หน้ากากนางเอก ตอนที่ 15
สองสาวมาที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง ตามที่นัดกับทีมงานไว้ ทั้งสองเดินเข้ามาแบบเก้ๆกังๆไม่กล้าเข้า
“ที่นี่แน่เหรอมะม่วง”
“อื่อ...เดี๋ยวมะม่วงโทรหาทีมงานก่อนดีกว่า”
เวฬุยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหา ทีมงานก็เดินออกมาพอดี
“อุ๊ย...สวัสดีคะคุณมะม่วงคุณเขม...ดีใจจังเลยคะ ที่วันนี้ได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณมะม่วงกับคุณเขม...พอดีพี่แอบปลื้มอยู่น่ะคะ...ละครทุกเรื่องผลงานทุกชิ้นพี่ติดตามดูตลอดเลยนะคะ พอคุณมะม่วงกับคุณเขมตอบตกลงว่ายอมมาแทนดาราคนเก่า พี่นี่กรี๊ดดๆๆแทบสลบเลยคะ” เค บอก
สองสาวได้แต่ยิ้มๆเพราะไม่มีโอกาสพูด และเคก็ไม่ปล่อยโอกาสให้สองสาวได้พูด เคยังใส่ข้อมูลต่อไป
“เดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังคร่าวๆก่อนเลยนะคะว่า...คอนเซ็ปของเราวันนี้เนี่ยต้องบอกว่าสเปเชียลสุดๆๆๆๆเลยนะคะ เพราะว่าเป็นงานชิ้นแรกที่คุณอเดมัวร์ ดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส ได้รีเควชจ้างให้คนไทยทำเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะนางแบบเค้าก็ขอให้เป็นคนไทยด้วยนะคะ...และนี่เดี๋ยววันนี้เราก็จะถ่ายแบบกันไปและส่งภาพไปให้คุณอเดมัวร์พรูฟกันสดๆแบบออนไลน์เลยด้วยนะคะ...อุ๊ยตายละ...พี่มัวแต่ชวนน้องๆเม้าท์ เดี๋ยวเราเข้าไปแต่งหน้าทำผมกันก่อนดีกว่านะคะ เชิญด้านนี้เลยคะ”
เคพาสองสาวเดินเข้าไปด้านใน
มุมหนึ่งไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก ปราชญ์โผล่หน้ามาแอบมองอยู่ ไม่นานก็มีหน้าแทนไทโผล่ตามออกมาอีกคน แทนไม่เห็นสองสาวอยู่แล้วก็ตกใจ
“อ้าว...สองคนนั้นไปไหนแล้วหละ...หรือว่าหนีไปแล้ว”
ปราชญ์มองตามไปอย่างยิ้มๆ
“หนีไปอะไรเล่า..เข้าไปแต่งหน้าทำผมแล้วเว้ย”
“เราต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ...ถ้าเกิดเค้าจับได้ไม่ไปกันใหญ่รึไงวะไอ้ปราชญ์ ทำไมเราไม่เอาเงินให้เค้าไปเลยวะ ไม่ง่ายกว่าเหรอ”
“แกนี่นะ...ฉลาดทุกเรื่องจริงๆ
แทนไทยิ้มคล้อยตามคำพูดเพื่อน
“ยกเว้นเรื่องนี้..แกจะบ้ารึไงวะไอ้แทน..แกคิดว่า สองคนนั้นเค้าจะรับเงินจากเราเหรอวะ”
แทนไทส่ายหน้า
“หรือแกมีทางอื่นที่ดีกว่า.”
“ไม่มี”
“ถ้าไม่มีก็นิ่งๆไว้”
“ก็แล้วทำไมแกถึงไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้วะ”
“ก็แล้วใครมันจะไปคิดทันวะ...คิดการด่วนซะขนาดนี้”
“มันจะเสี่ยงไปป่าววะไอ้ปราชญ์”
“ไม่เสี่ยงหรอกน่า...อันนี้ดีที่สุดแล้ว...เชื่อหัวไอ้ปราชญ์คนนี้สิวะ.”
ปราชญ์ยิ้มอย่างภูมิใจ แทนไททำเป็นชะเง้อไปทางห้องแต่งหน้าทำผม ไม่นานโทรศัพท์ของปราชญ์ก็มีสายโทร. เข้ามา ปราชญ์รีบรับ
“สถานะการณ์ด้านในเป็นยังไงบ้าง”
ในมุมลับตา เคกำลังทำเสียงกระซิบกระซาบรายงานสถานะการณ์ให้ปราชญ์ฟัง
“สถานะการณ์เรียบร้อยเป็นไปตามแผนทุกอย่างเลยคะคุณปราชญ์”
“ดีมาก...จัดการตามที่ผมสั่งระวังอย่าให้หลุดเชียวนะ แล้วคอยรายงานผมเป็นระยะด้วยล่ะ”
“ได้เลยค่า...สิ่งที่คุณปราชญ์ขอมาเคจัดให้ทุกอย่างเลยคะ...รับรองว่างานนี้เคจะไม่ทำให้คุณปราชญ์ผิดหวังแน่นอนคะ”
“ผมเชื่อคุณ...เสร็จงานเมื่อไหร่ผมมีรางวัลให้ไม่อั้น”
“อุ๊ย...ชอบก็ตรงนี้แหละค่า..งั้นเดี๋ยวเคขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
เควางสายแล้ววิ่งกระดี๊กระด๊าเข้าห้องแต่งตัวไป
ตอนเย็น ตึกช่อง Thai series เย็นผ่านเวลา เจ๊เต่าเดินตูดบิดมาที่หน้าห้องพัสดุภัณฑ์
“โอ๊ย ทำไมงานมันหายากหาเย็นอย่างงี้เนี่ย”
จงรักษ์อยู่แถวนั้นพอดี
“ก็บอกแล้วให้ทำงานนี้ก็ไม่ทำ”
“ไม่ล่ะ.... ฉันว่าฉันหางานอื่นได้”
“พรุ่งนี้เปลี่ยนใจมาทำงาน ก็ไม่รับแล้วนะ”
“โอ๊ย...ตามสบายเถอะจ๊ะ” เจ๊เต่าเดินเชิ่ดหน้าออกไป
บริเวณม้านั่งหน้าตึกช่อง Thai series อรัญภัทรยังนั่งอึ้งๆอยู่ ในใจนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้ยินในห้องน้ำ เรื่องที่เบอร์รี่พูดว่าตกลงจะเอาตัวเข้าแลก เพื่อให้ได้เป็นดารา
“การจะได้เป็นดารานี่มันต้องทำอะไรขนาดนี้เลยเหรอ”
เจ๊เต่าเพิ่งลงมาจากตึก ก็เห็นเอี๊ยมนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งพอดี แปลกใจมากเลยเดินเข้าไปหา
“เอี๊ยม...นี่เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ ...นี่ อย่าบอกนะว่ามาอาละวาดใส่คนที่นี่อีก”
“เปล่า ! ทำไมเจ๊ต้องมองเอี๊ยมอย่างงี้ด้วย”
“แหม! ก็ประวัติเราดีนักเชียวล่ะแม่เอี๊ยม แล้วนี่เรามาทำอะไรที่นี่ ตอบมาสิ”
เธอสีหน้าครุ่นคิดฃ
“เจ๊.... ถามหน่อยสิ.... คือ เอี๊ยมก็เคยได้ยินมาเยอะนะ เรื่องเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะให้ได้งาน ในวงการแต่...ถ้าเจ๊รู้ว่าคนใกล้ตัวเจ๊ทำแบบนั้นบ้าง เป็นเจ๊...เจ๊รู้สึกยังไง”
เจ๊เต่าทำสีหน้าครุ่นคิดตามแล้วก็เหมือนว่าคิดได้
“ห๊ะ...ว๊ายยยย ตายแล้ว!” แล้วเอามือขึ้นมาปิดปากอย่างตกใจ “ใคร...เธอหมายถึงใครที่ใกล้ตัวเจ๊” นางมองซ้ายมองขวาแล้วหันมา ทำหน้าผงะอย่างตกใจ “นี่...อย่าบอกเจ๊นะว่าเอี๊ยม...มาที่นี่...ก็เพราะ..”
เธอสุดเซ็งในจินตนาการของเจ๊เต่า
“อะไรของเจ๊เนี่ย...คิดไปถึงไหน...ใครจะไปทำแบบนั้น”
“อ้าว...ก็มานั่งตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องซะขนาดนี้ จะให้เจ๊คิดยังไงล่ะ แล้วคนที่พูดถึงเป็นใคร...เจ๊รู้จักไหม”
เธอมองหน้าเจ๊เต่าตั้งสติได้
“ใคร...ไม่มี๊...เอี๊ยมก็แค่พูดเปรยๆถามไปงั้นแหละ จะมีใคร”
“เอ๊า”
เจ๊เต่างงว่า ทำไม อรัญภัทรเป็นอะไร พูดกลับไปกลับมา
ทีมงานสตูดิโอกำลังเซตไฟกล้องรอ เคพาเขมกับมะม่วงที่แต่งตัวเสร็จแล้วเข้ามาในสตูดิโอ
“ทีมงานทุกท่านคะ...นางแบบของเราเสร็จแล้วค่า เชิญคุณเขมกับคุณมะม่วงคะ”
ทั้งคู่เดินออกมาด้วยชุดสไตล์โมฮิปเบี้ยนพวกวินเทจ แต่ใส่พวกของตกแต่งตามตัวแบบแปลกๆหลุดๆ เน้นแต่งหน้าทาปากแบบจัดๆเน้นทีดำ สีแดงจัดจ้าน ทำผมทรงแปลกๆ ทั้งคู่เดินแบบเก้ๆกังๆเพราะไม่มั่นใจในชุดที่ใส่ คือดูแล้วมันดูไปทางตลกมากกว่าที่จะสวยงาม
“เอ่อ...พี่เคคะ...อันนี้มันใช่ตามที่ลูกค้าต้องการแล้วเหรอคะ”
“ใช่ของใช่ที่สุดเลยล่ะจ้า....น้องมะม่วงกับน้องเขมคงจะชินแต่กับการถ่ายแบบของบ้านเรา ที่เน้นเรียบหรูดูดี มีลุ๊ค แต่การถ่ายแบบอินเตอร์ เค้าถือว่าเราล้าหลังเค้ามากๆเลยนะคะ เพราะเค้าเน้นศาสตร์และศิลป์แห่งการผสมผสานอย่างลงตัวจนได้งานที่High และ ก็ High แถมยังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครยังไงละคะคุณน้อง...นี่แหละคะเป็นเสน่ห์ของการถ่ายแบบของเมืองนอกเค้าล่ะคะ”
ทั้งคู่ยิ้มแหยๆพยายามที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เคพูด
“มาคะ...พี่ว่าเราเริ่มงานกันดีกว่านะคะ...ทีมงานคะ...น้องๆพร้อมแล้วค่า”
เคจัดแจงให้สองสาวไปยืนโพสที่ฉาก พร้อมกับสอนท่าโพสให้ ซึ่งเป็นท่าแบบแปลกๆ ทั้งสองก็พยายามทำตาม
“ทำตามพี่นะคะ.” เคนอนเลื้อยเป็นงูอยู่ที่พื้นทำหน้าตลกๆ
ทั้งสองหัวเราะกันเล็กๆก่อนจะทำตามอย่างเก้ๆกังๆ ช่างภาพก็ถ่ายรูปกันไป เคก็สอนโพสท่าอื่นไปเรื่อยๆ
อีกห้องหนึ่ง ปราชญ์กับแทนไทนั่งดูรูปดาราทั้งสองกันตัวงอ
“เฮ้ยๆๆๆ...ภาพนี้ตลกว่ะ...นี่ทำท่าอะไรของเค้าวะเนี่ย...ฮ่าๆ...ขำว่ะ” แทนไทว่า
“อย่าเพิ่งขำจนหมดนะเว้ย...ยังมีให้ขำอีกเยอะเลย”
“เออ...เอาอีกๆ...แต่ละภาพนี่โคตรจี้เลยว่ะ”
“ได้เลย...เดี๋ยวจัดให้” ปราชญ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเค
ในห้องถ่ายแบบ เคกำลังบิ้วท์สาวๆที่อยู่ในชุดใหม่แล้ว ซึ่งก็เป็นชุดที่แปลกเหมือนเดิม โทรศัพท์ของเคมีสายเข้า เครีบรับสายเพื่อรับคำสั่ง
“Hello เดมัวร์...อือหึ๊...อือหึ๊...OK...Bye...” เควางสายแล้วหันมาหาสองสาว “น้องๆจ๊ะ....เมื่อกี้คุณเดมัวร์โทร.มาบอกว่าชอบภาพที่ถ่ายส่งไปมากๆๆๆเลยล่ะคะ แต่คุณเดมัวร์เค้าขอให้เราใส่ฟิวส์เข้าไปทางหน้าตาและท่าทางให้มากขึ้นไปอีกนิดนะคะ”
ทั้งคู่มองหน้ากันประมาณว่านี่ยังไม่มากอีกเหรอ ทั้งคู่หันมายิ้มและพยักหน้ารับทราบ
“ดีมากคะ...น่ารักทีสุดเลย...เดี๋ยวพี่บรีฟให้นะคะ”
เคเข้าไปโพสท่าและทำหน้าตลกๆบรีฟ ทั้งสองก็ยังทำตามแบบขำๆ
ช่างภาพเก็บภาพทุกช๊อต
ปราชญ์กับแทนไทนั่งดูภาพล๊อตใหม่อย่างพอใจ
“โอ๊ย...ไอ้ปราชญ์ ข้าว่าพอเถอะว่ะ ก่อนที่ข้าจะขาดใจตายซะก่อน”
“เฮ้ยยย...อีกนิดน่า” ปราชญ์ดูรูปในมือถือแล้วขำๆ
พูดจบก็มีสายโทรเข้ามา ปราชญ์รีบรับ
เคแอบมาโทรหาปราชญ์
“เป็นยังไงบ้างคะคุณปราชญ์ โอเคไหมคะ”
“โอเคเลยครับ..”
“คุณปราชญ์ต้องการให้โพสท่าแบบไหนอีกไหมคะ”
“ภาพสุดท้ายผมขอให้ทำท่าจูบแล้วมองกล้องทำตาเซ็กซี่แล้วกันนะครับ ขอแค่คนละภาพก็พอแล้วครับ”
“โอเคค่า...คุณปราชญ์อยากได้เจ๊จัดให้ค่า”
เควิ่งเข้าไปหน้าเซต บรีฟท่าจูบให้สองสาว
“เอาละคะ...สาวๆคะ...เซตสุดท้ายขอเป็นภาพที่สองสาวทำท่าจูบส่งสายตาเซ็กซี่มองที่กล้องนะคะ เดี๋ยวพี่ขอภาพคู่ก่อนแล้วจะขอแยกถ่ายเป็นภาพเดี่ยวนะคะ”
เคจัดแจงให้สาวๆถ่ายภาพ
อีกห้อง แทนไทดูรูปทำท่าหลงใหลทำหน้าฝันหวาน
“โห๋...ภาพนี้ทำให้หัวใจฉันละลายเลยว่ะไอ้ปราชญ์...ตอนนี้ฉันว่าฉันต้องการพบหมอโรคหัวใจแล้วว่ะ”
ปราชญ์ดูรูปแล้วยิ้มๆ หันมาว่าแทนไท
“เว่อร์ไปแล้วไหมแก...อะไรจะขนาดนั้นวะ” พูดเสร็จก็หันมามองภาพจูบแล้วยิ้มๆชอบใจ
“แหม...ตัวแกนี่ไม่เว่อร์เลยนะ...ที่ยิ้มๆนั่นคืออะไรวะ”
ปราชญ์ยิ้มใส่แทนไท
ฝ่ายช่างภาพถายภาพอีกสี่ห้าภาพ เคก็สั่งเลิกกอง
“โอเคค่า...เราได้ภาพครบตามเซตที่คุณอเดมัวร์รีเควชมาแล้วนะคะ...วันนี้ต้องขอบคุณน้องมะม่วงกับน้องเขมมากเลยนะคะ งานวันนี้เป็นที่พอใจของคุณอเดมัวร์มากเลยคะ พี่หวังว่าเราจะได้มีโอกาสร่วมงานกันอีกนะคะ”
“ได้คะ...ขอบคุณนะคะ”
“ขอบคุณคะ” เขมปัญฑาบอก
“เชิญน้องๆไปเปลี่ยนชุดได้เลยนะคะ เดี๋ยวทีมฝ่ายบัญชีจะเอาเช็คค่าตัวไปให้ที่ห้องแต่งตัวนะคะ”
ทั้งคู่เดินออกจากห้องถ่ายไป เคมองตาม ยิ้มทำหน้าตลกแบบพอใจที่ทำงานสำเร็จ
ฝ่ายอรัญภัทรมองเจ๊เต่าอย่างครุ่นคิดไปถึงภาพที่เจ๊เต่ากำลังตัดสินใจจะล้างห้องน้ำหรือไม่ล้างดี ฝ่ายเจ๊เต่าสายตาสงสัย มองสำรวจตัวเองหัวจรดเท้า
“นี่...มองเจ๊ทำไม มีอะไรงอกออกมารึไง...เธอเป็นอะไรของเธอ...เอี๊ยม...เจ๊ไม่ชินนะที่เธอมาทำตัวนิ่งสงบแบบเนี๊ยะ”
“เจ๊...เอี๊ยม...ขอโทษนะ”
เจ๊เต่าทำหน้าอึ้งๆ
“ก็...เพราะเอี๊ยม...เจ๊เลยต้องลำบาก อี๊ยมมีแต่จะคอยสร้างเรื่อง ไม่เคยทำอะไรให้เจ๊สบายใจเลยซักอย่าง”
เจ๊เต่ามองหน้าเธออย่างซึ้งที่สำนึกผิด ใช้มือลูบหัวเอี๊ยมเบาๆ
“เจ๊น่ะไม่เป็นไร...ไม่ต้องคิดมาก...รู้ไหมว่าถึงเอี๊ยมจะแสดงออกต่อหน้าผู้คนต่อหน้านักข่าวยังไง แต่สิ่งที่เจ๊มองเห็นในจิตใจของเอี๊ยม มันไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกไปเลย และนี่แหละที่ทำให้เจ๊ยังคงมีเอี๊ยมเป็นเด็กในสังกัดมาจนทุกวันนี้”
“เอี๊ยมสัญญานะเจ๊ว่าเอี๊ยมจะพยายามควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้...เจ๊อยากให้เอี๊ยมทำอะไร เอี๊ยมจะยอมเชื่อฟังทุกอย่าง”
“ เจ๊ภูมิใจนะ ที่เห็นเอี๊ยมคิดได้แบบนี้ แต่สิ่งแรกที่เจ๊อยากให้เอี๊ยมทำในตอนนี้เลยก็คือปรับความเข้าใจกับเขมและมะม่วงซะ...เอี๊ยมทำเพื่อเจ๊ได้ไหม”
“แต่ยัยเขมกำลังทำลายเอี๊ยมนะ เจ๊ก็รู้...ทำไมเจ๊ถึงต้องไปเข้าข้างยัยเขมด้วย”
“เจ๊ไม่ได้เข้าข้าง แต่เจ๊กำลังมองถึงหลักความเป็นจริง...เอี๊ยมลองคิดดูดีๆนะ...เราอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้ว ที่ผ่านมาเขมเคยทำอะไรที่เป็นการทำลายเอี๊ยมไหม..ซักครั้ง มะม่วงก็อีกคน ถึงจะพูดขวานผ่าซากปากไม่ดีบ้าง สองคนนี้เคยทำร้ายเอี๊ยมไหม”
เธอคิดตามเหมือนจะคล้อยตามแต่ก็พยายามเถียง
“แต่คลิปนั้นมันอยู่ในมือถือของเขมคนเดียว ถ้าเขมไม่ได้เป็นคนส่งออกไปแล้วมันไปถึงคุณวรรษได้ยังไงเจ๊...เจ๊จะให้เอี๊ยมคิดว่ายังไง”
“นี่...ฟังเจ๊นะ...มันมีเหตุผลมากมายเลยนะที่ว่าคลิปถูกส่งออกไปได้ยัง..ซึ่งเจ๊ก็มองว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ มันอยู่ที่ว่าเอี๊ยมมีความเชื่อใจและไว้ใจเขมมากแค่ไหน...ก็เท่านั้นเอง”
อรัญภัทรครุ่นคิดอย่างสับสนเพราะก็ยังเชื่อว่าเขมปัญฑาเป็นคนส่งคลิปนั้นไปให้วรรษชล เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาส่งได้
เวลากลางคืน พิมพิชชานั่งร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาลคนเดียว วรรษเดินผ่านมาเห็นเข้าก็สัมผัสได้ว่า นางเองก็รักแม่เหมือนกัน เขาเดินไปใกล้ พอนางรู้ว่า วรรษชลเดินเข้ามาก็รีบปาดน้ำตา กลั้นไม่ร้องไห้ ไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองก็เสียใจ
วรรษชลพอเห็นท่าที่พิมพิชชาทำแบบนั้นก็ไม่อยากพูดถึง เปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องอื่น
“คุณบอกคุณอานนท์หรือยัง”
“ยัง”
“คุณน่าจะบอกเค้านะ หรือถ้าบอกไม่ไหว เดี๋ยวผมบอกให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไร... เดี๋ยวฉันโทรบอกเค้าเอง”
พิมพิชชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.หาอานนท์ วรรษชลยืนมองดูพิมพิชชาอย่างเห็นใจ
อรัญภัทรยังคงครุ่นคิดไม่ตกว่าจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องเขมปัญฑา เจ๊เต่าจึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีที่นึกเรื่องแม่พิมพิชชาออก
“นี่ๆๆ...เจ๊ลืมบอกเอี๊ยมไปเลยว่า แม่คุณพิมเค้าเสียแล้วนะ”
เธอปรับอารมณ์หันมาสนใจ
“เป็นอะไรถึงเสียเหรอเจ๊”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ...แต่เจ๊ว่าเอี๊ยมควรจะต้องไปงานศพแม่คุณพิมนะรู้ไหม”
“ไม่เด็ดขาด...เจ๊ก็รู้ว่าเอี๊ยมเกลียดมัน...แล้วเจ๊ยังจะให้เอี๊ยมไปงานศพแม่ของมันเนี่ยนะ พื่ออะไร”
“ฟังเจ๊นะ...ยังไงในสังคม ทุกคนเค้าก็รู้กันหมดว่าคุณพิมเค้าอยู่ในฐานะที่เป็นแม่เลี้ยงของเอี๊ยม....และที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาว่าเอี๊ยมกับคุณพิมไม่กินเส้นกันตลอด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี...ต่อไปนี้เอี๊ยมจะต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าเอี๊ยมพร้อมที่จะปรับปรุงตัวใหม่ เริ่มด้วยการไปงานศพแม่ของคุณพิมเพื่อปิดข่าวลือเก่าๆนั้นซะ”
“มันจำเป็นด้วยเหรอที่เอี๊ยมจะต้องลงทุนไปสร้างภาพที่งานศพแม่ของยัยนั่น...ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงที่เอี๊ยมเกลียดมัน...ทำไมใครๆถึงชอบแต่การสร้างภาพ เรื่องจริงความจริงเป็นยังไงไม่มีใครสนใจเลยรึไง”
เจ๊เต่าตีไปหนึ่งที
“นี่แหน่ะ...ไหนบอกว่าจะเชื่อฟังเจ๊ไง ยังไม่ทันไรก็ต่อต้านละนะยัยเอี๊ยม เจ๊บอกให้ไปก็ต้องไป ไม่ว่าตอนไหนเวลาไหนที่เธอมีโอกาส เธอจะต้องรีบคว้าโอกาสนั้นไว้แล้วรีบแก้ตัวซะ เพราะตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...เอี๊ยม”
“เจ๊...แต่ว่าเอี๊ยม...” เธอทำหน้างอไม่อยากไป
“ไม่มีต่งไม่มีแต่...นี่ก็มืดแล้ว...ปะ...เจ๊ว่าเรากลับเถอะ”
“เจ๊กลับไปเถอะ...เอี๊ยมยังไม่อยากกลับไปนอนที่คอนโด”
“อ้าว...แล้วจะไปนอนที่ไหน”
“ไม่รู้”
เจ๊เต่าเสียงสูง
“ห๊ะ...ไม่รู้...ถ้างั้นเจ๊สั่งให้เอี๊ยมกลับคอนโดกับเจ๊เดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า...”
เจ๊เต่าพูดสวนขึ้นทันที
“ดูปากเจ๊นะค่ะ...เจ๊บอกว่า...เดี๋ยวนี้”
เจ๊เต่าลากอรัญภัทรเดินหลุดไป เอี๊ยมถูกลากไปแบบหน้างอไม่เต็มใจ
คอนโดเจ๊เต่ากลางคืน สองสาวกลับมาที่คอนโด ทั้งคู่ดีใจ งานที่ทำวันนี้ไม่ได้เหนื่อยอะไรแต่ได้เงินเยอะ เขมปัญฑานั่งลงที่โซฟาก่อนจะพูดความในใจอะไรบางอย่าง เวฬุยาก็เหมือนกัน ทั้งคู่คุยกันอย่างขำๆที่มันผ่านไปแล้ว
“มะม่วงรู้ไหมว่าตอนแรก...เขมยังนึกกลัวอยู่นะว่าเราจะโดนหลอกรึเปล่า จะบอกว่าเขมแอบระแวงตลอดเลยล่ะ”
เวฬุยาหัวเราะเล็กๆ
“ก็ไม่แปลกหรอกที่เขมจะระแวง เพราะมะม่วงระแวงเหมือนกัน เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นมาจะได้หนีทัน”
“อื่อ...เขมก็เหมือนกัน”
“ก็พวกเราก็ไม่เคยรับงานกันเองเลย คราวนี้รับกันเอง แถมยังเป็นงานด่วนๆอีกด้วย...เฮ้อ...โชคดีนะที่เราไม่โดนหลอก แถมยังได้รับค่าตัวกันมาคนละแสน แน่ะ...ถ้าเจ๊รู้เจ๊ต้องดีใจแน่ๆเลย”
“อื่อ”
เวฬุยาเอาซองขึ้นมาแล้วดึงเช็คออกมาดูอีกครั้งอย่างภูมิใจ...แต่คราวนี้มีกระดาษโน๊ตติดออกมาด้วย กระดาษโน๊ตหล่นลงที่พื้น เขมปัญฑาเห็นจึงร้องทัก
“นั่นกระดาษอะไรน่ะมะม่วง”
“ไหน”
เขมปัญฑาก้มเก็บขึ้นมาคลี่ออกอ่าน... เช่นเดียวกับเวฬุยาที่หยิบกระดาษจากมือเพื่อนมาดูแล้วสงสัย
“นี่ข้อความจากใครอะ...ไหนบอกว่าคนที่จ้างเป็นคนฝรั่งเศสแล้วก็อยู่ต่างประเทศไง...แล้วของเขมมีไหม”
เขมปัญฑาหยิบซองจากในกระเป๋าคลี่ออกดูเห็นมีกระดาษโน๊ตเช่นกันแต่คนละข้อความ เขมงง...
เวฬุยาชะโงกไปอ่านของเพื่อน
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะครับ...เราเคยร่วมงานกับเค้าด้วยเหรอ”
เขมปัญฑาส่ายหน้าแบบงงๆ ทั้งคู่นั่งมองกระดาษโน๊ตตัวเองอย่างสงสัย ทำไมข้อความถึงแปลกๆ
ปราชญ์กับแทนไทนั่งหันหลังให้กัน ต่างคนต่างดูรูปที่ถ่ายแบบในวันนี้แบบยิ้มๆพอใจที่สุด ทั้งคู่คุยกันทั้งที่สายตายังมองดูอยู่ที่รูปของสาวๆ
“ไอ้ปราชญ์ แกว่าเราไม่ได้ทำเกินไปใช่ไหมวะ”
“ไม่เกินไปหรอก...นี่เรากำลังช่วยเค้าอยู่นะเว้ย”
“แล้วแกว่าถ้าเค้ารู้ว่าเราทำแบบนี้ เค้าจะโกรธเราปะวะ”
“ไม่โกรธหรอก...เราจ้างเค้ามาทำงาน แล้วเค้าก็ได้เงินไปก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
“แล้วสมมุติว่าถ้าเค้าโกรธละวะ” แทนไทถาม
“ก็บอกว่าไม่โกรธไง”
“ก็ถ้าเค้าโกรธเราจะทำยังไงต่อไปวะ”
ปราชญ์หันมาว่าเพื่อน
“โธ่เว้ย...ไอ้แทน...นี่แกจะเซ้าซี้ทำไมวะ...คนกำลังอารมณ์ดีๆ”
“ก็เราควรจะหาทางหนีทีไล่เอาไว้บ้างไม่ใช่เหรอวะ สองคนนั้นไม่ได้เหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่เราเคยเจอมานะเว้ย เรื่องศักดิ์ศรีนี่มาก่อนเลย แกก็รู้”
“ไม่รู้เว้ย...เรื่องนั้นก็ค่อยว่ากัน...ฉันว่าถ้าเราจริงใจซะอย่าง ยังไงมันก็จะผ่านไปได้เว้ย”
ทั้งสองหนุ่มเปลี่ยนอารมณ์มาครุ่นคิดแทน
ขณะที่สองสาวยังคงนั่งดูโน๊ตอยู่ เจ๊เต่ากับอรัญภัทรเดินกลับมาพอดี
อรัญภัทรกับเขมปัญฑามองหน้ากัน แต่ต่างคนยังไม่พูดอะไรกัน นางเอกสาวยังแอบเคืองเพื่อนอยู่ แต่ในขณะที่เขมปัญฑารู้สึกผิดกว่า แต่ไม่กล้าพูด กลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ เวฬุยามองอรัญภัทรแบบเคืองๆก่อนจะหันไปคุยกับเจ๊เต่าแบบกลบอารมณ์
“อ้าวเจ๊..วันนี้เป็นไงบ้าง”
“ไม่ต้องเลยถามเจ๊เลยนะยัยมะม่วง! หลอกเจ๊ไปขัดส้วม เดี๋ยวเธอจะโดนคนแรกเลย”
“อ้าว ก็เจ๊เป็นคนบอกเองว่ารับหมดรับหมด”
“เฮ้อ! แล้วใครจะไปรู้ล่ะยะว่าผู้จัดการซุปตาร์อย่างชั้น จะมีคนติดต่อมาให้ไปขัดส้วม แต่ก็ช่างเหอะ”
อรัญภัทรยังมองเขมปัญฑาแบบที่ยังมีอะไรค้างคาใจอยู่เป็นระยะ เจ๊เต่ามองเห็นแล้วทนไม่ไหว
“นี่! .....จะมองกันไปมาอีกนานไหม เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาซะจริงเชียะ เจ๊ว่าควรจะเคลียร์กันให้จบๆนะ อย่าปล่อยอะไรให้ค้างคา กันอีกเลย..เจ๊ง่วงละ ขอตัวไปนอนก่อน...อ้อ..แล้วก็ถ้าจะเคลียร์อะไรก็เคลียร์กันเงียบๆนะ...อย่าตีกันอีกล่ะ...ขอเจ๊นอนหลับอย่างสงบๆซักวันเถอะนะ...แค่นี้เจ๊ก็เจ็บตับมากพออยู่ละ” เจ๊เต่าชายตามองทั้งสามอย่างปราม “ได้ยินเจ๊พูดชัดเจนใช่ไหมว่า...อย่า...ตี...กัน...ไปล่ะ”
เจ๊เต่าเดินกลับห้องไป อรัญภัทรกับเขมปัญฑามองสบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูด
“เอี๊ยม”
เธอไม่ฟังเดินกลับเข้าห้องไป
เขมปัญฑามองตามอย่างแอบอ่อนใจ ไม่รู้จะคุยยังไงดี อีกฝ่ายถึงจะเชื่อ
“ปล่อยไปก่อนเถอะเขม เดี๋ยวค่อยคุย ยัยเอี๊ยมยังอารมณ์ไม่ดี คุยอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์”
เวฬุยาเหนื่อยหน่ายใจและมองเขมปัญฑาอย่างเห็นใจ
เวลากลางคืน ป้าไก่ขับรถโดยมีเบอร์รี่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้เบอร์รี่แต่งตัวสวยมากแนวๆเอ็กซ์ๆแอบโป๊พอสมควร ป้าไก่ขับมาจอดที่หน้าคอนโดฯลับของคุณดำรงที่ลับหูลับตาคน
“พร้อมหรือยังเบอร์รี่”
เบอร์รี่หน้าตามั่นใจไม่มีแววของความกลัวใดๆเลย “พร้อมค่ะ”
“ต้องให้ป้าขึ้นไปส่งมั้ย”
“ไม่ต้องค่ะ เบอร์รี่ไม่อยากเป็นจุดสนใจ” เธอจับประตูรถค้าง ยังไม่เปิดลงไปซักที
“เป็นอะไร หรือว่าจะเปลี่ยนใจ”
“เปล่าค่ะ” สีหน้ามุ่งมั่นหยิ่งผยอง “จากนี้ไป...เบอร์รี่จะเป็นซุปตาร์แบบสายฟ้าแลบ..คอยดู” ว่าแล้วก็ปิดประตูลงไป
พอเดินพ้นไปได้หน่อย ป้าไก่มองตามอย่างกังวลที่เบอร์รี่เลือกทางนี้
เบอร์รี่เดินเข้าไปในตัวตึก ซึ่งเวลานั้นไม่มีใครอยู่อีกแล้ว เบอร์รี่เดินไปที่ลิฟต์ กดลิฟต์ขึ้น
หน้าลิฟต์เปิดออกมา บรรยากาศบนชั้นที่ 44 ช่างต่างจากทุกชั้นของตึก เพราะถูกตกแต่งให้เหมือนกับเป็นห้องสูทหรูๆ
เบอร์รี่ตื่นตาตื่นใจมากกับบรรยากาศ เพราะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เดินไปตามทางเดิน มองไปเรื่อยๆ เห็นเฟอร์นิเจอร์ เห็นความหรูหรา และเห็นภาพของดำรงรูปใหญ่แขวนอยู่ที่ผนัง บ่งบอกให้ความรู้สึกว่า คนๆนี้ไม่ธรรมดา
เธอหยุดมองที่รูปอยู่ครูหนึ่งก็พลางเหลือบไปเห็นจดหมายฉบับนึง สีเดียวกันวางอยู่ที่ใต้รูปภาพนั้น
เธอเลยหยิบจดหมายนั้นออกมา ที่จดหมาย เห็นข้อความเขียนว่า “เปลี่ยนชุดซะ” เบอร์รี่งงว่าให้เปลี่ยนเป็นชุดอะไรวะ มองหาชุด แล้วเห็นว่ามีชุดเมดแม่บ้านแบบญี่ปุ่นวางอยู่
เธอเดินไปหยิบชุดขึ้นมาดูแล้วทาบกับตัวเอง ส่องกระจกที่อยู่แถวนั้น หมุนตัวไปหมุนตัวมา
อ่านต่อหน้าที่ 2
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 15 (ต่อ)
เบอร์รี่เปลี่ยนชุดเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินมองหาดำรงอยู่
“สวัสดีค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับ เธอยังคงเดินหาต่อไปและส่งเสียงเรียกไปเรื่อย
“คุณดำรง เบอร์รี่เองค่ะ”
ยังคงเงียบไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย เบอร์รี่ชักจะหน้าเหวอขึ้นมาแล้ว
“ถ้าไม่มีใครอยู่ เบอร์รี่ไปแล้วนะคะ”
“เข้ามาสิ ผมรอคุณอยู่”
เบอร์รี่เดินตามเสียงที่ดำรงเรียกไป ค่อยๆเดินไป เจอกับห้องรับแขกที่ไฟสลัวๆ พบว่าดำรงกำลังจิบไวน์อยู่ ในชุดสูทแบบท่านชาย กะเตรียมสั่งเบอร์รี่เต็มที่
เบอร์รี่แอบอึ้งไปเหมือนกันที่เห็นว่าดำรงใส่ชุดนี้
“คุณดำรง”
“เรียกผมว่านายท่าน”
เบอร์รี่อึกอักไม่มั่นใจว่าจะให้เรียกอย่างงั้นจริงๆน่ะเหรอ
“เอ่อ...ค่ะคุณดำรง เอ่อ นายท่าน”
ดำรงยิ้ม เบอร์รี่ทำตามที่บอก “มานี่สิ”
เบอร์รี่เดินเข้ามาแล้วลงไปนั่งข้างๆดำรง เบอร์รี่กำลังจะลงนั่งที่เก้าอี้
“โนว.... จุ๊ๆๆๆ ลงนั่งที่พื้น”
เบอร์รี่ยังไม่ยอมนั่ง เพราะรู้สึกว่าดำรงค์สั่งมากเกินหรือเปล่าวะ
“คุณต้องยอมรับจริงๆว่า ฝีมือการแสดงของคุณไม่ถึงเลย ซึ่งมันยากมากที่จะทำให้ คนที่ไม่เก่งอย่างคุณจะเกิด คงจะมีโอกาสเกิดยาก.... แต่มันก็มีทางลัดเหมือนกัน ซึ่งต้องอาศัยความเห็นชอบ และผลักดันด้วยคนที่มีอำนาจอย่างผม จากไม่เก่งก็กลายเป็นเกิดได้.... ยอมรับสิ่งนี้มั้ย ถ้าไม่ คุณก็เปลี่ยนชุดกลับไปได้เลย”
เบอร์รี่ตัดสินใจอยู่สองวิแล้วลงนั่งที่พื้นทันที
“มีอะไรให้เบอร์รี่รับใช้ว่ามาได้เลยค่ะ นายท่าน”
ดำรงยิ้มเพราะรู้ว่าปราบเบอร์รี่ได้เรียบร้อยแล้ว “ดีมาก” เขาอามือลูบหัวเบอร์รี่อย่างเอ็นดู
ณ บริษัทวรรษชล เช้าวันใหม่ เขาเดินออกมาในชุดดำเตรียมไปทำธุระงานศพแม่พิมพิชชา มาเจอเบอรี่ที่ยืนรออยู่ในชุดสวยที่เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“เอ่อ..พี่วรรษคะ...พี่วรรษพอจะมีเวลาคุยกับเบอรี่ซักครู่ไหมคะ”
“ได้สิ...เบอรี่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือ...เบอร์รี่จะมาขอลาออกน่ะคะ”
“อ้าว...มีปัญหาอะไรรึเปล่า ทำไมถึงได้มาลาออก”
“ไม่มีคะ...ไม่มี...คือพอดีเบอร์รี่แคสงานละครผ่านน่ะคะ และเบอรี่ก็จะได้เล่นละครเร็วๆนี้ด้วยนะคะ พี่วรรษ”
“จริงเหรอ...พี่ยินดีด้วยนะ เบอร์รี่”
“เบอรี่ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่อยู่ทำงานให้พี่วรรษต่อไม่ได้”
“ไม่เป็นไรเลย...นี่พี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆเลยนะ ที่เบอร์รี่ได้เข้าวงการ เพราะไม่ใช่ใครก็จะเข้าได้ ต้องเป็นคนที่มีความสามารถ และเขาก็เห็นความสามารถในตัวเบอร์รี่”
เบอร์รี่ทำหน้าอึกอักเพราะจริงๆไม่ได้มาเพราะความสามารถ
“เอ่อ..ขอบคุณนะคะพี่วรรษ พี่วรรษดีกับเบอร์รี่ทุกอย่างเลย จนเบอร์รี่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณพี่วรรษยังไงดี”
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรเลยครับ มีอะไรที่พี่ช่วยได้พี่ก็ช่วย ยังไงก็ขอให้เบอร์รี่ตั้งใจทำงานนะ แล้วพี่จะคอยดูละครที่เราเล่น”
“โชคดีนะครับ...พี่ไปละ”
วรรษชลเดินออกจากบ้านไป เบอร์รี่มองตามยิ้มๆ ก่อนจะหันมองอีกทางด้วยสายตามุ่งมั่นกับเส้นทางที่ตัวเองได้เลือกแล้ว
เบอร์รี่ยืนตื่นเต้นอยู่ที่หน้าห้องกับป้าไก่ ซึ่งกำลังทำการเปิดประตูให้อยู่
“เร็วๆสิป้าไก่ เร็วๆหน่อย”
“ใจเย็นๆสิ นี่ก็เร็วไม่รู้จะเร็วยังไงแล้วนะ”
“ก็เบอร์รี่ตื่นเต้นนี่หน่า”
ป้าไก่เปิดประตูพาเข้าไปในห้อง ทันทีที่เข้ามาในห้อง เห็นห้องแล้ว เบอร์รี่ก็รู้สึกว่าห้องสวยมาก เบอร์รี่ร้องว้าว ด้วยความดีใจ
“ห้องสวยมากเลยอ่ะป้าไก่ เหมือนฝันเลย เบอร์รี่ไม่เคยมีบ้านอย่างงี้มาก่อน นี่เบอร์รี่ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะป้าไก่”
“ให้ป้าตบหน้ามั้ยละคะ จะได้รู้ว่าฝันหรือไม่ฝัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ระหว่างนั้นโทรศัพท์เบอร์รี่ดังขึ้น นางกดรับสาย
“ค่ะ.... อยู่ที่ห้องแล้วค่ะ ห้องสวยมากเลย ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวเบอร์รี่ขอตัวไปจัดของก่อนค่ะ บ๊ายบายคะ”
เบอร์รี่วางสายยิ้มมีความสุข
เย็นวันเดียวกัน บริเวณหน้าวัด เจ๊เต่ากับสามสาวใส่ชุดดำมาร่วมงาน เจ๊เต่าเดินคั่นกลางระหว่างเอี๊ยมกับเขมปัญฑาและเวฬุยา
“ความจริง แค่ส่งพวงหรีดมาก็ได้นะเจ๊ ไม่เห็นต้องลากพวกเรามาที่งานนี้เลยล่ะ” เวฬุยาว่า
เจ๊เต่าหันซ้ายมองขวา
“จุ๊ๆๆ...ไม่เอานะลูก...ไม่พูดอะไรไม่ดีในที่สาธาณะนะ เจ๊บอกแล้วไงว่าต่อไปนี้ภาพเราที่ออกข่าวไปจะต้องดี เพราะเราไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว” เจ๊เต่ามองดูสามสาวทำหน้าไม่ค่อยอยากเข้าไป “นี่ๆๆๆอย่ามาทำหน้าบูดเป็นตูดลิงกันได้ไหม ยิ้มน้อยๆรักษาลุ๊คกันหน่อยสิ ไหนทำซิ๊”
สามสาวพยายามเก็บอาการตามที่เจ๊เต่าบอก เจ๊เต่ามองท่าทีสาวๆอย่างพอใจ
“ดีมาก...เยี่ยมมาก แล้วเจ๊ก็ขอเตือนพวกเธอทั้ง 3 คนไว้ตรงนี้เลยนะว่าถ้าเข้าไปในงานแล้ว ห้ามตีกัน ห้ามโวยวาย ห้ามอาละวาด ไม่ว่าจะมีใครมายั่วให้โมโหยังไงหรือไม่ว่ากรณีใดๆก็ห้ามเด็ดขาด เราต้องทำตัวดีๆเพื่อจะได้กลับมาผงาดกันอีกครั้ง เข้าใจมั้ย”
“คะ” เวฬุยาเหล่มองอรัญภัทร
“เข้าใจค่ะ”
“เอี๊ยมล่ะ”
เธอเห็นเขมปัญฑาเหล่มอง
“ไม่รับปาก...เอี๊ยมจะรู้ได้ไงว่าจะมีใครจะมาทำอะไรไม่ดีกับเอี๊ยมลับหลังอีกรึเปล่า เอี๊ยมความอดทนต่ำสุด เจ๊ก็รู้” เธอเดินฉึ๊บฉั๊บนำกลุ่มไป
เจ๊เต่ามองตามอย่างละเหี่ยใจ
“เฮ้อ... ไม่รู้เจ๊ทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับใครตั้งแต่ชาติปางไหนนะ ฟ้าถึงได้ส่งยัยเอี๊ยมมาให้เป็นเด็กเจ๊น่ะ โอ๊ย! อยากจะกรี๊ดเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว”
วรรษชลกำลังยืนรับแขกอยู่กับพิมพิชชา อรัญภัทรเดินเข้ามาที่ศาลาวัด เห็นเขายืนอยู่ด้วยกันก็เสียใจแต่พยายามเก็บอาการไว้
วรรษชลมองมาเห็นเอี๊ยมก็พยายามเก็บอาการทำเป็นเมินมองไปทางอื่น เธอยิ่งเสียใจมากขึ้นที่เห็นวรรษทำเป็นไม่อยากมองหน้า
พิมพิชชาเห็นอรัญภัทรมาก็พูดกระแนะกระแหนทันที
“มาด้วยเหรอ”
“ชั้นมาให้เกียรติคนตาย ไม่ได้มาหาคนเป็น..เพราะถ้าเป็นงานเธอ...ชั้นก็คงไม่มา”
พิมพิชชาเสียงอยู่ในลำคอ “นังเอี๊ยม”
เจ๊เต่ากับเขมและมะม่วงตามมาถึงพอดี
“สวัสดีคะคุณพิม...เจ๊เสียใจด้วยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะเจ๊”
เจ๊เต่ามองดูพิมพิชชากำลังอยู่ในอารมณ์มาคุ มองเอี๊ยมที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ จึงรีบตัดบทก่อนที่จะเกิดศึก
“เอ่อ...เจ๊ว่าเราเข้าไปไหว้ศพคุณแม่ของคุณพิมกันดีกว่านะคะ”
“ เชิญคะ...วรรษคะ พิมฝากดูแลแขกด้านในด้วยนะคะ”
วรรษชลมองเอี๊ยมอย่างมีเรื่องค้างคาใจ เธอมองเขาอย่างตัดพ้อ วรรษชลพยายามเก็บอาการโกรธไว้แล้วหันมาเชิญทุกคนเข้าในงาน
“เชิญทุกคนด้านในครับ”
“ได้คะ...ปะ...เด็กๆ”
เจ๊เต่าเดินเข้าไปด้านในศาลา ทั้งสองตามไป เหลือแต่อรัญภัทรที่ยังไม่ยอมเดินไป เขาและเธอมองหน้ากันอย่างตัดพ้อ ก่อนที่วรรษชลจะหลบตาไปทางอื่น ทำให้เธอยิ่งไม่เสียใจที่วรรษชลกล้าทำท่าแบบนี้กับตน เธอเดินสะบัดเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ วรรษเดินตามไปอย่างเก็บอาการไว้
พิมพิชชามองตามทั้งคู่อย่างเจ็บใจที่รู้ว่าวรรษชลดูเหมือนจะแคร์อรัญภัทรมาก
มีรถหรูคันนึงขับเข้ามาจอดบริเวณศาลาวัด คนขับรถเดินลงมาแล้วไปเปิดประตู เบอร์รี่ลงจากรถมายืนยิ้มอย่างหยิ่งผยอง
เหล่าบรรดานักข่าวที่มารออยู่ต่างวิ่งกรูเข้าไปถ่ายรูปทันที กลุ่มนักข่าวชุลมุนจนพิมพิชชาต้องหันไปมอง
“นังเบอร์รี่...นักข่าวรุมถ่ายรูปนังคางคกขึ้นวอนั่นทำไม”
เจ๊เต่านั่งอยู่ด้านในศาลา เห็นว่ามีการถ่ายรูปอะไรกันจึงหันไปดู และเห็นว่าเป็นเบอร์รี่ เจ๊เต่าตกใจ ทำไมเบอร์รี่เปลี่ยนไปขนาดนี้ แล้วทำไมมีนักข่าวรุมถ่ายรูป เจ๊เต่าไม่เชื่อสายตาตัวเอง พยายามขยี้ตามองดูแล้วมองดูอีก สองสาวมองตามเจ๊เต่า เห็นเบอร์รี่เปลี่ยนไปก็ตกใจว่า ไปทำอะไรมา
“นั่นมันยัยเบอรี่นี่นา” เวฬุยาว่า
“ทำไมเด็กนั่นดูเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ”
“นั่นนะสิ...มันไปตกถังทองที่ไหนมา ถึงได้ทำตัวมีออร่าขนาดนี้ได้...แล้วนักข่าวมาสัมภาษณ์เด็กนั่นทำไม” เจ๊เต่าว่า
เจ๊เต่า เขมปัญฑา เวฬุยามองดูเบอร์รี่อย่างสงสัย มีแค่อรัญภัทรเท่านั้นที่มองดาราสาวหน้าใหม่อย่างเวทนา
เบอร์รี่แอบทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน จนป้าไก่ต้องกระซิบสั่งที่ด้านหลัง
“ยิ้ม!สิ...ยิ้ม”
เบอร์รี่ฟังป้าไก่แล้วรวบรวมสติยิ้มตามที่ป้าไก่สั่ง
นักข่าว 1 บอก
“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ ได้ข่าวมาว่าละครฟอร์มยักษ์ของคุณดำรงที่กำลังจะเปิดกล้องเร็วๆนี้ มีชื่อน้องเบอร์รี่เป็นนักแสดงนำของเรื่องด้วย เรื่องนี้จริงรึเปล่าคะ”
กลุ่มเจ๊เต่าได้ยินคำสัมภาษณ์ถึงกับตะลึง อรัญภัทรพอจะรู้อยู่แล้วจึงแค่มองอย่างหมั่นใส้ เบอร์รี่หันมองมาที่กลุ่มอรัญภัทร ทำหน้าเหยียดหยันก่อนจะหันมายิ้มให้นักข่าว แล้วหันไปมองป้าไก่เชิงถามว่าจะให้ทำยังไงต่อไปดี
“เอ่อ...เรื่องนี้พี่ว่ารอให้ผู้ใหญ่ทางช่องเป็นคนออกมาพูดจะดีกว่านะ คือถ้าเกิดน้องพูดอะไรออกไปแล้วมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น มันก็คงจะไม่ดี”
นักข่าว 2 ถาม “ได้ข่าวมาว่า เรื่องนี้ได้พ๊อตมาจากนิยายชื่อดัง ซึ่งเคยทำเป็นละครดังเปรี้ยงป้างมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน น้องเบอรี่ในฐานะที่ถูกวางเป็นตัวเอกของเรื่องคนหนึ่ง คิดว่าละครเรื่องนี้จะเปรี้ยงไหมคะ”
เบอร์รี่อึกอักตอบไม่ถูกเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าถูกวางเป็นตัวไหน
นักข่าว1บอก
“เรื่อง เรือนรักเรือนพิศวาส เป็นเรื่องที่ต้องมีการเชือดเฉือนของผู้หญิงสี่คนที่ต้องมีสามีคนเดียวกัน ไม่ทราบว่าน้องเบอรี่ได้รับบทเป็นตัวไหนคะ”
“เอ่อ...เรื่องนี้ยังไงรอทางช่องออกมาแถลงข่าวดีกว่าจะได้ชัวร์นะคะ น้องต้องเข้าไปเคารพศพแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ ขอตัวคะ...ปะ...เบอร์รี่”
นักข่าว3 ถาม
“เดี๋ยวคะๆๆ...แล้วจริงรึเปล่าคะที่ว่าเป็นเพราะนมหกเมื่อคราวนั้นถึงได้ทำให้น้องเบอร์รี่ได้มีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นนางเอกของเรื่องนี้น่ะคะ”
เบอร์รี่อึ้งไป ป้าไก่รีบแก้แทน
“ไม่จริงเลยคะ...ที่น้องได้งานก็เพราะความสามารถของน้องล้วนๆเลยคะ...ขอตัวนะคะ”
ป้าไก่พาเบอร์รี่เดินออกมาจากกองทัพนักข่าวเพื่อเข้างาน เบอร์รี่โล่งใจที่ป้าไก่ตอบให้
ป้าไก่พาเบอรี่เดินเข้ามาที่ศาลา เบอรี่มองเห็นพิมจึงเดินตรงมาหาอย่างยิ้มผยองพองขนในเชิงเป็นผู้ชนะ
พิมพิชชายืนจ้องอยู่แล้ว
“สวัสดีคะ...คุณ...พี่...พิม”
“ใครเชิญแกมาไม่ทราบ”
“เรามันก็คนกันเอง เคยกินเคยอยู่ด้วยกันมา ยังจะต้องให้เชิญด้วยเหรอคะ สียใจด้วยนะคะ แม่พี่พิมคงจะดีใจ ที่พี่พิมมาจัดงานศพให้ ทั้งๆที่ตอนยังอยู่พี่ไม่เคยไปดูดำดูดีแม่เลยซักนิด”
“ถ้าจะมาทำปากเสียที่นี่ มาทางไหน เชิญกลับไปทางนั้นเลยนะ นังเด็กนรก”
“โถ ..วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีจังเลยนะคะเนี่ย...แต่เอ๊...อยากรู้จังว่าถ้าพี่พิมได้รู้ว่าหนูทำอะไรบางอย่างเพื่อพี่พิม...พี่พิมจะเปลี่ยนจากขับไล่ใสส่งหนูเป็นคำขอบคุณบ้างไหมน๊า”
“แกพูดอะไรของแก”
“ไม่บอก...ปล่อยให้งง...ไปคะป้า”
“นี่...แกมาคุยกับชั้นให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ...แกไปทำเรื่องบ้าอะไรไว้อีกห๊ะ”
“ก็บอกแล้วไงคะว่า...ปล่อยให้งง”
เบอร์รี่เดินยิ้มเยาะเข้างานไป ทิ้งให้พิมพิชชายืนกัดฟันอย่างแค้นใจ
เบอร์รี่เดินเข้ามาในงานเห็นเจ๊เต่า และนักแสดงทั้งสามก็ยิ้มผยองใส่ ทำทีเป็นยกมือไหว้ทั้งสี่คน
“สวัสดีคะพี่ๆ”
ทั้งสามมองดูเบอร์รี่หัวจรดเท้าอย่างสงสัย อรัญภัทรยิ้มเยาะเบอร์รี่ก่อนจะปลายตามองไปทางอื่น...
“มองอะไรกันหรือคะ ไม่เคยเห็นคนรวยเหรอ”
“เคยเห็นคะคนรวย...แต่ไม่เคยเห็นคนที่รวยแบบแค่ข้ามคืนคะ...ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องเบอรี่เหรอคะ ชีวิตถึงได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ได้”
“คนเรามันก็ต้องก้าวไปข้างหน้าสิ ใครจะมาก้าวถอยหลังเหมือนเด็กของเธอล่ะเต่า”
“เราไปไหว้ศพกันเถอะค่ะป้า พวกขึ้อิจฉา คุยไปก็มีแต่จะถูกดึงลงต่ำ อย่าเอาตัวไปแลกด้วยเลยคะ...เสียราคา”
“อืมม์.... ด่าได้ผู้ดีมากลูก”
เบอร์รี่กับป้าไก่เดินเชิดๆไปที่หน้าศพ ทิ้งให้ทั้งสามยืนแค้นกัดฟันกรอดๆ
“อรั๊ยๆๆๆ นังเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ดู๊ดู..มันว่าเราอิจฉามัน...นังเด็กนี่ยังไม่ทันไรก็วอนซะแล้ว”
สองสาวมองตามเบอร์รี่อย่างสงสัย
“ยัยเด็กนั่นไม่ทำอะไรมา”
“ก็นั่นนะสิ..ดูซิ...ทำตัวไม่เห็นหัวใครยังกับกิ้งก่าได้ทอง”
เขมปัญฑามองดูเบอร์รี่อย่าสงสัย
อรัญภัทรชายตามองเบอร์รี่ที่เดินไปหน้าศพอย่างเวทนา ก่อนจะละสายตาไปมองดูวรรษชลที่นั่งอยู่ เขามองมาสบตา ทั้งคู่มองกันอย่างตัดพ้ออีกครั้ง แล้ววรรษชลก็ตัดใจละสายตาจากเธอ หันไปจุดธูปให้เบอร์รี่กับป้าไก่ เธอมองอย่างเสียใจ
นอกศาลา พิมพิชชาคิดถึงคำพูดของเบอรี่
“นังเบอรี่มันพูดถึงเรื่องอะไรที่มันทำเพื่อเรา...นังนี่ต้องไปทำอะไรเอาไว้อีกแน่”
พิมพิชชามองดูเบอร์รี่ที่ไหว้ศพแม่แล้วหันมายิ้มหวานให้วรรษชล เขายิ้มตอบก่อนจะชายตามองอรัญภัทรแบบไร้อารมณ์ พิมพิชชาคิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆระหว่างวรรษชลกับอรัญภัทร และต้องเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากที่ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องวรรษยอมรับนักข่าวว่าคบกับนางเอกาสาว เพราะเรื่องนี้จริงๆ อรัญภัทรต้องโกรธวรรษชล ไม่ใช่วรรษชลทำเมินกับเอี๊ยมแบบนี้...
เบอร์รี่ไหว้ศพเสร็จก็กลับมาตรงที่นั่ง และเลือกที่จะนั่งใกล้ๆอรัญภัทร ทำตัวตีเสมอเต็มที่ เบอร์รี่ทำเป็นพูดข่มเอี๊ยมเรื่องมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ทำให้นางเอกสาวไม่สบอารมณ์
“ถูกนักข่าวรุมเยอะๆแบบนี้ก็เหนื่อยดีเหมือนกันนะคะป้าไก่...บอกตรงๆนะคะว่าเบอร์รี่ปรับตัวไม่ทันเลยจริงๆ”
“นี่แค่เบาะๆนะหนู เดี๋ยวอีกหน่อยพอเปิดกล้องละคร ก็ยิ่งต้องเจอกับกองทัพนักข่าวอีกเยอะเลย อีกหน่อยก็ชินไปเองแหละ”
เจ๊เต่าถาม “เอ๊ะ...เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ...เบอร์รี่จะได้เล่นละครเหรอ”
“ก็ใช่สิจ๊ะ...โอ้ย...นี่เธอไปขลุกอยู่ที่หลุมไหนมาละเต่า ถึงได้ไม่รู้ข่าวสารบ้านเมืองอะไรกับเค้าเลย”
เจ๊เต่าทำหน้างง ปนครุ่นคิดว่ามีข่าวออกตอนไหน
เอี๊ยมทำเป็นหันมาพูดลอยๆเชิงกระซิบกับเบอร์รี่
“ที่ได้ดี ที่ได้เล่นละคร ก็เพราะเอาเต้าไต่...มันน่าภูมิใจตรงไหน”
เบอร์รี่ขึ้นเสียงอย่างลืมตัว
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะพี่เอี๊ยม ไม่งั้นเบอร์รี่จะฟ้อง!”
ทั้งสามหันมามองที่ทั้งคู่พร้อมๆกันอย่างตกใจว่าเบอร์รี่ขึ้นเสียงทำไม
“ก็เอาสิ”
เจ๊เต่าได้กลิ่นเค้าลางของการทะเลาะวิวาทจะเกิดขึ้นเลยรีบตรงเข้ามาที่อรัญภัทรทันที
“เอี๊ยมๆ ใจเย็นๆจ้า ใจเย็นๆ เจ๊ว่าเอี๊ยมไปนั่งกับเจ๊ตรงนั้นดีกว่านะ ปะๆ...ตรงนั้นนั่งสบ๊ายสบายเชียว”
เจ๊เต่าลากเอี๊ยมออกไปนั่งอีกที่ สองสาวตามไปด้วย
วรรษชลแอบลอบมองดูอย่างกังวลว่าคงจะมีเรื่องอีกแล้ว แต่ก็พยายามข่มใจไว้ไม่ให้สนใจ วรรษชลเดินออกไปจากที่ตรงนั้น เบอร์รี่มองตามอรัญภัทรไปอย่างแค้นๆ ป้าไก่รีบเตือนสติ
ป้าไก่กระซิบสั่งเบอร์รี่
“ใจเย็นๆ อย่าหลุดนะ นี่เราเพิ่งเริ่มต้นเองนะ งานนี้เราจะพลาดไม่ได้”
เบอร์รี่กระซิบป้าไก่
“ทำไมยัยพี่เอี๊ยมถึงได้พูดออกมาแบบนั้นล่ะป้า...อย่าบอกนะว่าป้าปากโป้ง”
“เฮ้ย...จะบ้าเหรอ...ป้าคงไม่โง่บอกคู่แข่งของเธออย่างยัยเอี๊ยมหรอกนะ”
อรัญภัทรถูกเจ๊เต่าลากไปนั่งข้างหลัง เธอยอมไปแต่ก็ฟึดฟัดตามสไตล์ เธอไม่ได้สนใจเบอร์รี่แต่มองตามวรรษชลที่เดินออกไปข้างนอก
เบอร์รี่หันไปมองหน้าอรัญภัทรอย่างผู้ชนะที่เห็นวรรษชลเมินใส่
ก่อนเวลาจะเริ่มสวดไม่นานนัก แขกเป็นป้าๆแถวบ้านแม่ เพื่อนของแม่พิมเข้ามาคุยกับพิมพิชชา
“ป้าเสียใจด้วยนะหนูพิม”
“ค่ะ... ขอบคุณค่ะ”
“แม่เราเค้าพูดถึงเราอยู่บ่อยๆนะ”
“เค้าก็พูดไปอย่างงั้นแหละค่ะป้า มาคิดอะไรได้เมื่อสายไปแล้วล่ะมั้ง”
ป้ายิ้มเหมือนรู้อะไรบางอย่าง
“ลองอ่านนี่ดู แม่เค้าฝากไว้ให้ก่อนที่แม่หนูพิมจะปุบปับไปก่อนน่ะ”
พิมพิชชางงว่าอะไร ป้ายื่นซองจดหมายอะไรบางอย่างให้ นางรับมาเปิดซองดู เห็นกระดาษจดหมายเลยหยิบขึ้นมาดู มีข้อความที่เขียนด้วยลายมือของแม่ว่า “แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้ลูกเสียโอกาสในครั้งนั้น...”
พิมพิชชาอ่านมาถึงตรงนี้ก็หวนคิดถึงตอนที่พิมด่าแม่ให้อนงค์ฟังว่าเสียงโอกาสในการเรียนตอนนั้นไป ภาพนั้นแว๊บเข้ามาในหัว
พิมอ่านข้อความนั้นต่อ..... “แม่รู้ว่า เป็นข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด หวังว่าลูกจะให้อภัยแม่”
นางอ่านแล้วรู้สึกปริ่มๆจะร้องไห้แล้วเหมือนกัน หยิบกระดาษอีกใบที่อยู่ในซองจดหมาย เป็นรูปแม่ป้อนข้าวพิมตอนเด็ก ถึงตรงนี้ พิมไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้อยู่ ทะลักออกมาเป็นเขื่อนแตกทันที
วรรษเดินเข้ามา เห็นพิมพิชชาร้องไห้ก็เอามือแตะปลอบ ทันทีที่เอามือแตะปลอบ นางก็สวมกอดวรรษชลแล้วร้องไห้ทันที
อรัญภัทรมองดูอยู่อย่างแอบนอยด์ที่เห็นวรรษชลโอบพิมพิชชาตอบเพื่อปลอบ นักข่าวเห็นวรรษชลกอดกับพิมพิชชาก็ฮือฮากันใหญ่
“ดูนั่นสิ...สงสัยว่าจะจริงอย่างที่เค้าลือกันนะว่าคุณวรรษเคยเป็นแฟนเก่าคุณพิมน่ะ”
“เออ...แบบนี้ใช่ร้อยเปอร์เซ็นเลย”
“ถ้างั้นก็แสดงว่าข่าวที่เคยออกมาว่าที่เอี๊ยมไม่กินเส้นกับแม่เลี้ยงก็มาจากสาเหตุนี้น่ะสิ”
“อืมม์...มันก็มีมูลนะ...เก็บภาพไว้ก่อนดีกว่า เผื่อได้ประเด็นใหม่ๆ”
นักข่าวต่างพากันถ่ายรูปกันพัลวัน แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ!!!!
พิมพิชชารู้ว่าโดนถ่ายรูปก็ยิ่งกอดวรรษชลแน่นเข้าไปใหญ่ และมองอรัญภัทรอย่างสะใจ ฝ่ายนางเอกสาวแอบเสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เล่นละครเก่งจังนะ”
เจ๊เต่าปรามๆ
“เอี๊ยม”
“ถ้าไม่มีนักข่าวมาถ่ายรูปอยู่แบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีน้ำตาออกมาสักหยดหรือเปล่า ปกติไม่เห็นจะเคยพูดถึงแม่เลย วันนี้จะมาทำเป็นเสียใจอะไรมากมาย”
“เอี๊ยมเธอก็พูดเกินไป”
เธอพูดจบประโยคแล้วลุกไปทันที
“อ้าว...แล้วนี่จะไปไหนเอี๊ยม”
เจ๊เต่ามองตามอย่างงงๆ อรัญภัทรเดินไปไม่สนใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 15
นักข่าวยังคงรุมถ่ายพิมพิชชากับวรรษชล อรัญภัทรยืนนิ่งดูอยู่อีกด้าน เจ๊เต่าเอามือปิดตาไว้ไม่อยากมองว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“โอย ตายๆ จบแล้วเล่าให้เจ๊ฟังทีนะ เจ๊ไม่อยากเห็นหายนะด้วยตาตัวเอง”
เจ๊เต่าเอามือปิดหน้าปิดตาไว้ ในขณะที่สองสาวกำลังมองไปที่เอี๊ยมอย่างลุ้นๆว่า อย่าก่อเรื่องอีกเลย
อรัญภัทรยืนนิ่งมองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงมาที่พิมพิชชาและวรรษชล
นักข่าวจ้องมองนางเอกสาวที่เดินเข้ามา
“คุณเอี๊ยมมาโน่นแล้ว...ท่าทีแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน”
“หรือว่า...ข่าวที่เคยออกมา...ก็มีมูลนะสิ”
“ถ่ายไว้ๆ”
วรรษชลและพิมพิชชามองอรัญภัทรที่ยืนอยู่ตรงหน้า พิมพิชชากอดวรรษชลแน่นขึ้นเพื่อยั่วโมโห เธอเดินเข้ามาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ทุกคนลุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร พยายามคุมสติตัวเองก่อนจะเดินออกไป
วรรษชลมองตามเธอไปอย่างสับสนในใจว่าจะยังไงต่อไปดี
นักข่าวทำท่างงๆ สองสาวทำท่าโล่งอก เจ๊เต่าที่ยังเอามือปิดตา แต่ก็พยายามจะแง้มมือตัวเองออกดู
“ เป็นไง จบไหม”
“จบ” เวฬุยาบอก
“จบเห่แล้วใช่ไหม”
“ใช่...จบเรื่องเลยนะสิเจ๊...เพราะเอี๊ยมไม่ได้ทำอะไรเลย...เดินออกไปโน่นแล้ว”
“หึ๊..” เจ๊เต่างง..เอามือที่ปิดตาออกชะเง้อมองตาม “ไม่ทำอะไรเลย? เอี๊ยมเนี่ยนะ”
เจ๊เต่าทำหน้าสงสัยว่าเป็นไปได้ไง... ชาวบ้านขยับตัว ทุกคนหันไปมองว่าคุณดำรงกำลังลงจากรถมา เจ๊เต่า และสองสาวหันมองตาม
เจ๊เต่ารีบกระวีกระวาดลุกขึ้นจะไปหาคุณดำรง
“ปะเด็กๆแลุกเร๊ว ...ไปต้อนรับคุณดำรงกัน”
เจ๊เต่ากำลังดึงมือสองสาวให้ลุกขึ้นจะพาไปหาดำรง แต่พอมองไปอีกครั้ง ป้าไก่กับเบอรี่ก็เดินเข้าไปหาดำรงแล้ว เจ๊เต่าชะงักทันที
“ว๊าย...นังไก่...ทำไมมันเร็วนักหล่ะ”
เจ๊เต่ามองดูอย่างขัดใจ เขมปัญฑาหันไปมองแบบนิ่งๆ มะม่วงมองดูเบอร์รี่แบบเหยียดๆยิ้มๆรู้ทัน
เจ๊ไก่และเบอร์รี่เข้ามาหาดำรง
“สวัสดีค่ะคุณดำรง เดี๋ยวให้เบอร์รี่พาเข้าไปนั่งด้านในนะคะ”
“คะป้า...เชิญด้านในคะท่าน”
ดำรงพยักหน้ารับ เดินตามเบอรี่เข้าในงาน
บริเวณประตูทางเข้างานอีกด้าน พิมพิชชามองดูเบอร์รี่พาดำรงเข้างานไปทางประตูอีกด้านอย่างไม่เห็นหัว
“ทำไมนังเบอร์รี่มันถึง...”
วรรษชลมองตามพิมพิชชาไป
“อะไรนะพิม”
“เปล่าค่ะ พิมแค่คิดว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้”
“ผมว่าคุณเข้าไปต้อนรับคุณดำรงเถอะ”
พิมพิชชาพยักหน้ารับ สายตามองตามเบอร์รี่ไปอย่างไม่พอใจ แล้วเดินตามเข้าไป
เบอร์รี่พาดำรงเข้ามาเคารพศพ เบอรี่เป็นคนจัดแจงจุดธูปให้ดำรงเคารพศพ พิมพิชชาเดินเข้ามาหยุดยืนมองอย่างไม่พอใจที่เบอร์รี่แย่งซีน เบอร์รี่พาดำรงมาที่นั่งประธาน เจ๊เต่าออกตัว
“สวัสดีคะเสี่ย” เจ๊เต่าสะกิดสองสาวให้ยกมือไหว้เสี่ย
ทั้งสองยกมือไหว้สวัสดีดำรงพร้อมกัน... “สวัสดีคะ”
“อ้าว...สวัสดีคุณเต่า”
เจ๊เต่ากำลังจะอ้าปากพูด เบอร์รี่รีบตัดหน้า
“ท่านนั่งตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเบอร์รี่ขอตัวไปนั่งด้านหลังก่อนนะคะ”
ดำรงนั่งลงไป พูดไปด้วย
“ไม่เป็นไร มานั่งด้วยกันสิ ฉันไม่มีเพื่อน”
“จะดีเหรอคะ”
“คุณดำรงเค้าเมตตาก็อย่าปฏิเสธสิคะลูก”
เบอร์รี่งลงนั่งข้างๆ ท่ามกลางสายตาที่หมั่นไส้ของทุกคน ป้าไก่เดินมานั่งด้านหลังอีกแถวหนึ่งข้างหลัง เบอร์รี่แอบยิ้มเบาๆให้ป้าไก่ เจ๊เต่าจึงได้โอกาสพูดแขวะ
“น้องเบอร์รี่นี่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของงานเลยนะคะ นี่ถ้าเจ๊ไม่รู้มาก่อนว่าคนตายคือแม่คุณพิม คงนึกว่าต้องเป็นแม่ของน้องเบอร์รี่แน่ๆ เลยค่ะ”
“พี่พิมก็เหมือนพี่สาวของเบอร์รี่ค่ะ แม่พี่พิมก็เหมือนผู้มีพระคุณของเบอร์รี่เหมือนกัน ตอนนี้พี่พิมไม่มีแรงมารับแขก เบอร์รี่ก็ต้องช่วยค่ะ สังคมผู้ดีเขาเรียก เสนอน้ำใจค่ะ...เจ๊รู้จักไหมคะ”
“มันก็มีเส้นบางๆนะคะ ระหว่างเสนอน้ำใจกับการเสนอหน้านะคะ”
ป้าไก่บอ
“มันก็ใช่นะที่ว่า มันมีเส้นบางๆน่ะ...แต่เอ๊...แล้วระหว่างคนที่มางานนี้เพราะน้ำใจหรือแค่อยากเสนอหน้าเอาเด็กตัวเองมาใส่ตะกร้าล้างน้ำขาย เพราะไม่มีปัญญาไปหางานที่อื่นแล้วเนี่ย...ความหมายมันเหมือนกันรึเปล่านะคะ...น้องเบอรี่”
“อีป้าไก่”
“หรือที่ฉันพูดมันไม่จริง”
“เอาล่ะ พอได้ล่ะ นี่งานศพ ให้เกียรติคนเสียชีวิตหน่อย”
ทั้งหมดเงียบแต่ยังส่งสายตาใส่กัน เบอรี่ทำหน้าเยาะเย้ย เจ๊เต่ามองกลับแบบไม่พอใจ ก่อนจะหันมาทำเสียงกระซิบกระซาบกับสองสาว
“นังเบอร์รี่มันไปทำอะไรมาถึงได้กลายเป็นคนรักคนโปรดของคุณดำรงไปซะได้”
“คุณดำรงอาจจะเห็นว่าเบอร์รี่มีความสามารถก็ได้นะเจ๊” เขมปัญฑาว่า
“คนอย่างเบอร์รี่จะมีความสามารถอะไรนอกจากด้านภาษา” เจ๊เต่าว่า
“ภาษาอังกฤษแบบโกอินเตอร์” เวฬุยาบอก
“ภาษากายนี่แหละย่ะ”
“เจ๊...พูดอะไรคะ เค้าอาจจะมีความสามารถจริงๆก็ได้”
เจ๊เต่าทำมือปิดปากทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่งั้นก็หน้าใหม่...มั๊งเจ๊” เขมปัญฑาว่า
“งั้นเราไปกู้เงินไปทำศัลยกรรมกัน พวกเธอจะได้หน้าใหม่ใสปิ๊งมั่ง”
เวฬุยาว่า
“เอ๊ะหรือว่า...อาจจะเพราะเค้าได้ผู้จัดการที่รู้งานก็ได้นะ ป้าไก่น่ะเป็นทั้งนักข่าว ทั้งผู้จัดการ เลยรู้วิธีการทำให้เบอร์รี่เกิด เสียดายเนอะเขม ผู้จัดการเราไม่รอบจัดเท่าป้าไก่”
“นี่! ใครว่าฉันรอบไม่จัด ฉันไม่ได้เป็นผู้จัดการดาราได้เพราะโชคช่วยนะยะ เดี๋ยวคอยดูฝีมือเจ๊ละกัน เจ๊จะพาพวกเธอทุกคนกลับขึ้นแท่นให้ได้เลย”
เจ๊เต่าลุกออกไปหาคุณดำรง
“เจ๊จะไปไหน” เขมปัญฑาถาม
เจ๊เต่าไม่ตอบ เทั้งสองมองตามไป
เจ๊เต่าเดินเข้ามาหาคุณดำรง
“อ้าว เจ๊เต่ามีอะไร”
“ขอโทษที่รบกวนเวลานะคะคุณดำรง แต่พอดีเจ๊เห็นว่าพระยังไม่มาสวดก็เลยอยากมาคุยเรื่องละครของคุณดำรงหน่อยน่ะค่ะ พอดีดาราในสังกัดของเจ๊”
“เรื่องนี้ผมไม่คุยล่ะ”
“โอ้โห เจ๊ กล้าเนอะ! ดาราของเจ๊ทำงามหน้ากับคุณดำรงเอาไว้แท้ๆ คนมันเคยทำเค้าเจ็บ ยังจะคิดว่าเค้าจะให้เข้ามาทำร้ายซ้ำๆอีกเหรอยะ” ป้าไก่บอก
“แต่คนที่เคยทำผิดเอาไว้ต่างหากค่ะ ที่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำอีก แที่ผ่านมา เอี๊ยมทำอะไรไม่ดีเอาไว้เยอะ จะว่าไม่สำนึกก็ไม่เคยหรอกค่ะ จนกระทั่งมาโดนแบนจริงๆ จังๆ เนี่ยแหละ ยังไงก็อยากให้คุณดำรงเมตตา ให้โอกาสน้องเค้าหน่อย”
“พอๆ ไม่ต้องพูดล่ะ”
“แต่คุณดำรงคะ... เรื่องนี้ถ้าคุณดำรงจะโกรธก็โกรธเอี๊ยม แต่เขมกับมะม่วง”
“พอ ไม่ต้องพูด ฉันรู้แล้วว่าเธอจะพูดอะไร”
“ค่ะ”
“ผู้จัดการกับดารานี่พูดเหมือนกันเลยนะ”
“หมายความว่าไงคะ”
“ก่อนหน้านี้เอี๊ยมเค้ามาขอโทษผมแล้วก็พูดเรื่องที่คุณพูดแล้ว เรื่องเขมกับมะม่วง”
“หืม”
ย้อนกลับไป … อรัญภัทรกับดำรงคุยกันในห้อง
“ทำกันขนาดนี้ยังมีหน้ามาพบอีกเหรอ รู้ไหมว่าผมเสียหายไปเท่าไหร่”
“เอี๊ยมไม่ทราบ ทราบแต่ว่าถ้าจะคิดมูลค่า เอี๊ยมก็จะขอใช้คืนให้ด้วยการทำงาน มันก็น่าจะแฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่ายนะคะ”
“นี่ยังกล้ามาต่อรองฉันอีกเหรอ”
“ไม่ได้มาต่อรองค่ะ เอี๊ยมมาขอโอกาสได้ใช้ความเสียหายที่เอี๊ยมก่อ คุณดำรงจะใช้งานเอี๊ยมอย่างไรให้สมกับสิ่งที่เอี๊ยมทำกับคุณดำรงก็ได้ เอี๊ยมไม่คิดค่าตัวส่วนของเอี๊ยมก็ได้ แต่เอี๊ยมแค่อยากให้เจ๊เต่าได้ในส่วนของเค้า และขอให้เพื่อนเอี๊ยมสองคนคือเขมกับมะม่วง กลับมามีงานเหมือนเดิม คุณดำรงลองคิดดูนะคะ ว่าคุณดำรงจะได้ดารามาอัพเกรดละครโดยที่ไม่ต้องเสียค่าตัวให้เอี๊ยมแม้แต่บาทเดียว มันดีขนาดไหน”
เจ๊เต่าคุยกับคุณดำรง โดยมีเบอร์รี่และป้าไก่ฟังอยู่ด้วย
“เอี๊ยมน่ะเหรอคะ เด็กเค้าไปขอโทษเอง คุณดำรงก็ให้โอกาสเค้าหน่อยละกันนะคะ”
“เรื่องโอกาสผมไม่รู้จะให้ดีรึเปล่า เพราะผมก็มีเบอร์รี่อยู่แล้ว อีกอย่างเอี๊ยมมีปัญหาหลายอย่าง ไม่รู้เอามาอยู่ในกองแล้วจะได้หรือเสียมากกว่ากัน คุณก็รู้ประวัติของเด็กในสังกัดตัวเองดีนี่”
เบอร์รี่และป้าไก่ยิ้มสะใจ
“แต่..เดี๋ยวนี้เอี๊ยมเค้าเปลี่ยนไป”
“เจ๊แน่ใจเหรอว่าเค้าจะดีได้ตลอดรอดฝั่ง การันตีให้ผมได้ไหม”
เจ๊เต่าสะอึกไปเพราะไม่แน่ใจเหมือนกัน
“เจ๊เองยังการันตีไม่ได้ ผมก็ต้องคิดหนักเหมือนกันว่าจะเอายังไง เดี๋ยวผมติดต่อเจ๊ไปทีหลังแล้วกัน”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะท่าน”
เจ๊เต่าขอตัวออกมา ท่ามกลางรอยยิ้มเยาะของเบอร์รี่และป้าไก่
เจ๊เต่ากลับมานั่ง สองสาวถาม
“เป็นไงเจ๊”
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ทันได้พูดอะไรคุณดำรงก็บอกเอี๊ยมไปคุยกับเค้าแล้ว”
“เอี๊ยมเนี่ยนะ ไปคุยกับคุณดำรงด้วยตัวเอง”
“ใช่ สงสัยจะเป็นวันนั้นที่เจ๊ไปเจอที่ตึก เห็นคุณดำรงพูดเหมือนกับว่าไปคุยให้พวกเธอสองคนมากกว่าตัวเองน่ะ”
“หืมม์ ยัยเอี๊ยมเนี่ยนะ” เวฬุยาว่า
“บางที อะไรๆ อาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ เมื่อกี้ถึงได้ไม่ทำอะไรคุณพิมเค้าไง ว่าแต่ นี่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เขมเดี๋ยวเขมออกไปหาเอง”
“ฉันไปด้วย”
สองคนออกไปด้วยกัน
อรัญภัทรยืนสงบสติอารมณ์อยู่ที่มุมหนึ่งของวัด พลางถอนหายใจ
“เฮ้อ เกือบทำเสียเรื่องอีกแล้วไง”
วรรษชลยืนแอบมองดูเธออยู่อีกมุมหนึ่ง พลางนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้ยินในคลิป
“ฉันเบื่อเมื่อไหร่ ฉันจะคืนให้เธอทุกอย่าง เพราะทั้งงาน ทั้งคุณวรรษ ฉันไม่เคยอยากได้แม้แต่นิดเดียว รอรับของเศษเดนจากฉันก็แล้วกัน”
วรรษชลตัดใจเดินกลับเข้างาน
ขณะกำลังจะเดินกลับเข้างาน เจอกับสองสาวพอดี
“อ้าว คุณวรรษ เขมนึกว่าอยู่ในงานซะอีก”
“ผมออกมาสูดอากาศน่ะครับ...ขอตัวเข้าไปด้านในก่อนนะครับ” เขากำลังจะเดินไป
เวฬุยารั้งไว้
“คุณวรรษยังคิดมากเรื่องคลิปนั้นอยู่รึเปล่าคะ”
วรรษชลหยุดเดินนิ่งไม่ตอบอะไร
“คุณวรรษคะ...คือ...เขมจะบอกว่า...ที่เอี๊ยมพูดในคลิปนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เอี๊ยมคิดจริงๆนะคะ...คือเอี๊ยมก็แค่”
“ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เอี๊ยมคิด แล้วคุณส่งคลิปให้ผมทำไม”
“เขมไม่ได้เป็นคนส่งนะคะ”
“คุณเขมหมายความว่ายังไงครับ”
“ก็หมายความว่าเขมไม่ได้เป็นคนส่งคลิปนั้นให้คุณยังไงละคะ” เวฬุยาบอก
“ผมไม่เข้าใจ...พวกคุณกำลังจะบอกอะไรผม”
“คุณไม่สงสัยบ้างเลยเหรอคะว่าเขมจะทำแบบนั้นไปทำไม...ไม่มีเหตุผลที่เขมจะต้องทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเอี๊ยมเลยนะคะ”
วรรษชลมองหน้าเขมปัญฑา เธอมองเขาจริงจังเพื่อบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ เวฬุยาพูดเป็นความจริง
“แล้วคลิปนั่น”
“คือ...เขมดูเวลาที่ส่งคลิปไป..มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เรานั่งคุยกันอยู่ที่บริษัทคุณวรรษวันนั้น แล้วโทรศัพท์ของเขมก็ถูกชาร์ตไว้”
“พวกคุณคิดว่าใครเป็นคนทำครับ”
“ก็น่าจะเป็นฝีมือของคนที่ไม่หวังดีที่แอบส่งจากเครื่องของเขมไปให้คุณ”
“คนที่ไม่หวังดี แต่ผมว่า ใครจะเป็นคนส่งก็ไม่สำคัญเท่ากับคำพูดของคนที่อยู่ในคลิปหรอกนะครับ”
อรัญภัทรเดินเข้ามาได้ยินพอดี...เธอหยุดฟังอย่างอึ้งไป
“เขมว่าคุณวรรษลองคุยกับเอี๊ยมให้เข้าใจดีกว่าไหมคะ คุณวรรษเองก็รู้จักเอี๊ยมดีว่าเอี๊ยมเป็นคนยังไง ปากกับใจเอี๊ยมไม่เคยตรงกันอยู่แล้ว สิ่งที่เอี๊ยมพูดออกไป เอี๊ยมแค่ต้องการเอาชนะคุณพิมก็เท่านั้นเอง คุณวรรษอย่าเอาคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำมาตัดสินความเชื่อใจและความไว้ใจที่คุณวรรษได้สัมผัสมันอยู่ทุกวันสิคะ”
“แต่คำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำที่คุณเขมว่า...บางครั้งก็ทำให้ความเชื่อใจและความไว้ใจลดน้อยลงไปได้นะครับ”
“แต่ถ้าจะตัดสินเอี๊ยมจากแค่คำพูดนี้วันนั้น มันก็ดูจะไม่ยุติธรรมสำหรับเอี๊ยมเลยนะคะ” เวฬุยาว่า
“แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม มันยุติธรรมแล้วเหรอครับ”
“แต่คุณวรรษ”
อรัญภัทรเดินเข้ามา
“ถ้าคนเค้าไม่อยากจะฟังคำอธิบาย ก็ไม่ต้องพยายามอธิบายหรอก เสียเวลา! อยากจะเข้าใจยังไงก็เชิญ...ดี...จะได้รู้ว่าที่จริงคุณก็เป็นคนที่ไม่ได้รู้จักเอี๊ยมจริงๆ”
อรัญภัทรเดินสะบัดเข้างานไป วรรษชลมองตามไม่อย่างไม่เข้าใจว่าใครควรจะโกรธใครกันแน่
“เอี๊ยม เอี๊ยม” เขมปัญฑาเรียก
“ก็เป็นซะแบบเนี๊ยะ!” เวฬุยาบอก
“คุณวรรษอย่าถือสาเอี๊ยมเลยนะคะ ถือว่าเขมขอร้อง แล้วก็เลิกเข้าใจผิดกันเพราะคลิปนั่นซะทีเถอะค่ะ”
วรรษชลหันกลับมาคุยกับมะม่วงต่ออย่างสงสัย
“คุณบอกว่ามีคนที่ไม่หวังดี....เป็นใครเหรอครับ”
เวฬุยาบอก
“เราก็ไม่แน่ใจนะคะ แต่ตอนที่เขมชาร์ตแบตโทรศัพท์ไว้ ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น นอกจากเราสามคน...กับเบอรี่ที่เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น...แล้วคุณวรรษคิดว่าจะเป็นใครละคะ”
“ผมว่าเบอร์รี่ไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้นนะครับ”
“น้อยไปสิคะ...คุณวรรษคงไม่รู้ว่า...ไอ้ข่าวที่ว่าคุณพิมทำเบอรี่ตกบันไดนั้นเรื่องโกหกทั้งเพ...เพราะพวกเราไปดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว เบอรี่ทำตัวเองตกบันไดเพื่อใส่ร้ายคุณพิม...ก็ถ้าลองเด็กนั่นกล้าทำเรื่องนั้นได้ ทำไมเรื่องนี้ถึงจะไม่กล้าละคะ”
วรรษคิดตามคำพูดมะม่วง นึกไปถึงวันนั้นที่วรรษชลมองเห็นเบอร์รี่เดินไปบริเวณที่ชาร์ตโทรศัพท์ไว้แล้วหายไป...วรรษชลเริ่มสงสัย
อรัญภัทรเดินเข้ามาในงานแล้วลงนั่งข้างเจ๊เต่า
“ไปไหนมา”
“สงบสติอารมณ์น่ะสิเจ๊ มีแต่เรื่องน่าหงุดหงิด”
เ”เอี๊ยม...คุณดำรงบอกเจ๊ว่า เอี๊ยมเข้าไปคุยกับคุณดำรงมาแล้วเรื่องงาน”
เธอทำเป็นนิ่ง
“แล้วเค้าว่าไงล่ะ ตกลงจะให้เราเข้าไปเล่นละครเค้าไหม”
“เอี๊ยม... ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เจ๊ก็ขอบคุณมากนะที่เอี๊ยมยอมลดทิฏฐิเข้าไปคุยกับคุณดำรงเพื่อเจ๊ เขมแล้วก็มะม่วง”
“ใครบอกเอี๊ยมทำเพื่อเจ๊ เขม แล้วก็มะม่วง เอี๊ยมทำเพราะอยากได้งานของเอี๊ยมเองต่างหาก พวกเจ๊เป็นผลพลอยได้”
“แกจะพูดยังไงก็ช่างเหอะ เอาเป็นว่าฉันขอบใจละกัน แต่ดูเหมือนคุณดำรงจะชอบเบอร์รี่มาก ถึงขนาดให้ไปนั่งเอาอกเอาใจกันตรงนั้น บอกว่าไม่มีเรื่องเสียหายให้ปวดหัว”
“เหอะ.. ไม่มีเรื่องเสียหาย ไม่มีกับผีน่ะสิ”
อรัญภัทรเห็นคุณดำรงนั่ง โดยมีเบอร์รี่นั่งเอาเอกเอาใจเอาน้ำให้อยู่ข้างๆ ก็หมั่นไส้ขึ้นมา เห็นชาวบ้านกำลังยกโจ๊กเข้ามาจะเสิร์ฟ เธอนึกอะไรได้ ลุกขึ้น
“เจ๊ เดี๋ยวมานะ จะไปเอาอกเอาใจคุณดำรงแทนนังเบอร์รี่สักหน่อย”
“เอี๊ยม เดี๋ยว”
เธอลุกออกไป เจ๊เต่ารั้งไว้ไม่ทันอีกแล้ว
“อย่ามีเรื่องนะ ขอร้อง”
ชาวบ้านยกโจ๊กเข้ามา เบอร์รี่มองซ้ายมองขวา ป้าไก่ยิ้มให้คุณดำรง
“เดี๋ยวให้น้องเบอร์รี่เอาโจ๊กมาเสิร์ฟนะคะคุณดำรง ...ไปเอาโจ๊กมาสิ”
เบอร์รี่เดินจะไปหยิบโจ๊ก แต่อรัญภัทรคว้าชามโจ๊กไว้ก่อน
“เสียมารยาท! เอาโจ๊กชามนั้นคืนมานะ นั่นของคุณดำรง”
“อ้อ นี่ของคุณดำรงเหรอ โทษที ฉันไม่รู้ ไม่ได้มีชื่อแปะเอาไว้”
เธอกำลังจะส่งโจ๊กคืนให้ เบอร์รี่กำลังจะคว้า แต่เธอดึงคืน
“ว่าแต่ ทำไมของคุณดำรงแล้วฉันต้องเอาให้เธอด้วยล่ะเบอร์รี่”
“เพราะว่าฉันจะเอาไปให้คุณดำรงน่ะสิ เอามานี่”
เบอร์รี่จะคว้าชาม เธอเอาชามโจ๊กหลบอีกทาง
“ทำไมเธอต้องเอาไปให้คุณดำรงเหรอ เป็นอะไรกับเค้าเหรอ ถ้าแค่เด็กในสังกัดก็ไม่น่าจะต้องเอาอกเอาใจขนาดนี้นี่นา”
“เธอจะหาเรื่องอะไรฉันอีก”
“ฉันเปล่าหาเรื่องนะ ฉันแค่ถามว่าเป็นอะไรกัน”
“ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่จะเอาใจในฐานะลูกน้อง”
“ถ้างั้น...”
เธฮทำเป็นจะส่งโจ๊กคืนให้ เบอร์รี่จะคว้า แต่เอี๊ยมชักชามคืน
“ฉันจะเอาไปให้เอง เพราะฉันก็อยู่ในฐานะเดียวกับเธอ”
อรัญภัทรกำลังจะเดินไป เบอร์รี่หมั่นไส้ ยื่นขาไปขัด นางเอกสะดุด ทำโจ๊กหกใส่พิมพิชชาที่เข้ามานั่งใกล้ๆ ดำรง
“แอร๊ย”
ทุกคนหันมามอง เห็นอรัญภัทรทำโจ๊กหกใส่พิมพิชชา เจ๊เต่าเครียดทันที
“ยัยเอี๊ยม”
นักข่าวรีบถ่ายรูปกันใหญ่
นักข่าว 1 บอก“โอ้โห ตอนแรกเดินผ่านไม่มีเรื่อง ที่แท้กลับไปคิดแผนรอโจ๊กมานี่เอง”
นักข่าว 2 บอก“นึกว่าจะกลับใจได้ ที่แท้ก็เล่นแรงกว่าเดิม!”
พิมพิชชามองหน้า อรัญภัทรตกใจที่ตัวเองทำโจ๊กหกใส่แม่เลี้ยง ก่อนหันไปมอง เบอร์รี่ทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอี๊ยม!”
“อุ้ย โทษทีนะค่ะ เอี๊ยมไม่ได้ตั้งใจ มาๆ เดี๋ยวเอี๊ยมเช็ดให้”
เอี๊ยมหันไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้
บรรดานักข่าวกรูกันถ่ายรูป
นักข่าว 1บอก
“เป็นไปได้ไง เอี๊ยมช่วยพิมเช็ดโจ๊ก”
เธอเช็ดโจ๊กที่หน้าพิมพิชชา เอาเครื่องสำอางออกมาด้วยกลายเป็นยิ่งเลอะ เธอสะใจ
“อุ้ยตาย เลอะหมดเลย เพราะโจ๊กเลยนะเนี่ย”
เธอเช็ดใหญ่ๆ จนหน้าอีกฝ่ายเละเทะ พิมพิชชาแอบหันไปเห็นหน้าตัวเองในกระจกเห็นว่า โดนแกล้งก็ผลักอรัญภัทรออก
“นังเอี๊ยม แกแกล้งฉัน”
“แกล้งอะไร เอี๊ยมพยายามเช็ดให้ต่างหาก”
นักข่าวหันไปเห็นหน้าพิมพิชชาเละเทะก็ถ่ายรูปกันใหญ่
“นั่นไง ไม่ได้ช่วยสักหน่อย แบบนี้มันเอาคืน!”
พิมพิชชาชี้หน้า
“แกทำให้มันเลอะกว่าเดิม!”
ที่ด้านนอก ทั้งสามคน ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายในศาลา
“เสียงอะไรน่ะ” วรรษชลว่า
“เหมือนจะเป็นเสียงคุณพิมนะคะ” เขมปัญฑาว่า
ทั้งสามคนมองหน้ากัน
เวฬุยาบอก
“อย่าบอกนะว่ามีเรื่องกันอีกแล้วน่ะ ยัยเอี๊ยม!”
ทั้งสามคนรีบกลับเข้าไปในงาน
บนศาลา อรัญภัทรบอกขอโทษพิมพิชชาอย่างอมยิ้มนิดๆ
“อุ้ย โทษทีนะพี่พิม เอี๊ยมไม่ได้ตั้งใจ มาๆ เดี๋ยวเอี๊ยมเช็ดให้”
เธอหันไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้พิมพิชชา
นักข่าวถ่ายรูป หน้ายิ่งเลอะ เธอชักสนุก
“อุ้ยตาย เลอะหมดเลย”
พิมพิชชาผลักอรัญภัทรออก
“นังเอี๊ยม นี่แกแกล้งฉันใช่ไหม”
“แกล้งอะไร เอี๊ยมพยายามเช็ดให้ต่างหาก”
พิมพิชชาใช้มือลูบหน้าก็รู้ว่าหน้าเลอะไปหมด
“เช็ดให้สกปรกกว่าเดิมนะสินังบ้า....อร้าย...แกนังเอี๊ยม”
พิมพิชชาเดินไปคว้าชามโจ๊กที่อยู่แถวนั้น สาดออกไปกะให้โดนเธอเต็มๆ แต่เธอหลบทัน
“เสียใจด้วยนะไม่โดน”
เธอทำหน้าเยาะเย้ย แต่พิมพิชชามองข้ามอรัญภัทรไป ตาค้าง ...
วรรษชล กับสองสาวเดินเข้ามาในงานเห็นพอดีก็ตกใจ เจ๊เต่ากับทุกคนในงานมองดูอย่างอึ้งๆไป
เธอหันไปเห็นอานนท์ยืนอยู่ ที่หน้ามีโจ๊กเลอะเต็ม เธออึ้ง!
“คุณพ่อ”
นักข่าวถ่ายรูปกันรัวๆ ป้าไก่มองอย่างสะใจ เจ๊เต่าทำท่าปวดกะบาล อานนท์หันมามองลูกสาว
“นี่มันงานศพนะ...ไม่ให้เกียรติคนเป็นก็หัดให้เกียรติคนตายซะบ้างนะเอี๊ยม”
“แต่...เอี๊ยมไม่ได้เริ่มนะคะ”
“ยังจะโทษคนอื่นทั้งๆ ที่ตัวเองทำผิดอยู่ตำตาอย่างนี้อีกเหรอห๊ะ..ขอโทษคุณพิมเค้าเดี๋ยวนี้”
“ไม่คะ...เอี๊ยมไม่ได้ผิด”
“พ่อบอกให้ขอโทษคุณพิมเค้าเดี๋ยวนี้...ไม่งั้น..แกกับฉันไม่ต้องมาพูดกันอีก”
อรัญภัทรมองพ่อหน้านิ่งแต่น้ำตาคลอเบ้า พิมพิชชามองหน้าลูกเลี้ยงอย่างได้ชัยชนะ ทุกคนที่อยู่ในงานจับจ้องอยู่ แต่สุดท้ายอรัญภัทรก็เดินออกไป
วรรษชลมองตามเธอไป พิมพิชชามองอย่างสะใจ เบอร์รี่มองอย่างสะใจเหมือนกัน ทีมเจ๊เต่าต่างวิ่งตามเอี๊ยมออกไป
อ่านต่อหน้าที่ 4
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 15 (ต่อ)
มุมหนึ่งในวัด อรัญภัทรมายืนสงบสติอารมณ์อยู่ “33 34 35 36”
ทุกคนเดินเข้ามา
“เอี๊ยม”
เธอหันมามองทุกคนไม่พูดอะไร นับเลขต่อ “37 38 39 40”
“เอี๊ยม นี่ที่เรามีข่าวเสียๆ หายๆ จนโดนแบนแบบนี้ยังไม่พอใช่ไหม ต้องหาเรื่องมาให้โดนอีกใช่ไหม ภาพลักษณ์แบบนี้ คุณดำรงเค้าจะว่ายังไง”
เธอหันไปมองหน้าเจ๊เต่าแบบจะเถียง “41 42 43 44 45”
“นี่กวนกันใช่ไหมเนี่ย!”
เธอหงุดหงิดที่ไม่มีใครเข้าใจตัวเอง/น้ำตาซึมน้อยใจ “ 46 47”
เธอเดินออกไป
“ยังจะหนีอีก แบบนี้ทุกทีสิน่า ก่อเรื่องให้ฉันต้องตามล้างตามเช็ดได้ตลอด!”
เธอน้อยใจ ออกมาจากกลุ่ม เขมปัญฑาพยายามปลอบเจ๊เต่าให้ใจเย็น
“เจ๊ เอี๊ยมมันคงพยายามที่สุดแล้วล่ะ”
“ก็มันไม่พอ มันต้องทำได้มากกว่านี้! ไม่งั้นก็จบเห่กันทั้งแก๊งนี่ล่ะ!”
เวลาต่อมา พิมพิชชาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตัวเองและให้อานนท์อยู่ที่หน้าห้องน้ำวัด
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก ห่วงตัวเองเถอะพิม”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะพิมเป็นคนทำให้คุณพี่เลอะเทอะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องขอโทษเลยพิม พิมไม่ผิด คนที่ผิดคือยัยเอี๊ยมต่างหาก”
“พิมเองเป็นผู้ใหญ่แทนที่จะสงบสติอารมณ์ได้กลับโวยวายเหมือนกัน พิมน่าจะมีสติกว่านี้ พิมไม่น่ามัวแต่คิดว่าคุณแม่จะรู้สึกยังไงที่มีเด็กคนนึงมาก่อเรื่องในงาน พิมอยากให้คุณแม่ได้รับเกียรติที่ดีที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย ไม่คิดเลยว่า...” พิมพิชชาสะอื้น
“ยัยเอี๊ยมนี่มันแย่จริงๆ!”
พิมพิชชาแอบยิ้ม
“ท่านอย่าไปว่าเอี๊ยมเลยค่ะ เอี๊ยมคงไม่ชอบพิมจริงๆ ขนาดต่อหน้าศพแม่พิม ยังไม่ให้เกียรติ พิมคงไม่อยู่ให้เอี๊ยมดูถูกศักดิ์ศรีอีกแล้วละคะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“มันคงถึงเวลาที่พิมจะต้องไปแล้วคะท่าน ถ้าพิมยังอยู่กับท่านต่อไป ก็มีแต่จะทำให้ท่านต้องลำบากใจ”
“พิม”
“ยังไงเอี๊ยมก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข พิมเป็นคนนอก เป็นคนมาทีหลัง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งทำให้บ้านท่านร้อนเป็นไฟ ทำให้ท่านขายขี้หน้า ทำให้เป็นเรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวัน พิมรักท่านนะคะ และพิมไม่อยากให้ชื่อเสียงของท่านต้องมาแปดเปื้อนไปมากกว่านี้แล้ว.. พิม... จะเป็นคนไปเพื่อจบเรื่องนี้เองค่ะ”
“ไม่นะพิม...ผมจะไม่ยอมให้คุณไปไหนเด็ดขาด” อานนท์กอดพิม “คุณต้องอยู่กับผมนะ”
“แต่...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วพิม..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผมเองที่ไม่อยู่ดูแลคุณ ไม่ได้อบรมสั่งสอนลูก ผมขอโทษ...พิม..” อานนท์กอดพิมพิชชาไว้แน่น นางแอบยิ้ม
อรัญภัทรเดินเลี่ยงเจ๊เต่าออกมาอีกด้านหนึ่งได้เจอกับวรรษชลที่มองเธอนิ่ง เธอทำตัวไม่ถูก ก่อนจะตัดสินใจจะเดินผ่านไปเขาดึงแขนเธอไว้ เธอดันตัวจะเดินไป
“ปล่อย”
“ไม่”
“บอกให้ปล่อยไง”
วรรษชลดึงมือเธอเอาไว้ เธอน้ำตาไหล วรรษชลเห็นก็อึ้ง เธอสะบัดมือออกแล้วเดินต่อ เขาจะเข้าไปคว้ามืออีก แล้วตัดสินใจเข้าไปกอดทันที เธออึ้ง แล้วพยายามจะสะบัดตัวออก
“ปล่อยนะ”
“ไม่”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ ผมไม่ปล่อย”
“จะมากอดฉันไว้ทำไม ฉันเป็นคนที่เห็นคุณเป็นแค่เครื่องมือเอาชนะเมียน้อยของพ่อ! ฉันมันไม่จริงใจกับคุณเลยไม่ใช่รึไง!”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็หันมาบอกผมด้วยตาของคุณด้วยคำพูดของคุณสิ”
วรรษชลพลิกตัวเธอให้หันมามองหน้าเขา
“พูดสิว่าคุณไม่ได้รักผม และเห็นผมเป็นเครื่องมือเอาชนะพิม พูดสิ”
เธอนิ่ง พูดไม่ออก “ฉัน”
“พูดต่อหน้าผมเลยสิ! ผมก็อยากได้ยินจริงๆ จากปากคุณเหมือนกันว่าเอี๊ยมคนที่มองผมด้วยสายตาร่าเริง ยิ้มให้ผม พูดความลับทุกอย่างของตัวเองให้ฟัง คนนั้นน่ะคิดกับผมแบบนั้น”
เธอน้ำตาไหล “ฉัน... ฉันไม่... ฉันไม่รักคุณ”
วรรษชลกอด
“เอี๊ยม คุณโกหก ผมรู้ ผมรู้”
เธอปล่อยโฮ...
“ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ ทำไมถึงไม่เคยพูดอะไรได้ตามที่ใจตัวเองคิด ทำไมต้องทำเหมือนคนไม่มีหัวใจทั้งๆ ที่คุณอ่อนไหวจะตาย ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ฉันไม่รู้”
“ผมคงไม่บอกให้คุณพยายามทำดีนะเพราะผมรู้ว่าคุณทำไม่ได้ แต่อย่าคิดว่าไม่มีคนเข้าใจคุณ อย่าเดินออกมาร้องไห้คนเดียวอีก เพราะคุณมีผมอยู่นี่ทั้งคน”
“ฉันคิดว่าคุณจะ”
“ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ แต่พอได้คุยกับเขมกับคุณมะม่วง แล้วผมก็รู้ว่าผมต่างหากที่ผิดที่ไม่ไว้ใจคุณ ผมต่างหากที่ไม่ยอมมองคุณเข้าไปลึกถึงข้างในอย่างที่ควรจะมอง ผมขอโทษที่ทิ้งคุณให้เผชิญทุกอย่างคนเดียว”
“วรรษ”
วรรษชลดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง
“จากนี้ไปผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้วนะ...เอี๊ยม...ผมสัญญา”
วรรษชลกอดเอี๊ยมแน่น
เช้าวันใหม่ พิธีกรสองคนกำลังเม้าท์ข่าวแซ่บอยู่
“วันนี้ข่าวแซ่บเพียบ แน่นเอี๊ยดเหมือนเคยนะคะ”
“เริ่มที่อะไรดี เอาแซ่บสุดเลยไหม”
“แซ่บสุดเอาไว้หลังสุดสิคะคู๊ณ เอาแซ่บแบบเผ็ดระดับสองก่อนละกัน ช่องคุณแจ๊ดค่ะ เปิดละครทีเดียว 7 เรื่อง!”
“ตายล่ะ ทีเดียว 7 เรื่อง ดาราวิ่งกันขาขวิดเลยค่ะคู๊ณ ถ่ายเรื่องนี้เสร็จ ต่อเรื่องนั้น ต่อเรื่องโน้น”
“แหม ก็ใช่ว่าจะขาขวิดกันทุกคนนะคะ เพราะบางคนนี่แทบไม่ได้ขยับขาเลยค่ะ เนื่องจากว่าถูกช่องแบนไป ผลมาจากพฤติกรรมที่ไม่เห็นหัวใครเลยค่า”
“ห๊ะ...ใครคะ ใครกัน”
“จะใครซะอีก ก็เอี๊ยมไงคะ ไม่รู้ทุกวันนี้ทำอาชีพนักแสดงหรือนักสร้างกระแส คราวนี้ไม่ได้ตกงานคนเดียวนะคะ เล่นเอาเพื่อนในสังกัดตกไปด้วยกันเลยค่า”
“แปลว่า เขม กับมะม่วงก็ตกงานไปด้วยเลย งานนี้บอกได้คำเดียวค่ะ ซวยนะคะ ซวยคะ!”
“อย่าเรียกว่าซวยเลยค่ะ งานนี้คุณแจ๊ดเค้ามีเหตุผล ไปฟังกันเลยดีกว่าค่ะ”
ตัดเข้าสัมภาษณ์แจ๊ด
“ผมคิดว่าต้นสังกัดต้องรับผิดชอบกับดาราที่ตัวเองดูแลอยู่เหมือนกัน ถ้าดูแลไม่ได้ก็อย่าเป็นผู้จัดการดารา หรือดูแลเด็กของตัวเองเลย ความรับผิดชอบต่อคนอื่นก็ต้องมี มีความสามารถอย่างเดียวอยู่ในวงการไม่ได้นะครับ”
“แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับมะม่วงและเขมรึเปล่าคะ”
“ผมว่ายุติธรรมดีเพราะถือว่าสังกัดเดียวกันต้องช่วยดูแลกันนะครับ”
พิธีกรเม้าท์ข่าวกันต่อ
“ค่ะ นี่ก็คือเหตุผลของคุณแจ๊ดนะคะ เราเห็นท่าทีของช่องใหญ่ไปล่ะกับดาราสังกัดนี้ ทีนี้มาช่องใหม่ที่เคยมีข่าวกับดาราสังกัดนี้กันบ้าง”
“ต๊าย อย่าบอกนะคะว่าผลุบจากช่องนั้นไปโผล่ช่องนี้”
“ตอนแรกก็นึกว่าอย่างนั้นค่ะ แต่อย่าลืม คุณดำรงก็เคยเจ็บมาแล้ว จากการที่อยู่ดีๆ เอี๊ยมก็ชิ่งเฉย แล้วคุณดำรง เจ็บแล้วจบค่ะ ข่าวดี ได้ซุปตาร์หน้าใหม่!! นี่!”
ขึ้นรูปเบอร์รี่
“เบอร์รี่!! นางมีฉายาใหม่นะคะรู้ยัง? ชื่อเนี้ยคุณดำรงตั้งให้เองเลย ไปฟังสัมภาษณ์ดีกว่าค่ะ”
ตัดเข้าสัมภาษณ์ดำรง
“ผมเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องชอบเบอร์รี่ เป็นนักแสดงที่น่ารัก นิสัยดี รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ คนแบบนี้จะอยู่ในวงการได้นาน อีกหน่อยพวกคุณจะเรียกเค้าว่าซุปตาร์ได้เลยล่ะ”
“ซุปตาร์เลยเหรอคะ”
“ใช่ เด็กเค้ามีเสน่ห์ มีของ อีกหน่อยได้เรียก ซุปตาร์เบอร์รี่แน่ ไม่สิ ดูแบ๊วไป ต้องตั้งให้สมกับความเซ็กซี่ของน้องเค้าหน่อย”
“ซุปตาร์อะไรดีล่ะคะ”
“ซุปตาร์ผลไม้ป่า”
พิธีกรเม้าท์ข่าวกันต่อ
“ซุปตาร์ผลไม้ป่าค่ะท่านผู้ชม”
“ว่าแต่นางลงละครเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องนั้นคุณดำรงแกปิดปากเงียบ บอกว่าไหนๆก็เป็นผลไม้ป่า ก็ขอเป็นป่าลึกลับก่อนก็แล้วกัน”
“ว่าแต่มาตั้งเองแบบนี้มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ”
“ไม่เร็วไปหรอกค่า เพราะอะไรเหรอคะ เพราะว่าคุณดำรงแกบอกว่า ‘ไม่เป็นวันนี้ก็จะปั้นจนกว่าจะเป็น!’ แหม่ น่าติดตามกันจริงๆเลยนะคะ สำหรับเส้นทางบนวงการของซุปตาร์ผลไม้ป่าคนนี้”
เจ๊เต่ากำลังปิดทีวีข่าวบันเทิง
“โอ๊ย ปุบปับๆ ก็ดังเปรี้ยง ดูเด็กฉันแต่ละคนสิ กว่าจะแคสต์กว่าจะปั้นขึ้นมาได้ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยบั้งไฟพญานาครึไงถึงได้พุ่งพรวดๆๆๆๆ แบบนี้ห๊ะแม่คุ๊ณ”
พิธีกรสองคนยังเม้าท์ข่าวอยู่
“มาถึงข่าวแซ่บเผ็ดระดับสี่ดีกว่า”
“อันนี้ไม่เรียกระดับสี่ อันนี้เรียกระดับแปดค่ะคู๊ณ!! เมื่อวานค่ะ ใครจะไปคิดว่างานศพก็ตบกันได้! คู่เดิม คู่กัดตลอดกาล แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงซุปตาร์ฆ่าไม่ตาย ชีนี่ท่าใหญ่มีเรื่องได้ทุกที่จริงๆเลยนะคะ”
“ไม่รู้จะเรื่องอะไรนักหนานะคะ งานศพแม่คุณพิมก็ไม่เว้น”
“แหมก็ภาพมันบาดตาบาดใจใครจะไปทนไหวคะคุณ”
“ภาพอะไรเหรอคะ คุณพ่อเหรอคะ”
“ไม่ใช่เรื่องคุณพ่อค่ะ แต่เป็นเรื่องคุณวรรษ ที่เค้าเมาท์กันว่าเคยเป็นอดีตแฟนของคุณพิมมาก่อนนี่เองค่า”
พิมพิชชาที่กำลังดูทีวีรายการเมาท์ข่าวอยู่ทำหน้าเครียด
“อย่าบอกนะว่าจะเอาตอนที่ฉันกอดวรรษมาออกน่ะ”
อานนท์เดินลงมาจากบ้านพอดี
“ดูอะไรอยู่พิม”
นางรีบเปลี่ยนช่อง “ เอ่อ ดู ฟุตบอลค่ะ”
อานนท์มองทีวี
“นั่นเบสบอล เปลี่ยนช่องกลับไปที่เดิมสิ”
“เอ่อ...”
“ผมรู้ว่าคุณห่วงผมเรื่องข่าวของเอี๊ยม แต่ผมชินแล้วล่ะ แล้วรู้มันก็ดีกว่าไม่รู้ เปลี่ยนคืน”
“แต่”
“ผมต้องเปลี่ยนเองใช่ไหม”
อานนท์จะเข้าไปคว้ารีโมท แต่พิมพิชชาตัดสินใจเปลี่ยนช่องให้
พิธีกรเม้าท์ข่าวต่อ
“เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีภาพยืนยัน นี่ค่ะ”
ในข่าวเป็นภาพพิมพิชชากอดวรรษชล
อานนท์หันมามองหน้าพิมพิชชา
“โอ่ว...อะไรนะคะ...คุณวรรษเป็นอดีตแฟนเก่าคุณพิม...ม่ายนะ...ม่าย”
“ก็เพราะเป็นแบบนี้ถึงได้ตบกันให้นัวเลยยังไงละคะ คนนึงแย่งคุณพ่อ คนนึงแย่งแฟนเก่า”
“เอ่อ...พิมอธิบายได้นะคะ”
“ผมไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าคุณกับวรรษ”
“เรื่องนี้พิมผิดเองค่ะที่ไม่ได้บอกท่านก่อน เพราะพิมไม่คิดว่ามันสำคัญ อีกอย่างพิมกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรกันแล้ว”
“แต่คุณกอดเค้าในงานศพ”
“ใช่ค่ะ พิมกอดเค้า แต่นั่นก็เพราะว่าพิมต้องเหนื่อยอยู่คนเดียวทั้งเรื่องเอี๊ยมและเรื่องแม่ ไหนจะเรื่องงานศพอีก พิมไม่ไหวจริงๆคะ...เวลานั้นวรรษเป็นคนเดียวที่รู้จักพิมกับแม่...และวรรษก็เป็นคนเดียวที่พึ่งได้ เพราะท่านก็อยู่ไกลเหลือเกิน”
“พิม”
“พิมขอโทษคะท่าน พิมขอโทษจริงๆนะคะ”
“โธ่พิม...ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณต้องการผม ขอโทษนะ” อานนท์ดึงพิมพิชชาเข้ามากอดไว้ “ผมขอโทษพิม”
“ไม่เป็นไรคะท่าน...พิมอยากให้ท่านรู้ไว้นะคะว่า ไม่มีใครแทนที่จะมาแทนที่ท่านได้คะ”
อานนท์กอดพิมพิชชาที่ทำหน้าตายเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ในใจก็คิดว่าได้ชัยชนะเหนืออรัญภัทรอีกแล้ว
ต่อมา เจ๊เต่าง่วนอยู่กับการดูทวิตเตอร์ในมือถือตัวเอง
“ตายแล้วๆซุปตาร์ผลไม้ป่าจะมาแรงแซงทางโค้งอยู่แล้ว”
สองสาวเดินเข้ามา
“บ่นอะไรน่ะเจ๊”
“จะอะไรซะอีกล่ะ ก็นังเบอร์รี่น่ะสิ กำลังมีกระแสแรงสุดฤทธิ์มากกว่ายัยเอี๊ยมซะอีก”
“อ้าว แทนที่จะดีใจที่คนเค้าพูดถึงเรื่องแย่ๆ ของเอี๊ยมน้อยลง” เขมปัญฑาบอก
“คนพูดเรื่องแย่ของเอี๊ยมน้อยลงก็ดีนะสิ แต่นี่พูดเรื่องเบอร์รี่มากกว่าเรื่องพวกแกหรือเอี๊ยมมันดีที่ไหนล่ะ เท่ากับว่าทางนั้นเค้าก็จะปั้นดาราเค้าเองได้ไม่ต้องพึ่งเรา แล้วเจ๊จะเอางานที่ไหนทำ เอาเงินที่ไหนไปซื้อผู้ชายล่ะคะ”
“โธ่เจ๊ บ่นไปแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ เรื่องมันเกิดไปหมดแล้ว” เวฬุยาว่า
“แต่ใช่ว่าเราจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้สักหน่อย เจ๊จะทำแอนตี้เบอร์รี่ เผื่อกระแสจะได้ลดลง แล้วเราจะได้เอาตัวเองเข้าไปเสียบแทนได้ ดีมะๆ”
“เจ๊ ถ้าเบอร์รี่มีฝีมือ ต่อให้มีแอนตี้เป็นร้อยเป็นพัน ยังไงเบอร์รี่ก็อยู่ได้ ทำไปก็เท่านั้นแหละ เผลอๆ นังป้าไก่เห็นแอนตี้ขึ้นมาเอาไปสร้างกระแสต่ออีกว่ามาจากเรามันจะยิ่งแย่นะ” เขมปัญฑาว่า
“จริง อีกอย่างคนเราจะอยู่วงการได้นานได้เป็นซุปตาร์จริงๆ ไม่ใช่แค่กระแสวันนี้สักหน่อย มันต้องมีฝีมือ มีวินัยและก็มีอะไรอีกตั้งเยอะนะคะ”
“ที่พวกเธอพูดมันก็ถูก...จะเป็นซุปตาร์ได้..มันต้องอาศัยองค์ประกอบอะไรอีกเยอะ...เฮ้อ....เจ๊จะคอยดูว่าคนอย่างเบอรี่จะไปได้ซักกี่น้ำกัน”
ดำรงดูเทปที่เบอร์รี่แอคติ้งอยู่กับทีมงาน
“เอาไปเรียนการแสดงแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เห็นจะดีขึ้นเลย แบบนี้เป็นซุปตาร์ไม่ได้แน่ๆ”
ผกก. บอก
“เอาอย่างนี้ไหมครับคุณดำรง เราลองเปลี่ยนบทให้น้องเบอร์รี่เค้าเล่นง่ายที่สุด แต่ก็ต้องประกบกับคนที่เล่นดีๆ ที่จะช่วยดึงน้องเค้าได้ดีกว่าไหมครับ”
“แล้วคุณคิดว่ามีดาราคนไหนที่จะมาช่วงดึงเบอร์รี่ได้เหรอ”
โปรดิวเซอร์บอก
“คนคนนี้...ถ้าเอาเข้ามานอกจากจะช่วยเบอร์รี่ได้แล้ว น่าจะกลายเป็นกระแสให้กับละคร รวมทั้งดีต่อภาพลักษณ์คุณดำรงด้วยนะครับ”
“ใคร”
“เอี๊ยมเนี่ยนะ”
“ค่ะ นอกจากฝีมือการแสดงของเอี๊ยมที่แทบจะไม่มีใครเทียบชั้นแล้ว ตอนนี้ยังได้กระแสว่าเอี๊ยมกลับมามีพื้นที่ แล้วคุณดำรงยังจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้โอกาสให้งานกับเอี๊ยมอีกด้วยนะคะ”
“กลัวว่าเอามาแล้วจะมีปัญหาน่ะสิ”
“มาคนเดียวมีปัญหาแน่ค่ะ แต่ถ้ามาสามคน เอี๊ยม เขม มะม่วง ไม่น่าจะกล้ามีปัญหานะคะ”
ดำรงคิดไปถึงวันที่คุยกับเอี๊ยมแล้วยิ้มร้าย....
วรรษชลนั่งเหม่ออยู่กับโทรศัพท์ คิดว่าจะโทร.หาอรัญภัทรดีหรือไม่โทร.หาดี
“ตรงนี้จะให้เฝด หรือว่าตัดไปธรรมดาดีครับ”
วรรษชลไม่ตอบ ป้อมชะเง้อมองแล้วถามอีกที
“ตรงนี้จะให้เฝดหรือตัดไปดีครับ”
วรรษไม่ตอบ ป้อมชะเง้อแล้วถามอีกที
“ตกลงจะโทร.หรือไม่โทร.ดีครับ”
“ก็ว่าจะโทร. แต่ไม่รู้ตื่นรึยัง”
“โอ้โห ทีอย่างนี้ตอบ ทีถามเรื่องงานไม่ตอบ”
“ห๊ะ อะไรนะ ถามอะไรนะ”
“ผมถามว่าตรงนี้จะเฝดหรือตัดไป แต่ถามยังไงก็ไม่ได้คำตอบ พอถามเรื่องสาวเข้าหน่อยนี่ตอบไวเชียว วันก่อนยังเห็นหงุดหงิดๆ โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้มุมห้อง วันนี้นี่นั่งจ้องทั้งวัน มีอะไรรึเปล่าคับพี่”
“ไม่มีอะไร”
“คนไม่มีอะไร เค้าไม่มานั่งจ้องโทรศัพท์ไปยิ้มไปแบบนี้หรอกพี่ ทำไมเหรอพี่ เป็นแฟนกันแล้ว หรือรุ่นนี้ไม่ต้องเป็นแฟน แต่งได้เลย”
“ไอ้นี่! มีเวลาก็เอาไปตัดไม่ใช่เอามาแซว”
“ก็แล้วจะให้เฝดหรือตัดไปล่ะครับ”
“ตัดเว้ย”
“ตัดอะไรดี ตัดใจไม่โทร.ไป หรือตัดยังไงก็ห้ามใจไม่ได้”
“ไม่รู้ตัดอะไรแน่ แต่ถ้าแซวต่อตัดเงินเดือน”
“อุ่ย”
วรรษชลเดินออกมาจากห้องตัดแล้วยิ้มอยู่คนเดียว มองโทรศัพท์ของตัวเอง
ฝ่ายอรัญภัทรจ้องมองโทรศัพท์ของตัวเองอยู่เช่นกัน ยิ้มแล้วถอนหายใจอย่างเป็นสุข
“เฮ้อ”
“จากนี้ไปผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้วนะ...เอี๊ยม...ผมสัญญา”
“เฮ้อ”
เธอนอนกอดตัวเองแบบเคลิ้มๆ
ฝ่ายเจ๊เต่าคุยกับสองสาวอยู่
“นี่ยัยเอี๊ยมยังไม่ออกมาจากห้องอีกเหรอ”
“คะเจ๊” เขมปัญฑาว่า
“สงสัยคงจะเครียดมาก ... แต่ก็ดี ให้เครียดซะบ้างจะได้รู้สึก! ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังก็เป็นซะอย่างนี้แหละ”
เสียงโทรศัพท์เจ๊เต่าดังพอดี
“ว้าย งานเข้า งานเข้า” เจ๊เต่าจะรับ
“งานเข้าหรือเจ้าหนี้” เวฬุยาถาม
“ฮือ ต้องเป็นเจ้าหนี้แน่ๆ ถ้าคิดตามหลักเหตุผลสภาวการณ์ของพวกเราในตอนนี้แล้ว...เจ๊จะต้องไม่รับ...เจ๊จะต้องไม่รับ” เจ๊เต่าวางโทรศัพท์ไว้เอามือปิดหูหลับตา
“แล้วเจ๊จะไม่รับเหรอ...เผื่อมีคนติดต่องานมาไง”
เจ๊เต่าลืมตาขึ้นคิดตาม หยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“สวัสดีค่ะ เต่าค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีเงินจ่ายขอผลัดไปก่อนนะคะ...ห๊ะ...อะไรนะคะ...งาน!”
สองสาวหูผึ่ง
“เรื่องอะไรนะคะ...เรือนรักริษยา...เอ่อ...ว่างค่ะว่าง ว่างไปถึงศตวรรษหน้าเลยค่ะ ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ”
“งานเข้าจริงๆ เหรอเจ๊!” เวฬุยาถาม
“ใช่ ทีมงานของคุณดำรงโทร.มาบอกว่าพวกเธอสามคนจะได้เล่นละครของเค้า”
สองสาวดีใจ
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าที่เอี๊ยมไปคุยได้เรื่องจริงๆ สินะ”
“เออๆ ฉันยอมรับก็ได้ว่าบางทีเอี๊ยมก็ทำเรื่องดีๆ เหมือนกัน พวกเธอสองคนก็อย่าลืมไปขอบใจเอี๊ยม แล้วใครมีเรื่องอะไรก็รีบเคลียร์ๆ กันซะล่ะ อย่าไปตีกันเองในกอง งานเนี่ยไม่ได้ได้มาด้วยโชคนะยะ!”
ทั้งคู่รับคำ “ค่า”
อรัญภัทรยังนอนอยู่ หยิบโทรศัพท์ตัวเองจะขึ้นมากดโทร.หาวรรษชล แล้วก็ตัดสินใจไม่กดแล้วโยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัว
“จะโทร.ไปทำไมล่ะเอี๊ยม..ต้องรอเค้าโทรมาสิ”
เธอยื่นหน้าไปมองโทรศัพท์
“แล้วทำไมไม่โทร.มาล่ะ หรือไม่กล้าโทร. เราโทร.ไปหาเองเลยดีไหม”
เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีก
“ไม่ๆ โทร.ไปก็เสียฟอร์มสิเอี๊ยม”
เธอจะวางโทรศัพท์อีก พอดีวรรษโทร.มา เธอตกใจ จะกดรับ
“ไม่ได้ รับเร็วไป รอแป๊บ”
เธอรอให้ดังนานสักพัก
วรรษชลยืนโทรศัพท์อยู่
“ยังไม่ตื่นหรือว่าเป็นอะไร”
เธอยังรอโทรศัพท์อยู่ สักพัก กดรับ
เธอทำเป็นโกรธ
“ ฮัลโหล”
“เอี๊ยม เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นรึยัง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ทุกเรื่องแหละ ทั้งเรื่องที่งานศพ แล้วก็เรื่องของ...เรา”
“มันก็อยู่ที่คุณนั้นแหละ ที่เข้าใจเอี๊ยมรึเปล่า”
“ถ้าผมบอกว่าเข้าใจแล้ว ก็แปลว่าเราจะกลับมา เหมือนเดิมใช่รึเปล่า”
“ก็คงงั้นมั้ง”
“ งั้นผมเข้าใจแล้ว”
“เหรอ”
“ฮืม...ทีนี้กลับมา ดีกันนะ”
เธอแอบยิ้ม
“ว่าไง คืนดีกันยัง”
“จะแค่พูดแค่นี้ก็คืนดีกันเลยเหรอ”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง จะให้พาไปกินข้าว ดูหนัง หรือว่าไปเที่ยวก็ได้นะ ยอมหมดเลย”
“งั้นต้องพาเอี๊ยมไปกินดีๆ ดูหนังสนุกๆ แล้วก็เที่ยวที่สวยๆก่อนละกัน”
“ได้ นัดมาเลย วันไหนคุณว่าง ผมจะเคลียร์คิวให้เลย”
“งั้นเอี๊ยมขอไปดูตารางก่อนนะ แล้วเดี๋ยวบอกอีกที แค่นี้นะ”
เธอวางสาย แล้วแอบเขิน
“ไปบอกเจ๊เต่าก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าเราหายไปดื้อๆ อีก”
เธอเดินไปเปิดประตูจะออกไปข้างนอก ปรากฏเจอสองสาวที่แอบฟังอยู่
“ไม่ได้ตั้งใจนะ บังเอิญได้ยิน”
อ่านต่อตอนที่ 16