บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 3
มาลาวิ่งร้องไห้ลงมาบนถนน เหมือนอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุด และโดยไม่ทันมอง รถคันหนึ่งแล่นมาอย่างเร็ว ชายคนขับรถคันดังกล่าวตกใจเมื่อเห็นมาลาวิ่งลงมาในถนน เหยียบเบรกเต็มที่ แต่ระยะกระชั้นเกินรถเลยหยุดไม่ทัน พุ่งเข้าชนเต็มแรง จนร่างมาลากระเด็นลอยไปตกลงนอนนิ่งอยู่กับพื้นถนน ไม่รู้เป็นหรือตาย
มาลัยวิ่งตามพี่สาวออกมา ตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นร่างของมาลานอนนิ่งอยู่ที่พื้น รีบวิ่งถลาเข้าไปดูทรุดนั่งลงข้างๆ ร้องไห้โฮ เรียกสติมาลา
“พี่มาลา พี่มาลา”
คนขับรถลงมาดู ท่าทางยังช็อกอยู่ ทำอะไรไม่ถูก
“อยู่ดีๆ เขาก็วิ่งลงมา ผมเบรกไม่ทัน”
คนขับรถโทร.เรียกรถโรงพยาบาลให้แล้ว ทว่ามาลายังไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัว มาลัยเอาแต่กอดพี่สาวร้องไห้อยู่อย่างนั้น ชาวบ้านเริ่มเดินเข้ามามุงมากขึ้น ชี้ชวนกันดูเลือดที่กระโปรงมาลา ซึ่งค่อยๆ ไหลออกมานองเต็มท้องถนน
มาลาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในตัวเมือง ถุงเลือดแขวนอยู่ สายให้เลือดมา จนเห็นมาลานอนให้เลือดอยู่บนเตียง มีท่อออกซิเจนเสียบจมูกอยู่
มาลีนั่งเฝ้าไข้อยู่ มองร่างพี่สาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ด้วยความสงสาร สักครู่หนึ่ง มาลาเริ่มขยับตัว ครางออกเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด มาลีรีบลุกมาดู
“พี่มาลา รู้สึกตัวแล้วเหรอพี่”
“เจ็บจัง”
มาลาขยับตัว รู้สึกเจ็บแปล่บที่ท้องอยู่ยกมือมากุม
“เจ็บเหรอพี่ เดี๋ยวเรียกพยาบาลเอายาแก้ปวดมาให้นะ”
มาลีเอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกพยาบาล
มาลาถามเสียงเบาๆ “พี่อยู่ที่ไหน”
“พี่อยู่ที่โรงพยาบาล พี่ถูกรถชน จำได้ไหม”
มาลานิ่งไป ก่อนจะพยักหน้ารับรู้
“ทำไม พี่เจ็บท้องมาก” มาลายกมือจับท้องลูบมา สีหน้ากังวลเป็นห่วงลูกในท้องมาก
“พี่มาลัยบอกว่าพี่โดนชนแรงมาก พี่อดทนหน่อยนะเดี๋ยวพยาบาลก็มา”
มาลาเหม่อมองเพดาน พึมพำน้ำตาไหลรินออกมา “ทำไมเขาเป็นแบบนี้”
“ใครเหรอพี่”
“เขาทำกับพี่ได้ยังไง” มาลาน้ำตาไหลอาบแก้ม
มาลีสงสารพี่เหลือเกิน “อย่าร้องไห้เลยพี่”
พยาบาลเปิดประตูเข้ามาในห้อง มาลีหันไปบอกอาการ
“พี่เขาปวดท้องมากเลยค่ะ”
“เพิ่งให้ยาแก้ปวดไปเมื่อสองชั่วโมงเองนะคะ ต้องรอสี่ชั่วโมงถึงจะให้ยาได้”
“แล้วทำไมถึงปวดท้องมากแบบนี้” มาลาถาม
“ยังไม่มีใครบอกเหรอคะ” พยาบาลย้อนถาม
“ยังค่ะ” มาลีว่า
มาลาใจหายวับ มองหน้าพยาบาลนิ่ง สีหน้าเครียดจัด พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ทันทีที่เห็นมาลัยเดินเข้ามาในโถงล็อบบี้โรงพยาบาล ในมือหิ้วถุงผลไม้มาด้วย บัวผันกับเทศก็ลุกเดินเข้ามาหาทันที มาลัยมองฉงน
“อ้าว พ่อ แม่ ทำไมไม่อยู่เฝ้าพี่มาลา”
“มันเกิดเรื่องแล้วนะซี ถึงต้องมาดักเจอแก”
มาลัยงง “เกิดเรื่องอะไร”
บัวผันนิ่งไปครู่หนึ่งจึง “หมอเขาบอกว่า มาลา แท้งลูก”
มาลัยนิ่งอึ้งตะลึงไป
เทศถามน้ำเสียงไม่พอใจมาก “แกรู้เรื่องนี้ใช่ไหม”
“ไม่ หนูไม่เคยรู้”
บัวผันไม่เชื่อ “ไม่ต้องมาปิดบังแม่ ลูกสองคนสนิทกันมาก”
“แม่ พี่เขาไม่เคยบอกหนูเลย”
“แม่อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก” บัวผันคาดคั้น
เทศคำราม “ฉันจะเอาเลือดหัวมันออก”
มาลัยได้ฟังแล้วยิ่งรู้สึกผวากลัวแทนพี่สาว
สามคนเดินมาตามทางเดินตรงไปยังห้องพักมาลา แต่ก่อนจะถึงหน้าห้องพักมาลัยก็หยุด
“แม่...พ่อ”
บัวผันกับเทศหยุด หันมา
“หนูขอร้องนะคะ เรื่องพี่มาลาแท้งลูกเนี่ย อย่าเพิ่งถามอะไรเขาเลย”
“ได้ยังไง มันต้องถามให้รู้เรื่องซี ไอ้คนที่เป็นพ่อเด็กจะต้องรับผิดชอบด้วย”
“แค่นี้พี่มาลาก็เจ็บปวดมากอยู่แล้ว พ่อยังจะซ้ำเติมเขาอีกเหรอ” มาลัยเว้าวอนพ่อ
“นี่ฉันกำลังจะช่วยมันต่างหาก”
มาลัยย้อนถาม “ช่วยอะไรคะ”
“ก็ช่วยกู้ศักดิ์ศรีของมันไง”
มาลัยส่ายหน้าเบื่อๆ “มากู้กันตอนนี้อ่ะนะ”
“เออซีวะ”
บัวผันตัดบทขึ้น “เอาเถอะๆ ดูก่อนก็แล้วกัน พ่อกับแม่แค่อยากจะรู้ความจริงว่ามันเป็นยังไง ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็ไว้คุยกันทีหลัง”
เทศฮึดฮัดไม่เห็นด้วยนัก
มาลานอนเหม่ออยู่บนเตียงเอาแต่มองเพดาน น้ำตาไหลไม่หยุด มาลีกุมมือพี่สาวไว้เป็นเชิงปลอบใจประตูห้องเปิดเข้ามา บัวผัน เทศ และมาลัยเข้ามาในห้อง ทุกคนเห็นมาลานอนลืมตา
บัวผันทัก “ตื่นแล้วเหรอ”
“พี่เขาเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อกี้เอง”
บัวผันกับเทศมองมาลานิ่งอยู่ มาลัยมองพ่อกับแม่ นึกกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพี่สาว
“มาลี ออกไปข้างนอกก่อน” บัวผันบอก
มาลัยหันมามองแม่ ขอร้อง “แม่คะ”
บัวผันไม่สนใจ พูดซ้ำกับมาลีที่ไม่ยอมขยับ “ไปซี”
มาลีมองมาลัย รู้ว่าต้องมีอะไรแน่ แต่ขัดแม่ไม่ได้ จึงจำใจออกจากไป
บัวผันบอกกับมาลัยว่า “ถ้าไม่อยากอยู่ในนี้ จะออกไปก็ได้นะ”
มาลัยนิ่งไป แต่ไม่ออกจากห้อง
บัวผันเดินมายืนข้างเตียงมาลา เทศตามมายืนข้างๆ กัน
“ลูกเป็นไงบ้าง” บัวผันถามอารัมภบท
“มันเจ็บ...”
“ถามไปเลยซี” เทศขัดใจ
มาลามองหน้าพ่องงๆ ไม่เข้าใจอยากถามอะไร
บัวผันพยายามเรียบเรียบคำพูดให้ฟังดูปกติที่สุด
“แม่อยากรู้ความจริง หมอบอกกับแม่ว่า...ลูกแท้ง” มาลานิ่งอึ้ง บัวผันถามต่อทันที “ใคร...เป็นพ่อเด็ก”
มาลาเริ่มน้ำตาไหลออกมาอีก มาลัยเห็นแล้วสงสารพี่ยิ่งนัก
“แม่ อย่าเพิ่งตอนนี้เลย”
มาลาพูดไป สะอื้นไป “มันจบไปแล้ว หนูไม่อยากพูดถึงมัน”
เทศหงุดหงิดไม่ได้คำตอบ “ไม่พูดได้ยังไง คนที่ทำแกท้องมันต้องรับผิดชอบ บอกพ่อมา มันเป็นใคร ไอ้พันลือเหรอ เห็นมันมาหาแกตลอด”
มาลาส่ายหน้าแทนคำตอบ
“งั้นก็ไอ้ปกป้อง ใช่ไหม มันใช่ไหม กูจะไปเอาเลือดหัวมันออก ทำกับลูกกูได้ยังไง”
เทศขยับตัวทำท่าจะออกจากห้อง มาลาร้องห้ามพยายามลุกขึ้น
“อย่านะพ่อ” จู่ๆ มาลาก็เจ็บแปล้บขึ้นมา “โอ๊ย”
ท่าทางของมาลาดูออกว่าเจ็บปวดมาก ล้มลงนอนตัวงอ ทำเอาเทศชะงักกึก มาลัยรีบเข้ามาดูจับมือพี่สาว แล้วมองพ่อกับแม่
“อย่าไปยุ่งกับเขาอีก หนูขอร้องนะพ่อ”
เทศอึดอัดใจ หันมามองหน้าเมีย บัวผันได้แต่ถอนใจ สงสารลูกสาว
มาลัยกุมมือปลอบพี่สาว แต่ในใจพลุ่งพล่าน อัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังปกป้อง
ไม่นานหลังจากนั้น มาลัยพาตัวเองมายืนพูดโทรศัพท์อยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะในโรงพยาบาล
“นี่มาลัยนะ มาลัยน้องพี่มาลาไง...มาลัยโทร.มาจากโรงพยาบาล”
ปลายสายเป็นเครื่องที่ห้องทำงานปกป้องในโรงงาน สองคนคุยสายกัน
ปกป้องอึ้งนิดๆ “มาลาเป็นยังไงบ้าง”
“ถามจริงเหอะ พี่สนใจด้วยเหรอ พี่มาลาถูกรถชนตั้งแต่เมื่อวาน แล้วชนที่หน้าบริษัทพี่ด้วยซ้ำ แต่พี่ไม่แวะมาดูเลย”
“ก็พี่...มีงานด่วน” ปกป้องอ้าง
“อ๋อ ใช่ซี ชีวิตพี่มาลามันไม่สำคัญเท่างานพี่ใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วพี่คิดจะมาเมื่อไหร่ วันนี้มาไหม”
“วันนี้ พี่...เอ่อ”
“ไม่ต้องเลย มาลัยรู้ว่าพี่ไม่เคยคิดจะมาดูพี่มาลา เพราะพี่ไม่ต้องการพี่มาลาเขาแล้ว พี่มีนังแรดดาวรายแล้วนี่”
ปกป้องเคือง ไม่ชอบคำพูดดังกล่าว “ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นได้ไหม”
“ทำไมล่ะ นังแรดนั่นสำคัญมากเลยเหรอ สำคัญมากกว่าพี่มาลา สำคัญมากกว่าแม่ของลูกพี่ใช่ไหม”
ปกป้องอึ้งไป “มาลัย จริงๆ เรื่องนี้ พี่ก็ยังไม่แน่ใจ”
มาลัยโกรธสุดขีด “อะไรนะ ที่พี่มาลาวิ่งออกไปจนถูกรถชน ก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม พี่จะบอกว่าพี่มาลามีผู้ชายคนอื่นอีกงั้นเหรอ”
“ก็ พันลือ มันก็เทียวไปเทียวมา”
“จะบอกให้นะ พี่มาลามีพี่คนเดียว แล้วเด็กในท้องก็เป็นของพี่ เขาเป็นลูกพี่”
ปกป้องอึ้งไปอีก
“แต่มันไม่มีปัญหาแล้วล่ะ มาลัยก็แค่จะบอกให้พี่รู้ พี่มาลาแท้งลูกไปแล้ว ได้ยินไหม ลูกของพี่ตายไปแล้ว ถ้าพี่ยังเป็นคนอยู่ ก็ควรจะรู้สึกอะไรบ้าง มาลัยโทร.มาบอกแค่นี้แหละ”
มาลัยวางหูไป รู้สึกเจ็บปวด และยิ่งสงสารพี่สาวพึมพำกับตัวเอง
“นี่น่ะเหรอ ผู้ชายที่ฉันเคยรัก”
บัวผันนั่งเหม่ออยู่หน้าห้องพักฟื้น คิดกังวลแต่เรื่องมาลา
ระหว่างนี้พันลือเดินตรงมาทางนี้ ในมือมีกระเช้าผลไม้รวมเยี่ยมไข้ พันลือเห็นบัวผันก็ยิ้มกับตัวเอง เดินเข้าไปหา
“น้าครับ”
บัวผันหันมาพอเห็นพันลือก็ชะงัก พันลือยกมือไหว้ทั้งกระเช้า
“มาลาเป็นยังไงบ้างครับ”
บัวผันลุกขึ้น อึกอัก
“เอ่อ...ยังหลับอยู่เลย”
“ผมเข้าไปเยี่ยมได้ไหมครับ”
“น้าว่า อย่าเพิ่งเลยดีกว่า อยากให้เขาพักผ่อนมากๆ”
“แหม ผมอุตส่าห์มาแล้ว ได้เห็นหน้าเขาซักแว้บก็ยังดีครับ”
“รอให้เขาหายดีก่อนดีกว่า จะได้คุยกันด้วยไง ของนั่นเอามาให้น้าก็ได้”
บัวผันบ่ายเบี่ยง ยื่นมือไปรับเอากระเช้ามา แต่พันลือยกหลบ
“ผมเอาเข้าไปวางข้างในให้ก็แล้วกันครับ”
พร้อมกับว่าพันลือเดินไปที่ประตู แต่บัวผันรีบถลาเข้ามาขวาง
“อย่าเลย”
พันลือชะงัก เริ่มคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
“มีอะไรกันแน่ครับ”
“น้าอยากให้เขาพักผ่อนมากๆ”
“ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
“ไม่มีหรอก”
“บอกผมเถอะครับ ไม่งั้นผมจะเข้าไปถามมาลาเอง”
บัวผันนิ่งไป พันลือรอฟังอีกครู่หนึ่ง แต่อีกฝ่ายยังเงียบจึงขยับจะไปเปิดประตู
“ก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่” พันลือรอฟัง “มาลาเพิ่งแท้งลูกของปกป้อง”
พันลือนิ่งอึ้งตะลึงตะไล ถอยหลังไป พูดอะไรไม่ออก
ปกป้องนั่งกินข้าวอยู่กับพ่อ แต่เหมือนจะกินข้าวไม่ลงเลย ได้แต่เขี่ยอาหารในจานไปมา
บานชื่นเดินออกมาจากครัวพร้อมข้าวเหนียวมะม่วงวางลงบนโต๊ะ ร่วมวงทานแต่เห็นอาการของลูกชายจึงถามขึ้น
“เป็นอะไรล่ะ กับข้าวไม่อร่อยเหรอ”
“เปล่าครับ มันกินไม่ลง”
เช้าหยุดกินมองหน้าปกป้อง
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือไง”
บานชื่นเอามือแตะหน้าผากปกป้อง
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
“ผมสบายดีครับ แค่มีอะไรให้คิดนิดหน่อย”
“เรื่องงานเหรอไง”
ปกป้องส่ายหน้า บานชื่นนิ่งไป พอจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไร
“เท่าที่ได้ยิน เขาไม่เป็นอะไรมากนี่”
ปกป้องมองหน้าแม่ “แต่ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลย”
“จะต้องไปเยี่ยมทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกับมันซักหน่อย” เช้าโพล่งขึ้น
ปกป้องหันมามองพ่อ “ผมควรจะไปเยี่ยมเขา”
จากนั้นปกป้องก็ลุกขึ้น จะเดินออกจากห้อง
“ไม่ต้องไป” บานชื่นห้ามเสียงดัง
ปกป้องไม่ตอบแม่ เดินออกจากห้องครัวไป บานชื่นพูดตามไป
“ตาป้อง”
เห็นลูกไม่ฟังบานชื่นก็หงุดหงิด
“ต้องรีบหาเมียให้ปกป้อง ไม่งั้นมันต้องกลับไปลงเอยกับนังมาลาแน่ๆ”
สองผัวเมียมองหน้ากันเครียดจัดกันทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 2
บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
เช้ากับบานชื่นเดินออกมาจากในบ้าน
“ฉันไปดูเรือก่อน ให้ไอ้ผินมันคุมคิวมาหลายวันแล้ว”
บานชื่นพยักหน้ารับรู้ เช้าเดินออกไป บานชื่นมองตามบ่นกับตัวเอง
“ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อกันบ้าง”
ระหว่างนี้ ดาวรายขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้าน ที่ตะกร้าหน้ารถมีกระติกหม้อตุ๋นยาจีนวางอยู่ ดาวรายจอดรถ ลงรถมารีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะครู”
บานชื่นรับไหว้
“ไม่รู้ทันไหม ทานมื้อเย็นกันหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
“พอดีดาวทำเป็ดตุ๋นมะนาวดองน่ะค่ะ เลยเอามาฝาก”
ดาวรายยกกระติกเป็ดตุ๋นที่ตะกร้าออกมา
“เป็ดตุ๋นมะนาวดองเหรอ อืม...อาจจะทำให้ตาป้องอยากกินข้าวมากขึ้น”
“พี่ป้องเป็นอะไรอีกเหรอคะ”
“เขา..เอ่อ...กินข้าวไม่ลงน่ะ”
“ไม่สบายเหรอคะ”
“กายน่ะสบายดี แต่ใจนี่ซี เริ่มมีปัญหาอีกแล้ว”
ดาวรายอึ้งไป ขณะที่บานชื่นนึกถึงคำพูดสามีเมื่อครู่
“ต้องรีบหาเมียให้ปกป้อง ไม่งั้นมันต้องกลับไปลงเอยกับนังมาลาแน่ๆ”
นึกแล้วบานชื่นยิ้มให้ดาวราย “หนูดาวมาก็ดีแล้ว ครูปรึกษาอะไรหน่อย”
ดาวรายยิ้มหวานพยักหน้ารับเอาคำ
บานชื่นกับดาวรายเดินคุยกันเข้ามาในโถงบ้าน ในมือดาวรายหิ้วกระติกเป็ดตุ๋นยาจีนมาด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะครู ดาวจะลองคุยกับพี่เขาดู”
ปกป้องเดินลงบันไดมาพอดี เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วพอลงมาถึงชั้นล่างก็ชะงัก เมื่อเห็นดาวรายอยู่กับแม่ บานชื่นแตะแขนดาวรายเป็นเชิงบอก แล้วเดินแยกออกไปอีกทาง
ดาวรายวางกระติกไว้ แล้วเดินเข้าไปหาปกป้อง
“ดาวรู้ว่าพี่กำลังจะไปไหน”
“พี่ต้องไปดูเขาหน่อย อย่างน้อยเราก็เคย รู้จักกัน”
“พี่อยากไปเยี่ยมเขา เพราะพี่คิดว่าเขาแท้งลูกของพี่ต่างหาก”
ปกป้องอึ้ง “รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“ในตลาดเขาพูดกันว่ามาลาแท้งลูก แต่แม่พี่รู้มากกว่านั้น ครูได้ยินว่าเด็กเป็นลูกพี่”
ปกป้องแปลกใจ “แม่พี่รู้เหรอ แล้วทำไมไม่บอกพี่”
“เพราะมันเป็นเรื่องโกหกน่ะซี เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของพี่ แต่เป็นลูกของพี่พันลือ” ดาวรายบอก
ปกป้องนิ่งไปนิด “แน่ใจเหรอ รู้ได้ยังไง”
“ถึงพี่พันลือเขาจะไม่ช่างจ้อ แต่ผลงานเรื่องนี้มันเป็นความภูมิใจของเขา เขาเล่าให้ดาวฟังเอง”
ปกป้องนิ่งฟังอยู่
“ไม่เชื่อพี่ก็ถามเขาเองก็ได้ ดาวจะนัดให้”
“มาลัยบอกว่าพี่เป็นพ่อเด็ก ทำไมเขาต้องโกหกพี่ด้วย” ปกป้องว่า
“มันอยากจะปั่นหัวพี่น่ะซี พ่อแม่มันก็คงอยากจะทำให้พ่อแม่พี่ต้องเจ็บใจไปด้วย บ้านพี่ผิดใจกันอยู่ไม่ใช่เหรอ” ดาวรายใส่ไคล้มาลาชุดใหญ่
“แต่...”
“ดาวพูดจริงๆ นะ ไม่โกหกพี่หรอก พี่เลิกคิดถึงมันได้แล้ว มันรักพี่จริงซะที่ไหน”
จริงๆ ปกป้องก็ยังสับสน แต่พูดอะไรไม่ออก ดาวรายเกาะแขนปกป้องเอาใจ ส่งสายตาหวานซึ้งมาให้
“นี่ ดาวทำเป็ดตุ๋นมะนาวดองมาให้พี่ทานด้วยนะ เห็นครูบอกพี่กินข้าวไม่ลง รับรองแค่ได้ชิมคำแรก พี่จะอยากกินแล้วกินอีก จนอิ่มแปล้เลย”
ดาวรายยิ้มให้ปกป้องอย่างรู้กันอยู่ว่าหมายถึงอะไร ปกป้องเหมือนต้องมนต์ มองตามดาวรายที่เดินไปยกกระติกหม้อตุ๋นแล้วเข้ามาควงแขนเขา พากันเดินเข้าไปทางครัว
เวลาเดียวกัน พันลือลุกเดินออกจากห้องนอน มาหยุดยืนใช้ความคิดอยู่ที่ระเบียงห้อง เหม่อมองไปไกลสุดตา ภาพที่บัวผันบอกเรื่องมาลาแท้งลูก แว่บเข้ามาในห้วงคิด
“ก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่” พันลือรอฟัง “มาลาเพิ่งแท้งลูกของปกป้อง” เสียงนั้นดังก้องสะท้อนไปมาอยู่อย่างนั้น “แท้งลูกปกป้อง...แท้งลูกปกป้อง...แท้งลูกปกป้อง”
พันลือยกข้อศอกเท้ากับระเบียง มองเหม่อออกไป เสียงของบัวผันยังก้องอยู่ในหัวเขา
มาลากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นท่าทีซึมเศร้า บัวผันกับเทศอยู่ในห้องด้วย
“หนูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ หนูคิดว่าเขารักหนูจริง”
บัวผันฮึดฮัด “คนบ้านนั้นมันเชื่อได้ที่ไหน”
“ฉันผิดหวังในตัวแกมากรู้ไหม เห็นเป็นคนเรียบร้อยเป็นกุลสตรี ที่ไหนได้ ทำตัวเหลวแหลก ทำตัวเหมือนเป็นผู้หญิง...” เทศระบาย
บัวผันขัดขึ้น “พ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว”
เทศเคืองขุ่นไม่หาย “ก็มันเสียอารมณ์นี่เว้ย”
มาลาน้ำตาร่วงพรู บัวผันมองผัวเป็นเชิงตำหนิ เทศได้แต่ทอดถอนใจ
“หนูรู้ว่าหนูเป็นคนไม่ดี หนูทำให้พ่อแม่ต้องอาย หนูขอโทษด้วยนะคะ” มาลายกมือไหว้ขอโทษแม่กับพ่อ บัวผันลูบไหล่ลูกสาวปลอบใจ
“แม่ไม่เคยคิดโกรธลูกหรอก”
“ฉันก็ไม่ได้อายหรอกนะ แต่แกต่างหากที่ต้องอาย บางน้ำผึ้งน่ะมันเล็กนิดเดียว ป่านนี้เรื่องของแกคงรู้กันทั้งตำบล”
“แล้วพูดออกมามันได้อะไร” บัวผันเอ็ดผัว
“ฉันต้องพูด เพราะไอ้ปกป้องมันก็ไม่รับผิดชอบ แล้วพอมีเรื่องแบบนี้ จะจับใส่ตะกร้าล้างน้ำยังไง ก็ไม่มีผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจมันแล้ว”
ขาดคำนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทุกคนหันไปมอง ประตูถูกดันเปิดเข้ามาเห็นเป็นพันลือเดินเข้ามาไหว้บัวผันกับเทศทั้งที่มือถือกระเช้าของเยี่ยมมาด้วย
“สวัสดีครับน้า”
บัวผันกับเทศรับไหว้งงๆ พันลือเดินตรงมาที่ข้างเตียง
“สวัสดีจ้ะมาลา เป็นไงบ้างล่ะ ดีขึ้นหรือยัง พี่เป็นห่วงจังเลย”
มาลามองพันลือเก้อๆ ทำอะไรไม่ถูก บัวผันกับเทศเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
ความรักระหว่างคนสองคู่ พันลือกับมาลา และดาวรายกับปกป้อง พัฒนาไปในทิศทางของใครมัน
พันลือแวะมาเฝ้าไข้ดูแลมาลาเสมอ อย่างวันนี้เขาถือถาดใส่ชามข้าวต้มร้อนๆ ไอกรุ่นๆ เดินมานั่งข้างเตียง วางชามข้าวต้มลงโต๊ะของคนไข้ มาลายื่นมือมาจะหยิบช้อนตักกิน พันลือยกมือห้าม หยิบช้อนมาตักข้าวต้มเป่าปากให้คลายร้อน แล้วจะป้อนให้ มาลาขัดเขินส่ายหน้าบอกว่าไม่ต้อง แต่พันลือไม่ยอม ในที่สุด มาลาต้องยอมให้พันลือป้อน พันลือยิ้มมีความสุข ส่วนมาลาอึ้งๆ ไป
ด้านดาวรายยังคงแวะเวียนไปที่บ้านอาจารย์นิพนธ์เพื่อทำเสน่ห์และรับยาตามกำหนด ดาวรายเลื่อนพานที่ใส่เงินไปที่หน้าพ่อหมอ ที่ทำปากขมุบขมิบร่ายคาถาภาษาอินเดียครู่หนึ่ง ลูกศิษย์อาจารย์เอายาเสน่ห์ขวดใหม่มาให้ดาวราย
อีกวัน มาลานอนพักฟื้นอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล หันไปพยักหน้าให้พันลือที่ยืนอยู่ข้างเตียง พันลือกดรีโมทบังคับให้หัวเตียงค่อยๆ ยกขึ้นสูง มาลาขยับตัวมาอยู่ที่ขอบเตียง ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำ พันลือเข้ามาข้างๆ ทำท่าจะช่วยประคอง แต่สุดท้ายพันลือกลับอุ้มมาลาตัวลอยขึ้นจากเตียง มาลาตกใจร้องบอกไม่ต้องอุ้ม แต่พันลือไม่สน โชว์พลังอุ้มมาลาไปส่งจนถึงหน้าห้องน้ำ แล้วจึงวางมาลาลง มาลามองดุ พันลือเบ่งกล้ามให้ดู มาลาอดขำไม่ได้ แล้วก็เข้าห้องน้ำไป
ฝ่ายดาวรายอยู่ในครัวบ้านปกป้อง เทเป็ดตุ๋นมะนาวดองจากกระติกใส่ชาม เหลือบตามองซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นจึงหยิบขวดยาเสน่ห์ออกมา เหยาะใส่ในชามแล้วรีบเก็บขวดยาใส่ในกระเป๋ากางเกงโดยไว คนน้ำยาจนเข้ากับเป็ดตุ๋นยกชามออกไปเสิร์ฟปกป้องซึ่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะ มีกับข้าวอื่นอีก 2-3 อย่าง
ทันทีที่ดาวรายวางชามลงตรงหน้า แล้วนั่งลงตรงข้าม ปกป้องตักน้ำซุปกินอย่างแอร่มลิ้น ยิ้มให้ดาวราย อีกฝ่ายยิ้มตอบ
หลายวันต่อมารถกระบะซิ่งของพันลือแล่นเข้ามาจอดหน้าอาคารผู้ป่วย ยินเสียงเพลงดังออกมาจากในรถคันนั้น พันลือลงจากรถ เทศเข็นเก้าอี้รถเข็นที่มีมาลานั่งอยู่ออกมา บัวผันเดินตามหลังมาพร้อมกระเป๋าสัมภาระลูกสาว
พันลือรับเข้าไปรับ ประคองมาลาขึ้นนั่งในรถของเขาจัดที่ท่าให้นั่งสบายๆ บัวผันกับเทศมองหน้ากัน ยิ้มให้กันอย่างพอใจในตัวพันลือ
เมื่อถึงบ้าน พันลือประคองมาลาเข้ามาในห้องนอน พบว่าบนเตียงมีผ้าปูที่นอนพับวางไว้เลยพามาลามานั่งที่เก้าอี้ แล้วหันไปปูที่นอน มาลาพยายามบอกว่าไม่ต้อง แต่พันลือไม่สนใจ ปูที่นอนผ้าปูตึงเปรี๊ยะน่านอน เสร็จแล้วล้วงเหรียญห้าบาทออกมาจากกระเป๋า โยนลงไปบนที่นอน เหรียญเด้งดึ๋ง
พันลืออวดโอ้โชว์สาวว่า “นี่คือผลดีที่ได้จากการเป็นทหารเกณฑ์”
มาลากระเซ้าว่า “แบบนี้ ตีห้า เธอต้องถูกปลุกขึ้นมาวิ่งหรือเปล่า”
“ไหวไหมล่ะ ถ้าไหวพี่จะมาปลุก แล้ววิ่งเป็นเพื่อน” พันลือบอก
มาลายิ้มออกมา พันลือเห็นมาลายิ้มก็รู้สึกดี
อีกฟากหนึ่ง รถของปกป้องแล่นมาจอดหน้าบ้านพักริมแม่น้ำเพื่อนของดาวราย ปกป้องเป็นคนขับ มีดาวรายนั่งเคียงข้าง รถปกป้องแล่นเข้าไปด้านใน
ไม่นานต่อมา ภายในห้องพักบ้าสวรรค์สวาทห้องเดิม ดาวรายใช้ผ้าขนหนูนุ่งกระโจมอก กำลังเหยาะยาเสน่ห์ใส่แก้วเครื่องดื่มจนเกือบหมดขวด รอจนประตูห้องน้ำในห้องพักเปิดออกปกป้องซึ่งนุ่งผ้าขนหนู ออกมาจากห้องน้ำ เข้ามากอดดาวรายจากทางด้านหลัง ดาวรายหันกลับมาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มในมือ ส่งให้ ปกป้องดื่มน้ำรวดเดียวหมดอย่างเคย ดาวรายรับแก้วมาวางที่โต๊ะ ปกป้องรู้สึกมึนหัวนิดๆ ขณะก้มลงซุกไซ้ซอกคอดาวราย ไล้เลื้อยเรื่อยต่ำลงไป พร้อมๆ กับที่ร่างทั้งสองคนเอนทาบกันลงไปบนเตียง เบียดเสียดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน
ตอนกลางวันในอีกหลายวันต่อมา พันลือพามาลามาเที่ยวสวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา สองคนเดินมาตามทางริมน้ำ มาลาเดินเกาะราวมาช้าๆ หัดเดินให้คล่อง มีพันลือคอยเดินตามมาดูแล
“แน่ใจนะว่าเดินไหว”
“ไหว”
“น่าจะให้พี่ช่วยประคอง”
“เดินเองได้หรอกน่า”
“ถ้าเกิดมาลาล้ม แล้วต้องเจ็บอีก พี่ต้องโทษตัวเองอย่างเดียว”
“ถ้าพี่ไม่หยุดพูด มาลาจะให้พี่กลับไปก่อน”
พันลือนิ่งไป แล้วยักไหล่ เป็นทำนองบอกว่าจะไม่พูดอะไรอีก
มาลามองพันลือ เห็นเขาก้มหน้าเหมือนรู้สึกผิดก็อดสงสารไม่ได้
“แต่มาลาก็ต้องขอบใจพี่นะ ที่อุตส่าห์พามาลามาที่นี่”
พันลือเงยหน้ามามอง มาลายิ้มขอบคุณ พันลือชื่นใจ ยิ้มตอบ
“มาลารู้สึกดีขึ้นตั้งเยอะที่ได้ออกมานอกบ้าน ได้ออกมาไกลๆ ไม่ต้องเห็นสายตาทุกคนที่มองมาลา”
“มาลาไม่ควรคิดมากนะ อีกสักพักทุกคนก็ลืมหมดแล้ว”
“ไม่มีใครลืมหรอก จะมีแต่คนคอยรอดูว่าชีวิตของมาลาจะตกต่ำลงไปอีกแค่ไหน” มาลาระบาย
“บอกพี่มาเลย ใครมันคิดแบบนั้นกับมาลา พี่จะไปสั่งสอนมันเอง”
มาลามองพันลือนิ่งไปนิด “พี่เก่งเรื่องนั้นนี่ เรื่องสั่งสอนคน พี่ป้องก็ถูกพี่สั่งสอนมาแล้ว”
“มาลา ไอ้ป้องมันไม่ซื่อสัตย์กับเธอ มันมีดาวรายอีกคน พี่ปล่อยให้มันทำร้ายจิตใจมาลาแบบนั้นไม่ได้ พี่ทำเพื่อมาลานะ”
“ทำไม”
“เพราะพี่รักมาลา รักมานานแล้ว”
มาลามองจ้องหน้าพันลือนิ่งๆ ก่อนจะผินหน้าหันไปมองแม่น้ำอยู่ครู่หนึ่งจึงหันกลับมา
“ทั้งๆ ที่มาลาไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ ไม่ใช่คนดี เป็นคนที่มีรอยด่างในชีวิตแบบนี้น่ะเหรอ คนอื่นจะมองพี่ยังไง”
“พี่ไม่สนคนอื่น พี่รู้แต่ว่าพี่ต้องการมาลา สำหรับพี่ มาลาคือผู้หญิงที่ดีที่สุด มาลาคือนางฟ้าของพี่”
มาลามองพันลือนิ่งไปอีกครู่หนึ่ง น้ำตาก็ไหลออกมา
พันลือหน้าเสีย “เป็นอะไรล่ะ ร้องไห้ทำไม พี่ขอโทษ”
“เปล่า ไม่มีอะไร พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”
มาลาโบกมือปฏิเสธแล้วหันกลับมองไปที่แม่น้ำ ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น
ห้องรับแขกบ้านบัวผันกับเทศสะอาดเอี่ยมตั้งแต่เมื่อวาน พอตอนเช้า บัวผัน มาลัย กับมาลี ช่วยกันจัดแต่งชุดรับแขกในห้อง เอาผ้าลูกไม้สะอาดตามาปูที่โต๊ะกลาง และช่วยกันเช็ดทำความสะอาดโซฟาอีกครั้ง ทุกคนสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่สวยงาม เทศใส่เสื้อผ้าไหมทรงพระราชทานสมัยนิยม ยืนอยู่ที่หน้าต่างมองออกไปยังถนนหน้าบ้าน
สักครู่หนึ่ง เทศก็ร้องขึ้น ด้วยอาการตื่นเต้น
“มากันแล้ว ไป ออกไปรับกัน”
เทศรีบรุดออกจากบ้านไป คนอื่นๆ ตามออกไปเป็นพรวน
ทุกคนเดินออกมารอรับการมาถึงของใครบางคนที่หน้าบ้าน
รถของกำนันมากจอดสนิทอยู่หน้าเรือน กำนัน พร้อม ขิม และพันลือ ยืนอยู่ที่ข้างรถ มากกับพันลือสวมชุดผ้าไหมเช่นกัน ส่วนขิมก็อยู่ในชุดผ้าไหมสวยสมวัยและฐานะเมียกำนัน ครอบครัวบัวผันเดินเข้าไปหา สองครอบครัวไหว้ทักทายกัน
“สวัสดีเทศ บัวผัน” กำนันทักทาย
เทศทักกลับ “สวัสดีกำนัน พี่ขิม”
“สวัสดีค่ะกำนัน พี่ขิม”
พันลือไหว้บัวผันกับเทศ “สวัสดีครับน้า”
“มาครับ เชิญในบ้านเลย”
เทศกับบัวผัน กุลีกุจอเดินนำแขกทุกคนเข้าไปในบ้าน มาลัยกับมาลีรั้งท้าย
อ่านต่อหน้า 3
บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
มาลีถือถาดแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบสามใบออกมา มาลัยยกวางเสิร์ฟลงตรงหน้ากำนัน ขิม และพันลือ
เทศ บัวผัน นั่งยิ้มแย้มอยู่ที่โซฟา ฝั่งตรงข้ามมีกำนันมากกับขิมนั่งอยู่ ส่วนพันลือ นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวด้านข้าง กำนันเอ่ยขึ้นว่า
“วันนี้เป็นวันดี วันมงคล ลูกๆ ของเราทั้งสองครอบครัวก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องมาคุยกันถึงเรื่องอนาคตของพวกเขา พันลือลูกชายของผม เขามาบอกว่าเขาแอบชอบแอบรักมาลาลูกสาวคนโตบ้านนี้มาหลายปีแล้ว ผมเองก็เคยรู้จักหนูมาลาอยู่ ก็เห็นว่าคนดี มีสัมมาคารวะ งานบ้านการเรือนก็เก่ง ก็เห็นด้วยกับพันลือ อยากให้หนูมาลามาเป็นสะใภ้ ก็เลยมาคุยกับพ่อเทศ ขอหนูมาลามาเป็นภรรยาพันลือ ไม่รู้ว่าพ่อเทศจะคิดยังไง จะเรียกสินสอดทองหมั้นเท่าไหร่ ถ้าเราตกลงกันได้จะได้ไปดูฤกษ์ดูยามจัดงานหมั้นงานแต่งกันต่อไป”
เทศยิ้มร่า “ผมยินดีมากที่ท่านกำนันให้เกียรติมาเยี่ยมถึงบ้าน แล้วมาสู่ขอมาลาลูกสาวของผม เพื่อให้ไปเป็นภรรยาของพันลือ สำหรับผมกับแม่บัวผัน ก็รู้จักพันลือมาตั้งแต่เล็กๆ ก็เห็นว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง เป็นคนแข็งแรง ขยันขันแข็ง รับผิดชอบการงาน รักเพื่อนพี่น้อง ตัวผมและบัวผัน รู้สึกยินดีมากที่จะได้พันลือมาเป็นเขย แต่ยังไงก็ตาม เรื่องการสร้างครอบครัว มันเป็นเรื่องที่เจ้าตัวเขาจะต้องตัดสินใจ ผมคงต้องถามมาลา ว่าเขาอยากแต่งงานกับพันลือหรือเปล่า”
กำนันมากกับขิมเห็นด้วย พันลือออกอาการเกร็งๆ
“เอาเลย เรียกมาถามเลย”
เทศหันไปบอกมาลัย “ไปตามพี่มาลาลงมาหน่อยลูก”
มาลัยรับคำ แล้วเดินขึ้นบันไดไป
ทุกคนรอคอยท่ามกลางความเงียบ โดยเฉพาะพันลือลุ้นมากกว่าใครอื่น
ครู่หนึ่งมาลัยจึงเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ มาลัยลงมาถึงชั้นล่าง แต่มาลาก็ยังไม่ตามลงมาสักที พันลือหน้าเจื่อนไป
บัวผันหันมาถามมาลัย “พี่ล่ะลูก”
มาลัยมองไปที่หัวบันไดนิ่งๆ “มาแล้วค่ะ”
มาลาในชุดผ้าไหมดูสวยงามสดใส เดินลงบันไดมาช้าๆ
พันลือยิ้มออก โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
เทศเรียกมาลา “มานั่งนี่ลูก”
มาลาเดินมาลงนั่งที่โซฟาเดี่ยวที่เหลืออยู่อีกตัว หลบตา ไม่กล้าสบตากับใครๆ
“มาลา กำนันกับป้าขิมเขามาถึงบ้านเรา เพื่อจะสู่ขอลูกให้เป็นภรรยาของพันลือ ลูกจะยอมรับไหม” เทศถามลูกสาว
มาลาหรุบตามองต่ำ ไม่สบตากับใคร นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
แต่ละคนออกอาการลุ้นรอฟังคำตอบ ตามจริตใครมัน
เทศกับบัวผันสบตากันอย่างกังวล อยากให้ลูกยอมรับ เพราะคงยากที่จะหาผู้ชายที่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแท้งลูกกับชายคนอื่น
มาลาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เหลียวมามองพันลือที่ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้แว่บหนึ่ง คำตอบที่ทุกคนรอฟังก็หลุดลอดออกมาปากมาลาในที่สุด
“หนูพร้อมจะแต่งงานกับพี่พันลือค่ะ”
ทุกคนโล่งอกกันทั้งแถบ มาลัยกับมาลีจับมือกันยิ้มดีใจ พันลือยิ้มกว้าง สุขล้น
มาลายิ้มหวานให้พันลือ แต่เป็นรอยยิ้มที่ซ่อนซุกความไม่แน่ใจไว้ในนั้น
อีกวัน รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหมอเสน่ห์นิพนธ์
ประตูด้านหลังรถเปิดออก ดาวรายชะโงกหน้าออกไปดูแปลกใจที่เห็นประตูบ้านพ่อหมอปิดอยู่ และมีกระดาษแข็งเขียนข้อความบางอย่างแขวนอยู่ที่ประตูรั้ว ดาวรายบอกโชเฟอร์แท็กซี่ว่า
“รอแป๊บนะ”
จากนั้นก็ลงรถ เดินตรงไปที่ประตูรั้ว
ดาวรายขยับประตูดู ก็รู้ว่าประตูรั้วล็อคกุญแจไว้ จึงเดินมาอ่านกระดาษที่แขวนไว้
“ไปแสวงบุญที่อินเดีย 2 เดือน”
ดาวรายถอยออกมา เปิดกระเป๋าถือ หยิบขวดยาออกมาดู พบว่ายาในขวดถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ดาวรายหงุดหงิด
ฝ่ายมาลัยขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าโรงงานซึ่งเวลานั้นเลิกงานแล้ว คนงานเดินออกไปขึ้นรถกลับบ้านเหลือเฉพาะพวกที่ทำโอทีด้านใน บรรยากาศรอบๆ เริ่มมืดแล้ว มาลัยมองเข้าไปในโรงงาน ด้วยสีหน้าเคียดแค้นชิงชัง
ปกป้องนั่งก้มหน้าเคลียร์งานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะยกมือนวดขมับตัวเองเบาๆ จากอาการปวดหัว
สักครู่หนึ่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปกป้องร้องถามออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“มีอะไร”
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ตามด้วยร่างมาลัยเดินเข้ามาในนั้นแล้วปิดประตูลง
ปกป้องลุกเดินมามองหน้ามาลัย แล้วอึ้งไป “วันนี้ พี่ยังไม่อยากคุยอะไรกับมาลัย พี่ไม่ค่อยสบาย”
“ไม่สบายเหรอ เป็นอะไรล่ะ หรือติดเชื้ออะไรจากนังดาว”
“นี่ จะมายั่วให้หงุดหงิดทำไม กลับไปก่อนไป วันหลังจะมาก็โทร.มานัด”
“วันหลังมันจ่ะไม่ทันน่ะซีพี่ ฉันมีข่าวเกี่ยวกับพี่มาลา ที่จะทำให้พี่หายป่วยได้เลยล่ะ”
ปกป้องชะงัก “ข่าวอะไร”
“เมื่อวานกำนันมากไปที่บ้านมาลัย พร้อมกับแม่ขิม แล้วก็พี่พันลือ”
ปกป้องอึ้งอีก พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น “ไปทำอะไร”
มาลัยยิ้มเยาะ “เขาไปสู่ขอพี่มาลาให้พี่พันลือ แล้ว...พี่มาลาก็ยอมรับ”
ปกป้องอึ้งหนัก ก้มหน้านิ่ง
“ไง หายป่วยเลยไหม หรือว่าเฉยๆ อ๋อ ใช่ซี ฉันลืมไป พี่ทิ้งพี่มาลาไปแล้วนี่ แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบที่ทำพี่มาลาท้องด้วย”
ปกป้องอึกอัก “เด็ก ไม่ใช่ลูกพี่”
มาลัยฟังแล้วแค้น “แล้วคิดว่าเป็นลูกใคร พี่พันลือเหรอ จะบอกให้นะ พี่มาลาน่ะเขารักพี่คนเดียว เขาไม่เคยสนใจพี่พันลือซักนิด เด็กเป็นลูกพี่ ลูกที่พี่ไม่กล้าที่จะรับผิดชอบ”
ปกป้องหงุดหงิดสุดขีด ตวาดลั่น “พอแล้ว”
“ทำไมล่ะ รับไม่ได้เหรอ พี่มันไม่แมนเลย และนี่แหละ ที่ทำให้พี่มาลาเขายอมแต่งงานกับพี่พันลือ เพราะพี่พันลือเขาเป็นลูกผู้ชาย เป็นลูกผู้ชายพอที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก โดยไม่แคร์ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นของใครมาก่อน ไม่เหมือนพี่ ที่ไม่เป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับว่าเป็นพ่อของเด็กด้วยซ้ำ”
ปกป้องทนไม่ไหวจับตัวมาลัยอย่างแรง แล้วดันไปจนติดผนังห้อง “บอกให้หยุดพูดไง”
“พี่ไม่ใช่ลูกผู้ชาย แล้วพี่จะต้องอับอายมากขึ้นไปอีก เมื่อทุกคนรู้ว่าพี่ทิ้งผู้หญิงที่เคยบอกว่ารัก โดยไม่รับผิดชอบว่าทำให้เขาท้อง”
ปกป้องบันดาลโทสะบีบคอมาลัย “ฉันเป็นลูกผู้ชาย”
มาลัยดิ้นรน “ปล่อยนะ พี่ป้อง พี่มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ปกป้องโกรธจัดไม่ยอมปล่อย “ฉันเนี่ยนะไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฉันจะทำให้ดูว่าฉันเป็นลูกผู้ชายแค่ไหน”
ขาดคำปกป้องปล่อยมือจากคอดันร่างมาลัยล้มลงไปบนโซฟาในห้อง ร่างสองคนทาบทับกันอยู่
มาลัยพยายามดิ้นหนี แต่สู้แรงผู้ชายตัวโตไม่ได้ ปกป้องกดตัวมาลัยไว้ แล้วโถมตัวลงทับตัวมาลัย จูบขยี้อย่างรุนแรงขืนใจมาลัยด้วยแรงหื่นกระหาย
ที่หน้าโรงงานไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว รถมอเตอร์ไซค์มาลัยยังจอดอยู่ที่เดิม มาลัยเดินเซออกมาจากตึก ท่าทีเหมือนคนอ่อนแรง ผมเผ้ายุ่งเหยิง มาลัยปัดผมและจัดเสื้อผ้า เดินประคองตัวมาจนถึงมอเตอร์ไซค์
หากมองชุดๆ จะเห็นว่าใบหน้ามาลัยยามนี้มีน้ำตาคลออยู่เต็มตา มาลัยพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็อดสะอื้นออกมาไม่ได้
มาลัยสตาร์ตเครื่อง ยกมือปาดน้ำตา แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
2 เดือนต่อมา
มาลัยพาตัวเองมานั่งอยู่ในห้องตรวจโรคในคลินิก สักครู่ประตูห้องตรวจจึงถูกเปิดเข้ามา หมอถือเอกสาร และที่ตรวจครรภ์ที่อยู่ในซองพลาสติก เข้ามานั่งลงที่โต๊ะ
“ผลตรวจชัดเจนแล้วนะครับ คุณไม่ได้เป็นโรคกระเพาะ”
หมอหยุดพูดไป มาลัยลุ้นรอฟังผล
“คุณตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”
มาลัยนิ่งไป ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย
บานชื่นเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในบ้าน ด้วยท่าทางหงุดหงิด ในมือถือซองการ์ดแต่งงานมาด้วย
“ดูๆ มันทำ มันไม่ยอมเลิกจริงๆ ฉันนึกแล้ว”
เช้าเดินเข้ามาสมทบจากทางหลังบ้าน
“โวยวายอะไรอีก”
“ก็บัวผันน่ะซี นี่ ดูซะ”
บานชื่นส่งซองการ์ดให้ เช้ารับมาดึงการ์ดออกมาดูแล้วนึกโมโห
“ใครเอามาให้”
“มันวานนังจวงเอามาให้ แหม มันตั้งใจจะเยาะเย้ยกันชัดๆ”
ปกป้องเดินลงบันไดมา
“มีอะไรเหรอแม่ เสียงดังเชียว”
บานชื่นรีบดึงการ์ดจากเช้า มาซ่อนไว้ข้างหลัง
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
“ผมได้ยินว่าใครเยาะเย้ยใคร”
บานชื่นอึกอัก
“แม่เขาหงุดหงิดแม่ค้าในตลาด”
“เจ้าไหนเหรอครับ” ปกป้องเดินเข้ามาหาแม่
บานชื่นอึกอักมีพิรุธ เช้าพลอยอึกอักไปด้วย
“เจ้าไหนนะแม่ อ๋อ...เจ้าขายปลาใช่ไหม”
“เออ ใช่”
“แล้วได้ปลามาไหมครับ ปลาอะไร”
“ก็ไปทะเลาะกับเขา แล้วจะได้ปลามาได้ไง” เช้าว่า
บานชื่นพยักพเยิดรับเอาคำ
“แล้วอะไรอยู่ข้างหลังล่ะครับ”
บานชื่นเอามือข้างที่ไม่ได้ถือการ์ดออกมา “ไม่มี”
ปกป้องยิ้มขำ “แล้วอีกมือล่ะครับ”
บานชื่นเอามือไปเปลี่ยนมือที่ถือการ์ด เอาอีกข้างออกมาให้ดู
ปกป้องหัวเราะออกมา
“เล่นอะไรอ่ะแม่”
ปกป้องยื่นมือไปทางด้านหลัง แล้วดึงการ์ดออกมาจากมือแม่ บานชื่นตกใจจะแย่งคืน
“อย่านะลูก”
“เล่นเป็นเด็กไปได้แม่นี่”
ปกป้องยังหัวเราะอยู่ขณะดึงการ์ดออกมาจากซอง ครั้นพออ่านข้อความในการ์ดก็หยุดหัวเราะ มองการ์ดนิ่ง บานชื่นเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกลูก”
ปกป้องพูดเหมือนพึมพำ “พรุ่งนี้แล้ว”
“จะวันไหนก็ช่างหัวมันเถอะ”
ปกป้องมองการ์ดนิ่งไปครู่หนึ่งจึงบอกว่า “ผมจะไป”
“ลูกจะไปได้ยังไง” บานชื่นขัดใจ
“ก็เขาส่งการ์ดเชิญมาแล้ว”
“มันส่งมาเยาะเย้ยเรา ลูกไปไม่ได้” เช้าบอก
“ทำไมจะไม่ได้ครับ อย่างน้อยเราก็เคย เป็นเพื่อนกัน”
ปกป้องเดินถือการ์ดกลับขึ้นบันไดไป
บานชื่นเรียกตามไป “ลูกป้อง อย่าไปเลยลูก เชื่อแม่เถอะ”
ปกป้องเหมือนไม่ได้ยิน เดินเหม่อขึ้นห้องไป
อ่านต่อหน้า 4
บ่วงรักสลักแค้น ตอนที่ 3 (ต่อ)
เสียงโทรศัพท์ที่ร้านขายของชำเจ๊หมวยดังขึ้น ดาวรายเดินเข้ามายกหูโทรศัพท์ขึ้นรับสาย
“ร้านเจ๊หมวยค่ะ” พอรู้ว่าเป็นสายจากบานชื่อก็ยิ้มกว้าง “อ๋อ สวัสดีค่ะครู” ดาวรายนิ่งฟัง “รู้ค่ะ งานแต่งเขาพรุ่งนี้ เตี่ยกับม้าไปค่ะ แต่หนูคงไม่ไป”
ดาวรายชะงักพอได้ฟัง “อะไรนะคะ พี่ป้องจะไปได้ยังไง...ก็นั่นซีคะ เขามีปัญหากับทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย...ทางนั้นก็คงไม่ได้คิดว่าพี่เขาจะไปอยู่แล้ว...พี่เขาไปแน่เหรอคะ...ก็ได้ค่ะ ครูไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไปเป็นเพื่อนพี่ป้องเอง ไม่ให้ใครมาทำอะไรพี่ป้องแน่นอนค่ะ”
ดาวรายตอบไปอย่างมั่นใจก่อนวางสาย แต่ในใจก็อดเป็นกังวลไม่ได้
“ต้องเป็นเพราะพี่ป้อง ไม่ได้กินยาเสน่ห์ มาเกือบ 2 เดือนแน่เลย ถึงอยากไปหานังมาลา เมื่อไหร่ อาจารย์จะกลับจากอินเดียซักทีนะ”
ดาวรายฮึดฮัดขัดใจ
งานแต่งระหว่างมาลากับพันลือถูกจัดขึ้นในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมชื่อดังในสมุทรปราการ
ภายในห้องจัดเลี้ยง เตรียมการไว้พร้อมเพรียง ฉากหลังบนเวทีสำหรับงานรดน้ำเจ้าบ่าวเจ้าสาว มีตัวหนังสือสีทองขลิบขาวเขียนประดับชื่อบ่าวสาวไว้ว่า “มาลา พันลือ” พร้อมวันที่กำกับชัดแจ้งว่า 8 สิงหาคม 2533
บริเวณหน้าเวทีมีชุดโซฟารับรองแขกผู้ใหญ่ และมีเก้าอี้จัดวางเรียงไว้เป็นแถวเป็นแนวสำหรับแขกอื่นๆ มีพนักงานโรงแรม 2-3 คน ดูแลความเรียบร้อย
ตรงหน้าประตูห้องจัดเลี้ยง บัวผัน เทศ และพันลือยืนคุยกันอยู่ที่นั่น บัวผันอยู่ในชุดผ้าไหมเสื้อลูกไม้สมัยนิยม เทศใส่สูทผูกไท พันลือใส่สูทขาว
เทศมองไปรอบๆ ยิ้มปลื้ม “ที่นี่เขาจัดได้ดีนะ”
“แหม ก็เขาทำเป็นอาชีพ”
เทศหันมาถามพันลือ “กำนันกับแม่ไปไหนล่ะ”
“เขาขอพักผ่อนก่อนเริ่มงานครับ เมื่อคืนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ”
“มีลูกคนเดียวก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา” บัวผันเยื้อนยิ้ม
“ยังไงพ่อก็ต้องขอบใจพันลือนะ ที่เข้ามารับดูแลมาลา” เทศบอก
“ผมต่างหากครับ ที่ต้องขอบคุณพ่อกับแม่” พันลือยกมือไหว้ “ที่ยกมาลาให้เป็นภรรยาผม”
เทศกับบัวผันยิ้มรับไหว้
“แล้วผมสัญญานะครับ ว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้มาลามีความสุข ไม่มีวันต้องเสียใจเป็นอันขาด”
“พ่อกับแม่สบายใจแล้วล่ะ ที่ส่งลูกขึ้นฝั่งไปได้คนนึง ก็หวังว่างานวันนี้คงจะผ่านไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร”
บัวผันบอกพร้อมรอยยิ้มชื่น
รถปกป้องแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงแรม ปกป้องหยิบสร้อยในกระเป๋าเสื้อขึ้นมามอง กำแน่นขณะก้าวลงจากรถ มองเข้าไปในโรงแรม คลายมือออกมองสร้อยพร้อมจี้หัวใจคล้องกันอีกครั้ง ก่อนเก็บคืนใส่กระเป๋าเสื้อ เดินดุ่มๆ เข้าไปในโรงแรม
มาลัยในชุดผ้าไหมสีครีมหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องพักเจ้าสาวมือจับท้องตัวเองเบาๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปเลย
มาลัยร้องถามทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง
“พร้อมหรือยังคะพี่”
มาลาอยู่ในชุดเจ้าสาวตัดเย็บด้วยผ้าไหมสวยงามมาก เธอยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเต็มตัว
“ยังไงพี่ก็ยังไม่รู้สึกพร้อม”
มาลัยเดินมาทางด้านหลังพี่สาว “พูดแบบนั้นได้ไงพี่ พี่กำลังจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองนะ อนาคตที่ดีกำลังรอพี่อยู่”
“จะดีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ต้องดีซีพี่ พี่พันลือน่ะ เป็นลูกผู้ชายแท้ เขาพร้อมรับดูแลพี่ ทั้งๆ ที่” มาลัยหยุดคำไว้เท่านี้ “ไม่เหมือนผู้ชายเลวๆ คนนั้น”
“แต่บางที การจะลืมความรู้สึกเก่าๆ มันก็ไม่ง่าย”
“ลืมมันไปให้หมดเลยพี่ อดีตที่แย่ๆ ก็มีแต่จะทำให้พี่รู้สึกแย่ๆ วันข้างหน้าของพี่ จะต้องมีแต่ความสวยงาม”
“ดูละครมากไปแล้ว” มาลาขำยิ้มนิดๆ รีบเปลี่ยนเรื่อง “เออ นี่กี่โมงแล้ว ใกล้จะเริ่มงานหรือยัง”
มาลัยดูนาฬิกาข้อมือ “น่าจะอีกซักพักนะพี่ เดี๋ยวมาลัยไปดูให้ แล้วจะมาตามพี่นะ”
มาลาพยักหน้าดึงน้องสาวเข้ามากอด สองคนกอดกันนิ่งๆ ครู่หนึ่ง มาลัยจึงถอนตัวออกมา เดินออกจากห้องไปปิดประตูลง มาลาหันมามองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง นิ่งคิดอะไรอยู่ จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
มาลาแปลกใจเดินไปที่ประตู เสียงเคาะเรียกดังขึ้นอีกครั้ง มาลาเปิดประตูออกไปดู แล้วต้องนิ่งอึ้งตะลึงตะไล เมื่อพบว่า ปกป้องยืนอยู่ที่หน้าห้อง
มาลายืนตกตะลึงคาดไม่ถึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงสะบัด
“มาทำไม”
ปกป้องเดินเข้ามาในห้องเลย แล้วปิดประตูพร้อมกับกดล็อคอีกด้วย
“พี่มา...ขอร้อง...อย่าแต่งกับพันลือเลยนะ”
มาลาอึ้ง ไม่เข้าใจ “อะไรนะ”
“มาลาจะแต่งกับเขาไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ พี่พันลือเขารักฉัน”
ปกป้องนิ่งไปครู่หนึ่ง “แต่มาลาไม่ได้รักเขา”
มาลานิ่งคิด “มันสำคัญด้วยเหรอ”
“สำคัญซี มาลาจะมีความสุขได้ยังไงถ้าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”
“อย่างน้อยก็ดีกว่าที่ต้องถูกทุกคนมองว่า มาลาเป็นแค่ผู้หญิงโง่ๆ ที่โดนผู้ชายหลอก แล้วทิ้งขว้าง”
“มันจะไม่เป็นอย่างนั้น พี่จะรับผิดชอบทุกอย่าง พี่จะแต่งงานกับมาลาเอง”
“พี่รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา พี่กำลังจะแต่งงานกับดาวรายไม่ใช่เหรอ”
ปกป้องอึ้ง สีหน้าสับสน “พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหมือนพี่ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าพี่ต้องการอะไร พี่ต้องการมาลา แต่งงานกับพี่เถอะนะ”
มาลามองปกป้องนิ่งอยู่ น้ำตาเริ่มไหลออกมา
“พี่ทำแบบนี้ทำไม ต้องการจะให้มาลาเป็นตัวตลกเหรอ”
“ไม่นะ พี่...พี่หลงผิดไป แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่า พี่รักมาลามากที่สุด”
มาลาขึ้นเสียงใส่ “พอได้แล้ว เรื่องของเรามันจบไปแล้ว มาลาไม่รักพี่แล้วได้ยินมั้ย มาลาไม่ได้รัก คนอย่างพี่ อีกต่อไปแล้ว”
มาลาสะอื้นไห้ ปกป้องเครียดจัด สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนเหลือแสน
ทางด้านพันลือดูนาฬิกา แล้วหันมาทางมาลัย
“มาลัย ไปบอกมาลาว่าฤกษ์อีกครึ่งชั่วโมงนะ”
“ไม่รู้จะต้องเคร่งครัดอะไรนัก แขกก็มากันแล้ว เป็นมาลัยจะรีบๆ แต่งให้เสร็จๆ”
“แหม พี่ก็อยากให้ชีวิตแต่งงานของพี่ราบรื่นมั่นคงไง”
“มาลัยว่า มันขึ้นอยู่กับว่า คนสองคน จะรักกันจริงแค่ไหนมากกว่า”
บัวผันและเทศเข้ามาสมทบพร้อมกับมาลี
“มาลัย มานี่หน่อย”
บัวผัน เทศ มาลี และมาลัย แยกออกมาคุยกัน ไกลพอที่พันลือจะไม่ได้ยิน
พันลือมองตามไปเห็นทั้งสี่คนคุยกันท่าทางเครียดเคร่ง มาลัยส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อเทศถามอะไรบางอย่าง ทั้งสี่คนดูท่าทางไม่สบายใจ
พันลือแปลกใจและไม่สบายใจ เลยเดินเข้าไปหา
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
ทุกคนหันมาทางพันลือ ต่างก็มีอาการอึกอัก
“เปล่าหรอก” เทศปฏิเสธ
“ผมว่าต้องมีอะไรแน่ๆ” พันลือจ้องหน้ามาลัย “ว่าไง” พอมาลัยส่ายหน้า พันลือจึงหันมาหามาลี “มีอะไรมาลี”
“เอ่อ พี่ป้อง...”
มาลัยดุน้อง “มาลี”
พันลืองงในเบื้องแรก “ป้องไหน ไอ้ปกป้องน่ะเหรอ” แล้วเริ่มไม่พอใจ “มันทำอะไร”
“พันลือ วันนี้วันมงคลนะ ใจเย็นๆ ก่อน” บัวผันขอร้อง
พันลือคาดคั้นมาลี “ว่าไงมาลี”
“หนูแค่ เห็นพี่เขาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรม แต่เขาไปไหนต่อ หนูไม่รู้” มาลีบอก
พันลือประเมินเรื่องราว รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พูดอย่างไม่พอใจ
“แต่พี่รู้”
ขาดคำพันลือโลดแล่นออกไปทันที เป้าหมายคือห้องแต่งตัวเจ้าสาว ทั้ง 4 คน รีบตามเป็นขบวน
อ่านต่อตอนที่ 4