บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 2
ปกป้องออกไปรับและเดินนำเข้ามาในห้องรับแขก มาลัยตามหลังมาด้วย
“นึกยังไงไปแอบอยู่หลังบ้านพี่”
ปกป้องหยุดแล้วหันไปมองมาลัยเป็นเชิงตำหนิ เห็นมาลัยเอาแต่มองซ้ายแลขวาท่าทางเกรงๆ ก็ดูออก
“พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่หรอก”
มาลัยทีท่าทีค่อยผ่อนคลายลง แต่ยังทำจมูกฟุดฟิดอยู่อีกนิดๆ
“ตกลงนึกยังไงไปแอบอยู่หลังบ้าน”
มาลัยไม่อยากจะสบตา นึกเคืองอยู่ “ถ้าไม่แอบ จะได้รู้เหรอคะว่าคนบางคนเป็นยังไง”
ปกป้องชะงัก “เอ่อ...พี่ไม่อยากให้เข้าใจพี่ผิด”
“มาลัยไม่ได้หมายถึงพี่”
เสียงดาวรายดังแหลมเข้ามา
“งั้นก็หมายถึงฉันน่ะซี”
มาลัยยืนนิ่ง ปกป้องหันไปมอง ดาวรายเดินออกมาจากครัว
“ผัดพริกของพี่เสร็จแล้วนะคะ”
ปกป้องพยักหน้ารับเอาคำ ดาวรายหันมาพูดกับมาลัย
“มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เลย ฉันไม่ชอบพวกขี้นินทา”
“ฉันก็ตั้งใจจะถามเธอตรงๆอยู่แล้ว ว่าเดี๋ยวนี้ที่ร้าน มีบริการส่งตรงถึงบ้านลูกค้าแล้วเหรอ”
“ถ้าลูกค้าประจำ เราก็ส่งของให้”
“แต่ที่ฉันเห็นน่ะมากกว่าบริการส่งของนะ ฉันว่าน่าจะมีบริการอย่างอื่นด้วย”
ดาวรายไม่ชอบน้ำเสียงและคำพูดส่อเสียดนั้น “หมายความว่าไง บริการอะไร”
ปกป้องเห็นท่าไม่ดีพยายามไกล่เกลี่ย “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก มาลัยคงหมายถึงช่วยพี่ทำกับข้าวไง”
มาลัยไม่ฟัง “ไม่ใช่พี่ มาลัยว่ามากกว่านั้น ต้องถามตัวเขา ว่าคิดจะบริการอะไรพี่”
ดาวรายชักยัวะ “มาลัย ฉันไม่เคยมีเรื่องอะไรกับเธอนะ มาพูดให้ร้ายกันแบบนี้ได้ไง”
“นั่นไง แสดงว่าตั้งใจจะให้บริการจริงๆ ด้วย”
ดาวรายชักเริ่มหงุดหงิด “พูดมาให้ชัดเลยดีกว่า บริการอะไร”
“ก็บริการส่วนตัวถึงเตียงนอนไง”
ดาวรายโกรธจัดพุ่งเข้ามาหามาลัย “มากไปแล้วนะ”
ปกป้องเข้าขวาง “ดาว ไม่เอาน่า”
“พี่ก็ได้ยิน เขาหาว่าดาวเป็น...ผู้หญิงแบบนั้น”
“เขาเรียกคุณตัว หรือภาษาชาวบ้านก็ใช้ อีตัว”
ดาวรายโกรธถึงขีดสุด “ฉันทนไม่ได้แล้ว”
ดาวรายเงื้อแขนขึ้นปรี่เข้าไปจะตบ แต่มาลัยคว้าแขนไว้ได้ก่อน
“จะทำอะไร คิดว่ามีมือคนเดียวเหรอ”
มาลัยเงื้อแขนจะตบบ้าง แต่ถูกดาวรายจับไว้ สองคนต่างก็จับแขนอีกฝ่าย ยื้อยุดกันไปมา
ปกป้องเหนื่อยใจ “ขอร้องเถอะ พอได้แล้ว อย่าทำแบบนี้เลย”
จากนั้นปกป้องก็เข้าไปขวาง แยกทั้งสองออกจากกัน
“ดาว ดาวกลับไปก่อนเถอะ”
ดาวรายมองปกป้องด้วยสายตาผิดหวังที่เขาไม่เข้าข้างเธอ
“นี่พี่”
“พี่ไม่ได้ไล่นะ แต่ไม่อยากให้ดาวเสียชื่อ”
ดาวรายอึ้งไปอีกครู่หนึ่ง “ไปก็ได้”
ดาวรายหันมามองมาลัยอย่างเคืองแค้น แล้วเดินหุนหันออกจากบ้านไป
ปกป้องตะโกนตามหลัง “ขอบใจสำหรับผัดพริกนะ”
มาลัยเดินไปดูที่ประตู ได้ยินเสียงสตาร์ตเครื่อง และเสียงรถแล่นออกไป ปกป้องเดินมาอยู่ด้านหลังมาลัย
“เอาล่ะ ทีนี้เราต้องมาเคลียร์กันหน่อย” มาลัยหันมาหา “เมื่อกี้น่ะ มันเกินไปนะ”
“ทำไมเหรอ เจ็บแค้นแทนมันเหรอ”
“พี่ไม่ชอบให้ใครมาทะเลาะกันในบ้านพี่”
“ฉันแค่มาขวางไม่ให้พี่ทำบาป” มาลัยมองไปนอกบ้าน “จะค่ำแล้วจริงๆ ด้วย มาลัยต้องกลับบ้านแล้ว”
พูดจบ มาลัยก็เดินออกจากบ้านไปเลย
ปกป้องนิ่งงัน มองตามมาลัยไป แอบกังวลว่าเรื่องวันนี้อาจจะไปถึงหูมาลา
มาลัยเดินหงุดหงิดกลับเข้าบ้าน ในมือหิ้วถุงกับข้าวมาด้วย
“คนนะคน ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
มาลาเดินลงบันไดมาทันได้ยินเข้าพอดี
“ใครไว้ใจไม่ได้เหรอ”
มาลัยชะงัก “เปล่าหรอก”
มาลาแปลกใจที่คราวนี้น้องสาวไม่บอก “ปกติมาลัยจะรีบเล่าเลยนี่นา คนนี้ต้องเป็นคนพิเศษแน่ๆ เลย”
“ก็อาจจะพิเศษ...กับบางคน” มาลัยพูดเป็นนัย
มาลายิ่งงงใหญ่ “ก็ได้ อยากเล่าเมื่อไหร่ก็ค่อยบอก แล้วนั่นอะไร ซื้อกับข้าวมาเหรอ ซื้อมาทำไม พี่ทำไว้ให้แล้ว”
“ซื้อยำมาน่ะ เห็นมันน่ากิน อีกอย่าง กลัวพี่จะแก้แค้นฉันเมื่อกลางวัน”
“จะบ้าเหรอ น่าจะรู้ว่าพี่เป็นคนยังไง พี่ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”
มาลัยนิ่งไปนิด “คนเรามันเปลี่ยนกันได้”
พร้อมกับว่า มาลัยเดินหายเข้าไปในครัวหลังบ้าน มาลามองตามไป
มาลัยเดินเข้ามาในครัว เห็นที่โต๊ะอาหารมีฝาชีครอบอาหาร 2-3 อย่างไว้ มาลัยวางถุงกับข้าวของตนไว้บนโต๊ะ เดินไปหยิบจาน มาลาตามเข้ามาในนั้น คาใจไม่หาย
“มีเรื่องอะไรกันแน่”
“เปล่านี่”
“พี่ว่าไม่ใช่ ตั้งแต่กลางวันแล้ว มาลัยพูดอะไรแปลกๆ ทำอะไรแปลกๆ พี่ทำอะไรให้มาลัยไม่พอใจเหรอ”
“ก็บอกว่าไม่มีอะไร”
“บอกให้พี่รู้เถอะ ถ้าพี่ทำอะไรไม่ดีกับมาลัย พี่จะได้รู้ตัว แล้วก็ไม่ทำอีก”
“มันไม่สำคัญหรอก”
“มันสำคัญสำหรับพี่ สำคัญมากๆ พี่ไม่ต้องการทำอะไรให้น้องพี่ต้องเป็นทุกข์”
มาลัยนิ่งอยู่
“พี่รักมาลัยนะ เรามีกันแค่สามคนพี่น้อง ถ้าน้องจะต้องเจ็บ พี่ขอเจ็บแทนดีกว่า”
“มันก็แค่...ฝันร้ายน่ะ มาลัยเพ้อเจ้อไปเอง”
“ฝันอะไร”
“ฝันว่ามาลัยกับพี่ รักผู้ชายคนเดียวกัน”
มาลาอึ้ง นิ่งงันไป
“เห็นไหม มาลัยเพ้อเจ้อแค่ไหน เรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ”
มาลาจ้องมาลัยนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหา พร้อมกับเอามือของมาลัยมากุมไว้
“พี่บอกให้รู้ไว้เลยนะ ถ้ามีเรื่องแบบนั้นจริงๆ ถ้ามาลัยรักเขา พี่พร้อมจะถอยออกมา พี่จะยกเขาให้มาลัย”
มาลัยมองตาพี่สาวรู้ว่าคำนั้นออกมาจากใจจริงๆ ก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมา แต่แล้วจู่ๆ มาลัยกลับหัวเราะออกมา
“พี่ก็เพ้อเจ้อไปกับมาลัยด้วย บอกแล้วไงว่าแค่ฝัน ลืมๆ มันไปซะพี่”
มาลามองน้อง ไม่รู้จะเชื่อดีไหม
มาลัยก็เข้ามากอดพี่สาวไว้ น้ำตาไหลรินออกมา รีบเอามือปาดเช็ดน้ำตาออก ไม่ให้พี่สาวเห็น
“มาลัยรู้ว่าพี่ไม่มีวันทำให้น้องเสียใจ มาลัยก็รักพี่จ้ะ รักมากๆ”
มาลัยเช็ดน้ำตัวเองไป มาลาลูบหลังลูบไหล่น้องสาวเบาๆ ยิ้มบางๆ ยังไม่แน่ใจว่า มาลัยพูดความจริงกับเธอ
บ่ายคล้อยวันนั้นพันลือขับรถกระบะแต่งซิ่งของเขามาตามถนนในตัวเมืองพระประแดง แล้วเหลียวมองไปที่หน้าร้านขายวัตถุดิบการเกษตรฝั่งตรงข้าม เห็นมาลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่มาลัยขับมาจอดที่หน้าร้าน พันลือชะลอรถจอดฝั่งตรงข้าม มองไปอีกครั้งเห็นมาลาเดินเข้าไปในร้าน ส่วนมาลัยบอกพี่สาวว่าจะไปทำธุระ แล้วเดินแยกไป พันลือเลี้ยวกลับรถ แล้วตรงไปจอดที่หน้าร้านด้วย
ขณะที่เถ้าแก่เจ้าของร้านกำลังอธิบายสรรพคุณ ผลิตภัณฑ์พวกปุ๋ยกับยาปราบศัตรูพืชมาใหม่ ให้มาลาฟังอยู่นั้น พันลือเดินเข้ามาในร้าน บอกขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด
“เถ้าแก่ มาลาซื้อเท่าไหร่ลงบัญชีผมไว้นะ”
ทั้งมาลาและเจ้าของร้านต่างชะงักมองมายังพันลือเป็นตาเดียว
มาลามองหมั่นไส้ “รวยมาจากไหนเหรอ”
“รวยอยู่แล้ว ก็กำนันอีเป็นเจ้ามือหวย” เถ้าแก่ว่า
“เฮ้ย เจ็ก พูดให้ดีนะ หาคุกให้พ่อผมซะแล้ว”
มาลาหัวเราะขำ “ไหนพี่เคยพูดว่า พ่อพี่ไม่เคยกลัวใคร”
“ไม่กลัวอยู่แล้ว ขู่เจ็กไปงั้นแหละ แล้วนี่ มาลามาซื้ออะไรเหรอ เยอะไหม พี่ขนไปส่งที่บ้านให้”
“ไม่รบกวนหรอก เจ๊กเขาจะไปส่งให้”
พันลือแสดงน้ำใจ “ก็จะต้องให้เจ็กไปส่งให้เปลืองน้ำมันทำไม น้ำมันลิตรละตั้งสิบกว่าบาทแล้วนะ ต้องประหยัดกันหน่อย ยังไงพี่ต้องผ่านบ้านมาลาอยู่แล้ว ให้พี่ขนไปให้เหอะ”
“มาลาต้องแวะอีกหลายที่ ต้องซื้อของที่ตลาดด้วย” มาลาบ่ายเบี่ยง
“จะแวะกี่ที่พี่ก็จะตามไปช่วยขน วันนี้พี่ว่างทั้งวัน” พันลาตื๊อ
เถ้าแก่ยิ้มเผล่ รู้ทันพันลือ “อามาลา อาการแบบอาพันลือนี่มันชัดเลยนะ อีกำลังจะจีบลื้อ”
“เก่งนี่เจ๊ก” พันลือ ชะงัก “เอ๊ย ไม่ใช่ เราคนบ้านเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกัน”
“สมัยนี้มีอะไรต้องพูดกันตรงๆ แล้ว มัวแต่อ้อมไปอ้อมมา เดี๋ยวสุนัขก็คาบไปรับประทาน”
เสียงมาลัยแหลมนำเข้ามา “มันก็อยู่ตรงหน้านี่แล้วไง” ก่อนจะเห็นตัวเป็นๆ เดินนวยนาดเข้ามาสำทับคำพูดว่า “ไอ้สุนัขที่เจ็กว่าน่ะ”
พันลือยัวะ “เฮ้ย มาลัย พูดแบบนี้ไม่สวยนะเว๊ย”
“พี่มาป้ออยู่กับพี่สาวฉันก็ไม่สวยเหมือนกัน ไปไกลๆ เลย รู้ไว้ด้วยนะ พี่สาวฉันน่ะมีเจ้าของแล้ว”
มาลาสะดุ้ง “มาลัย”
“อะไรนะ” พันลือหูผึ่ง หันมาถามมาลา “ใคร มันเป็นใคร”
“จะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับพี่หรอก รู้แค่ว่า เขาเหนือกว่าพี่ทุกอย่างก็พอแล้ว”
พันลือถามคาดคั้นเอากับมาลา “มาลา บอกพี่มาว่าใคร”
“ปัดโธ่ มีใครที่ไหนกัน ไม่มีหรอก มาลัยก็พูดไปงั้นแหละ ขอร้องนะพี่ ฉันต้องรีบซื้อของ แล้วต้องไปแวะหลายที่ด้วย วันหลังค่อยคุยกันนะ”
พันลืออิดออด มาลัยมองเขม่น
“ฟังเข้าใจยากนักเหรอพี่ พี่มาลาเขากำลังไล่ให้พี่ไปพ้นๆ”
มาลาเอือมเหลือ “โธ่เอ๊ย มาลัย”
“ไปก็ได้ แต่พี่ขอบอกให้มาลารู้ไว้นะ พี่จริงใจกับมาลามาก แล้วเร็วๆนี้ พี่จะให้พ่อกับแม่ไปคุยกับพ่อแม่มาลา”
“คุยเรื่องอะไร”
“ก็ไปสู่ขอมาลาไง”
พูดแล้วพันลือก็ออกไป
มาลายืนอึ้ง “พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย”
“แต่ยังไงก็ไม่มีทาง เป็นแค่นักเลงหัวไม้ จะมาหวังเด็ดดอกฟ้าอย่างพี่มาลาได้ยังไง” มาลาอดถอนใจอย่างกังวลออกมาไม่ได้ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เรื่องนี้มาลัยจะแก้ปัญหาให้เอง”
มาลามองตามพันลือที่ออกรถไป ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ฝ่ายปกป้องเลิกงานแล้ว ขับรถมาตามถนนมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่อยู่ดีๆ มาลัยก็กระโดดออกมาขวางกลางถนน ปกป้องเหยียบเบรกตัวโก่ง รถจอดห่างจากตัวมาลัยไม่ถึงเมตร ปกป้องฉุนไม่น้อยลงรถมามองดุ
“ทำอะไรน่ะ เกือบตายแล้วรู้ไหม”
มาลัยเดินมาที่รถ ชะโงกหน้ามองเข้าไป “ไม่ได้เอามาด้วยใช่ไหม”
ปกป้องงง “เอาอะไร”
“ก็นังแรดนั่นไง ที่มาให้บริการพี่ถึงบ้านน่ะ”
ปกป้องส่ายหน้า “ไม่ได้เจอเขาหลายวันแล้ว แล้วนี่ต้องการอะไร อยู่ดีๆ มากระโดดขวางรถพี่”
“มีข่าวมาบอก”
ปกป้องยืนพิงรถ รอฟัง
“ฉันรู้ว่าพี่กับพี่มาลามีอะไรกัน”
ปกป้องตกใจร้องลั่น “เฮ้ย พูดอะไร”
“ไม่ต้องมาปฏิเสธ ฉันเห็น”
ปกป้องอึ้งไป
“ฉันถามตรงๆ พี่รักพี่มาลาของฉันไหม”
“รักซี”
“รักจริงแค่ไหน ไม่ใช่เจ้าชู้ดะไปทั่วแบบที่ทำกับนังแรดนั่นนะ”
“กับดาวรายพี่ไม่มีอะไรจริงๆ คนบ้านเดียวกัน เค้าดีมาพี่ก็ดีกลับ แต่คนที่พี่รักจริงๆ ก็คือ มาลา”
มาลัยมองจ้องตาปกป้องเหมือนกับจะขุดให้ลึกถึงหัวใจ แล้วตัดสินใจบอก
“งั้นฉันก็จะบอกข่าวให้พี่รู้ พี่พันลือกำลังจะให้พ่อแม่เขามาสู่ขอพี่มาลา”
ปกป้องตกใจกว่าเก่า “เมื่อไหร่”
“ก็คงเร็วๆ นี้แหละ พี่คิดจะทำยังไง”
“พี่ไม่ยอมหรอก แต่ว่า ตอนนี้พ่อแม่ของเราสองครอบครัวกำลังมีปัญหากันนี่ซี พี่กำลังหนักใจ”
“ไม่รู้ละ ถ้าพี่รักพี่มาลาจริงก็ต้องรีบทำอะไรซักอย่าง ไม่งั้นพี่มาลาต้องเป็นของพี่พันลือแน่ๆ พี่ก็รู้ กำนันมีอิทธิพลขนาดไหน ลองขออะไรจากใคร มีใครกล้าขัดที่ไหน”
ปกป้องถอยหลังไปพิงรถ รู้สึกสับสนว้าวุ่นหนัก ไม่รู้จะทำยังไงดี
อ่านต่อหน้า 2
บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)
กลางดึกคืนนั้น ปกป้องขังตัวเองจมอยู่ในบรรยากาศมืดสลัวในห้อง เขานอนกระสับกระส่าย พลิกตัวไปมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายพลิกมานอนหงาย มือประสานกันที่หน้าอก ลืมตาโพลงมองเพดาน คิดถึงแต่มาลายอดดวงใจ
เวลานั้นปกป้องนอนหนุนตักมาลาอยู่บนแคร่ใต้ต้นไม้รังรัก จับมือเธอมาดอมดมอย่างทะนุถนอม
“พี่รักมาลามากรู้มั้ย มาลาเป็นรักแรก และจะเป็นรักเดียวของพี่”
“พี่ป้องก็เป็นรักแรก และคนแรกของมาลา พี่อย่าทำให้มาลาเสียใจนะ”
ปกป้องละตัวลุกขึ้นมานั่ง โอบกอดมาลา
“พี่ไม่มีทางทำให้มาลาเสียใจ มาลาอย่ากังวลไปเลย”
“มาลาไว้ใจพี่ ถึงได้ยอมพี่ทุกอย่าง แต่ก็อดกังวลเรื่องที่พ่อแม่เราทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวันไม่ได้”
“แค่เรื่องรังวัดที่น่ะมาลา เดี๋ยวจัดการเรื่องนี้เสร็จก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ปกป้องดันมาลาออกจากตัว สีหน้าสาวเจ้ายังคงกังวลชัดแจ้ง
“เชื่อพี่ซิจ้ะมาลา ยิ้มหน่อยนะคนดี”
มาลายิ้มให้ ปกป้องค่อยๆ ก้มลงมาจูบแก้มนวลของเธอ ทั้งคู่สบตากันลึกซึ้ง ก่อนที่ปกป้องจะโน้มหน้าลงมาประทับจูบคนรักอย่างดูดดื่มหวานชื่น
ปกป้องดึงตัวเองออกมาด้วยรอยยิ้มเศร้า เมื่อหวนนึกถึงความสุขนั้น แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผาก เครียดจัด เมื่อคิดถึงความขัดแย้งของสองครอบครัวที่ลุกลามบานปลาย
โดยในงานศพปองพลวันแรก เมื่อครอบครัวบัวผันเดินทางมาร่วมงานไว้อาลัย แต่เช้าและบานชื่นไม่ยอมให้เข้า
แม้ว่ามาลาจะอ้อนวอนพูดดีๆ ด้วย
“ลุงเช้าคะ พวกเราอยากจะมาแสดงความเสียใจกับคุณลุงแล้วก็คุณครูน่ะค่ะ”
บานชื่นหันหน้าหนีไปทางอื่น พยายามสะกดอารมณ์ไว้ บีบมือปองพลแน่น
“ไม่ต้องมาเสียใจ พวกเราไม่ต้องการ ไปให้พ้น ไปให้หมดทุกคนเลย” เช้าตะเพิดส่ง
“ให้เราร่วมพิธีเถอะค่ะ พวกเราอยากจะมาขออโหสิกรรม พี่ปองพล และขอโทษลุงเช้ากับครูบานชื่นที่เป็นแบบนี้” มาลาของร้อง
บานชื่นสุดทน ปล่อยมือจากปองพล ลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงมาที่ครอบครัวบัวผัน
บานชื่นพูดแรงไม่ไว้หน้า พูดไปร้องไห้ไป “ขอโทษเหรอ ขอโทษแล้วเอาลูกชายฉันคืนมาได้ไหม”
“ทำไมครู พูดแบบนี้ล่ะ พวกเรามาเพื่อแสดงความเสียใจนะ” มาลัยแหวใส่ มาลารีบดึงแขนน้องไว้
บานชื่นตวาด “ไม่ต้องมาเรียกฉันครู เอามาซี เอาลูกฉันคืนมา ถ้าคืนลูกให้ฉันไม่ได้ ก็ไปให้พ้น”
ปกป้องผุดลุกขึ้นนั่ง หายใจหอบเหนื่อย ประเมินสถานการณ์แล้วรู้สึกหวั่นใจในเส้นทางรักของตนกับมาลา
เช้าตรู่ ปกป้องในชุดทำงานเดินลงบันไดมา แล้วต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าภายในห้องรับแขก บานชื่นอยู่ในชุดเครื่องแบบข้าราชการครู กำลังเก็บของลงในกระเป๋าถือ ปกป้องมองแม่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินลงบันไดมาหา
“แม่”
บานชื่นหันมาทัก “ไงลูก ตื่นสายนะ”
“เมื่อคืนนอนไม่หลับน่ะครับ แม่ ผมอยากคุยกับแม่หน่อย”
“ด่วนไหม แม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว วันนี้เวรแม่”
“คือ...มัน...”
“ไว้คุยกันตอนเย็นละกัน แม่ไปแล้ว”
บานชื่นจะออกจากบ้าน
“แล้วพ่อล่ะครับ”
“พ่ออยู่ข้างนอกนี่”
บานชื่นออกจากบ้านไปรอรถสองแถว ปกป้องยืนอึ้ง
ปกป้องเดินออกมา มองไปยังถนนหน้าบ้าน พบว่าบานชื่นขึ้นรถไปแล้ว เขาเห็นเช้ายืนคุยอยู่กับพ่อค้ารับซื้อผลไม้ที่ข้างรถกระบะของพ่อค้าจึงเดินไปหา
“พ่อ”
เช้าหันมา “เดี๋ยว คุยธุระอยู่”
ปกป้องดูอาการแล้วท่าทางจะคุยอีกนาน จึงตัดสินใจเดินไปขึ้นรถของเขา สตาร์ตเครื่องแล้วขับรถออกไปช้าๆ
รถปกป้องแล่นผ่านตรงจุดที่เช้ากับพ่อค้าคุยกันอยู่ เช้าโบกมือให้ลูก ปกป้องโบกมือตอบ แล้วขับรถออกจากบ้านไปมุ่งหน้าเข้าออฟฟิศ
เช้าหันมาคุยกับพ่อค้าต่ออย่างจริงจัง
“ใช่ มะม่วงต้นนั้นน่ะของบ้านผม”
“ผมจะเหมาทั้งต้น จะขายไหม”
“จะเหมาเท่าไหร่ มันดกมากเลยนะ ผมว่าชั่งกิโลขายดีกว่า ผมจะเก็บให้เอง”
“เก็บให้ด้วยเหรอ งั้นก็ได้ ผมให้โลละสามสิบ”
เช้าต่อรอง “ลูกมันใหญ่มากนะ เอาไปขายโลละแปดสิบได้สบาย ผมขอห้าสิบละกัน”
“ขอค่าน้ำมันผมหน่อยเถอะครับ สี่สิบนะ”
เช้านิ่งคิด “ก็ได้ บ่ายสามมาเอาเลย”
บ่ายวันนั้นเช้าเข็นรถเข็นคันหนึ่งพร้อมเข่งขนาดกลางเข้ามาที่ใต้ต้นมะม่วงเจ้าปัญหา มีไม้สอยมะม่วงมาด้วย
เช้ามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแน่ ก็เริ่มลงมือสอยมะม่วงจากต้น ลูกแล้วลูกเล่า เอาวางลงในเข่งจนเต็มเข่ง มะม่วงบนต้นเหลืออยู่เพียงลูกเดียว เช้ายื่นไม้ปลิดขั้วสอยมะม่วงลูกสุดท้ายลูกนั้น
“ลูกสุดท้าย เสร็จซักที”
เช้าดึงไม้สอยมะม่วง มะม่วงลูกนั้นหลุดออกจากต้น
ไม่นานต่อมาเช้ากับพ่อค้ารับซื้อผลไม้ช่วยกันยกเข่งขึ้นบนเครื่องชั่ง พ่อค้าจัดเหล็กถ่วงอย่างชำนาญ น้ำหนักอยู่ที่ห้าสิบกิโลกว่านิดหน่อย
“ห้าสิบสองโล” พอค้าทึ่ง “นี่ต้นเดียวเหรอ”
“ใช่ ลูกรักเลยล่ะ”
“น่าจะลงซักร้อยต้น ปีนึงได้เป็นแสน”
“ผมมันแก่แล้ว ลูกก็เหลือคนเดียว เขาไม่สนใจจะทำสวน”
“มา ช่วยกันยกเทหน่อย”
พ่อค้ากับเช้าช่วยกันยกเข่งขึ้นท้ายรถกระบะ แล้วเทลงไป พ่อค้าคืนเข่งให้เช้า
“ขอห้าสิบโลถ้วนๆ ละกัน ที่เกินแถมให้” เช้าบอก
พ่อค้ารูดซิปเปิดกระเป๋าคาดท้อง หยิบแบงก์ร้อยออกมาปึกหนึ่ง เริ่มนับเงินจนได้สองพัน จึงส่งให้เช้า
“นี่ครับ”
เช้ารับเงินมา “ขอบคุณนะ”
เช้านับแบงก์ร้อยที่ได้จากพ่อค้าผลไม้อยู่ในโถงบ้าน จนเสร็จจึงเงยหน้ามองไปที่รูปปองพลบนผนัง มีพวงมาลัยคล้องกรอบรูปลูกชายอยู่
“พ่อแก้เค้นให้แกแล้วนะปอง”
เช้ามองรูปปองพลนิ่งนาน จนบานชื่นเดินเข้ามาหา
“ป้องมาหรือยัง”
เช้ารีบเก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อ แต่บานชื่นก็มองเห็น เช้าทำเป็นพูดตอบกลบเกลื่อน
“ยังไม่เห็นนะ ทำไมเหรอ”
“เขาโทร.ไปหาที่โรงเรียน บอกให้รีบกลับบ้าน เขามีเรื่องจะปรึกษาพ่อกับแม่”
“ไม่รู้มีเรื่องอะไรของมัน”
บานชื่นเดินเข้ามายืนใกล้ๆ “อะไรอยู่ในกระเป๋าเสื้อ”
“อะไร ไม่มี”
“ฉันเห็นเก็บเข้าไปเมื่อกี้ เอาออกมาดูซิ”
เช้าไม่รู้จะว่ายังไง เลยต้องหยิบเงินในกระเป๋าออกมา บานชื่นมองฉงน
“เอามาจากไหน”
“คนเขามาเหมาจ้างเรือไว้”
บานชื่นไม่เชื่อ “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็หลายเที่ยวน่ะ”
บานชื่นยังคงสงสัยอยู่
ปกป้องเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีครับแม่ พ่อ”
เช้ารีบเก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อ บานชื่นหันมาหาลูก
“ไงลูก มีอะไรจะคุยกับพ่อแม่”
“ครับ” ปกป้องรวบรวมความกล้า “เรื่องอนาคตของผมน่ะครับ ผมจะขออนุญาตพ่อกับแม่...แต่งงาน”
บานชื่นเยื้อนยิ้มยินดี เดินเข้ามาหาลูก “จริงเหรอลูก แต่งกับใคร”
ปกป้องนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจพูด
“มาลาครับ”
เช้าไม่พอใจลุกพรวดขึ้นทันที “อะไรนะ”
สีหน้าปกป้องเครียดเคร่งเมื่อเห็นปฏิกิริยาต่อต้านชัดแจ้งของพ่อกับแม่
เช้ากับบานชื่นต่างตกใจ และแสดงท่าทีต่อต้านชัดแจ้งกับสิ่งที่ลูกชายพูด
“จะบ้าเหรอ มันเป็นไปไม่ได้”
น้ำเสียงของปกป้องอ้อนวอนบุพการีเต็มที่ “พ่อครับ แม่ครับ ผมรักมาลาจริงๆ”
“รักไม่ได้”
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงของบัวผันก็ดังเข้ามา
“ไหน มันอยู่ไหน ไอ้ขี้ขโมย แกอยู่ไหน”
บัวผันกับเทศก้าวอาดๆ เข้ามาในบ้านบานชื่น เช้าอึ้งๆ มีพิรุธ ค่อยๆ ขยับไปอยู่หลังเมีย
บานชื่นแหวใส่อย่างไม่พอใจ “เข้ามาทำอะไร”
“จะมาลากคอไอ้หัวขโมยไปโรงพักน่ะซี” บัวผันบอก
“ใครขโมยอะไร”
“ก็ไอ้เช้าผัวแกไงล่ะ มันสอยมะม่วงฉันไปขายจนหมดต้นเลย” เทศชี้หน้าเช้า
บานชื่นตกใจ หันมามองผัวเป็นเชิงถาม “อะไรนะ”
เช้าได้แต่นิ่ง ไม่พูดอะไร
ปกป้องรู้สึกแย่ รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาตั้งใจทำวันนี้พังครืนลงแล้วไม่เป็นชิ้นดี
บัวผันกับเทศ ยืนประจันหน้ากับบานชื่นและเช้า มีปกป้องยืนเครียดอยู่ในความขัดแย้งนี้ด้วย
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะแบ่งคนละครึ่ง อยู่ดีๆมาเก็บไปทั้งต้นได้ยังไง”
บานชื่นมองเช้าอย่างไม่พอใจ “พ่อไปเก็บมะม่วงของเขาจริงๆ เหรอ เงินนั่นค่ามะม่วงใช่ไหม”
“พ่อค้าเขามารับซื้อถึงที่ มีโอกาสฉันก็ขาย” เช้าแถไป
“งั้นขายได้เท่าไหร่ เอามาเลยครึ่งนึง” เทศว่า
“ได้ไง ฉันเป็นคนออกแรงสอยทั้งต้น”
บัวผันโกรธจัด “พูดไม่อาย แกคิดจะโกงพวกฉันใช่ไหม”
บานชื่นหันมาบอกเช้า “ให้เงินเขาไปพ่อ ให้ไปทั้งหมดนั่นแหละ”
“เฮ้ย ไม่ได้” เช้าอึดอัดที่สุดตัดสินใจ “ฉันแบ่งให้แกครึ่งนึงก็ได้ ฉันขายได้ทั้งหมดพันนึง ครึ่งนึงก็ห้าร้อย” พร้อมกับว่าเช้าทำเป็นจะล้วงหยิบเงิน
เทศโวยลั่น “จะบ้าเหรอ ลูกมันดกขนาดนั้น น่าจะได้เกือบเจ็ดสิบโลมั้ง อย่างน้อยแกต้องขายได้ห้าหกพัน ครึ่งนึงก็สามพัน”
“โอ๊ย ก็บอกว่าขายได้พันเดียวก็พันเดียวซี หาว่าฉันโกหกได้ไง”
“ขโมยยังทำได้ แล้วทำไมจะโกหกไม่ได้” บัวผันด่า
เช้าโมโห “มันมากไปแล้ว ตกลงจะเอาไหม ห้าร้อยน่ะ ถ้าไม่เอาก็ไปให้พ้นๆ เลย ปีหน้าฉันยกให้พวกแกทั้งต้น”
บัวผันโกรธสุดขีด พยายามสะกดกลั้นไว้ “ปีหน้างั้นเหรอ ถ้ามันมีปัญหามากนัก ก็ไม่ต้องเอามันไว้แล้ว”
พูดเสร็จบัวผันก็เดินออกจากบ้านไปเลย
“แม่ จะไปไหน”
เทศงงรีบตามเมียออกไป
“ดี ไปซะให้พ้นๆ จะได้จบๆ” เช้าไล่ส่ง
บานชื่นไม่วางใจ “แต่ฉันว่ามันยังไม่จบหรอก”
ปกป้องเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ตกกลางคืน ขวานคมปลาบถูกฟันฉับลงไปที่โคนต้นมะม่วง และถูกฟันไปพอสมควรแล้ว ด้วยฝีมือของบัวผัน ห่างออกไป เทศ มาลา และมาลัยยืนดูอยู่
“แม่ พอเถอะ อย่าไปโค่นมันเลย”
“ปล่อยไว้ก็มีแต่สร้างปัญหาไม่รู้จักจบ” บัวผันหันไปตะโกนเรียกผัว “ยืนทำอะไรอยู่ มาช่วยกันซี”
เทศลังเล ขยับขวานในมือ มาลัยยืนติดกับพ่อมองอย่างสะใจ
มาลารีบห้ามทัดทานพ่อ “อย่าเลยพ่อ เก็บไว้เถอะ”
“ไม่ต้องเอาไว้แล้ว มาเร็ว”
เทศเดินเข้าไปใกล้ต้นมะม่วง แล้วลงมือฟันต้นมะม่วงช่วยเมีย สองคนช่วยกันฟันต้นมะม่วง จนต้นมะม่วงจวนจะโค่นล้ม
มาลาหันมาทางน้องให้ช่วยห้าม “ห้ามแม่กับพ่อหน่อยซี”
“มาลัยว่าแบบนี้แหละสะใจดี มาแม่ มาลัยช่วย”
มาลัยขยับเข้าไปช่วยอีกคน
มาลาผิดหวังที่ทุกคนเห็นดีเห็นงามตามกัน
เสียงเช้าดังเข้ามา
“เฮ้ยๆ พวกแกทำอะไร”
เช้าเดินเข้ามาแต่ไกลพร้อมกับบานชื่นและปกป้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกโค่นต้นไม้ไม่ได้”
บัวผันไม่ยี่หระ พูดไปฟันต้นไม้ไป “ทำไมจะไม่ได้ นี่มันต้นมะม่วงของฉัน”
“มันก็เป็นของฉันด้วย” เช้าบอก
“เออ ฉันรู้ ฉันโค่นส่วนที่เป็นของฉัน” บัวผันไม่สน
ปกป้องมองมาลา สองคนต่างก็ไม่สบายใจ มาลัยมองปกป้องที มาลาที พอจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสอง
“ฟันมันขนาดนั้น มันก็ตายเท่านั้นแหละ” บานชื่นว่า
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้” เทศบอก
“ไม่ต้องมาเจ้าเล่ห์เลย พวกแกตั้งใจจะโค่นมันให้ตาย” เช้าโมโห
“ใครเจ้าเล่ห์กันแน่ ใครที่มันขโมยมะม่วงไปจนหมดต้น” บัวผันยิ้มเยาะ
“ถึงยังไงแกก็ไม่มีสิทธิ์โค่นมัน”
เช้าทนไม่ไหวตรงเข้าไปจับแขนบัวผันข้างที่ถือขวานไว้ ไม่ให้ฟันต่อ
“พอได้แล้ว”
“ปล่อยกูนะ พี่เทศ ช่วยฉันด้วย”
เทศยกขวานในมือขึ้น วิ่งเข้าไปหา “ปล่อยเมียกูนะมึง”
เช้าดึงเอาตัวบัวผันมาเป็นโล่บังตัวเองไว้ “เอาซี ฟันลงมาเลย กล้าก็ฟันมาเลย”
เทศเลยลังเล ได้แต่เงื้อง้าไม่กล้าทำอะไร มาลาเดินเข้ามา
“พ่อ แม่ ลุงเช้า หยุดเถอะค่ะ อย่าทะเลาะกันเลย”
มาลาพยายามร้องขอให้หยุด ตาคอยมองที่ปกป้องให้ช่วยพูดอีกแรง แต่ปกป้องก็ช่วยอะไรไม่ได้ มาลาตัดสินใจเข้าไปแกะมือของเช้าออกจากแขนแม่
“อย่าทะเลาะกันนะคะหนูขอร้อง”
“แกไม่เกี่ยว”
เช้าโมโหผลักสุดแรง มาลาหงายหลังล้มลงหัวไปกระแทกก้อนหินที่พื้น มีเลือดไหลซึมออกมาทันที ปกป้องตกใจถลาเข้าไปประคองคนรัก มาลัยวิ่งไปคุกเข่าจับแขนดูอาการพี่สาว
“มาลา” ปกป้องเห็นเลือดมาลาก็โมโห หันขวับไปหาพวกผู้ใหญ่อย่างอัดอั้น “พอได้หรือยังครับ”
เช้าผงะยอมปล่อยบัวผัน ฝ่ายบัวผันเห็นลูกสาวเลือกตกยางออกก็ชะงัก ปล่อยขวานทิ้งลงกับพื้น แล้วเข้ามาดูลูก
“เป็นไงบ้างลูก”
บัวผันผลักปกป้องออกห่าง แล้วเข้าไปประคองมาลาแทน ปกป้องต้องลุกถอยตัวออกมา เทศเองก็ลดขวานในมือลง มานั่งลงข้างๆ ลูก
บานชื่นมองปกป้องอย่างไม่พอใจ
บานชื่นเดินเข้ามาในบ้าน เช้ากับปกป้องตามเข้ามา
“เพราะพ่อคนเดียว เห็นแก่เงินไม่กี่บาท ดูซิ มันไปกันใหญ่แล้ว” บานชื่นต่อว่าสามี
“นี่ไม่รู้มาลาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ปกป้องเป็นห่วงคนรัก กังวลไม่คลาย
“ไม่ตายหรอกน่า” เช้าว่า
“ยังไงเขาก็เจ็บครับ พ่อไม่เห็นเลือดเขาไหลเหรอ”
เช้าชะงักหงุดหงิด “แกพูดเรื่องอะไร”
“ก็ที่พ่อไปผลักมาลา จนเขาล้ม หัวไปกระแทกก้อนหินนั่นไงครับ”
“ไอ้บ้า ที่ว่าไม่ตายน่ะ ฉันพูดถึงต้นมะม่วงเว๊ย”
ปกป้องไม่อยากเชื่อหู “พ่อ นี่พ่อยังห่วงต้นมะม่วงอีกเหรอ”
บานชื่นหน้าตึงอีก ไม่ชอบคำพูดลูก “ป้อง พูดแบบนั้นกับพ่อได้ยังไง”
“แต่มาลาเขาเจ็บขนาดนั้น”
“ก็ช่างเขาซี ไม่ได้เป็นอะไรกับเรานี่”
ปกป้องเครียดจัด “แม่”
บานชื่นตอกประตูปิดทางรักลูกชาย “เลิกคิดเรื่องจะแต่งงานกับมาลาได้แล้ว บ้านนั้นน่ะมันทำให้พี่ชายลูกต้องตายยังไม่พอ มันยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราอีก ลูกก็เห็น”
“แต่ก่อนเราก็รักกันดีนี่ครับ”
“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว จะให้แม่ต้องย้ำกี่ครั้งว่าปองพลตายเพราะคนบ้านนั้น แล้วพวกมันยังกล้ามาด่าพ่อลูก ว่าเป็นไอ้ขี้ขโมย ไอ้คนโกหก เจ้าเล่ห์อีก เมื่อกี้ถ้าพ่อลูกไม่เอาตัวบัวผันกันไว้ มันคงเอาขวานจามหัวพ่อตายไปแล้วมั้ง แบบนี้ลูกจะยังไปเข้าข้างมันได้ยังไง”
ปกป้องอึดอัดเหลือทน “แต่พ่อก็...”
“อะไรๆๆ พ่อทำอะไร แกพูดให้ดีนะ” เช้าพาลแล้ว
บานชื่นขัดทันที “ถึงยังไงพ่อก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดลูก พระคุณของพ่อน่ะยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง แม่ขอบอกไว้เลยนะ เรื่องแต่งงานกับลูกสาวบ้านนั้นน่ะ เลิกคิดได้เลย ยังไงก็ไม่มีวันเป็นไปได้ แม่ไม่ยอมเด็ดขาด”
สิ้นคำบานชื่นก็เดินขึ้นเรือนไปด้วยความโกรธ เช้ามองปกป้องอย่างไม่พอใจเช่นกัน เดินตามขึ้นห้องไป
ปกป้องทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ห้องรับแขกอย่างคนสิ้นหวัง รู้สึกเหมือนโลกถล่มลงตรงหน้า
เช้าวันถัดมา เห็นคนงานบริษัทเดินเข้าตึกสำนักงานไป อีกครู่หนึ่ง รถปกป้องแล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถข้างตึกโรงงาน ปกป้องลงจากรถปิดประตูหันมาแล้วต้องชะงัก เมื่อมองห่างออกไปเห็นมาลัยยืนพิงมอเตอร์ไซค์มองจ้องอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนจะเดินปรี่เข้ามาหาปกป้อง
“มาลาเป็นยังไงบ้าง”
“เย็บห้าเข็ม”
ปกป้องรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น “ทำไมถึงต้องมีเรื่องอย่างนี้ด้วย”
“แต่พี่มาลาเขาเข้มแข็ง เจ็บแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก” มาลัยหยุดไปนิด “ว่าแต่พี่เหอะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
ปกป้องนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง “พี่คุยกับแม่พี่แล้ว”
มาลัยเนื้อเต้น “จริงอ่ะ พูดว่าอะไร”
“บอกเขาว่า พี่จะแต่งงานกับมาลา”
มาลัยตาโต “หา พูดตอนไหน หลังจากมีเรื่องเมื่อวานน่ะเหรอ”
“พูดก่อนหน้านั้น ยังพูดไม่ทันจบก็เกิดเรื่องต้นมะม่วงบ้านั่นซะก่อน” ชายหนุ่มถอนใจหน้าเครียดลงถนัดตา
มาลัยดูออก “งั้นก็หมายความว่า คงเป็นไปไม่ได้”
ปกป้องส่ายหน้าเขายังไม่ยอมแพ้ “ไม่ ยังไงพี่ก็จะแต่งกับมาลา พี่รักเขา รักมากที่สุด อาจต้องให้เวลาพ่อกับแม่พี่หน่อย”
มาลัยเหน็บ “อาจจะนานมากๆ เลยนะ”
“นานแค่ไหน พี่ก็ไม่เลิกรักมาลา”
มาลัยนิ่งไปครู่หนึ่ง “พี่มาลาคงดีใจที่ได้ยินอย่างนี้”
ปกป้องคิดอะไรขึ้นมาได้ “เอางี้ พี่ฝากจดหมายไปให้มาลาหน่อยได้ไหม”
มาลัยพยักหน้ารับเอาคำ
ปกป้องเปิดกระเป๋าถือ หยิบสมุดโน้ตออกมา แล้ววางลงที่กระโปงหน้ารถ เริ่มเขียนจดหมายถึงคนรัก
อ่านต่อหน้า 3
บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา มาลัยพาตัวเองมานั่งอ่านจดหมายคนรักพี่สาวอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ราวกับมีเสียงของปกป้องมาเป็นคนอ่านเนื้อความให้ฟังข้างๆ หู กระนั้น
“มาลาสุดที่รัก
พี่ต้องขอโทษที่พ่อของพี่ทำให้มาลาต้องเจ็บตัว เป็นความผิดของพี่ ที่ไม่เข้าไปห้ามพ่อตั้งแต่แรก หวังว่ามาลาจะยกโทษให้พี่ เราสองคนโชคร้ายที่ต้องมาเป็นแบบนี้ แต่พี่รู้ว่าไม่มีอะไรจะขวางความรักของเราได้ พี่อยากพบกับมาลา เราจะได้คุยเรื่องอนาคตของเรา ฝันที่เราเคยมีร่วมกัน เราจะช่วยกันทำให้มันเป็นความจริง”
อ่านแล้วมาลัยนิ่งงันไป ครุ่นคิดสับสน บอกตัวเองในใจ
“เพราะเป็นพี่นะพี่มาลา ฉันถึงยอม ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นฉันคงไม่ยอมปล่อยพี่ป้องให้ง่ายๆ หรอก”
น้ำตามาลัยไหลรินหยดลงบนจดหมายรักของปกป้อง มาลัยรีบลูบน้ำตาออกจากจดหมายนั้น พับใส่ซองเหมือนเดิม และปาดเช็ดน้ำตาออกจากตา เหม่อมองสายน้ำเหมือนตัดใจเด็ดขาด
ด้านมาลากำลังรีดผ้าอยู่ในบ้านเป็นชุดนักเรียนของมาลี ที่หน้าผากมีผ้าปิดแผลไว้ บัวผันออกมาจากห้องครัว
“ทำงานไหวแล้วเหรอลูก ไปนอนพักเถอะไป เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
“แค่ชุดนักเรียนของมาลีน่ะค่ะ มันหมดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องจะไม่มีใส่”
บัวผันมานั่งลงใกล้ๆ ลูกสาวคนโต “แล้วเป็นไง หายเจ็บหรือยัง”
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ กินพาราไปเมื่อกี้”
บัวผันมองลูกด้วยความเป็นห่วง แล้วนึกโมโหขึ้นมา “มันเลวจริงๆ ไอ้เช้าเนี่ย กับผู้หญิงมันก็ไม่เว้น นังครูก็ยืนดูเฉย เลวทั้งบ้าน”
“คงทำอะไรไม่ถูกมั้งคะ แต่พี่ป้องเขาก็เข้ามาดูมาลานี่” มาลาแก้ต่างให้
บัวผันนิ่งไป “แต่แม่ไม่ชอบ เป็นผู้ชายมาจับเนื้อต้องตัวผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”
“โธ่แม่ พี่เขาเป็นห่วงมาลา กลัวว่าจะเป็นอะไรมาก”
“ถึงยังไงก็ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อมัน เป็นคนบ้านนั้น” บัวผันเน้นคำท้ายประโยค
มาลานิ่งไป “มาลาว่าเราจะเกลียดใคร ก็ควรจะเลือกเกลียดคนที่ไม่ดีจริงๆ พี่ป้องเขาไม่เหมือนพ่อกับแม่เขาหรอก”
“รู้ได้ยังไง” บัวผันชะงัก เหมือนคิดอะไรได้ “ลูกกับมันมีอะไรกันหรือเปล่า”
มาลานิ่งไปอีกนิดคิดหาคำพูด “ก็เรา...เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก”
“ให้มันแค่นั้นจริงๆ นะ อย่าให้แม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับมัน แม่ไม่ยอมเด็ดขาด”
มาลาทำเป็นยิ้มรับแล้วส่ายหน้า แต่เมื่อแม่ไม่มองแล้ว สีหน้ามาลาก็หมองลงไปถนัดตา
เมื่อรีดผ้าเสร็จ มาลานำเอาชุดนักเรียนของมาลีมาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าในห้องน้อง เมื่อมองชัดๆ จึงเห็นว่าดวงตาของมาลามีน้ำตาคลอเต็มตา น้ำตาเจ้ากรรมไหลรินออกมาด้วยความอึดอัดอัดอั้น มาลายืนน้ำตาร่วงอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า สักครู่หนึ่งมาลัยจึงเดินเข้ามาหยุดยืนมองพี่สาวอยู่ที่ประตูห้อง
“ยืนทำอะไรอยู่น่ะพี่”
เสียงของมาลัยเรียกสติให้มาลารู้สึกตัว รีบเอามือปาดเช็ดน้ำตาออก และยังไม่หันไปให้น้องเห็น
“เอาชุดนักเรียนของมาลีมาเก็บ”
“แม่บ่นอะไรไม่รู้ เรื่องพี่กับพี่ป้อง”
มาลาอึ้งไป เก็บผ้าเข้าตู้ต่อ
“พี่บอกแม่ว่าจะเกลียดใคร ก็ควรจะดูว่าคนๆ นั้นเป็นคนไม่ดีจริงๆ หรือเปล่า”
“ใช่เหรอ เห็นแม่บอกสงสัยพี่กับพี่ป้อง...แอบคบกัน”
มาลาอึดอัดเต็มทน “แม่ก็คิดไปเรื่อย”
“นั่นซี มาลัยก็คิดยังงั้น เพราะจริงๆ พี่สองคนไม่ได้แอบคบกัน แต่พี่ เป็นของกันและกันแล้วต่างหาก”
มาลาชะงัก อึ้งไปหันมามองน้องด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “มาลัย”
“มาลัยรู้มาหลายวันแล้ว”
มาลากระอึกกระอัก พูดไม่ออก “มาลัย...พี่”
“ตอนแรกมาลัยก็นึกโกรธพี่นะ แต่แล้วมาคิดอีกที จะโทษพี่ก็ไม่ได้ ถ้าสองครอบครัวทะเลาะกันแบบนี้ เป็นมาลัยก็ไม่มีวันบอกให้ใครรู้”
“แต่พี่ควรจะบอกให้มาลัยรู้ เพราะมาลัยก็ชอบพี่ป้อง”
“พี่จะยกพี่ป้องให้มาลัยไหมล่ะ ถ้ามาลัยขอ อย่างที่พี่พูดวันก่อน” มาลัยแกล้งถาม
“ถ้ามาลัยต้องการ พี่ก็...”
มาลัยสวนออกมาเลย “ไม่เอาหรอกพี่ มาลัยไม่สนพี่ป้องหรอก เขาไม่ใช่สเป็ก” มาลัยหันหน้าหนีไปอีกทางคล้ายทำใจ ก่อนจะเดินเข้ามาหาจับมือพี่สาวมากุมให้กำลังใจกัน “แล้วมาลัยก็อยากเห็นพี่สาวมาลัยมีความสุขมากกว่า”
“ขอบใจจ้ะ” มาลาเต็มตื้นสวมกอดน้องก่อนจะถอนตัวออกมา สีหน้าไม่สบายใจเอาเลย “แต่ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นไหม วันที่พี่กับพี่ป้องจะมีความสุขน่ะ”
“มันก็เป็นเรื่องของพี่ทั้งสองคนจะช่วยกันคิด” พร้อมกับว่ามาลัยล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบจดหมายของปกป้องออกมายื่นให้พี่สาว “พี่ป้องเขาฝากจดหมายมาให้”
มาลารับมา
“มันยับหน่อย ใส่กระเป๋ากางเกงมา” มาลัยตัดสินใจบอกเรื่องดาวราย “พี่จะทำอะไรคงต้องรีบหน่อยนะ เพราะยัยดาวรายก็จ้องจะจับพี่ป้องอยู่เหมือนกัน”
มาลัยเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้มาลาเปิดจดหมายออกอ่าน
วันต่อมา ที่ด้านหลังศาลาการเปรียญของวัดบางน้ำผึ้งนอก มีม้าหินสำหรับนั่งพักผ่อน พันลือนั่งอยู่ที่ม้าหิน มีลูกน้อง 3-4 คน ยืนอยู่รอบๆ สองฝั่งของพันลือ มีวัยรุ่น1 และวัยรุ่น2 กำลังถูกอบรมอยู่
“มึงสองคนเป็นคนบางน้ำผึ้งทั้งคู่ เกิดที่นี่ ประถมจบที่นี่ ม.ต้นก็จบที่นี่ แต่พอแยกไปใส่ขายาว ทำไมถึงต้องเป็นศัตรูกันวะ”
วัยรุ่น1 บอก “มันเล่นเพื่อนผม”
วัยรุ่น2โต้กลับว่า “เพื่อนมึงมากวนตีนพวกกู”
“กูรู้แล้ว มันเบิ้ลเครื่องหน้าโรงเรียนมึง” พันลือว่า
วัยรุ่น1อธิบาย “คาร์บิวมันตัน มันเลยต้องเร่งไล่น้ำมัน”
“จริงๆแล้วคาร์บิวตัน มันต้องล้างเว๊ย เบิ้ลน้ำมันไปก็ไม่ได้ช่วยหรอก แต่โอเค” พันลือบอกกับวัยรุ่น2 “รู้เหตุผลของมันแล้วใช่ไหม มันไม่ได้คิดจะลบหลู่ศักดิ์ศรีอะไรของพวกมึงเลย แล้วไปไล่แทงกันบนรถเมล์น่ะ คนไม่รู้เรื่องก็เดือดร้อนไปด้วย แล้วพอตำรวจรู้ว่าพวกมึงเป็นเด็กบางน้ำผึ้ง เขาก็มาต่อว่าพ่อกู เป็นกำนันยังไง ไม่รู้จักดูแลเด็ก แล้วกูนี่เว๊ย ลูกกำนันมาก เป็นคนที่ต้องอาย แล้วลองถามไอ้พวกนี้ดู” พร้อมกับว่า พันลือ ชี้ไปที่ลูกน้องรอบๆ “เวลากูอาย กูทำยังไง”
ลูกน้องหนึ่งในนั้น บอก กับวัยรุ่น1และวัยรุ่น2 “ส่วนใหญ่กว่าจะเจอตัวไอ้คนทำให้พี่ลืออาย มันลอยออกไปปากน้ำแล้ว”
วัยรุ่น1และวัยรุ่น2 รู้สึกสยอง
“ที่อยากจะถามมึงสองคนก็คือ จบได้ไหม” เห็นสองคนยังนิ่งอยู่ แถมเหลือบมองกันไปมา พันลือตวาดดัง “ถามว่าจบได้ไหม”
สองวัยรุ่นรับพร้อมๆ กัน “ได้ครับ”
“ไปเคลียร์กับเพื่อนๆ มึงด้วย บางน้ำผึ้งมีนักเลงได้แก๊งเดียว”
วัยรุ่นทั้งสองคำนับรับคำ พันลือโบกมือให้สองวัยรุ่นออกไปได้ สองคนรีบลนลานออกไป
พันลือสั่งการกับลูกน้องว่า “แยกกันไปตามดูพวกมันด้วย ถ้ายังไม่ยอมจบ ก็จัดการสั่งสอนมันได้เลย”
ลูกน้องรับเอาคำแล้วแยกกันไป
พอทุกคนแยกย้ายสลายตัวกันไป พันลือเดินมาในลานจอดรถเพื่อจะไปที่รถของตน แต่แล้วต้องชะงักเมื่อมองไปยังอีกด้านหนึ่งของลานจอดรถ เห็นรถของปกป้องจอดอยู่ พันลือหันมองไปรอบๆ เพื่อจะมองหาว่าปกป้องอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่เห็น พันลือออกเดิน พร้อมกับสอดตามองหาปกป้องไปด้วย
พันลือเดินไปทั่วๆ วัดเพื่อจะหาปกป้อง ตัดภาพมาหลายๆ มุม แต่ก็ยังไม่เห็นปกป้อง
กระทั่งพันลือเดินมาที่ริมแม่น้ำ ภาพชัดที่พันลือ แล้วภาพผ่านไปที่สวนหย่อมริมแม่น้ำ เป็นภาพเบลอ เห็นคนหนึ่งยืนอยู่ อีกคนนั่งอยู่ที่ม้าหิน แล้วพันลือหันมองไปทางคนสองคนนั้น ภาพที่เบลออยู่จึงชัดขึ้น เห็นว่าคนที่ยืนคือปกป้อง คนที่นั่งคือมาลา
พันลือขยับหลบหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ แล้วมองไปที่ปกป้องกับมาลา ในใจร้อนรุ่มด้วยความไม่พอใจ
เย็นวันนั้นปกป้องยืนอยู่บริเวณสวนหย่อมริม เขานัดเจอมาลาที่นี่ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“ก่อนที่จะเกิดเรื่องต้นมะม่วงวันนั้นน่ะ พี่กำลังบอกแม่ว่า พี่จะแต่งงานกับมาลา”
“แล้วแม่พี่ว่ายังไง”
“แม่พี่ยังโกรธทางบ้านมาลาอยู่ เขาไม่ยอม ตอนแรกพี่ก็คิดว่าจะรอเวลาอีกหน่อย แล้วค่อยๆพูดอีกครั้ง แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องอีก แล้วทางบ้านมาลาล่ะ เขารู้เรื่องของเราหรือยัง”
“ที่บ้านก็มีแต่มาลัยที่รู้ แม่ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แล้วก็สั่งห้ามไม่ให้เราคบกัน”
ปกป้องถอนใจ เครียด “เป็นแบบนี้พี่เองก็จนปัญญาแล้ว ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องของเรายังไง”
“ไหนพี่เขียนในจดหมายว่า เราจะมาคุยเรื่องอนาคตของเรา”
“นั่นแหละ พี่ถึงอยากเจอมาลา มาลาคิดไว้บ้างไหมว่าเราจะทำยังไงกัน”
มาลานิ่งไปครู่หนึ่ง “ถ้ายังอยู่ที่นี่ คงไม่มีวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”
“หมายความว่ายังไง”
“เราสองคนต้องไปอยู่ที่อื่น”
ปกป้องนิ่งไป
“มาลาอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอให้มีพี่อยู่ด้วย”
ปกป้องทักท้วง “มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ทำงานพี่ก็อยู่ที่นี่”
“เราก็ย้ายไปอยู่ที่ๆเขาจะรับพี่เข้าทำงานซี พี่มีความรู้ ทำงานที่ไหนก็ได้”
“พี่ทำงานที่นี่มาห้าปีแล้ว ตำแหน่งพี่ที่นี่มันระดับหัวหน้า เงินเดือนก็สูง งานมั่นคงขนาดนี้ พี่ทิ้งไปไม่ได้หรอก พี่ไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่นไม่ไหวหรอกมาลา”
มาลานิ่งไป หันไปมองคนรักด้วยความอัดอั้น ปกป้องเองก็พอจะรู้ว่าที่พูดไป ดูไม่ดีเท่าไหร่จึงนั่งลงข้างๆ มาลาจับมือเธอมากุมไว้
“เราค่อยๆ คิดก็แล้วกันนะ มันอาจจะมีทางออกอื่นอีก”
“ก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน พี่ต้องการทำยังไง มาลาก็พร้อมจะทำตาม”
มาลาเอนหัวมาพิงกับบ่าของคนรัก ปกป้องกุมมือของมาลาไว้นิ่งนาน
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวต่ำลง จนลับขอบฟ้าไป
สักครู่หนึ่งปกป้องกับมาลาเดินมาด้วยกันในลานวัด ตรงไปที่รถ
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอแป๊บเดียวค่ำแล้ว”
มาลาถอนใจ “เราจะต้องหลบๆซ่อนๆ แอบเจอกันแบบนี้อีกนานแค่ไหนคะ”
“ก็จนกว่าเราจะหาทางออกได้ ให้เวลาพี่หน่อย”
มาลาพยักหน้ารับเอาคำ
สองคนเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ของมาลาที่ไว้จอดคันเดียวกับที่มาลัยใช้นั่นเอง
ปกป้องมองไปรอบๆ “มันมืดแล้ว ให้พี่ขับรถตามไปไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านอยู่แค่นี้เอง อีกอย่างถ้ามีใครเห็นเราไปด้วยกัน จะเกิดปัญหา” มาลาขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์
“งั้นก็..เดินทางปลอดภัยนะ”
มาลามองหน้าปกป้อง ยิ้มให้ แม้ลึกๆ เธอจะรู้สึกผิดหวังมากก็ตาม
มาลาสตาร์ตเครื่องขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ปกป้องโบกมือให้
รถของปกป้องในลานจอดรถ ปกป้องเดินมาถึง ล้วงกระเป๋ากางเกงเอากุญแจรถออกมา เสียงพันลือดังเข้ามา
“มึงเป็นผู้ชายแบบไหนวะ”
ปกป้องชะงัก หันมามองทางเสียงเห็นพันลือยืนอยู่ใกล้ๆ รถของเขา
“อ้าว พันลือ สบายดีนะ”
พันลือเดินเข้ามาหาปกป้อง
“ไม่ต้องมาพูดดี ที่กูถามมึงยังไม่ตอบเลย”
ปกป้องงง “เรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“มาลัยมันบอกว่ามาลามีเจ้าของแล้ว กูก็เพิ่งรู้ว่าเป็นมึง มึงมาแอบพบกับมาลาที่นี่ใช่ไหม”
ปกป้องเงียบไปนิด “เรานัดมาคุยกัน”
“มึงก็รู้ว่าพ่อแม่ของมึงกับพ่อแม่มาลา เขาเกลียดกันแค่ไหน มึงมายุ่งกับมาลาแบบนี้ รู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับมาลา”
“เราสองคนคบกันมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะมีเรื่องบ้าๆ พวกนี้”
“แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว มึงจะทำให้มาลามีปัญหากับพ่อแม่เขา ถ้ามึงเป็นลูกผู้ชาย แล้วเป็นห่วงมาลา มึงก็ควรจะถอนตัวไปซะ ปล่อยมาลาไป”
“ฉันว่านั่นจะยิ่งทำให้มาลาแย่หนักลงไปอีกนะ ถ้าฉันไปแล้วนักเลงขี้เรื้อนอย่างแกเข้ามาสวมแทน”
พันลือไม่พอใจ “กูไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง กูเป็นห่วงมาลา”
ปกป้องหัวเราะเยาะขำๆ “เอาเหอะ ฉันเชื่อ”
ไม่เท่านั้นปกป้องยังทำเหมือนไม่ใส่ใจ หันจะเปิดประตูรถ พันลือโกรธจนทนไม่ไหว จับไหล่ปกป้องแล้วดึงให้หันมา
“มึงจะเลิกยุ่งกับมาลาไหม”
ปกป้องฉุน “แกสั่งฉันไม่ได้”
“งั้นเหรอ”
โดยไม่พูดอะไรอีก พันลือปล่อยหมัดใส่หน้าปกป้องทันที ปกป้องถูกชกถึงกับหงายหลังไป
“กูจะทำให้มึงรู้ ว่าคนที่ทำให้มาลาต้องเจ็บ จะต้องเจ็บมากกว่าแค่ไหน”
พันลือกระชากคอเสื้อปกป้องมาชกใส่อีกหมัด ปกป้องเซไป พยายามจะต่อสู้ป้องกันตัวเองบ้าง แต่แทบไม่เป็นมวยเอาเลย พอชกไปพันลือก็หลบฉาก ปกป้องชกลมแล้งไป แถมถูกพันลืออัดเข้าที่หลังบริเวณไต ปกป้องทรุดลงไปคุกเข่า พันลือเตะเข้าให้ที่ท้องเต็มๆ ตีน ปกป้องล้มลงนอนหงาย พันลือกระทืบซ้ำอีก 2-3 ครั้ง จนปกป้องแน่นิ่งไป พันลือถ่มน้ำลายใส่ปกป้องอีกครั้ง
“แล้วจำไว้ด้วยนะเว๊ย กูไม่ใช่เพื่อนเล่นของมึง”
พันลือเดินกร่างออกไป ทิ้งปกป้องให้นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้นอย่างนั้น
เช้าวันนี้ในขณะที่มาลาเดินดูแลสวนครัวท่าทางเหม่อลอยอยู่นั้น มาลัยขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา ร้องตะโกนเอ็ดตะโรนำมาก่อน
“แย่แล้วพี่มาลา แย่แล้ว”
มาลาชะงัก หันมามองน้อง มาลัยจอดรถใกล้ๆ พี่สาว ลงรถมาท่าทางตื่นเต้น
“ทำไม มีอะไร”
“เมื่อกี้ตอนที่มาลัยขี่รถไปส่งมาลีที่โรงเรียน มาลัยเจอยัยรัช เพื่อนมาลัยที่เป็นพยาบาลน่ะ มันบอกข่าวเรื่องพี่ป้อง”
มาลาตกใจ “พี่ป้องเหรอ พี่ป้องเป็นอะไร”
“เมื่อคืนมีคนเจอพี่ป้องที่วัด ถูกซ้อมจนสลบอยู่กับพื้น”
“อะไรนะ” มาลาใจหล่น
“ชาวบ้านเขาช่วยกันพาพี่ป้องไปส่งที่โรงพยาบาล”
“อาการหนักมากไหม พาพี่ไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า” มาลาทำท่าจะมาขึ้นรถ
“ไม่ต้องไปแล้ว เมื่อเช้าแกอาการดีขึ้น ลุงเช้ากับครูเขามาพากลับไปบ้านแล้ว”
“อาการดีขึ้นเหรอ”
“ยัยรัชมันว่าอย่างนั้น”
“พี่อยากไปดูพี่ป้องจังเลย”
“จะไปได้ยังไง รอฟังอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวก็มีคนเอาข่าวมาบอกเอง”
มาลาอดห่วงปกป้องไม่ได้
“เออ แล้วพอรู้ไหม ใครเป็นคนทำพี่ป้อง”
บานชื่นเข้ามาในนอนลูกชายอุทานลั่นคล้ายไม่เชื่อ
“พันลืองั้นเหรอ มันเป็นคนทำร้ายลูกเหรอ”
ปกป้องนอนซมอยู่บนเตียง ใบหน้ายังมีรอยฟกช้ำ เช้าก็อยู่ในห้องด้วย
“ลูกไปมีเรื่องอะไรกับมัน”
ปกป้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงบอก “มันก็ชอบมาลา”
บานชื่นคุมแค้น “เป็นเพราะนังนั่นเหรอ ลูกยังไปยุ่งกับมันอีกเหรอ แม่บอกลูกว่ายังไง”
“พอเถอะแม่ ผมยังเจ็บอยู่นะครับ”
เสียงดาวรายดังเข้ามา
“ครูคะ ครูบานชื่น อยู่ไหมคะ”
บานชื่นเดินออกจากห้องนอนลูกชาย ลงเรือนไป
เช้าเดินมาที่เตียงปกป้อง “ยังโชคดีนะ มันไม่เล่นงานแกถึงตาย”
“โธ่ พ่อ”
“ไอ้ลือน่ะมันทำได้จริงๆ นะ”
บานชื่นกลับขึ้นมาในห้องพร้อมดาวรายซึ่งในมือมีถุงของเยี่ยมไข้มาด้วย
“ดาวรายเขาอยากมาเยี่ยมลูก”
ดาวรายไหว้เช้านอบน้อม “สวัสดีค่ะคุณลุง” เช้ารับไหว้
ดาวรายเดินมาที่เตียงปกป้อง
“โถ ดูซิ เจ็บมากไหมคะ”
“ความจริงไม่ต้องลำบากมาเลย” ปกป้องเกรงใจ
“ดาวได้ยินข่าวแล้วตกใจมากเลย เป็นห่วงว่าพี่จะเป็นอะไรมาก”
บานชื่นเอาของเยี่ยมไข้มาวางที่โต๊ะ บอกลูกชาย
“ดาวรายเขาเอาของมาเยี่ยมไข้ด้วยนะ”
“พวกน้ำนมข้าว กับซุปไก่น่ะค่ะ จะได้ช่วยฟื้นกำลังเร็วขึ้น”
“พักวันสองวันก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” ปกป้องบอก
“เป็นยังงั้นได้ก็ดี ดาวรายก็หมดห่วง”
ดาวรายยิ้มให้ปกป้อง แล้วเอื้อมมือไปเขี่ยผมที่หน้าผากของปกป้อง ปกป้องรู้สึกอัดอัด แต่ก็ยิ้มให้ดาวราย
บานชื่นมองดาวรายแล้วรู้สึกชอบใจ
อ่านต่อหน้า 3
บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)
ดาวรายกับบานชื่นลงบันไดมา มีเช้าตามหลังมาด้วย
“เห็นพี่ป้องไม่เป็นอะไรมาก ดาวก็สบายใจแล้ว”
“จ้ะ ให้เขาได้พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ”
“เออ แล้วรู้ไหมคะ ใครเป็นคนทำร้ายพี่ป้อง พวกโจรเหรอคะ”
“โจรอะไรกัน นายพันลือลูกกำนันเป็นคนทำร้ายปกป้อง” ดาวรายมีอารมณ์กรุ่นๆ
“พี่พันลือเหรอคะ เขามีเรื่องอะไรกันคะ” ดาวรายแกล้งถาม
“สองคนดันมาชอบผู้หญิงคนเดียวกัน”
ดาวรายอึ้งไป
“แล้วรู้ไหมว่าใคร ยัยมาลาลูกนังบัวผันไงล่ะ ไม่รู้พวกมันจะจองเวรจองกรรมอะไรกับครอบครัวครูนัก”
“แล้วครูจะทำยังไงต่อคะ แจ้งตำรวจหรือยัง”
“แจ้งทำไม” เช้าแทรกขึ้น
“อ้าว ก็เขาทำร้ายพี่ป้องขนาดนี้ จะปล่อยไปเฉยๆ เหรอคะ”
“ไม่ใช่แค่ปล่อยไปเฉยๆ นะ ต้องไม่พูดอะไรเรื่องนี้ทั้งนั้น” เช้าบอก
ดาวรายงง “ทำไมล่ะคะ”
บานชื่นบอกว่า “พ่อเขากลัวกำนัน”
“มีใครไม่กลัวบ้าง ขืนไปมีเรื่องกับมัน ก็จองวัดไว้ล่วงหน้าได้เลย”
“แล้วเขาจะไม่มาทำร้ายพี่ป้องอีกเหรอคะ”
“ถ้าจะให้จบเรื่องนี้มีทางเดียว ต้องห้ามเจ้าป้องไม่ให้ไปยุ่งกับลูกสาวไอ้เทศอีก”
ดาวรายนิ่งคิด
“รายนี้น่ะหัวดื้อ” บานชื่นหันมาหาดาวรายเปิดทางให้ “ยังไงครูต้องขอแรงดาวรายด้วยนะ ช่วยมาอยู่ใกล้ๆป้อง คอยดูเขาหน่อย”
“ได้ค่ะ ดาวรายจะช่วยดูแลพี่ป้องเอง”
ดาวรายรับคำโดยยินดี ยิ้มชื่นสุขใจทางรักราบรื่น
กลับถึงร้านดาวรายจัดของขึ้นชั้นสินค้าอยู่ เสร็จแล้วลุกขึ้นยืนหันตัวมา แต่ต้องสะดุ้ง เพราะตรงหน้าเป็นพันลือยืนจ้องอยู่
“จะซื้ออะไร” ดาวรายถามเสียงขุ่น เคืองที่พันลือชกต่อยปกป้อง
“น้ำแข็งหลอด 4 ถุง”
“ยี่สิบบาท”
พันลือควักแบงก์ยี่สิบออกมาถือไว้ ดาวรายดึงเงินมา
“ไปหยิบเอาเลยในถังน้ำแข็งโน่น”
“ทำไมวันนี้ดุจัง”
“ยังมีหน้ามาถาม ก็ไปทำอะไรมา”
พันลือนิ่งไปนิด “รู้เรื่องด้วยเหรอ”
“ทำไมถึงต้องโหดกับพี่ป้องเขาขนาดนั้น”
“ก็เกลียดขี้หน้ามัน”
“แล้วไม่กลัวเหรอ ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรหนักขึ้นมา พี่ติดคุกได้เลยนะ”
“ใครมันจะเอาพี่เข้าคุก” พันลือจ้องหน้าดาวราย “ดาวรายเหรอ อ๋อ ใช่ซี ได้ข่าวหลังๆ ไปขลุกอยู่บ้านมันบ่อยนี่ เป็นห่วงมันมากใช่ไหม เอาซี ไปแจ้งตำรวจเลย...ถ้ากล้า”
พันลือเดินไปที่หน้าร้านเปิดถังน้ำแข็ง หยิบน้ำแข็งหลอดตามจำนวนที่ต้องการ
จากนั้นเดินเอาน้ำแข็งมาวางลงที่กระบะท้ายรถ ดาวรายเดินออกมาจากร้าน แล้วเข้ามาหาพันลือ
“เดี๋ยวซีพี่”
“มีอะไร”
“ฉันรู้ว่าพี่ทำพี่ป้องทำไม” พันลือนิ่งอยู่ “พี่ไม่ต้องการให้เขาไปยุ่งกับมาลาใช่ไหมล่ะ”
“รู้มากนี่”
“พี่จริงจังเรื่องนี้ใช่ไหม” ดาวรายซัก
“ดาวเองก็สนใจไอ้ป้องใช่ไหมล่ะ จริงๆ เราสองคนเป็นพวกเดียวกันด้วยซ้ำ”
“ถ้าพี่ช่วยกันนังมาลาให้อยู่ห่างๆ พี่ป้อง ฉันก็จะช่วยกันไม่ให้เขาไปยุ่งกับมันเหมือนกัน”
“ได้เลย รีบๆ รวบหัวรวบหางมันซะล่ะ หรือถ้าอยากให้พี่ช่วยอะไรอีกก็บอกได้ หมอทำเสน่ห์พี่ก็รู้จักนะ ได้ยาหมอคนนี้ไป เสร็จทุกราย”
“คนอย่างฉันคงไม่ต้องพึ่งหมอเสน่ห์ของพี่หรอกมั้ง” ดาวรายบอกอย่างถือดีอวดเก่ง
พันลือยิ้ม “งั้นก็ ขอให้โชคดี”
ดาวรายยิ้มดูท่าทางมั่นใจมาก
หนึ่งเดือนผ่านไป
ปกป้องมาตามนัดหมอ เวลานี้อยู่ในห้องตรวจกับหมอซึ่งดูฟิล์มเอ็กซเรย์หัวของปกป้องอยู่
“จากฟิล์มนี่ ทุกอย่างก็ปกติแล้วนะครับ คุณเองก็ไม่มีอาการเวียนหัว หรือปวดหัวแล้วใช่ไหม”
“ผมว่าผมรู้สึกปกติดีแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องนัดอีกแล้ว ถ้ามีอาการอะไรก็ค่อยมาละกัน”
ปกป้องไหว้ “ขอบคุณมากครับ”
หมอยิ้มบางๆ รับไหว้
ประตูห้องตรวจเปิดออก ปกป้องหันไปทางหมอในห้องขอบคุณอีกครั้ง แล้วปิดประตูลงหันมา แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นมาลานั่งอยู่ที่เก้าอี้รอ มาลาลุกขึ้นยืน ยิ้มให้ ปกป้องยิ้มบางๆ ท่าทีเหมือนไม่รู้สึกยินดีที่ได้เจอมาลานัก
“ผมต้องไปรอยา”
มาลาพยักหน้ารับ แล้วเดินไปกับปกป้อง
สองคนเดินมาด้วยกัน
“รู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่นี่”
“เพื่อนของมาลัยที่เป็นพยาบาลเขาโทร.ไปบอก”
“มาลาไม่น่ามาที่นี่เลย”
“มาลาคิดถึงพี่นะ เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือนแล้ว หรือว่าพี่ไม่...”
ปกป้องตัดบท “มันอันตราย”
ทั้งสองมาถึงหน้าห้องจ่ายยา ปกป้องผายมือให้มาลานั่งลงที่เก้าอี้ แล้วนั่งลงข้างๆ
“วันที่พันลือมันทำร้ายพี่น่ะ มันขู่พี่ไว้ ถ้ามันเห็นพี่กับมาลาอยู่ด้วยกันอีก มันจะ...ฆ่าพี่”
“พี่กลัวด้วยเหรอ”
“กลัวซี ไม่เห็นที่มันทำกับพี่เหรอ”
“พี่น่าจะแจ้งตำรวจให้จัดการเรื่องนี้ตั้งแต่วันนั้น”
“แล้วคิดว่ากำนันจะเอาพี่ไว้เหรอ พ่อแม่พี่ก็จะต้องเดือดร้อนด้วย”
มาลานิ่งไปครู่หนึ่ง “แล้วพี่หาทางออกเรื่องของเราได้หรือยัง”
“มีเรื่องแบบนี้ พี่คิดอะไรไม่ออกหรอก”
“ก็อย่างที่มาลาเคยบอกพี่ มีทางเดียวเท่านั้น เราสองคนต้องย้ายออกไปจากที่นี่”
ปกป้องหงุดหงิด “ย้ายออกอีกแล้ว ก็พี่บอกแล้วไง งานของพี่ที่นี่ มันมั่นคงแล้ว”
“แต่ถ้ามันจำเป็น เราก็ต้องไปนะพี่”
ปกป้องชักหัวเสีย “จำเป็น มันจำเป็นยังไงเหรอ”
มาลาอึกอัก ไม่รู้จะพูดดีไหม
“บอกมาซี ถ้ามาลาไม่บอก แล้วพี่จะรู้ได้ไงว่ามันจำเป็นจริงๆ”
มาลาก้มหน้านิ่งอยู่อีกครู่หนึ่ง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองปกป้อง
“มาลาท้องได้สองเดือนแล้ว”
ปกป้องอึ้งตะลึงตะไลไปเลยกับข่าวที่ยิน
อีกฟากหนึ่ง บนถนนในอีกตำบลของเมืองพระประแดง รถของพันลือแล่นมา โดยมีพันลือเป็นคนขับ และดาวรายนั่งอยู่ข้างๆ
“ไหนว่าระดับดาวแล้วไม่ต้องพึ่งหมอไง” พันลือเอ่ยถามขึ้น
“ก็มันเดือนนึงแล้วนี่พี่ ฉันยังไปไม่ถึงไหน ก็อยากจะลองดูว่าหมอของพี่ลือจะแน่ซักแค่ไหนกัน”
“เอาน่า ไม่ต้องเขินไม่ต้องอาย ถึงที่สุดแล้ว ถ้าไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องใช้คาถา แล้วหมอคนนี้นะ ช่วยเหลือทั้งสาวทั้งแก่หรือแม่หม้ายมาเป็นร้อยๆ แล้ว ทุกคนสมหวังทั้งนั้น”
ดาวรายนิ่งคิด เธอเองก็หวังอย่างนั้น
“นั่นไง สำนักท่านอยู่ข้างหน้านั่น”
พันลือแล่นมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง เห็นรถจอดอยู่ริมรั้วหลายคัน พันลือลงรถ ดาวรายตามลงมาด้วย
ทั้งสองพากันเดินหายเข้าไปในสำนัก ที่มีป้ายเขียนไว้ว่า “บ้านหมอนิพนธ์”
ภายในสำนักหมอเสน่ห์ มีพานเครื่องบูชา พวกหมากพลูธูปเทียนและดอกบัววางอยู่มุมห้องข้างๆ ลูกศิษย์ ดาวรายวางแบงก์ร้อยใบหนึ่งพร้อมเศษเรียนอีกเก้าบาทใส่ไว้บนพานเป็นค่าครูตามธรรมเนียม
หมอเสน่ห์เลื่องนามนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา บนโต๊ะหมู่มีเทวรูปบูชาตั้งไว้ดูเข้มขลัง พร้อมกับธูปเทียน โดยไม่มีพระพุทธรูป ลูกศิษย์ของหมอคนดังนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ
ดาวรายและพันลือนั่งพับเพียบรวมอยู่กับชาวบ้านอีก 2-3 คน
ลูกศิษย์บอกดาวรายว่า “เอาเครื่องบูชาถวายอาจารย์เลยครับ”
ดาวรายยกพานขึ้น แล้วคลานเข่าเอาพานไปวางไว้ตรงหน้าหมอ กราบหมอครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วถอยออกมา สักครู่หนึ่งหมอลืมตาขึ้น
“ผู้ชายน่ะ เขาเป็นคนจิตใจอ่อนไหว เขายังอาลัยอีกคนอยู่ แต่ความจริงเขาก็มีใจให้เราอยู่นะ”
ดาวรายทึ่งมาก “จริงเหรอคะ”
หมอนิพนธ์หลับตาอีกครั้ง แล้วครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นมีกรรมผูกพันกับเขามาแต่ชาติก่อน เขาเรียกคู่กรรม”
“แล้วหนูมีโอกาสจะชนะใจพี่เขาไหมคะ”
“เธอน่ะเป็นนางฟ้าที่เกิดมาเพื่อช่วยให้เขาพ้นกรรม ถ้าไม่มีเธอ เขาจะจมอยู่แต่กับความทุกข์”
“แต่ตอนนี้พี่เขาเหมือนไม่แยแสหนูเลยนะคะ”
“อาจารย์จะช่วย”
หมอหันไปพยักหน้ากับลูกศิษย์เป็นเชิงบอก ลูกศิษย์คลานเข่าไปที่หิ้งรูปบูชาประดามี หยิบขวดแก้วเล็กๆ มีน้ำใสๆ อยู่ในขวดนั้นมาถวายให้หมอ
พ่อหมอนิพนธ์รับขวดนั้นมาแล้ววางไว้บนฝ่ามือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งยกขึ้นเหมือนพนมข้างเดียว พึมพำท่องคาถา ฟังดูเหมือนเป็นภาษาอินเดีย
ดาวรายมองดูหมอประกอบพิธีทำเสน่ห์ด้วยความศรัทธาสุดจะประมาณ
หมอท่องคาถาครู่หนึ่งก็เสร็จ
“นี่เป็นน้ำทิพย์ ที่จะช่วยชะล้างกรรมที่เขากับผู้หญิงคนนั้นผูกพันกันอยู่ออกไป เอาผสมกับอาหารให้เขากิน แล้วหัวใจของเขาจะเป็นของเธอ”
หมอนิพนธ์ยื่นขวดแก้วนั้นมาให้ ดาวรายกราบแล้วรับขวดแก้วมา
“แต่จำไว้นะ ในระหว่างที่ครองรักกัน เธอจะต้องตั้งอยู่ในศีล หมั่นทำบุญทำทาน ปรนนิบัติสามีให้ดีที่สุด ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ มนต์ของน้ำทิพย์ก็จะเสื่อม”
“เจ้าค่ะ” ดาวรายรับเอาคำแล้วกราบพ่อหมออีกครั้ง
หมอนิพนธ์หันไปทางชาวบ้าน “เอ้า ใครต่อไป ลูกชายไม่กลับเข้าบ้านอีกแล้วเหรอ ไปดุว่าอะไรมันรุนแรงอีกล่ะซี”
ดาวรายมองดูขวดแก้วในมือ รู้สึกมั่นใจมาก พันลือมองดาวรายพยักหน้าให้กำลังใจ
อยู่มาวันหนึ่งเสียงปกป้องดังขึ้นที่โต๊ะอาหารในบ้าน
“เอาอะไรมาอีกล่ะเนี่ย”
ดาวรายเสิร์ฟต้มกระดูกหมูอ่อนตุ๋นยาจีน เลื่อนไปตรงหน้าปกป้อง
“กระดูกหมูอ่อนตุ๋นยาจีนค่ะ”
ดาวรายอยู่กับปกป้องในห้องครัว
“รู้ได้ไง กระดูกหมูอ่อนนี่ของโปรดพี่เลยนะ”
“ยาจีนที่ใส่ หม่าม้าได้มาจากกว่างสีเลยนะคะ พี่ป้องจะได้แข็งแรงฟิตปั๋งเหมือนเดิม”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ชิมดูซีคะ”
ปกป้องตักน้ำซุปเข้าปาก คำแรกก็นิ่งไป
“เป็นไงคะ”
ปกป้องหันมายิ้มกับดาวราย “พี่ไม่เคยกินอะไรที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย”
ดาวรายยิ้ม ทำเป็นอายนิดๆ
ปกป้องตักกินไปเรื่อยตามองแต่ดาวราย ยิ่งรู้สึกหลงรักมากขึ้นทุกที
“พี่ป้อง ถ้าพี่อยากหายไวๆ ดาวว่าพี่น่าจะลางานไปพักผ่อนซักหน่อยรู้ไหม”
“พี่ก็คิดอยู่ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน”
“เออ เพื่อนดาวเขามีบ้านอยู่ริมแม่น้ำ ดาวเคยไปพัก บรรยากาศดีมากเลย พี่สนใจไหมล่ะ ดาวจะพาไป”
“ก็ดีเหมือนกันนะ”
เมื่อมาถึงบ้านพักริมน้ำปกป้องเปิดประตูระเบียงออก แล้วเดินออกมามองวิวทิวทัศน์แม่น้ำ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด รู้สึกดี
ดาวรายลอบมองปกป้อง เห็นอีกฝ่ายมัวแต่ชื่นชมธรรมชาติ จึงหยิบยาเสน่ห์มาหยอดลงในแก้วเครื่องดื่ม ก่อนจะเดินออกมาที่ระเบียงพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ ยื่นส่งให้ปกป้อง
“ดื่มหน่อยซิคะ”
ปกป้องรับมาดื่มจนหมดแก้ว รู้สึกโล่งอย่างประหลาด
“ที่นี่น่าอยู่มากเลย อากาศก็ดี พี่รู้สึกเหมือน...กำลังอยู่บนสวรรค์”
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นแหละค่ะ บนสวรรค์จริงๆ พี่จะมีความสุขมากกว่านี้อีก” ดาวรายยิ้มเจ้าเล่ห์
ปกป้องนิ่งไปนิด หันกลับมามองดาวราย สองคนมองตากัน ปกป้องเหมือนถูกต้องมนต์
ดาวรายหยิบแก้วเครื่องดื่มมาจากปกป้อง แล้วใช้อีกมือจับแขนของเขา พาถอยหลังกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับดึงปกป้องเข้าไปด้วย
ดาวรายดึงแขนปกป้องเข้ามาในห้อง วางแก้วเครื่องดื่มไว้ที่โต๊ะ แล้วดึงร่างปกป้องถอยไปที่เตียง
ปกป้องมองดาวรายนิ่งๆ แล้วค่อยๆ โน้มหน้าลงจูบปากอย่างดูดดื่ม สองคนนอนลงบนเตียงกอดก่ายรัดรึงอยู่บนเตียง ปลดปล่อยความต้องการภายในออกมาเร่าร้อน
หลายวันผ่านไป มาลานั่งอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน เกลี่ยพริกสดในกระจาดเตรียมตากแห้ง สักครู่หนึ่งมาลัยจึงขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้ามาในบ้าน พอจอดรถแล้ว มาลัยมองมาลาแล้วส่ายหน้า
“ทำอะไรอยู่พี่”
“จะตากพริกหน่อย”
มาลาหยิบแก้วมาเทน้ำจากเหยือกดื่ม
“ดีนะ มัวแต่ตากพริกอยู่ ไม่ได้สนใจโลกภายนอกกับเขาเลย”
“ทำไมล่ะ มีข่าวดีข่าวร้ายอะไรมารายงานอีก”
“ข่าวร้ายจ้ะ ร้ายมากๆ สำหรับพี่ด้วย”
มาลานิ่งงันไป รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแว่บหนึ่ง “เรื่องอะไร”
“ในตลาดเขาลือกันให้แซด เจ๊หมวยกับเฮียลานเที่ยวบอกใครต่อใครว่า ลูกสาวเขาจะแต่งงานกับพี่ป้อง”
แก้วหลุดจากมือตกลงที่พื้นแตก มาลายืนนิ่งตะลึงงันไปเลย
ปกป้องนั่งทำงานง่วนอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง จนประตูเปิดเข้ามา เป็นมาลาก้าวเข้ามาในนั้น
“พี่ป้อง”
เสียงนั้นของมาลาเรียกให้ปกป้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มาลา มาทำอะไรที่นี่”
“มาลามีเรื่องจะถามพี่”
“ไว้นัดกันอีกทีได้ไหม เดี๋ยวพี่มีประชุม”
“ไม่ได้ มาลาต้องการรู้ความจริงเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงเด็ดขาดนั้นเล่นเอาปกป้องอึ้งไปเลย “ตอนนี้พี่ไม่สะดวกจริงๆ ต้องรีบเตรียมเอกสารให้เจ้านาย”
“พี่ป้อง พี่ต้องตอบมาลามาก่อน ที่เขาลือกันน่ะ มันจริงไหม”
ปกป้องมองประเมิน พอจะรู้แล้วว่ามาลาพูดเรื่องอะไร “เย็นนี้ค่อยคุยกัน”
มาลาไม่ยอม ถามคาดคั้นเสียงดังขึ้น “บอกมา พี่กำลังจะแต่งงานกับดาวรายใช่ไหม”
ปกป้องนิ่งไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
มาลาพูดไป เหมือนจะร้องไห้ “พี่จะแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง เราเป็นอะไรกัน แล้วลูกของเราล่ะ พี่จะทิ้งมาลากับลูกไปง่ายๆ เหรอ”
ปกป้องอึดอัดถึงขีดสุด โพล่งออกมาว่า “ลูกเราเหรอ พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กเป็นลูกพี่”
มาลาตะลึงตะไลเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว น้ำตาร่วงพรู “พี่ป้อง”
“ไอ้พันลือมันก็เทียวไปเทียวมา หามาลาอยู่ตลอด”
มาลาตวาดดังลั่น “พอแล้ว มาลาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากพี่ คนที่มาลารักที่สุด”
พร้อมกับว่า มาลาดึงสร้อยจี้รูปหัวใจสองดวงผูกคล้องกันที่ปกป้องให้ ออกจากคอ แล้วเขวี้ยงใส่คนรัก สร้อยร่วงลงพื้น ปกป้องมองสร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนรัก
มาลาสะอื้นไห้ น้ำตาไหลพราก ตัดสินใจวิ่งหนีออกจากห้องไป ปกป้องได้แต่ยืนนิ่ง มองไปที่ประตู แล้วค่อยๆ ก้มลงเก็บสร้อยขึ้นมาสีหน้าเศร้า
มาลาวิ่งร้องไห้ออกมาจากตึก มาลัยยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ตรงที่จอดรถตกใจเมื่อเห็นสภาพพี่สาวมาลาวิ่งผ่านไปเลย
มาลัยรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับพี่สาวแน่ เหลียวขวับไปมองที่อาคารบริษัทที่ปกป้องทำงานอยู่ด้วยสายตาโกรธแค้นเกลียดชังสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 3