
หยาเอินหันไปมองหยาลู่ รู้ว่าสิ่งที่หย่งชิงพูดเป็นความจริงทุกอย่าง หยาลู่ยิ้มให้น้องสาว หย่งชิงยิ้มๆ รู้ว่าสองพี่น้องโกรธกันไม่ลง และน่าจะปรับความเข้าใจกันได้

ฟากเจียงไห่โค่นั่งอยู่ที่ศาลาบริเวณศาลเจ้า เสี่ยวหูกำลังเรียกหญิงสาวที่มาเขียนใบสมัครเพื่อเป็นแฟนไห่โค่ มาให้ลูกพี่พิจารณา
“หมายเลข 17 โจวหยีเพ่ย ออก หมายเลข 18 เจินเพ่ยซัน ลูกพี่คนนี้มีคำว่าซัน เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย หน้าตาสวย การศึกษาสูงมีบุคลิกภาพที่ดีมาก รูปร่างเหมือนนาฬิกาทรายเชียวล่ะ”
ไห่โค่มองแล้วเมินหน้าไม่สนใจ
“ไม่ถูกใจเหรอ”
“ออก”
“ลูกพี่ คนนี้มีคำว่าหลัน”
“สาวคลาสสิก ที่บ้านปลูกดอกกล้วยไม้ ออก หมายเลข 20 ซิ่วฉินบุคลิกอ่อนโยนและสง่างาม เคยเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงมีลูกติดหนึ่งคนซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง หมายเลข 21 เว่ยมั่น”
“คนนี้ดี”
“สูงน่ารักสวยสูสีกับอันซีที่สุดในหมู่บ้านภูล่าน”
“ลูกพี่”
ไห่โค่ไม่พอใจขว้างของใส่ลูกน้อง
“กลับไปให้หมด ฉันบอกให้กลับไป”
“จ้าวอีเวย เจินอี้หยิว ซิวฉิน เว่ยมั่น โจวตันเวย เอาท์”
“ลูกพี่ ผู้หญิงดีๆ พี่ไม่ต้องการเหรอ”
“ใครบอกว่าฉันต้องการผู้หญิงดี ไม่เคยได้ยินเหรอผู้หญิงไม่เลวผู้ชายไม่รัก พวกนี้ดีเกินไป วันสองวันก็เบื่อแล้ว”
“เอ่อ แต่ว่าผมชอบนะ” เสี่ยวหูบอก
“แกชอบเหรอ แกเปลี่ยนรสนิยมเมื่อไหร่”
“ฉัน ชอบอย่างนี้”
ไห่โค่ทุบโต๊ะแต่พลาดไปทุบโดนแก้ว แก้วแตกบาดมือเลือดไหลซึม ไห่โค่ตกใจที่เห็นเลือด ชะงักค้างอยู่อย่างนั้น
“ลูกพี่ เลือด ดูซิจะทนได้นานแค่ไหน”
“นับถอยหลัง”
กลุ่มผู้หญิงจะไปช่วยทำแผลให้ไห่โค่เพื่อเอาใจ
“ฉันมีผ้าเช็ดหน้า ใช้ของฉันค่ะๆ ๆ”


จื้อหลิงเดินกลับจากตลาดผ่านมาเห็น แวะเข้าไปดู
“ถอยไปให้หมด โธ่เอ๊ยง่ายนิดเดียว คนภูล่านต่างก็รู้”
จื้อหลิงหยิบต้นหอมในตะกร้ามา แล้วหยิบที่ทำทับกระดาษซึ่งไห่โค่ทับแผ่นคำทำนายของบรรพบุรุษไว้ นำที่ทับกระดาษมาทุบๆ ต้นหอม แล้วหันไปดึงผ้าเช็ดหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งมา
“เอ๊ะ ขอยืมผ้าเช็ดหน้าหน่อย เขากำลังบาดเจ็บอยู่ยังจะขี้เหนียวอีก”
จื้อหลิงนำต้นหอมทุบใส่ลงในผ้าเช็ดหน้าแล้วนำไปพันแผลให้ไห่โค่
“เรียบร้อย”
ไห่โค่ยังยืนอึ้ง
“ลูกพี่เรายังไม่ฟื้นเลย” เสี่ยวหูบอก
“ง่ายมาก”
จื้อหลิงพูดพลางบิดจมูกไห่โค่อย่างแรง จนเขาร้องลั่น
“โอ๊ย เธอทำอะไร”
“แค่นี้ก็เรียบร้อย”
จื้อหลิงคว้าตะกร้าเดินออกไป เสี่ยวหูเรียกไว้
“เอ่อๆ เธอจะกรอกประวัติส่วนตัวมั้ย นี่”
“พวกเธอทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไปให้พ้นๆๆ”
ต้าหูไล่ผู้หญิงทุกคนออกไป ไห่โค่เริ่มได้สติถามลูกน้อง
“ใครทำแผลให้ฉัน”
ลูกน้องชี้ไปที่จื้อหลิงซึ่งเพิ่งเดินออกไป ระหว่างนั้นมีลมพัดแรง พัดกระดาษคำทำนายปลิวมาใส่มือไห่โค่ เขาหยิบกระดาแผ่นนั้นมาดูอีกครั้งอย่างแปลกใจ

เสียงจื้อหลิงเรียกเหม่ยเหวินดังลั่นบ้าน
“จิงเหม่ยเหวินเมื่อไหร่จะลงมาสักที”
เหม่ยเหวินรีบลงบันไดมา ก็เจอหยาเอินนั่งอยู่
“มาแล้วไม่ต้องเรียกแล้ว เอ๊ะหยาเอิน รีบมาช่วยเร็ว มัวยืนเหม่อลอยอยู่นั่นแหละ”
“พี่เหม่ยเหวิน”
“มีแขกมา ยินดีต้อนรับ เอ๊ะๆๆ พวกแกมาทำไม”


เหม่ยเหวินโวยวายเมื่อเห็นไห่โค่เดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง ระหว่างนั้นจื้อหลิงเดินออกมาจากข้างใน เข้ามาหาเหม่ยเหวิน
“ไหนเธอบอกว่าจะมาช่วยฉัน”
จื้อหลิงชะงักที่เห็นไห่โค่ รีบถามเหม่ยเหวิน
“พวกเขามาทำไม”
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
“ครั้งก่อนเธอช่วยฉัน ฉันเลยเตรียมของขวัญมาขอบคุณเธอ ฉันซื้อเตาแก๊สอย่างดี มาให้เธอ” ไห่โค่บอก
“ไม่ต้องหรอก แค่ผ่านไปเจอเท่านั้นเอง”
เหม่ยเหวินหันมากระซิบจื้อหลิง
“ฉันไม่เคยได้ยินใครซื้อเตาแก๊สให้เป็นของขวัญเลย เตาแก๊สทำไมเล็กอย่างนี้ เป็นเตาแก๊สรุ่นใหม่เหรอ”
“ทำไมเธอเชยอย่างนี้ ของแบรนด์เนมที่เพื่อนฉันแนะนำเชียวนะ”
ไห่โค่ให้ลูกน้องหยิบกล่องกระดาษออกมาเปิดให้ดูของข้างใน ซึ่งเป็นชุดสวยหวาน จื้อหลิงมองอย่างชอบมาก
“อ่อ แล้วเตาแก๊สล่ะ” เหม่ยเหวินถาม
“เตาแก๊สอยู่ในครัว” ต้าหูดุ
“เตาแก๊สก็คือแบรนด์พรีเมี่ยม พวกเธอเป็นผู้หญิงไม่เคยรู้เลยเหรอ” เสี่ยวหูอธิบาย
จื้อหลิงยิ้มเจื่อนๆ “เอ่อ ฉันชอบของแบรนด์เนมก็จริง แต่ฉันแค่หยิกแกเบาๆ เท่านั้น แกกลับส่งของขวัญมาให้ โอเวอร์เกินไปรึเปล่า”
เสี่ยวหูพูดต่อ “เราไม่เพียงแค่เอาของขวัญมาให้ เรายังมีคำถามจะถามเธอ ไม่ทราบว่า ชื่อจริงเธอชื่อจื้อหลิงเหรอ”
“อืม”
“แล้วญาติๆ มีใครแซ่หลันหรือแซ่ซันมั้ย”
“ไม่มี”
“แล้วเธอชอบผู้ชายที่หล่อรวย เหมือนลูกพี่เรามั้ย”
“หล่อรวยฉันชอบแน่นอน แต่หล่อรวยอย่างลูกพี่พวกแก ฉันชอบไม่ลง”
เหม่ยเหวินหัวเราะ ไห่โค่หน้าหงิก
“ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนที่บรรพบุรุษของลูกพี่ตามหา” เสี่ยวหูกระซิบ
“ยังไงก็เอาของขวัญมาให้แล้ว ขอบคุณเธอมาก”
ไห่โค่เดินนิ่งๆ ออกไป ลูกน้องทั้งสองส่งของขวัญให้หยาเอินกับจื้อหลิงรับไว้ แล้วรีบตามหัวหน้าไป
“แปลกจริงๆ ฉันงงไปหมดแล้วเนี่ย” เหม่ยเหวิยพึมพำแล้วเดินออกไป
จื้อหลิงเข้าไปกระซิบถามหยาเอิน
“อะไรคือเตาแก๊ส ที่เขาพูดถึงเหรอ”
“ไม่รู้”
ระหว่างนั้นเหม่ยเหวินไปเปิดหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาแก๊ส แล้วร้องลั่น เสียงดังออกมาหน้าบ้าน
“โธ่เอ๊ย อ๊า ยัยไอคิวต่ำ ห้องครัวถูกเธอทำลายหมดแล้วยัยติงต๊อง โอ้แม่เจ้าจะทำยังไงดี ไฟไหม้ โอ้แม่เจ้าจะทำยังไงดี ไฟไหม้ อ๊า เพื่อนๆ”
ต้าหูตกใจ รีบหยิบแผ่นคำทำนายของบรรพบุรุษให้ดู มีคำทำนายตรงกับจื้อหลิง
“ลูกพี่ ยัยติงต๊อง”
ไห่โค่หันไปมองที่บ้านพักอีกครั้งอย่างมั่นใจ ขณะนั้นจื้อหลิงกำลังต่อว่าเหม่ยเหวิน
“เธอชอบบ่นจริงๆ เธอเก่งมากไม่ใช่เหรอ ช่วยฉันเก็บหน่อยจะเป็นไรไป แบร่ๆๆ อูย”
จื้อหลิงรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หยาเอินมองสงสัย
“เป็นอะไร”
“ไม่รู้ รู้สึกแปลกๆ พิลึก เธอไม่รู้สึกบ้างเหรอ”
“ไม่นะ”
“อึ๊ย” จื้อหลิงตัวสั่นๆ
 
อ่านต่อหน้า 2


อัพแมนมาปิ๊งรัก ตอนที่32 อวสาน (ต่อ)

ในขณะที่หมิงเย่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนไข้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามาอันซี”
หย่งชิงเดินเข้ามาอย่างรู้สึกผิด หมิงเย่มองส่ายหน้าระอา
“นิสัยดื้อรั้นของเธอ เหมือนฉันจริงๆ”
“คุณแม่”
“นั่งสิ”
หย่งชิงเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียง
“ฉันกำลังคิดว่า เมื่อไหร่เธอจะมาหาฉัน แม่อยากบอกเธอว่าขอโทษ แต่เธอคงเข้าใจแม่ดี ฉันทำงาน ต้องการประสบความสำเร็จ มากกว่าความรู้สึก”
หย่งชิงยิ้มเข้าใจ “ความจริง ฉันอยากมาเยี่ยมคุณแม่แต่แรกแล้ว แต่ฉันคิดว่า กลับมาหาแม่ครั้งนี้ควรเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดี ดังนั้น ฉันจึงไปเรียนสิ่งนี้”
หย่งชิงหยิบสมุดวาดรูปขึ้นมา
“นี่คือ”
“ได้ยินว่าการร่างภาพ ทำให้เข้าใจอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้วาด หรือว่าผู้ที่ถูกวาด”
หย่งชิงหยิบอุปรกณ์วาดรูปขึ้นมา หมิงเย่ยิ้มๆ จัดท่าทางของตัวเอง หย่งชิงยิ้มดีใจที่แม่ให้ความร่วมมือ
“สำหรับฉันแล้ว ฉันอาจสนิทกับคุณแม่มากกว่าแม่ของตัวเอง แม่ของฉันอยู่ต่างประเทศ สนใจแต่ชีวิตของตัวเอง แต่คุณ ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย ฉันควรตื่นจากความรู้สึกของการตกเป็นเหยื่อ เพื่อชีวิตที่ดี แต่ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีจุดจบ แล้วจะโทษว่าเป็นความผิดใคร ฉันสูญเสียความรักครั้งแรกไปแล้ว แล้วก็ยิ่วเชียน ฉันจึงไม่อยากสูญเสียคุณแม่ไปอีก”
“หย่งชิง”
“แท้จริงแล้วการมองใครสักคน สามารถทำให้ฉันรู้ว่า เขาห่วงใยฉันมาก”
หมิงเย่ยิ้มทั้งน้ตา ปลาบปลื้ม เข้าไปจับมือหย่งชิง ทั้งคู่ต่างเข้าใจกัน ยิ่วเชียนกับอันซีมายืนอยู่หน้าประตูห้อง อันซีสะกิดยิ่วเชียนให้ออกมาก่อน
“นี่ มานี่ก่อน ที่แท้คุณหูเรียนวาดภาพกับหยาลู่ เพื่อต้องการเข้าใจคนคนหนึ่ง ก็คือหัวหน้า”
“ความรัก เกิดจากจิตใจ ใช่ว่าจะตัดกันได้ง่ายๆ”
ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงหย่งชิงรอดออกมา
“ฉันยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากปรึกษาคุณแม่ เกี่ยวกับเรื่องของพี่ชาย คุณแม่ให้โอกาสพี่ฉันสักครั้งได้มั้ยคะ”
หมิงเย่นิ่งอึ้ง หย่งชิงมองด้วยสายตาวิงวอน


ยิ่วเชียนกับอันซีเดินจูงมือกันออกมาจากโรงพยาบาล อันซีมีแววกังวล
“ยิ่วเชียน คุณว่าหัวหน้า จะอภัยให้เยี่ยนเจ๋อมั้ย”
“ฉันคิดว่าคงยาก ฉันอยากถามเธอหลายครั้งแล้ว ทำไมเธอถึงมั่นใจในตัวเยี่ยนเจ๋ออย่างนี้”
“เพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยโดดเดี่ยวเหมือนกันไง เมื่อก่อนตอนฉันไม่มีแม่ เคยคิดว่าฉันต้องทำตัวแย่ให้ถึงที่สุด เพราะยังไงฉันก็ไม่มีแม่ แต่เพราะความรักของพ่อ ทำให้ฉันเข้าใจ พ่อฉันดีกับฉันมากๆ ถึงมากที่สุด มากกว่าใครในโลกนี้ทั้งหมดเลยด้วย”
“เยี่ยนเจ๋อ ไม่เคยมีใครรักเขาจริง”
“แต่ตอนนี้มีแล้วนี่ ถ้าในโลกนี้มีใครสักคนสนับสนุนคุณโดยไม่มีเงื่อนไข ต้องทำให้คุณมองโลกในแง่บวกแน่ ฉันเชื่อว่าหยาเอินสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้ เพราะความรักที่เยี่ยนเจ๋อมีให้หยาเอินคือรักที่แท้จริง”
“อันซี แล้วถ้าวันหนึ่งฉันกลายเป็นคนไม่ดี เธอจะห่วงใยฉันแบบนี้มั้ย”
“หะ”
“ฉันว่าแล้ว เด็กดีไม่มีวันได้ความห่วงใยจากครู งั้นฉันต้องทำตัวแย่สักวันแล้ว”
“โธ่เอ๊ย”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ “ล้อเล่นน่า ครั้งนี้ เยี่ยนเจ๋อทำเรื่องให้หัวหน้าลำบากใจมาก โดยเฉพาะสัญญาที่เซ็นแล้ว ไม่สามารถละเมิดได้ ถ้าละเมิดล่ะก็ บริษัทต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล เท่าที่ฉันรู้จักหัวหน้า เขาไม่มีทางทำเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เยี่ยนเจ๋อทำ เปรียบเสมือนการตบหน้าหัวหน้าครั้งใหญ่”
“งั้นทำยังไงดี หรือจะสร้างโรงงานบำบัดของเสียในหมู่บ้านภูล่านเหรอ”
“ไม่เพียงเท่านี้ หัวหน้าจะต้องฟ้องร้องเยี่ยนเจ๋อ ให้เยี่ยนเจ๋อไถ่โทษ และรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ”
“แล้วภูล่านจะทำยังไง หยาเอินจะทำยังไง”
ยิ่วเชียนเครียด คิดไม่ตก

หยาเอินยืนให้อาหารห่านอย่างเศร้าๆ ถอนใจ อันซีเดินเข้ามาหาอย่างเห็นใจ
“หยาเอิน เธอโอเคมั้ย”
“ฉันรู้ว่าทุกคนไม่พูด แต่ทุกคนคิดว่าฉันถูกเยี่ยนเจ๋อหลอก”
“หยาเอิน”
“แต่ฉันรู้จักเขาดี”
หยาเอินนึกถึงคำที่เยี่ยนเจ๋อเคยพูดกับเธอ
“ขอแค่ชนะครั้งเดียวพอ จริงๆ นะ ฉันแค่อยากให้พวกเขารู้ว่า ฉันเคยชนะ ก็พอแล้ว พ่อของฉัน พ่อเลี้ยง และทุกคน ฉันแค่อยากให้พวกเขารู้ว่า เด็กที่ถูกทอดทิ้ง ใช่ว่าจะด้อยกว่าคนอื่น”
หยาเอินหันมาบอกอันซี
“เพราะพ่อเลี้ยงของเยี่ยนเจ๋อทำให้เขามีตราบาปอยู่ในใจมาตลอด พ่อของเขาก็ทิ้งไป เขาจึงทำเช่นนี้เพื่อต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเท่านั้น”
อันซีฟังที่หยาเอินบอกแล้วนึกถึงสิ่งที่เยี่ยนเจ๋อเคยพูดกับเธอ
“ผมไม่ได้อยากมาดูพวกเขาหรอก ผมแค่อยากลองค้นหาความรู้สึกของพ่อเท่านั้น ผมอยากรู้ว่าเด็กพวกนี้มีดีอะไร ถึงทำให้พ่อยอมทิ้งลูกในไส้อย่างผมไปดูแลพวกเขา”
อันซีเศร้าๆ แล้วเริ่มคิดอะไรออก หยาเอินแปลกใจ
“เป็นอะไร”
“เปล่า ฉันแน่ใจแล้วจะบอกเธอ”
อันซีเดินกลับไป ระหว่างนั้นยิ่วเชียนร้องเรียกอันซีจากระเบียงชั้นบนของบ้านพัก
“อันซี”
“ยิ่วเชียน”
ยิ่วเชียนยิ้มให้จะลงไปหา แต่อันซีพูดขึ้น
“เอ๊ะ พาฉันไปสถานที่หนึ่งได้มั้ย”
ยิ่วเชียนมองอันซีอย่างแปลกใจ จากนั้นเขาก็ขับรถพาอันซีออกไป หยาเอินรีบวิ่งตามรถยิ่วเชียนกับอันซีไป หยาลู่รีบวิ่งมาขวาง
“หยาเอิน เธอจะทำอะไร”
“ดูเหมือนอันซีจะรู้ว่าเยี่ยนเจ๋อ”
“แต่เธอวิ่งไม่ได้ ยืนให้ดี ฉันไปเอารถก่อน”
หยาลู่จับหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู หยาเอินยิ้มดีใจที่พี่ชายเข้าใจ หยาลู่กำลังจะไปเอารถ หย่งชิงก็ขับรถเข้ามาหน้าบ้านพักพอดี เปิดประตูรถออกมาถามสองพี่น้อง
“พวกเธอจะไปไหนเหรอ”
หยาลู่หันไปมองหยาเอินยิ้มๆ


อันซีให้ยิ่วเชียนขับรถพามาตามสถานที่ต่างๆ ที่คิดว่าเยี่ยนเจ๋อจะมา แต่ไม่มี จนมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เยี่ยนเจ๋อนั่งเศร้าๆ คิดอะไรอยู่คนเดียว ขณะที่เด็กๆ เล่นกันอยู่ แล้วเถียงกัน
“ครั้งก่อนเธอชนะแล้วครั้งนี้ฉันต้องชนะ”
“ไม่ได้ฉันต้องชนะ”
“แต่ฉันจะขี่ให้ได้”
เสียงอันซีพูดกับเด็กๆ ดังเข้ามา
“ชนะแล้วดียังไง”
เยี่ยนเจ๋ออึ้ง หันไปมองหน้าอันซี
“คุณมาที่นี่เพราะอะไร”
“หลายวันนี้คุณทำอะไร ทุกคนเป็นห่วงคุณมาก”
“ใครจะเป็นห่วงผม”
เยี่ยนเจ๋อลุกเดินออกไปหน้าบ้านเด็กกำพร้า อันซีตามไป เยี่ยนเจ๋อแปลกใจที่เห็นทุกคนมากันอย่างพร้อมหน้า ทั้งยิ่วเชียน หย่งชิง หยาลู่และหยาเอิน
“เฮ่อ นี่มันอะไรกัน จะมาคิดบัญชีกับฉันเหรอ”
หย่งชิงเดินเข้าไปหาพี่ชาย
“พี่ ก่อนหน้านี้พี่ควรบอกฉัน ถึงความรู้สึกที่แท้จริงให้ฉันรู้สิ ฉันจะได้ไม่ทำให้พี่รู้สึกโดดเดี่ยวเวลาที่อยู่บ้าน”
“พูดกับเธอแล้วไง เธอจะทำอะไรได้”
“ฉันจะได้แชร์ความรู้สึกของฉันไง ไม่ใช่บ่นเรื่องชีวิตของฉันให้พี่ฟังเหมือนที่ผ่านมา พี่รู้มั้ย ทุกครั้งที่ใครชมพี่ให้ฉันฟัง ว่าพี่หล่อ และฉลาดมากๆ ฉันดีใจกว่าใครอีก พี่จำปีที่จัดวันเกิดของฉันได้มั้ย ฉันชวนเพื่อนมากมายมางานปาร์ตี้ที่บ้านของเรา พี่คิดว่าฉันต้องการอวดของขวัญที่พ่อซื้อให้ แต่ที่มากกว่านั้นคือ ฉันอยากให้เพื่อนๆ รู้ว่า บ้านหมาที่น่ารัก เป็นฝีมือของพี่ชายฉันเอง และเราทาสีบ้านด้วยกัน สำหรับฉันแล้ว พี่ชายก็คือพี่ชาย ไม่ใช่ผู้ปกครอง และไม่ใช่ผู้อาศัย เพราะพี่เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของฉัน”
“เธอมาพูดเอาตอนนี้ มันสายไปแล้ว เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว กองทุนรัสเซียไม่มีทางปล่อยฉัน หัวหน้ายิ่งไม่มีทางปล่อยฉันไป”
ยิ่วเชียนขัดขึ้น
“คนที่อยากคว้าหมากรุกกษัตริย์ เพราะอยากชนะอยู่ตลอด จะยอมแพ้เพราะความผิดพลาดไม่ได้เชียวเหรอ นายควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่นายทำ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง มันยากมากเลยเหรอ หรือว่า นายจะหนีไปตลอด รวมทั้งหนีทุกคนที่เป็นห่วงนายด้วย”
เยี่ยนเจ๋อหันมาสบตาหยาเอิน หยาเอินอึ้งๆ หยาลู่ดันตัวน้องสาวให้เข้าไปพูดกับเยี่ยนเจ๋อ หยาเอินจับมือเยี่ยนเจ๋อให้กำลังใจ
“คุณไม่เป็นไร ก็ดีแล้ว”
เยี่ยนเจ๋อจับมือหยาเอินบีบแน่น รู้ว่ายังมีคนรักและหวังดีกับเขาอยู่ อันซีกับยิ่วเชียนจับมือกันรู้สึกยินดีไปด้วย เยี่ยนเจ๋อมองหยาเอินอย่างซาบซึ้งใจ

เยี่ยนเจ๋อตัดสินใจมาพบหมิงเย่ หมิงเย่นั่งหน้านิ่งๆ ยังเคืองอยู่ โดยมีอันซีและหย่งชิงนั่งขนาบข้าง หมิงเย่มองหน้าเยี่ยนเจ๋อก่อนบอก
“เปิดลิ้นชักที่อยู่ข้างๆ”
เยี่ยนเจ๋อเดินไปเปิดลิ้นชักดู หย่งชิงรีบเรียกแม่ทักท้วง
“คุณแม่”
เยี่ยนเจ๋อเห็นโทรศัพท์ของเขาที่ยิ่วเชียนเคยจะใช้เป็นหลักฐานฟ้องศาลอยู่ในลิ้นชัก เขาพยายามทำใจ หันมาบอกหย่งชิง
“ไม่เป็นไร ฉันเตรียมใจก่อนมาที่นี่แล้ว”
อันซีหันมามองหน้าหมิงเย่
“คุณจะสร้างโรงงานบำบัดของเสียในภูล่านกับกองทุนรัสเซียจริงเหรอ”
หมิงเย่มองหน้าอันซี
“ดูเหมือนสิ่งแรกที่เธอต้องเรียนรู้กับฉัน คือต้องใจกว้าง ความจริงวันนั้น ฉันคิดแล้วว่า จะให้โอกาสเยี่ยนเจ๋อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
หมิงเย่นึกถึงเรื่องที่เธอเคยคุยกับอันซี
“หมู่บ้านภูล่านสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน”
“ที่แท้ เธอเอาโจ๊กมา เพื่อต้องการต่อรองกับฉันสินะ”
“ฉันคิดว่ามีเพียงครั้งเดียว ไม่คิดว่าคุณจะทำให้ฉันผิดหวังครั้งที่สอง”
หมิงเย่หันมามองหน้าอันซี
“สายตาแบบนั้น ฉันไม่ต้องการเห็นเป็นครั้งที่สองอีก ฉันจึงตัดสินใจ ชดเชยค่าเสียหายให้กองทุนรัสเซีย”
เยี่ยนเจ๋อตกใจมาก
“แต่มันมหาศาลเลยนะครับ”
หย่งชิงรีบบอก “ฉันยินดีชดเชยค่าเสียหายให้พี่ สิ่งที่พ่อเป็นหนี้พี่ ฉันจะชดใช้เอง ความจริงทุกอย่างที่พ่อให้ฉัน ฉันไม่เคยแคร์อยู่แล้ว ฉันแคร์เพียงพี่เท่านั้น”
เยี่ยนเจ๋อรู้สึกผิดมาก หมิงเย่หันมามองหน้าหย่งชิง
“เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันเริ่มเรียนรู้ว่า มุมมองของฉัน ไม่ได้ถูกทุกอย่าง เธอเป็นพี่ชายของหย่งชิง เป็นเพื่อนที่อันซีแคร์ หลายปีมานี้ เธอก็ช่วยฉันมาไม่น้อย ถ้าหากปล่อยเธอไป แล้วสามารถทำให้ทุกคนมีความสุข ฉันขอเลือกความสุข”
เยี่ยนเจ๋อนึกไม่ถึง หย่งชิงยิ้มดีใจ อันซียิ้มซาบซึ้งใจ
“หัวหน้า ขอบคุณมาก ขอบคุณคุณมากจริงๆ”
“ทำไมเรียกหัวหน้าอีกแล้ว” หมิงเย่ท้วง
“แล้วฉันจะฝึกฝน”
หย่งชิงกับหมิงเย่ขำๆ
“เธอต้องรู้ไว้ว่า เงินที่ฉันชดเชยค่าเสียหาย อาจจะเป็นสมบัติทั้งหมดของเธอ”

หมิงเย่แกล้งขู่
 
อ่านต่อหน้า 3


อัพแมนมาปิ๊งรัก ตอนที่32 อวสาน (ต่อ)

ยิ่วเชียนเดินเข้ามาในห้อง
“หัวหน้า หยุดทดสอบนิสัยของทุกคนได้แล้ว ให้ทุกคนมีชีวิตที่สงบสุขบ้างเถอะ”
หมิงเย่หัวเราะเสียงดัง อันซียิ้มๆ
“แม่ เวลาแม่หัวเราะสวยจังเลย”
“แม่เหรอ”
“ฉัน รู้สึกเมื่อยกรามน่ะ”
อันซีจับหน้าตัวเองอย่างอายๆ ยิ่วเชียนยิ้มเอ็นดู หมิงเย่หัวเราะเสียงดังมีความสุข

ยิ่วเชียนจูงมืออันซีพาเดินออกมาจากโรงพยาบาล เยี่ยนเจ๋อวิ่งตามมา
“อันซี”
ยิ่วเชียนกับอันซีหันมามองเยี่ยนเจ๋อ เยี่ยนเจ๋อถามขึ้น
“เธอว่างมั้ย”
ยิ่วเชียนรีบออกตัว “ฉันบอกแล้วไงว่าแฟนของคนอื่น”
อันซียิ้มๆ ห้ามยิ่วเชียน แล้วหันมาบอกเยี่ยนเจ๋อ
“โธ่เอ๊ย เราไปเถอะ อย่าไปสนใจเขา”
อันซีจูงมือเยี่ยนเจ๋อไปด้วยกัน แกล้งแหย่ยิ่วเชียน ยิ่วเชียนยิ้มๆ เดินตามทั้งคู่ไป เยี่ยนเจ๋อสบายใจขึ้นหันมาบอกอันซี
“ผมอยากจะมาขอโทษคุณ และขอบคุณคุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราจะเป็นเพื่อนหัวอกเดียวกันตลอดไป เพื่อนก็ควรช่วยเหลือเพื่อนสิ ถ้าคราวหน้าคุณเก็บความรู้สึกแบบนี้อีกล่ะก็ คอยดูแล้วกัน”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ “ชาตินี้ผมคงไม่สามารถใจกว้างได้เหมือนคุณหรอก”
“แต่คุณจะพยายามใช่มั้ย”
“ถ้าหากเซี่ยยิ่วเชียนรังแกคุณ มาหาผมได้ ผมรู้จุดอ่อนของเขา”
ยิ่วเชียนแกล้งกระแอม
“ฉันก็รู้ว่าควรจัดการกับนายยังไง ฉันมีเบอร์โทรของจางหยาเอินนะ”
อันซีขำๆ เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ ถามอันซี
“คุณรู้สึกมั้ยว่าเวลายิ่วเชียนอยู่กับคุณ มีสัญญาณของความปัญญาอ่อนปะปนอยู่”
“นี่ สิ่งที่คุณพูดมันคือฉันต่างหากล่ะ” อันซีท้วง
“ชัดเจนมากเลยเหรอ”
“หูเยี่ยนเจ๋อ”
อันซียิ้มๆ ทำมือให้ยิ่วเชียนกดรีโมทรถให้ แล้วเธอก็เดินไปขึ้นรถก่อน ปล่อยให้สองหนุ่มได้คุยกันตามลำพัง ยิ่วเชียนหันมามองหน้าเยี่ยนเจ๋อ
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่คู่ต่อสู้คือนาย ถ้าไม่ใช่การต่อสู้ก้ำกึ่ง คงไม่มีความหมายเลย แม้จะถูกบังคับให้มีส่วนร่วม แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ว่า อย่าให้มีครั้งต่อไปอีก”
ยิ่วเชียนจับมือกับเยี่ยนเจ๋อ แทนคำมั่นสัญญา
“ไปก่อนนะ”
ยิ่วเชียนเดินไปขึ้นรถ เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ สบายใจขึ้น


จื้อหลิงกำลังวุ่นวายกับการทำอาหารอยู่ในบ้านพัก ยิ่วเชียนกับอันซีเดินเข้ามา จื้อหลิงหันไปเห็น
“อันซี ดีจังเลย รีบมาช่วยฉันหน่อย”
“ได้”
อันซีจะรีบไปช่วย แต่ยิ่วเชียนจับมือรั้งไว้
“เดี๋ยวก่อน เรามาพักร้อนกันนะ เธอบอกว่าจะพาฉันไปสถานที่หนึ่งไม่ใช่เหรอ”
“รอเดี๋ยว ฉันช่วยจื้อหลิงก่อน รอเดี๋ยว”
อันซีแกะมือยิ่วเชียนออก เขาก็ไปจับอีกมือหนึ่งไม่ยอมให้อันซีไป จับมือกันไปจับมือกันมา หยอกล้อหัวเราะกันกระหนุงกระหนิง จนจื้อหลิงงอนๆ เดินผ่านไปตรงกลางระหว่างมือของทั้งสองคนที่จับกันอยู่
“เอาล่ะไม่เป็นไร พวกเธอสวีทกันให้เต็มที่เลย ฉันยังมีจิงเหม่ยเหวิน”
จื้อหลิงเดินออกไป อันซีร้องเรียก
“นี่เดี๋ยวก่อน”
ยิ่วเชียนรีบจับมืออันซีไว้ไม่ให้ไป ระหว่างนั้นเหม่ยเหวินกำลังลงบันไดมาอย่างเงียบๆ เพื่อจะหนีออกไปหาต้าเฟย จื้อหลิงมาเห็นพอดี
“จิงเบยบี้เธอจะไปไหน”
เหม่ยเหวินหัวเราะเจื่อนๆ
“ฉันไปจ่ายตลาด”
“จ่ายตลาดเหรอ หมวกกันน็อกของเธอใส่ผักได้ใช่มั้ย พวกเธอทำเกินไปแล้วนะ รู้ว่าฉันไม่มีแฟนยังสวีทประชดฉัน”
“ใช่ๆๆ ฉันจะไปหาพี่ต้าเฟยสุดที่รักของฉัน ฉันจะไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ได้เหรอ ฉันทำผิดอะไร เธอโดดเดี่ยวมันเกี่ยวอะไรกับฉัน เธอเป็นหัวหน้าฉันเหรอ แปลกคนจริงๆ”
“เอ๊ะ เธอนี่”
ทันใดนั้นเสียงต้าหูดังขึ้น พร้อมเสียงแตรรถ
“ว่าที่พี่สะใภ้ ฮันนี่ไห่โค่มาหาคุณแล้ว”
จื้อหลิงโมโห เดินบ่นออกไปหน้าบ้าน
“เสือไม่โกรธทุกคนจะเห็นมันเป็นแมวใช่มั้ย ฉันจะบ้าตาย หยุดกดแตรได้แล้ว อันซีเป็นสะใภ้ของคนอื่นไปแล้ว พวกแกยังไม่เข้าใจอีกเรอะ”
“คุณเข้าใจผิดแล้วครับ” ต้าหูบอก
“ว่าที่พี่สะใภ้” เสี่ยวหูเรียก
“ว่าที่พี่สะใภ้เหรอ” เหม่ยเหวินแปลกใจ
ยิ่วเชียนกับอันซีเดินตามออกมา ไห่โค่เดินออกมาจากรถ พร้อมถือดอกไม้ช่อโตเดินยิ้มเข้ามา
“รอเพื่อกลับมาหาเธออีกครั้ง แล้วมองกลับไปที่รั้วอีกครั้ง”
ยิ่วเชียนรีบจับมืออันซียึดไว้ มองไห่โค่อย่างเคืองๆ คิดว่าไห่โค่ยังไม่ยอมเลิกราเรื่องจีบอันซี แต่แล้วไห่โค่เดินถือช่อดอกไม้ไปคุกเข่าต่อหน้าจื้อหลิง
“คนที่ฉันพูดหมายถึงเธอ”
ระหว่างนั้นต้าอี๋ถือดอกไม้ช่อเล็กกว่าของไห่โค่รีบวิ่งเข้ามา
“เดี๋ยวก่อน”
ยิ่วเชียนแปลกใจ “ต้าอี๋”
“คุณมาทำไม” อันซีถาม
“สารภาพรัก” ต้าอี๋บอก
เหม่ยเหวินงงๆ หันไปบอกต้าอี๋
“เดี๋ยวก่อนวันนี้มันวันอะไร ขอโทษนะ ฉันมีพี่ต้าเฟยแล้ว”
“ใช่ นายมาทำไม เธอสองคนอายุต่างกันมาก” ไห่โค่แปลกใจ
“แกหุบปาก” เหม่ยเหวินตะคอก
ต้าอี๋เดินถือช่อดอกไม้ไปให้จื้อหลิง จื้อหลิงแปลกใจมาก ไห่โค่เริ่มไม่พอใจ
“เอ๊ะ นายจะมาแย่งกับฉันเหรอ นายซื้อช่อแค่นี้ตลกมาก เห็นรึเปล่า นี่เป็นช่อดอกไม้ที่บรรพบรุษของฉันให้เธอ”
ไห่โค่ผลักต้าอี๋ออกไป แล้วคุกเข่าต่อหน้าจื้อหลิง ต้าอี๋ไม่ยอม ต้าหูเข้าไปขวาง
“นี่ๆๆ ลูกพี่ของเรา รู้จักพี่สะใภ้ติงต๊องมาหลายปีแล้วนะ”
“พรหมลิขิต นายเข้าใจคำว่าพรหมลิขิตมั้ย” เสี่ยวหูย้ำ
“รู้จักมานาน แต่ยังไม่เริ่มต้น เรียกว่าไร้พรหมลิขิต” ต้าอี๋ย้อน
“เอ๊ะ” เสี่ยวหูงง
ต้าอี๋เดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าจื้อหลิง
“คุณคือรักแรกพบของผม ได้โปรดยอมรับผมด้วย”
อันซีตื่นเต้น ยิ้มล้อ
“ว้าว จื้อหลิง เธอมาฮอตอะไรเอาตอนนี้เนี่ย”
“ยอมรับบ้าน่ะสิ”
ไห่โค่ผลักต้าอี๋กระเด็น
“ใช่แล้วๆ ทั้งสูงและรวยแต่ว่า เอ่อ ไม่ค่อยหล่อ” เหม่ยเหวินบอก
ไห่โค่กับต้าอี๋ดันกันไปมา เพื่อจะได้อยู่ต่อหน้าจื้อหลิง จื้อหลิงอึดอัดทำอะไรไม่ถูก เหม่ยเหวินตัดบท
“เอ๊ะ คนเยอะอย่างนี้เธอคงไม่เหงาแล้ว ฉันไปหาพี่ต้าเฟยดีกว่า”
เหม่ยเหวินเดินออกไปเลย
“นี่ จิงเหม่ยเหวิน”
ยิ่วเชียนจูงมืออันซีเดินหนีไปบ้าง จื้อหลิงตกใจ
“เฮ้ย อันซี ๆ”
อันซีกับยิ่วเชียนวิ่งหัวเราะกันออกไป ปล่อยให้จื้อหลิงรับมือกับชายหนุ่มสองคนที่มาหาเธอด้วยความรักพร้อมๆ กัน


หยาเอินมาแขวนกระดาษที่ต้นไม้ขอพร เยี่ยนเจ๋อเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง หยาเอินตกใจ
“เอ๊ะ”
“หยาเอิน”
“ขอบคุณนะ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าการเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าคุณทำร้ายอันซี ฉันจะเกลียดคุณมาก และถ้าคุณวิ่งหนีไม่กลับมา ฉันก็จะยิ่งเกลียดคุณ ขอบคุณมาก ที่กลับมาหาฉันอีกครั้ง”
“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
ทั้งสองกอดกันอย่างเข้าใจและต้องการแบ่งปันความอบอุ่นจากหัวใจให้กันและกัน

อันซีเดินปิดตายิ่วเชียนพามาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
“รอเดี๋ยวนะ ใกล้ถึงแล้วๆ คุณทายสิว่าที่ไหน”
“พิพิธภัณฑ์สวนน้ำ”
อันซีรีบเปิดตาโวยวาย
“คุณรู้ได้ยังไง”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ
“เสียงน้ำและกลิ่นของทะเลไง”
“ไม่สนุกเลย คุณรู้ทันอีกแล้ว ไม่เล่นกับคุณแล้ว”
อันซีจะเดินหนีไป ยิ่วเชียนยิ้มๆ รีบดึงไว้
“นี่ ให้โอกาสฉันอีกครั้ง ครั้งหน้า ฉันอาจจะทายผิดก็ได้”
“แกล้งทายผิดมันยากเหรอ ไปให้พ้นเลย”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ เอ็นดู ดึงมืออันซีไว้
“ทางนี้”
“ไม่เล่นกับคุณแล้ว”
ทั้งสองเดินจูงมือกันเข้าไปข้างใน
“เอ๊ะๆ เดี๋ยวก่อน น่าจะเป็นทางนี้นะ ไปค่ะ เร็ว”
อันซีดึงยิ่วเชียนไป
“ไม่ใช่ อันซี ในนี้เข้าได้เฉพาะพนักงานไม่ใช่เหรอ”
“ฉันมีเพื่อนทำงานอยู่ที่นี่ เขาลงทะเบียนกิจกรรมที่นี่ให้ และเป็นไกด์พาทัวร์”
“ใคร”
เถี่ยโถเดินออกมาทัก
“เอ๊ะ อันซี อันซี”
“เถี่ยโถทำงานอยู่ที่นี่ บางทีก็ไปช่วยแม่ที่ร้าน” อันซีหันมาบอกยิ่วเชียน
เถี่ยโถมองหน้ายิ่วเชียนใกล้ๆ
“เอ๊ะ ฉันเคยเห็นคุณที่ไหนรึเปล่า เดี๋ยวนะๆ ไม่ต้องบอก เดี๋ยวนะๆ ฉันรู้แล้ว แต่นึกต่ออีกแป๊บ อ้อ คุณคือลูกค้าของบ้านพักอันซีใช่มั้ย”
ยิ่วเชียนกับอันซีขำมาก
“ฉันว่าแล้ว ผู้ชายดูดีอย่างคุณ ใครได้พบไม่มีวันลืมแน่นอน แฮะๆๆ เห็นครั้งแรกฉันก็จำคุณได้แล้ว”
“เห็นครั้งแรก”
ยิ่วเชียนทวนคำ แล้วหันไปยิ้มรู้กันกับอันซี อันซีขำเพราะรู้ว่าเถี่ยโถจำไม่ได้
“นี่อันซี เธอชอบปลาการ์ตูนไม่ใช่เหรอ ไป วันนี้ฉันจะพาเธอสองคน ไปพูดคุยใกล้ชิดกับมัน”
“ดี ไปเถอะ”

อันซีหันมาจับแขนยิ่วเชียนเดินไปด้วยกัน
 
อ่านต่อหน้า 4


อัพแมนมาปิ๊งรัก ตอนที่32 จบบริบูรณ์

เมื่อเข้าไปในห้อง เถี่ยโถสับอาหารปลาพลางอธิบาย

“เราจะเอาปลาสับให้เป็นโคลน หลังจากสับแล้วใส่กุ้งเข้าไปนิดหน่อย เมื่อใส่กุ้งเข้าไปจะอร่อยมากขึ้น หลังจากใส่แล้วปลาการ์ตูนกินแล้วจะอารมณ์ดี มันจะชอบมาก”
อันซีนำอาหารสับมาให้ปลาการ์ตูน ยิ่วเชียนยิ้มมองอยู่ด้วย
“เสี่ยวสร้อยสร้อยไม่ต้องกลัวนะ มาๆๆ รีบมากินเร็ว”
“กินข้าวแล้ว ฉันว่า ปลาการ์ตูนชนิดนี้ อายุมากก็คือแม่ปลา หลังจากแม่ปลาตายไป พ่อปลาจะกลายเป็นแม่ปลาแทน”
“จริงเหรอ”
“ใช่ จากนั้นลูกของพวกมัน จะกลายเป็นพ่อ”
“พอแล้วๆ คุณไม่ต้องพูดแล้ว อย่าทำลายจินตนาการที่ฉันมีต่อปลาการ์ตูน”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ กับท่าทางน่ารักของอันซี

เถี่ยโถนำถังอุปกรณ์การทำความสะอาดตู้ปลามายื่นให้อันซี
“ทำความสะอาดเครื่องมือ”
“ฉันทำได้จริงเหรอ”
“ได้สิ ง่ายนิดเดียว ไปๆๆ ตรงนั้น ขัดตรงนั้นด้วย ใช่ๆๆ โอเคเลยมีพรสวรรค์นี่นา โอ้โห”
ยิ่วเชียนแกล้งเดินเข้าไปใกล้ๆ เถี่ยโถ พลางบอก
“ฉันได้ยินอันซีบอกว่า ตอน ม.ปลายนายชอบรังแกผู้ชายคนหนึ่ง”
อันซีหันมามองหน้าเถี่ยโถ เถี่ยโถนึกถึงตอนที่เขาแกล้งยิ่วเชียน แล้วแกล้งขำกลบเกลื่อน
“ไมได้รังแกนะ เราแค่เล่นกับเขาเท่านั้นเองจริงมั้ย”
เถี่ยโถหัวเราะเจื่อนๆ
“อ๋อ งั้นเหรอ”
“อืม ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้”
“เขาคนนั้น ฉันรู้จัก”
เถี่ยโถหน้าถอดสี
“จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อโลกช่างกลมจริงๆ”
“ได้ยินว่า ต่อมาเขาตายไปพร้อมกับความแค้น”
อันซีหันขวับไปมองหน้ายิ่วเชียน ที่แต่งเรื่องได้ทันควัน เถี่ยโถยิ่งหน้าซีดตกใจมาก
“ตายไปพร้อมความแค้นเหรอ”
“ดูเหมือนตายไปด้วยความไม่สบายใจ เหมือนมีความแค้นอะไรกับใคร”
ยิ่วเชียนพูดจริงจังมาก เถี่ยโถเริ่มกลัว ยิ่วเชียนหันไปยิ้มกับอันซี
“เอ่อ เอ่อ เชิญพวกเธอตามสบาย ฉันยังมีงานต้องทำ”
เถี่ยโถรีบเดินออกไป ยิ่วเชียนยิ้มสนุก สะใจ อันซีหันมาต่อว่า
“นี่ เมื่อกี้คุณทำอะไร”
“เอ่อ แก้แค้น”
“ใจแคบเกินไปมั้ย”
“นี่ เมื่อก่อนเขาผลักฉันล้ม แล้วยังโยนหนังสือของฉันลงน้ำ เอาเข็มหมุดใส่กระเป๋าของฉัน เอาก้อนหินโยนใส่ฉันก็เคยทำ ทำให้เขาฝันร้ายแค่คืนเดียวไม่เกินไปหรอกน่า”
“คุณทำเกินไปแล้วนะ”
“ดังนั้น เรื่องของหย่งชิงสำหรับฉันแล้วถือว่าเล็กน้อย”
“ไม่ได้ๆ ให้เขาฝันร้ายคืนเดียวมันยังน้อยไป ตามฉันมา”
อันซีนึกสนุกขึ้นมาบ้าง


เถี่ยโถเดินเข็นเครื่องมือทำความสะอาดตู้ปลามา แล้วเริ่มวิตก คิดถึงคำพูดของยิ่วเชียน
“ได้ยินว่า ต่อมาเขาตายไปพร้อมกับความแค้น”
เถี่ยโถเริ่มกลัว รู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
“วันนี้อากาศเย็นเกินไปมั้ยเนี่ย”
ทันใดนั้นอันซีก็เข้ามาจับไหล่เถี่ยโถอย่างแรง เขาสะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย เธอทำอะไร”
“ทำไมต้องตกใจด้วย”
“เฮ่อ”
“เอ๊ะ นั่นอะไร”
เถี่ยโถมองตามที่อันซีชี้มือ เห็นยิ่วเชียนซึ่งเป็นเด็กเนิร์ดในอดีตผ่านแว่บไป เขารีบเข้าไปหลบหลังอันซี
“เป็นอะไร”
“นั่นมันไอ้เนิร์ดที่โรงเรียนนี่”
“ตรงไหน”
“นั่นไง”
ยิ่วเชียนปรากฏตัวแว่บหนึ่งแล้วหายไป
“ไม่มีใครเลย”
อันซีเข้าไปจับเสื้อเถี่ยโถ เขาตกใจร้องลั่น อันซีหัวเราะ
“นายก็มีวันนี้ด้วย”
“เธอทำอะไร”
ยิ่วเชียนใส่เสื้อพละสีเขียว พร้อมแว่นตาและเอาสก็อตเทปมาติดให้เป็นคิ้วเส้นตรง เดินออกมา เถี่ยโถหันไปเห็นตกใจ รีบไปหลบข้างหลังอันซี ยิ่วเชียนจึงถอดแว่นและดึงคิ้วออก เถี่ยโถตะลึง
“นาย”
“ไม่เจอกันนาน”
“นายๆๆ เธอๆๆๆ นายๆๆ”
“นายติดอ่างเหรอ” อันซีแซว
“เฮ้อ อันซี มิน่าฉันถึงคุ้นหน้านาย คิดไม่ถึงว่าเปลี่ยนไปมากเลยนะ ฮิๆๆ”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ ให้
“ดังนั้น จะตัดสินคนอื่นจากภายนอกไม่ได้ ถูกมั้ย” อันซีย้ำบอก
“เธอสองคนดีจริงๆ”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ “ล้อนายเล่นเท่านั้น อย่าถือสาล่ะ”
“ช่างเถอะ เห็นแก่เธอสองคนที่ทำกับฉัน ฉันไม่จัดอะไรพิเศษให้พวกเธอดูอีกแล้ว ตามฉันมา”
เถี่ยโถเดินนำไปที่อุโมงค์ปลาขนาดใหญ่
“นี่ รอฉันอยู่ตรงนี้”
“นายจะทำอะไร” อันซีถาม
“บอกให้รอก็รอสิเด็กดี นี่ ไอ้เนิร์ด เรื่องในอดีต ขอโทษนะ”


ยิ่วเชียนกับอันซียิ้มๆ สักพักปลาสีขาวฝูงใหญ่ก็ว่ายมาให้ทั้งสองเห็น ยิ่วเชียนตื่นตามาก
“ว้าวดูสิ”
“ว้าว โอ้โห สวยมากเลย”
“นักดำน้ำ”
ยิ่วเชียนชี้บอกอันซี อันซีจ้องๆ
“เถี่ยโถ”
“เถี่ยโถเหรอ”
ทั้งคู่โบกมือให้เถี่ยโถซึ่งโชว์อยู่ในตู้ปลา เถี่ยโถล้อเล่นกับอันซี แล้วหันไปให้อาหารปลา อันซียิ้มๆ
“ในสถานที่นี้ เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากรู้เรื่องราวของคุณ ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ ฉันแค่รู้สึกว่า นิสัยคุณแปลกมาก และรู้สึกว่าคุณไม่สามารถเข้ากับโลกนี้ได้ ต่อมาเราก็มาที่นี่”
“ฉันแค่รู้สึกว่า”
ยิ่วเชียนนึก
“ปลาเหล่านี้ วันนี้อาจอยู่ที่นี่ แต่สักวันหนึ่งฉันอาจไปจากที่นี่ นี่แหละที่ฉันแตกต่างจากพวกมัน”
“โธ่เอ๊ย“
อันซีหันมามองหน้าชายหนุ่ม
“ตอนนั้นฉันเพิ่งรู้ว่า ที่แท้คุณไม่ได้เข้ากับคนที่นี่ไม่ได้ แต่คุณต้องการไปสถานที่ที่เจริญกว่า ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกอิจฉาคุณ แต่ก็แอบกังวลว่า หลังจากคุณไปแล้ว จะไม่กลับมาหาฉันอีก”
อันซีเศร้าๆ ยิ่วเชียนมองหญิงสาวอย่างเข้าใจ
“ฉันกลับมาแล้ว”
“ฮิ คุณกลับมาแล้วจริงๆ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรัก ยิ่วเชียนหยิบต่างหูปลาการ์ตูนออกมาใส่ให้ อันซียิ้มชื่นสุขล้น สองคนหันไปโบกมือให้เถี่ยโถ
ยิ่วเชียนจูงมืออันซีเดินเล่นมาตามชายหาด เหมือนเห็นภาพอดีตของตัวเองในวัยมัธยมที่มีแต่ความสุขแล่นผ่านหน้าไป
ทั้งคู่ต่างโบกมือทักทายอดีตอย่างเบิกบานใจ และหันมายิ้มให้กัน เพื่อสร้างความสุขในอนาคตร่วมกัน

จบบริบูรณ์
โปรดติดตาม “กะรัตรัก” Dimomd Lover ผลงานของ "เรน" เร็วๆ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น