อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่10
เหม่ยเหวินนึกถึงเรื่องแผลเป็นบนหลังของอันซีแล้วถอนใจ ก่อนจะเล่าให้ยิ่วเชียนฟัง
“หลายปีก่อนศัตรูของเจียงไห่โค่ตามมาล้างแค้นเขา ตอนนั้นเขาตามจับอันซีของเราอยู่ อันซีเห็นเข้าเลยเข้าไปช่วยเหลือเหมือนวันนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ยังเข้าไปช่วยคนอย่างเจียงไห่โค่ จึงทำให้เจียงไห่โค่ ยิ่งรักอันซีมากกว่าเดิม”
ยิ่วเชียนฟังแล้วยิ่งสงสารอันซี
เสียงเคาะประตูหน้าห้องอันซีดังขึ้น เธอเดินเช็ดผมพลางมาเปิดประตูห้อง
“มาแล้วๆ มีอะไรๆ”
อันซีเปิดประตู เหม่ยเหวินยืนจ้องหน้าอยู่ครู่ ก่อนจะต่อว่าอย่างหนักด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องแบบนี้เธออย่าให้ฉันเห็นอีกนะ เรื่องของเจียงไห่โค่เธอไม่เคยจำใส่กะโหลกเลยใช่มั้ย”
“หยุด ทำไมต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วย”
“เซี่ยยิ่วเชียนพูดถูก ถ้าผู้ชายคนนั้นสาดน้ำกรดใส่เธอจะทำยังไง”
“เฮ่อ ร่างกายฉันไวกว่าสมองนี่ ฉันก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้”
“ทำไมเธอเหมือนลิงอย่างนี้ อยู่เฉยๆ ไม่เป็นรึไง”
“ฉันไม่ใช่ลิงนะ”
“เรื่องนี้ถือว่าช่างมัน ไม่ว่าเธอจะเรียกเขาว่าเซี่ยยิ่วเชียนคุณเซี่ยหรือผู้อำนวยการเซี่ย ฉันไม่สนทั้งนั้น สำหรับเรื่องของเขาแล้วร่างกายของเธอห้ามไปไวกว่าสมองอีกเข้าใจมั้ย”
“เธอกำลังพูดอะไร”
“ก็พูดถึงคนโง่อย่างเธอไง หลายวันนี้เธอวิ่งตามเขาตลอดเลยรู้ตัวบ้างมั้ย”
“ฉันเปล่านะ”
“เปล่าอะไร ตอนแรกฉันคิดว่า ถ้าเซี่ยยิ่วเชียนยังโสด และเขาก็ดูชอบเธอมาก ฉันจะยินดีด้วยที่เธอสองคนคบหากัน เพราะถ้าเธอคบกับคนอย่างเขา ชีวิตของเธอจะสุขสบายขึ้น แต่ตอนนี้พอนึกถึงเขาทีไรฉันอยากจะฆ่าเขาให้ตาย”
“นี่ๆ เดี๋ยวก่อน พี่เหม่ยเหวิน คิดให้ดีนะ เซี่ยยิ่วเชียนเป็นคนรวยสูงส่ง จะมาชอบฉันได้ยังไง อีกอย่างใช่ว่าเธอไม่รู้ ฉันไม่มีทางมีความรักแน่นอน”
“โธ่เอ๊ย เมื่อความรักมาแล้วจะห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่หรอก เธออย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เขาเป็นผู้ชายที่มีแฟนแล้ว”
อันซีหน้าสลดไปนิดหนึ่ง
“เธอไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่มีทางรักใครหรอก”
“ผู้ชายที่ชอบทำตัวโสดน่าเกลียดที่สุด”
“นั่นน่ะสิ”
“เธอต้องระวังเซี่ยยิ่วเชียนหน่อย ไม่ใช่ๆ ระวังตัวเองมากกว่า ถ้าเธอไม่ระวังตัว เธออาจจะบ้าโดยไม่รู้ตัวก็ได้”
“โธ่เอ๊ยเธอไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่มีทางรักใครแน่นอน”
“ขอให้จริงเถอะ”
อันซีทำเป็นเช็ดผมกลบเกลื่อน
หย่งชิงยืนพูดอยู่ที่บันไดภายในห้อง ยิ่วเชียนนอนอยู่ที่โซฟา
“คุณนี่แปลกคนจริง ปกติ คุณไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่กลับช่วยใช้หนี้แทนเจ้าของบ้านพัก และ
ช่วยหาหมอให้คนในบ้านพัก เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ใช่ว่าบ้านพักนี้ไม่มีผู้ชาย ทำไมคุณต้องออกหน้าแทนด้วย คุณเป็นอะไร คุณรู้ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลกับฉัน ถ้าฉันต้องการรู้คำตอบ ฉันก็ต้องรู้ให้ได้ แม้จะต้องใช้วิธีการตรวจสอบ ฉันก็ต้องหาสาเหตุให้เจอ”
“ทำไมเธอกลายเป็นคนดื้อรั้นอย่างนี้ เมื่อก่อนเราต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว”
“เพราะปฏิกิริยาครั้งนี้ของคุณทำให้ฉันสงสัยนี่ ฉันคบกับใครคุณก็รู้หมด แต่ตอนนี้คุณต้องการ ทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเราสองคน บอกฉันมา คุณเป็นอะไรกันแน่ และเกี่ยวข้องยังไงกับคนที่นี่”
“บ้านเกิดของผม คือหมู่บ้านภูล่าน เมื่อก่อน ผมไม่ชอบเข้าหาคนอื่น ถ้าคุณสังเกตให้ดี จะเห็นว่า มนุษย์ทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว เธอเป็นนักเรียนที่ดี เพราะไม่สร้างปัญหาให้ครู เธอฉลาดมาก ช่วยฉันทำรายงานหน่อยสิ เพราะคนหนุ่มมีพลังเยอะ ดังนั้นงานหนักทุกอย่าง จึงมาตกที่ผมคนเดียว”
“ฉันไม่รู้ว่า เรื่องแบบนี้จะทำให้คุณเศร้าด้วย”
“เรื่องแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ผมเศร้าหรอก แต่มีอยู่วันหนึ่ง มีหญิงสาวที่ร่าเริงและบริสุทธิ์ปรากฏตัว เธอต่างหากที่ทำให้ผมเศร้า”
ยิ่วเชียนนึกถึงวันที่เขาเห็นอันซีครั้งแรก ตอนที่เธอกระโดดข้ามรั้วโรงเรียนมาช่วยเขา ขณะที่เขาถูกเพื่อนผู้ชาย 3 คนรุมรังแก
“เขาเข้ามาทักทายผมอย่างคุ้นเคย ทำตัวเหมือน สนิทสนมกับผมมาก แล้วเธอคนนี้ ยังตั้งฉายาให้ผมด้วย”
ยิ่วเชียนนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาประทับใจ อันซีขี่จักรยานผ่านมา
“อ้อ ดูท่าทางคงไม่มีเพื่อนสินะ อ๊า นายคิ้วเส้นตรง อย่าเดินไปอ่าน หนังสือไประวังสายตาจะสั้นนะ”
อันซีขี่จักรยานผ่านไป ยิ่วเชียนยิ้มๆ
“ฉันชื่อนายคิ้วเส้นตรงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ยิ่วเชียนเล่าต่อ “เธอเลี้ยงข้าวผม โกหกผมว่าเธออิ่มแล้ว ทั้งที่เธอเป็นคนกินเก่งมาก เห็นผมกำลังทำงาน เธอก็เข้ามาช่วย ไม่เคยเรียกร้องให้ผมช่วยอะไรเลย แม้กระทั่ง ทำให้ผมแสดงความรู้สึกออกมาโดยไม่รู้ตัว”
ยิ่วเชียนนึกถึงตอนที่เขาเคยไปดูปลาในสวนสัตว์กับอันซี
“นี่ ฉันรู้สึกว่านายไม่ชอบยิ้มเลยนะ”
“ไม่มีอะไรทำให้อยากยิ้มนี่”
“นายเห็นฉันแล้วไม่อยากหัวเราะเหรอ ไม่อยากหัวเราะ แต่พอฉันเห็นนายแล้วอยากหัวเราะนี่ เวลาที่เราเจอคนรู้จักต้องรู้สึกดีใจ อยากยิ้ม เมื่อไม่ต้องสอบก็ดีใจแล้วต้องหัวเราะ ฤดูฝนไม่ต้องไปเรียน มีความสุขต้องหัวเราะ ได้กินของอร่อยที่ชอบ มีความสุขก็ต้องหัวเราะ ได้ฟังเพลงที่ชอบมีความสุขก็ต้องหัวเราะสิจริงมั้ย”
“เอ่อ แล้วคนที่รู้จักพวกเธอสนิทกันมากเหรอ ดีใจที่ไม่ต้องสอบ ฉันว่าเธอไม่ได้อ่านหนังสือมากกว่า ฤดูฝน ฤดูฝนน้ำท่วมล่ะก็ เกษตรกรจะสูญเสียพืชไร่จำนวนมาก นอกจากนี้ เธอบอกว่าอาหารที่อร่อยกับฟังเพลงที่ชอบ รังแต่จะทำให้จิตตานุภาพของคนลดน้อยลง”
“เฮ้อ นี่ นายคิดมากเกินไปรึเปล่า ฉันรู้สึกว่าวันนี้นายพูดมากเป็นพิเศษ อ๋อ ที่แท้นายก็พูดมากเหมือนฉัน ฉันจับได้แล้ว ตอนเด็กๆ ถ้าฉันเป็นเหมือนนาย มีอะไรแล้วไม่ได้พูดล่ะก็ ฉันต้องเก็บกดตายแน่ๆ”
“ฉันไม่ได้”
“ดังนั้นห้ามเก็บกด ไม่งั้นนายจะปวดใจ เหมือนคนที่ชอบรังแกนาย ทำไมนายไม่สู้ล่ะ หนีทุกอย่างแบบนี้ พวกมันก็ได้ใจน่ะสิ ทำไมต้องยอมให้คนอื่นรังแกด้วย เป็นอะไร”
“เธอไม่มีปัญหาเรื่องเข้ากับคนอื่นนี่ ไม่ว่าฉันจะเงียบหรือพูด ฉันก็กลายเป็นเป้าหมายของพวกเขาแล้ว โลกของคนฉลาดเป็นอย่างนี้แหละ เมื่อไม่เหมือนคนอื่น ก็มักจะถูกรังแก”
ยิ่วเชียนเดินออกไป อันซีร้องตาม
“นี่รอฉันด้วยสิ เอ๊ะ”
“ปลาเหล่านี้ วันนี้อาจอยู่ที่นี่ แต่สักวันหนึ่ง ฉันอาจไปจากที่นี่ นี่แหละที่ฉันแตกต่างจากพวกมัน”
อันซีนึกสงสารยิ่วเชียน เธอเข้าไปเกาะแขนเขา ยิ่วเชียนมองอึ้งๆ เขินๆ
“โธ่เอ๊ย คิดว่านายเป็นปลานีโม่ในหนังเหรอ ถึงอยากไปจากที่นี่”
ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง แล้วอันซีก็นึกขึ้นได้ รีบปล่อยมือจากชายหนุ่ม ทั้งคู่ยืนเงียบๆ กันอยู่พักหนึ่ง อันซีก็พูดขึ้น
“นี่ ฉันหิวแล้ว ไปกินข้าวเถอะ”
อันซีเดินออกไปเลย ยิ่วเชียนแอบยิ้ม รู้สึกดีที่อันซีกอดแขนเขาเมื่อครู่
ยิ่วเชียนยังคงเล่าให้หย่งชิงฟังต่อ
“เวลาที่ผมอารมณ์ไม่ดี เธอมักจะปรากฏตัว และคอยอยู่เป็นเพื่อนผมเสมอ ดังนั้นจึงทำให้ผมเข้าใจผิด คิดว่า นี่คือความรัก”
ยิ่วเชียนเล่าพลางเอามือกุมที่หัวใจตัวเอง เขานึกถึงเรื่องที่เขาไปนำน้ำตานางฟ้ามาให้อันซี เขาเจ็บปวดสาหัวสเจียนตาย แต่ถูกเธอปัดขวดแตกกระจาย
“ที่แท้แล้ว เธอไม่เคยแคร์ฉันเลย สิบปีผ่านไป เหลือเพียงฉันคนเดียวที่ยังไม่ลืมเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับเกลียดเธอแล้ว ฉันเกลียดตัวเองมากกว่า ฉันจะไม่ทนแล้ว ฉันเกลียดเธอ ต้องการไปจากเธอแต่เพราะปฏิกิริยาของเธอ ไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้แม้แต่น้อย ฉันก็เริ่มโกรธ เริ่มเกลียดเธอ แต่ไม่สามารถไปจากเธอได้ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ไม่สามารถดึงมันกลับมาได้ ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ” ยิ่วเชียนน้ำตารื้น
หย่งชิงฟังเรื่องของยิ่วเชียน รู้สึกสงสารและเห็นใจ
“ใครบ้างไม่เคยมีอดีต สิ่งสำคัญคือ จะทำยังไงให้มันกลายเป็นอดีตมากกว่า ฉันจำคำพูดของคุณปู่เซี่ยได้ ถ้ามีวาสนาต่อกัน ก็ต้องเดินไปจนสิ้นสุด ฉะนั้นแม้คุณปู่จะไม่ชอบฉัน แต่ก็ยังอดทนกับความสัมพันธ์ของเราสองคน”
“คุณปู่มักจะพูดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาที่ดี หรือโชคชะตาที่แย่ ก็ต้องเดินให้สิ้นสุด อย่าทำให้คนอื่นผิดหวัง”
“อย่าทำให้คนอื่นผิดหวังเหรอ ฉันกับคุณปู่เซี่ยไม่เหมือนกัน เมื่อมีโชคชะตาต่อกัน ก็ต้องเดินตามที่ฉันต้องการ ฉันยอมทำให้คนอื่นผิดหวังแต่ไม่ยอมให้คนอื่นทำฉันผิดหวัง มีชีวิตอยู่ ทำไมต้องทำให้ตัวเองทุกข์ใจด้วย ฉันมีความรักมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วทำไม ฉันถึงมีความสุขกับความรักทุกครั้ง สุดท้ายก็ออกมาโดยไม่เคยอาลัยอาวรณ์ นั่นเป็นเพราะสำหรับฉันแล้ว ความรักก็เหมือนการเป็นหวัด เมื่อไหร่ที่ออกอาการ ก็จะได้รับการเยียวยา ฉันเคยบอกแล้วไงว่า ฉันไม่ได้ล้อเล่น ไม่ว่าจะทำอะไร ฉันจะจริงจังกับมัน อย่าเก็บไปใส่ใจเลย เขาเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่สำคัญเท่านั้น ที่คุณเสียใจ ก็เป็นเพราะว่า ไม่เคยได้หัวใจของเธอ”
ตอนเช้า ยิ่วเชียนไปยืนที่หน้าผาที่ประจำของเขาและอันซี พลางนึกคำพูดของหย่งชิง
“สำหรับฉันแล้ว ความรักก็เหมือนการเป็นหวัด เมื่อไหร่ที่ออกอาการ ก็จะได้รับการเยียวยา”
ยิ่วเชียนพึมพำกับตัวเอง “ที่แท้อาการหวัดของฉัน ไม่เคยได้รับการเยียวยานั่นเอง เริ่มต้นคนเดียวเงียบๆ แต่ไม่สามารถจบมันคนเดียวได้ ถ้านับจากนี้ไป ฉันไม่มีเรื่องเสียใจอีก บางที ฉันอาจลืมเรื่องในอดีตได้”
อ่านต่อหน้า 2
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่10 (ต่อ)
ยิ่วเชียนเดินกลับมาที่บ้านพัก อันซีเปิดประตูบ้านออกมาพอดี เธอยังหาวนอนอยู่ ยืนบิดตัวไปมารับอากาศบริสุทธิ์ ยิ่วเชียนแอบยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินเข้าไปหา และทักทายเธอ
“มอร์นิ่ง”
“มอร์นิ่ง คุณทักทายฉันเหรอเนี่ย แล้วยังยิ้มด้วย คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”
อันซีเอามืออังที่หน้าผากเยิ่วเชียนอย่างเป็นห่วง ยิ่วเชียนมองหน้าหญิงสาวอย่างหลงใหลอีกครั้ง ก่อนยิ้มนิดๆ ให้ แล้วพูดอีก
“มอร์นิ่ง”
“อื้ม” อันซีงงๆ
ยิ่วเชียนเอามือแตะผมยาวปะบ่าของอันซีเบาๆ
“วันนี้ เธอสวยมากๆ”
อันซีอึ้ง ประหลาดใจมาก ยิ่วเชียนยิ้มให้นิดๆ แล้วเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้อันซียืนตะลึงอยู่คนเดียว
ยิ่วเชียนเดินลงมาจากขั้นบน พลางคิด
“จนตอนที่ฉันเพิ่งรู้ตัวเอง ขั้นตอนแรกที่จะทำ คือเริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูล”
ยิ่วเชียนเดินเข้าไปในครัว เห็นจื้อหลิงกำลังทำขนมอยู่ และแอบจิ้มมาชิม พลันได้ยินคนเดินมาข้างหลังจื้อหลิงคิดว่าเป็นเหม่ยเหวิน เธอตกใจมาก หลับหูหลับตาพูด
“เหม่ยเหวิน ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะ เหม่ยเหวิน”
จื้อหลิงแปลกใจว่าทำไมเหม่ยเหวินเงียบๆ จึงหันไปมอง ก็พบว่าเป็นยิ่วเชียน ยิ่วเชียนยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูให้จื้อหลิง จื้อหลิงมองอย่างหลงใหล
“งานอดิเรกของเธอคือแอบขโมยของกินเหรอ”
“ใช่”
“งั้นเธอรู้มั้ยว่างานอดิเรกของอันซีคืออะไร”
“หาเงินไง”
“หาเงินเหรอ”
“ใช่”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ แล้วเดินออกไป จื้อหลิงฝันหวาน พึมพำ
“คุณเซี่ยยิ้มให้ฉันตั้งแต่หัววัน ทำให้บ้านอันสงบ วุ่นวายอีกแล้ว ทำให้เนินเขาที่ห่างไกลมีเมฆลอย โธ่เอ๊ย คุณเซี่ย คุณทำเกินไปแล้วนะ”
ยิ่วเชียนเห็นหยาเอินเดินมานั่งที่เคาน์เตอร์ จึงเดินไปหา
“หยาเอิน”
“คะ”
“เธอรู้มั้ยว่าอันซีชอบอะไร”
“หาเงิน”
ยิ่วเชียนอึ้ง ก่อนเดินไปหาหยาลู่ซึ่งเตรียมสื่อการสอนให้เด็กๆ อยู่ในห้องๆ หนึ่ง
“นายสอนหนังสืออยู่โรงเรียนประถมนี่เอง ได้ยินมาว่านายเก่งศิลปะด้วย สอนหนังสืออยู่โรงเรียนประถม ไม่เสียดายความสามารถเหรอ”
“ไม่หรอก”
“นายรู้มั้ยว่าอันซีชอบอะไร”
“คุณถามเรื่องนี้ทำไม”
“ฉันแค่อยากรู้”
“คุณเซี่ย คุณมีแฟนแล้วนะ”
“หย่งชิงไม่ใช่แฟนของฉัน นายจะไปบอกอันซีมั้ย”
“ไม่ดีกว่า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมนายไม่จีบอันซีล่ะ ฉันมองออกว่านายชอบเธอ”
“ผมจีบเธอไม่ได้”
“เพราะอะไร เพราะเธอช่วยดูแลหยาเอิน นายรู้สึกเป็นหนี้เธอ จึงอยากจะปกป้องเธออยู่ห่างๆ เหรอ”
“อันซีเขา ไม่เพียงช่วยผมดูแลหยาเอิน ผมได้เรียนมหาวิทยาลัย เพราะได้อันซีคอยช่วยเหลือ เพราะว่าหยาเอิน ทำให้ผมไม่เคยคิดไปจากหมู่บ้านภูล่าน แต่อันซีบอกผมว่าไม่เป็นไร เธอจะดูแลหยาเอินแทนผม ให้ผมไปเรียนโดยไม่ต้องกังวล ถ้าไม่ได้อันซี แม้แต่งานเป็นครูในโรงเรียนประถม ผมคงไม่มีทางได้เป็น ถ้าคุณมีใจให้อันซีจริง ผมอยากให้คุณคิดเสมอว่าเธอเป็นคนดี และจะไม่ทำให้เธอเสียใจ สิ่งที่เธอชอบคือหาเงิน ดูเหมือนเวลาส่วนใหญ่ของเธอ จะหมดไปกับการทำงานหาเงินและการช่วยเหลือคนอื่น ดังนั้น จึงลืมคิดถึงตัวเอง ถ้าคุณถามเธอ แม้แต่เธอเองก็คงไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร”
ยิ่วเชียนเดินออกมาหาเหม่ยเหวินหน้าบ้าน ขณะที่เหม่ยเหวินกำลังให้อาหารห่านอยู่
“มาเร็วๆๆ ลูกชาย รีบมากินเร็วกินให้อ้วนๆ เลยนะ เอ๋อๆ เยี่ยมมาก”
“พี่เหม่ยเหวิน พี่รู้มั้ยว่าอันซี”
เหม่ยเหวินสวนทันที “ไม่รู้ ฉันไม่มีทางบอกเรื่องของอันซีให้คุณรู้ มีแฟนอยู่แล้วทั้งคนยังทำตัวแบบนี้อีก”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่มีแฟนล่ะ”
“ยังไงก็ไม่บอก คุณเซี่ย ฉันว่าคุณอย่าเสียเวลาเลย คุณกับอันซีไม่มีทางเป็นไปได้”
“เพราะอะไร”
“เพราะเขาไม่อยากมีความรัก”
“เพราะอะไร”
“เพราะ แปลก ทำไมฉันต้องรายงายคุณด้วย คุณรู้แค่ว่าเขาไม่อยากมีความรักก็พอแล้ว”
เหม่ยเหวินเดินออกไป ยิ่วเชียนเดินงงๆ กลับออกมา หย่งชิงยืนมองอยู่ชั้นบน ยิ้มๆ พึมพำ
“เอาอีกแล้ว เก็บรวบรวมข้อมูลอีกแล้ว ที่เขารวบรวมข้อมูลของผู้หญิงคนนั้น หรือว่าเขาต้องการจะจีบเธอจริง เขาตกหลุมรักเธอเหรอ”
ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์ของหย่งชิงดังขึ้น เธอกดรับสาย
“ใช่ค่ะ คุณเบลีย์ ฉันรองานปาร์ตี้ของเดือนหน้าอยู่ ใช่ค่ะ”
อันซีเดินถือถาดอาหารมาวาง แอบมองหย่งชิงจากด้านหลัง หย่งชิงหันมา อันซียิ้มเจื่อนๆ ให้ โบกมือทักทายอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วเดินลงบันไดไป หย่งชิงยังพูดโทรศัพท์ต่อ
“ขอบคุณสำหรับคำเชิญค่ะ”
หย่งชิงมองอันซีแล้วคิด
“ผู้หญิงแบบนี้ พิเศษตรงไหน ถึงทำให้ยิ่วเชียนจดจำไม่ลืม”
หย่งชิงพูดโทรศัพท์ต่อ “โอเคค่ะ แล้วเจอกัน”
หย่งชิงวางสาย ก่อนพึมพำ
“ความจริงแล้วเธอไม่ได้พิเศษตรงไหน แต่เพราะเธอเป็นรักแรก รักแรกมักจะลืมยาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดี หรือไม่ดีก็ตาม” หย่งชิงเศร้าๆ
เถี่ยโถลูกชายน้าจิงเปิดประตูเข้ามาในบ้านพักตากอากาศของอันซี พร้อมเสียงเรียก
“นี่อันซี”
ระหว่างนั้นยิ่วเชียนเดินมาตรงเคาน์เตอร์ที่หยาเอินนั่งอยู่พอดี เขามองหน้าเถี่ยโถ เถี่ยโถมองงงๆ ไม่ไว้ใจ ยิ่วเชียนนึกถึงสมัยเป็นนักเรียน ถูกเถี่ยโถพูดใส่หน้า พลางตบหน้าเขา
“มองอะไรของแก กล้ามองฉันแบบนี้เหรอ”
ยิ่วเชียนอึ้งๆ ไป เถี่ยโถ เดินเข้ามาพูดกับหยาเอิน
“นี่ ลูกค้าใหม่ของบ้านพักเหรอ”
“ใช่”
เถี่ยโถจ้องหน้ายิ่วเชียน “ฉันเคยเจอคุณที่ไหนรึเปล่า คุณ ฮ่าๆๆ ไม่มีทางๆ ผู้ชายหล่ออย่างคุณ ถ้าเคยเจอฉันไม่มีวันลืม ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ นี่ อันซี อันซีลงมาสิ”
“ใครมาหาฉัน”
อันซีเดินลงมา สวนกับยิ่วเชียน ทั้งคู่มองหน้ากันอึ้งๆ อันซีเขินๆ ที่ยิ่วเชียนชมเธอว่าสวยเมื่อเช้า รีบปิดหน้าตัวเองเดินลงไป ยิ่วเชียนยิ้มๆ เอ็นดู เถี่ยโถเดินมาหาอันซี เห็นเธอปิดหน้า จึงจับมืออันซีออก ยิ่วเชียนหันมาเห็นเถี่ยโถจับมืออันซีพอดี เขามองนิ่งๆ พยายามเก็บอาการ
“เอ๊ะๆๆไปไหนๆๆ ฉันมาหาเธอนะ”
อันซีสะบัดมือออก
“เถี่ยโถ มีอะไร”
“เสื้อตัวนี้เธอไปดูที่ร้านฉันตั้งนานนี่นา”
อันซีตกใจ กลัวคนในบ้านรู้ เธอหันไปมองหน้ายิ่วเชียน พวกจื้อหลิง เหม่ยเหวินก็เดินออกมาจากครัว อันซีรีบคว้ามือเถี่ยโถ
“เสื้ออะไรเล่า ไปคุยข้างนอกกันเถอะ”
จื้อหลิงขัดขึ้น “ทำไมต้องลากเขาออกไปคุยข้างนอกด้วย”
เถี่ยโถแปลกใจ “นั่นสิ ทำไมต้องไปคุยข้างนอก แม่ฉันบอกให้เอาเสื้อตัวนี้ให้เธอ วันนั้นเธอดูลิปสติกในร้านฉันสิบนาที ดูเสื้อตัวนี้ยี่สิบนาที มาๆๆๆๆ”
อันซีหน้าเสีย เถี่ยโถจับเสื้อทาบที่ตัวให้อันซี อันซีหน้าเจื่อนที่ความลับแตก ยิ่วเชียนมองนิ่งๆ
“เมื่อไหร่กันล่ะ”
“เมื่อวานไง นี่ แม่ฉันบอกว่าทำไมต้องเก็บเงินค่าลิปสติกเธอด้วย ร้อยวันพันปีเธอจะซื้อสักครั้งไม่ต้องเกรงใจน่า”
อันซีกลบเกลื่อน อายๆ “นายจำผิดคนแล้ว ฉันไม่ได้ดูเสื้อร้านนายนะ เอากลับไปเลย”
จื้อหลิงขัดคอทันที “ใครพูดนะว่า น้าอาจิงบอกว่าขายไม่ดีเลยบอกให้ช่วยซื้อลิปสติกแท่งหนึ่ง”
“หะ” เถี่ยโถ งง
“ถ้าสมองทองของฉันจำไม่ผิด ดูเหมือนน้าอาจิงบอกว่าลิปสีนี้กำลังฮิตถ้าไม่ซื้อน่าเสียดายแย่” เหม่ยเหวินล้อๆ
“หะ” เถี่ยโถงงอีก
“ดูเหมือนมีคนแอบไปดูเสื้อผ้าลิปสติกแต่กลัวเสียหน้าเลยทำเป็นขี้โม้” จื้อหลิงดักคอ
“ขี้โม้วัวล้มตายหมดแล้ว” เหม่ยเหวินแซว
เพื่อนๆ พากันหัวเราะ ยิ่วเชียนหัวเราะไปด้วย อันซีอาย เขิน ความรู้สึกผสมปนเปไปหมด
“นายหัวเราะอะไร พอแล้วพวกเธอหยุดหัวเราะฉันได้แล้ว”
หยาเอินแซว “โอ้โห ไม่น่าเชื่อเลยว่าอันซีจะซื้อเครื่องสำอาง ฉันจะโทรบอกพี่ฉัน”
“ห้ามโทรนะ ทำไมต้องเปลืองค่าโทรศัพท์ด้วย”
เหม่ยเหวินตัดบท “เอาน่าๆ เถี่ยโถเอามาให้แล้วรับไว้เถอะไม่ต้องอาย”
จื้อหลิงเห็นด้วย “นั่นสิ เธอรับไว้เถอะถือเป็นน้ำใจจากน้าอาจิง หลายปีมานี้เธอมัวแต่หาเงินใช้หนี้เจียงไห่โค่ จนไม่มีเวลาไปช็อปปิ้งเลย”
ยิ่วเชียนฟังแล้วยิ้มๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไป แล้วก็เห็นหย่งชิงยืนอยู่ เขาเขินๆ ทำหน้าไม่ถูก หย่งชิงมองรู้ทัน และรู้สึกเศร้ามาก
“ถ้ายังไม่แต่งตัว จะกลายเป็นวัตถุโบราณแล้ว ฮ่าๆๆ ไหวป่ะ เลดี้ เลดี้” เหม่ยเหวินแซว
“สวยจังเลย” จื้อหลิงชม
“พอแล้วพอแล้วน่า” อันซีอายๆ
อ่านต่อหน้า 3
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่10 (ต่อ)
หย่งชิงยืนมองออกไปนอกหน้าต่างพลางนึกถึงเรื่องในอดีต ที่เธอเคยเสนอจะเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวให้ยิ่วเชียน แต่เขาปฏิเสธ
“ทำไมไม่เอา”
“ถอยไป”
“ฉันจะเปลี่ยนแปลงนาย”
“ถอยไป”
“ฉันกล้ารับประกัน ฉันสามารถเปลี่ยนนายให้กลายเป็นผู้ชายคนใหม่ได้”
“ไปให้พ้น” ยิ่วเชียนเดินหน้า หย่งชิงตาม
“เอ๊ะ ฉันสนใจนายจริงๆ นะ”
“สนใจฉันเหรอ หวังดีหรือหวังร้ายล่ะ แค่มองฉันก็รู้แล้ว ลองส่องกระจกดูสิ เพราะเจตนาไม่ดี สนุกกับความรู้สึกของคนอื่น มันยิ่งทำให้เธอดูแย่”
“ไล่ฉันไปส่องกระจกเหรอ นายต่างหากที่ควรดูตัวเอง น่าเกลียด น่าเกลียดที่สุดเลย เป็นอะไรของเขา”
หย่งชิงตื่นจากภวังค์ หันมามองยิ่วเชียนซึ่งนั่งดูแท็บเล็ตอยู่ในห้อง พลางคิด
“ฉันใช้เวลาตั้งนาน กว่าคุณจะยอมเข้าใกล้ฉัน แต่เธอไม่แม้แต่จะขอร้องคุณ”
หย่งชิงหันไปถามยิ่วเชียน
“คุณจะคบกับผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอ”
“ฉันคิดเรื่องที่เธอพูดอย่างละเอียดแล้ว ถึงได้รู้สึกเกลียดตัวเองอยู่แบบนี้ ตอนนี้ ฉันจะลองเริ่มต้นใหม่ ทุ่มเทให้เต็มที่ ถึงจะตัดสินใจได้ว่า ตัวเองชอบหรือเกลียดกันแน่ ไม่งั้น มันจะเป็นแค่อดีต และจินตนาการของฉันคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่เสียแรงที่เป็นเซี่ยยิ่วเชียน ปรับตัวได้รวดเร็ว”
หย่งชิงเดินไปนั่งข้างๆ เห็ยยิ่วเชียนเปิดเว็บไชต์แหล่งช้อปปิ้งอยู่ จึงถามขึ้น
“กำลังดูว่าจะพาเธอไปช็อปปิ้งที่ไหนเหรอ”
“ใช่”
“ที่นี่มีครูคนเก่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ อื่ม บล็อกล่าสุดของฉัน ได้ร่วมงานกับนิตยสารเครื่องแต่งกาย ที่กำลังหาสาวสวยที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ฉันว่าคุณสามารถลองดูได้”
“ช้อปปิ้งมอลล์แฟชั่นทันสมัย ไม่เลว คุณสามารถช็อปปิ้งในนี้ก็ได้” ยิ่วเชียนเปิดเว็บไซต์ให้ดู
“ความรักมักเป็นศัตรูของการต่อสู้เสมอนะ”
“แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองนี่”
“แล้วแต่คุณสิ คนโง่”
หย่งชิงหันไปมองยิ่วเชียน พลางคิด
“คุณก็ลองคบหากับเธอสิ เมื่อมีความรักก็จะดีขึ้น อาการไข้ก็จะหายไปเอง จากนั้น อย่าลืมกลับมาหาฉันล่ะ เพราะฉันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับคุณ และเล่นได้ทุกบทบาทที่คุณต้องการ”
ยิ่วเชียนจอดรถตรงหน้าบ้านพัก ยืนรออยู่ สักครู่อันซีเปิดประตูบ้านพักออกมาอย่างแปลกใจ
“หาฉันทำไม อย่าบอกนะว่าล้อคุณแตกอีกแล้ว”
“ล้อไม่ได้แตกหรอก”
“เฮ้อ โชคดีไป”
“แต่ที่นั่งข้างๆ คนขับ มีปัญหานิดหน่อย”
“โธ่เอ๊ยมันดูดีเกินไป ฉันซ่อมไม่เป็น เฮ้อ เก้าอี้ของคุณคงแพงมาก ถ้าฉันซ่อมพังคุณอย่ามาโทษฉันนะ”
อันซีลองเข้าไปนั่งขยับดู ไม่ทันสังเกตว่ายิ่วเชียนปิดประตู และเดินอ้อมมาที่คนขับ
“ไม่ขยับเลย สงสัยจะพังแล้วจริงๆ แปลก เก้าอี้พัง ไม่ขยับเลย”
ยิ่วเชียนเปิดประตูเข้าไปนั่งที่คนขับ
“เอ่อ มันเป็นเก้าอี้ไฟฟ้า”
“อ้อ เก้าอี้ไฟฟ้าเหรอ”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ แล้วเอื้อมือผ่านอันซีไปเพื่อจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้ อันซีงง มองใบหน้าที่ใกล้กันนั้นอย่างตื่นๆ
“ทำอะไร”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ แล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้
“ยิ้มอีกแล้ว นี่ คุณจะทำอะไร”
ยิ่วเชียนสตาร์ทรถ อันซีหน้าตื่น
“คุณจะพาฉันไปไหน คุณจะพาฉันไปไหนนะ”
ยิ่วเชียนไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆ แล้วขับรถออกไป อันซีลองขยับเก้าตัวบนเก้าอี้
“นี่ ฉันว่าเก้าอี้คุณไม่ได้พังนะ ตกลงคุณจะพาฉันไปไหน ฉันมีงานมากมายต้องทำนะ คุณเลิกเล่นได้แล้ว”
“ลูกค้าของบ้านพักมีแค่ฉันกับหย่งชิง ดังนั้นจะว่าไปแล้ว จื้อหลิงกับหยาเอินเป็นคนดูแลหย่งชิง ส่วนฉัน มีเธอเป็นคนดูแล เมื่อเทียบกันแล้ว ฉันต่างหากที่ต้องทุกข์ใจ”
“ทุกข์ใจเหรอ คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย”
“เธอแค่นั่งเฉยๆ ดูบรรยากาศ นั่งฟังเพลงไปนะ”
ยิ่วเชียนเปิดเพลงในรถ อันซีฟังแล้วตื่นเต้น
“ว้าว”
“เป็นอะไร”
“นี่คือระบบเสียงรอบทิศทางที่เขาพูดกันใช่มั้ย พระเจ้า”
ยิ่วเชียนยิ้ม “เธอไม่เคยนั่งรถแบบนี้เหรอ”
อันซีส่ายหัว “ใช่”
“เจียงไห่โค่ไม่เคยพาเธอไปนั่งรถเล่นเหรอ”
“ไม่เคย อ้อมีครั้งหนึ่ง แต่ว่าครั้งนั้น ฉันไม่ได้สังเกตรถของเขา”
ยิ่วเชียนนึกถึงคำพูดของเหม่ยเหวิน
“หลายปีก่อนศัตรูของเจียงไห่โค่ตามมาล้างแค้นเขา อันซีเห็นเข้าเลยเข้าไปช่วยเหลือเหมือนวันนี้”
ยิ่วเชียนหันมามองอันซีนิดหนึ่ง
“ที่เธอไม่ได้สังเกตรถ เป็นเพราะว่า เธอได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขา เขาเลยพาเธอไปโรงพยาบาล”
อันซีตะลึง “คุณรู้ได้ไง อ้อ เหม่ยเหวินพูดใช่มั้ย เหม่ยเหวินบอกว่า ตัวเองสมองทอง แต่ฉันว่าปากทองมากกว่า เล่าให้คนอื่นฟังทุกเรื่อง”
ยิ่วเชียนพาอันซีเข้ามาในห้างสรรพสิค้าหรู หญิงสาวตื่นตามาก
“ว้าว นี่ วันนี้เรามาที่นี่ทำไม”
“ช็อปปิ้ง”
“ช็อปปิ้งเหรอ ทำไมต้องมาช็อปปิ้งด้วย”
“บอกฉันมาก่อนว่าแผลเป็นด้านหลังเธอเกิดจากอะไร”
“โธ่เอ๊ย พี่เหม่ยเหวินบอกแล้วไงว่าเป็นเพราะเจียงไห่โค่”
“แต่แผลเป็นนั้นดูรุนแรงมาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
อันซีไม่อยากตอบ ทำเป็นเห็นอะไรน่าสนใจแล้ววิ่งออกไป
“เอ๊ะ นั่นคืออะไร น่ารักจัง น่ารักจังเลย”
อันซีหยิบต่างหูปลาการ์ตูนขึ้นมา
“เหมือนปลาการ์ตูนเลย” ยิ่วเชียนบอก
“ฉันชอบปลาการ์ตูนที่สุด ก่อนหน้านี้ฉันมีปลาการ์ตูนนำโชคตัวหนึ่ง แต่ไม่รู้ไปทำตกไว้ที่ไหน หายังไงก็ไม่เจอ”
อันซีลองเอาต่างหูมาทาบดู แล้วดูป้ายราคา
“ไม่รู้ราคาเท่าไหร่ ว้าว กินข้าวหมูสับได้ตั้งสี่ถ้วย”
อันซีวางของทันที แล้วเดินออกไป ยิ่วเชียนมองต่างหูนิดหนึ่ง ก่อนตามอันซีไป อันซีหันมาถาม
“นี่ คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“เมื่อกี้บอกแล้วไง ช็อปปิ้ง”
“ทำไมต้องพาฉันมาช็อปปิ้งด้วย”
“แค่นี้เข้าใจยากมากเลยเหรอ เธอดูพวกเขาสิ คนพวกนั้น ดูอะไรกันอยู่เหรอ”
อันซีหันไปมองตาม เห็นสาวๆ เดินเข้าไปในร้านเครื่องสำอาง เธอทำหน้าเจ้าเล่ห์
“อ๋อ คุณจะเป็นเพื่อนสาวของฉันเหรอ”
ยิ่วเชียนเซ็งนิดๆ
“ไม่ใช่ ฉันคิดว่าเธอคงไม่ได้ช็อปปิ้งนานแล้ว คงอยากมามาก ฉันก็เลยพาเธอมา ลองคิดสิ คนแบบไหนที่คำนึงถึงความรู้สึกของเธอ และเสื้อผ้าทั้งหมดในนี้ ขอแค่เธอชอบ ฉันก็ จะซื้อให้เธอทั้งหมด ความสัมพันธ์แบบนี้เธอรู้ใช่มั้ย”
“เฮ่อ คำนึงถึงความรู้สึกของฉัน ซื้อเสื้อผ้าให้ฉัน ฉันรู้แล้ว”
“ใช่มั้ย”
“เพื่อนแฟนของคุณ ทำเสื้อผ้าของฉันเลอะ คุณเลยคิดถึงความรู้สึกของฉัน เลยจะซื้อเสื้อผ้าคืนฉันใช่มั้ย”
“อะไรกัน ไม่ใช่”
“อ้อฉันรู้แล้ว ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะบริจาคบ้านพัก ทำให้ฉันตกใจมาก เลยพาฉันมาซื้อเสื้อผ้าเพื่อเป็นการไถ่โทษ”
อันซีโอบไหล่ยิ่วเชียน
“โธ่เอ๊ย เรื่องแค่นี้น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก ทำไมต้องทำอะไรอ้อมค้อมด้วยล่ะ คุณน่ะชอบคิดมากเกินไปเพราะเรื่องพวกนั้นฉันลืมมันไปตั้งนานแล้ว เฮ้อ”
อันซีเดินต่อไป ยิ่วเชียนยิ้มๆ กับตัวเอง พึมพำ
“ฉันคิดมากเกินไป หรือว่าเธอไม่ได้คิดอะไรเลย”
อันซีหันมา “นี่ ความรู้สึกผิดของคุณมันมีมากแค่ไหนเหรอ”
“ไม่มีขอบเขต”
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น คุณต้องซื้อของให้ฉันสี่อย่าง มากเกินไปป่ะ”
“น้อยไปด้วยซ้ำ”
“งั้นฉันไม่เกรงใจนะ” อันซีเดินออกไป
“เอ๊ะเดี๋ยวก่อน ปลาการ์ตูนที่เธอดูเมื่อกี้ เธอไม่อยากได้เหรอ”
อันซีอยากได้แต่พยายามตัดใจ
“ซึ้ด จึ๊ เฮ้อ ไม่เป็นไร ทางนี้มีเสื้อผ้าผู้หญิงมั้ย ฉันอยากไปดู”
อ่านต่อหน้า 4
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่10 (ต่อ)
เวลาต่อมา ยิ่วเชียนพาอันซีซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงเสร็จ อันซีถือถุงออกมา
“เรียบร้อย”
“สไตล์นี้ น่าจะเป็นของสาวขี้โรคในบ้านพักใช่มั้ย”
“ใช่ ฉันอยากซื้อให้หยาเอิน เพราะบ้านพักมีปัญหามากมาย วันเกิดของเขา ฉันเลยไม่ได้ให้ของขวัญ เขาเห็นของขวัญต้องดีใจแน่”
“ของขวัญสี่อย่าง อย่าบอกนะว่าเธอจะซื้อให้คนที่บ้านพักคนละชิ้น”
“แน่นอน ไปร้านอื่นกัน ไป”
อันซีเดินนำยิ่วเชียนมาถึงร้านเสื้อผ้าผู้หญิง
“เฮ้อ ฉันจะดูร้านนี้”
ยิ่วเชียนเห็นโปสเตอร์หย่งชิงติดอยู่ในร้าน ก็ถามอันซี
“ซื้อให้จื้อหลิงเหรอ”
เวลาต่อมา ยิ่วเชียนออกมารอด้านนอกร้านชุดชั้นในสตรี พลางพึมพำ
“เธอบอกฉันมา ฉันวางแผนมาช็อปปิ้งเพื่อใคร ทำไมเธอทำแบบนี้ ฉันทำแบบนี้เพื่อใคร ทำไมห่วงแต่ซื้อของขวัญให้คนอื่น แต่ลืมของฉันกับเธอ ทำไมไม่เหมือนแผนการที่ฉันคิดไว้เลย เกิดอะไรขึ้นนะ”
ยิ่วเชียนกดโทรศัพท์มือถือดูขั้นตอนที่เขาบันทึกไว้เป็นข้อๆ ในการเอาชนะใจอันซี ระหว่างนั้นอันซีวิ่งออกมาจากร้านชุดชั้นใน
“อ้อ ฉันซื้อเสร็จแล้ว ชุดชั้นในลายเสือที่พี่เหม่ยเหวินชอบ”
ยิ่วเชียนพูดสวนขึ้นอย่างเขินๆ “หยุด ไม่ต้องบอกรายละเอียดฉันมาก”
ทั้งสองเดินมาถึงร้านเสื้อผ้าผู้ชาย อันซีเดินเข้าไป
“หยาลู่ หยาลู่”
“เธอคงไม่ได้ซื้อให้ผู้ชายคนนั้นด้วยนะ”
“แน่นอน”
“เธอจะซื้อสี่ชิ้น เธอซื้อไปแล้วสามชิ้น ชิ้นสุดท้าย เก็บไว้ให้ตัวเองสิ”
“ใช่”
“เขาไม่ได้ทำงานที่บ้านพักสักหน่อย”
“หยาลู่ก็เหมือนคนในครอบครัว ฉันรู้จักเขาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว ถ้าเขาแต่งตัวหล่อๆ หน่อย และรีบแต่งงานมีเมีย ก็ไม่เลวนะ”
ยิ่วเชียนฟังอันซีพูดแล้วคิด “ดูเหมือน ฉันยังไม่เลวร้ายอย่างที่คิด”
อันซีหยิบเสื้อผู้ชายมาตัวหนึ่ง แล้วหันมาบอกยิ่วเชียน
“หันหลังไป”
“ทำอะไร”
อันซีเอาเสื้อตัวนั้นทาบกับด้านหลังของยิ่วเชียน
“ขอยืมร่างคุณวัดไซส์หน่อย ดูว่าหยาลู่จะใส่ได้มั้ย เฮ้อ ถึงไหล่ของหยาลู่กว้างกว่าคุณนิดหน่อย ส่วนสูงก็สูงกว่าคุณนิดหน่อย”
“นี่ ปู่ฉันบอกว่าฉันดีทุกอย่างเหมือนทองคำ สูงกว่าฉัน เขาเป็นต้นไผ่มากกว่า”
“ต้นไผ่เหรอ หยาลู่เป็นครูศิลปะก็จริง แต่หุ่นเขาดีจนสามารถเป็นครูพละได้แล้วกัน”
“เธอรู้ดีจริงนะ”
“แน่นอน เพราะฉันเคยสัมผัสเขาทุกส่วนแล้ว”
ยิ่วเชียนได้ฟังก็ตกใจ
“อะไรนะ”
“ไม่เพียงแต่หยาลู่ คุณปู่เกา ลุงจิงวา ฉันก็เคยสัมผัสมาแล้ว โธ่เอ๊ยดูคุณทำหน้าเข้าสิ นั่นเพราะก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านเชิญหมอมาตรวจสุขภาพในหมู่บ้าน ฉันไปทำงานที่นั่น ดังนั้นส่วนสูงน้ำหนักของทุกคนฉันรู้หมด ถ้าฉันจะสัมผัสทุกคนก็ยอมให้จับ สำหรับหยาลู่แล้ว เสื้อตัวนี้ดูลายเกินไป”
อันซีเอาเสื้อมาทาบด้านหน้ายิ่วเชียน ทั้งสองตะลึงในความใกล้ชิด สบตากันนิ่ง อันซีประหม่า จนทำให้จะหงายหลังล้ม
“โอ๊ะ”
ยิ่วเชียนรีบจับแขนเธอไว้ อันซีเขินๆ
“วันนี้คุณดูแปลกมาก ปกติเวลาฉันทำแบบนี้ คุณจะผลักฉันออกไป”
ยิ่วเชียนเขินๆ “แต่วันนี้ ไม่ใช่เวลาปกติเหมือนทุกครั้ง”
“แล้วมันเวลาไหนกัน”
ยิ่วเชียนยื่นหน้าเข้าไปใกล้อัน แล้วกระซิบ
“เวลาเช็คบิลไง”
ยิ่วเชียนขำๆ ที่ได้แหย่อันซี แล้วเดินถือเสื้อตัวนั้นจะไปจ่ายเงิน อันซียืนนิ่งแล้วนึกได้
“เอ๊ะ เสื้อตัวนั้น”
“ทำไม เขาไม่ชอบเหรอ งั้นดีเลย ไม่ต้องใส่จะดีกว่า”
ยิ่วเชียนเดินไปเก็บ อันซีถอนใจพึมพำ
“เฮ้อ ทำไมวันนี้หัวใจฉันเต้นแรงจังนะ”
ยิ่วเชียนเดินถือของออกมาข้างนอกห้าง อันซีเดินตามมาข้างๆ
“นี่ คุณถือของให้ฉันไม่ค่อยชินเลย ส่วนใหญ่ฉันจะถือเอง”
“คราวหน้า ทำตัวให้ชินด้วย”
“คราวหน้าเหรอ นี่ อีกสองวันคุณจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วถ้าฉันไม่กลับล่ะ”
“คุณไม่กลับเหรอ”
อันซีอ้ำอึ้ง ยิ่วเชียนมองลุ้นรอคำตอบ แล้วอันซีก็ร้องเอะอะ
“เอ๊ะ นั่นอะไร”
อันซีวิ่งออกไป ยิ่วเชียนพึมพำ
“มุกเดิมๆ ใช้ได้ไม่เกินสองครั้ง”
เสียงอันซีดังขึ้น ยิ่วเชียนหันไปมอง อันซีมองเค้กที่โชว์ไว้หน้าร้าน
“ดูท่าทางน่ากินมากเลย น่ารักจัง”
ยิ่วเชียนพึมพำ “ดูเหมือน เธอจะไม่คิดว่ามันเป็นมุก”
ยิ่วเชียนเดินเข้าไปหา “อยากเข้าไปมั้ย”
ทั้งสองเข้ามานั่งในร้าน อันซีตื่นตามาก พนักงานเอาเค้กมาเสิร์ฟทั้งคู่
“เชิญตามสบายค่ะ”
อันซีมองเค้กอย่าพอใจ
“ว้าว ทำไมสวยขนาดนี้เนี่ย น่ารักจัง ฉันจะกล้ากินได้ไงล่ะ”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ ส่งช้อนให้
“ลองกินดูสิ”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ เฮ่อ คุณเค้ก ขอโทษด้วยนะ คุณหน้าตาสวย และอ่อนโยนมาก คุณดูวัตถุดิบสิ น่ากินมากเลย”
อันซีตักเค้กกินอย่างมีความสุข
“อื้ม ฉันกำลังมีความรัก”
ยิ่วเชียนยิ้มเอ็นดู แล้วนึกถึงคำพูดของเหม่ยเหวิน
“คุณเซี่ยฉันว่าคุณอย่าเสียเวลาเลย คุณกับอันซีไม่มีทางเป็นไปได้”
“เพราะอะไร”
“เพราะเขาไม่อยากมีความรัก”
ยิ่วเชียนตัดสินใจถามอันซี
“ทำไมเธอถึงไม่อยากมีความรักล่ะ”
“คุณกับพี่เหม่ยเหวินเป็นพวกเดียวกันเหรอ เขาถึงเล่าให้คุณฟังทุกอย่างเลย”
“ไม่อยากมีความรัก หรือไม่สนใจเรื่องความรักกันแน่”
“ไม่อยากมีความรัก”
“เพราะอะไร”
ยิ่วเชียนสนใจใคร่รู้มากๆ
อ่านต่อตอนที่ 11