xs
xsm
sm
md
lg

ดิแองเจิล นางฟ้าล่าผี ปี 2 ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดิแองเจิล นางฟ้าล่าผี ปี 2
Ep.5 หลังกระจก บทโทรทัศน์โดย เชิดศักดิ์ ประทุมศรีสาคร

ในความมืดนั้น เสียงเปิดประตูลูกบิดดัง แต่เปิดไม่ออก

บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึม แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างที่ยาวระพื้น เผยให้เห็นเครื่องใช้ของเก่า อาทิ ตู้ นาฬิกา โคมไฟ เตียงไม้ ฯลฯ จัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ รวมกระทั้งกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบลายไทยวิจิตรสวยงาม เนื้อกระจกมีความขุ่นมัวอยู่บ้าง แต่ยังสามารถสะท้อนเงาของ "ปิ่น" ดีไซน์เนอร์จิวเวอรี่ ท่าทางเก๋ไก๋ที่กำลังนั่งง่วนกับการออกแบบเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ข้างกองกระดาษบนโต๊ะทำงานของเธอ มีรูปเด็กสองคนใส่กรอบเก่าสไตล์วินเทจวางอยู่
"ปิ่น"
ปิ่นหันไปมองตามเสียงเรียกที่แผ่วเบา ลมพัดแรงผ้าม่านเปิดกว้างให้แสงสว่างที่ผ่านเข้ามา
ปิ่น มีใบหน้าที่ซูบผอม ดวงตาหมองคล้ำ สวมใส่ชุดนอนบางเบาจนเห็นกระดูกไหปลาร้า เธอหันจ้องมองและยิ้มให้กับกระจก
เสียงจากกระจกหัวเราะคิกคัก เสียงนั้นเป็นเสียงของหม่อน - ไหม ผีเลสเบี้ยน
"คนสวย"
ปิ่นอมยิ้มและหันกลับไปทำงานต่อ
ภาพที่ปิ่นเขียน เป็นรูปผู้หญิงเปลือยสองคน คนหนึ่งสวมสร้อยคอเส้นสวยโดยที่มีผู้หญิงเปลือยอีกคนสวมต่างหูเพชรคลอเคลียอยู่ด้านหลัง ปิ่นลบรอยร่างดินสอแล้วปัดขี้ยางลบออก
ในกระจก เงารางๆของผู้หญิงสองคนค่อยๆปรากฏตัวที่ด้านหลังปิ่น
"ปิ่น เธอเก่งจัง" หม่อนบอก
"คงไม่มีใคร เห็นพวกเราสวยงามเท่าเธอแล้วล่ะ" ไหมว่า
ในกระจก...ปิ่นหันไปยิ้มให้ทั้งคู่ แต่ในโลกจริงปิ่นกลับยิ้มให้อากาศธาตุที่ว่างเปล่า
"ร่างเธอช่างสวยงามเหลือเกิน" หม่อนว่า
"มาอยู่กับพวกเราเถอะ"
ปิ่นวางรูปเขียนลงบนโต๊ะแล้วค่อยๆเดินช้าไปที่หน้ากระจก เธอจ้องมองกระจกแล้วลูบไล้ใบหน้าและร่างกายตัวเอง ภาพสะท้อนในกระจกมีผู้หญิงสองคนใบหน้าคล้ายรูปที่ปิ่นวาดจ้องมองอย่างยั่วยวน เชิญชวน
หม่อนบอก "อยากสัมผัสเรือนร่างเธอจัง"
"ถอดไอ้ชุดเกะกะนั่นทิ้งไปเถอะ"
หม่อนหอมแก้มไหม และไหมก็ไซ้ซอกคอของหม่อน ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคัก
"ฮิ ฮิ ฮิ.....เร็วๆสิจ๊ะ"
ปิ่นมองทั้งสอง ด้วยดวงตาเคลิ้มฝันแล้วค่อยๆถอดชุดนอนออก

บริเวณหน้าห้อง หมอโจ้ เดินตรงมาที่ประตูและพยายามหมุนลูกบิดประตู แต่มันกลับจากถูกล็อคจากด้านใน หมอโจ้พยายามหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาเดินงุ่นง่านเหมือนหนูติดจั่นอยู่พักใหญ่จึงตัดสินใจทุบประตู
"ปิ่น.. ปิ่น... ปิ่น! เปิดประตูออกเดี๋ยวนี้นะ"
เสียงหัวเราะระหว่าง ปิ่น หม่อน ไหม ดังแว่วออกมา
หมอโจ้ได้ยิน ...มองอย่างสงสัย และตัดสินใจทุบประตูด้วยความแรงกว่าเดิม
"ปิ่นเปิดประตูเดี๋ยวนี้ มีใครอยู่ข้างใน? ผมสั่งให้เปิดเดี๋ยวนี้!"
หมอโจ้เอาเท้าถีบประตู…เปิดออก

หมอโจ้เข้าไปภายในห้อง เขาเห็นเงารางๆของปิ่นที่เปลือยกายยืนอยู่หน้ากระจก และเห็นหม่อนกับไหมเดินจูงมือปิ่นอยู่ในกระจก
หมอโจ้ตะโกน
"ปิ่น!"
หมอโจ้รีบคว้าผ้าคลุมวิ่งไปหาปิ่น เขาห่มร่างกายเธอและเขย่าตัวปิ่นเรียกสติ
ในกระจกหม่อนและไหมหันขวับมามองที่หมอโจ้ สีหน้ากลับกลายเป็นผีร้ายก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป... ปิ่นล้มลงในอ้อมแขนของหมอโจ้ แต่กลับกรีดร้อง ดิ้นทุรนทุราย
"ปล่อย ปล่อย ปล่อยกู กูจะตามเธอไป ปล่อย ปล่อย"
หมอโจ้พยายามกอดปิ่นเอาไว้ รูปถ่ายบนโต๊ะ... เหมือนพี่ชายที่ทำท่ากอดปกป้องน้องสาว ตั้งอยู่บนโต๊ะ..

บรรยากาศกว้างๆของโรงพยาบาลที่หมอท็อปทำงาน
เสียงกรีดร้องของปิ่นดังลั่น !

ภายในห้องผู้ป่วย ชั้น 8 ของโรงพยาบาล ปิ่นดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้ หมอท๊อปและพยาบาลอีก 2 คนช่วยกันกำลังยื้อยุดแรงของปิ่นเพื่อจะฉีดยาเธอ หมอท๊อปหันไปมองหมอโจ้ที่ยืนอยู่ปลายเตียง
"เฮ้ย...โจ้มาช่วยจับเท้าไว้ซิวะ" หมอท็อปบอก
หมอโจ้รีบวิ่งเข้าไปช่วยหมอท๊อป
หมอโจ้ และพยาบาลอีก2คนช่วยกันจับและรั้งตัวปิ่นไว้บนเตียงให้นิ่งที่สุด
พยาบาลตัวใหญ่บอก
"ดิ้นยังงี้...เดี๋ยวก็แขนขาหักหรอก"
หมอท็อปมองหน้าพยาบาลแบบไม่พอใจ
"แหะๆ....ก็น้องสาวหมอแรงเยอะนี่คะ"
"ปล่อยกู..."
"กดให้นิ่งไว้...!" หมอท็อปสั่ง
หมอท็อปรีบฉีดยาเข้าเส้นที่แขนของปิ่น เพียงชั่วครู่ ปิ่นก็นิ่งและหลับไป ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก หมอท็อปโบกมือให้พยาบาลทั้งสองออกจากห้องไป และหมอโจ้ทรุดตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อย
หมอท็อปพูดเชิงประชด
"ไอ้หมอโจ้ครับ ไม่คิดจะเล่าอะไรให้ฟังหน่อยรึไง"
"เราก็เล่าให้นายฟังแล้วนี่"
"ขอแบบละเอียดๆได้ไหม ?นายก็รู้ว่าปิ่นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ"
"แหงล่ะ...ก็เธอเป็นน้องสาวแกนี่หว่า"
หมอท็อปจ้องหน้าบีบคั้น
"อยากฟังจริงเหรอ...เรื่องแบบนี้นายเกลียดมันไม่ใช่"
หมอท็อปเสียงอ่อนลง "เล่ามาเถอะเพื่อน"
หมอโจ้ถอนหายใจ

ณ ร้านขายของเก่า วันหนึ่งในตอนกลางวันในอดีต บรรยากาศในร้านดูสลัว แสงสว่างเข้าไปไม่ทั่วถึงร้าน มีเพียงแสงไฟสีส้มที่ส่องสว่างเป็นระยะ
ปิ่นและหมอโจ้เดินเข้ามาภายในร้านเห็นของเก่าซึ่งวางเรียงรายเต็มพื้นที่ไปหมด ปิ่นดูตื่นเต้นที่ได้เห็นของโบราณเก่าเก็บ ต่างจากหมอโจ้ที่มีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันน่ะไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกนะ ไอ้เรื่องนิสัยของปิ่นชอบสะสมของเก่า...แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดี ใครจะไปขัดใจเธอได้ แล้วมีอยู่วันหนึ่งเราขับรถพาปิ่นกลับจากต่างจังหวัด อยู่ๆปิ่นก็ให้เราจอดรถเพราะมองร้านขายของเก่า...มันเป็นร้านที่ประหลาดมากออกจะน่าขนลุกซะมากกว่า ปิ่นบอกว่าเหมือนมีใครเรียกให้เธอมาที่นี่"
ภายในร้าน ปิ่นพยายามมองหาคนขายของเก่าโดยไม่สนใจหมอโจ้ หมอโจ้ดูเริ่มรำคาญและหงุดหงิด
"มีใครอยู่ไหมคะ มีใครอยู่ในร้านไหมคะ ?"
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
"ไม่เห็นมีใครเลย...กลับกันเถอะปิ่น ผมเหนื่อยแล้ว...กลับบ้านเถอะ จะเสียเวลาซื้อของพวกนี้ไปทำไม?"
"แล้วรอแป็บนึงจะตายเรอะไง? เผื่อเจ้าของเขาอยู่หลังร้าน"
"ก็เรียกตั้งนานแล้วอ ไหนล่ะเจ้าของร้าน"
ปิ่นมองหมอโจ้ไม่พอใจแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในร้าน ทิ้งให้หมอโจ้ยืนเซ็ง ปิ่นเดินเข้าไปข้างใน ตามทางเดินของร้านเหมือนเธอหาอะไรบางอย่าง
"หาอะไรรึเปล่า"
ปิ่นหันตามเสียงไปข้างหลังตัวเอง แต่พอหันหน้ากลับมาก็เจอชายแก่ชาวจีนราว70-80ปี ยืนจ้องหน้าอยู่

"ว้าย"
ชายแก่จ้องมองไปที่ปิ่น
"คือ คือ คือ....ฉันได้ยินเสียง มีใครไม่รู้เรียกให้ฉันมาที่นี่"
เสียงหัสเราะต่อกระซิกของหม่อนกับไหมลอยเข้ามา
"คริ คริ ฮิ ฮิ"
"เสียงนั่น"
ปิ่นมองกลับไปที่ชายแก่ แต่เขาหายตัวไปแล้ว เธอมองไปที่ด้านในสุดของห้อง เห็นผ้าขาวคลุมอะไรบางอย่างเอาไว้ เธอเดินเข้าไปหาราวกับต้องมนต์แล้วดึงค่อยๆผ้าอออก...เห็นเป็น กระจกบานใหญ่ลวดลายสวยงาม
ปิ่นจ้องมองและยิ้มให้กับเงาของตัวเธอเองในกระจก เงาของเธอพยักหน้าตอบรับ ปิ่นมองอย่างหลงใหล เธอหันกลับมาก็เห็นชายแก่ยืนยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
"เท่าไรคะ ?"
ชายแก่คนนั้นยืนยิ้มพยักหน้าเบาๆ

กลางห้องทำงาน...ปิ่นนั่งมองกระจกบานนั้นอยู่นานสองนาน มือลูบไล้ใบหน้าและเรือนร่างของตัวเองอย่างลุ่มหลง
หมอโจ้เปิดประตูเข้ามา แต่ปิ่นไม่สนใจ สายตาจับจ้องอยู่แต่กระจก
"นี่ปิ่น ไม่คิดจะออกไปข้างนอกบ้างเลยเหรอ"
หมอโจ้มองไปที่ถาดอาหาร ซึ่งอาหารนั้นแห้งแข็งและเต็มจานอยู่เลย
"ไม่กินข้าวเลยเหรอ 3 วันแล้วนะที่เป็นแบบนี้ นั่งมองแต่กระจกนั้น มันมีอะไรดีหนักหนา"
หมอท็อปหยิบผ้าจะคลุมกระจก
ปิ่นหันมามองหมอโจ้ช้าๆ ดวงตาหมองคล้ำแต่แฝงไปด้วยแววตาที่ดูดุร้าย
"ออกไปจากห้องฉัน!"

หมอท็อปมองดูหมอโจ้
"นี่นายจะโทษกระจกอย่างนั้นเหรอ"
"มันไม่ใช่แค่นั้นสิ...ช่วง3-4วันหลังมานี่ปิ่นไม่ออกจากห้อง แล้วก็ปิดล็อคห้องไม่ให้เราเข้าไปบางครั้งดึกๆเราได้ยินเสียงหัวเราะ มันดังมากจากห้องของปิ่น เหมือนมีใครอยู่ในห้องนั้น นอกจากปิ่น"
"โรคทางจิต โรคสองบุคคลิก อย่างนั้นเหรอ...ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตั้งแต่เด็กปิ่นไม่เคยมีประวัติ ทางด้านนี้นี่นา"
"เราก็ไม่อยากเชื่อไปในทางบ้าบออะไรนั้นนะ แต่บางทีมันอาจเป็นอุปทานของจิตใต้สำนึก"
"อุปทานของจิตใต้สำนึก?"

เสียงกรีดร้อง ดังเข้ามาในห้องทำงานของหมอท๊อป
"แอร๊ย..." เสียงนางพยาบาลกรีดร้อง

ชั่วครู่ ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดออก นางพยาบาลมองไปในห้องนั้น ดวงตาเบิกกว้างและยังคงกรีดร้องอยู่ หมอท็อป หมอโจ้วิ่งเข้ามา
หมอท็อปถามพยาบาล
"เกิดอะไรขึ้น"
นางพยาบาลชี้เข้าไปในห้อง
"นั่น นั่น"
หมอท็อปและหมอโจ้หันมองตามนิ้วเข้าไปในห้อง กระจกห้องแตก เตียงนอนไม่มีคนนอนอยู่
หมอโจ้มองนางพยาบาล และจับตัวเธอเขย่าเรียกสติ
"ปิ่นไปไหน...ปิ่นไปไหน"
"คุณปิ่น ทุบกระจก ละ.... แล้ว...แล้วกระโดดลงไป"
หมอท๊อปรีบวิ่งเข้าไป ตรงกระจกที่แตก และชะโงกหน้าออกไปดู ด้านล่างไม่มีร่องรอยของศพ แต่เห็นปิ่นในชุดคนไข้กึ่งวิ่ง กึ่งเดินตรงไปทางออกจากโรงพยาบาล
หมอท็อปหันมองหน้าหมอโจ้

สองหมอเดินอย่างรีบเร่งตรงไปที่ลิฟท์ เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้น....หมอโจ้ดูเบอร์สีหน้ายุ่งยาก
นางพยาบาล 2 ทักขึ้น
"หมอท็อปคะ"
หมอท็อปหยุดแล้วหันมาบอกหมอโจ้
"นายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันรีบตามไป"
หมอโจ้พยักหน้าแล้วรีบเดินไปที่ลิฟท์
"อะไรเหรอ"
นางพยาบาล 2 ยื่นซองผลตรวจ
"ผลการตรวจของคุณปิ่นค่ะ"
หมอท็อปมองจนหมอโจ้ลับตาไปจึงแกะซองออกมาอ่าน
หมอท็อปถอนหายใจ คิดทบทวนไปมาแล้วตัดสินใจหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา รื้อค้นจนเจอนามบัตร...หยิบขึ้นมาดู
นามบัตร Angels
หมอท็อปตัดสินใจกดหมายเลขตามนามบัตร

ภายในห้องประชุม เอโกะกำลังอธิบายเครื่องมือชิ้นใหม่ให้กับ แบม แอนนา พิม จอร์ชและปาล์มซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษา ทุกคนฟังอยู่ โดยมีเครื่องแสกนความฝันวางอยู่ตรงกลางโต๊ะประชุมและเครื่องมือชนิดใหม่ มีรูปแบบคล้ายนาฬิกาข้อมือ
"จากความผิดพลาดในอดีต คนที่คุมเครื่องสแกนความฝันทำหน้าที่ได้เพียงดูแล และปลุกเท่านั้น แต่ขาดการสื่อสารกับผู้ที่เข้าไปอยู่ในความฝัน และนี่คือนวัตกรรมชิ้นล่าสุดที่ เอโกะภูมิใจนำเสนอ อุปกรณ์เตือนภัย"
แบมท่าทางเบื่อหน่าย
"รีบบอกมาเถอะว่าใช้งานอย่างไง"
"ใจร้อนจริง"
"อ้าว...งั้นกลับ"
แบมจะเดินออกจากห้อง
"เดี๋ยวๆๆๆๆๆ...วัยรุ่นจริง"
"ก็เจ๊มัวแต่เกริ่นตั้งนาน...ใครจะรอได้" ปาล์มบอก
"ของแบบนี้มันต้องอินโทรก่อนสิยะ อ้าว....แล้ววันนี้มีสอบไม่ใช่เหรอหล่อน"
ปาล์มมองนาฬิกา
"ตายแล้วๆ มัวฟังเพลิน ไปก่อนนะเจ๊"
ปาล์มรีบเผ่นแนบ พิมเห็นทั้งคู่แล้วแอบอมยิ้ม แบมเดินกลับเข้ามาทำท่าทางยิ้มๆ เอโกะมองค้อน
"เครื่องนี้ต้องใช้งานควบคู่เครื่องแสกนความฝัน แต่ผู้ที่เข้าไปในความฝันต้องใส่เครื่องนี้ เพื่อlinksignal กับเครื่องแสกนความฝัน ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นให้กดไปที่ปุ่มAlarm แล้วไฟสีแดงจะขึ้นที่นาฬิกาข้อมือนี้.....เพื่อที่เราจะได้ find the gate เข้าใจ๋"
"อะ...เออ" จอร์ชว่าอย่างงงๆ
"มันก็เหมือนจุดธูปบอกไงล่ะจอร์ช" พิมบอก
"ใช่ๆ..จุดธูปบอก" เอโกะบอก
"อะ..อ๋อ...เข้าใจเลยครับ"
"ประจำละ เข้าใจ เข้าใจ แต่สุดท้าย...." แบมว่า
"สุดท้ายพระเอกก็มาช่วยเหล่านางฟ้าได้ทันทุกทีไงครับ"

เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น....กริ๊ง... แอนนามองทุกคนและหันไปตามเสียงโทรศัพท์
"ฉันไปรับเอง"
แอนนาเดินออกจากห้องทดลองไปรับสายโทรศัพท์

แอนนาเดินมารับสายโทรศัพท์
"ฮัลโล Angelsค่ะ"

เสียงปลายสายเป็นหมอท็อป
"ขอสาย....เออ..."
"สายใครคะ"
"ใครก็ได้..เอาแค่รับฟังผมและให้คำปรึกษาได้ก็พอครับ"
"ตกลง...จะเอาไงกันแน่ ที่นี่ไม่ใช่ ศิราณีนะ จะได้ปรึกษาปัญหาหัวใจ"
"เฮ้อ....เสียเวลาเปล่างั้นแค่นี้นะครับ"
"ใจเย็นๆสิคะ คุณหมอท็อป...มีอะไรก็ว่ามา"
"อะ หา...เออ...คือว่า..." หมอท็อปกำลังคิดหาทางเริ่มต้นคุย

รถของหมอท็อปจอดที่หน้าบ้าน เขารีบลงจากรถแล้ววิ่งไปในบ้าน ก็เห็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้านกองวางระเกะระกะเต็มไปหมด ...
"ผลงานของปิ่นเหรอ ?"
"ไม่แน่ใจว่ะ มาถึงก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ จริงๆเรารื้อของที่วางพิงประตูออกไปแล้ว ไม่งั้นเข้าบ้านไม่ได้แน่ๆ" หมอโจ้บอก
"ของทั้งหมดเนี่ยนะ"
"หรือว่า...เป็นเพราะกระจกนั่น"
หมอท๊อปไม่เห็นด้วย เสียงมอเตอร์ไซด์ดังเข้ามาทำให้ทั้งคู่หันไปมอง
บริเวณหน้าบ้าน แอนนาจอดรถของเธอและถอดหมวกกันน๊อคออก

แอนนาเดินเข้ามา หยิบจับของบางอย่างและลองยกตู้ที่ล้มลงแต่ยกไม่ขึ้น
"คุณคิดว่า มีคนช่วยปิ่นยกของเหรอ" หมอท็อปถาม
"เธอจะยกคนเดียวภายในเวลาแค่1-2ชั่วโมงนี่นะ"
"อาจจะใช่"
"คนเดียวเนี่ยนะ"
"ก็อย่างที่บอกไปแล้วมันมีบางอย่างที่ทำให้ปิ่นแปลกไป"
"เธอคงไม่ได้กินผักขมสินะ"
"ตกลงจะตลก หรือจะมาช่วยแก้ปัญหา...ว่าแต่ทำไมมาคนเดียวละ..แล้วคนอื่น.."
แอนนาตัดบท
"ฉันชอบโชว์เดี่ยว"
เสียงทุบประตูดังขึ้น.....ปังๆๆๆ แอนนาและหมอท็อปหันมองไปตามเสียง

หมอโจ้ยืนถือชะแลงเหล็กมองเข้าไปในห้อง ส่วนประตูห้องที่ถูกงัดจนล้มลง มีร่องรอยของไม้ที่ถูกตะปูตอกปิดห้องไว้ หมอท็อปและแอนนาวิ่งตามมา....มองเข้าไปในห้อง
ภายใน เป็นห้องโล่งๆ ที่มีเพียงกระจกบานนั้นตั้งอยู่กลางห้อง
หมอโจ้วิ่งเข้าไปในห้อง เปิดห้องน้ำมองและมองไปนอกหน้าต่างหาปิ่น
"ปิ่น... ปิ่น.... ปิ่น"
แอนนายืนมองด้วยความสงสัย
"กระจก...กระจกนั้น ปิ่นต้องเข้าไปในกระจกนั้นแน่ๆ ผี.....ผี2ตัวมันพาปิ่นเข้าไป"

ณ ห้องดำ... ที่มีเพียงแสงสว่างจากด้านบนส่องลงมา เผยให้เห็น หม่อน ไหม และปิ่นอยู่ใต้ลำแสงนั้น ปิ่นดวงตาหมองคล้ำแต่แลดูมีความสุขและยิ้มอยู่ตลอดเวลา หม่อนและไหมแต่งตัว ในชุดปาร์ตี้กลางคืนดูสวยงามและเซ็กซี่มาก ทั้งคู่จ้องมองปิ่น หม่อนโน้มคอของปิ่นแล้วบรรจงจูบ
เสียงหมอโจ้
"ปิ่น... ปิ่น.... ปิ่น"
ปิ่นสะดุ้ง หันไปมองด้านหลัง แต่หม่อนกับไหมรีบดึงมือเธอ
"อย่าสนใจ...เราไปกันเถอะ"
ว่าแล้วหม่อนและไหมก็จูงมือปิ่นแล้วเดินหายไปในความมืด พร้อมเสียงหัวเราะของทั้งสามคนอย่างสนุกสนาน

ตอนกลางวัน ประตูโรงละครถูกเปิดออก ปิ่นเดินออกมาจากความมืดเพียงลำพัง เธอรู้สึกสับสนและเริ่มกลัว
จู่ๆ ไฟบนเวทีถูกเปิดขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่าบนเวทีเป็นผ้าม่านสีแดง เธอหันมามองอีกที ก็พบว่าเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้คนดูเพียงคนเดียว
ผ้าม่านสีแดงถูกเปิดออก...ชายชรา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของเก่า ในชุดสูทพิธีกร เดินถือไมค์และขาไมค์ มาตั้งตรงกลางเวที เขาชักชวนให้คนดูตบมือ แล้วเสียงตบมือก็ดังเกรียวกราวจากฝั่งคนดูทันที
ปิ่นมองไปรอบๆตัวเองด้วยความสงสัยเพราะไม่เห็นมีใครนั่งอยู่เลย เธอหันกลับไปมองบนเวทีอีกครั้ง
ชายชราก้มหัวน้อมรับเสียงตบ
"Lady and Gentleman,Welcome to Our-Land"
เสียงตบมือดังสนั่น
ชายชรามองไปที่ปิ่นซึ่งนั่งคนเดียวอยู่ตรงกลางของโรงละคร ปิ่นแสยะยิ้มแล้วตบมือตาม
ชายชราก้มหน้าโค้งรับเสียงตบมือของปิ่น เสียงตบมือค่อยๆเบาลงและเมื่อปิ่นหันกลับไปดูบนเวที
ชายชรานั้นหายไป....
ผ้าม่านสีแดงถูกเปิดออก หม่อนและไหมเดินออกมาดนตรีดังขึ้นเอง... หม่อนและไหมกอดรัดกันกลางเวที และจูบกันอย่างดูดดื่ม หม่อนไซ้ซอกคอไหมและหันมามองปิ่น เธอจ้องมองทั้งสองตาไม่กระพริบ
หม่อนและไหมมองมาที่ปิ่นแล้วหลับตา ......ปิ่นก็หลับตาตาม

เมื่อปิ่นลืมตาขึ้นมา เธอกลายเป็นนั่งเก้าอี้อยู่บนเวที...งงเสียงตบมือดังขึ้นอีกครั้ง

หมอโจ้นั่งมองกระจก ครุ่นคิด...กังวล แอนนาถ่ายรูปกระจกใส่มือถือ

หมอท็อปโวยวายกับหมอโจ้
"ทำไมนายไม่เคยเล่าเรื่องผีอะไรนั้น ให้ฉันฟังว่ะ"
"เราไม่คิดว่านายจะเชื่อเรื่องแบบนี้"
แอนนาถามหมอโจ้
"ผีอะไรกัน"
"มันเป็นผีฝาแฝด...หรือไม่ใช่ แต่มันคล้ายกันมาก มันจะพาปิ่นเข้าไปในกระจก"
หมอท็อปถาม
"แน่ใจเหรอว่ะ"
หมอโจ้พยักหน้าหนักแน่น สมาร์ทโฟนของหมอโจ้ดังขึ้น เขาดูเบอร์แล้วรีบออกไปรับสายข้างนอก
หมอท็อปหันไปมองทางแอนนา สายตาเหมือนหมดหวัง
"เอาไงดีล่ะทีนี้ ?"
"คงต้องชุดใหญ่แล้วล่ะ"
แอนนาหยิบโทรศัพท์และส่งรูปกระจกไปทางlineให้เอโกะ และพิมพ์ข้อความ
“หมอท็อปต้องการความช่วยเหลือ"

หมอโจ้กำลังคุยกับใครบางคน
"ไม่ได้...ผมไปไม่ได้ ไม่ใช่ ทำไมไม่อยากจะเจอล่ะ ผมคิดถึงคุณนะ แต่ตอนนี้มันมีปัญหาน่ะ ไว้นัดดินเนอร์วันหลังได้ไหมล่ะจ๊ะ"
เสียงหมอท็อปถาม
"นายคุยกับใคร"
หมอโจ้หันมาตกใจพูดอะไรไม่ออก
"ปิ่นรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?"
หมอโจ้ก้มหน้านิ่ง
"เชี่ยเอ้ย....!"
มือของหมอท็อปกำเอกสารของโรงพยาบาลแน่นเดินจากไปด้วยตความโกรธ

ในห้องสมุด กระจกที่แอนนาถ่ายถูกขึ้นอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ กลางห้อง
เอโกะ แบม จอร์ช พิมยืนมองภาพกระจก แบมมองกระจกนั้นอย่างออกอาการหงุดหงิด
"ภาพนี้แอนนาเพิ่งส่งมาให้เมื่อห้านาทีที่แล้ว" เอโกะว่า
"นี่...แอนนาฉายเดี่ยวอีกแล้วสินะ" พิมว่า
แบมเดินเข้ามาฃ
" กระจกบานนี้มัน..."

พิมพยักหน้า
"ใช่...มันคือกระจกของ หม่อนกับไหม"
พิมเดินไปที่คอมพิวเตอร์และคลิกเปิดภาพผีหม่อนผีไหมขึ้นจอโปรเจคเตอร์
"อีผีเลสเบี้ยนสองตัวนั่น" แบมว่า
"อาพิมคะ แสดงว่าผีสมุนของบุญเพ็งมัน" เอโกะว่า
"อือม์...แสดงว่าไม่ใช่แค่พร ที่หลุดรอดออกมาจากโลกวิญญาณตนเดียวซะแล้ว"
เอโกะโยนถุงมือให้แบมและเตรียมอุปกรณ์ปราบผี
"งั้นพวกเราต้องรีบไปช่วยแอนนา"
"หมอท็อปด้วย" พิมบอก
แบม เอโกะกำลังจะออกจากห้อง
"เดี๋ยว...คราวที่แล้ว แบมหลุดมาได้เพราะเครื่องแสกนความฝัน ทำไมคราวนี้ไม่ติดไปด้วยละ" พิมบอก
"เออ..จริง"
"แล้วครั้งนี้ใครจะควบคุมเครื่อง" แบมว่า
พิมมองไปทางพี่จอร์ชที่ยิ้มแหยะๆๆ
"มั่นใจผมเหรอครับ เรียกคุณปาล์มมาช่วยดีกว่านะครับ"
"ปาล์ม...ติดสอบ" เอโกะบอก
"ว่าไงพี่จอร์ชจะไปหรือ....ไม่ไป "
"ปะ ปะ ไป ครับ"
"ให้ไวเลยพี่"
จอร์ชรีบวิ่งไปหยิบอุปกรณ์เครื่องแสกนความฝัน แบม เอโกะ จอร์ชรีบเดินออกจากห้อง
พิมยืนมองรูปภาพของหม่อนไหม และกระจก

ภายในบ้านปิ่น ทีมAngels กำลังเชื่อมต่อสัญญาณเข้ากับกระจกบานนั้นหมอท็อปและหมอโจ้มองอย่างไม่เข้าใจ
"ถ้าตามที่แอนนาเล่ามา..ก็สรุปได้ว่า..ปิ่นโดนผีหม่อน ผีไหม จับตัวเข้าไปในกระจก" แบมบอก
หมอโจ้บอก "อย่ามัวพูดอยู่เลย รีบหาทางช่วยปิ่นออกมาก่อนดีกว่า"
หมอท็อปย้อน
"ช่วยอย่างไงล่ะ?...กระโดดเข้าไปในกระจกอย่างนั้นเหรอ... ผมคิดผิดหรือเปล่าเนี่ย ที่เรียกพวกคุณมา"
"แหะๆ....แต่คุณหมอเคยเห็นเครื่องมือนี่แล้วนี่ครับ"
"ใช่...และฉันก็รู้ดีว่าจะทำอย่างไร เพราะฉันเคยไปมาแล้ว" แบมว่า

เอโกะ Set upเครื่องมือเสร็จพอดี
"เอาละทุกอย่างพร้อมแล้ว ทุกคนพร้อมกันไหม ?"
จอร์ชพยักหน้ารับคำ แบม แอนนาสวมเครื่องแสกนเข้าที่ขมับ
"แต่ฉันยังไม่พร้อม" เอโกะบอก
"อ้าว..." จอร์ชร้อง
"ปัญหามันมีอยู่ว่า ไอ้เครื่องแสกนความฝันมันต้องมีตัวเชื่อมสัญญาณ จะเป็นคน สถานที่ หรืออะไรก็ได้ที่มันเชื่อมโยงกัน เครื่องมันถึงจะสามารถระบุพิกัดได้"
"ฉันไง...ฉันเคยไป" แบมบอก
"คราวนั้น มันไปที่บ้านบุญเพ็ง แต่คราวนี้เราไม่รู้ว่าที่ไหน"
"แล้วไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอ" แอนนาถาม
"ก็ถ้าร่างปิ่นอยู่ตรงนี้ เราก็สามารถเชื่อมไปหาวิญญาณของเธอได้"
"อ้าว...งั้นที่เตรียมมาทั้งหมดก็เสียเปล่าสิครับ"
หมอท็อป แอนนา แบม มองไปที่เอโกะคนเดียว
เอโกะแสยะยิ้มเบาๆ
"เดี๋ยวๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางนะ แค่บอกถึงปัญหา"
"อ้าว..ก็แสดงว่ามีทางออกสิ" แอนนาว่า
เอโกะพยักหน้า
"โธ่..แล้วจะเกริ่นนำทำไมตั้งนานสองนาน" แบมว่า
"ใช่...มีอะไรก็รีบๆบอกมาสิ"
เอโกะชี้ไปที่หมอโจ้
"นี่ไง"
ทุกคนมองไปที่หมอโจ้ แบบงงๆ และสงสัย
"นี่ไง..ตัวเชื่อมสัญญาณ หมอโจ้เป็นสามีของปิ่น ความผูกพันขนาดนี้สามารถที่จะเชื่อมต่อเข้ากับวิญญาณของปิ่นได้"
"ได้เลยครับ"
เอโกะเรียก "พี่จอร์ช"
จอร์ชรีบนำส่วนของเครื่องที่ติดขมับมาใส่ให้หมอโจ้ จอร์ช Set upเครื่องนิดหน่อย และพยักหน้าไปทางเอโกะที่รออยู่หน้าคอม
เอโกะมองหน้าคอมไม่มีสัญญาณอะไรขึ้นมาเลย
"พี่จอร์ชกดปุ่มStart ที่เครื่องรึยัง"
จอร์ชมองอีกที
"กดแล้วนี่ครับ"

เอโกะมองที่หน้าคอม ด้วยอาการงุนงงสงสัย พยายามปรับจูนยังไงก็ไม่สำเร็จ
"ทำไมไม่มีสัญญาณ"
เอโกะกดปุ่ม Start ของเธอกับแบม เกิดสัญญาณ connect ขึ้นมา
"เครื่องก็ไม่เสียนี่"
แอนนาแสดงความคิดเห็นขึ้นมา
"เป็นไปได้ไหม ที่ตัวรับสัญญาณคือปิ่น ไม่ตอบสนองกับสัญญาณนี้"
"จะเรียกง่ายๆว่า ไม่ยอมรับคนนี้ว่างั้นใช่ไหม" แบมว่า
เอโกะพยักหน้าแบบจ๋อยๆ
หมอท็อปเดินไปถอดเครื่องที่สวมอยู่กับขมับของหมอโจ้ออก
"ชัดเจนแล้วว่าปิ่นไม่รับยอมรับนาย"
"นายหมายความว่าไง" หมอโจ้ถาม
"รู้อยู่แก่ใจแล้วนี่....นายไปซะเถอะ"
หมอโจ้จ๋อยเดินออกจากห้องไป ทุกคนมองตามหมอโจ้
"อ้าวเห้ย..มันยังไงกันเนี่ย ?" แบมว่า
แอนนาเข้าไปต่อว่าหมอท็อป
"อะไรของคุณกันนี่..แล้วทีนี้เราจะเชื่อมสัญญาณกันอย่างไง"
หมอท็อปเดินไปที่มุมห้องแล้วหยิบกรอบรูปขึ้นมาและยื่นให้แอนนามองดู
"แล้วถ้าสายเลือดเดียวกัน ยังเป็นห่วงและหวังดีต่อกันจะเชื่อมติดไหม"
"อ๋อ..เป็นพี่น้องกัน..ไม่บอกตั้งแต่แรก"
เอโกะยิ้มขึ้นมาและพยักหน้า
"เยี่ยม...งั้นเริ่มงานกันเลยดีกว่า...พี่จอร์ช"
จอร์ช ช่วยติดตั้งเครื่องแสกนความฝันเข้าที่ขมับของหมอท็อป เอโกะมองไปที่หน้าจอคอม มีสัญญาณเกิดขึ้น เอโกะยิ้มพอใจและพยักหน้าให้ทุกคน แอนนา แบม กดปุ่มสตาร์ทเครื่อง เอโกะดูช่องสัญญาณ Set upระบบหน้าจอคอมและใส่เครื่องเตือนภัยที่ข้อมือของเธอ
"พี่จอร์ชพร้อมไหม"
"พะ พะ พร้อมครับ"
"จำไว้นะ คอยสังเกตหน้าจอ ถ้าต้องการส่งสัญญาณเตือนภัยให้กดที่ปุ่มนี้นะ แต่ถ้ามีคลื่นกระตุก หรือพวกหนูส่งสัญญาณเตือน ปี๊บ..ปี๊บ ก็แปลว่าต้องการตื่นแล้ว ให้รีบกดเอนเตอร์ตรงนี้ทันที"
"ปี๊บ...ปี๊บๆๆๆ"
เอโกะใส่เครื่องแสกนความฝันที่ขมับเธอ แล้วส่งต่อยานอนหลับให้ทุกคน
"หมอท็อปคิดถึงปิ่นไว้ เราทุกคนจะเชื่อมต่อเธอผ่านคุณหมอ เอาละ....ทุกคนจับมือกันไว้"
เอโกะจับมือแบม แบมจับมือแอนนา
หมอท๊อปมองหน้าแอนนา แต่ไม่กล้าจับมือ
แอนนามองหน้าหมอเลยกระชากมือหมอท๊อปมาจับเอง
"แหม ฉันไม่กัดหรอกน่า ตอนนี้หมอคิดถึงปิ่นอย่างเดียวพอ"
หมอท็อปฝืนยิ้มให้ ทุกคนหลับตาลง จอร์ชมองไปที่ Metronome ที่ขยับไปมา

ณ ห้องดำที่มีเพียงแสงสว่างจากด้านบนลงมา ใต้แสงสว่างนั้น หมอท๊อป แอนนา แบม เอโกะ
"นี่สินะคือประตูทางเชื่อม" เอโกะว่า
"เอาไงกันต่อดีล่ะ" แบมถาม
"คงต้องเดินตรงไปข้างหน้า"
"งั้นพวกเราเดินกันเลยดีกว่า" แอนนาบอก
"แล้ว...แล้วผมล่ะ"
แอนนามองหมอท็อปที่ยังจับมือเธออยู่
"ของหมอก็ต้องเริ่มจากปล่อยมือฉันก่อน"
หมอท็อปรีบปล่อย
"อะ...เออ ขอโทษครับ"
เอโกะส่งหางตามองแบมและแอบยิ้ม
"หมอท็อปต้องอยู่ที่นี่นะคะ...เฝ้าที่ประตูทางเชื่อมเอาไว้"
หมอท็อปสงสัย
"ทำไมละครับ ผมจะเข้าไปช่วยน้องสาวผม"
"คือดวงจิตของคุณหมอยังไม่แข็งแรง เพราะไม่เคยถูกฝึกให้มาเจอกับเรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดฝืนใช้พลังงานมากกว่านี้ เกรงว่าจะเกิดอันตรายและอาจจะทำให้พวกเราติดอยู่ที่นี่ตลอดไป"
"แต่...."
"หมอเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ..ส่วนเรื่องของคุณปิ่นให้พวกเราจัดการเองนะ ฉันสัญญา" แอนนาบอก
หมอท็อปจำใจพยักหน้ารับคำ ทุกคนรีบเดินหน้าไปในความมืด

ปิ่นนั่งอยู่กลางเวทีโดยที่ไม่มีหม่อนและไหม เธอมองไปที่เก้าอี้คนดูว่างๆ ปิ่นได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักทางด้านซ้าย เธอหันตามเสียง ตรงเก้าอี้คนดูด้านซ้าย หม่อนและไหมหวีผมให้กันและกัน
"สวยจังเลย"
"แต่ฉันสวยสู้พี่ไม่ได้หรอก"
"น้องหม่อน ปากหวานอย่างนี้ต้องให้รางวัล"
ไหมหอมไปที่แก้มของหม่อนและเริ่มต่อด้วยซอกคอ หม่อนเองก็หัวเราะคิกคัก
จู่ๆเสียงก็ดังมาจากอีกทาง ปิ่นหันตามเสียงนั้นไป....ก็เห็นไหมกับหม่อนไปโผล่อยู่อีกที่
"บ้า..เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก" หม่อนบอก
ไหมหอมไล้ไปตามต้นแขนของหม่อน...
เสียงแว่วมาอีกทิศทางนึ่งของโรงละคร ปิ่นหันตามเสียง....ก็เห็นไหมกับหม่อนโผล่อยู่อีกที่

"ไม่มีใครเห็นหรอกน่า" ไหมบอก
หม่อนเริ่มหอมแก้มไหมตอบ
ปิ่นตกใจมากที่จู่ๆหม่อนกับไหมก็ไปโผล่แวบไป-มาได้
ทันใดนั้นเอง....ริมฝีปากของหม่อนก็เข้ามาข้างหูของปิ่น
"จะไม่ลองมาเป็นแบบพวกเราเหรอ...ปิ่นคนสวย"
ปิ่นหันไปตามเสียงเป็นหม่อน ด้านหนึ่งเป็นไหมที่ยืนยิ้มยั่วยวน ทั้งสองคนขึ้นมาอยู่บนเวทีตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
หม่อนเดินไปหาไหมผ่านตัวของปิ่นไป แต่สายตาทั้งคู่ไม่ละจากปิ่นเลย
หม่อนเข้าไปกอดไหมและแลบลิ้นออกมาเลียที่ใบหูของไหม ทั้งคู่ผลัดกันเลียที่หู และค่อยแลกลิ้นซึ่งกันและกันโดยที่ดวงตาจ้องมองมาที่ปิ่น
ปิ่นหัวเราะจั๊กจี๋ ขาทั้งสองข้างขยับเข้าหากัน ลำตัวเริ่มบิดไปมาด้วยความเคลิบเคลิ้ม
"ฮิๆๆๆ พี่ไหม น้องปิ่นเริ่มของขึ้นแล้ว"
"ปิ่นจ๋า..เธอก็รู้สึกเหมือนเราสองคนใช่ไหม"
ปิ่นเก็บอาการกลืนน้ำลาย พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด ทั้งๆที่เสียวซ่านไปหมด
"ใครๆก็หาว่าเรานั้นวิปริตผิดเพศ " หม่อนบอก
"ประหลาดบ้างละ"
"ทำไมสังคมถึงไม่ยอมรับความเป็นเราทั้งคู่"
"เราไม่ได้ประหลาด เราไม่ได้หนีจากสังคม แต่สังคมมันโยนเราออกมาต่างหาก" ไหมบอก
"เราผิดอะไรแค่เรารักกัน"
"เราผิดเหรอ?" ไหมว่า
ปิ่นหอบหายใจถี่....
"เรามีตัวตนที่โรงละครนี่" หม่อนว่า
"ทำให้เขาเห็นไปเลย ว่าเราเป็นยังไง"
เหลือเพียงเสียงหม่อนและไหมเบาหวิว ลอยหายไปในอากาศ
ปิ่นสะดุ้งทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ร่างสั่นสะท้าน..!
"เรารู้นะจ๊ะ ว่าเธอก็ประหลาดอย่างเรา" เสียงหม่อน ไหมดังเข้ามา
"ปิ่นจ๋า..ผู้ชายน่ะช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก" หม่อนบอก
"ปิ่นจ๊ะ..พวกเรารักเธอนะ"
หม่อน ไหมชักชวน
"มาอยู่กับเราเถอะ.."
ปิ่นเริ่มเคลิ้มและกอดตอบหม่อนและไหม ทั้งสามก่ายพันร่างกันและกัน
เสียงตบมือดังขึ้นอย่างกึกก้อง
ปิ่นลืมตามองไปที่เก้าอี้ผู้ชม มีกระจกแตกต่างขนาดกันวางเต็มที่นั่งคนดู สะท้อนให้เห็นภาพตัวเธอหม่อนและไหม

แอนนา แบม เอโกะ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง อาวุธครบมือจนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูโรงละคร
แอนนาพยายามเปิดประตู...มันล๊อค
แบมกำหนัดแน่น พลังถุงมือถูกชาร์ตจนเต็ม เธอส่งสายตาให้ทุกคนขยับออกไปไกลประตูแล้วชกไปที่ประตูเต็มแรง !

ปัง.....ประตูเปิดออก
หม่อนไหมและปิ่นหันขวับไปที่ประตู ทุกคนเดินเข้ามาในโรงละคร ใบหน้าของหม่อนและไหมกลายเป็นผีร้ายด้วยความโกรธ แบมมองไปที่ผีหม่อนและผีไหม
"กลับมาเจอกันจนได้นะ นังผีวิปลิส"
เอโกะมองไปที่แอนนาและชี้ไปที่ปิ่น
"คนนั้นคือปิ่นใช่ไหม"
"น่าจะใช่"
"งั้นแอนนา....เธอวิ่งไปช่วยปิ่นก่อน ส่วนนังผีสองตัวนี้..ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง"
"ได้เลย !"
"เข้ามาเลย....นังผีโรคจิต"
ผีหม่อน-ผีไหมแยกเขี้ยวแล้วแวบหายอย่างรวดเร็ว
"แอนนา....ไป" เอโกะสั่ง
แอนนาวิ่งออกด้านข้าง....แต่จู่ๆ ผีไหมก็เปลี่ยนทางตามแอนนาไป แบมวิ่งเข้าไปขวางแล้วต่อยผีไหมเข้าเต็มใบหน้า ผีหม่อนตามหลังมาตบแบมล้มไป มันจะเข้าซ้ำแต่โดนยิงกระสุนน้ำมนตร์เข้าอย่างจัง
เอโกะกดยิงปืนน้ำมนต์ซ้ำๆ ผีหม่อนร่วงลงบนพื้นแล้วสลายร่างไป แอนนาวิ่งตรงไปหาปิ่นบนเวที
เอโกะกับแบมรีบวิ่งไปคุ้มกันแอนนา

ณ บ้านปิ่น บนโต๊ะ....แก้วกาแฟกระดาษซึ่งตอนนี้เหลือแต่คราบกาแฟที่ซ้อนทับเกือบ 10 แก้ว
จอร์ชนั่งมองเครื่องแสกนความฝัน พยายามฝืนความง่วงด้วยการสะบัดคอไปมา เสียงเท้าคนเดินเข้ามาในห้องจอร์ชหันไปมอง
หมอโจ้เดินเข้ามาในห้อง

แอนนาวิ่งขึ้นบนเวทีเพื่อไปรับปิ่น ผีหม่อน ผีไหมปรากฏกายบนมาจากเวทีอย่างรวดเร็ว
"กล้าดีมากนะ" หม่อนว่า
"พวกแกตาย" ไหมบอก
แบมและเอโกะที่กำลังวิ่งอยู่ด้านล่างเวที ตกใจที่เห็นผีหม่อน-ไหมโผล่ออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
ผีไหมใช้กงเล็บจะตะปบเข้าที่หน้าแอนนา
แอนนาพลาดท่าล้มลง แล้วรีบยันตัวลุกขึ้นสะบัดดิ้วไฟฟ้า ขึ้นมาแล้วยกกันการจู่โจมได้ทันท่วงที
"อ๊าส" ผีไหมร้องลั่น
ผีหม่อนจะตรงเข้าช่วย
เอโกะรีบยิงลูกกระสุนน้ำมนต์ไปที่ผีหม่อนจนเสียหลักไป ผีหม่อนใช้มือสะบัดเก้าอี้เข้าหาเอโกะ
เอโกะโดนเก้าอี้กระแทกล้มลง แบมกระโดดขึ้นเวทีจะชกเข้าไปที่ผีหม่อน แต่ผีหม่อนรีบสลายร่างหนี
ผีไหมออกแรงผลักแอนนาเสียหลักล้มลงแล้วก็รีบสลายร่างหนีเช่นกัน
เอโกะแบมและแอนนายืนรวมตัวอยู่บนเวทีคอยปกป้องปิ่น
"ฮิ ฮิ ฮิ ฮา ฮา ฮา ฮิ ฮิ"
เสียงหัวเราะของผีหม่อนผีไหมดังขึ้นอีกจุดหนึ่งของโรงละคร-ฝั่งเก้าอี้คนดู ทุกคนหันไปมองตามเสียงแต่ไม่เห็นผีทั้งสองตน

หมอโจ้มองดูทุกคนที่อยู่ในภาวะหลับลึกอย่างสงสัย จอร์ชเริ่มไม่ไว้ใจ
"มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ...คุณหมอโจ้"
"ทำไมทุกคนเป็นแบบนี้ "
"ใจเย็นๆครับ..คะ...คือ จะอธิบายยังไงดีหว่า"

กลางเวที สามสาวมองไปรอบๆอย่างระวังตัว
"แอนนา...เธอพาปิ่นหนีออกไปก่อนนะ" แบมบอก
แอนนาพยายามที่จะอุ้มปิ่น แต่ปิ่นกลับดิ้น สะบัดตัว ไม่ยอมไปกับแอนนา
"อย่ามายุ่งกับกู...หม่อน ไหม ช่วยด้วย"
ปิ่นดิ้นอย่างสุดแรง
แอนนามองหน้าปิ่นจึงตัดสินใจชกไปที่ท้องน้อย ปิ่นสลบลง
เอโกะเจ็บแทน... อูยส์

"รีบไปที่ประตูทางเข้า !" แบมบอก

แอนนากำลังประคองปิ่นที่สลบอยู่ตรงไปที่ประตู ประตูโรงละครถูกปิดพร้อมกัน"ปัง"

แบมและเอโกะพยายามงัดประตูแต่ไม่สำเร็จ
"พวกแกหนีไม่รอดหรอก" ผีหม่อนบอก
"ใช่....พวกแกต้องวนเวียนอยู่ในนี้ตลอดไป"
แอนนามองไปที่ด้านหลังเวที
"ประตูหลังเวที "
"อือม์....ไปเลย ฉันกับเอโกะระวังหลังให้เอง" แบมบอก

ทั้งสามรีบพาปิ่นไปทะลุม่านแดงไปด้านหลังเวทีทันที

ฝ่ายหมอท็อปเดินไป-มาด้วยความกังวล เขาได้ยินเสียงคนทุบประตูและเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของแอนนา หมอท็อปตัดสินใจทิ้งประตูเชื่อมแล้วเดินตามเสียง...หายลับไปในความมืด

ด้านหลังโรงละคร เต็มไปด้วยเศษไม้ กองผ้าและอุปกรณ์ประกอบฉากถูกวางทิ้งไว้ระเกะระกะ มีประตูทางเชื่อมอยู่หลายประตู
แอนนาประคองร่างของปิ่นที่สลบอยู่เข้ามา เธอมองไปทางซ้ายที-ขวาทีแล้วจึงตัดสินใจวิ่งไปทางหนึ่งเพื่อเปิดประตูออกไป
ชั่วครู่แบมและเอโกะวิ่งเข้ามาที่หลังโรงละครเช่นกัน
"เอาไงดีแบม ?"
แบมมองไปซ้าย ไปขวา เธอจึงตัดสินใจ
"ทางนี้"
ขณะที่แบมและเอโกะวิ่งไปนั้น แอนนาเปิดประตูอีกด้านหนึ่งเข้ามา
"เอโกะ"
เอโกะและแบมหันไปมองแอนนากับร่างของปิ่น
"เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ไง"
"ฉันสิต้องถามเธอว่ามาตรงนี้ได้ไง แอนนาว่า
"เสียเวลา" แบมว่าพลางชี้ไปที่อีกทางหนึ่ง "ทางนี้ เร็ว!"
เอโกะ แบม แอนนากับร่างของปิ่น ออกประตูไป
หลังโรงละครเหมือนเดิม แต่ประตูอีกทิศทางหนึ่งเปิดออก
แบม เอโกะ แอนนา และปิ่นกลับเข้ามาที่เดิม
"เอาแล้วไง"
"ประตูพวกนี้ มันเป็นเขาวงกต"
"แล้วเอาไงทีนี้?"
แอนนาทุบประตูอย่างแรง
"หมอท็อป....หมอท็อป"

หมอท็อปวิ่งมาที่หน้าประตูโรงละครด้วยอาการที่หอบหืด หายใจแรงๆ เหนื่อยกว่าปรกติ
เสียงร้องของแอนนาหลังประตู ทำให้เขาออกแรงเขย่าประตูสุดกำลังจะกระทั่งเปิดออก
แอนนาที่ประคองปิ่นไว้มองหมอท็อปอย่างดีใจ
"หมอท๊อป!"
หมอท็อปหอบหายใจแรงแต่ยังฝืนยิ้มให้

"ปิ่นเป็นไงมั่ง"
"เธอสลบไปน่ะ...แต่เดี๋ยวเธอก็คงจะดีขึ้น....รีบไปกันเถอะ"
"อ้าว...แล้วแบมกับเอโกะล่ะ "
"พวกเราแยกกันหาทางออก ตอนนี้เราไปรอที่ประตูทางเข้าก่อนเถอะ"
หมอท๊อปอึกอัก
"เราต้องช่วยปิ่นก่อนนะ"
หมอท็อปพยักหน้ารับแล้วรีบประคองสองสาวไปทันที

ร่างหมอท็อปซึ่งหลับอยู่เกิดเริ่มหายใจหอบแรงขึ้น เหงื่อแตกทั่วใบหน้า ตี๊ด....ตี๊ด....เสียงโทรศัพท์มือถือของหมอท๊อปดังขึ้น
หมอโจ้ถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์มือถือข้างตัวหมอท๊อปขึ้นมา
โทรศัพท์สายเรียกเข้าหน้าจอ "โรงพยาบาล" หมอโจ้ตัดสินใจรับสาย...
"นี่ผมหมอโจ้..เพื่อนหมอท๊อปนะครับ อะไรนะครับ?....ผลตรวจซ้ำของคุณปิ่น"
หมอโจ้ฟังเสียงปลายสายด้วยความตกใจ เขามองไปรอบๆก็เห็นซองเอกสารของโรงพยาบาลจึงรีบเปิดดูแล้วถึงกลับเข่าอ่อน
"ทำไม....ทำไมไม่มีใครบอกผมเลย"
หมอโจ้กดวางสายแล้วหันไปมองหมอท็อปที่หลับอยู่...น้ำตาซึม
"ทำไมแกไม่บอกฉันว่ะ....ทำไม"
จอร์ชงง
จู่ๆร่างหมอท็อปก็สะดุ้งและหายใจขัดเหมือนสำลักอากาศ หมอโจ้รีบจับชีพจรและมองไปที่เข็มนาฬิกาข้อมือ หมอโจ้ตกใจมองไปที่พี่จอร์ช
"ชีพจรอ่อนลง....ต้องแจ้งโรงพยาบาล"
"อะ..เออ ถ้าขนาดนี้ ผมก็ต้องการคนช่วยเหมือนกันครับ"

เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น พิมที่กำลังดูข้อมูลหม่อนกับไหมบนโปรเจคเตอร์ รับโทรศัพท์ สีหน้าเคร่งเครียด

หมอท็อปประคองแอนนาและปิ่นด้วยความเหนื่อยอ่อนเหมือนจะขาดใจ
"เมื่อกี้ทางเข้ามา มันไม่ไกลขนาดนี้.....ทำไม"
"ใช่ทางนี้เหรอ? เหมือนเราเดินวนไปมาเป็นสิบรอบแล้วนะ"
"นั่นนะสิ....นั่นนะสิ"
แล้วหมอท็อปก็ล้มลง ทำให้แอนนาต้องรีบประคองปิ่นเอาไว้
"ผม....ผมพา....พวกเราหลง.....ทางซะแล้วล่ะ"
"ไหวมั้ยค่ะ"

หมอท็อปหอบหายใจหนักขึ้นเขากวาดตามองออกไป ก็เห็นแอนนาประคองปิ่น ตามแบมและเอโกะอยู่ทางเดินไกลๆ เขาขมวดคิ้วด้วยความสับสนจึงหันกลับไปมอง ข้างๆหมอท็อปกลับกลายเป็นผีไหมและหม่อนยืนหัวเราะร่าด้วยความสะใจ
"ไหวมั้ยค่ะ" ผีไหมว่า
ผีหม่อนบอก "คุณหมอรูปหล่อ"
หมอท็อปตกใจกลัวสุดขีดพยายามถอยหนี โดยผีไหม-หม่อนเดินตามคลอเคลียและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างใจเย็น เขามองเห็นแอนนาอยู่ไกลๆ ตะโกนเรียก
"แอนนา...แอนนา!"

จอร์ชพยายามหยิบกระดาษมาพัดให้กับร่างของหมอท็อป ที่ตอนนี้บีบมือแอนนาแน่น
หมอโจ้วางสายโทรศัพท์
"เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอโจ้"
"ผมโทร.ให้โรงพยาบาลรีบส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาช่วยแล้ว"
จอร์ชหน้าเสีย พิมเดินถือดาบนางเสือเข้ามาในห้อง
"หมอโจ้ใช่ไหมคะ"
หมอโจ้พยักหน้า...
"เอาละต่อจากนี้ไปทุกคนต้องฟังฉัน และทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง"
"คุณเป็นใคร"
"ช่างเถอะครับ..แต่ต้องฟังคุณพิมทุกอย่าง"
เสียงโทรศัพท์ของหมอโจ้ดังขึ้นอีก พิมมองตาขวางใส่ หมอโจ้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดปิดมือถือไป
"ตอนนี้หมอท็อปเป็นผู้เชื่อมต่ออยู่ใช่ไหมจอร์ช"
"ครับ แต่ตอนนี้หมอท็อปชีพจรอ่อนลง แล้วก็หายใจช้าลงด้วยครับ"
"งั้นถ้าหมอท๊อปเป็นอะไรขึ้นมา แอนนา เอโกะ แบม และปิ่นคงไม่มีหวังกลับมาโลกนี้แน่ๆ"
"ผมไม่เข้าใจ" หมอโจ้บอก
พิมไม่ได้ฟังหมอโจ้ แต่ถามสวนขึ้นทันที
"หมอท็อปมีเวลาเหลือประมาณเท่าไร"
"ตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว..ผมกำลังรอเครื่องมือจากโรงพยาบาล"
"ไม่ทันการณ์หรอก"
"งั้นก็ต้องปั๊มหัวใจไปก่อน"
"ถ้าปั๊มหัวใจ หมอท็อปน่าจะมีเวลาเหลือเท่าไร"
"10นาที"
"งั้นรออะไรอยู่ล่ะ คุณหมอ "
หมอโจ้รีบเข้าไปทำการปั๊บหัวใจของหมอท็อปทันที จอร์ชยืนลุ้นและรอคำสั่งจากพิม
"ปุ่มนี้ใช่ไหม" พิมถาม
จอร์ชพยักหน้า พิมกดปุ่มเตือนภัยบนคอมพิวเตอร์ทันที

เครื่องสื่อสารที่ข้อมือเอโกะก็มีสีแดงขึ้น...
"ทุกคนแย่แล้ว..เราต้องรีบกลับ..พี่จอร์ชส่งสัญญาณมาแล้ว" เอโกะบอก
"แต่ว่าเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงล่ะ....อะอ้าว..เฮ้ย" แบมว่า
แสงของถุงมือของแบมค่อยกระพริบแล้วดับลง
"ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ"
"แหะๆ แบตหมด...ลืมชาร์ต"
"งั้นพวกเรายิ่งต้องรีบไปเจอหมอท็อปที่ทางออกให้ได้"
เสียงหมอท็อปเรียก
"แอนนา"
ทุกคนหันไปมอง หมอท๊อปเดินออกมาจากความมืดโดยมีผีหม่อน-ไหมจับไว้เป็นตัวประกัน
ผีหม่อนบอก
"พวกแกหนีไม่รอดหรอก"
"ไม่มีใครช่วยได้....พวกแกต้องวนเวียนอยู่ในนี้จนตาย" ผีไหมบอก
"เว้นแต่ว่า...แกส่งปิ่นมา...แล้วเอาผู้ชายของแกไป"
ปิ่นค่อยๆลืมตาขึ้น
"พี่ท็อป....ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่"
หมอท็อปยิ้ม
"ปิ่น...ปิ่นกลับไปกลับคนพวกนี้ซะเถอะ"
"ไม่...ปิ่นจะอยู่ที่นี่...หนูจะไม่กลับไปอยู่กับไอ้ผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้นอีก"
"แต่....อ๊ากส"
ผีหม่อนดึงคอของหมอท๊อปขึ้น เขาร้องอย่างเจ็บปวด
"ได้...ได้...เราแลกตัวกัน" แอนนาบอก
แอนนาดันตัวปิ่นให้แบมจับไว้ ทั้งสามค่อยๆเดินเข้าหา ผีหม่อน-ไหม
ผีหม่อน-ไหมยิ้มชอบใจและดันตัวหมอท๊อปให้เดินไปข้างหน้า เมื่อมาถึงตรงกลางปิ่นสะบัดตัวออกแล้วเดินผ่านไปที่หมอท๊อป
"พี่ท็อป...หนูขอโทษ"
ผีหม่อน-ไหมบอก
"มาหาเราสิจ๊ะ...ปิ่น"
หมอท๊อปคว้าแขนปิ่นเอาไว้ เขามองหน้าน้องสาว

"ปิ่น....เธอท้องสามเดือนแล้ว"
ปิ่นตะลึง
"เธอกำลังจะแม่คนแล้วนะ...เธอจะทิ้งลูกได้ลงคอเหรอ"
ปิ่นน้ำตาไหล หมอท๊อปพยายามประคองร่างและหายใจ
"กลับบ้านเราเถอะ"
แล้วหมอท็อปก็หมดสติไป....ปิ่นประคองและกอดร่างเขาไว้แน่น
"พี่ท็อป!"
ผีหม่อน-ไหมจ้องมองปิ่นเริ่มโกรธ
"มาอยู่กับเราเดี๋ยวนี้"
"มาหาพวกกูเดี๋ยวนี้"
ปิ่นเงยหน้า "....ไม่...!"
แอนนายักไหล่ ยิ้มยียวนแล้วสะบัดดิ้วในมือออกมา
"เสียใจด้วยนะ.....เกมส์เปลี่ยนซะแล้ว"
เอโกะเดินเข้ามาเล็งปืน ในขณะที่แบมพาปิ่นและหมอท๊อปหลบไป
"อ๊าส"
ผีหม่อน-ไหมกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บแค้นแล้วแยกกันพุ่งเข้าใส่คนทั้งคู่ เอโกะยิงปืนน้ำมนต์เข้าใส่ ผีหม่อนหลบหลีกอย่างว่องไว แล้วตะปปเอโกะล้มลง เอโกะร้องด้วยดวามเจ็บ พยายามง้างปืนมาจ่อที่หน้าผีหม่อนแล้วกดไกค้าง... กระสุนน้ำมนต์เข้าโหมดออโต้รัวไม่ยั้ง
"อ๊ากส"
ผีหม่อนแวบหายไปกรีดร้องเจ็บปวด
ผีไหมพุ่งเข้าคว้าร่างแอนนา เธอหวดดิ้วหวืดไป
ผีไหมจะเข้าจับจากด้านหลัง แต่แอนนาพลิกตัวได้แล้วล็อกดิวเข้าที่ตัวของผีไหม
ผีไหมร้องเจ็บปวดแล้วแว่บหายไปเช่นกัน
"รีบหนีกันเถอะ...หมอท็อปไม่ได้สติแล้ว"

ฝ่ายหมอโจ้กำลังปั๊มหัวใจของหมอท๊อปอยู่ จอร์ชมองเห็นสัญญาณในจอคอมกระพริบแปลกๆ
"คุณพิมครับ...ดูสัญญาณในจอนี่ซิครับ"
พิมเห็นสัญญาณวนไป-มาอยู่ที่เดิม
"หรือว่า...พวกเขาหาทางออกไปไม่เจอ หมอโจ้...คุณมีธูปไหม"
หมอโจ้พยักหน้า
"ลิ้นชักในห้องครัวครับ"
พิมมองหน้าพีจอร์ช จอร์ชรีบวิ่งออกไปทันที

ทุกคนวิ่งหาทางออกจนเหนื่อยอ่อน

"เอาไงดีเนี่ย ? ฉันว่าเราวนตรงนี้มาเป็นสิบรอบแล้ว" เอโกะบอก
แอนนาที่ช่วยปิ่นประคองหมอท๊อปมองไปรอบๆ
"คนเฝ้าทางเชื่อมก็สลบไปแล้วด้วย"
"เดี๋ยวก่อนๆ"
แบมทำจมูกฟุดฟิด
"ฉันว่า...ฉันได้กลิ่นธูป"
ทุกคนรู้สึกเหมือนกัน
"อือม์...จริงด้วยแฮะ" แอนนาบอก
"อือม์....ธูป...จุดธูปบอก...อาพิม....พวกเรารีบตามกลิ่นธูปไป" เอโกะบอก

ภายในห้องปิ่น พิมจุดธูปกำใหญ่ ปักไว้ด้านหน้า แอนนา แบม เอโกะ หมอท็อปที่กำลังหลับอยู่
หมอโจ้เฝ้าอยู่ข้างร่างของหมอท็อป มองธูปด้วยความสงสัย
"มันจะช่วยได้เรอะครับ"
"ตอนนี้หมอท็อปคงไม่มีแรงพอที่จะพาทุกคนกลับออกมาได้ หวังว่า กลิ่นควันธูปจะนำทางให้กับพวกเขาได้สำเร็จ"
จอร์ชลุ้น

ทุกคนตามควันธูปมาจนถึงห้องดำ แต่แสงสว่างจากด้านบนเหลือลำแสงน้อยลงน้อยเต็มที
ผีหม่อนผีไหมปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง
"ฮิๆๆๆๆ....พวกมึงต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป"
เอโกะยกปืนเล็ง...แชะๆๆๆ
"ซวยแล้ว !"
แอนนาสะบัดดิ้วออกอีกครั้งแล้วเดินออกมาบังทุกคน
"พวกเธอพาปิ่นกับหมอท๊อปไปก่อน"
"แล้วเธอละ" เอโกะถาม
"เรื่องของฉัน ฉันจัดการได้"
แบมบอก "ฉายเดี่ยวอีกแล้วนะ"

ผีหม่อนกับผีไหมยิ้มแสยะแล้วกรีดร้องโหยหวน
"ไปซะ" แอนนาตะโกนสั่งเสียงดัง

เอโกะกดปุ่มฉุกเฉินที่ข้อมือ สัญญาณเสียงปี๊บ....ปี๊บ
ผีหม่อน-ไหมกระโจนเข้ารุมแอนนา แอนนาเสียหลัก ล้มลง แบมปล่อยตัวปิ่นแล้วรีบวิ่งเข้าไปช่วย

"แอนนา"

แวบขาวเข้ามาอย่างรวดเร็ว....

แบมสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาพร้อมเอโกะ เธอมองไปที่แอนนา
แอนนาก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาเช่นกัน เธอขยับลุกขึ้นแต่ยังเซอยู่
"หมอท็อปเป็นไงมั่ง"
หมอโจ้ที่กำลังปั๊บหัวใจหมอท็อปอยู่และจับชีพจรของเขา
"พี่ท็อป...พี่ท็อป"
ปิ่นเดินซวนเซออกมาจากด้านหลังของกระจก
"พี่ฉันอยู่ไหน"
แบมและเอโกะรีบเข้าไปประคองมาที่ร่างของหมอท็อป
"ตื่นสิพี่...ตื่น....ตื่น"
ปิ่นร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง แต่หมอท็อปก็ยังนิ่งอยู่ เธอฟุบหน้าร้องไห้กอดพี่ชาย
หมอท็อปรู้สึกตัวพูดแผ่วเบา
"เบาๆสิ เดี๋ยวฉันก็ช้ำในตายหรอก"
ทุกคนตกใจ ในขณะที่ปิ่นดีใจสุดขีด
เสียงผีหม่อน-ไหมดังเข้ามา
"อีปิ่น...อีแพศยา"

ทุกคนหันขวับไปมอง ผีหม่อน-ไหมกำลังจะกระโจนนออกมาจากกระจก
หมอโจ้ดึงปิ่นแล้วเอาตัวบังไว้ ทุกคนตกใจทำอะไรไม่ถูก กระจกเกิดรอยหน่วงขึ้นในขณะผีหม่อน-ไหมกำลังจะพุ่งออกมา พิมเอาตัวขวางทุกคนไว้ ชักดาบฟันใส่กระจกอย่างรวดเร็ว
"จงกลับไปภพภูมิของมึง !"
เพล้ง!! ...กระจกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องโหยหวนผีหม่อน-ไหม.......
ปิ่นกอดตอบหมอโจ้แน่นด้วยความกลัว หมอท็อปมองคนทั้งคู่แล้วยิ้มด้วยความโล่งใจ.....

เช้าวันใหม่ แสงแดดอบอุ่น อากาศสดชื่น.... มอเตอร์ไซด์แอนนาวิ่งเข้ามาจอดหน้าร้านกาแฟน่ารักแห่งหนึ่ง เธอลงจากรถแล้วเดินเข้าไปภายใน
แอนนาทรุดนั่งฝั่งตรงข้างหมอท็อปที่กำลังจิบกาแฟสบายอารมณ์ เขามองหน้าเธออยู่นาน
"ไงคะคุณหมอ....จะจ้องหน้าฉันอีกนานมั้ยเนี่ย"
หมอท็อปก้มหน้ายิ้ม
"ผมก็แค่อยากขอบคุณ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี"
"ก็เลยเลี้ยงกาแฟฉัน"

หมอท็อปยิ้มไม่รู้จะพูดยังไง
"เรื่องแค่นี้เอง...ส่งLineมาก็ได้"
"แต่ผมไม่มี..."
พนักงานเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ บทสนทนาหยุดลง....ชั่วครู่
"เออ...จริงสิ แล้วตอนนี้หมอโจ้กับปิ่นเป็นไงมั่ง"
"ก็ปรับความเข้าใจกันแล้ว หลังจากมีลูก...ทั้งคู่คงรักกันมากขึ้นละมั้งครับ"
"ดีจังเลย"
ทั้งคู่นิ่งนานเหมือนรออะไรบางอย่าง ในที่สุดแอนนาก็ลุกขึ้น.
"โอเค..ทุกอย่างจบลงด้วยดีก็ดีแล้ว...งั้นฉันไปล่ะ"
หมอท็อปรีบจับมือแอนนาไว้
"ผม... ผมไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไง? จริงๆนะ"
แอนนาหยุดแล้วหันไปดึงปากกาจากพนักงานเสิร์ฟ จดอะไรบางอย่างลงบนมือหมอท๊อป
"อันนี้ไอดีส่วนตัวของฉัน ถ้าหมอท็อปคิดออกก็ไลน์บอกมานะคะ"

แอนนาแอบอมยิ้มเดินจากไป หมอท็อปจ้องมองที่มือของตัวเองแล้วยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน....
 
(อ่านต่อตอนที่ 6)
กำลังโหลดความคิดเห็น