ผู้จัดการรายวัน360-"สรยุทธ" เมินกระแสต้าน โผล่จัดรายการตามปกติ ทั้งเช้าและเย็น "ประมนต์"เผยบอตคอตมาแน่ 1-2 วันนี้ ทั้งรณรงค์ไม่ดู ถอนโฆษณา "สหพัฒน์" เด็ดจริง นำยกเลิกโฆษณาช่วงสรยุทธทั้งหมด ซัมซุงเอาด้วย ด้านเอเยนซี่เปิดทางลูกค้าสั่งถอดโฆษณาได้ "สุภิญญา"ทวีตจี้พักงาน "หมอพรทิพย์" ซัดผู้บริหารช่อง 3 อย่างหนา เอาแต่ได้ ด้านอดีตผู้พิพากษาระบุอย่ามองหาจริยธรรมของผู้บริหาร ระบุไม่ต่างจากเคส "ประชา" โกงรถดับเพลิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 มี.ค.) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 13 ปี 4 เดือน ในคดีบริษัท ไร่ส้ม ไม่ได้จ่ายเงินค่าโฆษณาให้แก่ บริษัท อสมท ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 138 ล้านบาท ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวมาต่อเนื่องนั้น พบว่า ในช่วงเช้า นายสรยุทธ ยังคงจัดรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ตามปกติเป็นวันที่ 2 หลังถูกศาลตัดสิน แม้จะถูกกดดันจากหลายฝ่ายในสังคม ทั้งสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์เรื่องการทบทวนการทำหน้าที่ของพิธีกรข่าว กลุ่มบริษัทเอเยนซีโฆษณาที่เริ่มถอดโฆษณาบางตัว ตลอดจนกระแสกดดันจากหลายภาคส่วนผ่านทางโลกโซเชียล และล่าสุดมีการเปิดเพจ รณรงค์ไม่ดูช่อง 3 และมีความพยายามแชร์ภาพสัญลักษณ์ไปในวงกว้างทางโซเชียล
ทั้งนี้ ในการจัดรายการเช้านี้ของนายสรยุทธ ไม่ได้เล่าข่าว หรือพูดถึงคดีที่ตนเองถูกศาลตัดสิน แต่เล่าข่าวสารทั่วไป และเป็นที่สังเกตว่ารายการไม่มีการตัดภาพเข้าหน้าพิธีกรบ่อยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่เน้นปล่อยภาพยาว และให้ฟังเสียง และในช่วงเย็น นายสรยุทธ ยังคงจัดรายการ "เจาะข่าวเด่น" ตามปกติเช่นเดียวกัน
***"ประมนต์"เผยแรงต้านมาแน่1-2วันนี้
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่นายสรยุทธยังจัดรายการต่อไป เรื่องนี้ ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากคำพิพากษา แม้จะเป็นศาลชั้นต้น แต่ถือว่านายสรยุทธ มีส่วนร่วมกระทำความผิดจริง แม้จะมีชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จึงควรจะต้องพิจารณาตนเอง คือ หยุดจัดรายการชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เพราะนายสรยุทธ ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ และหากนายสรยุทธ จะยังจัดรายการต่อไป จะต้องมีการออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านแน่นอน โดยเฉพาะในมิติทางสังคม อาทิ การรณรงค์ไม่ดูรายการที่จัด หรือกดดันให้ถอนโฆษณาของสปอนเซอร์ โดยคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะเริ่มการกดดันดังกล่าว
***"สหพัฒน์"นำถอดโฆษณาช่วง"สรยุทธ"
รายงานข่าวจากเครือสหกรุ๊ป แจ้งว่า ขณะนี้บริษัทในเครือของสหกรุ๊ป ได้เริ่มทยอยตัดสินใจยกเลิกการโฆษณาในรายการต่างๆ ที่มีนายสรยุทธ เป็นพิธีกรและผู้ดำเนินรายการแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วานนี้ (2 มี.ค.) เป็นต้นไป หลังจากที่ได้ซื้อโฆษณามาก่อนหน้าที่จะเกิดคำพิพากษาของศาล โดยบริษัทจำเป้นต้องปฏิบัติตามมติขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นที่บริษัทเป็นสมาชิกอยู่ด้วย และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการจรรยาบรรณของบริษัทที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรฯ นี้ ซึ่งไม่เพียงแต่สหกรุ๊ปเท่านั้นที่ต้องปฎิบัติ แต่ทุกบริษัทที่เป็นสมาชิกองค์กรนี้ ก็ควรต้องปฎิบัติด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายห้างเทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งเครือสหกรุ๊ป ได้สอนลูกหลานและพนักงานไว้ว่า "อย่ามุ่งประโยชน์ตน ละเลยคุณธรรม เราช่วยกันสร้างจรรยาบรรณและคุณธรรมที่ดีเพื่อให้ประเทศเราพ้นพงหนามโกงกิน ไร้คุณธรรมเสียที"
***"ซัมซุง"เอาด้วยรอคำสั่งไฟเขียว
แหล่งข่าวจาก บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ทีมผู้บริหารของซัมซุงไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาปรึกษาหารือกันในที่ประชุมแล้ว โดยเฉพาะแนวทางการลงโฆษณาในรายการที่นายสรยุทธจัดอยู่ จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ซัมซุงจะเลือกงดลงโฆษณาในรายการทีมี่นายสรยุทธดำเนินรายการ แต่คงต้องดูถึงความเหมาะสมต่างๆ ประกอบด้วย โดยกำลังรอนโยบายจากบริษัทแม่อยู่
***เอเยนซี่เปิดทางถอดโฆษณา
นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ว่า หากผู้ประกอบการเจ้าของสินค้ารายใดมีความประสงค์ที่จะไม่ลงโฆษณาในรายการใด จะต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งบริษัทมีเดียเอเยนซี่จะนำเสนอทางเลือกอื่นทดแทน โดยคำนึงถึงความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้งบประมาณที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันเป็นสำคัญ
ด้านแหล่งข่าววงการเอเยนซี่ ให้ความเห็นว่า ตั้งแต่นายสรยุทธ เข้ามาร่วมงานกับทีมข่าวช่อง3 ในส่วนของการแบ่งรายได้จากโฆษณา คนในช่อง3อาจจะมีความขุ่นข้องหมองใจอยู่บ้าง เพราะนายสรยุทธสามารถหารายได้จากโฆษณาเข้าตัวเองได้โดยไม่ผ่านช่อง3 แต่อย่างใด โดยรายการที่นายสรยุทธดำเนินรายการอยู่ จะมีรูปแบบการหารายได้จากโฆษณาอยู่ 3 ทางหลัก คือ 1.ไทอิน หรือการเป็นสปอนเซอร์ 2.ไทอินในรูปแบบประชาสัมพันธ์ข่าวต่างๆ ให้ และ 3.เบรกโฆษณาตามเวลาที่กำหนด โดยในส่วนที่ 1และ2 ส่วนใหญ่รายได้จะเข้าที่นายสรยุทธโดยตรง
***"สุภิญญา"ทวีตจี้ช่อง 3 พักงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว “Supinya Klangnarong” ต่อเนื่องหลายข้อความ มีเนื้อหาเกี่ยวกับกรณีของนายสรยุทธ เช่น คิดว่าทางช่อง 3 จริงๆ ก็ควรจะมีมาตรการพักงานชั่วคราวทั้งเป็นการลดกระแส และทำให้เป็นแนวปฏิบัติเหมือนเคสอื่นๆ ที่มีกระแสสังคมรุนแรง กรณีช่อง Nation ที่เคยมีประเด็นผู้ประกาศข่าว ก็มีการพักงานไป 1 ดือน หรือแนวปฏิบัติที่มีกับดารานักแสดงเวลามีแรงกดดันจากสังคม คือการพักงานชั่วคราว พร้อมยกตัวอย่างอีกว่า ถ้าสื่อถูกตัดสินคดีการเมืองหรือคดีสิทธิมนุษยชน สังคมคงไม่กดดัน เพราะเป็นการต่อสู้เพื่อสาธารณะ แต่คดีสินบนเป็นเรื่องใหญ่ สังคมต้องกดดันให้รับผิดชอบ และยังมีอีกข้อความว่า เรื่องนี้พอเกิดขึ้นแล้วก็คงเปรียบเหมือนเจอก้อนกรวดอยู่ในรองเท้า ถ้าไม่หยุดสักนิดเอาก้อนกรวดออก ก็จะเดินไปแบบเจ็บๆ ไม่สบายตัวไปเรื่อยๆ
***ซัดผู้บริหารช่อง 3 เอาแต่ได้
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ โฆษกสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Khunying Porntip Rojanasunan” ว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินว่ามีความผิด นักการเมืองบางคน ผู้บริหารช่องทีวี ยึดหลักว่ากระบวนการศาลยังไม่จบ นี่เป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมสังคมที่แสดงความเสื่อมทางศีลธรรม กฎหมายใดๆ คงไม่อาจจัดการได้เบ็ดเสร็จ ผู้มีธรรมะในใจต้องช่วยกันเปิดดวงตาสังคมให้เห็นธรรม กลิ่นปลาเน่าอาจกระจายมาติดตัวเราได้ เพราะสังคมไม่รับรู้ว่ากลิ่นเน่าไม่น่าดม
***"ชูชาติ"ซัด"สรยุทธ"ไม่ต่างจาก"ประชา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Chuchart Srisaeng" ว่า ใคร่ขอให้ความเห็นว่า อย่าเสียเวลาเรียกร้องหาจริยธรรมจากช่อง 3 เลย เพราะนายประชา มาลีนนท์ คนในครอบครัวผู้บริหารช่อง 3 ก็ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกในคดีรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ขณะนี้ก็หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เมื่อทางช่อง 3 ยืนยันแล้วว่า นายสรยุทธเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ช่อง 3 จึงต้องถือปฏิบัติต่อนายสรยุทธเช่นเดียวกับนายประชา
***ป.ป.ช.ชี้สื่อต้องกำกับกันเอง
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่สามารถทำอะไรในกรณีนี้ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ครอบคลุมถึงเอกชนที่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องจริยธรรม เป็นเรื่องของตัวเขา และสื่อมวลชนต้องไปกำกับดูแลกันเอง กรณีของนายสรยุทธนั้น ป.ป.ช. ทำได้แต่เพียงชี้ถูกชี้ผิดตามกฎหมายเท่านั้น ขณะเดียวกัน เรื่องดังกล่าว ก็ผ่านขั้นตอนของป.ป.ช.มานานแล้ว