xs
xsm
sm
md
lg

แม่นาก ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แม่นาก ตอนที่ 3

มั่นพูดจาเอาจริง พิมเริ่มกลัว

"ถ้าร้อง ข้าจะบีบคอให้ตายเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู"
พิมชะงัก มั่นท่าทางเอาจริง พิมจำใจพยักหน้า มั่นค่อยๆปล่อยมือออกจากปากพิม แต่ยังกอดพิมไว้อยู่
"ปล่อยได้แล้ว ข้าอึดอัดเหมือนจะตาย"
มั่นปล่อย พิมสะบัดตัวอออกห่างทันที ร้อนวาบไปทั้งตัว
"ไอ้มั่น!! มาทำอะไรที่นี่ ประเดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวข้าจะร้องเรียกให้คนมาช่วย คราวนี้ล่ะเอ็งโดนดีแน่"
"ก็ตามใจ อยากร้องก็ร้องไปเลย คนมาเห็น ข้าจะบอกกับทุกคนว่า แม่นัดข้ามาพลอดรักกัน"
"ไอ้บ้า!! ไอ้คนผีทะเลเอ็งจะมาจองล้างจองผลาญอะไรกันนักกันหนา ข้าไปทำอะไรให้เอ็ง"
"ข้าก็ไม่อยากยุ่งกับแม่นักหรอก ข้าจะมาเตือนพี่ชายของแม่ อย่าไปยุ่งกับแม่นากเลย เขาเป็นคนรักของพี่มาก"
พิมทำท่าเสียอารมณ์
"ก็ดีสิ ถ้าแม่นากออกเรือนมาเป็นเมียพี่ชายข้า พี่มากจะได้มีตามองหญิงคนอื่นบ้าง " พิมหรี่ตามอง ทำท่ารู้ทัน "หรือว่า เอ็งเดือดร้อน เพราะแอบชอบแม่นากอยู่เหมือนกันใช่ไหม"
มั่นชะงัก พิมยิ้มเยาะ
"ที่แท้ก็หวงก้างนี่นา ทำเป็นห่วงเป็นใย เชอะ"
"แม่จะพูดอย่างไร ข้าก็ไม่ถือสา แต่บอกไว้ก่อนว่า ถ้าพี่เอ็งทำพี่ข้าเจ็บใจ คิดดูสิ ข้าจะแก้แค้นกับใคร"
มั่นจ้องพิมตาแข็ง พิมชักขยาด
"เอ็งจะไปไหนก็รีบไปเลยไป ถ้าพ่อกำนันมาเห็นเข้าพ่อกำนันเอาเอ็งตายแน่"
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าพ่อกำนันมาเห็นแม่อยู่กับผู้ชายค่ำๆมืดๆแบบนี้ ใครกันแน่ที่จะตาย"
พิมโมโหกระทืบเท้าเหยียบเท้าอย่างแรง มั่นกระโดดโหยง เจ็บ แต่ไม่กล้าร้องส่งเสียง
"คราวนี้ฉันจะไม่เอาความ แต่ถ้าขืนมาด้อมๆมองๆที่เรือนข้าอีก ข้าไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่ ไอ้มั่นไอ้บ้า!"
พิมรีบวิ่งออกไปทันที
"แม่มะดันเดือนแล้ง เปรี้ยวแรงเหลือรับจริงๆ"
มั่นเข็ดเขี้ยว กัดฟันเดินกะเผลกๆออกไป

กลางคืนต่อเนื่องมา มากย่องเข้ามาด้อมๆมองๆอยู่ใต้ถุนเรือนป้าเงิน มากเอาก้อนหินเล็กๆโยนขึ้นไปที่หน้าต่างบนเรือน พลางร้องเสียงนกกาเหว่า มากจ้องมองที่หน้าต่าง ยิ้มดีใจ
อยู่ๆก็มีน้ำถังใหญ่สาดโครมลงมา มากตัวเปียก
ป้าเงินโผล่ออกมาจากหน้าต่างชี้หน้าด่า
" มาทางไหนไปทางนั้นเลยนะไอ้มาก เรือนข้าไม่ต้อนรับเอ็ง"
"ขอฉันคุยกันนากสักหน่อยเถอะป้าเงิน ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาก"
"เอ็งไม่ต้องมาลวงข้า ข้ารู้เอ็งจะพากันหนี"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกป้าเงิน ฉันไม่เคยคิดทำผิดกับป้าหรอกจ๊ะ"
"ข้าไม่เชื่อ!"

บนเรือน จำปีกับลำจวนแอบดูอยู่ ท่าทางตกใจ
"ตายจริง ทิดมากบ้าไปแล้วหรือนี่ ไม่ได้การ ต้องไปบอกนาก"
จำปีจะไป ลำจวนคว้าแขนไว้
"เอ็งสิบ้า ขืนให้นากลงไป ป้าเงินได้เฆี่ยนหลังลาย ไม่ได้ยินหรือ ป้าแกเข้าใจว่าทิดมากจะมาพานากหนี"
"จริงสิ แล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย"
"ก็ดูไปก่อนสิ"
สองคนแอบดูอย่างจดจ่อ

มากยกมือไหว้ป้าเงิน
"ให้ฉันได้คุยกับนากสักคำเถอะนะจ๊ะป้า ฉันขอร้อง"
"ไม่ได้ ไสหัวเอ็งไปให้พ้นเรือนข้า ไอ้มาก ไป"
มากลุกขึ้นทนไม่ไหวทำท่าจะบุกขึ้นเรือน
"ไอ้มาก เอ็งจะทำอะไรของเอ็ง นี่เรือนข้านะโว๊ย"
"เป็นตายยังไง วันนี้ฉันต้องพบหน้าแม่นากให้ได้ " มากตะโกน "แม่นาก แม่นาก"
มากวิ่งขึ้นเรือน ป้าเงินขวางไว้ มากไม่ฟังเสียงบุกขึ้นไป ป้าเงินร้องเสียงหลง
"ไอ้มาก !"

ที่ห้องนอน นากร้องไห้ยืนมองขื่อในห้อง มือกำผ้าสไบไว้แน่น
"พี่มากจ๋า เราคงหมดวาสนากันเพียงเท่านี้"
นากขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เอาสไบคล้องไว้กับขื่อ นากกำลังคล้องคอตัวเองกับผ้า ชะงักได้ยินเสียงเรียกจากมาก
"พี่มาก!"
นากสีหน้าดีใจ รีบร้อนจะลงจากเก้าอี้ แต่พลาด เก้าอี้ล้ม บ่วงรัดคอแน่นขึ้น แม่นากดิ้น

มากพรวดพราดขึ้นมาบนบ้าน จำปีกับลำจวนที่แอบยืนมองอยู่ กระเจิดกระเจิง
"นากอยู่ที่ไหน"
จำปีงง ลำจวนชี้มือไปที่ห้อง มากพรวดไปทันที ทุกคนวิ่งตามไป
ป้าเงินงกเงิ่นขึ้นบันไดมา หอบ

มากเปิดประตูเข้ามาในห้อง ตะลึง ทุกคนวิ่งเข้ามาสมทบ
ป้าเงินวิ่งตามเข้ามา พอเห็น ภาพตรงหน้า ป้าเงินทรุดตัวลงนั่งทันที ทุกคนเห็นขานากห้อยโตงเตง
มากตกใจ เรียก "นาก!"
มากรีบอุ้มนากลงมาจากขื่อ นากหมดสติ
ป้าเงินยืนตกใจกลัวว่านากจะตาย จำปี ลำจวนตกใจร้องไห้และร้องเรียกชื่อนากตลอดเวลา ทุกคนต่างขวัญเสีย
" นาก.....เอ็งอย่าเป็นอะไรนะนากเอ๊ย"
มากรีบอุ้มนากมาวางที่พื้น มากเรียกชื่อนากตลอดเวลา “นาก...นาก” ป้าเงิน ลำจวน จำปีรีบเข้ามารุมนาก ป้าเงินรีบเข้ามาบีบมือนาก น้ำตาไห
"นากเอ๊ย....ฟื้นสินาก"
ลำจวน จำปี ช่วยกันเรียก “นากๆ”
มากตกใจ
"นากเอ็งอย่าทำให้พี่ตกใจสินาก เอ็งลืมตาขึ้นมาสินาก"
นากค่อยๆได้สติ ลืมตาขึ้นปรือๆ ทุกคนดีใจ ป้าเงินร้องไห้ จำปี ลำจวนก็ร้องไห้
มากคว้าตัวนากขึ้นมากกอดไว้แน่
"แม่นากของพี่ ถ้านากไม่อยู่พี่จะอยู่ได้อย่างไร"
"พี่มากจ๋า"
สองคนกอดกันแน่น
ป้าเงินมองภาพตรงหน้าค่อยๆถอนหายใจ ส่ายหน้า
"เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้วจริงๆ"
ลำจวนถาม
"อย่างนี้แล้ว ป้ายังจะขวางพวกมันสองคนอีกหรือ"
"พยุงข้าออกไปข้างนอก"
มากกับนากกอดกันร้องไห้

เวลาเดียวกัน ที่เรือนขุนเพชร เก่งและหมึกช่วยกันพยุงเพลิงที่เมามากขึ้นเรือน
เพลิงโวยวายเสียงดัง
"เอ็งสองคนพาข้ามาที่นี่ทำไมวะ ข้าบอกให้พาข้าไปที่ทุ่งพระโขนง"
เก่งพูดเสียงเบา
"เบาๆสิพี่เพลิง เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวท่านขุนก็ตื่นหรอก"
เก่งพูดไม่ทันขาดคำ ขุนเพชรก็ผลักประตูห้องออกมาทันที
หมึกตกใจ "ท่านขุน!"
ขุนเพชรเสียงดุ
"พวกเอ็งไปไหนกันมา"
เพลิงเมาๆเงยหน้าขึ้นมามองขุนเพชร
เพลิงยิ้ม
"ฉันไปกินเหล้ากับไอ้พวกนี้มาจ๊ะพ่อ"
"วันๆเอาแต่กินเหล้าเที่ยวเตร่ เอ็งทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างหรือยัง ห๊า ไอ้เพลิง หนอย กินเหล้า ไอ้ลูกไม่เอาไหน"
" โถ่พ่อ พ่ออย่าบ่นฉันได้มั๊ยฉันยิ่งทุกข์ใจอยู่" เพลิงเอามือทุบอก "คนมันทุกข์ มันทุกข์ตรงนี้"
"ทุกข์ใจหรือ เอ็งมีความทุกข์อะไรทำไมไม่บอกพ่อ เอ็งก็รู้ว่าพ่อช่วยเอ็งได้ทุกเรื่อง"
เพลิงยิ้มเมาๆยืนเซไปเซมามองขุนเพชร

พวงจันทร์ลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ขุนเพชรก็เดินสวนเข้ามาพอดี
"เสียงดังอะไรกันคุณพี่ พ่อเพลิงก่อเรื่องอะไรอีกหรือ"
"จะมีอะไรซะอีกล่ะ ไอ้เพลิงมันก็เมาเป็นหมาน่ะสิ"
พวงจันทร์หงุดหงิด
"เรื่องแม่นากอีกล่ะสิ ฉันไปทาบทามแล้วผู้ใหญ่ทางนั้น เค้าขอเวลาสักหน่อย ไอ้ลูกคนนี้ก็ใจร้อนเหลือเกิน"
ขุนเพชรหงุดหงิด
"จะยกให้หรือไม่ยกให้ก็บอกมา ทำไมต้องให้รอ คนอย่างขุนเพชรใครไม่อยากดองเป็นทองแผ่นเดียวกันก็ให้มันรู้ไป"
"มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเจ้าค่ะคุณพี่ ทางฝ่ายนั้นเค้าก็อยากดองกับเราอยู่หรอก แต่ฉันเองมาคิดไปคิดมาฉันก็ไม่อยากให้พ่อเพลิงได้แม่นากมาเป็นเมียสักเท่าไหร่"
ขุนเพชรสงสัย "ทำไมละแม่พวง"
พวงจันทร์ถอนใจ
"ก็ฉันเอาดวงของพ่อเพลิงกับแม่นากไปให้หลวงพ่อที่วัดท่านทำนาย ท่านว่าดวงสองคนนี้ไม่เหมาะสมกันน่ะสิ"
"ดวงไม่สมพงษ์ก็หาวิธีแก้สิแม่พวงจันทร์ อย่างมากก็ส่งสินสอดไปแล้วก็เอาตัวมา ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร ทางนั้นเค้าก็ไม่ได้มีหน้ามีตาเค้าคงไม่ว่ากะไรหรอก"
"พี่ก็ ของแบบนี้ใครใจร้อนกว่า ก็ต้องยอมตามเขา ฉันไม่อยากเสียอัฐมากกว่าที่จำเป็นหรอก ผู้หญิงแบบนั้น ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ดีแต่สวย จะเอามาเชิดหน้าชูตา พอดีพอร้ายเราจะทุนหายกำไรหดน่ะสิ"
"แล้วยังไง จะปล่อยให้ไอ้เพลิงเมาเป็นหมาแบบนี้หรือ"
"เอาน่า พรุ่งนี้ฉันจะไปพูดให้รู้เรื่องอีกที พี่กำนันอย่าร้อนใจเลย ทิ้งให้ฉันเป็นธุระจัดการเองเถอะนะ รับรองฉันไม่ยอมขาดทุนแน่"
ขุนเพชรพยักหน้าพอใจ พวงจันทร์คิดๆ

ป้าเงินนั่งร้องไห้ นากก้มลงกราบที่ตักป้าเงิน ป้าเงินเอามือลูบหัวลูบหน้านาก
"ฉันกราบขอโทษจ๊ะป้า ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ทางนึงก็คนรัก ทางนึงก็ผู้มีพระคุณ ฉันทำได้ก็แค่เลือกทางตายเท่านั้น"
ป้าเงินอ่อนใจ
"ถามจริงๆเถอะ ถ้าเอ็งไม่ได้แต่งกับไอ้มากเอ็งจะตายเสียให้ได้จริงๆรึ"
"ถ้าฉันจะต้องพรากจากพี่มากไป ฉันก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะมีลมหายใจ ฉันตายเสียดีกว่า"
มากซึ้งใจน้ำตาคลอมองนาก
"ป้าเงิน ฉันกราบละจ๊ะ ขอให้ฉันกับแม่นากได้ครองคู่กันเถอะ แม่นากคือชีวิตของฉัน ขาดแม่นากไป ฉันก็เหมือนไร้ชีวิต"
มากและนากมองหน้ากันซึ้ง
"เอ็งนี่มันจริงๆเลยนะนาก ข้าจนใจกับเอ็ง ข้าจะทำยังไงดีวะนังลำจวน นังจำปี"
อีกมุมหนึ่ง จำปีกับลำจวนกอดกันร้องไห้สงสารมากกับนาก
ป้าเงินอ่อนใจ

ในเวลาเดียวกัน มั่น และพวกเดินกลับมาที่เรือนมาก ในมือมั่น โพล้งมีคบไฟ
มั่นตะโกนเรียก
"ไอ้มาก....ไอ้มาก"
มั่นแปลกใจที่เห็นเรือนมืด ไม่มีแสงไฟ พึมพำ
"อยู่เรือนยังไงฟืนไฟไม่จุด"
"สงสัยไอ้มากจะไม่อยู่เรือนหวะไอ้มั่น" ทุ้ยว่า
โพล้งบอก
"ค่ำมืดป่านนี้ไอ้มากไม่อยู่เรือน จะไปไหนได้วะ"
"จะไปไหนก็ไปเรือนป้าเงินหานากน่ะสิ " ทุ้ยว่า
"จะไปให้ป้าเงินไล่กลับมาอีกหรือไง ข้าว่าคงไม่ใช่หรอก" มั่นบอก
เค้งนึกอะไรบางอย่าง
"หรือว่าพี่มากเสียใจคิดสั้นไปโดดน้ำตาย"
โพล้งตบปาก เค้งร้องจ๊าก
"ไอ้ปากเสีย กลางค่ำกลางคืนใครให้พูดเรื่องตายไอ้เค้ง"
"เอ็งนี่ปากพาจนแท้ๆ" ทุ้ยบอก
"คนอย่างไอ้มากไม่ทำแบบที่พวกเอ็งคิดหรอกน่า" มั่นบอก
บริเวณทางเดินใกล้เรือน มากเดินมาแต่ไกล เค้งรีบตะโกน
"พี่มาก"
ทุกคนหันไปมอง

อีกมุมหนึ่งที่เรือนมาก ทุกคนยืนจ้อง มากยิ้มดีใจไม่พูดอะไร ทุ้ย โพล้ง เค้ง เดินมองมากรอบตัว มากยิ้มยังไม่พูดอะไร
"พี่มากตัวจริงหรือเปล่านี่" เค้งถาม
มากยิ้ม
"ตัวจริงสิวะไอ้พวกนี้"
"เวลาอย่างนี้เอ็งยังยิ้มได้อีกเหรอ" ทุ้ยว่า
มากหัวเราะขำ
มั่นถาม "ไอ้มาก เอ็งเป็นอะไรหรือเปล่า ก่อนไปหัวตะเข้ข้ายังเห็นเอ็งนั่งเสียใจอยู่เลย อยู่ดีๆทำไมมายิ้มหัวเราะแบบนี้"
โพล้งเอามือไปแตะที่หน้าผากของมาก
"ตัวก็ไม่ร้อน หรือว่าจะเสียใจจนเป็นบ้าไปแล้ว"
ทุ้ย โพล้ง เค้งค่างร้อง “โธ่....” สามคนกอดกันร้องไห้ “ฮือ......”
มากตีหัวทุ้ย โพล้ง เค้งคนละที
"ฉันไม่ได้บ้าหรอก ไม่อยากจะเชื่อ ชีวิตฉันจะมีเรื่องดีๆ"
ทุกคนชะงัก มากหน้าเคลิ้ม
"เรื่องดีที่ว่าเรื่องอะไรกันไอ้มาก" มั่นถาม
มากยิ้มกว้าง
"ป้าเงินยอมยกนากให้ฉันแล้ว"
ทุกร้องเฮดีใจกับมาก มั่นชะงักแล้วค่อยๆยิ้ม
"ข้าดีใจกับเอ็งจริงๆ ไอ้มาก"
"ขอบใจมากพี่มั่น"

พี่น้องตบบ่าแล้วกอดกันปลื้มปริ่ม มั่นแอบยิ้มเศร้า

เช้าวันใหม่ที่เรือนขุนเพชร จวงบ่าวในเรือนกำลังมองดูตะกร้าข้าวของที่วางไว้ พิมยืนมองข้าวของประหลาดใจ

"เอาของพวกนี้มาทำไมเนี่ยนังจวง"
"คุณนายสั่งให้บ่าวจัดไว้เจ้าค่ะ จะเอาไปไหนบ่าวไม่รู้จริงๆเจ้าค่ะ"
พวงจันทร์แต่งตัวสวยก้าวขาออกมาจากประตูห้อง พิมปรี่เข้าไปอย่างอยากรู้
"แม่จ๋า ให้นังจวงเตรียมผ้าไหมหีบหมากทำไมกัน แม่จะไปกำนัลใครหรือ"
"สู่รู้จริงนะ ... อีจวงเอ็งเตรียมข้าวของที่ข้าสั่งไว้ครบหรือยัง"
"เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ผ้าไหมสามพับ บ่าวเลือกอย่างเลวที่สุด หีบหมาก ก็เป็นอันที่ยึดมาจากลูกหนี้คราวก่อน ขัดด้วยมะขามเปียกแค่นี้ก็เงาวับ ดูไม่ออกว่าเป็นของเก่าเจ้าค่ะ"
พวงจันทร์ยิ้มปลื้ม
"ดีมาก เอ็งมันรู้ใจข้าเสียจริง เดี๋ยวเอ็งยกของลงเรือ"
"จริงสิ คุณนายจะไปไหนหรือเจ้าคะ แต่งตัวเหมือนพวกในวังไม่มีผิดซ๊วย...สวย"
"ข้าจะไปขอผู้หญิงให้พ่อเพลิง"
จวงยิ้มอยากรู้
"ลูกสาวเจ้าพระยาที่ไหนหรือเจ้าคะ"
พวงจันทร์หงุดหงิด
"ถ้าเป็นลูกสาวเจ้าพระยาก็ดีน่ะสิ ดันมาเป็นลูกชาวบ้านร้านตลาดแถมพ่อแม่ก็ไม่มีอีกต่างหาก แต่ได้แบบนี้ก็ดีเหมือนกันข้าจะได้เอามาเป็นเมียบ่าวช่วยเอ็งรับใช้พ่อเพลิงไงล่ะ"
"แหม.....แม่จะร้ายเกินไปแล้วนะ ดีชั่วยังไง เขาก็จะมาเป็นสะใภ้แม่นะ" พิมบอก
"ก็ข้าไม่อยากได้สะใภ้ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้"
"ไม่อยากได้แล้ว แม่ไปขอให้พี่เพลิงมันทำไมล่ะ"
"เอ็งไม่ต้องมาออกความเห็น เอ็งอยู่เรือนเฝ้าพี่เอ็งไว้ ถ้ามันตื่นเอ็งก็บอกมันว่าแม่กำลังไปขอเมียให้แล้ว...ไปอีจวง"
พวงจันทร์เดินไป จวงเดินตาม พิมเบ้ปาก
"หาเหาใส่หัวก็ไม่ว่า เค้าคงให้หรอก ก็ดีเหมือนกัน หมดแม่นากไปซะคน พ่อทิดมากอาจจะเห็นว่า หัวตะเข้ก็มีคนสวยๆ เหมือนกัน ไม่แพ้บางพระโขนงหรอก"
พิมกระหยิ่มใจ

ต่อมา ... จำปี ลำจวนรีบวิ่งขึ้นเรือนมากันอย่างอึกทึกครึกโครม ทั้งสองคนตะโกนร้องโวยวาย“ป้า....ป้า...”
ป้าเงินนั่งนิ่ง สีหน้าครุ่นคิด จำปี ลำจวนโวยวายขึ้นมาบนเรือน ป้าเงินรีบดุ
"นังจำปี นังลำจวน นังม้าดีดกะโหลก วิ่งแบบนี้ ซักวันคงเตะแม่ผัวตกเรือนคอหัก"
"ฉันไม่พังเรือนป้าหรอกจ๊ะ" จำปีว่า
"แต่ฉันว่าอีกประเดี๋ยวคงจะมีคนมาพังเรือนป้าจ๊ะ" ลำจวนบอก
ป้าเงินเอ๊ะใจ
"ใคร!! ใครจะพังเรือนข้า"
จำปีทำท่าจะอ้าปากพูด
พวงจันทร์ตะโกนเข้าเรือนมา “พี่เงินจ๊ะ ฉันพวงจันทร์จ๊ะ พี่เงินอยู่หรือเปล่า”
ป้าเงินชะงัก สีหน้าเครียดทันที
จำปีกับลำจวนมองลุ้นๆ

บนเรือน ป้าเงินนั่งสงบ อีกทางหนี่ง พวงจันทร์โมโห โวยวายด้วยความโกรธ
"อะไรกัน ยกแม่นากให้คนอื่นไปแล้ว ไหนว่าจะยกแม่นากให้ลูกชายฉัน วันนี้กลับบอกว่ายกให้ไม่ได้ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไวแท้ หัวสองสีแล้วนะ พูดอะไรให้มันมีหลักมีเกณฑ์บ้าง"
ป้าเงินอึกอัก
"ที่จริงฉันก็อยากจะยกนากให้ลูกชายแม่พวง แต่นากมันไม่ได้สมัครรักใคร่กับลูกชาย แม่พวงจะให้ฉันทำอย่างไร"
" ฉันสู้อุตส่าห์บากหน้ามาด้วยตัวเอง แม่เงินไม่น่าทำแบบนี้กับฉัน เราก็หัวหงอกด้วยกันทั้งคู่ทำไมถึงพูดเชื่อถือไม่ได้"
ป้าเงินชะงักกับคำพูดของพวงจันทร์ เริ่มโกรธเหมือนกัน
"ให้อภัยฉันเถอะแม่พวง ฉันจนใจจริงๆ นากมันรักอยู่กับไอ้มาก เด็กมันรักกันจะให้ฉันทำอย่างไร ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ จะบังคับขืนใจพวกมัน ฉันก็ทำไม่ลงหรอก"
พวงจันทร์ตวาด
"ไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้า ฉันไม่ใช่เด็กอมมือจะได้ไม่รู้ประสา แม่เงินไม่ยกให้ฉันก็ไม่เอา คิดว่าอยากได้นักหรือ ก็แค่ผู้หญิงไร้ค่า ไร้ราคา เหมือนก้อนกรวดก้อนดิน ไหนเลยจะสมน้ำสมเนื้อกับพ่อเพลิงลูกฉัน ... ไปอีจวงขนของกลับ"
พวงจันทร์สะบัดหน้าเดินปึงๆลงเรือนไป ป้าเงินทิ้งตัวนั่ง เอามือกุมขมับจะเป็นลม
จำปี ลำจวนรีบเข้ามาประคอง จำปีรู้งานส่งยาดมให้ป้าเงินคว้าไปสูดแรงๆ ลำจวนพัดทันที
"โอ๊ย กูอยากตาย"
"อย่าเพิ่ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องตายนะป้า" จำปีบอก
"ใช่ ตอนนี้เป็นเรื่องมงคล" ลำจวนบอก
ป้าเงินมองหน้าสองคนแล้วค้อน สองสาวแอบยิ้มคิกคัก

เรือนไม้เก่าๆใกล้ท่าน้ำ มากและมั่นช่วยกันซ่อมเรือน นากเช็ดถูเรือนอย่างสุขใจ ส่วนทุ้ย โพล้ง เค้ง ขนข้าวของมากันมากมายทั้งของใช้ของกิน
"พวกข้ามาแล้วจ้า" ทุ้ยบอก
มั่นตะโกนตอบ "ทำไมมาช้ากันนักวะ"
โพล้งตอบ
"มาเร็วก็เหนื่อยเร็วสิไอ้มั่น"
"ไอ้ขี้เกียจ!"
ทุ้ย โพล้ง เค้ง หัวเราะ
เค้งบอก "ที่พวกฉันมาช้าเพราะเตรียมข้าวของเครื่องใช้มาให้ทิดมากกับนากอยู่นะพี่มั่น"
"ขอบใจมากนะพี่ทุ้ย พี่โพล้ง ไอ้เค้ง" มากบอก
ทางหนึ่ง ลำจวน จำปี อุ้มห่อผ้าเข้ามา
นากดีใจ "จำปี ลำจวน"
จำปี ลำจวนเข้ามาหานาก
"ถืออะไรกันมาเยอะแยะ"
"ที่นอนหมอนมุ้งไง ฉันเอามาให้" จำปีบอก
"โถ..ขอบใจจริงๆนะจ๊ะ ที่อุตส่าห์เป็นห่วงฉัน"
ลำจวนมองหน้าจำปี
"พวกเราต้องรีบกลับก่อนนะ ประเดี๋ยวป้าเงินจะดุเอา"
นากมองข้าวของในมือแล้วยิ้มเศร้า พยักหน้า จำปีกับลำจวนมองนากอย่างเห็นใจแล้วไป
นากมองของในมือแล้วมองรอบๆบ้าน รู้สึกหวั่นใจกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่

เวลาต่อมา พวงจันทร์เดินหน้าบึ้งขึ้นเรือนมา เพลิง และพิมรีบเข้ามาหาพวงจันทร์ เพลิงมองหานาก
"นากล่ะแม่ ไหนนังพิมมันบอกว่าแม่ไปขอนากให้ฉันไง ทำไมไม่เห็นนากมาด้วย"
พิมประชด
"นั่นสิแม่ ไหนละพี่สะใภ้ฉัน แม่ห่อใบตองซ่อนไว้ในตะกร้าไหนเนี่ย"
พวงจันทร์ค้อนลูกสาว
"ที่เอ็งพูดนั่นน่ะใช้ปากหรือเปล่า นังพิม หนอย ประชดประชันข้าเหลือเกินนะ"
พิมยิ้มทำหน้าทะเล้นใส่
"ก็ฉันเห็นแม่ทำง่ายดายเหมือนไปซื้อพริกซื้อเกลือ คิดว่า ทางโน้นเขาคงห่อใส่ใบตองมาให้กระมัง"
พวงจันทร์เงื้อมะเหงก พิมหลบแว๊บ
"ไหนล่ะ แม่นากของฉัน ได้เรื่องว่ายังไงแม่" เพลิงถาม
พวงจันทร์อึกอักแล้วรีบพูดปลอบเพลิง
"คืออย่างนี้นะพ่อเพลิง แม่ว่าอย่าไปสนใจอะไรกับนังนากมันเลย คนอย่างพ่อเพลิงต้องได้ผู้หญิงที่ดีกว่านี้ เชื่อแม่สิ"
เพลิงโวยวาย
"ไม่!! ฉันไม่เอาใครทั้งนั้นนอกจากแม่นาก"
พวงจันทร์หงุดหงิด
"แล้วเอ็งจะให้แม่ทำยังไงล่ะพ่อเพลิง ทางโน้นเค้ายกนังนากให้คนอื่นไปแล้ว"
เพลิงตกใจ "อะไรนะ"
เพลิงมองแม่ พวงจันทร์ถอนใจเฮือกใหญ่

จำปี ลำจวนกลับมาที่เรือน
"เอ็งสองคนหายหัวกันไปทั้งวันเลยนะ" ป้าเงินโวย
จำปีกับลำจวนมองหน้ากัน ลำจวนพยักหน้า
"ฉันไปเอาหมอนมุ้งไปให้นากมันน่ะจ๊ะป้า"
ป้าเงินชะงักแล้วนิ่ง ทำทีเป็นไม่สนใจ ลำจวนเสนอหน้า
"นากมันดูมีความสุขมากเชียวล่ะป้า แหมฉันเห็นแบบนี้แล้วอยากออกเรือนบ้าง"
"เชอะ อย่างเอ็งสองคนน่ะรึจะออกเรือน"
"อ้าว....ทำไมล่ะป้า ฉันยังสาวยังสวยอยู่นะ ไม่ได้เหี่ยวไม่ได้แห้งเหมือน..." ลำจวนไม่พูดต่อ แต่มองป้าเงิน
ป้าเงินคว้าของจะขว้าง ลำจวนรีบหลบ
"นังพวกนี้ ลามเป็นขี้กลากเชียวนะ ไปตั้งสำหรับกับข้าวให้ข้าเร็วเชียว ข้าหิวแล้ว"
สองคนรับคำ"จ๊ะป้า"
สองสาวหัวเราะกันคิกคัก แล้วไป
ป้าเงินมองตาม แล้วเปลี่ยนหน้าเป็นเศร้า
"ประเดี๋ยวเอ็งก็จะได้รู้ว่า ความรักน่ะ มันไม่ใช่สุขอย่างเดียวหรอก นากเอ๊ย"

ระเบียงหน้าเรือน มากโอบกอดนากจากด้านหลังแหงนมองดูจันทร์ด้วยกัน
"นี่พี่ไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ยนาก"
"ไม่ได้ฝันไปหรอกจ๊ะ"
"พี่หวังว่าจะได้กอดเอ็งแบบนี้มานานแล้วนากเอ๊ย"
"ต่อไปฉันจะให้พี่กอดฉันทุกคืน"
มากหอมที่ผมของนาก นากหันกลับมามองหน้ามาก
นากยิ้มมีความสุข
"ชีวิตฉันฝากไว้กับพี่มากคนเดียว"
"หากยังมีลมหายใจอยู่ พี่จะรักนากไม่มีเสื่อมคลาย"
นากยิ้ม
"ถึงแม้ฉันจะสิ้นลมหายใจ ฉันก็จะรักพี่มากไม่เสื่อมคลายเช่นกันจ๊ะ"
มากบรรจงจูบที่หน้าผากของนาก

กลางคืนต่อเนื่องมา พวงจันทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องเพลิงเห็นลูกชายเมานอนกลิ้งอยู่กับพื้น พวงจันทร์มองไหเหล้าที่เกลื่อนห้อง พวงจันทร์ส่ายหน้า เข้าไปลูบหัวเพลิง
"เพลิง พ่อเพลิงลูกแม่ เป็นยังไงบ้างลูก"
เพลิงลืมตาปรือๆขึ้นมา "แม่"
"ทำไมถึงได้เมามายมาแบบนี้ล่ะลูก"
เพลิงเมาโวยวาย
"แม่ไม่ต้องมาพูดเลย แม่ทำฉันผิดหวัง ฉันเสียใจแม่ทำฉันเสียใจ"
"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะพ่อเพลิง แม่ก็อยากให้พ่อเพลิงสมหวัง แต่อีพวกนั้นน่ะสิมันมีตาแต่ไม่มีแวว มีพลอยมาให้คว้าดันไปคว้าก้อนกรวดก้อนดิน อย่าไปสนใจมันเลยลูก" พวงจันทร์เกลี้ยกล่อม " เอาอย่างนี้สิพ่อเพลิง บ่าวไพร่ในเรือนพ่อเพลิงพอใจคนไหนแม่จะจัดหาให้"
เพลิงโวยวาย
"ไม่เอา ฉันไม่พอใจใครทั้งนั้น ฉันรักแม่นาก แม่ต้องไปเอาตัวแม่นากมาให้ฉัน"
เพลิงเมาโวยวายแล้วก็ผล็อยหลับไป พวงจันทร์รู้สึกแค้นใจ
"เป็นเพราะเอ็งคนเดียวนังนากที่ทำให้ลูกข้าต้องเสียใจแบบนี้"

พวงจันทร์โกรธ
 
อ่านต่อหน้า 2

แม่นาก ตอนที่ 3 (ต่อ)

เช้าวันใหม่ที่เรือนของนาก มั่น ทุ้ย โพล้ง เค้ง มายืนเรียกมากอยู่ที่หน้าเรือน

"ไอ้มาก"
ทุ้ย โพล้ง เค้ง ช่วยกันเรียก “ไอ้มาก”
มากผูกผ้าขาวม้าที่เอวเดินออกมาจากเรือน
"พวกพี่มาทำเสียงดังอะไรที่หน้าเรือนข้าแต่เช้าเลยวะ"
เค้งบอก
"แหมพี่....เมื่อก่อนฉันเห็นพี่ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ เข้าหอวันแรกตื่นซะสายเชียวนะ"
"ตั้งกะมีเมียนี่ต้องให้มาตามนะไอ้มาก" ทุ้ยบอก
โพล้งพูดกับเค้ง
"เอ็งไม่รู้อะไร เข้าหอวันแรกมีเรื่องให้ต้องทำเยอะ จริงมั๊ยไอ้มาก"
มั่นและพวกหัวเราะ
"พวกพี่นี่ไม่มีอะไรจะทำหรือไงถึงได้มาพูดล้อฉันเล่นแบบนี้ ประเดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวฉันจะฟ้องเมียฉัน"
นากออกมาจากเรือนในมือมีห่อข้าวเตรียมไว้หลายห่อ
"พี่มากกับพวกนินทาอะไรฉันจ๊ะ"
"เปล่าจ๊ะ ไอ้พวกนี้มันล้อพี่"
"ดูท่าฉันว่าไอ้มากคงไม่อยากไปนาแล้วมั้ง ดูท่าคงอยากจะเฝ้าอยู่แต่เรือน" มั่นว่า
"แบบนี้ใช่มั๊ยวะที่เค้าเรียกว่าข้าวใหม่ปลามัน" ทุ้ยแซว
นากเขินรีบพูดปัด
"อย่ามัวแต่พูดกันอยู่เลย จะสายแล้วรีบไปกันเถอะจ๊ะ ... พี่มากฉันห่อข้าวไว้ให้พี่ไปกินที่นาจ๊ะ"
โพล้งแซว
"น่าอิจฉาจริงๆ รู้นี้ฉันรีบหาเมียบ้างดีกว่าจะได้มีคนเตรียมข้าวเตรียมปลาไว้ให้กิน"
"หน้าอย่างกับปลากะโห้อย่างพี่ผู้หญิงที่ไหนจะแลพี่โพล้ง" เค้งว่า
โพล้งคอตก
"ข้าหน้าตาแย่ขนาดนั้นเชียวหรือวะ โธ่ เข้าใจผิดมาตลอดว่าข้าหน้าเหมือนปลาดุก ไม่น่าเล๊ย"
ทุกคนโพล่ง "ปลาดุกเนี่ยนะ หล่อ"
ทุกคนขำ มากหันไปกอดแม่นากแล้วยิ้ม
"พี่ไปนาก่อนนะนาก"
"จ๊ะพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก" นากบอกกับทุกคน "ฉันห่อข้าวเตรียมไว้ให้ทุกคนแล้วจ๊ะ"
นากเอาห่อข้าวทั้งหมดให้มากๆยิ้มรับไว้แล้วเดินลงบันได้เรือนมาเสียงบันได้เอี๊ยดอ๊าดมากก้มมองที่บันได
" ไว้พี่จะรีบกลับมาซ่อมบันไดเรือนให้นะนาก"
"จ๊ะพี่มาก รีบไปเถอะสายมากแล้ว"
มากเดินลงเรือนไป

ที่เรือนหลังใหญ่ของคุณหลวงณรงค์ ขุนเพชรนั่งพินอบพิเทาคุยอยู่กับคุณหลวง
"คุณหลวงมีอะไรจะเรียกใช้กระผมหรือขอรับ"
"เรื่องคัดทหารให้ทางการน่ะ"
ชมนาดในชุดสวยเดินเข้ามาหาคุณหลวง ข้างกายชมนาดมีบ่าวไพร่คอยเดินตามมาด้วย คนรับใช้ถือโถใส่ขนมจันอับ
"มีอะไรรึชมนาด" คุณหลวงณรงค์ถาม
"คุณเท้าเยื้อน ให้คนเอาโถลายครามจากเมืองกังไสมาให้คุณพ่อเจ้าค่ะ"
ชมนาดรับโถจากคนรับใช้แล้วส่งให้ คุณหลวงพนมมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วรับโถมาวางไว้ในที่สูง ชมนาดเห็นขุนเพชร ก็ยกมือไหว้ ขุนเพชรยิ้มมองชมนาด
"ลูกสาวฉันเอง แม่ชมนาด"
"คุณหนูชมนาดงามสมคำร่ำลือจริงๆ"
ชมนาดยิ้มรับอย่างสง่า แล้วเดินไป ขุนเพชรและคุณหลวงคุยกันต่อ
"ปีนี้ผู้ชายที่เกิดในปีมะเมีย อายุครบยี่สิบห้าปีจะต้องเป็นทหารรับใช้ทางการ"
ขุนเพชรอึกอัก
"ลูกชายกระผมอายุครบยี่สิบห้าปีเกิดปีมะเมียพอดี จะขอเว้นสักคนได้มั๊ยขอรับคุณหลวง"
"ทำไมล่ะขุนเพชร ไม่อยากให้ลูกชายเป็นทหารรึ"
"กระผมมีลูกชายอยู่คนเดียวอยากจะเก็บไว้ช่วยงานน่ะขอรับ"
"โธ่ เรื่องแค่นี้เอง เราคนกันเองแท้ๆ"
คุณหลวงยิ้ม ขุนเพชรยิ้มโล่งอก

ชมนาดเดินเข้ามาในครัว บ่าวไพร่นั่งทำอาหารคาวหวานกันอยู่
บ่าว1บอก "คุณชมนาดต้องการอะไรหรือเจ้าคะ"
"คุณพ่อมีแขก ทำไมไม่มีใครเอาน้ำท่า หมากพลูไปต้อนรับ"
บ่าวรีบแจ้นไปทันที ชมนาดหันไปมองบ่าวที่เหลือทำงานอยู่ ชมนาดหยิบมะเขือที่วางอยู่ขึ้นมาแล้วส่ายหน้า
"ข้าวต้มเครื่องเสร็จหรือยัง ตั้งสำรับ2 ที่นะ วันนี้คุณพ่อท่านมีแขกอย่าให้สาย คุณพ่อจะเสียงาน"
"เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"
ชมนาดอมยิ้มเดินตรวจตราไปทั่วครัว

ขุนเพชรคุยอยู่กับคุณหลวงณรงค์พร้อมกินข้าวต้มของชมนาดไปด้วย
"แหม ข้าวต้มบ้านท่านขุนนี่ อร่อยล้ำจริงๆนะขอรับ"
"ฝีมือแม่ชมนาดเขาล่ะ ตั้งแต่แม่เขาเสียไปก็ได้แม่ชมนาดนี่แหละดูแลกำกับเรือนได้เรียบร้อยจริงๆ"
"มิน่าเล่า เขาลือกันทั่วหัวตะเข้ว่า ธิดาท่านหลวงณรงค์งามล้ำ สมเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ สมคำล่ำลือ"
"จริงสิ ฉันตรวจสอบแล้วจะมีการตัดถนนเข้าที่ทุ่งพระโขนงแน่นอน"
ขุนเพชรยิ้ม
"แบบนี้ก็ดีสิขอรับ ถนนทุ่งพระโขนงก็จะได้เจริญๆ"
"แล้วเรื่องที่ฉันพูดกับท่านขุนไว้ล่ะ คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว"
"ไม่ต้องห่วงขอรับ กระผมเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว"
คุณหลวงยิ้มพอใจ
"ให้มันได้อย่างนี้สิ ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ"
คุณหลวงกับขุนเพชรมองหน้ากันแล้วยิ้มรู้เชิง

เวลาต่อเนื่องมา ชมนาดนั่งจิบชาฝรั่งอยู่ที่ศาลาในสวน ท่านขุนเดินเข้ามาหา ชมนาดรีบลุกขึ้นพูดกับคุณหลวง
"แขกของคุณพ่อกลับแล้วหรือเจ้าคะ"
"กลับไปแล้วล่ะ ก็ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอก ขุนเพชรน่ะ"
"แล้วขุนเพชรมาคุยธุระอะไรกับคุณพ่อหรือเจ้าคะ"
"เรื่องคัดทหารน่ะไม่มีอะไรใหม่หรอก พ่อว่าจะขอตัวมารับใช้สักคนสองคนดีไหม"
ชมนาดนิ่งคิ
"ลูกว่า อย่าเอาพวกทหารจะดีกว่าเจ้าค่ะ ถ้าข่าวแพร่ออกไปจะกลายเป็นคุณพ่อใช้อำนาจบาดใหญ่ เพื่อประโยชน์ตัวเอง ลูกก็ไม่เห็นควร"
"โธ่ ใครๆเขาก็ทำกัน"
"แต่คุณพ่อของลูก มีเกียรติมากกว่านั้นนี่เจ้าคะ"
คุณหลวงมองหน้า ชื่นชมลูกสาว
"ถ้าไม่อยากให้มีปัญหา เราก็อย่าสร้างมันขึ้นมาจะดีที่สุด จริงไหมเจ้าคะ คุณพ่อ"
"ลูกพ่อ รู้คิดจริงๆ อย่างนั้นก็ตามใจแล้วกัน สมเป็นลูกชาติลูกตระกูล พ่อภูมิใจในตัวแม่ชมนาดจริงๆ"
ชมนาดยิ้มรับหลวงณรงค์ยิ้มปลื้ม

ตอนกลางวัน ป้าเงิน จำปี ลำจวนมาหานากที่เรือน ป้าเงินยืนมองเรือนของนากแล้วหดหู่
"ทำไมเรือนมันซอมซ่อแบบนี้นะนังจำปี ลำจวนข้าเห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน"
"ถ้าป้าหดหู่ใจป้าก็ปลูกเรือนใหม่ให้นากมันสิจ๊ะ"
ป้าเงินปลายตาไปค้อน จำปีเอามือปิดปาก
"คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากนะจ๊ะป้า" ลำจวนบอก
"เออก็จริงของเอ็ง"
นากเดินออกมาจากเรือนเจอกับป้าเงิน จำปี และ ลำจวน นากดีใจ
"ป้าเงิน"
นากรีบลงจากเรือนมาหาป้าเงิน

เวลาถัดมา เพลิงถีบประตูห้องออกมา พิม พวงจันทร์นั่งอยู่ที่หน้าเรือนตกใจ
"เป็นอะไรอีกล่ะพี่เพลิง วันๆดีแต่โวยวาย น่ารำคาญ"
เพลิงโวยวาย
"เอ็งไม่ต้องมายุ่งกะข้า นังพิม"
"พ่อเพลิงใจเย็นก่อนสิ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้"
"ต่อไปฉันจะไม่เชื่อแม่อีกแล้ว" เพลิงตะโกน "ไอ้หมึก ไอ้เก่ง มุดหัวอยู่ไหนวะ"
"ไอ้สองตัวนั้นมันไม่อยู่หรอก แม่ให้มันไปทำธุระให้"
เพลิงฮึดฮัดจะเดินไป พวงจันทร์เรียกไว้
"จะไปไหนล่ะพ่อเพลิง"
"ฉันจะไปที่พระโขนง ฉันจะไปหานาก"
พวงจันทร์รีบเข้าไปฉุดเพลิงเอาไว้
"ไปไม่ได้นะพ่อเพลิง นังนากมันออกเรือนไปแล้ว พ่อเพลิงจะไปยุ่งกับมันอีกไม่ได้"
"นี่แม่จะมาพูดให้ฉันเจ็บใจอีกทำไม"
"ยอมรับความจริงเถอะพี่เพลิง คนอย่างพี่มันไม่มีใครเอา"
เพลิงง้างมือจะตบพิม
"นังพิม"
พวงจันทร์รีบห้าม "หยุดนะพ่อเพลิง"
เพลิงชะงัก โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ เพลิงเดินเตะข้าวของแล้วเดินไป
"ขนาดนี้แล้วแม่ยังจะเข้าข้างพี่เพลิงอีกหรือ"
"หุบปากเดี๋ยวนี้ เอ็งน่ะปากตำแยจริงๆ"
พิมเบะปาก พวงจันทร์มองตามเพลิงอย่างวิตก

ตอนเย็น มากกลับขึ้นเรือนมา นากรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมถือขันน้ำดื่มมาให้ มากยกขึ้นดื่ม
"เหนื่อยมั๊ยจ๊ะพี่มาก"
"แค่พี่ได้เห็นหน้าของนาก พี่ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ"
"พี่มากกลับมาเหนื่อยๆไปนั่งพักก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวจะได้มากินข้าวกัน"
"ยังหรอก พี่ตั้งใจว่าจะซ่อมหลังคาก่อน นากมีอะไรก็ไปทำเถอะ"
นากยิ้มแล้วเดินไป

นากนั่งตำน้ำพริก และทำอาหาร มากนั่งเย็บตับจาก สำหรับมุงหลังคาบ้าน
นากตักน้ำพริก ตักอาหารใส่ถ้วย เตรียมจัดสำรับ
มากปีนขึ้นไปมุงหลังคา นากส่งตับจากให้ สองคนยิ้มให้กัน

มากยืนมองที่หน้าเรือน นากเดินออกมาจากเรือนมายืนเคียงคู่กัน
"เป็นยังไงบ้าง เรือนของเรา"
" จ๊ะ เรือนของเรา"
มากกอดนากแล้วฉกหอมแก้ม นากเขิน
"พี่มากก็ บ้าจริงเชียว กลางวันแสกๆ อายคนเขาบ้างสิ"
"อายทำไม เขาจะได้รู้กันให้ทั่วว่าพี่รักเมียของพี่" มากตะโกน "ข้ารักแม่นาก เมียข้าที่สุด"
นากเขินหยิกมากพัลวัน
"ไม่เอาแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะจ๊ะพี่"
มากแอบฉกหอมนากอีกที นากตีแขนมากเขิน

ภายในเรือน ขุนเพชรนั่งคุยอยู่กับพวงจันทร์และพิม
"หลวงณรงค์บอกข้าว่าทางการกำลังจะเรียกคนเข้าเกณฑ์ทหาร"
พวงจันทร์ตกใจ
"ไม่ได้นะเจ้าค่ะ จะให้พ่อเพลิงเป็นทหารไม่ได้เด็ดขาดฉันไม่ยอม"
"โอ๊ย ไม่ต้องตะโกนหรอก"
"ไม่รู้ละ คุณพี่จะให้พ่อเพลิงไปเป็นทหารไม่ได้เด็ดขาด"
"รู้แล้วล่ะน่า ฉันขอคุณหลวงไว้แล้ว ไอ้เพลิงไม่ต้องไปสักเลขทหาร"
"แบบนี้ดิฉันค่อยโล่งใจหน่อย"
"แม่พวงเคยไปที่พระโขนง แม่พวงพอจะเห็นใครที่พระโขนงพอที่จะเป็นมือเป็นไม้ให้ฉันได้บ้างมั๊ย"
พวงจันทร์หงุดหงิด
"ไอ้ที่หวังไว้ก็ไม่ได้ตามหวัง ดิฉันยังไม่หายแค้นใจนังนากกับป้ามันเลยนะคุณพี่"
"พอเถอะแม่พวง อย่าพูดถึงเรื่องนี้ให้ฉันต้องโมโหอีก ช่วยฉันคิดดีกว่าว่าจะหาใครที่พระโขนงมาช่วยเรา"
พิมรีบพูด
"พ่อก็ไปหาพ่อใหญ่สิจ๊ะ เค้าน่าจะช่วยพ่อได้"
"เออจริงสิข้าลืมไปเสียสนิท แหมนี่ถ้าเอ็งเกิดมาเป็นผู้ชายคงจะดี คงช่วยงานพ่อได้เยอะทีเดียว"
"ถึงฉันเป็นหญิงฉันก็ช่วยงานพ่อได้ไม่แพ้ผู้ชายหรอกนะพ่อ" พิมประชด "ใจจริงฉันอยากจะไปเป็นทหารแทนพี่เพลิงด้วยซ้ำ" พิมแอบเหล่มองพวงจันทร์
พวงจันทร์ค้อนขวับ
"เก่งเกินไปแล้วนะนังพิม"
"โธ่ ฉันก็แค่พูดไปตามที่คิด ไหนเลยจะเก่งไปกว่าพี่เพลิงได้เล่า จริงมั๊ยจ๊ะพ่อ"
ขุนเพชรยิ้มพยักหน้า พวงจันทร์แอบหยิกพิมหมับ พิมสะดุ้ง

ที่เรือนของมั่น ตอนเย็น ทุกคนนั่งช่วยกันซ่อมอุปกรณ์หากินเช่น ลับมีด ลับเคียว ซ่อมแหฯลฯ
มั่นนั่งเหม่อ แล้วถอนหายใจ
เค้งถาม
"ถอนหายใจอีกแล้ว ถอนทำไม หรือว่า พี่เสียดายแม่นาก"
"เฮ้ย แม่นากน่ะเมียไอ้มากนะโว๊ย" โพล้งบอก
"จะบ้าหรือวะ ข้าแค่เป็นห่วงว่า สองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็แค่นั้น"
"จะเป็นไร ข้าวใหม่ปลามันน่ะ เค้าทำอะไรกัน ลองนึกภาพดูสิ" ทุ้ยว่า
สามคนทำหน้านิ่งคิด ไปคนละทาง
"พวกเอ็งน่ะมันทะลึ่ง คิดอะไรแบบนั้น" มั่นว่า
"แล้วเอ็งล่ะคิดอะไรไอ้มั่น" ทั้งสามถาม
มั่นเขิน
"ไอ้บ้า ข้าคิดว่า ..เมื่อไหร่ข้าจะได้เจอคนของข้าบ้างก็แค่นั้นเอง"
สามคนร้อง "อ๋อ"
สามคนทำหน้ารู้ทัน มั่นเมินหน้าเขินๆ
"แม่นากเป็นเมียไอ้มากแล้ว ก็เหมือนเป็นน้องสาวของข้า ไม่มีวันที่ข้าจะคิดเป็นอื่นไปได้ พวกเอ็งอย่าห่วงเลย"
มั่นสีหน้าจริงจังมาก
"ข้ารู้ว่าเอ็งรักไอ้มาก ข้าก็แค่เย้าเล่นหรอก"

โพล้งตบบ่ามั่นอย่างเข้าใจ มั่นยิ้มเศร้า

พระจันทร์คืนเพ็ญเต็มดวงสวยมาก มากนอนหนุนตักนากอยู่ที่ชานเรือน

"คืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะพี่มาก"
"ถ้าพี่ได้ชมจันทร์กับนากไม่ว่าคืนไหนๆพระจันทร์ก็สวยสำหรับพี่เสมอ"
"ฉันเป็นเมียพี่แล้วพี่ไม่ต้องมาปากหวานใส่ฉันหรอกจ๊ะพี่มาก"
"พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่พูดตามที่รู้สึก เวลาที่พี่อยู่กับนากเป็นเวลาที่พี่มีความสุขที่สุด"
มากเอามือนากมาหอม นากเขิน
ดวงจันทร์มีเมฆก้อนใหญ่ค่อยๆเคลื่อนมาบัง

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ขุนเพชร กำลังจะเดินออกจากเรือนไปที่ท่าน้ำ พิมเข้ามาเจอพ่อ
"พ่อจะไปไหนเหรอจ๊ะ"
"พ่อจะไปที่พระโขนงสักหน่อย ว่าจะไปคุยกับพ่อใหญ่ถึกเรื่องคัดทหาร"
"ขอฉันไปพระโขนงกับพ่อด้วยคนนะจ๊ะ"
"พ่อจะไปเรื่องงานเรื่องงาน เอ็งจะไปด้วยทำไมกัน"
"ฉันเคยไปที่พระโขนงมาหลายหน ให้ฉันไปด้วยเถอะพ่อเผื่อมีอะไรฉันจะช่วยพ่อได้"
"อะไรของเอ็ง เป็นผู้หญิงอยู่เหย้าเฝ้าเรือนบ้างเถอะ"
ขุนเพชรเดินไป พิมทำหน้าเซ็ง
"เฮ้อ เป็นผู้หญิงเสียเปรียบชะมัด ผู้ชายดีกว่าตรงไหนเนี่ย"

เช้าต่อเนื่อง เรือนพ่อใหญ่ถึกที่บางพระโขนง ขุนเพชรและพิมนั่งอยู่ที่เรือนพ่อใหญ่ถึก
"ท่านหลวงณรงค์ให้ฉันมาส่งข่าวเรื่องเกณฑ์ทหารที่ทุ่งพระโขนง"
พ่อใหญ่ถึกบอก
"แต่ฉันยังไม่ได้รับหมายจากท่านหลวงณรงค์เลยนะท่านขุน"
"หมายคงมาเร็วๆนี้แหละ"
"ไม่มีปัญหาหรอกท่านขุน เดี๋ยวฉันจะป่าวประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ให้ทั่วกัน"
"นอกจากเรื่องนี้แล้วฉันก็มีอีกเรื่องที่อยากจะรบกวน"
"ท่านขุนมีอะไรก็บอกฉันมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ"
"ฉันอยากมาดูที่ทางที่ทุ่งพระโขนงสักหน่อย"
ขุนเพชรยิ้มเจ้าเล่ห์

เวลาต่อมา ในครัว เรือนหลวงณรงค์ ชมนาดกำลังทำสำรับชาววังอยู่
"น้ำพริกลงเรือฝีมือคุณชมนาดนี่หอมตลบอบอวลจริงๆเลยนะเจ้าคะ" บ่าวบอก
"คุณพ่อน่ะไม่ใคร่จะกินเผ็ดมากนัก จะทำน้ำพริกอื่นก็จะรสเข้มเกินไป น้ำพริกลงเรือนี่แหละทำทีไรคุณพ่อจะรับข้าวได้มากเป็นพิเศษ"
ชมนาดเดินไปดูบ่าวไพร่ที่นั่งร้อยดอกไม้กันอยู่ ชมนาดหยิบขึ้นมาดู
ชมนาดบอก
"ดอกมะลิคราวหน้าคัดให้ดอกเสมอกันนะ ระวัง อย่าให้อ่อนเกิน ประเดี๋ยวโดนลมแล้วจะเหม็นเขียว ร้อยเสร็จแล้วก็เอาไปแขวนที่หน้าต่างให้เรียบร้อยนะ"
ชมนาดเดินไปอีกทาง บ่าวกำลังก้มหน้าคัดเม็ดบัว
"เอามีดเล็กแกะกลางสีเขียวออกให้หมดนะ เดี๋ยวฉันจะทำเม็ดบัวรางน้ำตาลเข้าไปกำนัลคุณเท้าเอียด คราวหน้าถ้าติดขมจะเสียชื่อ"
บ่าวเดินเข้ามาตามชมนาด
"คุณชมนาดเจ้าคะ คุณหลวงให้คนมาเรียนว่า วันนี้จะไม่กลับมารับข้าวเย็นเจ้าค่ะ อาจจะกลับถึงเรือนดึก ท่านบอกว่าคุณชมนาดไม่ต้องรอ"
ชมนาดพยักหน้าแล้วสั่งบ่าว
"วันนี้ไม่ต้องตั้งสำรับ เดี๋ยวเอ็งไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบด้วย"
ชมนาดเดินไป บ่าวรีบไปจัดคนโฑน้ำตามไป

เรือนคุณหลวงในเวลากลางคืน ณ ห้องนอนของชมนาดๆ เธอนั่งหวีผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บ่าวของชมนาดนั่งยิ้มมอง
"คุณชมนาดนี่งามอย่างกับนางฟ้าเชียวนะคะ"
ชมนาดยิ้ม "เอ็งรู้รึว่านางฟ้างามเพียงใดเอ็งถึงเอาข้าไปเปรียบ"
"ก็ไม่เคยเห็นหรอกเจ้าค่ะ แต่คุณชมนาดงามเกินหญิงใดๆ บ่าวก็เลยเปรียบว่า คุณชมนาดงามเหมือนนางฟ้า"
"เอ็งพูดแบบนี้ข้าคงต้องหาของเป็นรางวัลให้อีกล่ะสิ"
"นี่บ่าวพูดจากใจนะเจ้าคะ"
"พอๆๆ อย่ามาสอพลอให้ข้าลอยเลย"
ชมนาดมองตัวเองในกระจกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

เช้าวันใหม่ มากกลับมาที่เรือน ในมือถือปลากลับมาด้วย นากตำน้ำพริกอยู่ก็หยุดมือเข้ามาหามาก
"นากทำอะไรอยู่จ๊ะ"
"ฉันกำลังทำกับข้าวไว้รอพี่อยู่พอดี"
นากกำลังจะเดินไป มากเอาปลาที่ถือมาส่งให้นาก
"พี่ไปธงเบ็ดมา พี่เอาปลามาฝากจ๊ะ"
นากเห็นปลา ก็พะอืดผะอมขึ้นมาทันที นากรีบวิ่งไปนอกชาน นากอาเจียน มากเห็นก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู ในมือยังถือปลาไว้อยู่
"นาก....นากเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า"
นากเห็นปลาก็ยิ่งรู้สึกเหม็น ยิ่งอาเจียนหนัก
มากตกใจ "นาก"
"พี่มากเอาปลาออกไปทีเหม็นคาวเหลือเกิน"
"จ๊ะๆๆ"
มากรีบโยนปลาทิ้งไปไกลๆ มากรีบลูบหลังช่วยนาก

ต่อมา มากพยุงนากมานั่ง มากเอาน้ำให้นากดื่ม
"ไม่สบายทำไมไม่บอกพี่ล่ะนาก"
"ฉันไมได้เป็นอะไรหรอกจ๊ะพี่"
"อย่างนี้ยังจะบอกไม่เป็นอะไรอีกเหรอ"
นากอมยิ้ม
"ผู้หญิงออกเรือนแล้วเค้าก็เป็นกันทั้งนั้นแหละพี่มาก"
มากยังคงไม่เข้าใจ
"แพ้ปลารึนาก"
นากยิ้มส่ายหน้า
" ไม่ใช่หรอกจ๊ะพี่มาก" นากกระซิบข้างหูมากแล้วเขิน
มากพยักหน้า "แพ้ท้อ" พอมากนึกได้ก็ตกใจ "อะไรนะ!! นากแพ้ท้องเหรอจ๊ะ"
นากพยักหน้ายิ้มอาย
มากดีใจ
"จริงเหรอนาก พี่จะได้เป็นพ่อคน"
นากยิ้มพยักหน้ามากร้องไชโย
มากตะโกนดีใจ
"ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้วโว้ย"
มากกอดนากอุ้มขึ้นตัวลอย แล้วมากตกใจกลัวอุ้มแรงเกินไป นากหัวเราะอย่างมีความสุข

มั่นนั่งกินข้าวอยู่กับเพล้ง โค้ง ทุ้ยที่บ้าน มากยิ้มวิ่งหน้าตั้งมาแต่ไกลด้วยความดีใจ
"พี่มั่น พี่โพล้ง พี่ทุ้ย ไอ้เค้ง ฉันกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วโว้ย"
ทุกคนตกใจพูดร้องกัน “อะไรนะ”
"ฉันกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว นากเมียข้าท้องแล้วโว้ย"
"แล้วป้าเงินแกรู้แล้วหรือยัง" มั่นถาม
"ยัง!! ฉันกำลังจะไปบอกอยู่พอดี พวกพี่ช่วยไปบอกชาวบ้านให้ฉันที"
"ได้ไอ้มาก เดี๋ยวข้าจะรีบไปบอกทุกคนให้รู้ว่านากเมียเอ็งท้องแล้ว" โพล้งบอก
"เออขอบใจมาก"
เค้งกระซิบถามโพล้ง
"เฮ้ย เรื่องนี้ต้องบอกทุกคนให้รู้ด้วยเหรอ"
"ก็ต้องบอกสิวะข่าวดีของไอ้มากเค้า"
อีกทางหนึ่ง ทุ้ยวิ่งพรวดพราดเข้ามากลางวง แล้วล้มลง
"อะไรของพี่ พี่ทุ้ย ควายไล่ขวิดหรือไง"
"คนเขากำลังดีใจ เอ็งก็ผ่าเข้ามาซะอย่างนั้น" โพล้งว่า
"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
"เรื่องอะไร" มากถาม
"พี่ใหญ่ถึกเรียกประชุมจ๊ะ" ทุ้ยบอก
ทุกคนมองหน้ากัน
"พ่อใหญ่ถึกเรียกประชุมลูกบ้านหรือ มันเรื่องอะไรกันแน่" มากว่า

ต่อมา ชาวบ้านทยอยเดินกันเข้ามาที่หน้าเรือนพ่อใหญ่ถึก มาก มั่นและพวกก็เดินกันเข้ามาด้วย
ผู้ใหญ่ถึกพูดกับชาวบ้าน
"ที่เรียกทุกคนมาวันนี้ ฉันมีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนรู้"
ชาวบ้านทุกคนหันมาคุยกันเสียงดังไปหมด
"เบาๆเสียงกันก่อน ฉันยังไม่ได้ประกาศเลย"
"มีอะไรก็ว่ามาสิพ่อใหญ่พวกฉันอยากรู้" มั่นบอก
"ท่านหลวงณรงค์มีหนังสือมาถึงข้าให้แจ้งกับทุกคนว่า ชายฉกรรจ์ที่เกิดในปีมะเมียมีอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์จะต้องเข้าเป็นทหาร ใครรู้ตัวว่าเข้าเกณฑ์ก็เตรียมตัวไว้ อีก3 เดือน ถ้าใครหลบเลี่ยงมีโทษจองจำ"
มาก ชะงักหนักใจ

ทุหคนกลับมานั่งคุยกันที่ทุ่งนา
"จะทำไงล่ะไอ้มาก" โพล้งว่า
เค้งบอก
"พี่มากเกิดปีมะเมีย ปีนี้ก็ครบยี่สิบห้าปีพอดี เข้าเกณฑ์เชียวล่ะ"
"หนีทหารเลยดีมั๊ย" ทุ้ยว่า
โพล้ง ตีหัวทุ้ยๆร้องโอ๊ย!!
"เอ็งมาตีหัวข้าทำไม"
"ก็เอ็งน่ะพูดไม่คิดหนีทหารติดคุกเชียวนะไอ้ทุ้ย"
"ทำยังไงดีล่ะไอ้มาก"
มากถอนใจ
"จะทำอะไรได้ ฉันก็ต้องไปเป็นทหารตามคำสั่งทางการ"
มั่นบอก
"นี่ถ้านากมันรู้มันคงไม่อยากให้เอ็งไป"
"ฉันเองก็เป็นห่วงนาก ถ้าฉันไปเป็นทหารนากมันจะอยู่กับใคร"
ทุกคนมองหน้ากัน มากหนักใจ

ยามค่ำคืนที่เรือนของมาก มากนอนหนุนตักนาก เอามือจับท้องนาก
"พี่จะตั้งชื่อให้ลูกเราว่าอะไรดีนะนาก"
"ชื่ออะไรก็ได้จ๊ะ แล้วแต่พี่มากก็แล้วกัน"
มากมองขึ้นไปท้องฟ้า ถอนใจ
"พี่มากมีอะไรหนักใจหรือจ๊ะ"
"พี่ต้องเข้าเป็นทหาร"
นากนิ่งเงียบ
"พี่ไม่ไปไม่ได้เหรอจ๊ะ"
"พี่เองก็ไม่อยากจากนากไปแม้แต่วันเดียว แต่เป็นคำสั่งจากทางการถ้าขัดคำสั่งก็คงต้องโทษจองจำ"
มากลุกขึ้นมาจับมือจ้องหน้านาก
"สัญญากับพี่นะนาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนากจะต้องมั่นคงในรักของเรา นากจะต้องรอพี่กลับมา"
"นากสัญญาจ๊ะพี่มาก ไม่ว่านานแค่ไหนนากกับลูกก็จะรอพี่อยู่ที่เรือน"
มากกอดนากไว้แน่น

ทุ่งข้าวเขียวขจี รวงข้าวตั้งท้อง มากชี้ชวนให้นากดูข้าวในนา
รวงข้าวสีเหลืองค้อมลง เคียวเกี่ยวที่รวงข้าว มากเอาข้าวมามัดวางกองไว้ นากที่เริ่มท้องโตเอาไม้คานมาหามฟ่อนข้าวไปเรียงไว้
นากกับมาก ประคองกันเดินตามท้องนากลับบ้าน
ข้าวที่ท้องนา ถูกเกี่ยวจนหมด
มากนั่งกินข้าวกับนาก ที่ข้างกองฟาง มากก้มลงเอาหูแนบที่ท้องของนาก หัวเราะอย่างมีความสุข
มากกับนากประคองกันเดินกลับบ้านพระอาทิตย์กำลังตกดิน

ตอนเย็น จำปีกับลำจวน นั่งซุบซิบกัน
"จะทำยังไงกันดีล่ะ ท้องนากก็โตขึ้นทุกที จะออกวันออกพรุ่งก็ไม่รู้ แล้วนี่ทิดมากก็ต้องไปเป็นทหารอีก ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมา"
"ตะโกนเข้าไป ประเดี๋ยวป้าเงินได้ยินก็เป็นเรื่องหรอก"
สองคนแอบมองป้าเงิน
ป้าเงินนั่งกินหมากเงียบๆ สีหน้าครุ่นคิด พึมพำ
"ข้าบอกแล้ว นากเอ๊ย เวรกรรมของเอ็งจริง จริ๊ง"

มากนอนหลับอยู่ในมุ้ง นากนอนมองมากแล้วน้ำตาไหล
"ฉันเพิ่งได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับพี่ได้ไม่ถึงปีก็ต้องอยู่ห่างกันอีกแล้วหรือนี่"
นากปาดน้ำตาแล้วขยับตัวเข้าไปนอนซบมาก มากรู้สึกตัวจูบที่หน้าผากของนาก
"พี่รักนากนะ"
ทั้งคู่นอนกอดกัน มากลูบท้องนาก

"ไอ้แดงเอ๋ย รอพ่อกลับมานะ"
 
อ่านต่อหน้า 3

แม่นาก ตอนที่ 3 (ต่อ)

เช้าวันใหม่นากตื่นขึ้นมาไม่เจอมาก นากร้องเรียกหา

"พี่มาก.....พี่มาก"
นากรีบลงเรือนไปตามหา
มากหาบน้ำเดินเข้ามา นากเห็นมากก็รีบวิ่งเข้าไปกอด
มากแปลกใจ
"อะไรกันนาก"
"ฉันฝันร้ายจ๊ะ ตื่นมาฉันไม่เห็นพี่มาก ฉันตกใจแทบแย่"
มากกอดนากไว้แล้วเอามือลูบหัว
"ขวัญเอ๊ย...ขวัญมา อย่าคิดมากเลยนากๆคงพะวงมากไปเลยเก็บไปฝัน"
มากเอามือกวักน้ำมาลูบหน้านาก
"ฝันร้ายขอให้กลายเป็นดีนะ พี่แก้เคล็ดให้เอ็งแล้วนาก"
นากยิ้มพยักหน้าพอใจ

ตอนเย็น ป้าเงินนั่งกินข้าวกันอยู่กับจำปี ลำจวน ป้าเงินกินข้าวไม่ค่อยลง
"กับข้าวไม่ถูกปากเหรอจ๊ะ นี่ฉันทำสุดฝีมือเลยนะ" ลำจวนบอก
"ข้ากินไม่ลงหรอก ได้ข่าวว่าไอ้มากมันต้องไปเป็นทหารวันพรุ่งใช่หรือไม่"
สองคนมองหน้ากันไม่กล้าพูด
"ไม่ต้องมาปิดข้า ข้าแก่แต่ไม่ได้โง่นะ บอกมาเดี๋ยวนี้"
"ใช่จ๊ะป้า"
"ป้าอย่าไปทุบไปตีด่านังนากมันเลยนะจ๊ะ ฉันสงสารมัน ท้องโตเต็มทีแล้ว" ลำจวนบอก
"ใครว่า ข้าจะทุบไปตีมัน ข้าไม่ใช่ยักษ์ใช่มารนะ"
ป้าเงินนิ่งคิด สองคนมองป้าเงินแบบสงสัย

เช้าวันใหม่ มากแต่งตัวเตรียมไปเป็นทหาร นากเข้ามาช่วยเก็บสัมภาระ มากเข้ามากอดนากหอมแก้มนาก
"พี่ไม่อยู่นากต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ"
นากยิ้มๆ
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ ฉันจะดูแลตัวเองและลูกให้ดีที่สุด ฉันกับลูกจะรอพี่กลับมา พี่มากเองก็เหมือนกันดูแลตัวเองให้ดีนะจ๊ะ"
เสียงมั่นตะโกนอยู่ที่หน้าเรือนของนาก “มาก......”
"พี่มากออกไปเถอะจ๊ะ"
มากจับมือแม่นากไว้
มากจ้องตา
"พี่ขอชายผ้าสไบนากไว้ได้ไหมจ๊ะ พี่จะเอาไว้ดูต่างหน้านากไงจ๊ะ"
นากมองมากนิ่งน้ำตารื้น ฉีกชายผ้าแถบส่งให้มาก มากรับเอามามัดกับข้อมือไว้ แล้วยกมือให้นากดู
"มันจะไม่ห่างกายพี่เลย พี่สัญญา"
นากโผเข้าซุกในอกมากอีกครั้ง สองคนกอดกัน

เพื่อนฝูงทุกคนอยู่ในเรือเตรียมพายเรือไปส่งมาก มากยืนร่ำลากับนากอยู่ที่ท่าโดยมีมั่นยืนอยู่ห่างๆ
นากยกมือพนม "ฉันขอให้คุณพระคุ้มครองพี่มากให้ปลอดภัยนะจ๊ะ"
มากบอกกับมั่น "ฉันฝากพี่ดูแลนากด้วยนะพี่มั่น อย่าให้ใครมารังแกนากของฉันเด็ดขาด"
"ไม่ต้องห่วงหรอกไอ้มาก ข้าจะดูแลนากให้เอ็งเอง"
"รีบไปเถอะไอ้มากเดี๋ยวจะสาย" ทุ้ยบอก
"พวกฉันสัญญาพวกฉันจะช่วยกันดูแลนากให้เอง" โพล้งว่า
"สบายใจได้ไม่ต้องห่วง" เค้งบอก
มากกอดลานากแล้วก้าวขึ้นเรือ
"รักษาตัวด้วยนะจ๊ะพี่มาก"
"นากก็เหมือนกันรักษาตัวให้ดีด้วย"
นากจับมือกับมากไว้จนเรือค่อยๆห่างออกไปมือสองคนหลุดจากกัน
นากรำพึง
"พี่มากจ๋า....ฉันจะรอพี่ที่ตรงนี้ วันที่พี่กลับมาพี่จะได้เห็นฉันกับลูกนะจ๊ะพี่มาก"
เรือของมากลอยออกไป ทั้งคู่ต่างยืนโบกมือลากัน มั่นยืนมองมากและนาก

โค้งน้ำทุ่งพระโขนง มากนั่งอยู่บนเรือมองเหลียวกลับอย่างอาลัย มองนากจนลับตา โพล้ง เค้ง ทุ้ยช่วยกันพายเรือ
โพล้งบอก "อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิไอ้มาก"
"พวกข้าเห็นแล้วไม่สบายใจ" เค้งบอก
" ฉันเป็นห่วงนากกำลังท้องกำลังไส้ต้องอยู่เรือนเพียงลำพัง"
"ไม่ต้องห่วงหรอกไอ้มาก มีไอ้มั่นกับพวกข้าอยู่ทางนี้ แม่นากเมียเอ็งไม่เป็นอะไรหรอก" โพล้งว่า
ทุ้ยบอก
"พวกข้าจะหมั่นเทียวกันไปดูที่เรือนแม่นากให้ ขาดเหลืออะไรพวกข้าจะหาไปให้ เอ็งวางใจเถอะ"
"แค่ปีเดียวไม่นานหรอก ถ้าไม่ตายจากกันไปก่อนคงได้กลับมาเจอหน้าลูกเมียนะพี่"
โพล้งรีบเอาไม้พายเคาะหัวเค้ง
"ไอ้ปากเสีย!! คนเดินทางไกลพูดเรื่องตาย ปากไม่เป็นมงคลจริงๆเลยเอ็งนี่"
เค้งนึกได้
"ฉันขอโทษจ๊ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูด ฉันเผลอปากไปน่ะ ทิดมาก"
โพล้ง เค้ง รีบพายเรือกันไป มากเศร้ามองไปที่ด้านหลัง

มั่นเดินมาส่งนากที่เรือน นากยืนหน้าเศร้า
"ไม่ต้องห่วงนะนาก พี่มากไปเป็นทหารแค่ปีเดียวก็กลับมาแล้ว แต่เดี๋ยวพอเอ็งคลอดลูกก็ไม่เหงาแล้วล่ะ"
นากยิ้มเศร้าๆเอามือลูบท้อง พูดกับลูก
"อยู่กับแม่รอพ่อเอ็งกลับมานะลูก"
"เอ็งขึ้นเรือนไปพักเถอะนาก มีอะไรให้ข้าช่วยเหลือขอให้บอก เราเป็นญาติพี่น้องกันแล้ว ไม่ใช่คนอื่นคนไกล"
"ขอบใจมากนะจ๊ะพี่มั่น"
นากค่อยๆเดินขึ้นเรือนไป มั่นมองตามแล้วถอนหายใจยิ้มเศร้า

นากขึ้นมานั่งบนเรือน ถอนหายใจยาว คุยกับลูกในท้อง
"ลูกจ๋า แม่คิดถึงพ่อเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน"
อีกทางหนึ่ง จำปีกับลำจวนขึ้นเรือนมามองเห็นนากเศร้า สองคนถอนหายใจ จำปีกับลำจวน รีบแต่งสีหน้าให้ร่าเริง
"นาก ฉันมีข่าวดีจะมากบอก"
นากปาดน้ำตา
"อะไรหรือจ๊ะ มากันเงียบๆไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะ"
ลำจวนบอก
"ป้าเงินบอกให้ฉันสองคนมาชวนนากกลับไปอยู่ที่เรือน จะได้มีคนช่วยดูแลไงล่ะ ท้องโตแบบนี้ อยู่คนเดียวจะลำบากนะ"
"นั่นสิ กลับไปอยู่เรือนป้าเงินชั่วคราวเถอะ รอทิดมากกลับมาค่อยย้ายมาอยู่ที่นี่ดีมั๊ย"
นากนิ่งคิดแล้วถอนหายใจ
"ฝากขอบใจป้าเงินด้วยนะ จำปี ลำจวน แต่ฉันคงไปอยู่ที่เรือนป้าเงินไม่ได้หรอก"
ลำจวนถาม "ทำไมล่ะนาก"
นากถอนใจ
"ฉันไม่อยากปล่อยเรือนให้ร้าง ฉันอยากอยู่ดูแลเรือนรอพี่มากกลับมา และฉันก็ไม่อยากเป็นภาระให้ป้าเงินแกด้วย"
"ภาระอะไรกัน ป้าเงินแกเต็มใจแกสั่งให้ฉันกับลำจวนมาชวนนากไปอยู่กับแกเองนะ ไม่ใช่ว่าฉันสองคนพูดเองเออเองซะเมื่อไหร่" จำปีบอก
"ฉันอยู่ได้จริงๆไม่ต้องห่วงฉันหรอก" นากเอามือจับท้อ " ฉันมีลูกอยู่เป็นเพื่อนแล้ว"
จำปี ลำจวนมองหน้ากันพูดไม่ออก

เวลาต่อมา ป้าเงินนั่งจ้องหน้าจำปี ลำจวน ป้าเงินตบเข่าฉาด
"ไหมล่ะ!! ข้าว่าแล้วเชียว นังนากนี่มันดื้อจริงๆ"
"นากมันห่วงเรือนมันน่ะป้า" ลำจวนบอก
"สมบัติอะไรก็ไม่มีติดเรือนไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักกันหนา ฉันล่ะไม่เข้าใจนากมันเลยจริงๆนะป้า" จำปีบอก
"เอ็งสองคนยังไม่มีผัว เอ็งสองคนไม่เข้าใจหรอกโว้ย"
จำปีพูดสวน
"แล้วป้ามีผัวแล้วหรือจ๊ะถึงได้เข้าใจ"
ป้าเงินจะยกเท้า จำปีรีบจับ
"ใจเย็นจ๊ะป้า"
จำปีวางขาป้าเงินไว้ที่พื้นกดไว้แน่น ป้าเงินค้อน

ทุ้ย โพล้ง เค้ง พายเรือมาส่งมากที่ท่าน้ำเรือนหลวงณรงค์ เรือเทียบท่า มากก้าวจากเรือขึ้นไปบนท่า
โพล้งบอก
"โชคดีนะไอ้มาก"
"ขอบใจพวกพี่นะที่ช่วยพายเรือมาส่งฉัน"
"พี่มากรีบเข้าไปรายงานตัวเถอะ เดี๋ยวรายงานตัวช้าจะมีโทษ" เค้งบอก
"พวกพี่พายเรือกลับกันดีๆล่ะ"
ทุ้ยบอก
"พวกฉันจะรอทิดมากกลับมาที่พระโขนงนะ ฉันขอให้ทิดมากปลอดภัย"
มากพยักหน้า ทุ้ย โพล้ง เค้งพายเรือหันหัวกลับ มากยืนรอส่งจนเรือพายห่างออกไป

ต่อมา นากนั่งหลบฝนและลมอยู่ในเรือน ฟ้าแลบมีสายฟ้าผ่าลงมาจากฟ้า เสียงฟ้าร้องเปรี้ยง
นากตกใจ เอามืออุดหูหลับตา ฟ้าผ่าเปรี้ยง ไปที่ยอดไม้ไกลๆ ฝนเริ่มโปรยปราย
หน้าต่างอีกบาน ลมตีหน้าต่างปิดดังปัง นากรีบลุกขึ้นไปจะเดินไปปิดหน้าต่างบานที่เหลือนากเอื้อมมือไปดึงหน้าต่างแล้วนากก็เจ็บท้องจี๊ด นากฝืนเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างจนได้ แล้วนากก็ทรุดตัวลงกับพื้น นากเจ็บท้อง เอามือจับท้องไว้ พูดกับลูก
"อย่าแกล้งแม่สิลูก ตอนนี้พ่อมากของลูกไม่อยู่ลูกต้องไม่ดื้อกับแม่นะลูก"
นากมองออกไปที่หน้าเรือน ฟ้าสงบแต่ฝนยังคงตกอยู่ นากค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูมองสายฝน พูดพึมพำ
"พี่มากๆรีบกลับมาหานากกับลูกนะจ๊ะ"
นากเอามือจับท้อง ร้องเพลงกล่อมลูกแสนเศร้า,วังเวงและรันทด
"โอละเห่เอ๊ย...."

ที่โรงนอนของทหารภายในเรือนหลวงณรงค์ เวลากลางคืน ทุกคนนอนหมดแล้ว เหลือแต่มากที่ยังนอนไม่หลับ พลิกตัวกระสับกระส่ายมากเอาผ้าของนากขึ้นมามอง
ช่วง เพื่อนทหารมองมากแล้วยิ้ม
"เพิ่งมีเมียใช่มั๊ย"
มากหันมายิ้มให้ช่วง ช่วงยกมือให้ มีชายสไปผูกไว้เหมือนกัน
" ข้าก็เหมือนกัน เมียข้าเพิ่งท้องได้2 เดือน"
"ข้าชื่อมาก แต่เมียข้าท้อง 5 เดือนแล้ว"
"ข้าหวังจะได้กลับบ้านไปพบหน้าลูกกับเมีย"
"ข้าก็คิดอย่างนั้น"
สองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม
"นอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางอีกไกล"
มากพยักหน้าแล้วยิ้มให้กัน มากมองชายผ้าของนากนิ่งนาน

มากพึมพำ "นากจ๋า พี่คิดถึงนากเหลือเกิน"
ส่วนนากรำพึง "นากกับลูกจะตั้งตารอพี่มากกลับมากนะจ๊ะ"
แม้ว่าทั้งสองคนจะนอนกันคนละสถานที่ แต่ความโหยหานั้น ทำให้ทั้งคู่เหมือนนอนอยู่ใกล้เคียงกัน เหมือนสบตากันอยู่

เช้าวันใหม่ ณ เรือนขุนเพชร พวงจันทร์ไขกุญแจที่คล้องโซ่ที่หน้าประตูออก จวงถือถาดอาหารคุกเข่าอยู่ข้างๆ พวงจันทร์เปิดประตูเข้าไปในห้อง จวงตามเข้าไปวางถาดอาหาร
เพลิงนั่งหน้าหงิกอยู่ในห้อง พอเห็นพวงจันทร์เพลิงก็โวยวายใส่ทันที
"นี่ฉันไม่ใช่นักโทษนะแม่จะได้มาใส่โซ่ตรวนขังฉันไว้แบบนี้"
"อดทนหน่อยเถอะพ่อเพลิง หลวงพ่อที่วัดท่านว่า พ่อเพลิงน่ะมีเคราะห์ พ่อเพลิงอยู่ในห้องสวดมนต์ไหว้พระถือศีลสักเจ็ดวันเจ็ดคืน เคราะห์หนักจะได้เป็นเบา เชื่อแม่นะพ่อเพลิง"
"แม่นี่เชื่ออะไรไม่เข้าเรื่อง นี่ฉันก็อยู่มาวันหนึ่งแล้ว ไม่เอาล่ะฉันจะออกไปข้างนอก อยู่แต่ในห้องอุดอู้จะตายไป"
เพลิงจะเดินไป แต่พวงจันทร์ดึงเอาไว้
"ไม่ได้นะลูก แม่ไม่ให้พ่อเพลิงไปไหนทั้งนั้น สวดมนต์ไหว้พระอยู่ในห้องนี่แหละ"
เพลิงหงุดหงิด
"โธ่แม่"
"ไม่ต้องพูดมากพ่อเพลิง กินข้าวซะ แล้วทำตามที่แม่บอกแ ม่หวังดีกับพ่อเพลิงนะลูก"
เพลิงหงุดหงิดแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ถอนใจ เซ็ง พวงจันทร์เดินออกไปจากห้อง จวงเดินตาม พวงจันทร์ปิดประตูห้องแล้วล๊อกแม่กุญแจ
"ถ้ากูไม่อนุญาต ใครก็ห้ามเปิดปล่อยพ่อเพลิงออกมาเข้าใจไหม"
บ่าวจวงพยักหน้าเข้าใจ

"แม่ทำเพราะหวังดีกับลูกนะพ่อเพลิง"

อีกมุมหนึ่งในห้อง เพลิงโมโหเตะถาดอาหารกระเด็นไป

"โธ่เว้ย!"
ที่พื้นข้าวปลาอาหารกระเด็นเกลื่อนห้อง
"แม่นะแม่ จะมาขังฉันไว้แบบนี้ฉันไม่ยอมหรอก"
เพลิงมองที่หน้าต่าง ยิ้มร้าย

เพลิงกระโดดจากหน้าต่างห้องลงมาที่พื้นสนามหญ้า เจอกับพิมที่ยืนท้าวสะเอวทำหน้ากวน
"พี่เพลิงจะไปไหนเหรอ"
เพลิงโมโห
"เรื่องของข้า ไม่ใช่เรื่องของเอ็งนังพิม"
"อ้าว แม่สั่งฉันให้เฝ้าพี่เพลิงไว้ ถ้าพี่หนีไปฉันก็โดนแม่ด่าล่ะสิ คิดไว้แล้วพี่เพลิงจะต้องโดดหน้าต่างหนีลงมาแน่ๆ ฉันถึงได้มาดักรอ"
"แหม ฉลาดนักนะเอ็งนี่ เออ รู้แล้วก็ดี เงียบๆไว้ก็แล้วกัน"
เพลิงจะวิ่งไป พิมรีบคว้าตัวไว้
"ถ้าพี่ไป ฉันจะฟ้องพ่อ ดีไม่ดี พ่ออาจจะเปลี่ยนใจส่งพี่ไปเป็นทหารก็ได้นะ ใครจะไปรู้ใจพ่อล่ะ"
เพลิงฉุน
"นังพิม เอ็งอย่าบ้านะ เอ็งจะเอายังไงว่ามา"
พิมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่พูดอะไร แต่ยิ้มแบบมือ
เพลิงเบ้หน้า
"นังงก ที่แท้ก็เห็นแก่เงิน"
เพลิงหยิบเงินจากชายพกแล้วส่งให้ พิมยิ้มรีบเก็บเงิน
"แล้วปิดปากให้สนิทด้วยล่ะ อย่าให้พ่อกำนันรู้เด็ดขาดว่าข้าออกไปไหน"
พิมยิ้มไม่พูดอะไร เพลิงส่ายหน้าเดินไป

พิมเดินยิ้มขึ้นเรือนมาเจอกับขุนเพชร ตกใจ
"อุ๊ย!! พ่อ"
"ก็พ่อน่ะสิ ทำไมต้องทำท่าตกใจด้วย"
พิมส่ายหน้า
" ไม่มีอะไรจ๊ะ คือฉันเดินใจลอยขึ้นเรือนมาพอเจอพ่อฉันเลยตกใจจ๊ะ"
พิมยิ้มเฝื่อนๆ
"เอ็งไปเรียกไอ้เพลิงมาหาพ่อที"
พิมอึ้ง
พวงจันทร์เดินเข้ามาหาขุนเพชร
"พี่กำนันมีอะไรกับเจ้าเพลิงมันหรือจ๊ะ"
"วันนี้ฉันจะไปที่เรือนขุนณรงค์ ฉันว่าจะพาไอ้เพลิงมันไปด้วย"
"พ่อจะพาพี่เพลิงไปทำไมกัน ก็พ่อบอกว่าพี่เพลิงมันไม่ต้องคัดทหารแล้วนี่จ๊ะ"
"นั่นสิคุณพี่"
ขุนเพชรยิ้ม
"ฉันจะพามันไปที่เรือนหลวงณรงค์ ฉันอยากให้มันไปรู้จักกับคุณหนูชมนาด"
"ลูกสาวหลวงณรงค์หรือเจ้าค่ะคุณพี่"
ขุนเพชรยิ้มพยักหน้า พวงจันทร์ยิ้มพอใจ
"แล้วลูกสาวหลวงณรงค์สวยมั๊ยจ๊ะพ่อ"
"งามอย่าบอกใครเชียวล่ะ ไปรีบไปตามไอ้เพลิงมาหาพ่อ"
พิมอึกอัก พวงจันทร์ชิงพูดขึ้นก่อน
"ช่วงนี้ฉันให้พ่อเพลิงถือศีลสะเดาะเคราะห์ตามคำหลวงพ่ออยู่น่ะเจ้าค่ะ เห็นทีจะออกไปกับคุณพี่ไม่ได้ ไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะเจ้าค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าอย่างแม่พวงว่าก็แล้วกัน"
พิมโล่งอก พิมนึกได้รีบพูด
"ให้ฉันไปกับพ่อด้วยคนซิจ๊ะ ฉันอยากไป"
"เอ็งเป็นหญิงอยู่เรือนช่วยงานแม่เอ็งดีกว่า ไปกับพ่อก็มีแต่จะเกะกะพ่อเปล่าๆ"
ขุนเพชรเดินไป พิมงอนๆ

เช้าต่อเนื่อง ทหารใหม่นั่งคุกเข่ากันอยู่ที่หน้าเรือน หลวงณรงค์นั่งที่เก้าอี้อยู่บนหน้าเรือนมองทหารใหม่ เสมียนคุกเข่าเข้ามาหาหลวงณรงค์
"ทหารใหม่มากันครบแล้วขอรับคุณหลวง"
"เอ็งตรวจรายชื่อเรียบร้อยแล้วหรือยัง"
"เรียบร้อยแล้วขอรับ"
คุณหลวงพยักหน้าพอใจ
หลวงณรงค์บอกกับทหารใหม่
"ข้าจะจัดแบ่งพวกเอ็งเป็นสามฝ่าย ฝ่ายที่หนึ่งไปช่วยงานก่อสร้างทาง ฝ่ายที่สองไปช่วยงานที่กองเสบียง และฝ่ายที่สามไปช่วยปราบพวกอั้งยี่"
ทหารใหม่มองหน้ากัน บ้างก็อยากออกไปรบ บ้างก็กลัว มากนั่งกังวลใจ
หลวงณรงค์สั่งเสมียน
"เอ็งช่วยจัดการตามที่ข้าสั่งด้วย"
"ขอรับ"
หลวงณรงค์นึกขึ้นได้
"อ๋อ เดี๋ยวเอ็งให้ใครแบกกระสอบข้าวสารเข้าไปในครัวด้วย"
"ขอรับ"
คุณหลวงเดินไปเสมียนลุกขึ้นยืนมอง แล้วกวักมือเรียกมาก
"เอ็งนั่นแหละ มานี่"
มากงง ชี้หน้าตัวเอง เสมียนพยักหน้า มากเดินไปหา

ชมนาดกำลังเดินไปที่เรือนครัว หยุดสั่งงานบ่าว
บ่าวชายกำลังขนฟืนไปที่โรงครัว ลื่น ตัวเซไปชนกองไม้ไผ่ที่วางพาดไว้กับผนัง พังคลืนล้มไปทางชมนาด
มากเห็นเหตุการณ์พอดี ตะโกนมาด้วยความตกใจ
"ระวัง!"
ชมนาดเงยขึ้นไปมองเห็นกองไม้ไผ่กำลังจะตกใส่ ชมนาดตกใจร้องกรี๊ด มากรีบกระโจนเข้าไปคว้าชมนาดให้หลบ มากและชมนาดล้มกลิ้ง ร่างชมนาดทับอยู่บนร่างของมาก ทั้งคู่ตะลึงจ้องหน้ากัน

นากท้องโตหาบน้ำมานากเดินโซเซ เหงื่อออกเต็มหน้า นากเอามือลูบหน้าปาดเหงื่อ แล้วเดินไปนั่งพักเหนื่อยที่หัวบันได
นากหน้าเศร้าพึมพำ
"ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนฉันกับลูกจะอดทนรอพี่มากนะจ๊ะ"
นากพูดจบก็เจ็บท้องเพราะลูกดิ้น เจ็บจนต้องล้มตัวลงนอนที่พื้น
นากนอนกุมท้องน้ำตาไหล

ในสวนที่เรือนหลวงณรงค์ ชมนาดยืนเอียงอายแต่ก็อมยิ้ม
"ขอบใจนะที่ช่วยฉันไว้ เป็นทหารใหม่ที่เพิ่งมารึ"
"ใช่จ๊ะ ฉันชื่อ มาก มาจากบางพระโขนง"
บ่าวผู้หญิงรีบวิ่งมาหาชมนาด
"คุณชมนาดเจ้าคะ คุณหลวงให้เรียกหาเจ้าค่ะ"
ชมนาดยิ้มมองมาก เอียงอายแล้วเดินไป บ่าวจะเดินไป มากรีบถามบ่าว
"คุณชมนาดเธอเป็นใครหรือจ๊ะ"
"เอ็งมาใหม่ล่ะสิ ถึงไม่รู้จักคุณชมนาด ลูกสาวคนเดียวของหลวงณรงค์"
มากยืนอึ้ง บ่าวรีบเดินตามชมนาดไป

ในเรือนหลวงณรงค์ ขุนเพชรนั่งคุยอยู่กับหลวงณรงค์ๆเอาหนังสือเอกสารยื่นให้ขุนเพชรๆรับไว้อย่างนอบน้อม
"รายชื่อทหารที่มารายงานตัวไว้กับฉัน ท่านขุนเก็บรายชื่อไว้แล้วช่วยส่งอีกใบไปที่พระโขนงให้ฉันด้วย"
"ขอรับคุณหลวง"
ชมนาดเดินเข้ามาหาพ่อ เห็นขุนเพชรก็ยกมือไหว้ ขุนเพชรรับไหว้ยิ้มให้
"คุณพ่อให้บ่าวไปเรียกหาลูกมีอะไรหรือคะ"
"ลูกช่วยเอารายชื่อนี่ไปเก็บให้พ่อที จะใช้เสมียนก็ไม่ค่อยได้อย่างใจ"
"เจ้าค่ะ คุณพ่อ"
หลวงณรงค์พยักหน้าพอใจ ชมนาดมองรายชื่อในมือ นิ่งคิด

ต่อเนื่องมา บนเรือน นากกำลังหุงข้าวทำกับข้าวอยู่ มั่น ทุ้ย โพล้ง เค้งมาหานากที่เรือน มั่นและพวกแบกกล้วยกันมาทั้งเครือ
ทุ้ยตะโกนเรียก
"แม่นากจ๊ะ แม่นาก"
นากโผล่หน้าออกมาจากเรือน แล้วลงเรือนมาคุยกับมั่นและพวก
"ขอบใจพวกพี่มากนะที่คอยแวะเวียนกันมาดู"
"ก็แม่นากนี่นา....ไม่น่ารั้นเลย ป้าเงินแกก็ชวนให้ไปอยู่ที่เรือนก็ไม่ไป ดูสินี่ท้องก็โตขึ้นทุกวัน จะลุกจะนั่งก็แสนจะลำบาก" มั่นว่า
"ฉันไม่ลำบากอะไรเลย ออกจะมีความสุขสบายดีเสียด้วยซ้ำ"
"แม่นากไม่ต้องมาปดฉันหรอก ฉันเห็นแม่นากทุกวัน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแม่นากสบายหรือลำบาก"
โพล้งเปลี่ยนเรื่องพูด
"ท้องแม่นากกล๊มกลม ฉันว่าแม่นากต้องได้ลูกชายแน่ๆ"
เค้งบอก
"ฉันว่าเป็นลูกสาวน่าจะดี แลจะสวยเหมือนแม่"
"ผู้ชายก็ดีผู้หญิงก็ดี ฉันว่าเป็นลูกแฝดเลยดีมั๊ยล่ะ แม่นากจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ออกลูกครั้งเดียวได้ถึงสอง"
นากยิ้ม
"ฉันว่าให้ฉันคลอดทีละคนก่อนดีกว่าจ๊ะ ท้องแรกด้วยฉันกลัว"
ทุกคนมองนากอย่างเห็นใจ

ในสวนที่เรือนของหลวงณรงค์ มากนั่งทำงานสวนอยู่ แต่เหม่อคิดถึงนาก ชมนาดเดินเข้ามาหา
"คิดอะไรอยู่หรือนายมาก"
"เปล่าขอรับคุณหนู"
" พูดกับฉันธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องพิธีรีตองหรอกนายมาก"
"ขอรับ ... เอ่อครับ"
ชมนาดหัวเราะขำๆ
"แล้วนี่นายมากกินข้าวหรือยังล่ะ"
มากนิ่งไม่กล้าตอบ ชมนาดยิ้มรู้ทัน ชมนาดหันไปสั่งบ่าวที่มาด้วย
" จัดสำรับกับข้าวให้นายมากเค้าด้วยนะ"
"เจ้าค่ะคุณชมนาด"
ชมนาดเดินไป บ่าวหันไปพูดกับมาก
"ตามฉันเข้าไปในครัวนะ"
บ่าวพูดจบก็รีบเดินตามชมนาดไป มากยืนยิ้มน้อยๆ

ทางเดินข้างเรือน หลวงณรงค์เดินมากับขุนเพชรสองคนคุยกันมาอย่างอารมณ์ดี
"ถ้าคุณหลวงมีเวลากระผมอยากจะเชิญคุณหลวงไปที่หัวตะเข้บ้างนะ ขอรับ"
"ไว้ฉันมีเวลาฉันจะไปนะท่านขุน"
แล้วขุนเพชรสะดุดตาที่มุมหนึ่ง
" เอ๊ะนั่นคุณหนูชมนาดนี่ขอรับ ทำอะไรอยู่ตรงนั้น"
หลวงณรงค์มองไป เห็นมากกำลังนั่งกินข้าวโดยมีชมนาดยืนคุยอยู่ด้วย
ชมนาดให้บ่าวส่งถ้วยน้ำพริกให้มาก
"กับข้าวถูกปากมั๊ยนายมาก"
"ถูกปากมากครับคุณชมนาด น้ำพริกนี่ชื่อว่าอะไรหรือครับ รสชาติดีจริง"
"เค้าเรียกว่าน้ำพริกลงเรือ ไม่เคยกินมาก่อนหรือ"
"เคยกินแต่น้ำพริกขี้กาครับ อร่อยไม่แพ้กัน"
ชมนาดยิ้มมอง มากยิ้มนั่งกินข้าว
หลวงณรงค์ กับขุนเพชรๆเห็นชมนาดใกล้ชิดกับมาก ขุนเพชรพูดยุให้หลวงณรงค์โกรธเพราะขุนเพชรหมายตาชมนาดให้เพลิง
ขุนเพชรทำเป็นถอนใจ
"ดูไอ้ทหารใหม่นั่นสิครับ ดูท่าทางสนิทสนมกับคุณหนูชมนาด เป็นญาติกันหรือขอรับ"
"ญาติเญิดกันที่ไหน แม่ชมนาดคงเมตตาทำทานข้าวปลาให้พวกมันกินน่ะสิ แม่คนนี้น่ะใจบุญ เหมือนแม่เขาที่ตายไปนั่นแหละ"
" เห็นจะจริงดังท่านว่านะขอรับ แต่แหม นี่ถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคยกัน ผมต้องคิดว่า ไอ้หนุ่มนั่นมันคิดจะเด็ดดอกฟ้านะขอรับ"
หลวงณรงค์ชะงัก เริ่มไม่พอใจแต่พยายามไม่แสดงออก ขุนเพชรแอบยิ้ม
บ่าวเดินผ่านเข้ามา
" เอ็งตามคุณชมนาดให้มาพบข้าเดี๋ยวนี้"
หลวงณรงค์เดินหุนหันเข้าเรือนไป ขุนเพชรแอบยิ้มสมใจ

ในห้องทำงาน หลวงณรงค์จ้องหน้าชมนาด
"ทำอะไรไม่ไว้หน้าพ่อบ้างเลยนะชมนาด"
ชมนาดงงๆ
"คุณพ่อพูดเรื่องอะไรเจ้าคะ"
"เป็นถึงลูกคุณหลวงกลับไปใกล้ชิดสนิทสนมกับบ่าวผู้ชายในเรือน มันเหมาะแล้วรึ"
ชมนาดยิ้ม ถอนใจ
"โถ....ลูกก็นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็เรื่องนายมาก ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ นายมากช่วยลูกไว้ให้พ้นจากภัย ลูกก็มีน้ำใจตอบไปก็เท่านั้น"
"จริงรึ"
" จริงสิคะคุณพ่อ นี่คุณพ่อไม่ไว้ใจลูกหรือคะ"
"พ่อไว้ใจเจ้านะชมนาด เออ คนที่ลูกขอมาใช้สอยในเรือนน่ะ พ่อคิดว่าจะเอาคนนอกดีกว่า ขืนพ่อเอาทหารที่สักเลขไว้มาใช้ส่วนตัว ข่าวแพร่ออกไป มันจะดูไม่งาม"
"แล้วแต่คุณพ่อจะจัดสรรเถอะค่ะ อิฉันไม่"

ชมนาดเงียบ หลวงณรงค์ยิ้มพอใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

แม่นาก ตอนที่ 3 (ต่อ)

บนเรือนป้าเงินตอนเย็น ป้าเงินนั่งเจียนใบตอง จำปีกับลำจวน ช่วยอยู่ใกล้ๆ ป้าเงินมองทั้งสองแล้วหยิบห่อเงินห่อเล็กๆ ออกจากเชี่ยนหมาก ส่งให้จำปี จำปีงง

"ให้ฉันทำไมหรือจ๊ะ"
ลำจวนทำท่ายื่นมือไปรอรับอย่างอ่อนช้อยบ้าง ป้าเงินตีเพี๊ยะ !
"ข้าไม่ได้ให้เอ็ง ข้าให้เอาเงินนี้ไปให้นังปริกหมอตำแย ให้ช่วยจัดเตรียมข้าวของไว้สำหรับนังนาก เผื่อมันจะคลอดลูก ถ้าไม่พอเดี๋ยวข้าจะให้เพิ่มอีก"
"ฉันคาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย ป้าเงินนี่นางฟ้าแท้ๆ"
"หนอยข้าจำได้นะ ตอนนั้นเอ็งยังว่าข้าเป็นยักษ์เป็นมารอยู่เลย"
จำปีบอก
"มีที่ไหน ฉันเคยพูดกับป้าแบบนั้นเมื่อไหร่ ไม่มี๊....ไม่มี จริงมั๊ยลำจวน"
"จริงจ๊ะจริง"
"แหม...เอ็งสองคนนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ"
จำปี ลำจวนหัวเราะ ป้าเงินถอนใจ
"ข้าเตือนว่าอย่าเลือกไอ้มาก นากมันก็ไม่เชื่อ แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ"
ลำจวนเศร้า
"ฉันก็ไม่รู้นี่ป้าว่าชีวิตนากมันจะต้องตกระกำลำบากแบบนี้"
"แต่ฉันว่าอีกหน่อยพอทิดมากกลับมันคงสบายแล้วล่ะป้า"
"ขอให้เป็นอย่างที่เอ็งพูดเถอะวะ นังจำปี"
ป้าเงินคิดๆสีหน้าเครียด

เช้าวันใหม่ พวงจันทร์เปิดประตูเข้าไปในห้องลูกชาย เพลิงนอนยังไม่ตื่น
"ตื่นได้แล้วพ่อเพลิง สายแล้วลูก"
"ฉันยังง่วงอยู่เลยแม่ เมื่อคืนฉันสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ทั้งคืน" เพลิงโกหก
"ดีมากลูก เอ๊ะทำไมแม่ได้กลิ่นเหล้าในห้อง"
พวงจันทร์เดินหาแต่ไม่เจอ เพลิงรีบลุกขึ้น
"จะมีกลิ่นเหล้าในห้องฉันได้ยังไงล่ะแม่ แม่ล๊อกห้องขังฉันไว้แบบนี้ฉันจะออกไปได้ยังไง"
พวงจันทร์คิดๆ
"เออจริงของพ่อเพลิง เอาล่ะๆรีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกไปกินข้าว แม่ตั้งสำรับรอไว้แล้ว กินข้าวเสร็จเอ็งจะออกไปเที่ยวที่ไหนก็ไป ครบกำหนดแล้วพ้นเคราะห์พ้นโศกแล้วลูกเอ๊ย"
"จ๊ะแม่"
พวงจันทร์เดินออกไป เพลิงโล่งใจก้มลงไปมองใต้ตั่งที่นอน เห็นไหเหล้ากลิ้งอยู่ เพลิงหยิบขึ้นมายกซด อย่างร่าเริง

กลางเรือนเวลาต่อเนื่องมา พวงจันทร์ พิม เพลิงนั่งล้อมวงเตรียมกินข้าว ขุนเพชรเดินมานั่ง ในมือขุนเพชรถือเอกสารหนังสือรายชื่อทหารที่พระโขนงมาด้วย
ขุนเพชรบอกพิม
"พิมเดี๋ยวเอ็งกินข้าวเสร็จแล้วหาคนไปส่งหนังสือนี่ให้พ่อที ไห้ไปส่งที่บ้านผู้ใหญ่ถึกนะ"
"จ๊ะพ่อ"
พวงจันทร์สงสัย
"หนังสืออะไรหรือจ๊ะพี่กำนัน"
"หนังสือรายชื่อคนที่มารายงานตัวเป็นทหาร"
พิมนึกได้
"แบบนี้ก็แสดงว่าใครที่ไปเป็นทหารก็จะมีรายชื่ออยู่ในหนังสือนี้สิจ๊ะพ่อ"
"เออสิวะ ถามทำไมหรือ"
พิมยิ้มดีใจ รีบคว้าหนังสือมาถือไว้
"เปล๊าไม่มีอะไรหรอกจ๊ะกินข้าวกันเถอะ"
"รีบๆกินข้าวกันเถอะ กับข้าวจะเย็นชืดหมดแล้ว"
ทุกคนลงมือกินข้าวกัน

ที่ห้องของพิม พิมนั่งเปิดหนังสือรายชื่อตรวจดูชื่อของมั่นแต่ไม่มี พิมแอบยิ้ม
" ไอ้มั่นไม่ได้เป็นทหาร แหมที่จริงคนอย่างมันน่าจะโดนทหารมันจะได้หายบ้าบิ่นเสียที"
เพลิงเข้ามาหาพิม เพลิงกระแอม “แฮ่ม” พิมตกใจรีบเก็บหนังสือ
"เอ็งทำอะไรของเอ็งนังพิม"
"โอ๊ยตกใจหมดเลย นึกว่าพ่อกำนัน"
"เอ็งแอบเปิดดูรายชื่อทหารทำไม"
"ฉันก็อยากรู้ว่ามีใครเป็นทหารบ้างก็เท่านั้นแล้วพี่เพลิงล่ะมีอะไร"
"เอ็งไม่ต้องถามมาก เอ็งเอาหนังสือมาให้ข้าดูหน่อย"
พิมยื่นหนังสือให้ เพลิงไล่ชื่อดู พิมมองสงสัย

ณ เรือนหมอตำแย สภาพบ้านเก่าๆหลังย่อมๆ
ลำจวน จำปียืนอยู่ที่หน้าเรือนตะโกนเรียกปริก
"ป้าปริก" จำปีเรียก
"อยู่หรือเปล่าจ๊ะ" ลำจวนถาม
ปริกโผล่หน้าออกมาจากเรือน
"ว่าไงจ๊ะ ว่าแต่เอ็งสองคนมาหาข้ามีอะไร อย่าบอกนะว่าเอ็งจะออกลูก"
จำปีบอก "บ้า ฉันยังไม่มีผัวจะมีลูกได้ยังไง"
"อ้าว แล้วเอ็งจะมาเรียกข้าทำไม"
ปริกทำท่าจะมุดเข้าบ้าน ลำจวนรีบคว้าตัวไว้
"แหม รอเดี๋ยวสิ คือฉัน ..."
มีเสียงตะโกนเรียกมาแต่ไกล “ป้าปริกๆ”
ปริก จำปี ลำจวน ชะเง้อมองไป

ชุ้มวิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามาคว้ามือปริก จำปี ลำจวนยืนมองตกใจ
"เร็วป้าปริกรีบไปเร็ว เมียฉันจะคลอดแล้ว"
ปริกถาม
"อะไรกันนี่เมียเอ็งจะคลอดแล้วรึ"
"ใช่น่ะสิป้า มันร้องเจ็บท้องแล้ว"
"แล้วนี่เอ็งมากับใคร มาคนเดียวรึ"
ชุ้มเกาหัว
"ฉันก็มาคนเดียวน่ะสิป้า ยังจะถามอะไรอีก เมียฉันเจ็บท้องจะแย่แล้ว รีบไปเถอะป้า"
"ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าไปกับเอ็งไม่ได้"
"ทำไมล่ะป้า"
"เอ็งมาตามหมอตำแยไปทำคลอด เอ็งต้องพาคนมาด้วย โบราณว่ามาคนเดียวจะมีเรื่องร้าย ต้องมาคู่จึงจะดี เอ็งรีบกลับไปเลย ไปหาคนมาตามข้าคู่กับเอ็ง ไอ้ชุ้ม"
ลำจวนตื่นเต้น
"แต่นังช้อยเมียไอ้ชุ่มมันจะคลอดแล้วนะป้า"
" นังช้อยเมียเอ็งมันร้องถี่ๆรึว่ามันร้องๆหยุดๆ"
"มันร้องๆหยุดๆจ๊ะป้า"
"แบบนั้นมันร้องอ้อนผัว มันยังไม่คลอดทันทีหรอก เอ็งรีบไปตามคนมาเร็ว ไอ้ซุ้มข้าจะไปเตรียมของก่อน
ชุ้มพยักหน้ารีบวิ่งไป
ปริกหันไปพูดกับจำปี ลำจวน
"ข้าไปเก็บของก่อนนะนังจำปี ลำจวน"
จำปี ลำจวนบอก “จ๊ะๆป้า” ปริกรีบวิ่งขึ้นเรือนไป จำปี ลำจวนมองหน้ากันอย่างงงๆ

ต่อมาซุ้มและเพื่อนวิ่งพาปริกมาที่เรือน ปริกมีตะกร้าคล้องใส่แขนมาด้วย จำปี ลำจวนวิ่งตามมาติดๆ
เสียงช้อยร้องเจ็บท้องเป็นระยะๆ
ปริกรีบวิ่งขึ้นไปที่เรือน ชุ้มจะตามปริกเข้าไป ปริกห้ามไว้
"ไอ้ชุ้มเอ็งรออยู่หน้าเรือน ต้มน้ำเตรียมไว้ แล้วเตรียมกระด้งกับหม้อดินไว้ให้ข้าด้วย อ้อก่อกองฟืนไม้ไว้ด้วย ถ้าลูกเอ็งเริ่มจะโผล่หัวออกมา ข้าจะตะโกนบอก เอ็งต้องล้มไม้ฟืนแรงๆนะ เด็กจะได้คลอดง่ายๆ"
ชุ้มพยักหน้า " จ๊ะป้าปริก"
ปริกวิ่งเข้าไปในห้อง
จำปี ลำจวนคุยกันอยู่หน้าเรือน
"คลอดลูกนี่มันยากเหมือนกันนะลำจวน"
"นั่นสิ เห็นแบบนี้แล้วฉันก็เริ่มกลัวแล้วนะ"
ช้อยร้องอย่างทรมาน จำปี ลำจวนกลัว ครู่หนึ่งป้าปริกก็ตะโกนออกมา “ไอ้ชุ้มล้มกองฟืน”
กองไม้วางประสานกันเป็นกองสูงประมาณเข่า ชุ้มผลักกองไม้ล้มอย่างแรงเสียงดังโครม ครู่หนึ่งเสียงอุแว้ของเด็กก็ดังขึ้น “อุแว๊ๆๆ”
ชุ้ม, เพื่อนบ้าน, จำปี, ลำจวน เฮกันลั่น
ปริกออกมาจากห้อง ยิ้มร่า
"ไอ้ชุ้มเอ็งได้ลูกชาย"
ชุ้มดีใจกระโดดโลดเต้น
ปริกเดินลงเรือนมาหาชุ้มในมือถือหม้อดินมีฝาปิดไว้ ปริกส่งหม้อดินให้ชุ้ม
"เอ็งเอาหม้อนี่ไปฝั่งไว้ข้างบันไดเรือน"
ชุ้มรับไว้
ลำจวนถาม
"อะไรน่ะป้า"
"รกเด็ก"
จำปีถาม "ทำไมต้องฝังไว้ข้างบันไดเรือนด้วยล่ะ"
"ก็โตขึ้นเด็กที่เกิดมันจะได้อยู่ติดเรือนไงล่ะ นังจำปี ลำจวน"
จำปี ลำจวนยิ้มพยักหน้า

เย็นต่อเนื่องมา จำปี ลำจวนนั่งคุยกับนากอยู่ที่เรือน
"ไปไหนกันมาล่ะจำปี ลำจวน"
"มาจากเรือนไอ้ชุ้ม" ลำจวนบอก
"นังช้อยเมียไอ้ชุ้มเพิ่งคลอด มันได้ลูกชาย"
นากยิ้ม
"ดีจริง"
"ไม่ต้องกลัวนะนาก ฉันเห็นมาแล้วป้าปริกแกเก่ง" ลำจวนบอก
"เข้าไปในเรือนประเดี๋ยวเดียวนังช้อยมันก็คลอดเลย" จำปีบอก
"ได้ยินแบบนี้ฉันค่อยโล่งใจ บอกตรงๆฉันกลัวไม่น้อยเชียวล่ะ ลูกคนแรกด้วย"
ลำจวนเผลอพูด
"นี่ถ้าทิดมากอยู่ด้วยก็คงดี เอ็งจะได้มีแรงใจมีคนที่รักอยู่ใกล้ๆคอยดูแล"
นากถอนใจเศร้า จำปีรีบสะกิดเตือน ลำจวนคิดได้รีบปิดปาก

ค่ายทหารในเวลากลางคืน มากอยู่ยามกับช่วง มากนั่งเศร้ามองแต่ชายผ้าที่ข้อมือ ช่วงมองมาก
"เอ็งคิดถึงเมียใช่มั๊ย ข้าก็เหมือนกัน"
"อย่าคิดมากเลยไอ้ช่วง อีกประเดี๋ยวเราก็จะได้ปลดประจำการแล้ว แค่ปีเดียว"
"อย่าลืมสิว่า เราต้องไปช่วยท่านเจ้าพระยาปราบโจร จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ จะได้เห็นหน้าลูกเมียไหมก็ไม่รู้"
"เอ็งต้องได้กลับไปเห็นหน้าลูกเมียแน่นอน ไอ้ช่วงเอ๋ย"
มากตบบ่าช่วงแล้วยิ้มให้กำลังใจ

เช้าวันใหม่ เพลิงแต่งเนื้อแต่งตัวโก้เดินออกมาจากห้อง พวงจันทร์นั่งนับเงินอยู่ พวงจันทร์ถามขึ้น
"จะไปไหนแต่เช้าเชียวพ่อเพลิง"
เพลิงยิ้ม
"ฉันจะไปทำธุระสักหน่อยนะแม่ ขอเบี้ยให้ฉันติดตัวสักหน่อยสิจ๊ะแม่"
พวงจันทร์หยิบเงินให้ลูกชายแต่โดยดี
"แล้วอย่าไปก่อเรื่องที่ไหนล่ะ กลับบ้านแต่หัววันนะรู้มั๊ย"
เพลิงยิ้ม "จ๊ะแม่"
พิมเดินเข้ามาพอดี
"จะไปไหนหรือพี่เพลิง"
"ทำไม จะไปไหนข้าต้องขออนุญาตเอ็งหรือยังไงนังพิม"
พิมชำเลืองตา
"ฉันรู้นะว่าพี่เพลิงจะไปไหน"
เพลิงรีบเข้ามากระซิบพิม
"เรื่องของข้า เอ็งอย่ามายุ่ง"
เพลิงไป พิมจะตาม พวงจันทร์เรียกไว้
"จะไปกวนพี่เขาทำไม มาช่วยแม่นับเงินใส่กำปั่นก่อน"
พิมหันไปมองแล้วทำท่าเหนื่อย ก่อนจะลงนั่งช่วยแม่ทำงาน

เช้าต่อมา นากจะมาตักน้ำที่หัวสะพาน เอาปี๊บตักน้ำขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะท้องโต ดูเหนื่อยอ่อนแต่ก็กัดฟันอดทนหาบน้ำเดินไป นากหาบน้ำไปแล้วรู้สึกเวียนหัวจะหน้ามืด นากเซหงายไปจะล้มแล้วก็มีมือมาประคองรับไว้ นากเอียงหน้าไปมอง เห็นเพลิงโอบนากไว้ เพลิงยิ้ม นากตกใจรีบผละตัวออกจากมือเพลิง
"โถๆๆๆๆ.....น่าสงสารเสียนี่กระไร แม่นาก"
"พี่จะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย"
"อะไรกันนี่ ฉันช่วยแม่ไว้ แม่จะไม่ขอบใจฉันสักคำเชียวหรือ"
"ฉันขอขอบใจ"
นากรีบเดินเลี่ยงไป เพลิงเข้ามาขวาง เพลิงจ้องนาก
"ท้องโตไม่ใช่น้อยเลยนะแม่นาก ยังต้องลำบากตรากตรำหาบน้ำหาบท่าอยู่อีกหรือ ฉันว่าแม่นากไปอยู่กับฉันดีกว่า ฉันจะดูแลแม่นากเอง"
"ไปอยู่กับพี่เพลิงเถอะ จะได้สบาย"
"จะได้มีคนคอยรับใช้ไม่ต้องมาทำงานหนักแบบนี้"
เพลิงเอื้อมมือไปคว้ามือ นากสะบัดมือ
"ไม่!! อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะอยู่ที่นี่รอพี่มากผัวของฉัน"
เพลิงหัวเราะแล้วโกหก
"นี่ยังจะรอไอ้มากอีกรึ ไม่มีใครมาบอกแม่นากหรืออย่างไรว่าไอ้มากมันตายแล้ว"
" ไม่จริง พวกเอ็งโกหก"
มั่นและพวกวิ่งกรูกันเข้ามา มั่นเอาไม้ชี้หน้าเพลิง
"พวกเอ็งมาทำอะไรที่นี่"
เพลิงเห็นท่าไม่ดี รีบโกหกเอาตัวรอด
"อะไรกันนี่ฉันมาดีนะ ฉันเผอิญผ่านมาเห็นแม่นากจะเป็นลม ฉันก็ช่วยพยุงไว้ กำลังจะพาไปส่งที่เรือน"
"จริงรึเปล่านาก"
นากไม่อยากมีเรื่อง
"ช่างเถอะพี่มั่น ฉันจะขึ้นเรือนแล้ว"
มั่น โพล้ง เค้ง ทุ้ย จ้องหน้าเพลิงเหมือนไม่เชื่อ เพลิงยิ้มๆแล้วเดินไป นากมองตามสีหน้าเครียด

มั่น และพวกพานากกลับเรือน
"เอ็งไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยนาก"
"ฉันไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ"
โพล้งบอก
"พวกไอ้เพลิงมันมาก่อเรื่องอะไรกับแม่นาก บอกพวกฉันมาเถอะ"
"พวกมันบอกว่าพี่มากตายที่สนามรบ"
"ทุด ไอ้ปากเสีย ปากเน่าปากหนอน ไม่จริงดอก เอ็งอย่างไปเชื่อมันนะนาก ไอ้พวกนั้นมันไม่หวังดี ถ้าไอ้มากเป็นอะไรไปจริงๆทางการต้องส่งหมายมาแจ้งแล้ว"
เค้งบอก
"นั่นสิพวกมันคงแค้นใจจากเรื่องเมื่อครั้งก่อน พวกมันถึงได้มารังควานเอ็งน่ะ นาก"
"ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน"
"ฉันว่าพวกมันคงไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ ฉันว่ามันต้องกลับมาหาเรื่องแม่นากอีกแน่ๆ" ทุ้ยบอก
"ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ คนพาลสันดานบาปอย่างไอ้เพลิงมันคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่ เอ็งต้องระวังตัวไว้นะนาก"
"คงไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ มันคงมาแกล้งให้ฉันเจ็บใจเล่นน่ะ ฉันท้องโตแบบนี้ ถ้ามันคิดร้ายจริงมันก็ไม่ใช่คนแล้ว"
โพล้งบอก
"คนอย่างไอ้เพลิงมันไม่ใช่คนหรอกแม่นาก"
มั่นและพวกรู้สึกเป็นห่วงนาก
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ ฉันอยู่ได้"

มุมลับตาคนที่เรือนขุนเพชร เพลิงแค้นใจพูดคุยกับเก่งและหมึก
" เจ็บใจนัก ถึงขนาดนี้แม่นากยังจะปักใจรักไอ้มากอยู่ได้ ไม่เห็นคนอย่างไอ้เพลิงอยู่ในสายตา"
หมึกบอก
"ทำแบบนี้มันหยามกันชัดๆนะพี่เพลิง"
"แต่มันก็ท้องโตมากแล้วนะพี่ ฉันว่าปล่อยมันไปเถอะ" เก่งบอก
"ไม่!! ข้าไม่ปล่อยมันไปหรอก คนอย่าข้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ไอ้มากมันแย่งแม่นากไปจากข้า คราวนี้ข้าจะต้องแย่งแม่นากมาจากมันให้ได้"

เพลิงสีหน้าแค้นใจ

ในเวลากลางคืน เพลิง หมึก เก่งแอบย่องมาซุ่มอยู่ที่ใต้ถุนเรือนของนาก ทั้งสามคนโพกผ้าปิดหน้าปิดตาไว้ เพลิงพยักหน้าให้ลูกน้องแล้วรีบวิ่งบุกขึ้นเรือนไป

เพลิงกระชากมุ้งของนากให้เปิดออก นากตกใจร้อง “ช่วยด้วยๆ” สมุนเพลิงรีบเข้าไปจับนากเอาไว้เอามือปิดปาก นากกัดมือคนร้ายแล้วดิ้นรนต่อสู้ทั้งถีบทั้งตีจนสมุนเพลิงจับนากไว้ไม่อยู่ นากรีบขยับตัวไปหยิบมีดดาบด้ามยาวที่ซ่อนไว้ออกมาป้องกันชี้ดาบไปที่คนร้าย
"อย่าเข้ามานะ ถ้าพวกเอ็งเข้ามาข้าฟันด้วยดาบนี้แน่"
"ฤทธิ์เยอะนักนะนังนาก"
"พวกเอ็งเป็นใครทำไมรู้จักชื่อข้า"
เพลิงบอกกับลูกน้อง
"จับแม่นากไว้ให้ได้"
เก่ง และหมึกจะเข้าไปจับ นากแกว่งมีดดาบไปมาไม่ให้ใครเข้าใกล้ ปากก็ตะโกนร้อง “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” อยู่ๆนากก็เจ็บท้องขึ้นมากอย่างมาก มีดร่วงจากมือ เพลิงและสมุนได้ทีรีบเข้าไปจับนากไว้นากไม่มีแรงสู้เพราะเจ็บท้อง เพลิงและพวกอุ้มนากจะพาตัวไป นากดิ้นรนร้องไม่หยุด
"ปล่อยนะ ข้าบอกให้ปล่อย ช่วยด้วย....ช่วยด้วย"
เพลิงพยายามปิดปากนากไว้ นากกัดฟันฮึดสู้ทั้งตีทั้งตบทั้งจิกหัวทั้งถีบเพลิงและพวก มือของนากปัดไปโดนหน้าของเพลิงผ้าที่คลุมหน้าเพลิงหลุดออก
"แก!! ไอ้เพลิง ไอ้คนชั่ว"
เพลิงรีบเอาผ้าปิดหน้าแล้วกระชากนากลากไป นากถูกลากลงเรือนมาจากบันได สะดุดล้มอย่างจัง เพลิงไม่ฟังเสียงกระชากนากอย่างแรง
"ดีดดิ้นนักนะมึง"
เลือดไหลเป็นทางที่บันได เก่งตกใจ
"พี่!! นี่มันเลือดนี่นา"
เลือดเป็นทาง ไหลจากขาของนาก เพลิงตกใจ
"เฮ้ย!"
หมึกกับเก่งมองหน้ากัน ร้อนใจ
"เอาไงดีพี่" หมึกถาม
"เผ่นก่อนโว๊ย"
เพลิงและพวกทิ้งนากลงกับพื้นแล้วรีบวิ่งหนีไป นากกระเสือกกระสนพยายามลุกขึ้นยืน แต่เจ็บจนลุกไม่ไหว

ณ บริเวณทางเดิน ทุ้ย เค้ง โพล้ง มั่นเดินถือคบไฟมา
ทุ้ยบอก "ไม่ต้องรีบจ้ำนักก็ได้ ข้าตามไม่ทันนะไอ้มั่น"
"ข้าสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล เร็วเข้าเถอะ"
มั่นชะงัก เห็นนากนอนคาบันไดบ้าน
"แม่นาก"
ทุกคนวิ่งเข้าไปประคอง นากอ่อนแรง เกือบสิ้นสติ
"ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย"
นากยกมือขึ้นมา มั่นและพวกตกใจที่เห็นมือของนากมีแต่เลือด ทุกคนตกใจร้อง “เลือด” ที่ขาของนากเลือดไหลออกมาเป็นทาง

เวลาเดียวกัน ค่ายทหารฝนตกลมแรงฟ้าคะนอง มากนอนหลับในโรงทหารอย่างกระสับกระส่าย ยกมือป้องปัดให้วุ่นวาย ครู่หนึ่งมากก็ร้องลั่นขึ้นพร้อมกันเสียงฟ้าผ่า
"ไม่"
มากสะดุ้งตื่น เพื่อนที่นอนข้างๆก็ตกใจตื่นตามมาก
"ไอ้มากเอ็งเป็นอะไรวะร้องซะลั่น ข้าตกใจหมดเลย" ช่วงถาม
มากสีหน้าตกใจ
"ข้าฝันร้าย ฝันว่ามีอีกามารุมจิกตาข้าจนตาข้าหลุดออกมา ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกล"
"เอ็งคงคิดถึงเมียมาก ธาตุเลยกำเริบ สวดมนต์ไหว้พระทำใจให้สงบ แล้วรีบนอนเถอะพรุ่งนี้เราต้องไปสู้ศัตรูนะ"
เสียงฟ้าร้องฟ้าคะนองกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง มากกังวลใจ

โพล้งวิ่งลุยฝนมาที่หน้าเรือนป้าเงิน ตะโกนเรียก
"ป้าเงิน จำปี ลำจวน"
โพล้งร้อนใจรีบวิ่งขึ้นเรือนไปเคาะเรียก
"ป้าเงิน จำปี ลำจวน"
ประตูเรือนเปิดออก จำปี ลำจวน ยืนเอาผ้าคลุมตัวอยู่ ป้าเงินรีบเดินตามออกมา
"มีอะไรไอ้โพล้ง มาเรียกกลางดึกกลางดื่นแบบนี้" จำปีถาม
"รีบไปดูนากที่เรือนเถอะ" โพล้งบอก
ป้าเงินตกใจ
"นากเป็นอะไร"
"นากมันตกเลือดจ๊ะป้า"
จำปี ลำจวนตกใจ “ตกเลือด”
"นังนากมันตกเลือดได้ยังไง"
"อย่าเพิ่มถามอะไรเลยป้า รีบไปดูนากมันก่อนเถอะ"
ป้าเงินตกใจ
"จำปี ลำจวน เอ็งสองคนรีบไปตามยัยปริกหมอตำแยมาเร็ว"
"ไม่ต้องไปแล้วป้า ไอ้มั่นมันไปตามแล้ว"
ทุกคนรีบวิ่งตากฝนกันออกไปทันที

หน้าเรือนหมอตำแยฝนตกหนัก มั่นวิ่งมาเคาะประตูอย่างรีบร้อน
"ป้าปริกๆ"
เสียงตอบออกมาจากในเรือน “มาแล้วๆ” ประตูเรือนเปิดออกเห็นปริก มั่นรีบคว้ามือปริกทันที
"รีบไปช่วยนากเถอะป้า นากมันจะคลอดแล้ว"
ปริกมองหาแล้วถาม
"นี่เอ็งมาคนเดียวรึไอ้มั่น"
"ใช่ฉันมาคนเดียว อย่าถามอะไรมากเลย รีบไปช่วยนากมันก่อนเถอะป้า"
ปริกส่ายหน้า
"ไปไม่ได้ ไปไม่ได้ เอ็งมาตามข้าต้องมากันสองคน มาคนเดียวไม่ได้โบราณเขาถือ"
"ไม่มีเวลาแล้วป้าปริก นากมันตกเลือด"
"หา!! นังนากมันตกเลือดรึ"
"ใช่ รีบไปก่อนเถอะป้า อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย"
มั่นดึงแขนปริกให้ไป
"เดี๋ยวๆๆ ขอข้าเอาตะกร้าทำคลอดก่อน"
ปริกรีบเข้าไปเอาตะกร้าทำคลอด มั่นดึงแขนปริกวิ่งไป

นากกัดฟัน ข่มความเจ็บไว้ เหงื่อออกเต็มไปหมด จำปีกับลำจวนคอยซับเหงื่อ
จำปีบอก
"ทนหน่อยนะนาก ประเดี๋ยวลูกออกมาก็หายแล้ว"
"จ๊ะพี่จำปี แต่ว่ามันเจ็บ เจ็บเหลือเกิน"
ป้าเงินเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาก
"อดทนอีกนิดนะนาก ยัยปริกหมอตำแยกำลังจะมาแล้ว"
ปริกเปิดประตูเรือนเข้ามาพร้อมกับมั่น ทุ้ย โพล้ง เค้ง
ลำจวนดีใจพูดกับนาก
"ป้าปริกมาแล้วนาก"
"เร็วเข้าไปนากมันเจ็บท้องจะไม่ไหวอยู่แล้ว"
"เออๆๆ" ปริกบอกมั่นและพวก "พวกเอ็งออกไปก่อน ไปต้มน้ำ เตรียมกระด้ง หม้อดิน แล้วก็ก่อไม้ฟืนเตรียมไว้"
" จ๊ะป้า" มั่นว่า
มั่น และพวกรีบวิ่งลงเรือนไป
ปริกหยิบห่อยาออกมาจากตะกร้า
"จำปี ลำจวน เอ็งสองคนเอายานี่ไปต้มแล้วเอาน้ำใส่ชามมาให้ข้า"
นากกัดฟันข่มความเจ็บปวด
จำปี ลำจวนรับห่อยา
"รอเดี๋ยวนะนาก" จำปีว่า
"ฉันจะไปต้มยาให้เดี๋ยวนี้แหละ" ลำจวนบอก
"เร็วเข้าสินังจำปี ลำจวนมัวแต่พูดอยู่ได้"
จำปี ลำจวนรีบวิ่งลงเรือนไป
บริเวณหน้าเรือนมั่นสั่งงานทุกคน
"ไอ้ทุ้ย เอ็งไปต้มน้ำ ไอ้เค้งเอ็งไปเตรียมกระด้งกับหม้อดิน ไอ้โพล้งเอ็งกับข้าไปช่วยกันขนไม้ฟืนมาเร็ว"
ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่กันโกลาหล

ต่อมา จำปี ลำจวนส่งชามยาให้ปริก ปริกและป้าเงินพยุงนากขึ้น ป้อนยาให้นาก
"กินยาก่อนนะนากจะได้คลอดง่ายๆ"
นากพยายามกินยาแต่ก็สำลักออกหมด ปริกส่ายหน้าถอนใจ หันไปหยิบผ้าผืนยาวส่งให้จำปี ลำจวน
"เอ็งสองคนเอาผ้าคล้องกับขื่อให้นากมันจับไว้นะ"
จำปี ลำจวนบอก “จ๊ะป้า” สองคนรีบทำตามที่ปริกสั่งโยนผ้าขึ้นไปที่ขื่อแล้วผูกเพื่อให้นากจับไว้ นากกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ปริกจับนากให้อยู่ในท่าเตรียมคลอด
ป้าเงินใจคอไม่ดี
"อดทนไว้นะนาก"
นากร้อง "โอ๊ย....ทำไมถึงเจ็บอย่างนี้ โอ๊ย.....ฉันเจ็บเหลือเกินจ๊ะป้า"
"ยัยปริกเร็วเข้าสิ นากมันเจ็บมากแล้วนะ"
ปริกเอามือคลำท้องนาก
"ตายจริง เด็กยังไม่กลับหัวเลย เอ็งทนเจ็บหน่อยนะนาก ข้าจะต้องข่มท้องเอ็งให้เด็กกลับหัวก่อนหายใจเข้าลึกๆนะนาก"
"ไม่ต้องกลัวนะนาก เดี๋ยวก็คลอดได้แล้ว" จำปีบอก
ปริกกดท้องพยายามจะให้เด็กกลับหัว นากบิดตัวร้องด้วยความเจ็บปวด
"ลูกเอ๊ย อย่าทรมานแม่นากเลยนะ ว่าง่ายๆ กลับหัวซะ แม่เจ้าจะได้ไม่เจ็บ นะลูก"
ป้าเงิน จำปี ลำจวนมองหน้ากันด้วยความกลัว ปริกพยายามกดท้องนากไปเรื่อยๆ นากกัดฟันไม่ยอมร้อง เหงื่อไหลเต็มหน้าเต็มตัวไปหมด
"เป็นยังไงบ้างยัยปริกไหวมั๊ย"
ปริกลุกลี้ลุกลน
"นากมันท้องไม่ครบเก้าเดือนก็คลอดยากแบบนี้แหละพี่เงิน เด็กมันไม่ยอมกลับหัว ... กลับหัวหน่อยสิวะไอ้หนู แม่เอ็งเจ็บมากแล้วนะ"
นากทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

แสงสลัวในเวลาเช้ามืดกำลังจะเริ่มขึ้น ที่หน้าเรือนของนาก มุ่น และพวกยืนกระวนกระวายกันอยู่
"ทำไมนากยังไม่คลอดอีกล่ะเนี่ย"
"ข้าก็ไม่รู้ ข้าก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน" มั่นตะโกนขึ้นไปบนเรือน "นากมันคลอดรึยัง"
เสียงจำปี ลำจวนตะโกนตอบ “ยัง!!”
มั่นร้อนใจ
"ทำไมคลอดลูกมันยากเย็นอย่างนี้วะ"
โพล้งยกมือพนมขึ้น "ขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกด้วยเถิด"
"ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ป้าปริกแกเก่งแกต้องช่วยนากกับลูกได้แน่" เค้งบอก
ทุกคนยืนลุ้น

ป้าปริกโผล่หน้าออกไปที่หน้าเรือน มั่นและพวกเห็นปริกมั่นก็รีบถาม
"นากมันคลอดแล้วเหรอป้า"
"ยังโว้ยยังไม่คลอด ลูกมันยังไม่กลับหัว เอ็งรีบไปเอาบัวนาคที่วัดกับน้ำมนต์ของหลวงพ่อมาให้ข้าที"
"แล้วถ้าบัวไม่มีล่ะ"
"มึงต้องหามาให้ได้ ไม่งั้นลูกอีนากมันไม่ออกข้าไม่รู้นะโว๊ย"
" จ๊ะป้า ไปเดี๋ยวนี้แหละ"
ปริกตะโกน
"เร็วๆนะไอ้มั่น"
มั่นและพวกรีบวิ่งไปไม่คิดชีวิต

เช้าเดียวกัน ณ สนามรบ เสียงระฆังรบดังขึ้น ที่กำบัง ทหารวิ่งสลับกันยิงกันตุ้มๆ
ระเบิดไฟลอยมาตกที่พื้นใกล้ที่กำบัง ไฟไหม้วุ่นวายไปหมด ฝุ่นควันตลบไปหมด
ทหารวิ่งหลบกระสุนหลบระเบิดกันวุ่นวาย
มากยิงสู้กับข้าศึก ถัดไป ช่วงกำลัง ฟันกับ ข้าศึก
มากเข้าที่กำบัง เสียงระเบิดตูมๆ ช่วงหลบเข้าที่กำบังเช่นกัน
"ไหวมั๊ยเพื่อน" มากถาม
ช่วงบอก "ไหวสิ ยังไงข้าต้องชนะศึกกลับไปหาลูกเมีย เอ็งก็เหมือนกันนะไอ้เกลอ"
สองคนพยักหน้าให้กัน แล้ววิ่งออกไปสู้ศึกต่อ

มั่นและพวกวิ่งหน้าตั้งกันมาที่เรือนของนาก ในมือมั่นมีบัวนาคกลับมาด้วย โพล้งถือขันน้ำมนต์มา จำปี ลำจวนยืนชะเง้อรออยู่ที่หน้าเรือน
"เร็วๆไอ้มั่น"
"นากมันเจ็บจะไม่ไหวแล้ว"
มั่นรีบส่งบัวนาคให้จำปี โพล้งรีบส่งขันน้ำมนต์ให้ลำจวน
"เอ็งรีบเอาขึ้นไปเลยจำปี ลำจวน" มั่นบอก
จำปี ลำจวนรีบวิ่งขึ้นเรือนไป
ในเรือน ปริกรับบัวนาคและน้ำมนต์มาไว้ในมือ
"คราวนี้เอ็งคลอดได้แน่นาก"
ปริกรีบเอาน้ำมนต์ยกขึ้นให้นากกิน แล้วเอาบัวนาคให้นากกำไว้
ป้าเงินยกมือพนม
"เจ้าพ่อคุ๊ณ....ขอให้ครั้งนี้นากคลอดได้โดยง่ายด้วยเถิ๊ด"
ปริกบอก
"หายใจเข้าลึกๆแล้วออกแรงเบ่งนะนาก เอ๊า หนึ่ง สอง สามอืบ"
นากเริ่มหน้าซีด นากออกแรงเบ่งสุดชีวิต “อืบ...... นากหมดแรง จำปี ลำจวนประคองนากไว้
นากเสียงอ่อย
"ป้าเงิน ฉันจะไม่ไหวแล้ว"
ป้าเงินร้องไห้
"ไม่ได้นะนาก เอ็งต้องอดทนไว้ เอ็งต้องไม่เป็นอะไร"
นากร้องไห้ครวญ
"พี่มาก......พี่มากอยู่ที่ไหน พี่มากช่วยนากด้วย"
นากอ่อนแรงสีหน้าซีดเซียว
"นากเอ็งออกแรงเบ่งอีกนิดนะ เด็กใกล้จะกลับหัวแล้ว" ปริกบอก
"กลั้นใจอีกนิดนะนาก อีกเดี๋ยวลูกเอ็งก็จะออกมาแล้ว" จำปีบอก
"นึกถึงทิดมากไว้นะนาก"
"ออกแรงเบ่งอีกนิดนะนาก" ป้าเงินบอก
นากหายใจรวยรินแต่ก็กัดฟันเบ่งเฮือกสุดท้าย จำปี ลำจวนประคองนากไว้
นากพยายามเบ่งครั้งสุดท้าย

ในสนามรบ ช่วงกับมากเข้าตะลุมบอนกะข้าศึก บนอากาศ มีระเบิดไฟลอยมา มากหันไปเห็น ช่วงกำลังจะโดนระเบิดไฟ
มากตะโกน
"ไอ้ช่วง ระวัง"
ช่วงหันมามอง มากรีบกระโดดเอามีดฟันระเบิด ให้พ้นทาง แต่ระเบิดดันแตกขึ้นก่อน แรงระเบิดซัด มากกระเด็นตกน้ำไป

นากพยายามเบ่งสุดแรง ... คิดถึงความสุขที่เคยอยู่ร่วมกับมาก

มากนอนหนุนตักนากอยู่ที่ชานเรือน
"คืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะพี่มาก"
"ถ้าพี่ได้ชมจันทร์กับนากไม่ว่าคืนไหนๆพระจันทร์ก็สวยสำหรับพี่เสมอ""

มากหอมที่ผมของนาก
"หากยังมีลมหายใจอยู่ พี่จะรักนากไม่มีเสื่อมคลาย"
" ถึงแม้ฉันจะสิ้นลมหายใจ ฉันก็จะรักพี่มากไม่เสื่อมคลายเช่นกันจ๊ะ"

นากยืนส่งมากที่หัวสะพาน
"พี่มากจ๋า....ฉันจะรอพี่ที่ตรงนี้ วันที่พี่กลับมาพี่จะได้เห็นฉันกับลูกนะจ๊ะพี่มาก"

นากกรีดร้อง
"พี่มาก"

สิ้นเสียงร้อง นากสิ้นใจ มือหล่นจากผ้าทิ้งตัวลง ตาค้างน้ำตาไหลหยดลงข้างแก้ม
 
อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น