xs
xsm
sm
md
lg

การ์เดี้ยน หักเหลี่ยมมัจจุราช ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การ์เดี้ยน หักเหลี่ยมมัจจุราช ตอน 2

ในสตูดิโอแห่งหนึ่ง แสงไฟจากแฟลชวูบวาบ...

แนนนี่กำลังยิ้มโพสต์ท่าถ่ายแบบอย่างดารามืออาชีพ โดยที่มีพี่บีมองแล้วยิ้มอยู่ห่างๆ แต่ทันทีที่หมดเซท ตากล้องสั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า ขอถ่ายอีกชุด
แนนนี่ยิ้ม
"อ้าว ไหนพี่บอกห้าเซทไง"
ตากล้องพูดด้วยความเกรงใจ
"เผอิญลูกค้าขอมิกซ์แอนด์แมชอีกเซทนะครับ"
แนนนี่จ้องมองตากล้องนิ่งๆ หันไปเห็นลูกค้าท่าทางร่ำรวยจ้องมองเธออยู่
"โอเคค่ะ"

พี่บีขับรถพาแนนนี่มาส่งที่บ้านเธอตอนกลางคืน
"โอเค พรุ่งนี้มีสองงานนะจ๊ะแนนนี่ รีบๆนอนล่ะ หน้าจะได้เฟรชๆ"
"ค่าๆๆ แค่นี้นะคะ พี่บี แนนนี่เหนื่อยจะแย่แล้ว"
แล้วพี่บีก็ขับรถออกไป แนนนี่เข้ามาในรั้วบ้านตัวเอง เห็นชามข้าวหมาที่วางไว้ใกล้ๆประตูรั้วยังมีอาหารเม็ดเหลืออยู่เยอะ
"มูมู่ มูมู่อยู่ไหนลูก แม่กลับมาแล้ว มูมู่"
แนนนี่เข้ามาภายในตัวบ้าน กดเปิดไฟ แต่มันก็ติดๆดับๆ เธอสบถด้วยความหัวเสีย ก่อนที่จะเดินคลำทางอยู่ในความมืด แล้วเธอก็เหยียบ อะไรบางอย่างที่เหนียวๆข้น
เธอหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิด....แสงไฟจากสมาร์ทโฟนส่องลงไปที่พื้น เธอเหยียบกองเลือดข้นที่กำลังจะแห้ง
แนนนี่ตกใจชักเท้ากลับจนแทบจะหกล้ม เธอฉายไฟตามกองเลือดที่เหมือนถูกลากเป็นเส้นไปตามเธอลุกขึ้นเดินตามรอยเลือดไปจนถึงหน้าห้องน้ำ.... เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างกลัวๆกล้าๆ....แต่ภายในนั้นกลับไม่มีอะไรอะไร
เธอหันหลัง...กลับคว้าลูกบิดประตูจะเปิดอออก แต่กลับต้องพบภาพที่สุดสะพรึงกลัวที่ห่างใบหน้าเธอไม่ถึงคืบ
แนนนี่ตกใจถอยหลังจนเสียหลักล้มลง
ที่บานประตู มูมู่ หมาตัวเล็กๆถูกมัดด้วยสายไฟที่เปลือยด้านหนึ่งเสียบไว้กับเต้าเสียบ ขนสีขาวของมันชุ่มโชกไปด้วยเลือด เหนือศพของมูมู่ มีรอยเลือดว่า “แพศยา” แนนนี่กรีดร้อง !

แป้งเดินมาตามทางเดินก่อนจะถึงตัวออฟฟิศ เธอคุยมือถือมาตลอดทาง
"จริงเหรอ ยัยเมย์เปิดร้านของตัวเองแล้วเหรอ โหย ดีเนอะ หือ งานฉันน่ะเหรอ เฮ้อ บริษัทอะไรก็ไม่รู้ อันตรายก็อันตราย แถมยังมีหนี้สินเพียบอีก ถ้าฉันหางานใหม่ได้เมื่อไหร่ก็คงชิ่งแล้วล่ะ จ้าๆ แล้วเอาไว้ค่อยคุยกันนะ บาย"
แป้งวางสายไป ประตูหน้าออฟฟิศซึ่งอยู่ห่างจากเธอไปอีกแค่ไม่กี่สิบเมตร แต่แล้วจู่ๆประตูก็เปิดออกและมีร่างจิมมี่ไถลออกมานอนกองอยู่หน้าประตู แป้งได้แต่ตกใจหยุดนิ่งอยู่ห่างๆ
"ว้าย"
สักพักก็มีชายชราร่างใหญ่ในชุดลำลองก้าวตามออกมาด้วย เขาคือ ผู้พันพยัคฆ์ พ่อของจิมมี่
"หึ ฝีมือแค่นี้ริอาจจะมาทำงานคุ้มกัน มิน่าล่ะถึงได้เป็นหนี้ตั้งสิบล้าน แล้วนี่แกจะใช้หนี้เขายังไง"
"อย่าพูดมากเลยน่า นี่เพราะผมไม่อยากรังแกคนแก่ตะหาก ถึงได้โดนทีเผลอแบบนี้"
"อ้อเหรอ ถ้ายังงั้นมาวัดกันอีกครั้งมะ ไม่ต้องออมมือ" ผู้พันว่า
จิมมี่เริ่มรัวหมัดเข้าใส่ผู้พัน แต่ผู้พันก็ปัดป้องได้หมด จิมมี่จึงเปลี่ยนท่าเป็นพุ่งเข้าไปจับล็อกตัวผู้พัน ผู้พันโดนล็อกขยับแขนไม่ได้ แต่แล้วผู้พันก็ทิ้งตัวลงพื้นโดยให้ตัวจิมมี่กระแทกพื้นเข้าเต็มๆ จิมมี่เจ็บจนต้องปล่อยล็อก ผู้พันจึงเป็นฝ่ายกลับมาจับล็อกจิมมี่ซะเอง
"โอ๊ยๆ นี่เล่นแรงยังงี้เลยเหรอเนี่ย โอ๊ย"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องออมมือ ฮึบ"
แป้งได้แต่มองดูทั้งคู่อย่างกลัวๆ
"ตายแล้ว หรือว่าจะเป็นพวกมาเฟียมาทวงหนี้ ทำไงดีๆ" แป้งว่า
แป้งหันไปเห็นถังดับเพลิงที่ติดไว้ข้างทางเดิน จึงดึงมันออกมาและวิ่งเข้าใส่ผู้พัน กะฟาดถังดับเพลิงใส่หัวผู้พัน
"หยุดนะ ย้ากส"
จิมมี่เหวอ "แป้ง เดี๋ยวก่อน"
แป้งเงื้อถังดับเพลิงขึ้นเหนือหัวเตรียมฟาดลงมา แต่เธอเพิ่งรู้ว่ามันหนักเกินแรงเธอ จนเธอเสียหลักจะหงายหลังไปซะเอง แต่โชคดีที่ผู้พันรีบเข้ามารับตัวเธอพร้อมกับรับถังดับเพลิงออกไปได้ทันซะก่อน
"เกือบไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่พ่อยังไวอยู่"
"เอ๋ พ่อเหรอ"
ผู้พันพยัคฆ์ส่งยิ้มหวานให้แป้งแทนคำตอบ

ทางด้านชาโดว์กับหอยแครงเพิ่งมาถึงออฟฟิศ แล้วก็ตกใจที่เห็นผู้พันพยัคฆ์อยู่ด้วย ชาโดว์รีบตะเบ๊ะทำความเคารพผู้พัน หอยแครงก็ทำท่าสวัสดียกใหญ่
"สวัสดีครับผู้พัน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีไหมครับ"
"ก็ ไม่รู้สิ เดี๋ยวไปหาหมอตรวจสุขภาพก่อนว่าจะสบายหรือไม่สบายดี"
"แหะๆๆ ครับ ผู้พันกับเฮียจิมนี่สมเป็นพ่อลูกกันจริงๆ" หอยแครงว่า
แป้งยังมองหน้าผู้พันอย่างนิ่งๆงงๆ จนผู้พันสังเกตได้
"ว่าไงหนูแป้ง ยังตกใจเรื่องเมื่อกี้อยู่เหรอ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกับไอ้จิมก็ชอบวัดฝีมือกันยังงี้ประจำแหละ"
"ค่ะ ว่าแต่คุณพ่อนี่ดูหน้าคุ้นๆนะคะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน"
จิมมี่บอก
"แหงล่ะ นี่น่ะผู้พันพยัคฆ์ ผบ.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ TSF ของกลาโหม ท่านออกข่าวบ่อยจะตาย"
"เอ๋ ผบ.หน่วย TSF" แป้งหันหาจิมมี่ "นี่คุณเป็นลูกคนใหญ่คนโตยังงี้เลยเหรอเนี่ย"
"ก็ไม่เห็นจะแปลกหนิ " จิมมี่หันหาผู้พัน "ว่าแต่พ่อแอบเข้ามาซุ่มรอในออฟฟิศผมได้ไงนี่"
ผู้พันโชว์กุญแจผี
"ไอ้หมาน มันจัดให้น่ะ ว่าแต่แกเถอะ...บ้านช่องก็มีไม่รู้จักกลับ วันๆเอาแต่นอนออฟฟิศ ฉันก็เลยต้องถ่อสังขารมาที่นี่ไง"
จิมมี่หน้าเจื่อน แต่ชาโดว์กับหอยแครงกลับอมยิ้มที่นานๆเห็นจิมมี่จ๋อยที่โดนพ่อด่า
" ฉันมีงานมาให้บริษัทแกทำน่ะ" ผ็พันบอก
"งานอะไรเหรอคะ"
"พอดีหลานเพื่อนฉันมีเรื่องน่ะ รู้จักดาราที่ชื่อ แนนนี่ สุจิตรา ไหม"
หอยแครงรีบบอก
"รู้จักสิครับ อย่าบอกนะว่างานนี้จะให้เราไปคุ้มครองน้องเขา"
"ก็เออน่ะสิ"
"อ๊ะ หรือว่าข่าวลือนั่นจะเป็นเรื่องจริง"
"ข่าวอะไรเรอะ" ชาโดว์ถาม
หอยแครงโชว์เว็บ ข่าวในเน็ต เห็นภาพตัวหนังสือเลือด และมีรูปแนนนี่ประกอบข่าว
"นี่ไง เขาลือกันว่ามีคนร้ายเข้าไปฆ่าหมาของเธอ แล้วก็เอาเลือดมาเขียนประจานว่าแพศยา แต่เธอก็ออกมาแก้ข่าวว่าหมาเธอแค่ป่วยตายเท่านั้น ส่วนภาพนั่นก็ไม่ใช่ของจริง เป็นเรื่องเข้าใจผิดเฉยๆ" หอยแครงอธิบายเรื่องราว
ผู้พันยืนยัน
"มันเป็นเรื่องจริง! ขนาดคนร้ายงัดบ้านเพื่อเข้าไปแขวนศพหมา เธอก็ไม่ยอมแจ้งตำรวจเพราะไม่อยากให้เรื่องมันอื้อฉาว ก็ชื่อเสียงดาราอ่ะนะ เพื่อนฉันมันเป็นห่วงหลาน ก็เลยมาขอให้ฉันช่วย ฉันถึงอยากให้พวกแกไปคุ้มครองเธอ"
หอยแครงนอกหน้า "ได้คุ้มครองน้องแนนนี่เหรอเนี่ย ว้าว สุดยอด"
"อืม แล้วเรื่องสืบหาคนร้ายล่ะครับ" จิมมี่ถาม
"ฉันก็ลองส่งไอ้หมานไปสืบดูแล้วล่ะ"
"เอ๋ น้าสมาน กลับมาจากรับจ๊อบที่พม่าแล้วเหรอ"
"เอ่อ น้าสมานนี่ใครเหรอคะ" แป้งถามอยากรู้
ชาโดว์บอก
"เป็นสมาชิกอีกคนของทีมการ์เดี้ยน แต่ชอบแว่บออกไปรับจ๊อบนอกบ่อยๆ"
"ถือว่าเป็นคนแก่เลยไม่ค่อยเกรงใจเฮียจิม ยังงี้ใช้ไม่ได้เลยเนอะ" หอยแครงบอก
แต่แล้วจู่ๆก็มีรองเท้าแตะลอยมาโดนหัวหอยแครงเข้า คนขว้างก็คือน้าสมานที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
"หนอย ไอ้หลานเวร เม้าท์กูสนุกเลยนะมึง กูรับจ๊อบหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แล้วมันไปหนักหัวมึงตรงไหนห๊ะ"
"เย้ย น้าสมาน มาได้ไงเนี่ย"
"ไงน้า กลับมาซะที รู้รึเปล่าตอนน้าไม่อยู่เขายุ่งกันแค่ไหน" จิมมี่ว่า
น้าสมานใส่รองเท้ากลับเข้าที่ " เออน่า ก็กลับมานี่แล้วไง" แล้วเหลือบเห็นแป้ง "หือ ใครเนี่ย แฟนแกเหรอไอ้จิม"
แป้งรีบตอบ
"เย้ย ไม่ใช่ค่ะ หนูชื่อแป้งค่ะ เป็นเลขา"
"อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ฉันน้าสมานรับงานทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ" น้าสมานแอบทำท่าโอเคเล็กน้อยให้จิมมี่
หอยแครงต่อสรรพคุณ
"โดยเฉพาะงานปลอมเอกสาร ปลอมธนบัตร ขนาดปลอมตัวไปบ้านเมียน้อย...เมียที่นอนด้วยกันแท้ๆยังจับไม่ได้เลย"
น้าสมานเขกกะโหลก "ไอ้เวรนี่"
"แล้วนี่ได้เรื่องอะไรมาบ้าง" ผู้พันถาม
"อะแฮ่ม.....เท่าที่ผมลองสืบมา คนในหมู่บ้านของน้องแนนนี่ไม่มีใครรู้เรื่องหมาถูกฆ่าเลย น้องเขาปิดข่าวเร็วมาก เพราะงั้นไอ้รูปตัวหนังสือเลือดนั่นคงไม่ใช่คนทั่วไปเอาไปโพสต์แน่ๆ น่าจะเป็นคนร้ายปล่อยเองเพื่อทำลายชื่อเสียงน้องเขา" น้าสมานว่า
"ไอ้หอย สืบดูได้ไหมว่าใครเป็นคนปล่อยภาพนั้นคนแรก" จิมมี่สั่ง
"ยากมากครับ ยิ่งถ้าคนร้ายเตรียมการมาก่อน ก็คงลบร่องรอยหมดแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลย"
"ในหมู่บ้านนั่นมีกล้องวงจรปิดมั่งไหม" จิมมมี่ถาม
"มี แต่ช่วงวันเกิดเหตุ ทางหมู่บ้านกำลังปรับปรุงระบบพอดี กล้องก็เลยใช้ไม่ได้"
"อืม แล้วน้ารู้เรื่องอะไรอีกไหม" จิมมี่ถาม
"ยังเลย ก็เดี๋ยวว่าจะไปสืบเพิ่มอยู่นี่แหละ"
"ถ้างั้นงานนี้ก็ฝากทุกคนด้วยนะ" ผู้พันบอก
ทุกคนรับปาก"ครับ/ค่ะ"

ณ บริเวณหน้าบ้านแนนนี่ ในเวลาต่อมา หอยแครงกดกริ่งหน้าบ้านอย่างระริกระรี้ สักพักพี่บีก็เปิดประตูรั้วบ้านออกมารับ
"นี่พวกคุณคือ ..."
จิมมี่แนะนำตัว
"บริษัทการ์เดี้ยนครับ คุณอาของคุณแนนนี่ให้เรามาคุ้มกันเธอน่ะครับ"
"อ๋อ พวกคุณนั่นเอง เชิญครับ"

พี่บีเดินนำทุกคนเข้าไป จิมมี่รั้งท้ายหยุดดูแถวกลอนประตูรั้วบ้านนิดหน่อย ทุกอย่างดูปกติไม่มีร่องรอยการงัดแงะอะไร

ขณะที่พวกแป้งเข้ามาในบ้านแล้ว จิมมี่ยังคงสำรวจดูกลอนประตูหน้าบ้านอยู่ เขาสงสัยรอยงัดที่หน้าต่าง ซึ่งมีรอยคมๆกดงัดไป-มาอยู่หลายจุด

สักพักแนนนี่ก็ออกมาจับมือทักทายพวกแป้ง แต่จิมมี่ก็ชิงเข้ามาจับมือด้วยก่อนเป็นคนแรก
"สวัสดีค่ะ คุณ... "
"จิมมี่ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนี่แป้ง ชาโดว์ แล้วก็ไอ้หอยแครงครับ"
"สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่มาช่วยกันนะคะ แล้วนี่ฉันควรทำยังไงมั่งคะเนี่ย"
"เท่าที่ผมสำรวจดูหน้าต่างที่ถูกงัดเข้ามา ผมว่าคนร้ายคงไม่มีความสามารถในการงัดแงะเท่าไหร่ รอยงัดมันถึงสะเปะสะปะขนาดนี้ แค่มีมีดคมๆกับการใช้แรงมากหน่อยก็แค่นั้น ดูๆแล้วไม่ใช่มืออาชีพหรอกครับ วางใจได้"
"ว้าว คุณเห็นแค่นี้ก็สันนิษฐานได้แล้วเหรอคะ เก่งจริงๆเลย"
แนนนี่ดูทึ่งจิมมี่มาก หอยแครงเห็นแล้วอิจฉาจึงขอโชว์พาวบ้าง
"เดี๋ยวผมจะติดตั้งกล้องให้ทั่วบ้านเลย ถ้ามีใครบุกรุกเข้ามาอีก รับรองไม่รอดสายตาผมแน่ครับ ได้โปรดวางใจผมได้เลยครับ"
"ขอบคุณค่ะ แหม พวกคุณนี่มืออาชีพจริงๆนะ"
ชาโดว์เบรก
"ก็แค่พวกโชว์ภูมิอวดสาวเท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้เก่งอะไรมากหรอก"
จิมมี่กับหอยแครงมีเป๋ เสียฟอร์มเล็กน้อยที่โดนชาโดว์เบรกหัวทิ่ม แนนนี่เห็นชาโดว์แล้วก็เข้าไปจับตัวเธอสำรวจดูอย่างชื่นชม
"คุณเองก็หุ่นเท่ไม่เบานะเนี่ย ฉันล่ะอยากมีหุ่นเท่ๆแบบนี้บ้าง ต้องออกกำลังยังไง ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหมคะ"
"อะ..เอ่อ ไว้ว่างๆจะสอนให้นะ"
"คุณแนนนี่ครับ พอจะบอกได้ไหมครับว่าคุณมีศัตรูที่ไหนบ้าง และสงสัยใครมากที่สุด" จิมมี่ถาม
"เอาจริงๆนะคะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันเป็นดาราก็มีทั้งคนชอบคนเกลียด แต่ฉันนึกไม่ออกจริงๆค่ะว่าจะสงสัยใครดี"
"แล้วคุณแนนนี่จะไม่แจ้งตำรวจจริงๆเหรอคะ ถ้าให้ตำรวจสืบดู อาจจะรู้ตัวคนร้ายก็ได้"
พี่บีบอก
"นั่นน่ะสิแนนนี่ แจ้งตำรวจดีกว่าไหม นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ"
"หนูรู้ค่ะพี่บี แต่แค่ข่าวลือในเน็ทหนูก็แก้ข่าวแทบไม่ทันแล้ว หนูไม่อยากดังเพราะเรื่องฉาวยังงี้"
"หมายถึงเรื่องที่โดนด่าว่าแพศยาน่ะเหรอ" ชาโดว์ถาม
แป้งตกใจเล็กน้อยที่ชาโดว์พูดซะตรงขนาดนั้น แนนนี่ก็หน้าเสียชัดเจน แล้วจู่ๆเธอก็เข้มขึ้น ไม่อ่อนหวานเหมือนตะกี้
"พวกคุณแค่ทำหน้าที่ของตัวเองก็พอ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันหรอก โอเคไหม"
ชาโดว์โดนย้อน แต่ก็น้อมรับโดยดี
"โอเคค่ะ"
จิมมี่ได้แต่มองดูสถานการณ์อย่างเคร่งขรึม

พี่บีและแนนนี่เข้ามายังกองถ่ายละคร ...ในบ้าน
แป้งและชาโดว์ตามมาด้วย แล้วพี่บีกับแนนนี่ก็เข้าไปหา ตุ้ย... ผู้กำกับ
"หวัดดีค่ะพี่ตุ้ย น้องแนนนี่มาแล้วค่า"
"สวัสดีค่ะ"
"อื้ม สวัสดีจ้ะ วันนี้ซีนอารมณ์เยอะหน่อยนะ พร้อมใช่ไหม"
"พร้อมค่ะ"
"ถ้างั้นก็รีบไปเตรียมตัวเถอะ" ตุ้ยบอก
แนนนี่ออกไปแล้ว ชาโดว์กับแป้งจะเดินตามไป แต่ผู้กำกับตุ้ยก็มาขวางไว้ก่อน
"เอ๊ะ เดี๋ยวๆๆ" ตุ้ยหันไปคุยกับพี่บี "สองคนนี่ใครน่ะพี่บี ดาราใหม่ในสังกัดเหรอ"
"อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ เพื่อนของแนนนี่เขาน่ะ เขาขอมาเยี่ยมดูกองถ่ายนิดหน่อย"
"ใช่ค่ะ เราเป็นเพื่อนแนนนี่เองค่ะ"
"เหรอ เธอสองคนหน้าตาไม่เลวนะ ดูมีเอกลักษณ์ดี สนใจงานในวงการมั่งไหม"
"เอ๋ จริงเหรอคะ" แป้งบอก
"ก็จริงน่ะสิ งั้นฉันขอถ่ายรูปพวกเธอเป็นโพรไฟล์เก็บไว้ก่อนนะ"
แป้งเขิน "เอ่อ ดะๆได้ค่ะ"
ตุ้ยไปเอากล้องภาพนิ่งมา
"งั้นเริ่มเลยนะ อ้ะ ลองยิ้มหวานๆให้กล้องซิ"
แป้งพยายามยิ้มอย่างเขินๆ จึงดูเป็นรอยยิ้มที่เฟคมากๆ
"เอ่อ ขอแบบเป็นธรรมชาติหน่อยจ้ะ ไม่ต้องเกร็งนะ"
แต่แป้งก็ยังคงยิ้มเฟคไม่เป็นธรรมชาติซักที ชาโดว์เห็นแล้วกลุ้ม เอามือปิดหน้าเซ็ง


จิมมี่กับหอยแครงนั่งรออยู่ในรถนอกบ้าน
"เฮ้อ นี่เราต้องรอข้างนอกยังงี้ทั้งวันเลยเหรอเฮีย"
"ก็อย่างที่แนนนี่บอกนั่นแหละ เรามาคุ้มกันเธออย่างเป็นทางการไม่ได้ ให้พวกผู้หญิงทำตัวเป็นเพื่อนเธอตามไปคุ้มกันยังงี้แหละดีแล้ว"
"เฮ้อ"

บนโต๊ะวางอุปกรณ์กองถ่ายอยู่ มีหน้ากากผีวางอยู่อันหนึ่งในกองนั้น แล้วจู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเข้ามา และหยิบหน้ากากผีอันนั้นไป
แนนนี่ออกจากห้องน้ำและกำลังจะเดินไปทางห้องแต่งตัว แต่แล้วเธอก็เห็นเหมือนเงาใครบางคนแอบดูเธออยู่จากมุมอับ เธอรีบหันไปดูแต่ก็ไม่พบใคร
ณ มุมหนึ่ง ชายลึกลับยังแอบมองแนนนี่อยู่ จนเมื่อเธอเดินต่อไป ชายลึกลับก็เร่งเดินตามและเข้าไปใกล้แนนนี่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เข้าประชิดตัวเธอ

"แอร๊ย..." แนนนี่กรีดร้องด้วยความตกใจ เสียงดัง
ทุกคนได้ยินเสียงก็งงๆ มีแค่ชาโดว์ที่รีบวิ่งไปหาต้นเสียงคนแรก

แนนนี่วิ่งหนีชายลึกลับ มันหัวเราะสยดสยองในขณะที่มันคว้าตัวแนนนี่ได้แล้วผลักตัวเธอล้มลงบนกองผ้า แนนนี่กรี๊ดดังขึ้นไปอีก
ชาโดว์วิ่งมาถึง เห็นชายลึกลับใส่หน้ากากผีกำลังจับตัวแนนนี่และปิดปากเธออยู่ ชาโดว์จึงเข้าไปบิดแขนชายลึกลับข้างหลัง จนมันร้องจ๊ากและปล่อยแนนนี่ไป มันสะบัดแขนจะสู้แต่ก็โดนชาโดว์ล็อคแขนอีกข้าง
"ยอมแล้ว ยอมแล้ว"
ชาโดว์กระชากหน้ากากของชายลึกลับออก คนอื่นๆก็ตามเข้ามาพอดี
"โอ๊ยๆๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ นี่ผมเองแนนนี่ โจไง โจ" ชายลึกลับชื่อโจบอก
"โจ! ชาโดว์ ปล่อยเขาได้แล้ว นี่โจแฟนฉันเอง"
ชาโดว์จึงปล่อยแขนโจ โจได้แต่กุมแขนด้วยความเจ็บ
"โธ่เอ๊ยโจ เล่นอะไรของคุณเนี่ย ฉันตกใจนะรู้ไหม เล่นอะไรบ้าๆ"
"ผมขอโทษ ผมแค่อยากจะแกล้งคุณเล่นเฉยๆ โอ๊ย" โจหันหาชาโดว์ "คุณนี่ทำไมแรงเยอะยังงี้เนี่ย นี่ แขนผมจะหักไหมเนี่ย"
"ช่วยไม่ได้ ก็อยากเล่นอะไรไม่เข้าท่าเอง"
"โอย ผมว่าผมไปให้หมอเขาตรวจดูหน่อยดีกว่านะ โอย"
"ค่ะๆ เดินดีๆนะคะโจ" แนนนี่บอก
แนนนี่เดินพยุงพาโจออกไป ส่วนผู้กำกับตุ้ยเข้ามาชมชาโดว์ใหญ่
"โอ้ เธอ สุดยอดแอ็คชั่นเกิร์ลเลย อยากมาเป็นดารานักบู๊ไหม เดี๋ยวพี่ช่วยปั้นเต็มที่เลย"
ชาโดว์มองหน้าตุ้ย ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินจากไป

เวลาครู่ต่อมา จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาจิมมี่ เป็นเบอร์น้าสมาน
"ฮัลโหลน้า ว่าไงมั่ง"
"ฉันลองสืบประวัติน้องแนนนี่แล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ ไม่ได้มีศัตรูที่ไหนชัดเจน"
"อืม หรือว่าจะเป็นฝีมือพวกแฟนคลับโรคจิต"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวฉันจะลองสืบประวัติพวกคนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมดู"
"โอเคครับ ฝากด้วยนะน้า" จิมมี่วางสายไปพลางนิ่งคิด

แนนนี่เข้าฉาก กำลังเล่นละครอยู่คนเดียว นั่งดูรูปคนที่เล่นเป็นแม่
"ขอโทษนะคะแม่ เพราะทราย เพราะทรายถึงทำให้แม่ต้องตาย ฮือๆ"
ละครที่กำลังถ่ายทำฉากนี้อยู่ ตุ้ย ... ผู้กำกับน้ำตาคลอ อินจัด
"คัท โอเค ดีมากแนนนี่ เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดแล้วเข้าฉากต่อไปเลยนะ"
"ค่ะ"
แนนนี่ออกไปเปลี่ยนชุด แล้วจู่ๆพี่บีก็เข้ามาหาชาโดว์กับแป้ง
"เอ่อ ชาโดว์ ผู้กำกับเขาอยากจะขอเทสต์หน้ากล้องเธอหน่อยน่ะ ก็ตามน้ำไปก่อนล่ะกันนะ"
ชาโดว์ถาม
"หา เอาจริงดิ"
"เออน่า เล่นๆไปเถอะ อ้อ เดี๋ยวพี่ต้องไปรับชุดที่สั่งตัดไว้ก่อนนะ ฝากพวกเธอดูแลทางนี้ด้วย"
แล้วพี่บีก็เดินออกไป
"เอ่อ ...มาแล้ว โอกาสคว้าดาวมาถึงเธอแล้วนะ...ชาโดว์" แป้งบอก
"ไม่เอา"
"เธอจะได้เลิกทำงานเสี่ยงตายไง ชีวิตดี๊ดี"
"ไม่อาว"

ทุกอย่างพร้อม ผกก.ตะโกนสั่งแอ็คชั่น....
ชาโดว์ในชุดนางเอกใส่อารมณ์ทันที
"ขอโทษค่ะแม่ เพราะทรายถึงทำให้แม่ต้องตาย แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ทรายจะตามฆ่าพวกมันให้หมดทุกคน ล้างแค้นแม่ให้ได้"
"คัท!....สุดยอด วู้ ดีมาก นี่แหละราชินีนักบู๊คนใหม่ สุดยอด"
แม้แต่แป้งยังต้องตบมือแปะๆชื่นชม

แนนนี่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ออกมาดูความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก แต่แล้วจู่ๆก็มีคนสวมหน้ากากผีโผล่เข้ามาในกระจก
"หึ ไม่เลิกนะโจ ยังไม่เข็ดอีกเหรอ อยากแขนหักอีกข้างรึไง"
มีแมสเสจไลน์เข้ามาที่มือถือแนนนี่พอดี แนนนี่หยิบมาเปิดดูก็เจอรูปโจพันผ้ายางที่แขนแบบคนเจ็บ พร้อมข้อความ “ยังไม่หัก แต่เจ็บจุงเบย”
แนนนี่ค่อยๆหันไปหาชายหน้ากากผีอย่างช้า
"นี่แก แกไม่ใช่โจหนิ"
ชายหน้ากากผีควักมีดเล่มโตออกมาและพุ่งเข้าใส่แนนนี่ทันที แต่แนนนี่รีบหลบไปได้ซะก่อน
มีดปักบนโต๊ะแน่น
"แอร๊ย ช่วยด้วยๆ มีคนร้ายอยู่ในนี้ ใครก็ได้ช่วยด้วย"
เจ้าหน้ากากผีจะพุ่งเข้ามาหาเธออีก แนนนี่จึงโยนพวกเสื้อผ้าไปคลุมหัวมันซะก่อนจนมันเสียหลัก นอกประตู มีเสียงแป้งร้องเรียกและเสียงเคาะประตู
"แนนนี่ เป็นอะไรรึเปล่า แนนนี่"
เจ้าหน้ากากผีเอาเสื้อผ้าที่คลุมหัวมันออกได้แล้ว พุ่งเข้าไปจับตัวแนนนี่จะจ้วงแทง แต่แนนนี่คว้าเตารีดได้ทันเอานาบแขนของมัน
"อ๊ากส"
มันทิ้งตัวลง แนนนี่ได้จังหวะจะหนี มันคว้าขาเธอเอาไว้แล้วกะแทงมีดที่ใบหน้า แต่มันก็แค่ถากแก้มของแนนนี่ไป
จังหวะนั้นชาโดว์และแป้งก็พังประตูเข้ามาพอดี เจ้าหน้ากากผีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบโดดออกนอกหน้าต่างห้องไป

จิมมี่ที่นอนอยู่ในรถ ได้รับเสียงของชาโดว์จากบลูทูธ
"จิมมี่ คนร้ายเพิ่งหนีออกไป เห็นมันไหม"
จิมมี่รีบลุกขึ้นอย่างจริงจัง เขามองเห็นชายหน้ากากผีเพิ่งปีนรั้วออกมาจากบ้าน เขาจึงรีบสตาร์ทรถขับตามมันไป

เจ้าหน้ากากผีเห็นรถตามมา มันจึงปีนรั้วหนีเข้าไปในบ้านหลังอื่นแถวนั้น จิมมี่รีบลงจากรถและปีนรั้วตามมันไป

เจ้าหน้ากากผีออกจากบ้านหลังหนึ่งเข้าไปในซอยแคบๆ
จิมมี่ยังไล่ตามมาไม่ลดละ เจ้าหน้ากากผีเอาของข้างทางมาขวางไว้ เช่นรถเข็นบ้าง ลังไม้บ้าง จนจิมมี่ต้องกระโดดข้ามบ้าง หลบหลีกบ้าง จนชะลอความเร็วลง
แล้วเจ้าหน้ากากผีวิ่งทะลุซอยออกสู่ถนนใหญ่ไปได้ จิมมี่วิ่งออกจากซอยมาทีหลังก็เห็นแต่หน้ากากผีตกอยู่ที่พื้น มองดูรอบตัวก็เห็นแต่คนเดินถนนปกติทั่วไป คลาดกับคนร้ายไปแล้ว
"โธ่เว๊ย"

จนเวลากลางคืน พวกแนนนี่และทีมการ์เดี้ยนกลับมาที่บ้านกันแล้ว
"อะไรเนี่ยแนนนี่ เรื่องร้ายแรงขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่ยอมแจ้งความอีก ต้องให้โดนมันฆ่าก่อนรึไงถึงจะแจ้งความได้" พี่บีบอก
แนนนี่ตาแดงๆ
"ก็หนูกลัวนี่คะ อนาคตในวงการของหนูเพิ่งเริ่มนะคะ หนูไม่อยากจะมาเสียชื่อเพราะเรื่องนี้"
"แล้วนี่คนในกองถ่ายเขาว่ายังไงมั่ง" หอยแครงถาม
"แนนนี่เขาโกหกไปว่ามีคนโรคจิตมาถ้ำมองน่ะค่ะ ก็เลยไม่มีใครติดใจอะไร"
"นี่เธอปิดบังอะไรฉันอยู่แน่เนี่ย มีอะไรถึงบอกกันไม่ได้" พี่บีบอก
"เรื่องของหนูน่ะค่ะ พี่บีไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า"
จิมมี่มองดูอย่างนิ่งๆ แต่แล้วก็มีโทรศัพท์จากน้าสมานเข้ามา
"ว่าไงน้า"
น้าสมานส่งเสียงผ่านโทรศัพท์
"ได้เรื่องแล้วล่ะ ฉันลองไปถามพวกเพื่อนเก่าๆของแนนนี่ดู มีเรื่องที่น่าสนใจมากๆอยู่เรื่องนึง"
"เอ๋ สมัยก่อนแนนนี่ชอบไปเที่ยวผับของพวกเลสเบี้ยนเหรอ" จิมมี่ว่า
กอยแครงร้อง "หา"
"ฉันลองขุดเรื่องนี้ดู จนคิดว่าอาจจะได้เบาะแสคนร้ายแล้ว" น้าสมานบอก
จิมมี่เปิดลำโพงให้ทุกคนฟัง
"สมัยก่อนน้องแนนนี่เคยคบกับผู้หญิงคนนึงชื่อหนิง คบกันจริงจังอยู่เหมือนกัน แต่แล้วจู่ๆแนนนี่ก็เริ่มเปลี่ยนใจไปคบกับผู้ชาย เริ่มคบกับนายโจหนุ่มไฮโซแบบจริงจังขึ้น แล้วก็เริ่มมาเป็นดารา หนิงเลยอกหักจากแนนนี่จนคิดสั้นฆ่าตัวตาย"
"ไม่จริงน่า" หอยแครงว่า
"ถ้าจะมีคนคิดแค้นแนนนี่ล่ะก็ ก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่องหนิงนี่แหละ นี่เป็นเบาะแสเดียวที่เรามีอยู่ตอนนี้ เดี๋ยวฉันจะลองไปสืบเรื่องหนิงเพิ่มดู แล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ"
"โอเคครับน้า ขอบคุณมาก" จิมมี่วางสายไป
"เรื่องอดีตยังงี้ทำไมต้องขุดคุ้ยขึ้นมาด้วย สมัยก่อนฉันก็แค่อยากลองทุกอย่างให้ชีวิตมันมีรสชาติเท่านั้นเอง"
"แต่เธอทำให้คนๆนึงต้องตายเลยนะ" ชาวโดว์บอก
"ใครจะไปรู้ล่ะคะว่ายัยนั่นจะใจเสาะคิดฆ่าตัวตายน่ะ หนูก็แค่อยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ คบกับหนุ่มเพอร์เฟ็กต์อย่างที่ผู้หญิงทุกคนต้องการกัน หนูผิดด้วยเหรอคะ"
"นี่เธอทำคนตายคนนึงแล้วยังคิดว่าไม่ผิดอีกเหรอ" พี่บีบอก
"พอเถอะค่ะ หนูไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว ขอตัวนะคะ"
แนนนี่รีบปลีกตัวขึ้นชั้นบนไป
พี่บีเรียก "แนนนี่ๆ"
"พอเถอะค่ะพี่บี วันนี้แนนนี่เหนื่อยมามากแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะนะคะ" แป้งบอก
พี่บีเริ่มเย็นลงบ้าง จิมมี่พยักหน้าให้แป้งเป็นเชิงเห็นด้วยและขอบคุณ

หลายวันต่อมา แนนนี่นั่งซึมอยู่ในบ้าน ทีวีเปิดไว้แต่ก็ไม่ได้สนใจดู พวกการ์เดี้ยนได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ
"แนนนี่ไม่ได้ไปทำงานหลายวันแล้ว ไม่เป็นไรแน่เหรอครับ" จิมมี่ว่า
สักพักพี่บีก็เข้ามา
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเลื่อนคิวงานให้หมดแล้วล่ะ หน้าเหน้อเป็นงี้ทำงานไม่ได้หรอก เฮ้อ กรรมของเวร ไม่นึกเลยว่าแนนนี่จะกลายเป็นดาราเจ้าปัญหาไปได้"
แนนนี่เหลือบไปนอกหน้าต่างแล้วก็เห็น....
พลันส่งเสียงร้อง.... กรี๊ด...
ทุกคนวิ่งไปหาแนนนี่ เธอชี้ออกไปที่หน้าต่าง ทุกคนมองตาม
ทีมการ์เดี้ยนโพล่งบอก"น้าหมาน !"
น้าสมานยิ้มเผล่เข้ามา
"แหม..เห็นเงียบๆนึกว่าไม่มีคนอยู่น้าก็เลย"
"ช่างมันเถอะ แล้วได้เรื่องว่าไงมั้ง" จิมมี่ถาม
"อะแฮ่ม.." น้าสมานเปิดกระดาษเล็กๆที่ใช้จด " หนิงมีน้องชายคนนึงชื่อ ตั้ม ไอ้หมอนี่มันตัวแสบใช่เล่น เพิ่งออกจากคุกมาเมื่อสองเดือนก่อน ตอนหนิงฆ่าตัวตายมันเพิ่งโดนจับ เจ้านี่รักพี่สาวมาก อาจจะเป็นคนร้ายที่คิดแค้นแนนนี่ก็ได้ ฉันได้ที่อยู่มันมาละ ฉันว่า..."
จิมมี่คว้ากระดาษจดจากมือน้าสมานแล้วคิด
"โอเค เอางี้ ผมจะไปกับน้าหมาน ถ้าใช่มันจะได้ปิดจ๊อบเลย ส่วนหอยแครงแกคอยอยู่ช่วยชาโดว์ กับแป้งที่นี่แหละ"
"ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเลยครับเฮีย" หอยแครงยักคิ้วให้ชาโดว์
จิมมี่กับน้าสมานรีบออกจากบ้านไป...
" ตายแล้ว ฉันลืมเคลียร์คิวงานสำคัญไปงานนึง เดี๋ยวขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะ" พี่บีบอก
พี่บีแยกตัวไปคุยโทรศัพท์หลังบ้าน
สักพักเสียงมือถือแนนนี่ก็ดังขึ้น มีไลน์แมสเสจมาจบอกว่า "ฉันจะพรากทุกสิ่งที่แกรักไปจากแก ทั้งหมาแล้วก็คน"
แนนนี่ตกใจรีบโทร. หาโจ แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด
"โจ เป็นอะไรไปเนี่ย โจ....โจ"
"มีอะไรเหรอคะ" แป้งถาม
"พวกคุณดูนี่สิ โจจะเป็นอะไรรึเปล่า ฉันโทร. หาเท่าไหร่ก็ไม่ติดเลย"
แนนนี่โชว์แมสเสจนั้นให้ทุกคนดู
"หรือว่าคนร้ายจะเล่นงานโจด้วย" แป้งบอก
"ทำยังไงดีล่ะคะ พวกคุณช่วยโจด้วยสิ ได้โปรดช่วยโจด้วยนะ...นะ"
"ใจเย็นๆก่อนคะ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน"
"เราเพิ่งคุยกันเมื่อสิบนาทีที่แล้วเอง.....โธ่...โจ มันมีเขาฉันอยู่ไม่ได้แน่ๆ"
"งั้น เอางี้...หอยแครง นายไปกับฉัน"
ชาโดว์หันมาหาแป้งพร้อมยื่นกุญแจบ้านพวงหนึ่งให้เธอ...
"ส่วนเธอรีบพาแนนนี่ไปหลบที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้เลย ทางฉันกับจิมมี่จัดการคนร้ายแล้วโทร. ไปบอก"
"โอเค"
พี่บีเดินกลับเข้ามาพอดี
"เอ๋ มีอะไรกันเหรอคะ"
"พี่บี ไปกับฉันเร็ว เราต้องรีบออกจากที่นี่กันแล้ว"
"เอ๋ อะไรกันคะเนี่ย" พี่บีโดนแป้งลากตัวออกไป

เวลาล่วงเข้าสู่กลางคืน.....
จิมมี่กับน้าสมานมาถึงหน้าบ้านตั้ม น้าสมานเปิดเช็คกระดาษแล้วพยักหน้าว่าใช่ที่นี่แหละ ทั้งคู่ค่อยๆเข้าไปประชิดตัวบ้าน
จิมมี่ชักปืนสั้นเตรียมพร้อมแล้วลองขยับประตูบ้านดู ประตูล็อกอยู่
น้าสมานมองเห็นช่องหน้าต่างจึงลองสอดมือเข้าไป แล้วปรากฏว่ามีแม่กุญแจล็อคจากด้านใน น้าสมานยิ้มให้จิมมี่ขณะที่ค่อยๆใช้กุญแจผีสะเดาะห์.....กิ๊ก !
"หึ...หึ...ไม่รู้จักไอ้หมานซะแล้ว....โอ้ยส"
ตั้ม ซึ่งอยู่ด้านในบ้าน แอบมาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว มันบิดข้อมือของน้าสมานอย่างแรง
"พวกมึงเป็นใคร"
"ใจเย็นๆ"
"ไม่บอกใช่ไหม"
ตั้มง้างมีดอีโต้ขึ้นจะสับข้อมือน้าสมาน จิมมี่เลยตัดสินใจถีบประตูสุดแรงจนตัวกลอนที่ล็อคหลุดออกจากกัน น้าสมานกลิ้งล้มโค่โร่ไป ตั้มได้ทีรีบจับตัวน้าสมานเป็นตัวประกัน
"ทิ้งปืน ไม่งั้นไอ้แก่นี่ตาย"
จิมมี่ยังเล็งปืนนิ่ง ตั้มตาขวางเหงื่อแตกซิก ท่าทางเมายาบ้าสุดขีด
"กูบอกให้มึงทิ้งปืน"

ฝ่ายชาโดว์กับหอยแครงวิ่งมาถึงหน้าห้องโจ
ชาโดว์ลองขยับประตู...มันล็อก
"เดี๋ยวนะชาโดว์ คอนโดสมัยนี้ใช้ระบบอิเล็กโทรนิค ฉันน่าจะแฮ็คเปิดได้"
หอยแครงรีบใช้คอมพ์จัดการ สักพักก็มีเสียงปลดกลอนประตู ชาโดว์ชักปืนขึ้นเตรียมพร้อม แล้วก็เปิดเข้าไป

ข้างในห้องโจปิดไฟมืด ชาโดว์รีบเปิดไฟดู ในห้องว่างเปล่าไม่มีใคร ทั้งคู่รีบสำรวจดูรอบๆห้อง
"ไม่มี" ชาโดว์บอก
"หรือว่าคนร้ายจะจับตัวโจไปจริงๆ"
ชาโดว์รีบกระชับปืนเตรียมพร้อม เงามืดของใครบางคนโผล่มาด้านหลังหอยแครง !

ฝ่ายจิมมี่ฉวยโอกาสที่ตั้มตรงเข้าไปแย่งอีโต้ น้าสมานได้จังหวะรีบหลบออกมาทันที ตั้มหวดอีโต้ป่ายซ้าย-ขวา แต่จิมมี่ก็หลบได้หมดแล้วปล่อยหมัดตรงจนตั้มกระเด็นไป จิมมี่จะตามเข้าไปซ้ำ ตั้มรีบหยิบของเขวี้ยงใส่แล้วหนีขึ้นไปข้างบน
"หนีเร็ว"
จิมมี่คว้าตัวไว้ได้แล้วกดลงกับพื้น ตั้มร้องโอดโอย
"มึงพูดกับใคร"
ตั้มยังคงตะโกนร้องไม่หยุด จนจิมมี่ต้องบิดแขนให้หนักขึ้น
"กูถามว่า มึงพูดกับใคร.....หา"
ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นเมียตั้ม วิ่งลงมาจากชั้นบนน้ำตานองหน้า
"อย่าทำอะไรผัวฉันเลย....เดี๋ยวฉันสองคนจะรีบหาเงินมาใช้หนี้จ๊ะ....ฮือ..."
จิมมี่กับน้าสมานมองกันแบบงงๆ

ในห้องโจ ... เงามืดนั่นคว้าไม้กอล์ฟจะหวดเข้าใส่หอยแครง ชาโดว์หันมาเห็นพอดี เธอร้องเสียงหลงแล้วผลักหอยแครงให้พ้นทาง คนร้ายฟาดหวืดไปหันกลับมาจะฟาดใส่อีกครั้ง แต่ชาโดว์เร็วกว่าตวัดปืนเล็งใส่
โจเหวอ "เธออีกแล้วเรอะเนี่ย ? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง"
ชาโดว์กับหอยแครงได้แต่งง
"มีคนส่งข้อความว่าจะทำร้ายคุณไปให้แนนนี่" หอยแครงบอก
"เอ๋ มีแมสเสจขู่จะทำร้ายผมเหรอ ไม่มีนะ ไม่มีอะไรหนิ"
"แล้วมือถือคุณตอนนี้อยู่ที่ไหนค่ะ ทำไมติดต่อไม่ได้เลย"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยคงโดนขโมยไป ไอ้เจ้าขโมยนั่นต้องเอาเครื่องผมไปแมสเสจแบบนั้นแน่ๆ"
จู่ๆมือถือชาโดว์ก็ดังขึ้น เป็นจิมมี่ที่โทรเข้ามา
"ว่าไงน้า ได้เรื่องไหม"
"ชัวร์แล้วล่ะ ว่านายตั้มไม่ใช่คนร้ายแน่นอน"
"ทำไมล่ะ"
ในบ้านตั้ม ข้างหลังน้าสมาน จิมมี่นั่งคุมตั้มและเมียที่นั่งอยู่มุมห้องด้วยความกลัว
"ก็นายตั้มกับเมียไม่ได้ออกจากบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะกลัวพวกเจ้าหนี้นอกระบบมันจะฆ่าเอา แล้วดูจากอาการเสี้ยนยาของตั้มแล้ว ฉันว่าเดินไม่เกินห้าร้อยเมตรก็เป็นลมแล้วล่ะ"
"อ้าว นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย"

คืนเดียวกัน แนนนี่นั่งรออยู่ที่โต๊ะโซฟาอย่างเป็นกังวล พี่บีไม่อยู่ ส่วนแป้งกำลังเดินดูรูปจิมมี่ที่วางบนโต๊ะทำงานของเขา ทั้งรูปถ่ายคู่กับผู้พันพยัคฆ์ และรูปจิมมี่ในชุดตำรวจ
"อือม์...ตอนแต่งเครื่องแบบก็เท่ไม่เบาเลยนะเนี่ย"
"พวกนั้นไปนานแล้วนะ ยังไม่ส่งข่าวมาเลย ป่านนี้จะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้"
แป้งหันมาเห็นแนนนี่ยังนั่งไม่สบายใจอยู่ จึงเข้ามาปลอบเธอ
"ไม่ต้องห่วงนะแนนนี่ ถึงพวกเขาจะท่าทางกวนประสาท แต่ก็ฝีมือดีทุกคนต้องช่วยโจแล้วก็จับคนร้ายได้แน่ๆ แต่เพื่อความสบายใจฉันจะลองโทรฯเช็คให้นะ"
แป้งเดินหามือถือของเธอ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ
"แนนนี่ เห็นมือถือฉันไหมน่ะ"
"ไม่เห็นนะ"
แนนนี่เริ่มมองหามือถือของตัวเองบ้าง แต่หายังไงก็ไม่เจอ
"มือถือฉันก็ไม่รู้อยู่ไหน หายไปไหนเนี่ย"
แป้งลองเดินไปใช้โทรศัพท์บ้านดู แต่มันก็ไม่มีเสียงสัญญาณใดๆ
"แปลกแฮะ โทรศัพท์บ้านก็ใช้ไม่ได้"
แป้งสาละวนกับการหาโทรศัพท์ จู่ๆพี่บีก็โผล่เข้ามา
"หาอะไรกันอยู่เหรอ"
"มือถือพวกเราน่ะค่ะ ไม่รู้หายไปไหน"
"เอาเครื่องนี้ไปใช้ก่อนสิ" พี่บีบอก
พี่บียื่นมือถือให้เครื่องหนึ่ง แนนนี่เดินมารับ แต่พอเห็นมือถือเครื่องนั้นแนนนี่ก็แปลกใจ
"เอ๋ นี่มันมือถือโจหนิ มือถือโจมาอยู่กับพี่ได้ยังไงน่ะ"
พี่บียิ้มไม่ได้ตอบอะไร แนนนี่มองไปที่แขนซึ่งพี่บีที่พับแขนเสื้อขึ้น...มันเป็นรอยไหม้รูปเตารีด
พี่บียิ้ม " อีแพศยา"
พี่บีก็ชักมีดออกมา เป็นเล่มเดียวกับที่ชายหน้ากากผีใช้ และเงื้อมีดแทงใส่แนนนี่ทันที แนนนี่เอามือถือโจขึ้นรับมีดได้พอดีและรีบผละออกมา แต่เธอก็โดนมีดบาดเลือดไหลอาบแขน พี่บีจะแทงซ้ำแต่แป้งวิ่งเข้ามาใช้แฟ้มหวดสุดแรงจนพี่บีเซไป
แป้งคว้าแขนแนนนี่วิ่งหนีทันที

จิมมี่เปิดดูโน้นนี่นั่น ในขณะที่น้าสมานก็ยังคุยโทรศัพท์อยู่ เขาพบรูปหนิงสมัยเรียนมหาลัย

"คนนี้คือหนิงงั้นเหรอ"
"ใช่ครับ นั่นรูปพี่หนิง น่าเสียดาย ถ้าตอนนั้นผมไม่โดนจับ ผมอาจจะหยุดไม่ให้พี่เขาฆ่าตัวตายได้ โธ่เอ๊ย"
จิมมี่หยิบอัลบั้มรูปสมัยเรียนของหนิงมาเปิดดูเรื่อยๆ แล้วจู่ๆจิมมี่ก็ตกใจ รีบไปคว้ามือถือของน้าสมานมาคุยเอง
"ชาโดว์ ฉันรู้แล้วล่ะว่าคนร้ายคือใคร ? ตอนนี้แนนนี่อยู่ที่ไหน?... หา...ออฟฟิศ...ซวยแล้ว"
"เอ๋ มีอะไรว่ะไอ้จิม เฮ้ย รอกูด้วย" น้าสมานบอก
จิมมี่และน้าสมานก็รีบออกจากบ้านตั้ม
รูปถ่ายใบหนึ่งของหนิงคู่กับชายคนหนึ่งหน้าตาเหมือนพี่บี สมัยนั้นยังไม่เป็นแต๋วเท่าปัจจุบัน

ในเวลาเดียวกัน แป้งพาแนนนี่วิ่งมาที่ประตู มันล็อก เธอพยายามค้นหากุญแจในตัวแต่ไม่มี
พี่บีเดินตามมาหัวเราะสะใจ ในมือถือกุญแจออฟฟิศ
"หากุญแจอยู่เรอะคะ คุณน้อง"
"พี่บี ทำไมถึงทำยังงี้ แล้วโจล่ะ พี่ทำอะไรกับโจ"
"ไม่ต้องห่วง ไอ้โจมันยังสบายดี ฉันแค่ขโมยมือถือมันมาส่งแมสเสจล่อไอ้จิมมี่ออกไปเท่านั้น แล้วอีกอย่าง คนที่ฉันอยากจะฆ่าที่สุดก็คือแกคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว"
"ฮือ พี่บี ได้โปรดเถอะ อย่าทำหนูเลย พี่อยากได้อะไรหนูจะให้พี่ทุกอย่าง"
"ถ้าฉันอยากได้ชีวิตหนิงคืน แล้วแกคืนให้ฉันได้ไหมล่ะ?....อีดอก"
พี่บีเงื้อมีดพุ่งเข้ามาอีกแล้ว แป้งต้องรีบพาแนนนี่หลบไปโดยเร็ว พี่บีจึงได้แต่ปักมีดเข้ากำแพง พี่บีเอามีดไม่ออก จึงปล่อยมือจากมีดแล้วเดินเข้าหาพวกแป้งอีกครั้ง แป้งคว้าข้าวของรอบตัวมาขว้างใส่พี่บี แต่พี่บีก็ไม่เป็นไร พุ่งเข้ามาตบแป้งจนกระเด็นล้มไป แล้วพี่บีก็เข้ามาบีบคอแนนนี่
"ตายซะเถอะนังแนนนี่"
แนนนี่แทบหายใจไม่ออกแล้ว แต่แล้วจู่ๆแป้งก็ไปคว้าเก้าอี้มาฟาดใส่หัวพี่บีเต็มๆ แนนนี่จึงหลุดจากพี่บีมาได้ แป้งเข้ามาพาแนนนี่จะวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน แต่พี่บีก็ขว้างเก้าอี้อีกตัวมาขวางหน้าไว้ซะก่อน พวกแป้งเลยต้องเปลี่ยนทางวิ่งหนีขึ้นชั้นบนแทน พี่บีโกรธจัดรีบไปดึงมีดที่ค้างอยู่บนกำแพงออกมา และไล่ล่าสองสาวขึ้นชั้นบนต่อ

แป้งและแนนนี่หนีขึ้นมาชั้นสอง หลบซ่อนหลังโต๊ะตัวหนึ่งและรอดูอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็เห็นเงาพี่บีเดินขึ้นบันไดตามมา ทั้งสองสาวได้แต่กลั้นหายใจเงียบไว้ สักพักนึง เงานั่นก็เดินหายออกไป ทั้งสองสาวเริ่มถอนหายใจโล่งอก แต่แล้วก็มีเสียงตะคอกดังขึ้น...
"อีแนนนี่ ออกมานะ อีผู้หญิงหลายใจ แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำไว้กับหนิง แกรู้รึเปล่าว่า หนิงน่ะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ตอนที่ฉันรถคว่ำเจียนตาย หนิงเป็นคนให้เลือดกับฉันและช่วยดูแลฉันตลอด เธอเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับฉัน"

ในอดีต หนิงนอนให้เลือดกับพี่บี หนิงป้อนอาหารให้พี่บีที่เจ็บหนัก
"แต่ตอนฉันไปเรียนเมืองนอก เธอดันไปคบกับผู้หญิงหลายใจอย่างแก จนถูกแกทำร้ายจิตใจทุกวัน และฉันไม่ได้อยู่ข้างๆเธอตอนที่เธอเจ็บปวดที่สุด"
วันที่ทั้งคู่เลิกกัน แนนนี่สะบัดมือบอกเลิก หนิงร้องไห้เสียใจฟูมฟาย ... จนเป็นสาเหตุให้หนิงฆ่าตัวตายในที่สุด
"แกรู้รึเปล่า เวลาที่สูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปน่ะ มันทรมานมากแค่ไหน แกรู้บ้างไหม"
พี่บีกอดรูปงานศพหนิงร้องไห้เสียใจฟูมฟาย
"หนิงคือคนที่ให้ชีวิตใหม่กับฉัน ฉันจะไม่ยอมให้คนที่มันพรากชีวิตเธอไปได้อยู่เป็นสุขเด็ดขาด ฉันเลยสืบหาตัวแก แล้วก็หาทางเข้ามาเป็นผู้จัดการของแก เพื่อจะได้ใกล้ชิดแกตลอดเวลา"
แนนนี่ตกใจมากกับเรื่องที่พี่บีสารภาพมา
"ฉันอยากจะให้แกอยู่อย่างทุกข์ทรมานที่สุดแล้วค่อยฆ่าแกทิ้ง ฉันถึงได้วางแผนฆ่าหมาแกก่อนแล้วก็เขียนประจานแกไว้ จะได้เป็นข่าวฉาวให้พวกนักข่าวมาขุดคุ้ยเรื่องความชั่วของแก"
วันนั้น ... พี่บีปีนรั้วเข้าบ้านแนนนี่ไปฆ่าหมาและเอาเลือดมาเขียนคำว่าแพศยา ที่ประตูห้องน้ำ

แป้งและแนนนี่คลานหนีหลบพี่บีไปที่บันไดอีกทาง
"แต่แกก็ดันมีแบ็คดี ปิดข่าวได้เร็ว แถมยังไปจ้างผู้คุ้มกันมาอีก ฉันถึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่ เอาเป็นว่าฉันจะค่อยๆฆ่าแกให้แกตายช้าที่สุด แกจะได้รู้รสความทรมานให้นานที่สุดดีไหม"
เสียงพี่บีเงียบไป แต่สองสาวไม่ได้สนใจกำลังจะถึงบันไดลงแล้ว....ทันใดนั้นเอง
"ตายซะเถอะนังแนนนี่"
พี่บีโผล่พรวดเข้ามาขวางทางลงแล้วง้างมีดขึ้น แล้วฟันใส่แนนนี่ แป้งผลักแนนนี่ให้พ้นทาง
แป้งโดนมีดกรีดที่แขน
"โอ้ยส"
ส่วนแนนนี่ที่ล้มลง....ขาแพลง พยายามลุกขึ้นแต่ก็ไม่ไหว พี่บีเดินยิ้มสะใจ
"จุดจบของอีนังแพศยา....จ๊ากสส"
พี่บีจ้วงแทง แต่แป้งหยิบเอาแฟ้มมีดรับไว้ได้ทัน
แนนนี่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความกลัว
"หนีเร็ว !....ไปสิ"
พี่บีสบัดมือออก แฟ้มกระเด็นหลุดมือแป้งไป พี่บีง้างมีดจ้วงแทงอีกครั้ง
แป้งคว้าคอมือพี่บีไว้ได้ทัน ทั้งสองคนออกแรงยื้อกันไปมาโดยมีมีดคมๆจี้หน้าแป้งอยู่ตลอด แป้งได้จังหวะก็แทงเข่าผ่าหมากเข้าไปที่หว่างขาพี่บี
"อู้ว..."
พี่บีเจ็บจุก แต่ก็ยังฟาดหลังมือใส่หน้าแป้ง จนแป้งล้มลงไปนอนมึน
พี่บีเริ่มหายจุกลุกขึ้นมาตั้งตัวได้ ก็เงื้อมีดเตรียมแทงใส่แป้งที่เอาแต่นอนมึนไม่มีทางป้องกันตัวแล้ว
"นางเอกมากใช่ไหม?.....ด้าย งั้นมึงตายก่อน"
แต่แล้วจู่ๆก็มีปากาแท่งหนึ่งลอยมาฟาดหัวพี่บีพอดี พี่บีมองออกไป ก็เจอผู้พันพยัคฆ์ยืนจังก้าอยู่
"อย่ารังแกคนไม่มีทางสู้สิ เก่งจริงก็มาวัดกะฉันนี่"
พี่บีหันมาตวัดมีดเข้าใส่ผู้พัน แต่ผู้พันก็โยกตัวหลบหลีกไปได้ และชกกลับพี่บีจนหน้าหงาย พี่บีพุ่งเข้ามาใหม่ แต่ผู้พันก็จับข้อมือพี่บีบิดกระแทกจนมีดหลุดมือได้
พี่บียังไม่ยอมแพ้ พุ่งเข้ามาชกใส่อีก แต่ผู้พันก็หมุนตัวหลบและใช้แขนเข้ามาล็อกคอพี่บี พี่บีเจอท่าล็อกนี้เข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ สักพักก็อ่อนแรงหมดสติไป ผู้พันจึงเอากุญแจมือออกมาใส่ให้พี่บี

จิมมี่กับน้าสมานรีบเข้ามาในออฟฟิศ เห็นผู้พันกำลังพันผ้าที่เท้าแนนนี่อยู่ ส่วนพี่บีหมดสติโดนล็อกกุญแจมือติดกับเสาบ้านแล้ว
"ขอบคุณนะพ่อที่รีบมาช่วย แนนนี่ ปลอดภัยดีใช่ไหม"
"โอเคค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว"
ชาโดว์กับหอยแครงก็ตามเข้ามาพอดี ทั้งคู่ทำท่าโล่งอกที่เหตุการณ์จบลงด้วยดี ส่วนจิมมี่มองหาแป้ง เห็นแป้งนั่งมึนๆอยู่ที่มุมหนึ่ง ก็รีบเข้าไปหา
"นี่คุณเลขา เป็นอะไรรึเปล่า ปลอดภัยใช่ไหม"
แป้งมึนๆ
"โอย ฉันคงทำงานนี้ไม่ไหวแล้วล่ะ ฉันว่าฉันขอลา"
แล้วจู่ๆจิมมี่ก็กอดแป้ง ท่าทางจริงจัง ไม่ขี้เล่นแบบปกติ
"ผมพลาดเองแหละ"
"อ๊อก...อะ....เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ฉันโอเคแล้ว ฉันโอเคแล้วค่ะ"
ผู้พันเดินเข้ามาตบไหล่จิมมี่
"พอแล้วไอ้จิม...เดี๋ยวหนูแป้งขาดอากาศตายกันพอดี"
จิมมี่รู้สึกตัวเลิกกอดแป้งแล้ว
"ผมขอโทษจริงๆ"
แล้วจิมมี่ลุกขึ้นเดินจากไป ผู้พันพยัคฆ์เดินตาม ส่วนแป้งได้แต่เขินตกค้างอยู่เล็กน้อย
จิมมี่พูดเบาๆ " ถ้างานนั้นผมไม่ทำพลาด คุณฟ้าก็คงจะไม่..."
" ไม่เอาน่า อย่าไปคิดถึงเรื่องอดีต"
ชาโดว์กับหอยแครงตามเข้ามาในออฟฟิศ เหมือนเดิม...พอเห็นผู้พันเธอก็รีบยกมือขึ้นตะเบะทันที ผู้พันพยัคฆ์มองไปที่ใส่สร้อยลูกกระสุนห้อยคอ ผู้พันก็ได้แต่เปรยว่า
"เธอก็อีกคน ถ้ายังยึดติดอยู่กับอดีต ชีวิตมันจะเดินไปไหนไม่ได้นะ"
ชาโดว์จับลูกกระสุนที่ห้อยคอไว้ ก่อนจะพูดขึ้น
"กลับกันเลยค่ะท่าน เพราะมีอดีตนี่แหละ ฉันถึงมีเป้าหมายให้เดินต่อไป"
สุดท้าย ผู้พันก็ได้แต่ถอนหายใจแบบปลงๆ

เช้าวันใหม่... แป้งเดินคุยมือถือมาตามทางเดินเช่นเดิม
"จ้าๆ ไม่เป็นไรแล้ว ปลอดภัยดีแล้วจ้า อืมๆ ใช่ มีออฟฟิศนึงเขาเรียกฉันสัมภาษณ์แล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันก็คงย้ายงานเร็วๆนี้แหละ อืมๆ จ้า แล้วค่อยคุยกันนะ บาย"
แป้งวางสายไป และทำท่าถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเข้าออฟฟิศ

ต่อมา จิมมี่ยื่นเอกสารให้แป้งเซ็นชื่อ
"อ้ะ ค่าจ๊อบงานนี้ เซ็นรับทราบตรงนี้ด้วย"
แป้งเหลือบเห็นเช็คเลยรีบเซ็นเอกสารเสร็จคืนจิมมี่ทันที
จิมมี่ก็ยื่นเช็คให้แป้ง แต่พอแป้งเห็นเช็คแล้วก็ตกใจ
"เอ๋ ทำไมเช็คงวดนี้มันถึงเยอะขึ้นยังงี้ล่ะคะ"
"ก็ผมเห็นงานนี้คุณเสี่ยงอันตรายไปเยอะ และเพราะความผิดพลาดของผมด้วย ผมก็เลยอยากตอบแทนคุณ ด้วยการเลื่อนขั้นให้คุณมาเป็นหุ้นส่วนของเรา ต่อไปนี้คุณจะได้ส่วนแบ่งเท่าๆกับพวกเราทุกคน ไม่ใช่แค่เรทพนักงานอีกแล้ว โอเคไหมครับ"
"จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะ ว้าว ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าฉันจะได้เป็นหุ้นส่วนบริษัทกะเขาด้วย"
"ถ้ายังงั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ"
"ค่ะ"
แป้งยิ้มแย้มดีใจยกใหญ่ แต่แล้วจู่ๆเธอก็นึกอะไรได้
"เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน แต่บริษัทคุณเป็นหนี้เขาอยู่สิบล้านนี่ ถ้าฉันเป็นหุ้นส่วนบริษัท ฉันก็ต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ด้วยสิ"
"ก็... คงต้องเป็นยังงั้นแหละ"
"เย้ย ได้ไงกัน งั้นฉันไม่เป็นแล้วหุ้นส่งหุ้นส่วนอะไรเนี่ย เอาเช็คนายคืนไปเลย"
จิมมี่โชว์เอกสารที่แป้งเพิ่งเซ็นเมื่อกี้ให้ดู
"เสียใจด้วย คุณเพิ่งเซ็นเอกสารรับทราบการแต่งตั้งจากผมแล้ว ถือว่ามีผลทันที ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"
"เอ๋ อะไรกันเนี่ย นี่นายหลอกฉันนี่นา ถ้ายังงั้นฉันขอลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนเดี๋ยวนี้เลย"
"ก็เสียใจอีกนั่นแหละ เพราะว่าผมไม่อนุมัติ"
"เอ๋"
"เฮ้อ หิวข้าวละ ไปกินข้าวดีกว่า ถ้าอยากกินด้วยกันก็ตามมานะครับ คุณหุ้นส่วน"
แล้วจิมมี่ก็ออกไปเลย
"หนอย ไอ้ ไอ้เจ้านายหลอกลวง ไอ้เจ้านายเฮงซวย ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอคนยังงี้ด้วยเนี่ย โอ๊ย...เจ็บใจว้อย"

ชาโดว์และหอยแครงที่เพิ่งเดินเข้ามาจ้องมองแป้งแบบงงงๆ

อ่านต่อตอนที่ 3  
กำลังโหลดความคิดเห็น