บาปบรรพกาล ตอนที่ 9
มีความสวยงาม โอ่โถง โอ่อ่า เรียบร้อย และเป็นระเบียบ ทั่วโรงแรมแกรนด์บดินทร์ ตอนเช้าวันนี้
ที่ชั้นออฟฟิศโรงแรม พบว่านภากำลังโทร.สั่งงานอย่างขะมักเขม้น พอรามนรินทร์เดินเข้ามา นภาก็ปรี่เข้ามาหาพร้อมกับรายงานความพร้อม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะบอส เรื่องงานวันเกิดคุณหญิงภาวิดา นภาแจ้งทุกฝ่ายให้ทราบแล้วนะคะ เหลือเพียงแค่รอรูปแบบการจัดงาน ทุกอย่างก็พร้อมเดินหน้าได้ทันทีค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ คุณนภาเป็นที่พึ่งของผมได้เสมอเลย”
นภาเหลียวไปมองด้านหลังรามนรินทร์ไม่เห็นอุณนิษา ก็หันมาถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย
“วันนี้เงาตามตัวของบอสไม่ได้มาด้วยเหรอคะ”
“เดี๋ยวสายๆ ก็คงมา สงสัยคงจะเบื่อแล้วล่ะมั้ง”
“มาทำงานก็เหมือนมาเป็นภาระบอส นภาว่าอย่ามาดีกว่าค่ะ” นางว่าเชิดๆ
“แต่วันนี้ฉันมีคนอื่นมาแทน เข้ามาสิครับ”
รสสุคนธ์กับน้อยก้าวออกมา แล้วยิ้มทักพลางยกมือไหว้ให้นภาอย่างเป็นมิตร
นภามองจ้องคุ้นตา 1 ใน 2 อยู่ในที พอนึกออกว่าเป็นรสสุคนธ์ก็หน้าหุบยิ้มทันที
“นี่คุณน้องที่มาสมัครงานเมื่อเดือนที่แล้วนี่”
“รสเป็นโปรเจ็กต์เมเนเจอร์งานวันเกิดของคุณหญิงภาวิดาค่ะ” รสสุคนธ์รีบแนะนำตัว
“งั้นผมฝากคุณนภาด้วยนะครับ”
พูดจบรามนรินทร์ก็เดินเข้าห้องไป นภายิ้มหวานตามไป แล้วหันมาตาจิกใส่รสสุคนธ์กับน้อย
“พี่ขอเอกสารการจัดงานทั้งหมดก่อนเที่ยง หวังว่าคราวนี้น้องจะแสดงความเป็นมืออาชีพให้พี่เห็นนะ เอ้อ...เดี๋ยวเก้าโมงครึ่งไปเจอกันที่ห้องจัดเลี้ยงนะ พี่จะพาดูสถานที่จัดงาน”
นภาสั่งเสร็จก็สะบัดหน้าเดินบิดตูดกลับไปนั่งทำงาน รสสุคนธ์หน้าจ๋อย น้อยมองนภาอย่างเซ็งๆ
“สงสัยเราจะเจอมารผจญเพิ่มอีกคนแล้วนะคะ”
อุณนิษาเพิ่งมาถึง แอบยืนมองอยู่ตรงหัวมุม
“เดี๋ยวฉันจะช่วยกระชับมิตรเอง”
อุณนิษามองรสสุคนธ์ที มองนภาที่ แล้วยิ้มชั่วออกมา แววตามีแผนร้าย
ถัดจากนั้นไม่นานนัก รสสุคนธ์กับน้อยกำลังเดินลงบันไดจะไปยังห้องจัดงาน แต่อุณนิษาวิ่งตามมาเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวรสสุคนธ์”
“คุณนิษา มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เมื่อกี้คุณนภามีสายด่วนของลูกค้าวีไอพีน่ะ เลยให้ฉันมาบอกพวกเธอว่าขอเลื่อนเป็น 10 โมง”
“อ้าว แล้วระหว่างนี้เราจะทำอะไรล่ะค่ะ” น้อยงง
“งั้นเราก็คิดงานรอละกัน เอ่อ คุณนิษาคะ แถวนี้พอจะมีห้องทำงานว่างมั้ยคะ”
“มีสิ ห้องข้างหน้านี้ไง พวกเธอไปใช้ที่นั่นทำงานได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ”
น้อยมองตามอุณนิษาที่เดินกลับไปห้องทำงานอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“ปกติจะหาเรื่องเหวี่ยงคุณรสตลอด น้อยว่ามันแปลกๆ นะคะ”
“คิดมากน่า นี่มันงานวันเกิดคุณหญิงภาวิดา คุณนิษาคงไม่กล้าหรอก” สาวโลกสวยว่า
เห็นสองสาวพากันเดินตรงไปที่ห้องประชุม อุณนิษาหยุดเดินหันกลับมามองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
นภายืนรออยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง มองซ้ายมองขวา มองนาฬิกาก็แล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววของรสสุคนธ์กับน้อยเลย
“เหลวไหลจริงๆ นี่มันเลยเวลานัดแล้ว ทำไมยังไม่มากันอีก”
นภากดมือถือโทร.ไปที่โต๊ะทันที
โทรศัพท์ที่โต๊ะอุณนิษาดัง รามนรินทร์มองหาแต่อุณนิษาก็ไม่อยู่ จึงยกหูขึ้นจะกดดึงสายมารับ แต่อุณนิษาเปิดประตูพรวดเข้ามาขัดก่อน
“ไม่ต้องค่ะ พี่ราม เดี๋ยวนิษารับเอง ฮาโหล...อุณนิษา เลขาคุณรามนรินทร์ พรหมบดินทร์กำลังพูดสายค่ะ”
นภาคุยสายกับอุณนิษาจากหน้าห้องจัดเลี้ยง
“คุณอุณนิษาเหรอคะ รบกวนช่วยดูทีรสสุคนธ์กับน้อยอยู่ที่นั่นมั้ยคะ”
“ไม่อยู่ ฉันเห็นออกไปตั้งนานแล้วนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ
นภาตัดสายไป แล้วกุมมือถือแน่นโมโหมาก
“ยัยพวกนี้ ไม่ทันไรก็ออกลายซะแล้ว ฉันจะต่อเวลาให้อีก10 นาที”
เวลาผ่านไป นภายิ่งหงุดหงิด อดทนยืนรอ มองนาฬิกาแล้ว แต่ก็ไม่มีแววของรสสุคนธ์กับน้อยเลย
“หมดเวลาของพวกเธอแล้ว”
นภาเดินจ้ำออกไปด้วยความโกรธ
ไม่นานนักรสสุคนธ์กับน้อยก็พากันเดินมาถึง สองสาวยืนรอที่หน้าห้องจัดงานสักระยะ แต่ก็ไม่เห็นนภา จนรสสุคนธ์ชักแปลกใจ
“นี่มันก็สิบโมงแล้ว ทำไมคุณนภายังไม่มาอีก”
“หรือว่าจะติดลูกค้าอีกคะ”
สรุปว่ารสสุคนธ์กับน้อยต้องเดินกลับมาที่ออฟฟิศ แปลกใจที่เห็นนภานั่งทำงานอยู่ที่หน้าห้อง นภาเงยหน้ามาเห็นทั้งคู่ก็ชักสีหน้าใส่
“หายหัวไปไหนกันมา พี่รอตั้งนานก็ไม่โผล่หัวมา”
“พวกเราก็ไปรอพี่นภาที่ห้องจัดเลี้ยงไงคะ” รสสุคนธ์งงที่จู่ๆ ก็โดนเฉ่ง
“โกหก ถ้าไปทำไมพี่ไม่เห็น นัดแล้วไม่เป็นนัด เด็กสมัยนี้ขาดความรับผิดชอบจริงๆ”
น้อยเถียง “อ้าว พี่นั่นละที่ไม่ไปตามนัด ปล่อยให้พวกเรารอตั้งนาน”
นภาฉุนขาด “นี่ น้องยังมีหน้ามาโทษเป็นความผิดพี่เหรอ”
รสสุคนธ์นึกบางอย่างได้ “ขอโทษค่ะ ว่าแต่พี่นภาไปกี่โมงเหรอคะ”
“ก็เก้าโมงครึ่งไง ทำไมอย่าบอกนะว่าจำเวลาผิด ตายๆ”
รสสุคนธ์กับน้อยได้ยินก็รู้ทันทีว่าตัวเองเสียท่าอุณนิษาแล้ว
“พี่มาทำงานนะ พี่ไม่ได้มาเล่นๆ ถ้าน้องไม่จริงจังมันก็เสียเวลาพี่หมด”
“ขอโทษค่ะ รสจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
นภาค้อนขวับๆ “พูดแล้วก็ทำให้มันได้ด้วยล่ะ ไม่ใช่สักแต่ว่าพูด แล้วไหนล่ะเอกสารการจัดงาน”
“นี่ค่ะ”
รสสุคนธ์รีบยื่นเอกสารให้ นภาทำเมินไม่ยอมรับ รสสุคนธ์เลยวางลงบนโต๊ะ
“วางไว้บนโต๊ะ ไว้มีอารมณ์พี่จะอ่าน ถ้าพวกน้องไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปซะ พี่จะทำงาน”
นภายังเคืองขุ่น ตีหน้ายักษ์ใส่ รสสุคนธ์กับน้อยหันไปเห็นอุณนิษายืนกอดอกมองยิ้มเย้ยหยันอยู่ตรงประตูห้องรามนรินทร์
“พวกไม่มีความเป็นโปรเฟสชันนอลก็แบบนี้ล่ะ น่าขายหน้าจริงๆ”
อุณนิษาพูดกระแนะกระแหนยักไหล่ใส่
รสสุคนธ์น้อยกับน้อยได้แต่คุมแค้น ทำอะไรอุณนิษาไม่ได้
กลับถึงพรหมบดินทร์ รสสุคนธ์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ยังไม่ทันจะลงนั่งพักเหนื่อย ภาวิดาที่นั่งจิกตามองอยู่รีบบอกงานงอกขึ้นทันที มีจวงกับปริกอยู่ด้วย
“ฉันต้องการให้มีการแสดงในงานด้วย”
รสสุคนธ์อึ้งแต่ก็อดถามไม่ได้
“การแสดงแบบไหนคะ คุณหญิง นี่เหลืออีกแค่ 2 วันในการเตรียมงานเองนะคะ”
“ฉันสั่งให้เธอจัดงานวันเกิดให้ ไม่สนใจว่าเธอจะจัดยังไงแต่ต้องดีที่สุด ส่วนเวลาในการจัดงาน เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องทำทุกอย่างให้ทัน”
“แล้วก็ดีที่สุดด้วย” จวงบอก
“ไม่อย่างนั้น” ปริกว่า แล้วทำท่าปาดคอประกอบ
“ได้ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวเลยนะคะ”
รสสุคนธ์ไม่รอให้ภาวิดาสั่งอะไรอีก เธอรีบหมุนตัวออกไป ภาวิดาหันมายิ้มสะใจกับสองบ่าวคู่ใจที่แกล้งรสสุคนธ์ได้
น้อยรู้เรื่องต้องเตรียมการแสดงจากรสสุคนธ์ก็โอดทันที
“โห อย่างนี้ตั้งใจแกล้งกันนี่คะ คุณรส แค่เตรียมงาน 3 วันก็แย่แล้ว” ยังให้มีการแสดงอีก เป็นลมแป๊บ”
น้อยทำท่าเป็นลม รสสุคนธ์ยิ้มขำ ไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้ว่าภาวิดาตั้งใจแกล้ง
“งานนี้ฉันถอยไม่ได้ ในเมื่อคุณหญิงเพิ่งมาบอก ฉันก็จะแสดงเอง”
“หา แล้วคุณรสจะแสดงอะไรล่ะคะ”
“ฉันว่าจะดีดเปียโน”
รสสุคนธ์พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจเลย น้อยตะลึงกับคำพูดนั้น
รสสุคนธ์เข้ามาในห้องนอน เห็นขิมวางอยู่บนเสื่อในห้อง ก็หันไปมองแม้นมาศด้วยแววตาสงสัย
“ย่าเล็กให้รสดูขิม ทำไมคะ มีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับฆาตกรเหรอคะ”
แม้นมาศส่ายหน้าแล้วตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมสุข
“ฉันอยากให้เธอตีขิม เป็นการแสดงในงานวันเกิดคุณหญิงดา”
“รสก็ชอบเสียงขิมนะคะ ย่าเล็ก แต่รสตีไม่เป็นอ่ะค่ะ”
“จะยากอะไร เดี๋ยวฉันสอน ฉันตีขิมเก่งนะ ตีทีไรคุณชายภาณุทัตจะชมว่าไพเราะทุกครั้งเลย...อีกอย่างเธอรู้มั้ยว่า ขิมเนี่ยถือเป็นต้นตระกูลของเปียโนเลย”
รสสุคนธ์กังวลไม่คลาย “แต่รสมีเวลาแค่ไม่กี่วันเองนะคะ”
“งั้นจะรออะไร มานี่...มาหัดกันเลย”
แม้นมาศกุลีกุจอลงนั่งพับเพียบหลังขิม ลำตัวและใบหน้าตรง ตามองมุมต่ำ จับไม้ตีขิมอย่างคล่องแคล่ว
รสสุคนธ์ไม่อยากให้ย่าเสียน้ำใจ เลยลงนั่งตามเรียนรู้การตีขิมจากแม้นมาศที่สาธิตให้ดู เสียงไพเราะมากจริงๆ รสสุคนธ์ลองทำตาม ทีแรกก็เหมือนจะทำไม่ได้ แต่พอแม้นมาศสอน ก็เริ่มทำได้ เหมือนมีพรสวรรค์ด้านนี้โดยไม่รู้ตัว
เสียงขิมดังกังวานหวานแว่วไปทั่วเรือนไม้หอม
น้อยเดินมาจากหลังบ้าน แว่วเสียงขิมลอยมา ก็ตั้งใจฟัง แล้วนึกสงสัย
“เสียงเหมือนใครมาตีขิมใกล้ๆ ห้องคุณรสรึเปล่า”
น้อยพึมพำแล้วก็ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปดูให้เห็นว่าใคร
น้อยเดินเข้ามาในห้องนอนของรสสุคนธ์ เห็นเพียงรสสุคนธ์นั่งตีขิมอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่คนเดียว
“คุณรสตีขิมเป็นด้วยเหรอคะ ขิมเนี่ยมันของคุณแม้นมาศไม่ใช่เหรอคะ”
รสสุคนธ์ไม่ได้ตอบคำถามน้อย ยังเพ่งสมาธิตีขิมต่อ แม้นมาศยืนมองเอาใจช่วย ยิ้มพอใจ
น้อยมองฉงน เหมือนรสสุคนธ์จะคุยกับใคร แต่มองไปจนทั่วแต่ก็ไม่มีใคร พอรสสุคนธ์หันไปตีขิมต่อ น้อยเลยนั่งลงฟัง โดยไม่เห็นว่ามีแม้นมาศฟังอยู่ด้วย
เสียงขิมลอยดังมาถึงห้องนอนของภาวิดา ที่เด้งตัวขึ้นจากเตียงนอนทันที บอกจวงซึ่งกำลังเตรียมจะห่มผ้าให้
“ใครมาตีขิม หรือว่าผีนังแม้นมาศ”
จวงกระซิบ
“ก็น่าจะเป็นมันล่ะค่ะ คุณหญิงกลัวมันมั้ยคะ”
“ฉันไม่กลัวมันหรอก แค่รำคาญใจ”
มีเสียงเคาะประตูห้อง เห็นทวนเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง
จวงเหมือนรู้งานว่าหมดหน้าที่แล้ว รีบเดินออกไปแล้วปิดประตูลง
ทวนยิ้มหวานเอาใจภาวิดา
“คุณหญิงนอนดีกว่านะครับ มีเรื่องอะไรหงุดหงิดรำคาญ เดี๋ยวผมดูแลเองครับ”
ภาวิดายิ้มออกมาได้ที่มีทวนมาอยู่ด้วย
“เธอก็มานอนด้วยกันสิ ทวน”
เสียงขิมยังคงดังหวานแว่วมาอย่างต่อเนื่อง รามนรินทร์นั่งจิบกาแฟอยู่ตรงระเบียง ได้ยินจึงลุกขึ้นยืนหันหน้าไปตามเสียงขิม เหม่อมองดวงจันทร์อยู่ อดคิดถึงรสสุคนธ์ไม่ได้
“เสียงใครตีขิมนะ ไพเราะจัง หรือจะเป็นคุณรส”
รามนรินทร์ยิ้มอยู่คนเดียว แววตามีความสุขสม ตกอยู่ในห้วงอารมณ์โรแมนติก
ตาดำยืนอยู่ด้านนอกเรือนไม้หอม มองขึ้นไปที่ชั้นบน ตามเสียงขิมที่ลอยมา
“คุณเล็ก เสียงขิมของคุณใช่มั้ย”
เสียงขิมดังล่องลอยหวานปนเศร้า เหมือนความรู้สึกของคุณชายภาณุทัตในคราบของตาดำยามนี้
บ้านพรหมบดินทร์สว่างไสวอยู่ในแสงแดดยามเช้าแสนสดใส รามนรินทร์นั่งคุยอยู่กับรสสุคนธ์ในห้องรับแขก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผมก็คิดว่าต้องเป็นเสียงขิมของคุณรสแน่ๆ เก่งจังครับ เครื่องดนตรีไทยพวกนี้ เล่นยากนะครับ”
“คุณเอ่ยชมตามมารยาทอย่างนี้ พอถึงวันแสดงจริง ขอแค่อย่าโห่ก็ดีใจแล้วค่ะ” รสสุคนธ์ออกตัว
“ผมชมจากใจจริงต่างหากครับ ว่าแต่วันนี้คุณรสมาขอลางาน จะไปซื้อเสื้อผ้าที่ใช้ในงานแสดงใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ”
“เดี๋ยวผมขับรถพาไปนะครับ”
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ คุณราม” รสสุคนธ์เกรงใจ
“ผมว่างครับ”
จวงแอบดูอยู่ แล้วรีบผลุบหายเข้าไปในบ้าน
ขณะที่รามนรินทร์เดินนำรสสุคนธ์ไปยังรถซึ่งจอดรอพร้อมใช้อยู่หน้าบ้านแล้ว เขาเปิดประตูรถด้านหน้าที่นั่งข้างคนขับให้รสสุคนธ์พร้อมเชิญสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“เชิญคุณรสครับ”
รสสุคนธ์กำลังจะก้าวขึ้นรถ
ภาวิดาเดินปรี่เข้ามาสมทบ ในชุดสวยสมวัย สั่งเฉียบขาด จวงตามมาสอพลออยู่ด้านหลัง
“ตารามจะไปไหน ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้แม่นัดกับหนูนิษาไว้ว่าจะไปรับชุดที่จะใช้วันงาน รามก็ควรมาบริการแม่กับน้องนะจ๊ะ ไม่ใช่ไปบริการพวกคนใช้ในบ้าน”
“ถ้าคุณแม่อยากให้ผมไปด้วย ผมก็จะไปครับ แต่คุณรสไม่ใช่คนใช้”
ภาวิดารีบโบกมือทำท่ารำคาญ
“เอาเหอะๆ วันนี้แม่อารมณ์ดี เราไปกันได้หรือยังล่ะ ป่านนี้หนูนิษารอแล้ว”
“ครับ”
รามนรินทร์หันไปมองหน้ารสสุคนธ์ส่งแววตาขอโทษไปให้ ที่ไม่สามรถพาไปซื้อเสื้อผ้าได้ รสสุคนธ์ยิ้มตอบ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
ภาวิดาหันไปยิ้มกับจวง สะใจที่กีดกัน กลั่นแกล้งไม่ให้รสสุคนธ์ไปไหนสองต่อสองกับลูกชายสุดที่รักได้
รสสุคนธ์เดินออกมาจากบ้านพรหมบดินทร์กำลังจะกลับเรือนไม้หอม น้อยปรี่เข้ามาหารีบบอก
“วันนี้คุณรสจะไปซื้อเสื้อผ้าใช้ในงานแสดงใช่มั้ยคะ เดี๋ยวน้อยพาไป”
“แอบฟังคนอื่นคุยกันไม่ดีนะจ๊ะ น้อย”
“ไปนะคะ น้อยรู้จักร้านเช่าชุดสวยๆ เยอะ งานคืนเดียว เราแค่เช่าก็ประหยัดดีนะคะ”
“งั้นฉันคงต้องกวนน้อยพาไปแล้วล่ะ”
“ได้ค่ะ แต่น้อยไม่มีราชรถนะคะ เราไปแท็กซี่เนอะ”
น้อยโค้งให้รสสุคนธ์ ยินดีบริการ
เฟื่องเดินออกมาจากบ้านพรหมบดินทร์ได้ยินพอดี อดเตือนไม่ได้
“น้อยพาคุณรสไปดีๆ อย่าหาเรื่องมาให้คุณรสเหมือนครั้งที่แล้วอีกล่ะ”
“โธ่ ยาย น้อยไม่ได้หาเรื่อง แต่มีคนเอาเรื่องมาให้ต่างหาก”
เฟื่องเอ็ด “ยังจะยอกย้อน รีบไปรีบมาล่ะ”
น้อยกับรสสุคนธ์พากันเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 2
บาปบรรพกาล ตอนที่ 9 (ต่อ)
ไม่นานต่อมาน้อยพารสสุคนธ์เดินเข้ามาในห้างหรู ตรงไปทางร้านเช่าชุดในนั้น รสสุคนธ์สัมผัสกับความหรูหราของร้านด้วยสีหน้าแปลกใจ
“น้อย แน่ใจนะว่าพามาถูกร้าน ที่นี่หรูหราไฮโซมากเลยนะ”
“ถูกแน่ค่ะ คุณรส ที่นี่ไม่ได้ขายแต่เครื่องเพชรแพงๆ ไฮโซหรอกนะคะ แต่มีบริการให้เช่าเสื้อผ้าสวยๆ ไปออกงานด้วยค่ะ น้อยเคยได้มาใช้บริการค่ะ” น้อยกระซิบบอกรสสุคนธ์ “จริงๆ คือ คุณชายภาณุกรเคยพามาเช่าชุดสวยไปออกงานแสดงสมัยน้อยเรียนมหา’ลัยน่ะค่ะ”
รสสุคนธ์พยักหน้ารับรู้
ทั้งสองพากันเข้าไปในร้านเช่าชุดเสื้อผ้าหรูๆ
รสสุคนธ์เดินผ่านร้านขายเพชรไฮโซที่ทวนเอามาขายหลายวันก่อน แล้วสะดุดตากับเครื่องเพชรชุดหนึ่ง เลยหันมาสะกิดน้อย
“น้อย...น้อย ดูเครื่องเพชรชุดนี้สิจ๊ะ”
น้อยมองตามแล้วเอะใจทันที
“นี่มัน...”
รสสุคนธ์กระซิบ “เหมือนเครื่องเพชรของคุณหญิงภาวิดาที่หายไป”
“จริงด้วยค่ะ”
พอเห็นปลอดคน รสสุคนธ์เอาตัวบังให้น้อยรีบภ่ายภาพเครื่องเพชรด้วยมือถืออย่างรวดเร็ว
“น้อย รีบถ่ายรูปไว้ ไวๆ”
“ได้ค่ะ คุณรส”
น้อยเปิดกล้องมือถือถ่ายภาพเครื่องเพชรอย่างว่องไว
สองสาวพักเหนื่อยอยู่ในร้านกาแฟ ใกล้ๆ กันนั้น น้อยเปิดภาพเครื่องเพชรในแคตตาลอกที่แอบถ่ายมาเทียบกับภาพที่ถ่ายเครื่องเพชรของภาวิดา แล้วก็ยิ่งมั่นใจมาก
“เครื่องเพชรชุดเดียวกันแน่นอนค่ะ คุณรส”
“แสดงว่าขโมยตัวจริงต้องเอามาขาย”
“ชัวร์ค่ะ แล้วคุณรสจะเอาไงต่อดีคะ”
รสสุคนธ์นิ่งคิด ก่อนจะกดมือถือโทร.หารามนรินทร์ รอจนเขารับสาย
“คุณรามคะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาค่ะ
เย็นนั้น รามนรินทร์ได้ดูภาพเครื่องเพชรที่รสสุคนธ์ให้ดูแล้วถึงกับอึ้งไป มองประเมินใช้ความคิด
“หัวขโมยต้องเป็นคนในบ้าน ที่รู้ว่าคุณรสเอาเครื่องเพชรของคุณแม่มาให้น้อยถ่ายภาพ”
“แล้วก็ไม่ใช่บัว”
“ไม่ใช่บัวแน่นอนครับ”
รสสุคนธ์คิดหนัก
ในขณะที่ปริกกำลังล้างจานอยู่หลังครัวคนเดียว ฮัมเพลงอย่างมีความสุข ผีแม้นมาศหน้าตาดุดันโกรธแค้นโผล่ขึ้นมาทางด้านหลัง ตวาดเสียงดังลั่น
“นังปริก อยู่ที่นี่เอง”
ปริกใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม ค่อยๆ หันกลับมามอง เห็นเป็นผีแม้นมาศก็ขาสั่น กลัวสุดขีด
“ผะ...ผี...”
“เออ กูเอง”
“อย่า อย่าทำอะไรฉันเลยนะจ๊ะ” ปริกไหว้ปลกๆ
“นังปริก นังขี้ขโมย มึงเอาเครื่องเพชรคุณหญิงดาไปไว้ไหน...ถ้าไม่อยากตาย เอามาคืนเดี๋ยวนี้”
“เครื่องเพชรอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“อีผู้ร้ายปากแข็ง ตายซะ”
แม้นมาศชูมือขึ้นหมายจะจับลำคอปริก แต่ด้วยความกลัวปริกก้มตัวลงแล้ววิ่งลอดแขนแม้นมาศหนีไปได้
ปริกวิ่งเตลิดหนีผีมา หยุดยกมือไหว้ขอชีวิต ปากก็ร้องขอให้คนช่วยไปด้วย
“อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”
ปริกวิ่งไปชนกับรามนรินทร์ที่เดินมาครัวพอดี
“ว้าย”
ปริกจะล้ม รามนรินทร์ประคองไว้ทัน ปริกหลับตาปี๋ด้วยความกลัว ผีแม้นมาศขึงตามองอย่างโกรธแค้นแล้ววูบหายไปคำรามในลำคอ
“ถือว่าแกดวงดี”
ปริกหลับตาอยู่อย่างนั้น “ช่วยด้วย ผีแม้นมาศคะคุณราม”
“น้าปริก เป็นอะไรหรือเปล่า มีใครอยู่มั้ยครับ”
จวงวิ่งถลาออกมาเป็นคนแรก ตามด้วยสร้อย และเฟื่อง
จวงเข้าไปประคองปริกแทนรามนรินทร์แล้วถาม
“นังปริก...ลืมตาสิวะ เป็นอะไรหรือเปล่า
ปริกค่อยๆ ลืมตา มองไปรอบๆ เห็นว่ามีคนมุงอยู่เต็มก็ใจชื้น
“พี่จวง ช่วยฉันด้วย ผีแม้นมาศมันจะฆ่าฉัน”
รามนรินทร์ส่ายหน้าเซ็ง บอกเฟื่องไปว่า
“นมเฟื่องช่วยผมดูแลปริกด้วยนะครับ ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“ได้ค่ะ คุณราม”
รามนรินทร์เดินกลับไปทางเรือนใหญ่บ้านพรหมบดินทร์
ทุกคนช่วยกันประคองปริกไปทางเรือนคนใช้
ด้านรสสุคนธ์นั่งอยู่ในห้องรับแขก ตรงหน้า ภาวิดา มี #ทีมนางร้าย แขไข อุณนิษาและ จีรนันท์ อยู่กันครบทีม ขาดก็เพียงจวงกับปริก
“ว่าไงแม่รส เหลืออีกวันเดียวก็จะถึงวันงาน เตรียมไปถึงไหนแล้ว”
“ทุกอย่างพร้อมหมดแล้วค่ะ คุณหญิง”
“ทำงานไวดีนี่” แขไขว่า
อุณนิษาเสริม “งั้นเธอก็คงชิลๆ”
“มีเวลาเหลือใช่มั้ย” จีรนันท์ถาม
รสสุคนธ์ไม่ทันได้ตอบสิ่งที่อุณนิษาและจีรนันท์ถาม ภาวิดาก็พูดขึ้นด้วยเสียงเยาะๆ ในที
“พอดีฉันว่าแค่มีการแสดง มันจะธรรมดาไปที่จะโชว์แขกไฮโซ ฉันเลยปรึกษากัน แล้วทุกคนก็เห็นดีด้วย”
ภาวิดาหันไปสบตากับแขไข อุณนิษาและจีรนันท์ ทุกคนต่างพยักหน้าแบบมีเลศนัย
“คุณหญิงจะแนะนำอะไรเหรอคะ”
“ฉันแค่เปลี่ยนใจ อยากจะยกงานเดินแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรที่ว่าจะจัดในวันฉลองร้อยปีตระกูล มาจัดในวันเกิดฉันแทน เพราะเครื่องเพชรก็เป็นของฉัน ฉันก็ควรจัดในงานวันเกิดตัวเอง จริงมั้ย”
รสสุคนธ์ได้ยินอย่างนั้นก็อึ้ง ไม่รู้จะตอบปฏิเสธยังไง
รามนรินทร์เดินเข้ามาในบ้าน ได้ยินพอดี
“หวังว่าเธอคงไม่ทำให้ฉันขายหน้าหรอกนะ” ภาวิดายิ้มเยาะมีเลศนัยบางประการ
น้อยรู้เรื่องจากรสสุคนธ์ก็ทำท่าจะกรี๊ด
“อะไรนะคะ! แค่ให้จัดงานวันเกิดใน 3 วันเนี่ยก็ว่าหินแล้ว นี่จะเปลี่ยนเป็นเดินแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร น้อยขอกรี๊ดสลบแล้วไปฟื้นอีกสองวันข้างหน้าเลยได้มั้ยคะ”
“คงไม่ได้หรอกน้อย เพราะน้อยต้องช่วยฉันจัดเตรียมงานก่อน แต่เวลาแค่ 1 วัน เราจะทำงานได้ทันแล้วก็สมบูรณ์แบบได้ไง”
น้อยหน้ามุ่ย ตอบรสสุคนธ์ไม่ได้เช่นกัน
รามนรินทร์แอบฟังอยู่ ยิ่งสงสารและเห็นใจรสสุคนธ์ทบทวี
อ่านต่อหน้า 3
บาปบรรพกาล ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่โรงแรมแกรนด์บดินทร์ ตอนกลางคืนก่อนวันงานหนึ่งวัน
สองสาวอยู่ในห้องจัดเลี้ยงที่เปิดไฟสว่างจ้าทั้งห้อง รสสุคนธ์กับน้อยช่วยกันจัดเตรียมงานวันเกิดหม่อมราชวงศ์หญิงภาวิดาอยู่สองคน มีงานยังต้องจัดการอีกมากมาย แต่มีกันแค่สองคน สองสาวต่างปาดเหงื่อทั้งๆ ที่เป็นห้องปรับอากาศ น้อยอดที่จะบ่นระบายอย่างน้อยใจไม่ได้
“น่าน้อยใจนะคะ คุณรส งานก็ออกจะใหญ่โตหรูหรา แต่ไม่มีใครมาช่วยเราจัดเตรียมงานเลย”
“อย่าน้อยใจไปเลย น้อย ก็เราสองคนเป็นโปรเจ็กต์เมเนเจอร์นี่นะ” ท้ายเสียงประชดนิดๆ แต่สู้ไม่ถอย “สู้ๆ”
รสสุคนธ์ชูมือขึ้นมาให้น้อยแตะเพื่อเรียกพลังใจ น้อยแตะมือรับ
“สู้ๆ ค่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของอุณนิษากับจีรนันท์ดังนำขึ้น ก่อนจะเห็นสองสาวเดินกรีดกรายวางท่าเป็นเจ้านาย ในสีหน้ายิ้มหยันอย่างไม่ปกปิดเข้ามา
“สมน้ำหน้าพวกไม่เจียมตัวเนอะ คุณนิษา”
“ใช่ อยากแสดงว่าตัวเองเป็นมืออาชีพ ทำได้ แก้ปัญหาได้ ในเมื่ออยากอวดก็ต้องเจอเงี้ยะแหละ จีจี้”
เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด น้อยทนไม่ได้ ถลาเข้าไปประหน้ากับจีรนันท์
“เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำมั้ยคะ คุณจีจี้”
“เอ๊ะ นังน้อย แกว่าฉันเหรอ”
“ก็ตรงๆ นะ หรือว่าคุณโง่เลยไม่เข้าใจสุภาษิตง่ายๆ ก็ไม่แปลกนะคะ แทนที่จะเอาเวลาไปเรียนหนังสือ คงมัวแต่สนใจเรื่องชาวบ้าน”
จีรนันท์เงื้อมือจะตบหน้าน้อย แต่อุณนิษากลับวางท่าเหนือกว่าแล้วห้ามเพื่อน
“อย่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง ปล่อยให้มันตกต่ำไร้ราคา ทำงานกรรมกรกันสองคน เราสองคนเป็นเจ้านาย ก็สวยๆ เริดๆ เชิดๆ”
อุณนิษาไม่พูดเปล่า เดินไปหยิบไปจับอุปกรณ์ตกแต่งงานเลี้ยงที่จัดเรียบร้อยแล้วทิ้งลงพื้น จนของแตกหักเสียหายเสียงดัง แล้วแสร้งทำเป็นตกใจ
“อุ๊ย ไม่ได้ตั้งใจ ทำใหม่แล้วกันนะจ๊ะ รสสุคนธ์ นังน้อย” อุณนิษาจิกกบาลเรียก
จีรนันท์ช่วยทำลายข้าวของไปอีกสองสามชิ้น “ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน ของมันเกะกะ” แล้วเดินจากไป
น้อยโกรธจัด จะเดินตามไปเอาเรื่อง รสสุคนจับตัวรั้งไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
น้อยพยักหน้า ยอมรับ
รสสุคนธ์กลับมองทั้ง 2 คนที่เดินจากไปสีหน้าสงบเยือกเย็น
แต่แล้วจู่ๆ ไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ดับวูบลง ห้องทั้งห้องมืดสนิท น้อยตกใจถามขึ้น
“คุณรส ทำไมไฟดับคะ”
ที่แท้เป็นฝีมือของอุณนิษาที่สับคัตเอาท์สวิชต์ไฟห้องจัดเลี้ยงที่สองสาวเตรียมงานอยู่ลง จากห้องควบคุมระบบไฟฟ้าของโรงแรมแกรนด์บดินทร์ จีรนันท์ชอบอกชอบใจใหญ่
“คุณนิษาเนี่ยฉลาดมากค่ะ ปล่อยให้พวกมันอยู่กันมืดๆ ดูสิจะทำงานต่อได้มั้ย”
“ฉันว่า เราไปเล่นอะไรสนุกๆ แกล้งพวกมันอีกนิดดีกว่า”
ในความมืดสลัว จีรนันท์สวมหน้ากากผี ใส่ชุดคลุมเป็นผ้าสีขาวยาวระพื้น โผล่มาพร้อมด้วยเสียงหมาหอนจากมือถือที่เปิดประกอบ น้อยหันไปเห็น ทำท่าจะหวีดร้อง แต่ตั้งสติได้ก่อน
“วะ...”
รสสุคนธ์เข้ามาจับมือน้อยไว้ บอกปลอบเพราะรู้ว่าโดนแกล้งแน่นอน
“ใจเย็นๆ น้อย”
อุณนิษาโผล่พรวดออกมาจากมุมมืดโดยเร็ว ทำให้รสสุคนธ์และน้อยตกใจเล็กน้อย
“เก่งนี่ ไม่ยักกลัวความมืดสงสัยจะกินอยู่กับผีย่าทุกวัน...คงชินชา”
อุณนิษาเดินเชิดออกไป
รสสุคนธ์กับน้อยมอง และจะเดินตามไป จู่ๆ จีรนันท์ในชุดผีก็โผล่พวดออกมาหลอกอีก
คราวนี้น้อยกรี๊ดดังสนั่น “แอร๊ย”
“อยู่ในความมืดต่อไป”
จีรนันท์หัวเราะสะใจ แล้วเดินจากไป
น้อยหันมาสบตารสสุคนธ์ในความมืด
“แล้ว เรา เอาไงต่อดีค่ะ คุณรส”
“ฉันออกไปหาข้าวมาทานกันก่อนดีกว่า น้อยรอฉันอยู่ที่นี่ก่อนละกัน”
น้อยส่ายหน้า ไม่กล้าอยู่คนเดียว
“ไม่ค่ะน้อยไปด้วย”
“ก็ได้”
รสสุคนธ์กับน้อย พากันเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
นภายังไม่กลับ นั่งอยู่ตรงหน้ารามนรินทร์ในห้องทำงาน
“บอสมีงานอะไรจะสั่งนภาคะ”
“จริงสิ เลยเวลาเลิกงานของคุณนภามานานแล้ว”
“ถ้ามีงานด่วน นภาอยู่ทำโอเวอร์ไทม์ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา เพื่อบอส เพื่อโรงแรมแกรนด์บดินทร์” นภาอาสาด้วยอาการภาคภูมิใจเวอร์
รามนรินทร์ยิ้ม ลงล็อค ต้องการให้นภาไปช่วยรสสุคนธ์เรื่องเตรียมงานพอดี
“งั้นผมคงต้องรบกวนแล้วล่ะครับ คุณนภา”
“สั่งมาได้เลยค่ะ บอส”
“คืนพรุ่งนี้มีงานวันเกิดคุณแม่ผม ซึ่งจัดที่ห้องจัดเลี้ยงโรงแรมเรา...”
“ค่ะ ก็แม่...” นภายั้งปากว่า รสสุคนธ์ ไว้ทัน “ใช่ค่ะใช่”
“ผมอยากให้คุณนภาประสานงานกับโปรเจ็กต์เมเนเจอร์ของงานนี้หรือคุณรสสุคนธ์ ดูแลเรื่องการจัดตกแต่งสถานที่ให้เพอร์เฟ็กต์ที่สุด ให้สมกับที่คุณแม่เองก็เป็นหนึ่งในเจ้าของโรงแรม คุณนภาจัดการแทนผมได้มั้ยครับ”
นภาถึงกับอึ้งไปหลายวินาที คือยังเข้าใจผิดว่ารสสุคนธ์ไม่เป็นมืออาชีพ นัดแล้วไม่รักษาเวลา
“คือ นภาเกรงว่าคนที่ไม่เป็นมืออาชีพอย่างนั้น นัดแล้วก็ผิดเวลาถึงสองครั้ง”
รามนรินทร์คิดถึงเหตุการณ์วันก่อนตอนที่อุณนิษาวิ่งมารับโทรศัพท์ที่โต๊ะ ขณะรามนรินทร์ยกหูขึ้นจะกดดึงสายมารับ
“ไม่ต้องค่ะ พี่ราม เดี๋ยวนิษารับเอง...ฮาโหล...อุณนิษา เลขาคุณรามนรินทร์ พรหมบดินทร์กำลังพูดสายค่ะ”
รามนรินทร์รู้ทันทีว่ารสสุคนธ์โดนอุณนิษาแกล้งเลยรีบเคลียร์ให้
“ถ้าคุณนภาเข้าใจว่าคุณรสสุคนธ์นัดหมายแล้วไม่รักษาเวลา ผมว่าคุณนภาเข้าใจผิดครับ วันนั้นผมอยู่ด้วยตอนคุณนิษารับโทรศัพท์จากคุณนภา ผมว่าเรื่องนี้มีมือที่สามนะครับ”
นภาเองก็ไม่ชอบอุณนิษาเป็นทุนเดิม เลยพยักหน้าหงึกหงักเริ่มเชื่อรามนรินทร์แล้วก็ตัดสินใจเชิดหน้ารับคำสั่ง
“ได้ค่ะ นภาจะไปช่วยงานงานคุณรสสุคนธ์ตามที่บอสสั่งเองค่ะ”
“เยี่ยมมากครับ ตอนนี้คุณรสสุคนธ์น่าจะอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงคุณนภาไปประสานงานต่อได้เลยครับ”
“โอเค ปฏิบัติ”
นภาเดินออกไป รามนรินทร์ยิ้มกริ่มที่ได้ช่วยรสสุคนธ์
รสสุคนธ์และน้อยเดินกลับเข้ามาในห้อง สองสาวอิ่มท้อง มีแรงสู้ต่อทั้งคืน
“อิ่มมากเลยคะ”
“นี่ขนาดอิ่มนะ ยังถือของกินอีกมากมาย”
“ก็เราต้องอยู่ดึกนี่ค่ะ ต้องเตรียมเสบียงเพื่อท้องเผื่อมันร้องอิอิ”
“ที่ห้องจัดเลี้ยงยังไม่ได้ทำอะไรกันเลย รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะไม่เสร็จเอา”
รสสุคนธ์ดูเวลาที่ข้อมือ เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
“จะเที่ยงคืนแล้วรีบไปเถอะ”
น้อยพยักหน้าทั้งสองรีบวิ่งไป
นภาเดินเข้ามามองห้องจัดเลี้ยง พร้อมกับดูเวลาที่ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วอดท้อไม่ได้
“อะไรคะเนี่ย คุณน้องขา...จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ทำไมสถานที่มันถึง ยังไปไม่ถึงไหน เราจะมีงานคืนพรุ่งนี้นะคะ ไม่ใช่ชาติหน้า”
น้อยเหนื่อยหนักเลยหันไปตอบโต้นภาบ้าง
“ก็เราสองคนก็มีสองมือสองเท้า รวมเป็นสี่มือสี่เท้า ได้คุณพี่มาเพิ่มอีกกลายเป็นหกมือหกเท้า แทนที่จะว่ากัน ก็เอามือเอาเท้าที่มีมาเร่งทำงานให้เสร็จไม่ดีกว่าเหรอคะ”
รสสุคนธ์ปราม “น้อย พอเหอะ คุณนภาอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยเรา ขอโทษแล้วก็ขอบคุณคุณนภามากนะคะ”
“พี่เป็นคนมีน้ำใจแล้วก็ให้โอกาสคนนะคะคุณน้อง ได้ค่ะ พี่จะรับไว้ทั้งคำขอโทษแล้วก็คำขอบคุณค่ะ”
นภาพูดแสดงศักยภาพด้วยการไปช่วยจัดการตกแต่งสถานที่ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงเป็นงาน น้อยมองทึ่ง
“น้อยก็ขอโทษแล้วก็ขอบคุณคุณนภาด้วยคนค่ะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ ว่าแต่ถามจริง เมื่อวันก่อน นัดกันแล้ว ทำไมเธอสองคนถึงไม่มาตามนัด”
“ก็คุณนิษามาบอกว่าคุณนภาให้เลื่อนเวลานัดไปเพราะติดลูกค้าด่วน” น้อยบอก
นภาเลยถึงบางอ้อว่า อุณนิษาอยู่เบื้องหลังจริงๆ ยิ้มออกมาได้ เข้าใจรสสุคนธ์กับน้อยแล้ว
รามนรินทร์เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง ด้านหลังมีพนักงานหญิงชายในฝ่ายจัดเลี้ยงตามมาหลายคน
“ไม่ทราบว่าห้องนี้ต้องการลูกมือจัดงานมั้ยครับ”
“คุณราม” รสสุคนแปลกใจ
รามนรินทร์หันไปสั่งการพนักงานหญิงชายที่มาด้วย
“ลุยได้เลยครับ”
พนักงานหญิงชาย พากันเข้าไปช่วยรสสุคนธ์ น้อยแล้วก็นภาจัดงาน ทุกคนทำงานกันด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม
เวลาผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ห้องจัดเลี้ยงดูสวยงามใกล้จะแล้วเสร็จทุกส่วนทุกโซน
รามนรินทร์เดินนำรถเข็นใส่อาหารที่มีพนักงานโรงแรมเข็นเข้ามาพร้อมบอกทุกคนยิ้มแย้ม
“กองทัพต้องเดินได้ด้วยท้อง ผมว่าทุกคนเบรกมากินข้าวก่อนดีกว่า ครับ”
น้อยดี๊ด๊า แทบจะถลาเข้าไปคนแรก
“ขอบคุณมากค่ะ คุณราม คุณรามเหมือนเทพมาโปรดน้อยเลยนะคะเนี่ย”
“น้อย เธอพูดอย่างนี้ จะกินคนเดียวเหรอ ไม่ได้ พี่ไม่ยอม ขอแจมด้วย” นภาว่า
“อาหารเรามีมากพอ เชิญครับ”
รามนรินทร์หันไปสบตารสสุคนธ์ที่ส่งยิ้มมาให้ ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของเขา
“ถ้าคุณรสมัวแต่ยิ้ม ผมอาจจะแย่งกินหมดนะครับ”
รสสุคนธ์รับอาหารไปจากรามนรินทร์แล้วเริ่มกินอาหาร...
“เรื่องกินเรื่องใหญ่ ฉันไม่พลาดหรอกค่ะ”
ดึกมากแล้ว รามนรินทร์เดินมาส่งรสสุคนธ์กับน้อยที่หน้าเรือนไม้หอม
“วันนี้เหนื่อยมาก หัวถึงหมอน น้อยคงหลับเป็นตายแน่ๆ”
“น้อยไปพักผ่อนเหอะ ขอบใจมากนะ”
น้อยมองรามนรินทร์ที่ยังไม่ขยับไปไหนก็รู้ใจ จะรีบไป
“ค่ะ น้อยจะรีบไปจากตรงนี้อย่างไวเลย ดีมั้ยคะ คุณราม”
รามนรินทร์ไม่ตอบ เอาแต่ยืนอมยิ้มอยู่อย่างนั้น น้อยผละขึ้นบ้านไปก่อนเปิดโอกาสให้สองคนอยู่ด้วยกัน
รสสุคนธ์มองหน้ารามนรินทร์แล้วบอกด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งตื้นตัน
“ฉันขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณรามช่วยเหลือดูแลนะคะ”
“ก็ผมเคยบอกแล้วไงครับ ว่าคุณเป็นคนของผม ผมก็ต้องปกป้อง”
รามนรินทร์มองสบตาลึกซึ้ง จนทำให้รสสุคนธ์เขินอายอย่างบอกไม่ถูก
แม้นมาศเฝ้ามองสองหนุ่มสาว รับรู้ว่าทั้งคู่ต่างที่เริ่มมีใจให้แก่กันมากขึ้นๆ แล้วเยื้อนยิ้มมีความสุขไปด้วย ก่อนจะตวัดสายตาบอกไปยังภาวิดาที่บ้านพรหมบดินทร์
“งานนี้เธอแพ้อีกรอบแน่ๆ คุณหญิงภาวิดา”
อ่านต่อหน้า 4
บาปบรรพกาล ตอนที่ 9 (ต่อ)
อีกฟากหนึ่ง ภาณุกรพาตัวเองมายืนมองที่ดินผืนสวยในแสงยามเช้าของเมืองเพชรบุรี ที่แปลงนี้อาณาเขตกว้างขวางจนสุดลูกหูลูกตา คุณชายเหลียวมองรอบๆ ด้วยสีหน้าพึงพอใจ
จนกระทั่งกระปุกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาพร้อมร้องเรียกชื่อ สรรพนาม ขานรับ งงๆ
“คุณชายภาณุกรเจ้าคะ เอ๊ะ หรือต้องเพคะ” กระปุกหน้ายุ่งทำท่านึกว่าจะพูดยังไงดี
ภาณุกรหันไปเห็นท่าทีเด็กสาวก็ยิ้มขำ
“เราน่ะ ชื่อกระปุกใช่มั้ย”
กระปุกพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าไม่สมควร เลยทำท่าจะนั่งลงตอบ
“เอ่อ เจ้าค่ะ”
“พูดกับฉันธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องเกร็งหรอก ว่าแต่วิ่งมาหาฉันเนี่ย มีธุระอะไร”
“คุณย่าเจ้าค่ะ เอ๊ย จ้ะ คุณย่าให้มาบอกว่ารถมารอพร้อมแล้วค่ะ”
“ขอบใจนะ”
คุณชายภาณุกรเหลียวมองไปรอบๆ ที่ดินอีกหน แล้วเดินนำกระปุกกลับไป
แม้นศรีมายืนรอส่งภาณุกรที่รถ ซึ่งมีคนขับรถเปิดประตูด้านหลังรออยู่แล้ว
“ผมขอบคุณพี่แม้นศรีมากนะครับที่กรุณาเป็นธุระเรื่องที่ทางให้”
“คุณชายกรอย่าเกรงใจพี่เลยค่ะ พี่กับทุกคนในครอบครัวรบกวนคุณชายมาเยอะมาก เรื่องที่ดินแค่นี้เรื่องเล็กค่ะ ว่าแต่คุณชายตัดสินใจยังไงคะ”
“เดี๋ยวผมจะให้ตารามนรินทร์แวะมาดูที่อีกที”
“อ๋อได้ค่ะ”
“พี่แม้นศรีไม่เปลี่ยนใจไปงานวันเกิดพี่หญิงดากับผมแน่เหรอครับ งานนี้หนูรสเป็นแม่งานจัดงานเลยนะครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณชายกร บอกตามตรง พี่ไม่อยากไปทำให้บรรยากาศงานรื่นเริงของคุณหญิงหมดสนุกเปล่าๆ”
กระปุกเสียดายที่ไม่ได้ไปเจอรสสุคนธ์ ถามแทรกขึ้นมาว่า
“แล้วคุณย่าไม่คิดถึงพี่รสเหรอคะ”
“คิดถึงสิ กระปุก ถามแปลก”
“คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปเยี่ยมไปหา กระปุกอยากไปอ่ะ”
“พอเลย มันไม่ใช่ธุระกงการของเด็ก อย่าเสียมารยาท”
กระปุกหน้ามุ่ยอดไปเที่ยวกรุงเทพ ภาณุกรยิ้มขำ เข้าใจเลยพูดปลอบ
“ไว้ฉันกับตารามมาคราวหน้า อาจจะชวนหนูรสมาด้วย หรือไม่ก็รับกระปุกไปเยี่ยม ดีมั้ย”
กระปุกยกมือไหว้ปลกๆ ดีใจมากๆ
“ดีมากเลยเจ้าค่ะ เอ๊ย ค่ะ”
แม้นศรีเกรงใจภาณุกรมาก เอ็ดกระปุกอีกรอบ
“ไม่ต้องออกนอกหน้านัก คุณชายไปเหอะค่ะ เดี๋ยวจะสายมากกว่านี้”
ภาณุกรกับแม้นศรีไหว้ลากัน
“งั้นผมลาตรงนี้นะครับ”
คุณชายขึ้นรถเรียบร้อยคนขับรถปิดประตู แล้ววิ่งไปประจำที่คนขับ ขับรถออกไป
ด้านรสสุคนธ์กับน้อยพากันมาเตรียมงาน เช็คงาน ที่โรงแรม กันแต่เช้า เมื่อเดินเข้ามาพบว่าในห้องถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม บนเวทีมีชื่องานพร้อมคำอวยพรวันเกิดของ หม่อมราชวงศ์หญิงภาวิดา พรหมบดินทร์ โต๊ะจัดเลี้ยงที่นั่งของแขกวีไอพีไฮโซพร้อมเช่นกัน
รสสุคนธ์เดินออกมาที่โถงหน้าห้องมีโต๊ะมอบของขวัญและเขียนคำอวยพรด้านหน้า ซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงามเช่นกัน สองสาวมองหน้ากันยิ้มปลื้ม
สักพักหนึ่ง อุณนิษา อธิวัฒน์และจีรนันท์พากันเดินตรงมาที่รสสุคนธ์ น้อยเดินตามมาสมทบยืนอยู่ด้านหลัง รสสุคนธ์ มองแขกที่ไม่อยากจะให้มาสีหน้านิ่ง อุณนิษาวางอำนาจใส่
“ในฐานะที่ฉันเป็นเลขาพี่ราม เจ้าของโรงแรมนี้ ฉันจะมาตรวจความเรียบร้อยของการจัดงาน”
รสสุคนธ์ยืนเฉย ขวางลำไม่ให้พวกอุณนิษาเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
“แต่ฉันเป็นโปรเจ็กต์เมเนเจอร์งานนี้ รับรองความเรียบร้อยค่ะ”
“อาจจะไม่เรียบร้อยเพราะมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่ง ดังนั้น ห้ามเข้าค่ะ” น้อยยืนกราน
“งานไฮโซ มีแต่ผู้ดีมีสกุลมาร่วมงาน ถ้าไม่ตรวจความพร้อม เกิดเจอมือสมัครเล่นทำขายหน้าขึ้นมา มันจะได้ไม่คุ้มเสีย หลีกไป”
อุณนิษากับจีรนันท์จะก้าวเข้าไปให้ได้ รสสุคนธ์กับน้อยขวางไว้ สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
อธิวัฒน์เดินตามมาสมทบทีหลัง ทำตัวแสนดี เข้าไปไกล่เกลี่ย
“สาวๆ ครับ มายืนจ้องหน้ากันอยู่ทำไมครับ น่าจะแยกย้ายไปเตรียมแต่งตัวสวยๆ สำหรับงานคืนนี้นะครับ”
อธิวัฒน์ส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้น้อย ซึ่งเอาแต่เขิน
จีรนันท์เรดาร์หึงหวงทำงานรวดเร็วมาก พูดเสียงแข็ง
“พี่วัฒน์มองหน้ามันทำไม”
อธิวัฒน์ไม่ตอบอะไร ฉุดมือจีรนันท์ออกไป อุณนิษาไม่มีพวกจำต้องตามไป น้อยถอนหายใจโล่งอก ไม่อยากมีเรื่อง
“จองเวรกันไม่เลิกราเลยนะ นี่ถ้าพวกเค้าย้อนกลับมาป่วนอีกจะทำไงคะ คุณรส”
“อย่าไปสนใจเลยน้อย ฉันมีผู้ช่วยคอยเฝ้าระวังให้”
อุณนิษากับจีรนันท์ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจป่วนงาน สองนางพากันกลับมาเพื่อจะเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงอีกรอบ หลังจากรู้แน่ว่ารสสุคนธ์กับน้อยไม่ได้อยู่แล้ว แต่กลับมาเจอนภาเดินนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 3-4 นายเข้ามาแล้วสั่งการเฉียบขาด
“พวกคุณทุกคนรู้หน้าที่แล้วใช่มั้ย”
“ครับ คุณนภา”
“ห้ามใครเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงก่อนเวลางาน นอกจากทีมงาน”
รปภ.ตะเบ๊ะให้นภาเหมือนเป็นผู้บังคับบัญชา
นภาเยื้อนยิ้มพอใจ ขณะที่อุณนิษากับจีรนันท์แทบเต้น มองหน้ากันอย่างขัดใจ ก่อนจะพากันกระแทกเท้าหันหลังกลับไป
นภาหันไปมองตามสองสาวแล้วเชิดหน้า
“รู้จักมืออาชีพน้อยไป คนอย่างนภาไม่มีทางพลาด”
อุณนิษากับจีรนันท์โร่มาฟ้องภาวิดากับแขไขที่บ้านพรหมบดินทร์ โกรธแค้นที่ไม่สามารถป่วน และจับผิดรสสุคนธ์เพื่อหาเหตุไล่ออกได้
“น่าเจ็บใจจริงๆ พี่รามส่งยัยนภามาปกป้องแล้วก็แอบช่วยนังรสสุคนธ์ จนนิษากับจีจี้ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ คุณหญิงป้า
ภาวิดายิ้มปลอบใจอุณนิษา เพราะมีแผนอีกเพียบจะจัดการรสสุคนธ์คืนนี้
“ช่างมันเหอะ หนูนิษา อย่าเครียด เรายังมีโอกาสที่จะจัดการมันอีก แม่ว่าหนูนิษากับหนูจีจี้ไปเตรียมแต่งตัวสวยๆ สำหรับงานคืนนี้ดีกว่านะจ๊ะ”
จีรนันท์รีบประจบเอาใจอุณนิษา เพราะรู้ว่าคืนนี้จะมีการประกาศหมั้นของอุณนิษากับรามนรินทร์
“จริงด้วย คุณนิษาต้องสวยที่สุดเพื่อ เวลาสำคัญมากๆ”
“จีจี้พูดดี เวลาสำคัญจริงๆ”
แขไขยิ้มหน้าบานหันไปสบตาภาวิดาที่ยิ้มตอบมา คุณหญิงเจ้าของวันเกิดพูดเอาใจสองแม่ลูก
“ใช่จ้ะ สำคัญมาก พอประกาศข่าวดีไปแล้ว ทีนี้ร้อยนังรสสุคนธ์ก็มาขวางอะไรเราไม่ได้ แล้วถ้ามันคิดจะขวางนะ หนูนิษาก็ใช้สิทธิ์คู่หมั้นจัดเต็มกับมันได้เลย แม่อนุญาต”
อุณนิษายกมือไหว้ภาวิดาประจบเอาใจ แขไขยิ้มหน้าบาน
จวงเดินเข้ามารายงานภาวิดา
“คุณหญิงคะ คุณชายกรกลับจากเพชรบุรีแล้วค่ะ”
ภาวิดาหันมาบอกแขไข ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
“หญิงแข พี่ขอตัวแป๊บนะจ๊ะ”
ภาณุกรลงรถเดินมาถึงหน้าเรือนใหญ่บ้านพรหมบดินทร์ กำลังจะเดินเข้าด้านใน แต่ต้องแปลกใจที่เห็นภาวิดามายืนยิ้มรออยู่
“ชายกร พี่ดีใจนะที่เธอไม่ลืมวันเกิดของพี่”
“ผมจะลืมวันสำคัญของพี่หญิงได้ยังไงครับ อีกอย่างผมอยากเห็นฝีมือการจัดงานของหนูรสสุคนธ์ด้วย”
ภาวิดายิ้มกระหยิ่ม แถมหูตาท่าทีดูมีลับลมคมในชอบกล
“ก็ลองดูว่าจะทำขายหน้ารึเปล่า แต่ที่แน่ๆ วันนี้คืนนี้จะสำคัญมากสำหรับพี่ สำหรับตระกูลพรหมบดินทร์เลยล่ะ”
ภาณุกรมองหน้าพี่ สงสัย ตงิด ๆ แต่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศวันเกิดภาวิดาเลยตัดบทว่า
“ครับ คืนนี้เจอกันที่งาน ผมขอตัวเคลียร์งานก่อนนะครับ”
“ตามสบายเลยจ้า”
ภาณุกรเดินเข้าไปด้านใน แยกไปทางห้องทำงาน
ภาวิดามองตามน้องชายไปด้วยแววตาสาแก่ใจ วาดหวังว่าคืนนี้จะเป็นคืนของตนเต็มที่
ที่ห้องจัดเลี้ยงยังวุ่นวายได้ที่ ตรงเวทีใหญ่ที่ใช้เดินแบบ รสสุคนธ์นัดแนะให้บรรดานางแบบนายแบบลูกหลายไฮโซมาซ้อมคิวเดินแบบ
“ขอซ้อมคิวเดินแบบเครื่องเพชรครั้งสุดท้ายหน่อยนะคะ เชิญคู่แรกได้เลยค่ะ คุณจีรนันท์กับคุณอธิวัฒน์”
จีรนันท์เดินคู่มากับอธิวัฒน์ พอมาหยุดยืนตามบล็อกกิ้ง ก็โพสท่าอวดเครื่องเพชร
ตามมาด้วยคู่หญิงชายสวยหล่อทายาทไฮโซอีก 2 คู่ เดินออกมาโพสท่าอวดเครื่องเพชรเช่นกัน
คู่สุดท้ายคือ รามนรินทร์กับนิษา
อุณนิษาแควงรามนรินทร์ออกมาจงใจยิ้มยั่วรสสุคนธ์เต็มที่ แถมยังทำท่าเหมือนบ่าวสาวเดินคู่กันในงานแต่งงานไม่ได้สนใจโพสโชว์เครื่องเพชร รสสุคนธ์ไม่ได้รู้สึกหึงหวงอะไร เพียงกล่าวติงขึ้นว่า
“คุณนิษาคะ การเดินแบบคืนนี้คือการโพสโชว์เครื่องเพชรนะคะ ไม่ใช่เดินคู่บ่าวสาวในงานแต่งงาน”
อุณนิษาหันไปหัวเราะน้อยๆ พอสวยๆ แล้วพูดด้วยใบหน้าเชิด มือก็คล้องแขนรามนรินทร์แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่
“ใครจะรู้ว่างานคืนนี้ อาจจะมีข่าวดี เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็ได้ จริงมั้ยคะ พี่ราม”
รามนรินทร์ไม่อยากให้มีเรื่องเลยแค่ปรามๆ อุณนิษา
“เรารีบซ้อมดีกว่าคุณนิษา จะได้แยกย้ายไปเตรียมตัว” รามนรินทร์หันไปถามรสสุคนธ์ “คุณรส จะให้เราเดินใหม่อีกรอบมั้ยครับ”
“ค่ะ รบกวนอีกรอบนะคะ ขอบคุณค่ะ”
คู่ของจีรนันท์และอธิวัฒน์ซ้อมเดินอีกรอบ
เรือนไม้หอม ตกอยู่ในบรรยากาศโพล้เพล้ยามเย็น แม้นมาศขลุกอยู่ในห้องเก็บของสักพักแล้ว และกำลังบรรจงเปิดลิ้นชักตู้ที่เก็บเครื่องประดับเพชรประจำตระกูล อันเป็นชุดไพลินที่เป็นของหมั้น ขาดแค่แหวนออกมา แสงจากเพชรตัดกับแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า ดูเหงา เศร้า แต่แม้นมาศยิ้มกว้างเต็มใบหน้า วางแผนอะไรบางอย่างไว้ในใจสำหรับงานคืนนี้
“คืนนี้ สนุกแน่ หึ หึ หึ”
แม้นมาศหัวเราะเสียงต่ำ เว้นรสสุคนธ์ ใครได้มาเห็นคงสยองขวัญ และหลอนสุดๆ
โถงด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงจัดแต่งสถานที่ไว้อย่างสวยงาม ภาวิดาเดินเข้ามาในงานพร้อมกับแขไข ภาณุกร โดยมีจวง ปริก แล้วก็ทวน แต่งสวยแต่งหล่อคอยติดตามมาดูแลด้วยห่างๆ
อุณนิษาควงคู่มากับรามนรินทร์ ตามด้วยคู่ของอธิวัฒน์และจีรนันท์
ภาวิดาจงใจให้รามนรินทร์กับอุณนิษาไปคอยต้อนรับแขกแทน บรรยากาศจึงดูเหมือนงานแต่งงานของสองคนมากกว่างานวันเกิดตัวเอง
“รามจ๊ะ แม่จะพาน้าหญิงแขไขไปนั่งด้านใน รามกับหนูนิษาช่วยแม่ต้อนรับแขกหน่อยนะจ๊ะ”
รามนรินทร์อึกอัก ส่วนอุณนิษาหน้าบาน แขไขรีบพูดสนับสนุน
“นะจ๊ะ ตาราม คนวัยน้าให้ยืนนานๆ มันเมื่อย”
รามนรินทร์ฝืนใจไม่กล้าขัดใจแม่
“ครับ คุณแม่”
อุณนิษารีบเจ้ากี้เจ้าการ “งั้นเรามายืนคู่กันตรงนี้นะคะ พี่ราม”
“ช่างสวยสมกับเป็นคู่กันจริงๆ นะคะ คุณราม คุณนิษา” จีรนันท์อวยส่ง
รามนรินทร์ไม่ตอบ วางหน้าให้ขรึม ภาณุกรมองสบตาให้กำลังใจหลาน
อธิวัฒน์เปิดปากพูดแซวรามนรินทร์พร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“ถือว่าซ้อมไว้ก่อนถึงงานจริงๆ นะครับ คุณราม”
อุณนิษายิ้มแก้มแทบแตก ควงแขนรามนรินทร์แนบชิดกระชับมากขึ้นอีก
แขกเชิญบรรดาไฮโซตระกูลดังเริ่มทยอยกันมาถึง อุณนิษารีบควงรามนรินทร์ไปต้อนรับแขก ภาพออกมาเหมือนคู่บ่าวสาวยืนไหว้แขกกระนั้น
ภาวิดากับแขไขแอบยืนมองรามนรินทร์กับอุณนิษาอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มพอใจ จวง ปริก ทวนมองยิ้มแย้มกับนาย แขไขยิ้มไม่หุบ ภาณุกรก็มองแขไขกับภาวิดารู้สึกแปลกๆ สังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
แขกทยอยเข้าหน้างานกันมากขึ้นๆ รามนรินทร์พยายามมองหารสสุคนธ์แต่ไม่เห็น จนนภาเดินผ่านมา เลยรีบเข้าไปถาม
“คุณนภา เห็นคุณรสมั้ยครับ”
“คุณรสเหรอคะ หัวหมุนวิ่งทำงานอยู่ด้านหลังแนะค่ะ บอส”
รามนรินทร์มองไปเห็นว่าอุณนิษาต้อนรับแขกกลุ่มใหม่อยู่ เลยรีบชิ่งออกไปจากตรงนั้นเนียนๆ
รสสุคนธ์ยังหัวหมุนทำงานเบื้องหลังอยู่ รามนรินทร์เดินเข้ามาหาแล้วรีบบอก
“คุณรส ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทำไมยังอยู่ตรงนี้ ไปแต่งตัวเถอะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณราม ฉันไม่ใช่แขก”
“ถึงคุณรสไม่ใช่แขก แต่ก็ไม่ควรสวม...” น้อยมองเสื้อผ้าชุดลำลอง ที่ใส่อยู่” ชุดนี้เดินไปมาในงานนะคะ”
รามนรินทร์เห็นงามด้วย บอกอย่างอารมณ์ดี “น้อยพูดถูกที่สุด เพราะฉะนั้นไปแต่งตัวนะครับ อย่าดื้อ”
“คือ...”
รามนรินทร์หันไปสบตาน้อยเป็นเชิงบอก น้อยรู้งานลากตัวรสสุคนธ์ไปทางมุมแต่งหน้าทำผมหลังเวทีใหญ่ทันที
“มานี่เลยค่ะ คุณรส”
รามนรินทร์ยิ้มชื่นใจ ปล่อยให้สาวๆ แต่งตัวกัน
ช่างหน้า กับ ช่างผม ช่วยกันแปลงโฉมรสสุคนธ์กับน้อยจนสวยฉ่ำ โดยเฉพาะรสสุคนธ์ พอสองสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เช่ากันมาก็ยิ่งสวย พร้อมออกงาน จวงกับปริกโผล่เข้ามาเห็นพอดี ต่างสบตากัน
“มันจะสวยเกินหน้าเกินตาไปแล้ว” จวงบอก
“อย่างนี้เราต้องฟ้องคุณหญิง”
สองพี่น้องจอมแจ๋นรีบหลบออกไปเพื่อไปส่งข่าวภาวิดา
รสสุคนธ์กับน้อยเดินเข้ามาพบ ภาวิดา และ แขไข ในห้องรับรองแขกวีไอพี จวง กะ ปริกผลัดกันกระซิบกระซาบใส่ไฟด้วยความหมั่นไส้
“จริงอย่างที่จวงบอกมั้ยคะ พวกมันแต่งตัวสวยเกิน”
“ยังกับเป็นเข้าของงานซะเอง”
“เดี๋ยวฉันจะสกัดพวกมันเอง”
ภาวิดาเชิดหน้าออกคำสั่งกับรสสุคนธ์
“แม่รสสุคนธ์ แม่น้อย งานเป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงจะเรียบร้อยดีนะ
แขไขคอยช่วยจิกกัดผสมโรง “งานใหญ่ขนาดนี้ อย่าให้คุณพี่ต้องขายหน้า เพราะมัวแต่เอาเวลาไปแต่งตัวสวยๆ มาอวดนะจ๊ะ”
รสสุคนธ์บอกเสียงเรียบ “งานทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ คุณหญิงดา คุณหญิงแขไขกลับออกไปนั่งในห้องจัดเลี้ยงได้เลยค่ะ”
“แขกเริ่มมากันใกล้ครบแล้วนะคะ ขาดแต่เจ้าภาพค่ะ” น้อยบอก
ภาวิดาถลึงตาใส่น้อย แล้วสั่งงานต่อเป็นชุด
“หล่อนไม่ต้องมาสาระแนสั่งฉัน ฉันจะไปเมื่อไหร่มันก็เรื่องของฉัน แต่เท่าที่ตรวจดู ฉันว่า ดอกไม้ที่ตกแต่งในห้องยังดูหรอมแหรมไป จริงมั้ยจ๊ะ หญิงแข”
“ค่ะ คุณพี่ มันดูไม่สดชื่นเท่าไหร่ หามาเพิ่มอีกด่วนเลย”
“แค่ดอกไม้ใช่มั้ยคะ” รสสุคนธ์ถาม
“ใช่ อ้อ ฉันไม่ชอบดอกไม้ไทยๆ นะ มันดูไม่แกรนด์ ต้องดอกไม้นอกเท่านั้น”
“ได้ค่ะ”
รสสุคนธ์รับคำแล้วก็เดินออกไป น้อยตามไปด้วย ภาวิดา แขไข จวง และปริกหันมายิ้มสะใจให้กัน ที่แกล้งสองสาวได้
รสสุคนธ์เดินออกมาจากห้องรับรองแขกวีไอพี แม้นมาศปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า รสสุคนธ์หันไปเห็นก็แปลกใจว่าย่าเล็กมาที่นี่ทำไม
“ย่าเล็ก”
แม้นมาศอาศัยจังหวะนั้นเข้าไปสิงในร่างของรสสุคนธ์ทันที
“ย่าขอโทษด้วยนะ แม่รส”
แม้นมาศในร่างรสสุคนธ์เดินแข็งทื่อออกไปจากโรงแรม เพื่อไปเอาเครื่องเพชรประจำตระกูล น้อยเดินตามออกมา แต่คลาดกัน จังหวะเดียวกันนี้อธิวัฒน์หลบมาพัก เห็นน้อยเข้าแต่งตัวซะสวย ก็ปรี่เข้ามาทักทายทำตาเจ้าชู้ใส่
“สวัสดีครับ น้อย วันนี้สวยจนผมตะลึงไปเลย”
“สวัสดีค่ะ คุณวัฒน์ ขอบคุณนะคะ”
จีรนันท์เดินมามองหาผัว จนเห็นว่ากำลังหว่านเสน่ห์ จีบน้อยอยู่ก็ไม่พอใจ
“ไอ้พี่วัฒน์ เผลอไม่ได้เชียวนะ”
อธิวัฒน์ยังไม่เห็นเมีย หยอดหวานจีบน้อยต่อ
“วันนี้เลิกงานแล้ว น้อยว่างมั้ยครับ”
“คุณวัฒน์มีธุระอะไรเหรอคะ”
“แหม ธุระของหัวใจ ผมคงบอกตรงนี้ไม่สะดวก”
น้อยยิ้มเขิน แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอธิวัฒน์มีจีรนันท์อยู่แล้ว แต่ก็เกรงใจเพราะยังติดค้างบุญคุณที่เคยช่วยเหลือจึงไม่กล้าตัดรอน
“คุณวัฒน์อย่าพูดเล่นอย่างนี้สิคะ ถ้าคุณจีจี้มาได้ยินจะเข้าใจผิด”
จีรนันท์เดินเข้าแทรกกลางระหว่างสองคน แล้วหันมาชี้หน้าด่าน้อยทันที
“ฉันเข้าใจถูกต่างหากนังน้อยนังหน้าด้าน รู้ก็รู้ว่าพี่วัฒน์กับฉันเป็นอะไรกัน ยังจะมาอ่อยใส่อีก หรืออยากโดนตบกลางงานยะ”
อธิวัฒน์เซ็ง “จีจี้ไม่เอาน่า พี่ก็แค่ทักทายน้อยเค้าในฐานะคนรู้จักกันเท่านั้น”
“ทักเสร็จก็หาทางรวบหัวรวบหางใช่มั้ย พี่วัฒน์”
“น้อยขอตัวก่อนนะคะ”
น้อยอายจัด เพราะจีจี้นางเสียงดังมาก รีบขอตัวแล้วก็เดินจากไป
“พูดจาน่าเกลียด เห็นมั้ย น้อยไปแล้ว” อธิวัฒน์อารมณ์บูด
“มันรู้ตัว ไม่อยากเจ็บตัวไง พี่ก็มากับจีจี้เดี๋ยวนี้ เผลอเป็นไม่ได้”
อธิวัฒน์จำใจต้องตามจีรนันท์ไปอย่างเสียดาย
มุมหนึ่งในงาน ตกแต่งด้วยดอกไม้ น้อยกำลังเอาดอกไม้ตกแต่งเสียบเพิ่มเข้าไปตามคำสั่งของภาวิดา นภาเดินตรวจเช็คความเรียบร้อยผ่านมา เห็นน้อยยังหัวหมุนยังทำงานคนเดียวอยู่ก็รีบเข้ามาถาม
“อ้าวคุณน้อง มาทำอะไรตรงนี้คะเนี่ย อีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงคิวเดินแบบเครื่องเพชร ไม่ไปช่วยคุณรสที่หลังเวทีเหรอคะ”
“คุณหญิงอยากได้ดอกไม้เพิ่มตรงนี้ หาว่ามันน้อยไป ทุกคนก็วิ่งวุ่นกันหมด น้อยก็เลย...”
นภารีบโบกมือห้ามแล้วอาสาทันที
“โอเคๆ พี่เข้าใจ หยุดเลยค่ะ เดี๋ยวตรงนี้พี่เสียบต่อทำงานให้เอง แค่ดอกไม้ เรื่องจิ๊บๆ”
น้อยยกมือไหว้นภาปลกๆ อีกฝ่ายรับไหว้
“ขอบคุณคุณพี่นภามากนะคะ”
ภาณุกรเห็นว่าภาวิดากับแขไขขลุกอยู่แต่ในห้องรับรองแขกไม่ยอมออกไปก็ยิ่งสงสัยเพิ่มมากขึ้นว่ามีอะไร
เลยเดินเข้ามาในห้อง พอภาณุกรโผล่หน้าเข้ามา แขไขก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ประมาณมีความสุขมาก
“คุณพี่กับหญิงแขมาอยู่ที่ห้องรับรองนี่เอง ทำไมไม่ออกไปต้อนรับแขกล่ะครับ ผมเห็นตารามกับหนูนิษายืนต้อนรับแล้วมันดูแปลกๆ นะครับ”
“จะแปลกอะไรกัน ชายกร ให้ตารามกับหนูนิษาต้อนรับแหละดีแล้ว ซ้อมๆ ไว้ จริงมั้ย หญิงแข”
“ค่ะ คุณพี่”
ภาณุกรได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าภาวิดากับแขไขคิดทำอะไรในงานแน่ๆ
รามนรินทร์ในชุดสูทหล่อล่ำออกไปทางอ้วนพี เดินเข้ามาในห้อง ภาณุกรเลยสบโอกาสจะพูดเตือน
“อ้าว ตารามมาพอดี น้ามีเรื่องอยากถาม”
ภาวิดารู้ทันภาณุกรรีบสวนออกมาทันที
“จะมาถามมาคุยอะไรกันตอนนี้ ราม ลูกต้องไปอยู่หลังเวทีเตรียมเดินแบบเครื่องเพชรแล้วนะ”
อุณนิษาสวยพร้อมเช่นกัน วิ่งเข้ามาพอดี ดึงรามนรินทร์ไป
“พี่รามคะ ตามนิษามา เค้าเรียกสแตนด์บาย แล้วค่ะ”
ภาณุกรได้แต่ถอนใจเสียดายโอกาส ภาวิดากับแขไขยิ้มให้กันที่แผนการทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
ฝ่ายรสสุคนธ์ยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหลังเวที ตรงจุดแสตนด์บายเตรียมออกไปหน้าเวทีเดินแฟชั่นในมือมีกล่องใส่เครื่องเพชรประจำตระกูล มีเงาร่างของแม้นมาศสิงซ้อนอยู่ในร่างรสสุคนธ์แล้วยามนี้ แม้นมาศค่อยๆ เปิดกล่องหยิบเอาเครื่องเพชรออกมาบรรจงสวมบนคอระหงของรสสุคนธ์ช้าๆ
แม้นมาศในร่างหลานสาวยิ้มออกมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เพทุบาย
อ่านต่อตอนที่ 9