แม่นาก ตอนที่ 12
พิมหลับตาปี๋ มั่นเอาตัวบังพิมไว้ จ้องมองอีกทาง
"อยู่นิ่งๆ ไว้ อย่าขยับไม่งั้นข้าจะปาดคอแม่จริงๆ"
พิมน้ำตาไหล จ้องหน้ามั่นแค้นใจ
"อยากจะฆ่าก็ฆ่าเลย อย่ามาทรมานกันแบบนี้"
พิมหลับตาลง จู่ๆ มั่นก็ลุกขึ้นผละออกจากพิม
"ลุกขึ้นได้แล้ว"
พิมลืมตาขึ้นมอง แปลกใจ
"ข้าบอกให้ลุกขึ้นไง"
มั่นเดินไป พอลุกขึ้นพิมชะงัก เห็นซากงู ขาด2 ท่อน อยู่ที่พื้นใกล้ขา พิมกรี๊ด
มั่นส่ายหน้า
"ผู้หญิงเอะอะก็กรี๊ด น่ารำคาญจริงๆ"
มั่นก่อกองไฟ ย่างปลาแห้ง 2 ตัว พร้อมหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ พิมค่อยๆเดินกระโผลกกระเผลกกลับมาอย่างเขินๆ
"ทำอะไรอยู่"
"หิวหรือ ของป่าของดงอย่างนี้ แม่จะกินได้หรือ"
"กินได้ แต่ข้าไม่กินหรอก ไม่หิว"
พิมเมินหน้าไปอีกทาง มั่นมองเฉยเมย
"ตามใจ ไม่กินก็อย่ากิน"
มั่นลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย พิมแอบมองค้อน กลืนน้ำลายด้วยความหิว พอมั่นหันมามอง พิมเมินทำ เป็นไม่สนใจ
"ไม่กินแน่นะ"
"คนไม่หิวอย่ามาเซ้าซี้สิ"
มั่นยักไหล่ แล้วก็ล้มตัวลงนอนเอาผ้าขาวม้าหนุนหัว สักพักก็ส่งเสียงกรนครอก
พิมค่อยๆย่องไปดู ว่าหลับจริงหรือเปล่า
"คนบ้าอะไรกินง่ายนอนง่ายจริงๆ"
พิมค่อยๆย่องกลับมาที่กองไฟ หยิบข้าวกับปลากินอย่างหิวโหย สักพักติดคอ พิมสำลักกระอักกระไอ
มั่นถือกระบอกน้ำยื่นมาให้
"กินซะ ประเดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก"
พิมรีบคว้ามากินทันที มั่นมองดูพิมแล้วส่ายหน้า มั่นลุกขึ้นจะเดินไป
"จะไปไหน"
"ฟืนจะหมดแล้ว ต้องสุมไฟไว้สิ หรืออยากให้เสือมานอนเป็นเพื่อน"
"จะไปจริงๆหรือไม่กลัวฉันหนีหรือไง"
"ไม่กลัว ขาบวมแบบนั้น จะเดินพ้นป่านี่คงต้องค้างคืนอีก 2 คืนนั่นแหละ แต่ถ้าแม่อยากไปตอนนี้ก็ตามใจนะ"
พิมมองตามอย่างโมโห ฮึด ลุกขึ้น แล้วเจ็บขา พิมทรุดตัวลงนั่ง เริ่มจับไข้เพราะพิษจากแผล
หมึกกับเก่ง เดินมาเมียงมองในวัด
"คืนนี้ขออาศัยนอนที่ศาลาวัดก็แล้วกันวะ" หมึกบอก
"ก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้ค่อยตามหากันต่อ"
หมึกกับเก่งจะเดินขึ้นไปบนศาลา แล้วชะงัก เห็นมากเดินจงกรมอยู่
"มึงเห็นเหมือนกูมั๊ย นั่นมันไอ้มากนี่หว่า" หมึกถาม
"ไอ้มากจริงๆด้วย"
สองคนหันมามองหน้ากัน
"แล้วแม่พิมหายไปกับใครล่ะเนี่ย" ทั้งสองโพล่ง
มากเดินจงกรมอย่างจริงจัง
มั่นหอบกิ่งไม้มาหอบใหญ่ มั่นชะงัก เห็นพิมนอนคุดคู้อยู่ที่พื้น มั่นวางกิ่งไม้ลง แล้วหันไปจะจับที่ตัวแล้วชะงัก
"เอาล่ะสิ ขอโทษก็แล้วกัน"
มั่นเอามือแตะหน้าผากพิม
"แย่แล้ว จับไข้เชียวหรือ"
พิมครางเหมือนคนไข้ขึ้นสูง มั่นเริ่มลนทำอะไรไม่ถูก หันเทน้ำในกระบอกไม้ไผ่ ใส่ผ้าขาวม้าเช็ดหน้าให้ พิมลืมตาขึ้น
"ข้าหนาวเหลือเกิน พี่มาก"
มั่นชะงัก หมดอารมณ์ ลุกขึ้นจะเดินหนี
"ข้าหนาวจริงๆ ปวดเหลือเกิน"
พิมเพ้อ ไม่รู้ตัว
"เอายังไงละทีนี้ หาเรื่องแล้วมั๊ยเรา"
มั่นมองพิมแล้วถอนหายใจหนัก จึงค่อยๆประคองพิมขึ้นมากอดไว้ในอก พิมซุกเข้าหาความอบอุ่นกับอกมั่น
มั่นมองพิมอย่างเอ็นดู
"หมดฤทธิ์หมดเดชแล้วก็ น่าเอ็นดูเหมือนกันนะเรา"
มั่นกระชับอ้อมกอดกอดพิมไว้ พิมหลับสนิทในอ้อมแขนของมั่น
ดวงจันทร์บนท้องฟ้าท้องฟ้าจากมืด ค่อยๆกระจ่างขึ้น ทั้งคู่กอดกันหลับจนถึงรุ่งเช้า
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ไก่เกาะบนคอนโก่งคอขัน
บ่าวชมนาดเดินลงมาหยุดยืนรอ ชมนาดกำลังเดินลงจากเรือนมา ส่งห่อผ้าให้บ่าวถือ
"ถือให้ดีๆนะ"
เพลิงเดินออกมา ยิ้ม
"ห่อนั่นคงมีความสำคัญมากนะขอรับคุณชมนาด"
ชมนาดชะงัก ฝืนยิ้ม
"พ่อเพลิง ตื่นแต่เช้าเชียวจะไปไหนหรือ"
"กระผมรับหน้าที่ดูแลคุณชมนาด พอรู้ว่าคุณชมนาดอยากไปดูบ้านเมืองแต่เช้ากระผมเลยรีบตื่นมารอท่าสิขอรับ"
ชมนาดหันไปมองบ่าว บ่าวทำท่าไม่รู้เรื่อง
"อย่าตำหนิบ่าวไหร่เลยขอรับ กระผมแค่เดาใจคุณชมนาดเล่นๆ แต่บังเอิญมันตรง คุณชมนาดอยากไปไหนบอกนะขอรับ ผมจะพาไป"
เพลิงยิ้มอย่างรู้ทัน ชมนาดนิ่งไม่พอใจแต่พยายามนิ่งไว้
มั่นกับพิมนอนกอดกัน พิมงัวเงีย ซุกลงกับหน้าอกของมั่นแล้วชะงักลืมตา เห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดมั่น พิมกรี๊ด มั่นสะดุ้งตื่น
"ปล่อยข้านะ ปล่อยเดี๋ยวนี้"
มั่นแกล้งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
"จะร้องทำไม ไม่มีใครเห็นหรอกน่า มีแค่แม่กับข้า 2 คนเท่านั้น"
"เมื่อคืนเอ็งทำอะไรข้า บอกมานะ"
"เมื่อคืนนี้หรือ แหม ทำหลายอย่างมากเลย"
พิมตาค้าง สักพัก นิ่งเงียบ น้ำตาไหล มั่นเซ็ง ปล่อยพิมทันที
"ผู้หญิงนี่เป็นอะไรนะ ถ้าไม่กรี๊ดก็ร้องไห้ ฮึย น่ารำคาญ ข้าไม่ได้ทำอะไรแม่สักหน่อย"
"แล้วทำไมเอ็งถึงมากอดข้าแบบนี้ล่ะ"
"หน้าไม่อาย ใครกอดใครกันแน่ ก็แม่ตัวร้อนเป็นไฟ บอกว่าหนาว แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรล่ะ ยกขึ้นตะแกรงย่างหรือยังไง"
มั่นลุกขึ้นจะเดินหนีไป พิมชะงัก จะเรียกแต่ไม่เรียก
"ข้าจะไปตักน้ำมาให้แม่เช็ดตัว แล้วจะหาสมุนไพรมาพอกขาให้ด้วย อย่าเพิ่งลุกขึ้น เจ็บหนักจะเดินกลับบ้านไม่ไหว"
มั่นเดินไป พิมมองค้อน อย่างขัดใจอายด้วย โมโหตัวเองด้วย
"ไปนอนกอดเขาทั้งคืนได้ยังไงนะ รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น"
ชมนาด กับบ่าวเดินชี้ชวนกันชมข้าวของในตลาด เพลิงเดินตามมาสีหน้าเบื่อหน่าย
ชมนาดแอบมองเพลิง ตลอดเวลา
"จริงสิพ่อเพลิง พ่อมาเดินตามฉันแบบนี้ ไม่เสียเวลาทำงานทำการหรือ"
"ไม่หรอก งานไหนก็ไม่สำคัญเท่างานดูแลให้คุณชมนาด มีความปลอดภัย เหนื่อยแค่ไหนกระผมก็ยินดีทำ"
เพลิงยิ้มหว่านเสน่ห์ ชมนาดเบือนหน้าหนี
"น่าเสียดายจริง ถ้าแม่พิมมาด้วยก็คงดี ฉันจะได้มีเพื่อนคุย แล้วแม่พิมไปธุระอะไรหรือ ถึงไม่ร่วมทางมากับเราด้วย"
"พิมมันวุ่นวายเรื่อง เก็บเงินค่าเช่าสวนให้แม่นั่นแหละ คุณชมนาดอย่าไปสนใจมันเลย คุยก็ขวางหู"
"อย่างนั้นเชียวหรือ แหม ฉันชื่นชมแม่พิมจริงๆนะ ทำอะไรได้ทุกอย่าง เก่งไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลย"
" มันจะเก่งแค่ไหน ก็เป็นได้แค่ผู้หญิงนั่นแหละ มีลูกมีผัวไปก็จบ จะไปเก่งกล้าเกินชาย ใครจะรักใคร่เอ็นดู"
ชมนาดนิ่งฟัง แล้วหันไปมองหน้าเพลิงนิ่ง
"พ่อเพลิงก็คิดแบบนั้นหรือ"
เพลิงทำเก๊ก
"ก็อย่างนั้นล่ะสิ ผู้หญิงมีหน้าที่ต้องอยู่บ้าน คอยดูแลรับใช้ผู้ชายจะมาทำออกหน้าออกตา กล้าเกินงาม ใครเห็นเข้าก็ตำหนิ ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง"
ชมนาดมองเพลิงแล้วยิ้ม เหยียด
"ดีจังที่ได้คุยกับพ่อเพลิงแบบนี้ ทำให้ฉันได้ความคิดของผู้ชาย ที่คิดว่า ตัวเองเหนือผู้หญิง สมอย่างที่ใครๆเขาพูดว่า ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคน พ่อเพลิงเห็นตามนั้นใช่มั๊ย"
"จริงที่สุดขอรับคุณชมนาด"
ชมนาดยิ้มเยาะ แล้วนึกได้
"ถ้าโลกนี้ไม่มีผู้หญิง ก็คงไม่มีควาย ก็คงไม่มีผู้ชาย และไม่มีคน"
ชมนาดยิ้มเดินไป เพลิงนิ่งคิดตาม สีหน้าไม่แน่ใจว่าถูกชมนาดด่าหรือไม่
"พูดอะไรวกวนไปมา"
ชมนาดเดินไป เพลิงรีบวิ่งตาม ไม่ทันระวัง ชนชมนาดทางด้านหลัง
ชมนาดมองเพลิงตำหนิ
" รีบร้อนจะไปไหนหรือ ถ้ามีธุระก็เชิญกลับก่อนเถอะ ฉันกับบ่าวจะเดินดูรอบๆก่อน"
"ขอโทษคุณชมนาดด้วย กระผมเพียงแต่เห็นว่าแดดร้อนนัก กลัวคุณชมนาดผิวจะเสีย คุณชมนาดอยากจะไปที่ใด ขอให้บอก กระผมจะพาไป"
ชมนาดถอนหายใจเซ็ง
"ฉันอยากไปวัดมหาบุศย์ ไหว้พระ จะได้ตัดเวร ตัดกรรมซะที"
เพลิงอึกอัก
"วัดมหาบุศย์หรือ จะไปทำไม ก็แค่...วัดบ้านนอกบ้านนา"
"ทำไมหรือ ถ้าพ่อเพลิงลำบากใจ ก็กลับไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวฉันหาทางไปเองก็ได้"
เพลิงนิ่งคิดตัดใจ
"ไม่ได้สิ ก็ได้ๆ ถ้าคุณชมนาดอยากไป กระผมก็จะพาไป"
เพลิงผายมือให้ ชมนาดเดินไปแบบรำคาญ
เพลิง อึดอัด
"ทำไมต้องไปวัดมหาบุศย์ด้วย เรื่องมากจริงๆ"
อ่านต่อหน้า 2
แม่นาก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในวัดมหาบุศย์ หมึกกับเก่ง เดินออกมาปรึกษากัน
"เอายังไงดีวะ เราไปรายงานพี่เพลิงดีมั๊ยว่า ไอ้มากมันอยู่ในวัดนี้" หมึกว่า
"ไอ้โง่ เมื่อวานเอ็งไปบอกว่า ไอ้มากฉุดแม่พิมไป วันนี้ไปบอกว่า ไอ้มาก มันนุ่งขาวห่มขาวอยู่ในวัด เอ็งคิดว่าใครจะผิด ใครจะถูกถีบ"
หมึกนิ่งนึก แล้วชี้ที่ตัวเอง
"คงไม่พ้นกูแน่"
"นั่นไง มึงเริ่มฉลาดแล้ว ทางเดียวคือ อย่าให้พี่เพลิงรู้ เขาเป็นนาย จะคิดจะทำอะไรก็เรื่องของเขา อย่าให้เดือดร้อนถึงเราเป็นพอ เข้าใจไหม"
หมึกพยักหน้าแล้วชะงัก
"กูว่า พี่เพลิงอาจจะรู้ได้"
"ถ้าเราไม่บอกใครจะรู้วะ ปล่อยให้พี่เขาคิดไปนั่นแหละ"
"กูว่าไม่ได้ มึงดูโน่นสิ"
ทั้งคู่มองไปอีกทาง เก่งชะงัก
"ซวยละมึง"
เพลิง กับชมนาดเดินมาหยุดใต้ร่มไม้ ชมนาดมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ
"ดูสงบร่มเย็นจริงๆ"
"มันไม่เห็นมีอะไร ก็แค่วัดเล็กๆ"
"วัดเล็กหรือใหญ่ มันไม่สำคัญหรอก ขึ้นชื่อว่าวัด เข้ามาแล้วต้องให้ความสงบร่มเย็น กับผู้คนที่เข้ามาพึ่งพา"
เพลิงยักไหล่ ไม่อยากขัดใจ
"ก็แล้วแต่คุณชมนาดก็แล้วกัน"
เพลิงหันไปมองอีกทาง เห็นหมึกกับเก่งทำท่าลับๆล่อๆ เพลิงชะงัก
"เชิญพักตรงนี้ก่อนเถอะ กระผมจะไปหาน้ำท่ามาให้"
"ตามสบายเถอะนะ"
ชมนาดยิ้ม เพลิงไป พอลับตา ชมนาดถอนหายใจเฮือก
"ไม่ต้องกลับมาเลยยิ่งดี เราไปเดินดูที่อื่นกันเถอะ"
ชมนาดรีบเดินไปอีกทาง บ่าวชมนาดมองแล้วอมยิ้ม
หมึกกับเก่งรีบมารายงานที่มุมหนึ่ง
"เป็นไงบ้าง ได้ความว่ายังไง"
"ไม่รู้เรื่องเลยจ๊ะพี่ ฉันว่า เราน่าจะไปตามหาที่อื่น"
เพลิงแค้น
"มันกล้ามาก ถึงขั้นฉุดน้องกูเชียวหรือ แต่ก็สมน้ำหน้าอีน้องหน้าโง่ เสือกเชื่อคนอื่น ไม่เชื่อกู"หมึกบอก
"ฉันว่า เราไปที่อื่นกันเถอะพี่เพลิง อย่ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้เลย จำไม่ได้หรือ คราวก่อนเราก็มีเรื่องกันในวัดนี้"
เพลิงถอนหายใจ
"กูก็รู้ แต่ว่า แม่ชมนาดน่ะสิ อยากจะมาเที่ยวดูวัด แม่งวัดไหนมันก็เหมือนกันทั้งนั้น ดันจะมาวัดมหาบุศย์"
"ฉันว่าพี่เพลิงหาทางหว่านล้อมคุณชมนาดให้ไปเที่ยวที่อื่นเถอะ"
"ใช่ ถ้าพลาดพลั้งพี่มีเรื่องกับคนในวัดต่อหน้าคุณชมนาด พี่จะเสียชื่อเสียงนะ พี่เพลิง"
เพลิงนิ่งคิด
ณ บริเวณใกล้ศาลาวัด มาก ทุ้ย เค้ง โพล้ง กับคนอื่นๆ กำลังเดินจงกรม ชมนาดกับบ่าวเดินมาหยุดยืนมอง
"พวกนี้มาทำอะไรกัน"
เสียงหลวงตาบอก "พวกเขามาเข้ากรรมฐานกัน"
ชมนาดกับบ่าวหันไปมองเห็นหลวงตา ชมนาดกับบ่าว ย่อตัวลงไหว้
"เจริญพรเถิด สีกาทั้งสองมีธุระอะไรหรือ"
"อิฉันมาจากพระนครเจ้าค่ะ เห็นวัดสงบเงียบดี เลยอยากเข้ามาไหว้พระ"
หลวงตามองขึ้นไป บนศาลา
"ตอนนี้คงไม่สะดวกหรอก เพราะมีญาติโยมมาเข้ากรรมฐาน"
"เข้ากรรมฐานเพื่ออะไรเจ้าคะ"
"มันคือการทำสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา และความสงบ รู้มั๊ยอานิสงส์ของการเข้ากรรมฐาน ชั่วขณะจิตที่เราสงบ สามารถตัดเวรกรรมในอดีตชาติ ถึง เจ็ดชาติเจ็ดภพ"
"กระนั้นเลยหรือเจ้าคะ อิฉันไม่เคยได้ยินเลย"
"ถ้ามีเวลาว่างก็มาศึกษาสิสีกา บนศาลานั่นมีหลายคนมาเข้ากรรมฐานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คนที่ตัวเองรัก และผูกพัน"
ชมนาดหันไปมอง แล้วตะลึง เห็นมากเดินจงกรม ก้มหน้าตามองต่ำ
"พ่อมาก"
เพลิงเดินเข้ามา
"เสร็จหรือยัง เราไปกันเถอะ"
ชมนาดหันมามองเพลิง แล้วนึกได้
"ฉันอยากจะถวายของพระ พ่อเพลิงไปรอฉันที่หน้าวัดก่อนเถอะ"
เพลิงมองหน้าชมนาดหงุดหงิด
ณ กุฏิหลวงตา ชมนาด กำลังถวายของให้หลวงตา หลวงตารับประเคน ให้ศีลให้พร
"โยมเดินทางมาทำอะไรที่นี่หรือ"
"อิฉันมาตามหาเพื่อนเจ้าค่ะ"
"ใครที่สีกาตามหา เผื่ออาตมาจะรู้จัก"
"พ่อมากเจ้าค่ะ"
"เจ้ามากหรือ เออ ช่างบังเอิญแท้ ไอ้มากมันมาถือศีลอยู่ในวัดนี้"
"แล้วถ้าอิฉันจะขอพบจะได้ไหมเจ้าคะ"
"เห็นจะไม่เหมาะ เข้ากรรมฐานถือว่าตัดขาดจากโลกภายนอก ให้ครบกำหนดก่อนเถอะ"
"ถ้าเช่นนั้นอิฉันจะขอฝากของทำบุญ" ชมนาดหยิบโถน้ำพริกออกมา "อิฉันจะขอทำบุญน้ำพริกนี้ให้แก่ผู้มาถือศีลจะได้ไหมเจ้าคะ"
"ถ้าทำบุญ อาตมาก็คงขัดสีกาไม่ได้หรอก"
ชมนาดพยักหน้าให้ บ่าววางของไว้ตรงหน้าหลวงตา
ชมนาด หันไปมองบนศาลาแล้วแอบยิ้ม
หลวงตามองชมนาดอย่างเมตตา
กลางป่า มั่นกำลังตำสมุนไพรให้ละเอียด
อีกทางที่หลังต้นไม้ พิมกำลังเอาผ้าผืนเล็ก ชุบน้ำเช็ดตัว พิมหันไปมองมั่นอย่างระแวง แล้วพิมค่อยๆปลดสไบ ออกเช็ดเนื้อเช็ดตัว
มั่นตำสมุนไพรเสร็จ ลุกขึ้นหันมา มั่นชะงัก เห็นพิมกำลังเช็ดตัว พิมเงยหน้าขึ้นมองมั่นแล้วกรี๊ด
มั่นรีบหันหลังให้ทันทีตกใจ
"หันมาทำไม ฉันบอกแล้วว่าจะเช็ดตัว"
"ก็ตำเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ ประเดี๋ยวยามันหมดฤทธิ์"
มั่นละล้าละลัง ทำท่าจะหันไปพูดกับพิม
"อย่าหันมานะ!!! รอก่อน หลับตาซะด้วย"
มั่นชะงัก ส่ายหน้า แต่ก็ยอมหลับตาโดยดี สักครู่พิมค่อยเดินออกมาจากหลังพุ่มไม้
"ลืมตาได้หรือยัง"
"ยัง"
"โอ๊ย ข้าไม่เล่นด้วยแล้ว ยังไม่เสร็จก็เรื่องของแม่เถอะ ข้าจะหันไปแล้วนะ"
มั่นลืมตาขึ้นแล้วหันไป เจอพิมยืนจ่อหน้าอยู่
"อ้าว ไหนว่ายังไม่เสร็จ"
"พี่ตั้งใจจะแอบดูฉันใช่ไหม"
"เฮอะ ผู้หญิงมีถมไป ทำไมต้องแอบดูแม่ด้วย"
มั่นเดินหนี พิมขยับจะตาม แล้วร้องโอ๊ย มั่นชะงักหันมามองแล้วส่ายหน้า เดินไปพยุง พิมไปนั่ง
"นั่งนิ่งๆ ข้าจะใส่ยาให้"
มั่นพาพิมนั่งแล้วพอกยา พิมมองหน้ามั่นแล้วเฉย ยอมให้มั่นพอกยาให้แต่โดยดี
หมึก เก่ง เพลิง ยืนรอชมนาดอยู่ที่หน้าวัด
"จะอะไรกันนักกันหนา พวกผู้หญิงเรื่องมากชะมัด จริงสิ พวกเอ็งไม่รู้เบาะแสบ้างหรือ ว่าไอ้มากมันอยู่ที่ไหน มันพานังพิมไปไว้ที่ไหนวะ"
หมึกกับเก่งมองหน้ากัน
หมึก/เก่งบอก "ไม่รู้เลยจ๊ะพี่"
"เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ"
ชมนาดกับ บ่าวเดินออกมา หมึกกับเก่งรีบเปลี่ยนเรื่อง
"โน่นคุณชมนาดมาโน่นแล้ว พวกฉันหลบไปก่อนนะจ๊ะ"
"ฉันจะรีบไปสืบหาแม่พิม ได้ข่าวยังไงจะรีบรายงานพี่เพลิงให้รู้ทันทีเลยจ๊ะ"
หมึกกับเก่งรีบไป ชมนาดกับบ่าวเดินเข้าเฟรมมามองตามทั้งสองคนไป แล้วมองเพลิงเป็นเชิงถาม
"บ่าวของฉันเอง ฉันให้มันมาทำธุระแถวนี้ เสร็จแล้วหรือ ประเดี๋ยวฉันจะพาไปเที่ยวต่อดีไหม แม่อยากไปเที่ยวดูอะไรอีก บอกมาเลย"
ชมนาดยิ้ม
"ฉันได้เจอสิ่งที่อยากเจอแล้ว กลับเรือนพักเถิด"
ชมนาดเดินออกทันที บ่าวรีบเดินตามไป เพลิงงง
"ประเดี๋ยวก่อนสิ อะไรกันวะ"
เพลิงแปลกใจ แต่ก็รีบตามไป
มั่นนั่งพอกยาให้พิมอย่างตั้งใจ พิมมองมั่น พอมั่นเงยหน้ามอง พิมเสมองไปทางอื่น
"เสร็จแล้ว เดินไหวมั๊ย ถ้าเดินไหว ก็จะได้กลับกัน"
"ป่านนี้พ่อกับแม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว"
มั่นเมินหน้า
"ข้าขอโทษที่ทำให้แม่เดือดร้อน"
พิมหันไปมองมั่น มั่นเขิน
"เดี๋ยวเราออกเดินทางกันดีกว่า ฟ้าทำท่าเหมือนจะมีฝน"
บนท้องฟ้า เริ่มมีหยาดฝนโปรยปรายลงมา
มั่นหันไปมองพิม แล้วถอนหายใจ เข้าประคองพิมวิ่งไปหลบใต้ต้นไม้
สายฝนตกพร่ำ พิมหนาวสั่น มั่นเอาผ้าที่โพก หัว ถอดออกมา คลุมหัวให้พิมกันน้ำฝน
"แล้วพี่ล่ะ"
"ไม่ต้องหรอก ข้าหัวแข็ง ฝนแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"
"ไม่เป็นไรหรอก"
"ไม่เป็นไร ข้าทำให้แม่เดือดร้อนมามากแล้ว แม่ยืนอยู่ในร่มเถิด"
มั่นขยับออกไปตากฝน เสียสละให้ตัวเองเปียกเพื่อให้พิมได้อยู่ในร่ม
พิมจะอ้าปากเรียก แล้วหุบปากลง พิมแอบมองมั่นยืนตากฝน
อ่านต่อหน้า 3
แม่นาก ตอนที่ 12 (ต่อ)
พวงจันทร์นั่งอยู่ในเรือนพ่อใหญ๋ถึก ปุกนั่งร้องไห้กระซิกๆ พวงจันทร์มองอย่างรำคาญ
"อะไรของเอ็งนังปุก จะร้องทำไมหนักหนา"
"นายแม่เจ้าขา ปุกไปดูทั่วแล้ว ไม่เห็นจะมีวี่แววคุณหนูพิมเลยนี่เจ้าค่ะ"
แม่พวงหันไปมองหน้าปุก
"อีปุก อีบ้า แหกปากเข้าไป ประเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าหรอก นังนี่ พิรี้พิไรจริงๆ น่ารำคาญ ข้าก็บอกแล้วใช่ไหม ว่าประเดี๋ยวหมดธุระทางนี้ก่อน ข้าจะจัดการเอง"
"แต่คุณหนูหายไปทั้งคนจะไม่ให้บ่าวร้อนใจได้อย่างไร"
"เอาอย่างนี้ เอ็งกลับไปหัวตะเข้ก่อนไป เผื่อนังพิมมันกลับบ้านมา จะได้เจอกัน"
"จริงหรือเจ้าคะ"
"ก็จริงน่ะสิ ขืนเอ็งอยู่อย่างนี้พอดีพอร้ายคุณพี่จับได้ จะยุ่งกันไปทั้งเรือนเสียอีก ธุระทางนี้คงไม่นานหรอก 2-3 คืน หลวงณรงค์ก็คงกลับ จะมาอยู่อะไรกันนานหนักหนา"
"ถ้างั้นปุกกลับไปก่อนนะเจ้าคะ"
"ไปเหอะ ข้ารำคาญเอ็งเต็มทีแล้ว แต่ถ้าพิมมันกลับไป เอ็งดูแลมันไว้ให้ดีอย่าให้ออกไปไหนอีกเข้าใจมั๊ย"
"เข้าใจเจ้าค่ะ เข้าใจ งั้นบ่าวไปก่อนนะเจ้าคะ"
"ไปเถอะ ข้ารำคาญ"
ปุกก้มกราบแล้วรีบไปทันที
"อีลูกคนนี้ ทำกูร้อนใจจริงๆ"
ชมนาดเดินลิ่วๆ มา เพลิงวิ่งตามมาคว้ามือชมนาดไว้ ชมนาดตกใจหันไปมอง แล้วตบเพลิงอย่างแรง
"นี่สำหรับที่พ่อทำรุ่มร่ามกับฉัน"
ชมนาดจ้องมองเพลิงอย่างไม่กลัว บ่าวอ้าปากค้าง
"แม่จะเล่นตัวไปใย อีกหน่อยเราสองคนก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว แค่จับมือนิดหน่อยจะเป็นไรไป"
"ไม่มีวัน ฉันไม่ใช่หญิงชั้นต่ำที่พ่อจะมาลวนลามกันง่ายๆแบบนี้ ถอยไป ฉันจะขึ้นเรือน"
"ทำไมต้องรังเกียจกระผมนักหนา กระผมมีอะไรไม่คู่ควรกับแม่หรือ"
"ฉันไม่ได้รังเกียจพ่อ แต่ฉันไม่มีใจให้พ่อต่างหาก ถอยไปเถอะ ฉันมีคนที่ฉันรักแล้ว"
"ใคร ใครกัน คนที่แม่รักหนักหนา อย่าบอกนะว่าไอ้คนนั้นมันอยู่บางพระโขนง"
ชมนาดชะงัก
"ใช่หรือไม่ใช่มันกงการอะไรของพ่อ หลีกทางไป ฉันจะขึ้นเรือน อย่าให้ฉันต้องบอกพ่อเรื่องนี้เลยนะ พ่อเพลิง"
เพลิงชะงัก ชมนาดมองแล้วรีบเดินหนีเพลิงขึ้นเรือนไป สวนกับพวงจันทร์ที่เดินลงจากเรือนมา
"อ้าว แม่ชมนาด กลับมาแล้วหรือ"
"ค่ะ อิฉันขอตัวพักก่อน"
ชมนาดก้มหน้าเดินไปทันที บ่าวรีบเดินตามไป
พวงจันทร์สงสัย เพลิงที่ยืนมองตามอย่างไม่พอใจ
"มันเกิดอะไรขึ้นหรือ พ่อเพลิง"
เพลิงฮึดฮัด
ชมนาดเดินเข้ามาในห้องสีหน้าหงุดหงิด บ่าวตามเข้ามา
" ไปปิดประตูลั่นดาลเสียด้วย คนอะไรกริยาไพร่ ต่ำชั้น เสียแรงเป็นลูกชายท่านขุน ไม่ได้ระวังกริยาเลย"
"คุณหนูใจเย็นนะเจ้าคะ เสียงดังไปประเดี๋ยวใครมากได้ยินเข้า"
ชมนาดนิ่ง สูดลมหายใจระงับอารมณ์
ชมนาดสงบอารมณ์
"ขอบใจที่เอ็งช่วยเตือน ไม่อย่างนั้นข้าคงทนไม่ได้"
ชมนาดนิ่งคิดถึงมากที่วัดมหาบุศย์
"พรุ่งนี้เราไปทำบุญที่วัดกันเถอะ"
บ่าวมองหน้าชมนาดงงๆ
ชมนาดยิ้มพอใจ
พวงจันทร์ยืนนิ่งใช้ความคิด เพลิงฮึดฮัด เล่าเรื่องชมนาดให้ฟัง
"พ่อเพลิงแน่ใจได้อย่างไรว่า แม่ชมนาดเขามีคนรักอยู่แล้ว"
"ทำไมจะไม่แน่ละจ๊ะแม่ กริยาปั้นปึ่ง บึ้งตึงแบบนั้น พูดจามะนาวไม่มีน้ำ แม่ดูสิ ฉันหน้าตาดีขนาดนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าปฏิเสธ"
"แล้วเอ็งจะกลัวไปทำไม พ่อเอ็งกับหลวงณรงค์ก็สนิทสนมกลมเกลียวกันอยู่ แม่ชมนาดคงจะขัดพ่อไม่ได้หรอก"
"แต่ฉันหวั่นใจอย่างไรพิกล"
"จะหวั่นไปทำไม ในเมื่อแม่ชมนาดเขาก็ไม่ได้ไปไหนนอกจากไปวัดไม่ใช่หรือ อย่าวิตกกังวลไปให้เสียการเลย แม่จะย้ำเรื่องแม่ชมนาดกับหลวงณรงค์ด้วยตัวเอง คงไม่พลาดหรอก พ่อเพลิงอย่าวิตกไปเลย"
พวงจันทร์ยิ้มมั่นใจมาก เพลิงนิ่งคิดยังไม่วางใจ
เวลาเย็น พ่อใหญ่ถึก ขุนเพชร หลวงณรงค์ กำลังนั่งคุยกันอยู่บนเรือน
หลวงณรงค์บอก
"ฉันอยากได้ที่ดินตามแนวที่ฉันชี้ไว้ให้พ่อใหญ่ถึกดูนั่นแหละ"
พ่อใหญ่ถึกอึดอัด
"แต่กระผมไม่แน่ใจว่าชาวบ้านจะอยากขายที่หรือเปล่านะขอรับ คนพวกนี้อยู่กันมานาน คงไม่อยากทิ้งถิ่นฐานไปหรอกขอรับ"
ขุนเพชรบอก
"จะไปยากอะไร ถ้าใครเดือดร้อนเรื่องเงินทอง พ่อใหญ่ก็มาบอกฉันก็แล้วกัน แม่พวงกับพ่อเพลิงน่ะพอจะช่วยเหลือได้ เอาที่ดินมากฝากไว้เป็นประกัน มีอัฐมีเบี้ยก็มาไถ่ถอน อย่างนี้ดีมั๊ย"
"เรื่องนี้คงต้องให้ขุนเพชรกับแม่พวงออกหน้า เพราะฉันจะมาออกหน้าออกตาเรื่องนี้จะดูไม่เหมาะ"
"อย่าวิตกเลยเจ้าค่ะ อิฉันรับปากจะดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พ่อใหญ่ถึกมาหาฉันโดยตรงเลยนะจ๊ะ"
"แม่พวงรับแรงแข็งขอบแบบนี้ฉันก็วางใจ"
"อย่าวิตกไปเลยขอรับ คุณหลวง"
ทุกคนหัวเราะให้กัน พ่อใหญ่ถึกสีหน้าอึดอัด
ชมนาดเดินเข้ามายกมือไหว้ทุกคน
"จริงสิ ไอ้เพลิงมันพาคุณหนูชมนาดเที่ยวทั่วบางพระโขนงหรือยัง"
ชมนาดยิ้ม
"เจ้าค่ะท่านขุน ลูกมีเรื่องอยากจะมาเรียนขออนุญาตคุณพ่อ"
"มีอะไรก็ว่าไปสิ"
"พรุ่งนี้ลูกจะขอไปทำบุญที่วัดมหาบุศย์ จะได้ไหมเจ้าคะ"
ทุกคนมองหน้ากัน
"ก็ไปสิ ให้พ่อเพลิงพาไปก็ได้"
"ลูกไม่อยากรบกวน เพราะตั้งใจว่าจะไปสนทนาธรรมกับหลวงตาเจ้าค่ะ เห็นพ่อเพลิงมีธุระมากโข ลูกไม่อยากรบกวน"
พวงจันทร์มองชมนาดอย่างสังเกต
"จะได้อย่างไรล่ะคะ แม่ชมนาด เรามาต่างบ้านต่างถิ่นให้พ่อเพลิงคอยดูแลนะถูกต้องแล้ว จะไปทำบุญก็ทำเถอะ ให้พ่อเพลิงไปดูแลก็แล้วกัน"
ชมนาดนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
พวงจันทร์มองหน้าขุนเพชร
"เจ้าจะไปก็ไปเถิด แต่พ่อก็เห็นด้วยกับแม่พวงที่จะให้พ่อเพลิงไปคอยดูแลนะ"
"ถ้าคุณพ่อว่าเช่นลูกก็ไม่ขัดเจ้าค่ะ"
ชมนาดลาไป
พวงจันทร์หันไปมองหน้าขุนเพชร หลวงณรงค์ยิ้มเฉย
ในห้องนอน เพลิงกำลังนอนก่ายหน้าผาก คิดเรื่องชมนาดที่ทะเลาะกับเพลิงที่หน้าเรือน
เพลิงผุดลุกขึ้นโมโห
"อย่าให้เห็นหน้านะว่ามันเป็นใคร กูไม่เอามันไว้แน่"
พวงจันทร์เดินเข้ามาในห้อง
"พ่อเพลิง แม่มีเรื่องจะให้เจ้าไปทำ"
"อะไรอีกล่ะแม่ คนยิ่งกำลังกลุ้มๆอยู่
"พรุ่งนี้ลูกต้องพาแม่ชมนาดไปวัด"
"โอ๊ย ไปทำไมกันวัด วันนี้ก็ไป พรุ่งนี้ก็จะไป ไปบวชชีเลยดีมั๊ย"
"วันนี้ก็ไปหรือ อืม"
พวงจันทร์นิ่งคิด เพลิงชะงักมองแม่แปลกใจ
"มันมีอะไรหรือแม่"
"แม่ไม่รู้ แต่แม่ก็แค่สงสัย พรุ่งนี้ไปวัดกับแม่ชมนาดเขาก็แล้วกัน บางทีเราอาจจะได้รู้ใจแม่ชมนาดบ้างก็เป็นได้"
เพลิงมองหน้าแม่นิ่งคิด
ฝนเพิ่งหยุดตก แต่หยดน้ำยังเกาะบนใบไม้ พิมนั่งหนาวสั่นอยู่ใต้ต้นไม้ มั่นก่อไฟผิงผ้าให้แห้ง
"รอประเดี๋ยวนะ เกือบแห้งแล้ว"
"ข้าหนาวจังเลย"
มั่นคลำผ้าดูว่าแห้งแล้ว มั่นเอาผ้าไปคลุมให้พิม ดึงมือพิมออกมาผิงไฟ
"ดีขึ้นมั๊ย"
พิมพยักหน้า "ดีขึ้น"
มั่นยิ้มให้พิมแล้วหันไปหยิบกระบอกน้ำขึ้นมา เปิดดู แล้วส่งให้พิมกินก่อน
"กินซะก่อน เร็วสิ"
พิมยกขึ้นดื่ม แล้วส่งให้มั่น มั่นรับมาดื่ม เหลือนิดเดียว พิมรู้สึกผิด
"ตายจริง ข้าขอโทษ ข้ากระหายเหลือเกิน"
"ไม่เป็นไร ข้าไม่กระหายหรอก"
มั่นล้วงไปในย่ามหยิบมะขามป้อมออกมาเคี้ยว พิมมองดูรู้ว่า มั่นเสียสละ
"พี่ดีกับข้าทำไม จริงๆแล้วข้าต่างหากที่ต้องขอโทษพี่"
มั่นชะงัก
"ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้แม่เดือดร้อน มากกำลังเข้ากรรมฐาน เพื่อจะอุทิศส่วนกุศลให้แม่นาก ข้าไม่อยากให้ใครมารบกวน ข้าถึงได้...พาเจ้ามาที่นี่"
" ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ"
พิมก้มหน้าน้ำตาไหล มั่นชะงัก
"แม่ร้องไห้ทำไม นิ่งซะ"
มั่นเชยคางพิมขึ้นแล้วปาดน้ำตาให้
"เพราะพี่เพลิงคนเดียว ไม่อย่างนั้น คงไม่ต้องเดือดร้อนกันแบบนี้หรอก"
" ไอ้เพลิง พี่ชายแม่มาเกี่ยวอะไรด้วย"
พิมมองมั่นอึดอัดใจ
"สัญญานะ ว่าถ้าข้าเล่าแล้ว พี่จะไม่โกรธข้า"
พิมมองมั่น แบบวิตก มั่นเครียดทันที
อ่านต่อหน้า 4
แม่นาก ตอนที่ 12 (ต่อ)
มุมหนึ่งของเรือนพ่อใหญ่ถึก เวลากลางคืน หมึก เก่ง เพลิง รวมหัวกันอยู่
"ได้ข่าวเรื่องนังพิมกับไอ้มากบ้างมั๊ย"
หมึกกับเก่งมองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกันส่ายหัว
"ไม่รู้เลยจ๊ะพี่"
"มันหายหัวไปไหนกันวะ เอ็งไปดูที่เรือนไอ้มากหรือยัง"
เก่งบอก "ไปดูแล้ว ไม่มีใครอยู่เลย เรือนมันร้าง"
"แล้วเรือนไอ้มั่นล่ะ"
"ไม่มีใครอยู่ซักคน"
"ไอ้มากมันพานังพิมไปซ่อนไว้ที่ไหนนะ"
เพลิงนิ่งคิดสงสัย
หมึกกับเก่งมองหน้ากัน เริ่มร้อนใจ
พิมเล่าเรื่องให้มั่นฟังจนจบ
"เพราะพี่เพลิงขอร้อง ฉันถึงได้มา ฉันอยากให้พี่เพลิงกับพี่มากปรับความเข้าใจกัน"
"เวรกรรมแท้ๆ แม่นากช่างอาภัพจริงๆ"
"ฉันไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่เพลิงทำแม้แต่น้อย จริงๆนะพี่มั่น ถึงตอนนี้ ฉันเริ่มรู้สึกว่า ฉันเป็นคนแปลกหน้าในเรือนของตัวเอง"
"ทำไมแม่พูดแบบนั้น"
"ดูสิ ฉันหายตัวออกมาตั้งเกือบ 2 วันแล้ว ยังไม่มีใครออกมาตามหาฉันเลย มันหมายถึงอะไร"
พิมสะอื้น แต่พยายามข่มใจไว้ มั่นมองพิมอย่างเห็นใจ
"อย่าคิดมาก พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูก"
"พี่อย่ามาปลอบใจฉันเลย พวกที่มาจากพระนคร คงทำประโยชน์ให้แม่กับพ่อมากกว่า เช่นนี้ไง ถึงไม่มีใครสนใจคิดจะออกมาตามหาฉันให้เสียเวลาหรอก"
มั่นเชยคางพิมขึ้นปาดน้ำตาให้อย่างบรรจง
"อย่าร้อง พรุ่งนี้ทันทีที่ฟ้าสาง ข้าจะพาแม่ไปส่งให้ถึงหัวตะเข้ อย่างปลอดภัย ข้าสัญญา"
สองคนมองหน้ากัน พิมโผเข้ากอดมั่นร้องไห้สะอึกสะอื้น
มั่นตกใจ แต่สักพัก มั่นกอดตอบพิมอย่างเต็มใจ
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ไก่อยู่คนคอนโก่งคอขัน
ในห้องพัก ชมนาดแต่งตัวอย่างวิจิตรบรรจง ชมนาดยิ้มให้กับกระจก บ่าวยืนมองอมยิ้ม
"คุณชมนาดสวยจับใจจริงๆเจ้าค่ะ"
ชมนาดยิ้มพอใจ
"เอ็งไปตรวจตราสำรับกับข้าวให้พร้อม อย่าให้ขาดตกบกพร่อง"
"เจ้าค่ะ"
บ่าวไป ชมนาดมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง
"หวังว่าเจอกันคราวนี้ พ่อมากจะจำฉันได้นะ"
ชมนาดยิ้ม มีความหวัง
ที่หน้าเรือนพ่อใหญ่ถึก
บ่าวยืนถือตะกร้าอาหารสำหรับถวายพระ รออยู่ที่หัวบันได เพลิงเดินมามอง
"คุณชมนาดยังไม่ลงมาอีกหรือ"
"ประเดี๋ยวคงจะลงมาเจ้าค่ะ โน่นแน่ะมาแล้วเจ้าค่ะ"
ชมนาดเดินลงมาจากบันได เพลิงหันไปมอง ตะลึง ชมนาดแต่งตัวสวยมาก
"คุณชมนาด ช่างสวยเหมือนนางฟ้าจริงๆ เป็นบุญตาของไอ้เพลิงยิ่งนัก"
ชมนาดเมินหน้า แล้วหันมายิ้มตามมารยาท
"วันนี้พ่อเพลิงไม่ต้องมาคอยตามฉันหรอก ฉันจะไปวัด เคยไปแล้ว ไปไม่ผิดหรอก"
"ไม่ได้หรอกขอรับ กระผมกลัวแมลงภู่ แมลงวันจะมาบินตอมดอกไม้สวยให้กระผมไปด้วยดีกว่าขอรับ"
" จะลำบากพ่อเพลิงหรือเปล่า ฉันตั้งใจจะไปคุยปัญหาธรรมมะกับหลวงตา อาจจะนานหน่อย พ่อเพลิงไม่มีธุระปะปังอื่นดอกหรือ"
"ธุระอะไรจะมาสำคัญเท่าได้คอยดูแลคุณชมนาดเล่าขอรับ เชิญเถอะ"
ชมนาดถอนหายใจแบบไม่ปิดบังแล้วเดินไปทันที บ่าวตามไป เพลิงยิ้มกวน
ที่วัดมหาบุศย์
ชมนาด เพลิง บ่าวเดินมาถึงศาลา อีกทาง หมึกกับเก่ง ซุ่มดูอยู่
"เอาไงดีวะไอ้เก่ง พี่เพลิงมาด้วยนะ ขืนปล่อยให้ขึ้นไปบนศาลา พี่เพลิงก็รู้สิวะว่าไอ้มากมันไม่ได้ฉุดแม่พิมไป"
"งั้นเราก็ดึงตัวพี่เพลิงไว้สิ" เก่งบอก
สองคนมองหน้ากัน พยักหน้าแล้วรีบเดินไปขวางเพลิงไว้
เพลิงแปลกใจ
"เอ็งสองคนมีอะไร"
หมึกกับเก่งทำท่าเหมือนมีลับลมคมนัย
"งั้นเชิญพ่อเพลิงตามสบายเถิดนะ ฉันขอตัวขึ้นไปบนศาลาก่อน"
ชมนาดกับบ่าวเดินขึ้นไปบนศาลาทันที
เพลิงหันมามอง หมึกกับเก่ง
"เอ็งมีอะไรก็ว่าไป เร็วเข้าสิ"
"ฉันมีข่าวเรื่องแม่พิมจ๊ะ"
"นังพิมหรือ นี่เอ็งเจอนังพิมกับไอ้มากแล้วงั้นหรือ"
สองคนสบตากันอย่างมีพิรุธ
บนศาลา หลวงตาสวดมนต์เสร็จ ทุกคนก้มลงกราบพระ
ในหมู่คนมาทำบุญ ป้าเงิน จำปี ลำจวน นั่งอยู่
"นังลำจวน นั่งให้เรียบร้อยหน่อย ในวัดนะโว๊ย อย่าให้มันผลุบผลับนัก"
"แหมป้าก็ฉันรู้หรอกน่า มาวัดทำบุญไม่ได้มา..สึก...พ..." ลำจวนแกล้งกลืนคำพูดลงคอ
"ลองพูดออกมาสิ ประเดี๋ยวจะตบให้ปากฉีก"
จำปีสะกิด
"ป้าดูโน่นสิ ใครน่ะ ไม่คุ้นหน้าเลย สวยจัง"
ทุกคนหันไปมองชมนาดเดินขึ้นมาบนศาลา
มากหันมามองตะลึง
เพลิงมองหน้าหมึกกับเก่ง
"ยังไงกันแน่ สรุปแล้วเอ็งรู้หรือยังว่า ไอ้มากมันเอานังพิมไปซ่อนไว้ที่ไหน"
"ยังจ๊ะ" หมึกบอก
"แล้วเอ็งจะเรียกข้ามาทำไม ไอ้หมึก"
"ยังมีอีกเรื่องนึงจ๊ะพี่เพลิง" เก่งว่า
"เรื่องอะไรของเอ็ง"
"คนที่ฉุดแม่พิมไป อาจจะ.....เอ่อ....ไม่ใช่ไอ้มากก็ได้นะพี่"
เพลิงฉุน
"เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง นังพิมมันออกไปหาไอ้มากแน่นอน แล้วใครจะมาฉุดมันไปได้ มึงอย่ามาทำให้กูเสียเวลาเลย"
เพลิงไม่ฟังเสียงเดินไป หมึกกับเก่งมองหน้ากันเสียขวัญ
"คราวนี้กูตายแน่"
หมึกกับเก่งกอดคอกันเศร้า
ในป่า มั่นเดินประคอง พิมกัดฟันเดินขโยกเขยก เจ็บขา มั่นมองอย่างเป็นห่วง
"เจ็บมากหรือ"
"ก็พอทน ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำฉันอยากกลับเรือนเต็มทีแล้ว"
พิมกัดฟันเดินต่อ มั่นดึงมือพิมไว้
"พักก่อนเถอะ ยิ่งเดินจะยิ่งเจ็บนะ"
"ไม่ต้อง ข้าเดินไหว"
มั่นดึงมือพิมไว้ พิมมองงงๆ
"มาขี่หลังข้าเถอะ"
"ไม่ดีหรอก พี่เป็นผู้ชาย เขาถือไม่ใช่หรือ"
"ใครถือก็ช่างมัน แต่ข้าไม่ถือ"
พิมชะงัก นิ่งคิด มั่นหันมามอง ยิ้มเยาะ
"หรือว่าแม่กลัว"
"กลัวอะไร ไม่กลัวซักหน่อย"
"ไม่กลัวแล้วจะยึกยื้อทำไมล่ะ เร็วเข้า เดี๋ยวก็มืดหรอก"
พิมส่ายหน้า แล้วค่อยๆโอบคอมั่นไว้ มั่นดึงพิมขึ้นหลังแล้วแบกไป
มั่นยิ้ม พิมแอบเขิน
บนศาลา ทุกคนกำลังขยับเข้าประเคนอาหารให้พระ
ชมนาดหันไปพยักหน้าให้บ่าว บ่าวยกถาดอาหารไปประเคนให้หลวงพ่อ
หลวงพ่อให้พร ป้าเงิน จำปี ลำจวน ชมนาด ก้มลงไหว้พระรับพร
หลวงพ่อ เดินลงไปจากศาลา
ทุ้ย เค้ง โพล้ง มาก และพวกที่มาถือศีลนั่งล้อมวงกันกินอาหาร
ชมนาดกวักมือเรียกบ่าวมาใกล้ๆ ส่งชามของหวานพิเศษให้บ่าว พร้อมก้มกระซิบ บ่าวพยักหน้ารับ ชามของหวาน แล้วค่อยๆคลานเอาไป ส่งให้มาก มากรับไว้แล้วหันไปมอง ชมนาดยิ้ม มากพยักหน้าขอบคุณ
ชมนาดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ป้าเงิน จำปี ลำจวน ป้าเงินมองชมนาดกับมากนิ่ง
"นังจำปี เอ็งเห็นเหมือนข้ามั๊ยวะ"
"นังคนนั้นมันใครกัน ทำไมทำเหมือนเป็นเมียพี่มาก ต้องส่งข้าวให้เป็นพิเศษเชียวหรือ ไปรู้จักกันแต่ปางไหน" จำปีว่า
"เอ็งสองคนให้มันเบาๆหน่อย นี่มันในวัดนะโว๊ย"
ด้านหนึ่ง เพลิงเดินปึงๆๆขึ้นมาบนศาลาวัด เห็นจังหวะที่ชมนาดยิ้ม เพลิงชะงัก
"ไอ้มาก!"
เพลิงกับมากต่อตากัน
ทุกคนตะลึง
ชมนาดเดินลงมาจากศาลาสีหน้าบึ้งตึง เพลิงรีบเดินตามมา คว้ามือชมนาดไว้ ชมนาดสะบัด
"ฉันบอกแล้ว อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉัน"
"ที่แท้ แม่ก็มาวัดเพื่อมาหาผู้ชายนี่เอง"
"อย่ามาพูดจาก้าวร้าวฉันนะ ทุกคนก็เห็นว่าฉันมาทำบุญปกติ"
"กับไอ้มากโดยเฉพาะนี่หรือ ช่างบังเอิญเหลือเกินนะ"
"จะว่าอย่างไรก็ช่าง ฉันกับพ่อมากรู้จักกันตั้งแต่พ่อมากไปเป็นทหาร และได้มาเจอกันที่วัดนี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญ"
"ใช่สิ บังเอิญมาก"
"ถ้าพ่อเพลิงจะมาหาเรื่องฉันตอนนี้มันคงไม่เหมาะนักดอก นี่ยังอยู่ในเขตวัดนะ สำรวมกริยาบ้าง ใครเห็นเขาจะดูถูกไปถึงพ่อถึงแม่ น่าอายนัก"
ชมนาดเดินออกไปทันที บ่าวรีบตามไป เพลิงโมโหฟึดฟัด
"มันอะไรกันนี่ ไหนว่าไอ้มากมันไปกับนังพิมไม่ใช่หรือ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น"
ป้าเงินจ้องหน้ามากอย่างจริงจัง
"ไอ้มาก เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ ผู้หญิงคนนั้นเอ็งไปรู้จักมักจี่เขาแต่เมื่อไหร่"
"คุณชมนาดเป็นลูกหลวงณรงค์ที่ฉันเคยไปสังกัด ตอนเป็นทหาร ก็เท่านั้นแหละป้า ไม่มีอื่นใด"
"แล้วทำไมเขาต้องตามเอ็งมาถึงบางพระโขนงด้วยเล่าไอ้มากเอ๊ย"
"ฉันไม่รู้จริงๆ"
"แล้วยังไอ้เพลิงลูกขุนเพชรอีก เมื่อไหร่มันจะจบจะสิ้นกรรมกันซะทีนะ อย่างนี้นากมันจะเป็นสุขได้หรือ"
ป้าเงินสีหน้าเครียด มากนิ่งคิดหนัก
อ่านต่อตอนที่ 13