ผู้จัดการรายวัน360- ด้านได้อายอด “สรยุทธ” ไม่แคร์สื่อ! โผล่จัดรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ใช้สื่อแก้ต่างตัวเอง มติบอร์ดช่อง3 สวนกระแสสังคมยังหนุนไม่จัดการ โลกโซเชียลกดดันหนัก "สรยุทธ-ช่อง 3" เรียกร้องพักหน้าจอ ถามหาจริยธรรม แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.ซัดช่อง 3 อัปยศครั้งใหญ่อุ้มคนโกง "คำนูณ"กระตุกจิตสำนึก"สื่อใหญ่" ป.ป.ช.ย้ำแค่ชี้มูลก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ กสทช. ระบุเจ้าของช่องต้องกำกับดูแลจริยธรรมของผู้ผลิตรายการด้วย เจ้าของสินค้าถกเล็งถอดโฆษณา
จากกรณีวานนี้ (29 ก.พ.) ศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง 13 ปี 4 เดือน ข้อหาทุจริตค่าโฆษณาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อสมท กว่า 138 ล้านบาท และได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา
ล่าสุด วานนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. นายสรยุทธ ได้จัดรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ด้วยท่าทีปกติ พร้อมกับอ่านข่าวคำพิพากษาบริษัท ไร่ส้ม เป็นข่าวแรก ทั้งนี้ ได้กล่าวว่าเคารพคำพิพากษาของศาล และขอใช้สิทธิในการอุทธรณ์ตามขั้นตอนต่อไป
“ในส่วนของ บ.ไร่ส้ม และผมเองนะครับ ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลอาญามีคำพิพากษาในคดีนี้ ก็เคารพในคำพิพากษานะครับ แต่ขั้นตอนกระบวนการ ผมกับบริษัทก็จะใช้สิทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมในการต่อสู้คดีในขั้นตอนต่อไป นั่นคือในชั้นอุทธรณ์นะครับ”
*** ช่อง3หน้ามืดยังอุ้มคนโกง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 29 ก.พ. นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเมนท์ หรือสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังการประชุมคณะผู้บริหารของทางช่อง 3 ได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกัน ที่จะสนับสนุนนายสรยุทธ ให้ทำงานร่วมกับช่องต่อไป หลังร่วมงานกันมานานกว่า 12 ปี มั่นใจว่า รู้จักนายสรยุทธ ดีมากกว่าคนอื่น กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนร่วมงานกัน อีกทั้งคดียังไม่สิ้นสุด อยู่ระหว่างการพิสูจน์ในชั้นศาล ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นายสรยุทธ ยังสามารถจัดรายการได้ในช่วงเวลาเหมือนเดิม ส่วนรายการ “เจาะข่าวเด่น” ของเย็นวันที่ 29 ก.พ. ที่นายสรยุทธไม่เดินทางมาจัดรายการนั้น อาจเกิดจากความไม่พร้อมของเจ้าตัว ซึ่งเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
“นับจากนี้ช่อง 3 ต้องน้อมรับคำวิจารณ์และประเมินท่าทีของสังคมต่อไป แต่มติบอร์ดขณะนี้ ถือเป็นที่สิ้นสุดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากสังคมคิดว่า สุดโต่งก็ต้องน้อมรับ เพราะที่ผ่านมาถือว่า ทำงานเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อจากนี้ความสัมพันธ์ยังเป็นไปตามปกติ” นายสุรินทร์ กล่าว
***** โซเชียลมีเดียอัด”ช่อง3-สรยุทธ”ยับ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ถึงอังคาร (1 มี.ค.) ในโลกสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพและข้อความเพื่อเรียกร้องให้ นายสรยุทธ และช่อง 3 แสดงความรับผิดชอบ และยึดหลักจริยธรรมเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม
"สรยุทธ์คุณต้อง 'พักหน้าจอ' เพื่อแสดงสปิริตและความรับผิดชอบของคนที่เป็นสื่อ ต่อสังคม ถ้าผิด...ก็ก้มหน้ารับกรรมไป ถ้าถูก...ก็ออกมาทำหน้าที่สื่อต่อไป ง่ายๆ จะตายไป ถ้าอยากเป็น 'ลูกผู้ชายตัวจริง' " ข้อความโดย @กัมพล บางกอกน้อยระบุ
ขณะที่ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันก็เผยแพร่ภาพโปสเตอร์ผ่านแฟนเพจ @ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โดยระบุข้อความว่า "ตื่นมาทุกเช้าให้รีบเปิดช่อง 3 แล้วสอนลูกสอนหลานว่า .. ‘ถ้าหนูโกงเขา หนูจะไม่มีวันหนีความจริงได้ ไม่ว่าหนูจะด้าน ทน ลอยหน้าอยู่ในสังคมได้ก็ตาม หนูจะไม่มีวันเรียกตัวเองได้ว่าเป็นคนดี และดีที่สุด หนูอย่าโกง เพราะมันเป็นคุณสมบัติของคนชั่ว’ แล้วปิดทีวี หรือเปลี่ยนไปดูช่องอื่น
"มาร่วมกันสร้างสังคมดี อย่าให้คนโกงมีที่ยืน ทุจริตจะหมดไป ถ้าเพียงแต่คนไทยช่วยกัน"
*** 2 ส.สื่อจี้ช่อง 3 เบรก "สรยุทธ"
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ร่วม หวังช่อง 3 แสดงความรับผิดชอบให้ "สรยุทธ" ยุติบทบาททางหน้าจอชั่วคราว เพื่อวางมาตรฐานจริยธรรม สับจุดยืนช่องทำหลักการถูกตั้งคำถาม ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้พวกอยากใช้กฏหมายลงโทษในข้อความช่วงหนึ่งระบุว่า “ .... กรณีดังกล่าวมีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อวงการสื่อมวลชนไทยในภาพรวมซึ่งกำลังอยู่ในภาวะที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบและจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้กรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมว่ามีหลักฐานเพียงพอว่า นายสรยุทธ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความผิดทั้งทางด้านอาญาและด้านจริยธรรม เพราะฉะนั้นสังคมจึงมีความคาดหวังว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะแสดงความรับผิดชอบและเป็นตัวอย่างในการวางมาตรฐานจริยธรรมด้วยการให้ นายสรยุทธ ยุติบทบาทหน้าจอ อย่างน้อยเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุด…. สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารของ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทบทวนการทำหน้าที่ของ นายสรยุทธ เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมให้กับวงการสื่อมวลชนไทย”
** “คำนูณ” ย้ำต้องหยุด
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้แสดงความคิดเห็นผ่าน เว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ผลจากการต้องคำพิพากษาให้จำคุกนั้น ถ้าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งหมายรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที โดยรัฐธรรมนูญปี 2550 ใช้คำว่า ตำแหน่งสิ้นสุดลง แม้ว่าคดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือแม้แต่มีการรอลงโทษก็ตาม นี่เป็นการวางคุณสมบัติไว้เข้มข้นกว่าการเป็น ส.ส.หรือ ส.ว. ที่ต้องให้คดีถึงที่สุดก่อน และสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง รวมทั้งตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรม ถ้าถูกกล่าวหาว่าในฐานความผิดกลุ่มทุจริตต่อหน้าที่ เพียง ณ วันที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ไม่ต้องรอศาลวินิจฉัย ทั้ง 2 ประเด็น ตามนัยแห่งรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 182 (3) และมาตรา 272
**40 ส.ว.เรียกร้องสังคมคว่ำบาตรTV3
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต สปช. และแกนนำกลุ่ม 40ส.ว. กล่าวถึง กรณีโทรทัศน์ช่อง3 ยังอุ้มชู นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ให้ทำรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ต่อไป ทั้งๆ ที่นายสรยุทธ ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก เนื่องจากกระทำการทุจริตต่อ อสมท.138 ล้านบาท
" นับเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของธุรกิจสื่อยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ทีวี 3 กำลังท้าทายพลังจริยธรรมของคนไทย เท่ากับดูถูกผู้ดูทีวีทั้งหมด ที่จะต้องอดทนให้สื่อมวลชนฉ้อฉลคนหนึ่ง ออกมาลอยหน้าลอยตา หยามหยันถึงทุกบ้านช่องเรือนชานอยู่ทุกวัน ทีวี 3 เห็นกำไรที่เป็นตัวเงิน มีราคามากกว่าตราบาปที่จะติดตรึงองค์กรไปตราบนานเท่านาน"
" ผมขอเชิญชวน และเรียกร้องให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน องค์กร และสมาคมสื่อทั้งมวล เอเยนซีโฆษณา บริษัทธุรกิจที่มีโฆษณากับทีวีช่อง 3 วงการสื่อออนไลน์ รวมทั้งคนไทยที่รักความเป็นธรรมทั้งมวล ปฏิบัติการแข็งข้อกับ ทีวี ช่อง 3 ด้วยการคว่ำบาตรด้วยวิธีต่างๆ อย่างมีอารยะ เช่นเลิกคบค้าสมาคม เลิกโฆษณา เลิกดูทีวี ช่อง 3 ส่งพวงหรีดไปให้ ประท้วงผ่านหน้าจอออนไลน์ นี่เป็นโอกาสดียิ่ง ที่คนไทยจะได้แสดงออกถึงพลังทางจริยธรรมร่วมกัน
"ให้มันรู้ไปว่า ทีวีช่อง 3 จะทนทานกับเสียงก่นด่า สาปแช่งของคนทั้งประเทศไปได้แค่ไหน" นายประสาร ระบุ
***กสทช.เรียกช่อง 3 ชี้แจง 7 มี.ค.
เมื่อเวลา 09.30 น. คณะอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ ในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) พิจารณากรณี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าว และกรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม ร่วมกับพวกกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด กรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลาจากบริษัท ไร่ส้ม ทำให้ อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท โดยการประชุมเป็นการประชุมภายในที่มีเพียงเจ้าหน้าที่เข้าประชุม เนื่องจาก พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ คณะกรรมการ กสท.และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ ไม่ได้ร่วมประชุมเนื่องจากติดภารกิจในต่างประเทศ โดยมี นายไพศาล กุวลัยรัตน์ อนุกรรมการฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทน และไม่ได้มีเชิญตัวแทนของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มาชี้แจงตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นในเวลา 12.30 น. นายไพศาล กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุฯ ยังไม่มีข้อสรุป จึงได้ใช้อำนาจตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 ข้อ 14 ที่มีเนื้อหาให้ผู้ถือใบอนุญาตต้องดูแลเนื้อหาและผู้ผลิตรายการของทางสถานี ในการเชิญตัวแทนจากช่อง 3 มาชี้แจง และหารือร่วมกันกับคณะอนุฯ ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ จากนั้นที่ประชุม กสท.พิจารณาอีกครั้ง
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า หากในการตรวจสอบพบว่าขัดต่อเรื่องจริยธรรมจริง ก็ต้องให้ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เป็นผู้พิจารณาใช้ดุลยพินิจเองว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรก็ตัวผู้ดำเนินการรายการของตน ซึ่งเป็นหลักในการดูแลกำกับกันเอง โดย สำนักงาน กสทช. เห็นด้วยที่ทางคณะอนุกรรมการฯจะมีการเชิญตัวแทนจาก 3 มาชี้แจง โดยเฉพาะในประเด็นที่เป็นแนวทางว่าช่อง3 มีความเห็นจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับนายสรยุทธ์ ซึ่งสำนักงาน กสทช. จะเร่งดำเนินการออกหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการให้ช่อง3 มาชี้แจงตามที่คณะอนุกรรมการฯนัดหมาย ทั้งนี้ความเห็นของสำนักงาน กสทช. และคณะอนุกรรมการฯ ยังไม่ถือเป็นที่สุด แต่เป็นเพียงความเห็นประกอบการพิจารณาชี้ขาดของกสท.เท่านั้น
** สินค้าเล็งถอดโฆษณา
นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากกรณีคดีของบริษัทไร่ส้ม จำกัด ขณะนี้ได้เริ่มมีการหารือกันบ้างแล้วจากกลุ่มเจ้าของสินค้าและบริการต่างๆ ที่ลงโฆษณาในรายการข่าวของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพื่อเจรจากันถึงความเหมาะสมในการซื้อช่วงเวลาโฆษณาของรายการแล้วหลายราย และบางส่วนก็เริ่มมีแนวโน้มว่าจะถอดโฆษณาบ้างแล้ว เพราะจะต้องพิจารณาใช้สื่อที่โปร่งใส ซึ่งในกรณีนี้เมื่อศาลวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าเป็นการกระทำที่ผิด ก็เป็นการชี้ชัดแล้วว่านายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ทำธุรกิจที่ไม่สุจริตและผิดจรรยาบรรณ