การ์เดี้ยน หักเหลี่ยมมัจจุราช ตอน 3
วันหนึ่งตอนกลางวัน ... ภารกิจยังคงดำเนินเป็นปกติ
จิมมี่หลบอยู่หลังที่กำบังภายในโรงสี ท่าทางเหมือยกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง เขาคิด...
"คนเราทุกคนมันก็ต้องเจอวันมหาวิบัติโลกาวินาศเข้าซักวัน"
แล้วจิมมี่ก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยววิ่งออกจากที่กำบัง ด้านซ้ายของเขามีลูกสมุนชุดจับกังคนหนึ่งหันมาเห็นจิมมี่พอดีจึงเล็งปืนมาที่เขา แต่จิมมี่ยิงสวนกลับไปได้ก่อนจนมันล้มไป
"วันที่อุปสรรคต่างๆเข้ามารุมล้อมรอบด้าน"
ด้านขวาจิมมี่ก็มีลูกสมุนชุดหนังถือปืนเช่นกัน พอเห็นจิมมี่ก็หันปืนมาที่เขา แต่จิมมี่ยังคงยิงสวนไปได้เร็วกว่า จนมันล้มไปอีกคน
"วันที่เรื่องบ้าๆที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ก็เป็นเรื่องได้"
แล้วจู่ๆก็มีเสียงแมวดังขึ้น แมวตัวหนึ่งกำลังวิ่งนำหน้าเขาอยู่ จิมมี่ยังคงวิ่งไล่ตามเจ้าแมวนั่น
"และวันที่อาจจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเรา"
เพราะจิมมี่มัวแต่สนใจแมวข้างหน้า เขาจึงไม่เห็นลูกสมุนชุดจับกังอีกคนหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาชี้ปืนมาที่ข้างหลังเขา แล้วมันก็เหนี่ยวไกเสียงดังปัง!!
เกิดประกายไฟที่ปลายกระบอกปืนพอดี จิมมี่ที่ยังวิ่งมองแมวอยู่ แมวตัวนั้นทำท่าทางไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเลย
"นี่แหละครับ วันโคตรมหาวิบัติของผม"
เรื่องของเรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ 6 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ในออฟฟิศของทีมการ์เดี้ยน จิมมี่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พาดหัวข่าวเป็นเรื่อง “เพชรพันล้าน งานเพชรโลก ยังสูญหายปริศนา” แป้งกำลังนั่งทำบัญชีของบริษัทอยู่ ส่วนชาโดว์ก็นั่งขัดปืนอยู่
"โอ๊ย จะเป็นลม" แป้งฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ
จิมมี่ถาม "อ้าว เป็นอะไรไปน่ะคุณเลขา"
"ก็หนี้สินบริษัทพวกนายน่ะสิ มันจะเยอะไปไหนเนี่ย มีแต่ตัวแดงเต็มบัญชีเลย ขอร้องล่ะ ให้ฉันลาออกเถอะ อย่าลากฉันมาลงนรกพร้อมกับพวกนายเลย"
หอยแครงเดินเข้ามาสมทบ
"แหมคุณแป้ง พูดยังกะเฮียผมเป็นจอมมารลากคุณมาลงนรกยังงั้นแหละ ฮ่าๆๆ"
"แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ อยู่ดีๆก็ให้ฉันเซ็นสัญญาเป็นกรรมการร่วมบริษัท ต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกับพวกคุณ ฉันนี่มันโดนหลอกชัดๆ"
"บ่นไปก็เท่านั้นแหละ ถ้าหลงมาร่วมวงกับเจ้าพวกนี้แล้วล่ะก็ ออกไปไหนไม่ได้ง่ายๆทั้งนั้นแหละ" ชาโดว์บอก
"เหมือนกระผมที่หลงแม่หญิงของผมจนออกไปไหนไม่ได้ใช่ไหมครับ"
หอยแครงเข้ามาเลียบๆเคียงๆใกล้ๆชาโดว์ ชาโดว์ที่ขัดปืนอยู่ จู่ๆก็ใส่แม็กกระสุน เคลื่อนลำกล้องปืนขึ้นนกแล้วชี้มาที่หอยแครง
"เอ่อ ออกไปก็ได้ครับ ไม่ยึดติดแล้ว แหะๆ"
หอยแครงค่อยๆเขยิบฉีกตัวออกมา ชาโดว์จึงปลดนกกลับแล้วถอดแม็กกระสุนออกตามเดิม แล้วจู่ๆน้าสมานก็เข้ามา สะพายกระเป๋าใบหนึ่งมาด้วย
"สวัสดีทุกคน"
"อ้าว สวัสดีค่ะน้าสมาน" แป้งทักทาย
"สวัสดีจ้ะหนูแป้ง แหม มีคนสวยน่ารักยังงี้ ออฟฟิศน่าอยู่ขึ้นเยอะ"
"แล้วฉันไม่ทำให้ออฟฟิศน่าอยู่เหรอ" ชาโดว์ถาม
"เอ่อ เอาเป็นว่าน้าจะไม่พูดละกันนะ"
"มีอะไรเนี่ยน้า มาแต่เช้าเชียว ปกติไม่เคยเข้าออฟฟิศเช้ายังงี้นี่" จิมมี่ถาม
"เออ มีงานด่วนมาให้ งานนี้สบายๆตังค์ดีด้วยนะ"
"งานอะไรน่ะน้า" หอยแครงถาม
"คุ้มกันแมว...!"
ทุกคนโพล่ง "หา"
"แมวไงแมว ที่มันเดินสี่ขาแล้วร้องเมี้ยวๆน่ะ ไม่รู้จักกันเรอะ"
"อย่าเพิ่งกวนตีนน่าน้า งานอะไรกันแน่" จิมมี่ถาม
"ก็แมวธรรมดานี่แหละ ผู้ว่าจ้างครั้งนี้ชื่อนายกิต เป็นเถ้าแก่โรงสีอยู่แถวสมุทรปราการ เขาสั่งซื้อแมวมงคลโหงวเฮ้งดีอะไรไม่รู้ เห็นว่าค่าตัวหลักล้านเลยนะจากญี่ปุ่น ก็เลยมาจ้างเราคุ้มกัน ให้เราไปรับแมวจากสนามบินแล้วไปส่งเขาที่โรงสี งานหมูๆง่ายๆเลย"
น้าสมานเอารูปแมวออกจากกระเป๋าสะพายมาให้ดูด้วย
"โอเคค่ะ รับเลยค่ะ" แป้งสนับสนุน
"แต่ฉันไม่ทำนะ" จิมมี่บอก
"อ้าว ทำไมล่ะ"
"เฮียเขาแพ้ขนแมวน่ะครับ แค่โดนขนแมวนิดหน่อยก็ฮัดเช้ยไม่หยุดแล้ว" หอยแครงบอก
"งั้นน้าสมานไปทำเองละกัน" จิมมี่บอก
"เอ่อ ไม่ได้ว่ะ"
"ทำไมล่ะน้า"
"พอดีลูกสาวฉันมีแข่งกีฬาวันนี้ ฉันสัญญาว่าจะไปเชียร์มันแต่ก็ผิดนัดมาหลายรอบแล้ว ถ้าวันนี้ไม่ไปอีกโดนเมียบ่นเละแน่ ฉันก็เลยต้องมาให้พวกแกช่วยนี่แหละ"
"งั้น..." แป้งหันมาหาหอยแครง
"เอ่อ ผมเป็นฝ่ายเทคนิคนะครับ ไม่ใช่แนวออกภาคสนาม แล้วอีกอย่าง ผมก็ไม่ค่อยถูกกับสัตว์ด้วย"
แป้งหันไปหาชาโดว์ต่อ
"งานกระจอกๆยังงี้ฉันไม่ทำหรอก"
แล้วชาโดว์ก็เดินออกจากห้องไปเลย
"โธ่เอ๊ย แต่ละคน งั้นฉันทำเองก็ได้" แป้งบอก
"เดี๋ยวนะคุณเลขา คุณจะไปทำเองเนี่ยนะ" จิมมี่ถาม
"ก็ใช่สิคะ แค่ขับรถพาแมวไปส่งต่างจังหวัด มันคงไม่ยากเท่าไหร่หรอกมั้ง"
"ถึงงานจะดูหมูๆก็จริง แต่แมวราคาเป็นล้านยังงั้น ถ้าเกิดหายไปหรือเป็นอะไรขึ้นมา เราก็ซวยเสียชื่อเละนะ"
"ถ้ายังงั้นนายก็มากับฉันสิ เดี๋ยวเรื่องแมวฉันจะดูแลเอง ส่วนนายก็ช่วยดูแลฉันขับรถไปโรงสีก็พอ โอเคไหมล่ะ"
น้าสมานบอก
"เยี่ยมมาก ใช่เลยหนูแป้ง ตกลงตามนี้นะไอ้จิม"
"เอ่อ ก็คงต้องเป็นยังงั้นแหละนะ"
น้าสมานกับแป้งตบมือดีใจกัน
จิมมี่และแป้งเดินเข้ามาที่สนามบิน บริเวณเกตผู้โดยสารขาเข้า
จิมมี่ก็หยิบหมวกการ์ตูนใบหนึ่งและการ์ดการ์ตูนใบหนึ่งจากกระเป๋าของน้าสมานโยนให้แป้ง
"เอ๋ นี่อะไรเนี่ย"
"เป็นข้อตกลงของเราน่ะ คนที่เอาแมวมาส่งให้เราเขาชื่อ ฮิโรชิ คุณใส่หมวกนี่ไว้นะ เดี๋ยวฮิโรชิเขาจะมองหาคนที่ใส่หมวกนี่เอง แล้วเราก็เอาการ์ดนี่ไปให้เขาเพื่อยืนยันตัวอีกรอบ"
แป้งลองใส่หมวกการ์ตูนดูแล้วก็รู้สึกเขินๆ เพราะหมวกหัวการ์ตูนนั้นดูเว่อร์ๆ ดึงดูดสายตามากๆคนแก่เดินผ่านแล้วมองดูเธอแปลกๆ แป้งจึงถอดออกมาถือไว้ก่อน
"เอ่อ ฉันว่าเอาไว้เจอเขาก่อนแล้วค่อยใส่ละกันนะ"
"ตามใจ งั้น ไปตามหาคุณฮิโรชิกันเถอะ" จิมมี่บอก
จิมมี่และแป้งแยกกันเดินหาฮิโรชิในหมู่ผู้คน ระหว่างที่กำลังมองหาอยู่ จู่ๆจิมมี่ก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่ง ท่าทางจิ๊กโก๋ใส่ชุดหนังห้าวๆ แต่ดันถือหมวกการ์ตูนเว่อร์ๆลายเดียวกันกับของแป้ง ดูไม่เข้ากันอย่างแรง จิมมี่มองตามอย่างสงสัย
และแล้วแป้งก็เห็นผู้ชายญี่ปุ่นคนหนึ่งยืนถือกระเป๋ากรงสัตว์และกำลังมองหาคนอยู่
แป้งรำพึง
"ฮ้า คุณฮิโรชิ"
ชายคนนั้นชื่อ อ็อด ได้ยินเสียงแป้งพูดชื่อฮิโรชิก็หันมาหาแป้งอย่างสงสัย แล้วพอเห็นว่าแป้งเอาหมวกการ์ตูนขึ้นมาสวมหัวและกำลังจะเดินเข้าไปหาผู้ชายญี่ปุ่นถือกรงแมว อ็อดจึงพุ่งเข้าไปหาแป้งอย่างเร็วและดึงมือลากตัวแป้งออกไปคุยกันข้างทาง
"นี่เธอ เธอเป็นใครกันแน่เนี่ย รู้เรื่องแมวด้วยเรอะ"
"โอ๊ย เจ็บนะ แล้วคุณเป็นใครล่ะเนี่ย เอ๋" เธอเห็นหมวกการ์ตูนในมืออ็อด "นี่คุณก็รู้เรื่องแมวงั้นเหรอ"
"ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเธอเป็นใคร แล้วรู้เรื่องแมวได้ยังไง"
อ็อดพยายามคาดคั้นแป้ง แต่แล้วจู่ๆจิมมี่ก็เข้ามาหาบิดมือแอ็ดข้างหลัง อ็อดเจ็บจนต้องปล่อยมือจากแป้ง
"เฮ้ๆ มีอะไรก็คุยกันดีๆสิครับ อย่ารังแกผู้หญิงสิ"
อ็อดพยายามจะหันมาสู้ จิมมี่จึงผลักลากอ็อดเข้าไปในห้องน้ำใกล้ๆแถวนั้น
ภายในห้องน้ำ อ็อดเหวี่ยงหมัดซ้ายขวาใส่จิมมี่ แต่จิมมี่ก็หลบได้ง่ายๆ บางทีก็ปัดหมัดอ็อดไปอีกทางจนไปชกกำแพงซะเอง
"อ้าวๆ อันนี้พี่ทำตัวเองนะครับ"
อ็อดยิ่งโกรธรุกเข้ามาอีก ทางข้างนอกของห้องน้ำ แป้งได้แต่เงี่ยฟังเสียงครึกโครมให้ห้องน้ำอย่างเป็นห่วง
หลังจากชกไปมาอีกสักพัก อ็อดก็ลองพุ่งเข้าหาจิมมี่ทั้งตัว แต่จิมมี่ก็ปัดและเบี่ยงตัวหลบจนอ็อดพุ่งเลยไปหัวโขกกำแพงจนน็อคสลบไป จิมมี่เลยเข้าไปลองปลุก
"อ้าว เฮ้ยๆ ทำไมใจเสาะยังงี้เนี่ย ว่าจะถามซักหน่อยว่าเป็นใครมาจากไหน โธ่เอ๊ย"
จิมมี่ลองค้นตัวอ็อดดู เจอกระเป๋าตังค์ใบหนึ่ง และหยิบบัตรประชาชนของมันออกมาเก็บไว้ แล้วก็ลากตัวอ็อดเข้าไปเก็บไว้ในห้องส้วมย่อยห้องหนึ่ง
แล้วจิมมี่ก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา ทำเอาแป้งที่เงี่ยหูฟังอยู่ตกใจนิดหน่อย
"นาย ไม่เป็นอะไรใช่มะ แล้วเจ้าหมอนั่นล่ะ" แป้งซัก
"โน่น นอนสบายอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ"
"แล้วเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมีหมวกเหมือนเรา แล้วก็รู้เรื่องแมวด้วยล่ะ"
"โธ่ คุณเลขา ผมก็มาพร้อมกับคุณเนี่ยแล้วจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคร้าบ งานนี้มันชักจะมีอะไรแปลกๆแล้ว" จิมมี่ว่า
"แล้วเราจะทำยังไงกันดี"
"ก็... รับงานเขามาแล้ว ก็ต้องทำให้เสร็จๆล่ะนะ มา ผมไปรับแมวเอง"
จิมมี่เอาการ์ดและหมวกการ์ตูนจากแป้งไปใส่เอง แล้วก็มองหาฮิโรชิจนเจอ จิมมี่จึงเดินเข้าไปหาฮิโรชิ ฮิโรชิพอเห็นจิมมี่กับหมวกการ์ตูนแล้วก็เหมือนรู้กัน
"คุณฮิโรชิใช่ไหมครับ"
"Yes"
จิมมี่ยื่นการ์ดการ์ตูนให้เพื่อยืนยันตัวอีกรอบ ฮิโรชิรับการ์ดไปแล้วก็เปิดกระเป๋ากรงแมวให้ดูแมวที่อยู่ข้างใน จิมมี่แอบจามเล็กน้อย
"ฮัดเช้ย เอ่อ โอเค"
แล้วฮิโรชิก็ปิดกระเป๋ากรงแมวและส่งให้จิมมี่รับไป ระหว่างนั้นจิมมี่สังเกตเห็น ชายท่าทางพิรุธสองคน ทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พาดหัวหนังสือพิมพ์ว่า “ไร้ร่องรอยเพชรพันล้าน จารกรรมกระฉ่อนโลก” แต่สายตาทั้งคู่มีแอบเหลือบมามองดูจิมมี่เล็กน้อย จิมมี่คิดสงสัย
ฮิโรชิภาษาญี่ปุ่น ประมาณว่า ยินดีที่ได้ทำธุรกิจกัน หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่จิมมี่ฟังไม่รู้เรื่อง พูดจบ ฮิโรชิก็เดินจากไปเลย
"เอ่อ โอเค อาริกาโตะ โดเรม่อน"
จิมมี่เดินถือกระเป๋าแมวออกมา เขาลองหันไปดูชายมีพิรุธสองคนนั้น ปรากฏว่าคนหนึ่งเริ่มทำทีเป็นเดินตามเขามา ขณะที่อีกคนก็ทำเป็นเดินตามฮิโรชิไป จิมมี่เริ่มใช้ความคิด...
สักพักจิมมี่ก็เดินเข้าไปในฝูงชนคนเยอะๆ ชายพิรุธที่เดินตามจิมมี่อยู่เห็นแต่หมวกการ์ตูนโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนก็ไล่ตามมาเรื่อยๆ จนฝูงชนเริ่มเบาบางลง จึงเห็นว่าคนที่สวมหมวกแต่งตัวไม่เหมือนเดิม คนสวมหมวกตอนนี้กลับกลายเป็นแป้ง ชายพิรุธรีบมองหาตัวจิมมี่แต่ก็ไม่พบแล้ว
"โธ่เว้ย...!"
เวลาต่อมา จิมมี่ขับรถออกมานอกสนามบินแล้ว กระเป๋าใส่แมววางอยู่เบาะข้าง จิมมี่รีบเอามือถือโทร. หาแป้งที่ยังอยู่ในสนามบิน
"ฮัลโหล จิมมี่เหรอ อยู่ไหนแล้วเนี่ย"
"ออกมาแล้วล่ะ แล้วเจ้าคนที่เดินตามผมมา ยังอยู่แถวนั้นไหม"
แป้งแอบมองชายพิรุธคนนั้นกำลังคุยมือถืออยู่
"อยู่ๆ ตกลงเขาเป็นใครยังไงกันเนี่ย นี่ฉันงงไปหมดแล้วนะ"
"ผมก็งงเหมือนกันแหละ ถ้าอยากหายงงเราก็ต้องสืบให้รู้ งั้นเดี๋ยวคุณลองตามดูเจ้านั่นไปเรื่อยๆนะ เผื่อจะรู้ว่าเป็นใคร"
"หา ให้ฉันสะกดรอยตามเจ้านั่นเนี่ยนะ นี่นายหาเรื่องอันตรายมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ"
"เอาน่า เดี๋ยวผมส่งคนไปช่วย ตกลงตามนี้นะ" จิมมี่วางสายไป
"อ้าว จิมมี่ ฮัลโหลๆ ปัดโธ่เอ๊ย"
ชายพิรุธคุยมือถือเสร็จแล้วและเดินออกไป แป้งจำใจต้องตามไปเช่นกัน
ภายในออฟฟิศการ์เดี้ยน ตอนกลางวัน มือถือของหอยแครงดังอยู่ แต่ไม่มีใครมารับ เพราะชาโดว์กำลังสักลายให้หอยแครงอยู่อีกห้อง
"โอ๊ยๆ พอแค่นี้ก่อนได้ไหมชาโดว์ เอาไว้มาสักต่อวันหลังนะ"
"ไม่ได้ อยู่นิ่งๆไปเลย ลายเล็กๆแค่นี้ทำใจเสาะไปได้"
"อ้าๆ โอ้ย เบาๆคร้าบ"
จิมมี่ขับรถอยู่บนถนน โทร.หาใคร ไม่ติดเลย
"โธ่เอ๊ย หายไปไหนกันหมดนะ ทั้งชาโดว์ ทั้งไอ้หอย"
จิมมี่ใช้ความคิดสักพักก็กดมือถืออีกรอบโทร.หาน้าสมาน
"ฮัลโหล ไอ้จิมเหรอ งานเสร็จแล้วเหรอวะ"
"เสร็จกะผีน่ะสิ น้าไปรับงานอะไรมาเนี่ย นี่มันงานช้างแล้วล่ะ ไม่ใช่งานแมวๆแล้ว"
"อ้าว จริงดิ ทำไมวะ"
"รู้สึกจะมีแต่คนสนใจเจ้าแมวนี่ ท่าทางจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรซักอย่าง น้าสืบประวัตินายกิตผู้ว่าจ้างนั่นมารึเปล่า"
"ไม่ได้สืบว่ะ ก็ฉันคิดว่าเป็นงานส่งแมวง่ายๆ ก็เลยไม่ได้สืบอะไร"
"นี่ผมให้แป้งไปตามดูคนที่มาเกี่ยวข้องเรื่องนี้อยู่ น้าช่วยไปดูแป้งให้หน่อยสิ ผมติดต่อพวกชาโดว์กับไอ้หอยไม่ได้เลย"
"เอ่อ แต่ฉันกำลังเชียร์ลูกสาวแข่งอยู่นะ ถ้าให้ไปตอนนี้ก็..."
"ขอร้องล่ะน้า ผมไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้ว แป้งเขาไม่ใช่มืออาชีพนะ เกิดเป็นอันตรายขึ้นมาเหมือนจ๊อบที่แล้วเดี๋ยวจะแย่กันอีก แล้วอีกอย่าง งานนี้น้าเป็นคนรับมาเองนะ"
"เอ่อ เอ่อ อืม โธ่เว้ย เอ้า ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปช่วยหนูแป้งเอง"
"โอเคครับน้า"
จิมมี่วางสายไป แต่แล้วจู่ๆเขาก็ทำท่าเหม็นขึ้นมา
"ฮึบ อื้อหือ เหม็นอะไรวะเนี่ย เมื่อกี้ขามายังไม่เห็นเหม็นเลย"
จิมมี่ต้องเปิดกระจกรถระบายอากาศ สักพักเขาก็ดมๆจนรู้ที่มาของกลิ่นว่ามาจากกระเป๋าแมว
"อื้ม รู้ละ นี่แกนั่งรถมาแค่นี้ต้องขี้แตกใส่กันด้วยเรอะ ฮัดเช้ย"
จิมมี่เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ปั๊ม
เขาเอากระเป๋าแมวลงไปที่ห้องน้ำ สักพักนึงก็มีรถสองคันเข้ามาจอดในปั๊มด้วย พอจิมมี่ออกมาจากห้องน้ำ รถสองคันนั้นก็เปิดประตูออก มีชายชุดหนังกลุ่มหนึ่งออกมายืนล้อมจิมมี่ไว้รอบด้าน
"เฮ้อ งานเข้าอีกแล้วสิ"
สักพักอ็อดก็ลงมาจากรถด้วย
"อ้อ พี่นี่เอง หลับสบายไหมครับ อากาศสดชื่นดีมะ"
"หนอย แก"
อ็อดชักปืนขึ้นมาขู่จิมมี่
"อ๊ะๆๆ ระวังนะครับ ที่นี่ปั๊มน้ำมันนะ เกิดโป้งป้างไปโดนคลังน้ำมันขึ้นมา เดี๋ยวจะตายห่ากันหมดนะครับ"
อ็อดโดนขู่กลับเลยไม่กล้าใช้ปืน
"แล้วนี่ตามผมมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย อืม ถ้าเดาไม่ผิด เจ้าแมวนี่น่าจะมีเครื่องติดตามตัวอะไรซักอย่างติดไว้ใช่ไหม"
สักพัก แจ็ค หัวหน้าแก๊งของคนกลุ่มนี้ก็ค่อยๆลงจากรถมาเป็นคนสุดท้าย
"ท่าทางเก่งไม่เบานี่ไอ้หนุ่ม แต่คิดดีแล้วเหรอที่จะเป็นศัตรูกับพวกฉัน ส่งแมวมาให้ฉันดีๆเถอะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก" แจ๊คว่า
"ผมก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกครับ แต่ในเมื่อรับงานเขามาแล้ว ผมก็ต้องทำงานของผมให้เสร็จตามจรรยาบรรณนะครับ"
"สรุปว่าจะไม่คืนแมวให้ฉันดีๆสินะ"
พวกลูกน้องทั้งหลายเริ่มสืบเท้าเข้าหา จิมมี่จึงวางกระเป๋าแมวไว้ข้างหลัง และตั้งท่ายืดเส้นยืดสายเตรียมพร้อมสู้ด้วย
"เฮ้ย....สู้โว้ย"
แล้วพวกลูกน้องทั้งหลายก็รุมเข้ามา
แป้งสะกดรอยตามชายพิรุธมาถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง พอเข้ามาในล๊อบบี้ ก็เห็นชายพิรุธคนนั้น ( 1 ) เข้าไปเจอชายพิรุธอีกคน ( 2 ) ที่แยกไปตามฮิโรชิ แป้งสังเกตเห็นท่าทางทั้งคู่กำลังแอบมองดูอะไรอยู่ จึงลองมองตาม ก็เจอฮิโรชิกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในร้านของโรงแรม
"คุณฮิโรชินี่ เจ้าพวกนั้นต้องการอะไรกันแน่น"
แล้วจู่ๆมือถือของแป้งก็มีเสียงกริ๊งกร๊างดังลั่นขึ้นมา แป้งตกใจรีบหยิบมือถือขึ้นมาปิดเสียง แต่ไม่ทันแล้ว ชายพิรุธที่เธอตามมาหันมาเห็นเธอเข้าพอดี แป้งรีบเข้าไปหลบหลังเสาหรือมุมตึกแถวนั้น
"ฮึ้ย ซวยแล้วไหมล่ะ"
ชายพิรุธ2 ถาม"มีอะไรเหรอ"
"ผู้หญิงคนนั้น คนที่สนามบินนี่"
ชายพิรุธสงสัยจัดจึงเดินเข้ามาทางแป้งแล้ว ด้วยท่าทางการเดินแบบเตรียมพร้อม มือขวาอยู่แนบลำตัวไพล่ไปทางข้างหลังพร้อมหยิบปืนที่เหน็บไว้ แป้งได้แต่หลบซ่อนอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี แต่แล้วจู่ๆน้าสมานก็เดินตัดหน้าเข้ามาหาแป้งซะก่อน
"อ้าว ไงจ๊ะที่รัก รอป๋านานไหม ไปๆ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ ป๋าหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย นะๆๆๆ"
น้าสมานพูดไป มือก็เอาแว่นหนาเตอะมาสวมให้แป้ง เสร็จแล้วก็เอาแปรงพลาสติคอันเล็กๆที่มีแถบขนพลาสติกเส้นใหญ่ๆหลายๆเส้น ที่ปลายขนเลอะหมึก มากดลงบนหน้าแป้ง พอเอาแปรงออกก็จะเห็นหน้าแป้งเป็นแถบจุดๆเหมือนกระน่าเกลียด แล้วน้าก็รีบรัดผมแป้งเปลี่ยนทรงเป็นทรงใหม่ ก่อนจะโอบไหล่เดินควงแป้งออกมาจากที่ซ่อน
"แล้วเดี๋ยวกินข้าวเสร็จเราก็ไปหาหนังดูกันต่อนะจ๊ะ"
"เอ่อ ได้ค่ะป๋า ตามใจป๋าเลยค่ะ"
ชายพิรุธเห็นหน้าแป้งตอนนี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆ เขามองสำรวจแถวนั้นดูอีกทีแต่ก็ไม่เจอใครอื่น สุดท้ายก็ไม่ได้ติดใจอะไร เดินกลับไปหาคู่หูของตน ส่วนน้าสมานกับแป้งเดินออกจากโรงแรมมาหลบดูอยู่ข้างนอกอีกที
"เฮ้อ เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่แป้ง เวลาจะสะกดรอยตามใครน่ะก็หัดปิดเสียงมือถือซะก่อนสิ เข้าใจไหม"
"โธ่น้า ก็ฉันเคยสะกดรอยใครที่ไหนกันเล่า" เธอเอามือถือมาส่องเซลฟี่ดูหน้าตัวเอง "ว่าแต่น้านี่ก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย เวลาแป๊บเดียวยังแต่งหน้าปลอมตัวให้หนูได้ขนาดนี้"
"โอ้ย ไม่เท่าไหร่หรอก นี่แค่ชุดเล็กๆแบบเร่งด่วนเท่านั้น"
"แล้วนี่น้ารู้ได้ยังไงคะว่าหนูอยู่ที่นี่ แล้วน้าไม่ไปเชียร์ลูกสาวแล้วเหรอ"
"ก็ไอ้จิมมันติดต่อใครไม่ได้ ก็เลยบังคับให้น้ามาช่วยเธอนี่แหละ นี่มันก็ส่งพิกัดมือถือเธอมาให้ น้าถึงรู้ว่าเธออยู่ที่นี่"
"แล้วนี่เราจะเอายังไงกันดีล่ะคะ พวกนั้นเริ่มระแวงเราแล้ว โธ่เอ๊ย เจ้าพวกนั้นเป็นใครกันนะ แล้วมาตามคุณฮิโรชิทำไม"
"เจ้าพวกนั้นน่ะเหรอ เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบน่ะ ไม่ใช่คนร้ายอะไรหรอก"
"เอ๋ ตำรวจ น้ารู้ได้ยังไงคะว่าพวกนั้นเป็นตำรวจ"
"ท่าทางการเตรียมพร้อมเป็นระบบระเบียบขนาดนั้น ตอนเดินมือขวาแนบลำตัวไพล่หลังพร้อมชักปืนได้ทุกเมื่อ ดูยังไงๆก็ตำรวจชัดๆ"
"แล้วตำรวจมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ เจ้าแมวนั่นมันยังไงกันแน่เนี่ย"
"ดูท่าเจ้าแมวนั่นจะเป็นแมวอัปมงคลที่พาแต่เรื่องมาให้ซะแล้ว" น้าสมานบอก
ภายในปั๊ม จิมมี่ต่อสู้กับพวกลูกน้องทั้งหลายด้วยฝีไม้ลายมวยแบบโคตรเก่ง โดยจะถีบหรือผลักเลื่อนกระเป๋าแมวให้หลบไปอยู่ข้างหลังตัวเองเสมอ แม้พวกสมุนจะรุมเข้ามาพร้อมกันสามคน แต่จิมมี่ก็หลบหลีกและปัดให้พวกมันไปซัดกันเองได้
ลูกน้องคนหนึ่งเห็นเพื่อนใช้หมัดมวยสู้ไม่ได้ จึงชักมีดออกมาเข้าสู้ จิมมี่ต้องโยนกระเป๋าแมวหลบไปข้างหลังไกลๆ ก่อนจะมาหลบหลีกมือมีดถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่แล้วจิมมี่ก็ไปเอาสายยางเติมลมยางในปั๊มมามัดมือเจ้ามือมีด และกระแทกมือมันจนมีดหลุดก่อนจะถีบมันออกไป มีพวกลูกสมุนจะเข้ามาอีก จิมมี่ก็ควงฟาดสายยางออกไป ให้หัวเหล็กเติมลมไปฟาดหัวเจ้าพวกนั้น
"โธ่เอ๊ย เก่งนักใช่ไหม งั้นก็หลบนี่ให้ได้สิ"
แจ็คหงุดหงิดจัดจนชักปืนออกมายิงใส่จิมมี่ จิมมี่ต้องรีบพุ่งตัวเข้าที่กำบังหลบกระสุน
"เหวอ เจ้านายครับ ระวังปั๊มระเบิดนะครับ"
"ก็พวกแกมันไม่ได้เรื่องนี่หว่า จะให้ฉันทำยังไงล่ะวะ ห๊า"
สักพักก็มีลูกน้องคนนึงแอบไปหากระเป๋าแมวจนเจอ แต่ปรากฏว่าประตูกรงเปิดอยู่ ข้างในว่างเปล่าไม่มีแมวอยู่เลย
"แย่แล้ว เจ้านาย แมวหายไปแล้วครับ แมวหายไปแล้ว"
"อะไรนะ รีบไปหาตัวแมวให้เจอเดี๋ยวนี้ เร็วๆสิ"
พวกลูกน้องเริ่มแยกกันไปหาแมวในปั๊ม จิมมี่ที่หลบอยู่จึงรีบพุ่งตัวขึ้นรถตัวเองแล้วก็รีบขับออกจากปั๊มไป
จิมมี่ตะโกนไล่หลัง
"โอ๊ย จะทำอะไรก็เรื่องของแกเถอะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว"
จิมมี่ออกจากปั๊มไปแล้ว เหลือแต่พวกแจ็คและชาวแก๊งที่กำลังแยกย้ายกันหาแมว
"เอ้า รีบๆหากันเข้าสิ ฮึ่ย ไอ้อ็อด ไปเอาเครื่อง GPS ออกมาหาตำแหน่งแมวซิ"
"ครับๆ..... นี่ครับเจ้านาย"
ลูกน้องไปเอาแท๊บเล็ตลงมาจากรถเพื่อเปิดตำแหน่ง GPS ของตัวแมวให้เจ้านายดู หน้าจอแสดงผลว่า ตำแหน่งแมวอยู่ใกล้ๆปั๊มนี่แหละ
"นั่นๆ ทางนั้น รีบๆหาดูซิ เร็วเข้า"
แต่แล้วในหน้าจอ จุดแสดงตำแหน่งแมวก็ค่อยๆห่างออกจากปั๊มไปเรื่อยๆๆๆ สักพักก็ห่างไป 1-2 ช่วงตึกแล้ว
"เฮ้ย ออกจากปั๊มไปแล้ว ทำไมมันออกไปเร็วยังงี้วะเนี่ย เป็นไปได้ยังไง"
"นั่นสิครับ แมวบ้าอะไรเนี่ยวิ่งเร็วชะมัดเลย" อ็อดบอก
แจ็คหยุดใช้ความคิด สักพักนึงก็พอจะคิดได้แล้ว
"ฮึ่ม ไอ้เจ้าโง่ แมวบ้านแกสิจะวิ่งเร็วขนาดนั้น มันขึ้นรถไปตะหากล่ะ มันต้องขึ้นรถไอ้เจ้าบ้าเมื่อกี้ออกไปแน่ๆ ปัดโธ่เว๊ย รีบตามมันไปเร็วเข้า"
พวกลูกน้องรีบกรูกลับมาขึ้นรถกัน
จิมมี่ก็เปิดท้ายรถออกดู เมื่อรถจอดไว้ข้างถนนอีกที่หนึ่งแล้ว ใกล้ๆนั้นมีที่ทิ้งขยะอยู่ มีเศษลังกระดาษเปล่าๆอยู่จำนวนหนึ่ง เห็นเจ้าแมวเหมียวอยู่ในท้ายรถของเขานี่เอง
"เฮ้อ ดีนะที่ฉันเอาแกมาเก็บในนี้ซะก่อน"
ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนจิมมี่ขับรถเข้าปั๊มมาใหม่ๆ เขาเปิดกรงให้แมวออกมาจากกระเป๋า เจ้าแมวก็เดินออกมาเอาตัวถูเบาะรถไปทั่ว
"ฮัดเช้ย โธ่เอ๊ย เจ้าแมวบ้า จะถูทำไมเนี่ย ขนแมวเต็มรถฉันแล้ว"
จิมมี่เลยเอาเสื้อเก่าๆจากเบาะหลังมาใช้จับตัวแมวออกมา แล้วเอาแมวไปเก็บไว้ท้ายรถและปิดประตู
"อยู่ในนั้นไปก่อนนะ"
แล้วจิมมี่ก็ไปเอากระเป๋าแมวออกมาและเดินไปห้องน้ำ เป็นจังหวะที่รถพวกแจ็คเข้ามาในปั๊มพอดี
จิมมี่ลองตรวจดูที่ปลอกคอแมว ก็เจอเครื่องส่งสัญญาณชิ้นเล็กๆจึงดึงมันออกมา
"หึ อยู่นี่เอง เจ้าเครื่องส่งสัญญาณ"
ว่าแล้วจิมมี่ก็โยนเครื่องส่งสัญญาณนั่นใส่ท้ายรถกระบะที่วิ่งผ่านมาและผ่านไป สักพักมือถือเขาก็ดังขึ้น เป็นหอยแครงที่โทร.มา
"ฮัลโหล ไอ้หอย มึงทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย ทำไมเพิ่งโทรมาป่านนี้"
ภายใน ออฟฟิศการ์เดี้ยน หอยแครงกำลังลูบๆคลำๆรอยสักเล็กๆที่เพิ่งสักเสร็จ
"โทษทีเฮีย ยุ่งๆอยู่นิดหน่อยครับ ว่าแต่เฮียโทร.มามีอะไรเนี่ย"
"ช่วยเช็คประวัติคนให้ฉันหน่อย ฉันถ่ายรูปบัตรประจำตัวมันส่งไปให้แล้ว"
หอยแครงได้รูปบัตรประจำตัว อ็อดขึ้นหน้าจอแล้ว เขารีบเข้าโปรแกรมค้นดูประวัติทันที
"ได้แล้วเฮีย เจ้านี่ชื่อเล่นว่าอ็อด เป็นสมาชิกแก๊งค้าของผิดกฎหมายนานาชาติ หัวหน้าแก๊งชื่อแจ็ค เหงียน เป็นดีลเลอร์มือดีของวงการ ใครอยากแลกเปลี่ยนของผิดกฎหมายอะไรในตลาดมืดก็ต้องผ่านเขานี่แหละ"
หอยแครงส่งรูปพร้อมข้อมูลของแจ็คเข้ามือถือจิมมี่ ให้จิมมี่เปิดดู
"แจ็ค เหงียน ดีลเลอร์ตลาดมืด"
จิมมี่หันไปคุยกับแมวในท้ายรถ
"นี่แกเป็นแมวอะไรเนี่ย ทำไมดีลเลอร์ตลาดมืดถึงต้องมายุ่งกับแกด้วย อืม ไอ้หอย ลองเช็คประวัตินายกิตผู้ว่าจ้างครั้งนี้ดูซิ"
หอยแครงรีบค้นข้อมูล
"นายกิต จิตสัมพันธ์ เป็นเถ้าแก่โรงสีธรรมดา ไม่มีประวัติอะไรพิเศษเลยเฮีย"
"งั้นเหรอ ดูท่าฉันคงต้องเอาแมวนี่ไปส่งให้นายกิตซะก่อน ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรสินะ"
ตำรวจนอกเครื่องแบบ ในคราบ ชายพิรุธสองคน ยังคงจับตาดูฮิโรชิที่กำลังเข้าร้านนวดในโรงแรมอยู่ คนนั่งรอคิวอยู่ในร้านอ่านหนังสือพิมพ์พาดหัวว่า “ญี่ปุ่นขายหน้า เพชรพันล้านหายกลางงานใหญ่” จู่ๆน้าสมานก็เดินเข้ามาในลุคผมทรงเร็กเก้ผูกผ้าโพกหัวใส่แว่นดำ ต่างกับเมื่อกี้ลิบลับ น้าสมานเดินผ่านคนทั้งคู่ไป สองคนนั้นก็มองผ่านๆไม่ได้ว่าอะไร แต่แล้วน้าสมานก็เดินกลับไปหาสองคนนั่น
"น้องๆ มีไฟแช็คมะ ขอยืมหน่อยดิ ของพี่แก๊ซหมดน่ะ"
ชายพิรุธ2 บอก"ไม่มี"
"เฮ้ย น่า ขอยืมหน่อย หน้าตาอย่างน้องน่ะสูบบุหรี่อยู่แล้วล่ะ ขอยืมนิดเดียวเอง นะๆ"
ชายพิรุธ1 บอก"อ้ะๆๆ เอาของผมก็ได้"
ชายพิรุธ1 ล้วงกระเป๋าหยิบไฟแช็ค น้าสมานเห็นปืนที่เขาเหน็บไว้ที่เอวแล้ว น้าสมานจึงเข้าล็อคแขนเขาข้างหลังและหยิบปืนนั่นออกมาชี้ขู่ไปที่ชายพิรุธ2 ชายพิรุธ2 ก็ชักปืนขึ้นมาจ่อกลับด้วย
"อย่าขยับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฉันเห็นแกมาด้อมๆมองๆแถวนี้อยู่นานแล้ว แถมพกปืนด้วย นี่แกจะมาปล้นแถวนี้ใช่ไหม"
ชายพิรุธ2 บอก
"เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆก่อน พวกผมก็เป็นตำรวจเหมือนกัน เราพวกเดียวกัน"
"ห๊ะ ตำรวจเหรอ โกหก....หลักฐานล่ะ"
"เดี๋ยวผมจะหยิบบัตรประจำตัวให้ดู ใจเย็นๆก่อนนะ"
"ช้าๆนะช้าๆ อย่าตุกติก"
ชายพิรุธ2ค่อยๆหยิบบัตรตำรวจออกมาให้ดู
"อ้าว พวกเดียวกันเหรอเนี่ย ปัดโธ่เว๊ย"
น้าสมานปล่อยแขนชายพิรุธ1เป็นอิสระ แล้วก็โยนปืนคืนให้เขา
"โทษทีน้อง พี่เห็นพวกแกท่าทางมีพิรุธก็เลยลองตรวจสอบดู ไม่ว่ากันนะ"
ชายพิรุธ1 บอก
"ไม่เป็นไรครับ เอ แต่พี่นี่หน้าคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน"
"เอ่อ อ๋อ ก็คงเคยเจอหน้ากันในโรงเรียนตำรวจล่ะมั้ง นะ"
"อ่อ ครับ เอ่อ แต่เหมือนผมเพิ่งเคยเห็นหน้าพี่เมื่อเร็วๆนี้เองนะ"
"เอ่อ โอ๊ย ช่างมันเถอะน่า ว่าแต่ว่าพวกแกมาสืบเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย มีข่าวอะไรพิเศษรึเปล่า บอกกันมั่งสิ เผื่อเป็นประโยชน์กับพี่"
ชายพิรุธ2 บอก
"เรากำลังตามดูชายญี่ปุ่นคนนั้นอยู่ครับ คืองี้ครับ"
สองคนนั้นทำท่าเล่าเรื่องราวต่างๆให้น้าสมานฟัง
ด้านจิมมี่ขับรถมาจอดหน้าทางเข้าโรงสีแล้ว จู่ๆมือถือก็ดังขึ้น แป้งโทร.มา จิมมี่กดรับสาย
"ว่าไงคุณเลขา ปลอดภัยดีใช่ไหม"
แป้งอยู่บนรถกับน้าสมานแล้ว น้าสมานก็ขับรถไปถอดวิกผมไป
"โอเค ยังอยู่ดี จิมมี่ ฉันรู้เรื่องทางนี้หมดแล้วล่ะนะ"
จิมมี่ที่ฟังโทรศัพท์อยู่ด้วยท่าทางครุ่นคิด
จิมมี่ก็เข้ามาในเขตโรงสีแล้ว พร้อมกับกล่องลังกระดาษที่ใส่แมวอยู่ข้างใน นายกิตและลูกน้องชุดจับกัง ออกมารับ
"คุณ...จิมมี่สินะ โอ้ มาแล้วเหรอ เจ้าเหมียวลูกพ่อ" นายกิตบอก
ลูกน้อง 1 เข้ามาจะรับกล่องกระดาษไป จิมมี่ก็ยอมให้ยกไปโดยดี ลูกน้องยกกล่องไปให้นายกิตลูบหัวแมวเล่นดู ลูกน้อง 2 ยกกระเป๋าเงินมาเปิดโชว์ให้จิมมี่ดู แล้วจิมมี่ก็รับกระเป๋าเงินไป
"เอ่อ คุณกิตครับ เจ้าแมวนี่มันมีดีอะไรเหรอครับ กว่าผมจะเอามันมาส่งได้ ต้องวุ่นวายกันไม่ใช่เล่นเลยนะ"
"ผมเข้าใจ"
สักพักลูกน้องก็ยกกระเป๋าเงินมาให้จิมมี่อีกใบ
"ถือเป็นโบนัสพิเศษเพิ่มเติมล่ะกัน ขอบคุณมาก งานของคุณเสร็จแล้ว เชิญกลับไปพักตามสบายเถอะ"
จิมมี่มองดูพวกลูกน้องที่กระจายอยู่ทั่วโรงสี มองดูกระเป๋าเงินสองใบในมือ
"โอเคครับ ขอบคุณสำหรับโบนัสครับ"
แล้วจิมมี่ก็ออกจากโรงสีไปขึ้นรถและขับออกไป
นายกิตเห็นดังนั้นก็อุ้มแมวเข้าไปในห้องสำนักงานของโรงสี
ภายในห้องมี เสี่ยกรณ์ นั่งรออยู่
"เสี่ยกรณ์ครับ แมวมาแล้วครับ"
"โอ้ เจ้าแมวน้อย เจ้าแมวพันล้านของฉัน หึๆๆๆ รีบเอาไปตรวจเลย" กรณ์ว่า
ลูกน้อง 3 ที่ดูฉลาดๆหน่อยมารับแมวไปที่เครื่องอัลตร้าซาวด์ เขาใช้แป้นสแกนตรวจดูที่ท้องแมว หน้าจอที่เครื่องแสดงภาพภายในท้องแมวขึ้นมา แต่แล้วสีหน้าของลูกน้องฉลาดก็แสดงความประหลาดใจขึ้นมา
"ไม่มี ไม่มีครับ ในท้องแมวว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย"
"อะไรนะ เป็นไปได้ยังไง แกตรวจดูดีๆรึเปล่า" กรณ์ว่า
"ผมตรวจดูดีแล้วนะครับ ไม่มีจริงๆครับ"
"ให้ตายสิ นี่มันอะไรกันเนี่ย อยู่ๆของจะหายไปได้ไง ผ่าเลย ผ่าท้องแมวดูเลย มันต้องอยู่ในนั้นสิ"
"เอ่อ จะดีเหรอครับเสี่ย สงสารแมวนะครับ" กิตบอก
"ฉันบอกให้ผ่าก็ผ่าสิ แมวมันจะเป็นยังไงก็ช่าง ช่างมัน ผ่าเลย"
ลูกน้องได้รับคำสั่งแล้วก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา เตรียมจะลงมีดผ่าท้องเจ้าเหมียวแล้ว แต่แล้วจู่ๆก็มีกระสุนทะลุหน้าต่างเข้ามาถูกมือลูกน้องนั่นจนมีดหลุดมือไป เจ้าแมวเองก็ตกใจวิ่งหนีออกจากห้องสำนักงานและหายเข้าไปในโรงสี
"รีบไปจับแมวนั่นมาให้ได้ โธ่เว้ย ใครกันวะที่ยิงเข้ามาเมื่อกี้"
จิมมี่ผ่านหน้าต่างไปแว๊บๆเหมือนเงาเร็วๆ
ภายในโรงสี พวกลูกน้องแยกย้ายกันหาแมวไปทั่ว แต่แล้วจู่ๆจิมมี่ก็โผล่ออกมาลอบซัดลูกน้องจนหมอบไปได้คนหนึ่ง ลูกน้อง1 ผ่านมาเห็นร่างแน่นิ่งของเพื่อนก็ตะโกนเตือนคนอื่น
"เฮ้ย...มีคนแอบทำร้ายพวกเราเว้ย"
จิมมี่เปลี่ยนตำแหน่งหลบซ่อนไปเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆเขาก็เห็นเจ้าแมวกำลังแอบๆอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่มีลูกน้องคนนึงเดินเข้ามาใกล้ๆตำแหน่งแมวแล้ว จิมมี่จึงพูดเสียงดังขึ้นมาจนเสียงก้องไปทั่วโรงสี ลูกน้องคนนั้นเลยหันไปสนใจทางอื่น ไม่เดินต่อไปทางแมวแล้ว
"ผมว่า…ผมพอจะรู้แล้วล่ะนะว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง คุณกิตครับ คุณไม่ใช่ผู้ว่าจ้างที่แท้จริงใช่ไหมครับ แต่คนที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงก็คือ...เสี่ยกรณ์ !"
กรณ์กับกิตก็ออกมาจากสำนักงานแล้ว มามองหาตัวจิมมี่กันใหญ่
"เสียงนี่มัน จิมมี่หนิ" กิตว่า
"เสี่ยกรณ์ คุณใช้คุณกิตมาว่าจ้างพวกเราก็เพราะคุณกิตเขาประวัติขาวสะอาด ไม่มีอะไรน่าสงสัย เอาเรื่องแมวมงคลมาหลอกพวกผม ทั้งที่จริงๆแล้วเจ้าแมวนี่มันมีความพิเศษอย่างอื่นสินะ"
มีลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาใกล้ที่ซ่อนจิมมี่ จิมมี่จึงแอบออกไปซัดมันจนสลบซะก่อน แล้วค่อยพูดต่อ
"ทำไมต้องอัลตร้าซาวด์ท้องแมว ทำไมจะต้องผ่าท้องแมวด้วย ในท้องแมวมันมีอะไรเหรอ ผมว่าผมพอจะรู้คำตอบแล้วนะ"
จู่ๆก็มีหนังสือพิมพ์ถูกโยนปลิวเข้ามากลางโรงสี เสี่ยกรณ์เก็บขึ้นมาดู เจอพาดหัวข่าว “ไร้ร่องรอยเพชรพันล้าน ญี่ปุ่นเสียชื่อยับ จัดงานห่วย”
"เพชรพันล้านที่หายไปจากงานแสดงเครื่องเพชรที่ญี่ปุ่น ทางตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือพนักงานโรงแรมที่ใช้จัดงาน แล้วทายสิครับว่า คุณฮิโรชิที่เอาแมวมาส่งให้เราเขาเป็นใคร ใช่แล้ว เขาก็คือผู้จัดการโรงแรมที่ใช้จัดงานเครื่องเพชรนั่นเอง เป็นผู้ต้องสงสัยหลักที่ตำรวจกำลังตามดูอยู่"
เรื่องที่จิมมี่พูด มาจากน้าสมานที่คุยกับชายพิรุธตำรวจนอกเครื่องแบบ ตำรวจโชว์ภาพถ่ายฮิโรชิในชุดผู้จัดการโรงแรมให้น้าสมานดูด้วย
มีลูกน้องเข้ามาใกล้จิมมี่อีกคน จิมมี่จึงแอบออกไปซัดมันสลบอีก
"หนอย มันอยู่ที่ไหนกัน รีบๆหามันให้เจอเร็วๆสิ" กรณ์บอก
"หึ..ใจเย็นเสี่ย ฟังผมพูดให้จบก่อนสิ นายฮิโรชิต้องการเอาเพชรนั่นมาปล่อยในตลาดมืด ก็เลยติดต่อกับดีลเลอร์มือดีอย่างแจ็ค เหงียนให้เป็นคนกลาง เขาเลยใช้แผนแมวกลืนเพชรตบตาคนอื่นเพื่อความปลอดภัยลักลอบนำเพชรเข้ามาให้แจ็ค"
ฮิโรชิเอาเพชรยัดใส่อาหารก่อนแล้วค่อยให้แมวกิน แล้วก็ถือกระเป๋าแมวเดินทางสบายใจ
"ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเสี่ยไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน ถึงได้คิดซ้อนแผนจ้างพวกผมให้ไปรับแมวมาก่อนเพื่อตัดหน้าแจ็ค"
"ไอ้แจ็คน่ะมันคู่อริฉันเอง เผอิญฉันไปรู้แผนมันเข้าพอดี สมบัติพันล้านยังงี้ใครจะไม่อยากได้ล่ะ แต่งานนี้ฉันใช้คนของฉันไม่ได้ เดี๋ยวไอ้แจ็คมันรู้ตัว ฉันถึงต้องจ้างคนนอกฝีมือดีๆอย่างแกให้มาทำงานแทนยังไงล่ะ" กรณืสารภาพ
"ยังงี้นี่เอง แผนการล้ำเลิศครับ"
"แกเองก็ฝีมือดีสมชื่อจริงๆ ฉันให้คนไปตามดูแกอยู่ห่างๆเผื่อมีอะไรผิดพลาด แต่แกก็เอาตัวรอดพาแมวมาส่งให้ฉันจนได้ ฉันชอบฝีมือแก เรามาตกลงกันดีกว่า ถ้าแกยอมถอยไป ไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ ฉันจะให้โบนัสแกอีกยี่สิบล้านเลย"
"ว้าว โบนัสเยอะขนาดนี้ ผมสบายไปทั้งชาติเลยนะเนี่ย"
"ว่าไงล่ะ จะตกลงไหม"
"อืม ตกลงครับ ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้"
"ดี"
"เชิญคุณไปเคลียร์กับแจ็คเอาเองละกันนะ"
"หา ว่าไงนะ"
"ไอ้กรณ์ !"
จู่ๆแจ็คและพวกลูกน้องชุดหนังก็กรูกันเข้ามาในโรงสี กรณ์และพวกลูกน้องชุดจับกังต้องหลบไปรวมกันอีกด้าน ทั้งสองฝ่ายสองแก๊งต่างชักปืนขึ้นชี้ขู่ใส่กัน
"ฉันได้ยินหมดแล้ว ที่แท้ก็ฝีมือแกนี่เอง ไอ้กรณ์ ไอ้ลูกหมา" แจ๊คว่า
"ไอ้แจ็ค นี่แกมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย"
"ก็มีคนแมสเสจมาบอกน่ะสิว่าแมวของฉันมันอยู่ที่นี่"
"ห๊ะ จิมมี่ ฝีมือแกเรอะ"
"อืม คงใช่มั้งครับ"
"หนอย ไอ้จิมมี่ ไอ้บัดซบ"
"แกมันก็บัดซบพอกันนั่นแหละ ตายซะเถอะมึง ไอ้กรณ์"
แจ็คเป็นฝ่ายเริ่มสาดกระสุนคนแรก แต่กรณ์รีบไปหลบหลังลูกน้องตัวเองจึงรอดตายมาได้ ทั้งสองแก๊งก็เริ่มยิงใส่กันอย่างบ้าคลั่ง หลายคนหลบเข้าที่กำบังทันก็รอด แต่บางคนก็โดนกระสุนลงไปนอนกองสนิท
ทั้งสองฝ่ายยิงกันโครมคราม แต่จิมมี่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ได้แต่หาวเบื่อ เช็คเฟซบุ๊กในมือถือไปพลาง แต่แล้วจิมมี่ก็เห็นเจ้าแมวที่แอบอยู่ที่มุมหนึ่ง จู่ๆมุมนั้นก็มีกระสุนมาตกนัดหนึ่ง จนเจ้าแมวตกใจวิ่งหนีเข้าไปตรงกลางระหว่างสองแก๊งที่ยิงปะทะกันอยู่
"ไอ้เหมียวบ้า ปัดโธ่เอ๊ย"
จิมมี่จำต้องตัดสินใจออกจากที่ซ่อนวิ่งตามแมวไป ลูกน้องจับกังเห็นจิมมี่วิ่งมาก็หันปืนมายิงใส่จิมมี่ แต่จิมมี่ก็จัดการยิงมันไปได้ก่อน ลูกน้องชุดหนังก็หันมายิงใส่จิมมี่ด้วย จิมมี่ต้องยิงสวนกลับไปมาทั้งสองด้าน
เขาเห็นแมวแล้วเตรียมจะตะครุบตัวมัน จึงไม่ทันสังเกตเห็นลูกน้องจับกังที่เล็งปืนมายังข้างหลังเขา เมื่อเจ้าลูกน้องก็เหนี่ยวไกยิง ประกายไฟปืน ท่ามกลางร่างจิมมี่และแมว
เขาบอก
"จังหวะนี้คุณคงคิดว่า ถ้าผมมานั่งเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังได้ แสดงว่าผมต้องรอดใช่ไหม แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่านี่ไม่ใช่เสียงวิญญาณผม ผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ"
จังหวะนั้น จิมมี่ก้มตัวลงไปจับแมวพอดี จึงออกจากวิถีกระสุนไป กระสุนเลยไปโดนลูกน้องชุดหนังอีกคน มันเลยยิงกลับมาใส่ลูกน้องจับกังคนเดิมเช่นกัน จนล้มลงไปนอนกองทั้งคู่ จิมมี่ได้แต่กอดแมว
"เชด เกือบไป ขอบคุณพระเจ้า คนดีแมวคุ้มเนอะ"
กรณ์และแจ็คหันมาเห็นแมวอยู่ที่จิมมี่พอดี ทั้งคู่ต่างตะโกน
"แมวกู!"
กรณ์และแจ็คหันมารุมยิงใส่จิมมี่ เขาวิ่งหลบเส้นยาแดงผ่าแปดพร้อมเอาแมวยัดใส่ในเสื้อตัวเอง กรณ์และแจ็คพอเห็นอีกฝ่ายเปิดช่องว่างก็หันมายิงกันเองอีก จิมมี่ก็ยิงสวนเข้าใส่ทั้งสองฝ่ายแล้วแต่จังหวะ เกิดเป็นศึกสามฝ่าย เดี๋ยวช่วยกันรุมอีกฝ่ายบ้าง เดี๋ยวโดนทั้งสองฝ่ายรุมเองบ้าง และแล้วจิมมี่ก็กระสุนหมด
"เยี่ยมมาก กระสุนหมดแล้วล่ะสิ ไอ้จิมมี่"
กรณ์กระหน่ำยิงใส่จิมมี่ที่กำลังวิ่งหนี แจ็คเลยได้โอกาสยิงกรณ์ลงไปนอนกองบาดเจ็บ
"ในสนามรบ โทษของคนประมาทคือตาย สมน้ำหน้า ไอ้ลูกหมา"
จิมมี่ค่อยๆโผล่หน้าออกจากที่กำบัง ก็ถูกแจ็คยิงรัวใส่อีก แต่แล้วแจ็คก็กระสุนหมดเช่นกัน
"ฮึ่ย ให้มันได้ยังงี้สิวะ"
แจ็คมองสำรวจรอบตัวจนเจอศพลูกน้องที่มีปืนอยู่ในมือ แจ็คจึงรีบวิ่งไปที่ศพนั่น จิมมี่เห็นดังนั้นจึงปล่อยแมวออกจากเสื้อตัวเอง แจ็คได้ปืนจากศพแล้ว แต่แล้วเขาก็เห็นแมววิ่งผ่านเขาไป จึงมัวแต่สนใจอยู่กับเจ้าแมว
"อ๊ะ เจ้าแมว โธ่เว้ย"
พอแจ็คหันกลับมาจะยิงใส่จิมมี่ จิมมี่ก็พุ่งเข้ามาซัดหมัดใส่หน้าแจ็คอย่างเร็ว จนแจ็คน็อคสลบไป
"แกก็ประมาทเหมือนกันน่ะแหละ"
เจ้าแมวร้องเสียงดังลั่นเข้ามาอีก จิมมี่จึงต้องลุกออกไปตามจับแมวอีกครั้ง
"เฮ้อ นี่ฉันทำบุญทำกรรมอะไรไว้กับแกนักหนาเนี่ย เจ้าเหมียว"
และแล้วเสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังเข้ามา พวกลูกน้องทั้งสองแก๊งที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อยจึงรีบแยกย้ายกันหนีไป
ต่อมา ตำรวจจับกุมตัวแจ็คและกรณ์ที่โดนยิงขึ้นรถไปแล้ว แป้งกับน้าสมานที่เพิ่งเข้ามาก็รีบเข้าไปหาจิมมี่
"จิมมี่ เป็นอะไรรึเปล่า นี่นายลุยเดี่ยวเลยเหรอ จะบ้ารึไงเนี่ย"
"ฉันก็ไม่ได้อยากลุยเดี่ยวซักหน่อย แต่มันผิดแผนเพราะเจ้าแมวนั่นตะหาก ชาตินี้ขออย่าได้ข้องเกี่ยวกับแมวอีกเลยนะเจ้าประคู๊น"
สารวัตรโจ้ก็เข้ามาหาจิมมี่
"ไม่เกี่ยวไม่ได้หรอกจิมมี่ เราอัลตร้าซาวด์ตรวจดูในท้องแมวอย่างละเอียดแล้ว แต่ไม่พบสิ่งแปลกปลอมอะไรเลย เพชรอยู่ที่ไหน"
"อ้าว แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับสารวัตร"
"นายเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดกับแมวนั่นมาตลอด แล้วนายจะไม่รู้ได้ไง หรือว่านายแอบเก็บเพชรไว้เอง"
"จะบ้าเหรอ ถึงผมจะยากจนขัดสนก็เถอะ แต่ผมไม่มีวันทำยังงั้นหรอก"
"งั้นก็ไปหาเพชรมาคืนให้ได้ ไม่ยังงั้นนายก็จะเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง"
"โธ่เอ๊ย ทำไมถึงซวยซ้ำซวยซ้อนยังงี้วะเนี่ย แล้วเพชรมันจะหายไปไหนได้วะ ก็มันอยู่ในท้องแมว แล้วมันจะออกมาได้ไง"
แต่แล้วจิมมี่ก็คิดอะไรออก
ต่อมา จิมมี่มาคุ้ยถังขยะที่ห้องน้ำในปั๊มเดิม แป้ง และสารวัตรโจ้รอดูอยู่ไกลๆ
"แน่ใจเหรอจิมมี่ว่ามันจะอยู่ในนั้นน่ะ" แป้งว่า
"ก็ไม่รู้ล่ะ แต่สิ่งเดียวที่ฉันรู้ว่าออกมาจากท้องแมวก็คือขี้ของมัน ขี้ที่ฉันเอามาทิ้งไว้ที่นี่นี่แหละ"
ระหว่างนั้น น้าสมานกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกอยู่
"พ่อขอโทษนะ ขอโทษจริงๆที่ไปเชียร์หนูวันนี้ไม่ได้ แต่ครั้งหน้าพ่อจะไปให้ได้เลยนะ พ่อสัญญา อะไรนะ พ่อสัญญาแล้วไม่เคยทำได้ โธ่ ก็พ่อต้องทำงานนี่ลูก เข้าใจพ่อบ้างสิ ฮัลโหลๆๆ เฮ้อ"
"เป็นไงบ้างคะน้า ลูกสาวงอนใหญ่เลยเหรอ"
"ช่างมันเถอะ อย่าให้พูดเลย เฮ้อ"
"อ๊ะ เจอแล้ว"
จิมมี่หยิบก้อนขี้แมวออกมาจากถังขยะได้ 4-5 ก้อน แล้วเขาก็ลองบี้มันดูอย่างขยะแขยงไปทีละก้อน จนเจอเพชรอยู่ในขี้ก้อนที่สามจริงๆ
เพชรเม็ดเล็กๆสะท้อนแสงใสปิ๊งอยู่ในมือจิมมี่แล้ว
"นั่นแหละครับ ต้นเหตุของวันโคตรมหาวิบัติของผม ในที่สุดก็ได้บอกลามันซักที"
คืนนั้น จิมมี่นั่งอยู่ในโรงพยาบาล เสียงในใจยังพูดต่อเนื่อง
"ถึงแม้มันจะจบแบบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ สารวัตรโจ้เอาเพชรกลับไปพร้อมกับยึดเงินค่าจ๊อบของผมไปเป็นของกลางด้วย สุดท้ายงานนี้ก็ต้องเหนื่อยฟรีอีกแล้ว เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาซะทีน้า"
แล้วจิมมี่ก็เลิกทำหน้าเซ็ง โน้มตัวเข้ามาหาเตียงคนไข้ บนเตียงนั้นมีปลายฟ้า นอนหมดสติอยู่ จิมมี่เข้ามาจับมือเธอ และคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้น
"แล้วคุณล่ะครับ คุณนอนขี้เซายังงี้มาเป็นปีแล้วนะ ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมามองผมมั่งเหรอ วันนี้ก็ครบหนึ่งปีพอดีที่คุณหลับไปแล้วนะ ได้เวลาตื่นแล้วมั้ง .....กลับมาหาผมเถอะนะ"
ปลายฟ้ายังคงนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยา ฝ่ายจิมมี่ต่างหากที่ได้แต่มองดูเธอแล้วน้ำตาซึม
อ่านต่อตอนที่ 4