xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากนางเอก ตอนที่ 13

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 13
เวลากลางคืน อรัญภัทรเดินงุ่นง่านภายในห้อง ท่าทางเหมือนคิดไม่ตก เสียงของวรรษชลยังดังก้อง

“การโกหก มันเป็นจุดแรกที่ทำลายความศรัทธาของประชาชน”
ยิ่งนึกถึงเรื่องทีป้าไก่ด่า เธอยิ่งทุกข์ใจ

วันใหม่ เจ๊เต่ากำลังเลือกเสื้อผ้าในร้านเสื้อ ท่าทางยุ่งมากและหน้าตาเครียดมาก ขณะหันมาถามอรัญภัทรด้วยอาการงุนงงไม่เข้าใจ
“เอี๊ยมจะแถลงข่าว ขอโทษ และบอกว่ากำลังคบกับคุณวรรษ”
เธอพยักหน้าหงอยๆ “ค่ะ”
เจ๊เต่ามองระอาหมั่นไส้มาก
“เอี๊ยม...คนดูไม่ใช่เพื่อนเล่นของเอี๊ยมนะ ที่เอี๊ยมจะบอกอะไรแล้วเค้าจะเชื่อ เค้าจะยอมรับในความตรงแบบบ้าๆบอๆของเอี๊ยมน่ะ วันนึงปฏิเสธ อีกวันยอมรับ คิดได้ยังไง” เจ๊เต่าระอามาก จัดเตรียมเสื้อผ้าต่อ
“ก็เอี๊ยมสำนึกผิดแล้วไง ไม่ดีเหรอ”
“ดี...ถ้ามันเป็นครั้งแรก แต่นี่มันกี่ครั้งแล้วที่เอี๊ยมสร้างปัญหา แล้วก็ด่ากราดคนนั้นคนนี้ พอจะโดนแบนจริงๆก็สำนึกผิด ที่สำคัญ...คิดเหรอ ว่างานนี้คุณวรรษเค้าจะเล่นกับเอี๊ยมด้วย”
เธอมองเจ๊เต่าไม่เข้าใจ
“คุณวรรษเค้าก็มีศักดิ์ศรีนะจ้ะ ไม่ใช่ว่าเค้าจะยอมให้เอี๊ยมจูงจมูกไปซะทุกอย่าง เอี๊ยมว่าเค้าขนาดนั้น...เกิดเค้ากลับลำ บอกไม่ได้คบ เอี๊ยมมโนอยู่คนเดียว เอี๊ยมนั่นแหละจะแย่”
เธอหน้ามุ่ยไม่รู้จะทำยังไง เจ๊เต่าว่าต่อแบบจริงจัง
“เจ๊ว่า...ปล่อยข่าวให้มันเงียบๆไปดีกว่า อีกซักระยะ จะทำอะไรค่อยทำ ตอนนี้ เจ๊ว่าเอี๊ยมหางานอะไรทำไปก่อน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน หรือ มาช่วยเจ๊ทำคอสตูมเอามั้ยล่ะ”
เธอมองงง สงสัย
“เจ๊พูดแปลกๆ แล้วงานละครล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน....ตอนแรก ช่องว่าจะมีละครให้เล่น แต่พอมีข่าวเอี๊ยม ก็เงียบไปอีก แต่เจ๊ก็เข้าใจช่องนะ ถ้าจะปั้น เจ๊คงเลือกปั้น ดาราที่นิสัยดี ตั้งใจทำงาน ไม่ใช่มีแต่เรื่องวีนเหวี่ยง ข่าวฉาวๆอย่างเอี๊ยม”
เสียงมือถือดัง เจ๊เต่ารับสายคุยงาน
“ค่าคุณน้อง เจ๊กำลังมาเลือกชุดไปพรีเซนต์พรุ่งนี้ รับรอง ทั้งฮิบทั้งเก๋ทั้งชิค เหมาะกับโปรดักชั่นเริ่ดๆของคุณน้องแน่ค่า”
อรัญภัทรถอนหายใจ เหมือนเจ๊เต่าก็จะไม่สนใจเธอเหมือนกัน เธอหน้าเศร้าจะเดินออกจากร้าน เจ๊เต่าหันมาบอก
“เจ๊เคยบอกเอี๊ยมอยู่ตลอดใช่มั้ย?...ดาราเกิดใหม่ทุกวัน ถ้าไม่ใช่ตัวจริง เก่งจริงอยู่วงการได้ไม่นานหรอก” เจ๊เต่าหันไปทำงานต่อ อรัญภัทรหน้าจ๋อย

ในร้านอาหาร พิมพิชชานั่งกินอาหารไป พลางดูไอแพดไป ไม่เห็นมีข่าวของตัวเองเลย พิมพิชชาถอนหายใจ พึมพำ
“ นี่ดวงเราจะไม่ได้เป็นคนดังจริงๆเหรอ”
นางถอนหายใจ เสี่ยดำรง ท่าทางเชยๆแบบคนรวยสมัยก่อน นั่งมองนางอยู่นาน ค่อยๆเดินเข้ามาหาถามสุภาพ
“คุณพิมใช่มั้ยครับ”
พิมพิชชามองงง
“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ”
“คุณพิมไม่รู้จักผม...แต่ผมรู้จักคุณพิม เพราะตอนนี้คุณพิมฮอตมาก ฮอตปรอทแตก ผมอยากให้คุณพิมมาเล่นละครของผมมากๆเลยครับ”
นางตกใจตาเหลือก “หือ”
“จริงๆนะครับ ผมอยากให้คุณพิมมาเล่นละครของผม”
พิมพิชชามองงง งงทุกอย่าง ทั้งไม่รู้จักเสี่ย ทั้งเรื่องละคร เสี่ยดำรงรีบแนะนำตัว
“ผมชื่อดำรง เมื่อก่อนอยู่สายหนัง แต่บอกตรงๆ ตอนนี้ผมทำหนังไทยไม่รอด ไม่ใช่ไม่มีฝีมือนะ แต่สายหนังตอนนี้มันจำกัดแต่ค่ายใหญ่ๆ ต้องได้แต่ดาราดังๆมาเล่น ไอ้ผมมันคนไม่มีค่าย เจอการบล็อกเด็กจากต้นสังกัด ผมก็แย่สิ...ตอนนี้ผมเลยเบนมาทำละคร”
“แล้วคุณดำรงทำช่องไหนคะ”
ดำรงพูดอย่างภูมิใจมาก
“ช่องของผมเอง”
พิมพิชชาตาโตสนใจ
“ช่องของคุณดำรงเอง”
“แน่นอน ผมประมูลมาได้” ดำรงคุยฟุ้ง “ถึงหน้าตาท่าทางผมจะออกไปทางตี๋ฮ่องกง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ แต่ผมเกิดเมืองไทย โตเมืองไทย เป็นคนไทย ผมรู้จริงๆแล้ว คนไทยชอบละครร้ายๆแรงๆ ถึงปากคนดูจะบอกว่าต้องทำละครสร้างสรรค์ เพื่อชี้นำสังคม แต่คุณพิมสังเกตมั้ย ละครแย่งผัวแย่งเมีย ร้ายๆแรงๆนี่แหละ ทำทีไรเรตติ้งกระฉูดพุ่งทะลุทะลวง แถมยังมีกระแสอีก”
พิมพิชชาสนใจมากๆ ดำรงพูดต่อ
“ให้ 100 NGO ออกมาด่าเลย ยังไง ละครที่อยู่คู่ประเทศไทยต้องร้ายๆแรงๆแย่งผัวแย่งเมียกัน คุณพิม...สนใจมั้ย”
พิมพิชชาสนใจ แต่ไว้ท่า
“ก็...สนใจค่ะ แต่พิมไม่อยากเล่นละครร้ายๆแรงๆอย่างเดียว พิมอยากเล่นละครที่ให้แง่คิดกับสังคมด้วย”
“โหย! เรื่องให้แง่คิด ละครทุกเรื่อง มีแง่คิดอยู่ในตัวมันเองทั้งนั้นแหละครับ แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน คนดูต่างหากที่ทำให้มันไม่มีแง่คิด”
“ยังไงคะ”
“ก็ถ้าละครช่องที่ตัวเองเชียร์อยู่ทำแล้วเปรี้ยงคิดมา ..โอ๊ย!สารพัดคำอวย แต่ถ้าฝั่งตรงข้ามเกิดเปรี้ยง ปากหมาด่าเค้าไว้ก่อน ร้ายๆแรงๆอย่างเดียว ไม่มีแง่คิด เพราะฉะนั้น คุณพิมไม่ต้องไปแคร์ และอีกอย่าง” ดำรงยิ้มๆ
“อะไรคะ”
“ผมมีพนักงานคอยอวย ถ้าละครของผมออนแอร์เมื่อไหร่ เรามีฝ่ายอวยโดยเฉพาะครับ ได้ดู..ไม่ได้ดู...เราจะอวยไว้ก่อน ถ้าไม่ถูกแบน หรือว่าถูกจับได้ เราจะอวยกันต่อไป...คุณพิมไม่ต้องห่วงนะครับ...ละครที่คุณพิมเล่นต้องเปรี้ยงแน่นอน”
พิมพิชชายิ้ม ตาเป็นประกายวิ๊งๆๆ ดำรงฟุ้งต่อ
“ผมจะปั้นให้คุณพิมเป็นนางเอกที่ดังที่สุด เราจะทำละครร้ายๆแรงๆ คว่ำทีวีมันทุกช่องเลย คอยดู”
พิมพิชชายิ้มดูก็รู้ว่าไม่ปฏิเสธ

เวลาเดียวกัน เบอร์รี่กำลังปัดกวาดเช็ดถูออฟฟิศ พลางโทรศัพท์ เบอร์รี่ตาเหลือกตกใจ
“อะไรนะคะพี่ไก่ พี่พิมจะได้เล่นละคร”
ป้าไก่อยู่ที่กองถ่ายแห่งหนึ่ง คุยสายท่าทางไม่สบายใจ
“ใช่...สายของพี่เพิ่งโทร. มาบอกเดี๋ยวนี้เอง”
“เป็นไปได้ยังไง”
“นั่นน่ะสิ..เป็นไปได้ยังไง ขนาดหนูถอดออกมาทั้งเต้า ยังไม่ได้เล่นละครเลย”
“ก็ไหนพี่ไก่บอกหนูจะได้เล่น”
“ใช่..หนูได้เล่นแน่ๆ แต่เค้ายังไม่เปิดกล้อง แต่ของยัยพิมนี่ คุณดำรงเค้าพร้อมเปิดกล้องเลยภายในเดือนหน้า”
“หา!”
“เราต้องช่วยกันคิดแล้วล่ะเบอร์รี่ ว่าจะทำยังไง ยัยพิมมันถึงจะไม่ได้เล่นละคร”
เบอร์รี่นิ่งไปนิดก่อนพูด
“เรื่องต้องถึงหูพี่เอี๊ยมแล้วล่ะค่ะ”
ป้าไก่งง ไม่เข้าใจ เบอร์รี่จะทำยังไง? ในขณะที่เบอร์รี่ยิ้มเจ้าเล่ห์

ในคอนโดฯ อรัญภัทรนั่งเล่นมือถือไปเรื่อย พลางคุยโทรศัพท์
“หนูอยากเจอพี่เหรอคะ”
ท่ามกลางความมืดในห้องส่วนตัว เบอร์รี่บอกนางเอกสาวเสียงละห้อย
“ค่ะ”
“มีอะไรรึเปล่า”
“หนูรู้สึกช่วงนี้เราไม่ค่อยเจอกัน...แล้วก็รู้สึกว่าพี่เอี๊ยมแปลกๆ ไม่เมตตาหนูเหมือนก่อน หนูเลยไม่สบายใจน่ะค่ะ หนูขอเจอพี่เอี๊ยมได้มั้ยคะ”
“ได้สิ...พี่ก็อยากเจอหนูเหมือนกัน”
เวฬุยาที่นั่งดูทีวีในห้อง หันขวับมามอง ขณะที่เบอร์รี่ว่า
“งั้น..พรุ่งนี้หนูไปหาที่คอนโดนะคะ” เบอร์รี่เหน็บ แต่ถามอ่อยๆ “พี่เอี๊ยม...ไม่มีงานใช่มั้ยคะ”
เอี๊ยมรู้สึกแปลกๆแต่บอก “ฮื่อ”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่คอนโดพี่เอี๊ยมค่ะ”
เบอร์รี่วางสายหน้าตาเจ้าเล่ห์
เวฬุยาแอบคิดตามมีเรื่องอะไร
“นี่เธอยังไม่เข็ดยายเด็กมิกซ์เบอร์รี่นั่นอีกเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่เข็ด แต่อยากรู้...เด็กนั่นจะมาไม้ไหน”
“ถ้ามั่นใจว่าเอาอยู่ก็โอเค...แต่ฉันกลัว ว่าเธอจะเอาไม่อยู่”
“เธอดูถูกฉันอีกแล้วนะมะม่วง”
“เพราะฉันรู้จักเธอไง ...แล้วเจ๊เต่าก็เล่าให้ฉันฟังแล้ว เรื่องที่เธอจะแถลงข่าวกลับไปกลับมาเรื่องคุณวรรษ” เวฬุยามองสมเพช “เธอมันไร้สติ ปล่อยให้อารมณ์นำทาง จนทุกอย่างมันพังหมดแล้ว เธอก็ยังไม่รู้ตัวอีก”
“อะไร ที่เธอว่าพัง”
“เธอเล่นกับความรู้สึกคุณวรรษ เธอเล่นกับความรู้สึกนักข่าว..จนตอนนี้ไม่มีนักข่าวคนไหน จะเชื่อในคำพูดของเธอแล้ว ที่ร้ายที่สุด...เธอเล่นกับช่อง”
“ฉันเล่นอะไร”
“เล่นทุกอย่าง...เพราะเธอคิด ว่าเธอเด่น เธอดัง ช่องต้องง้อเธอ เธอเล่นทีมงาน เพราะเธอคิดว่าเธอเป็นซุปตาร์ ...จะทำอะไร ผู้จัดต้องง้อเธอ...แล้วเป็นไงตอนนี้ ละครไม่มี ข่าวก็ไม่มี เพราะเธอทะเลาะกับนักข่าวไปทั่ว”
อรัญภัทรยิ้มเยาะ
“แล้วฉันต้องแคร์มั้ย? ไม่เห็นต้องแคร์เลย นักข่าวต่างหากที่ต้องแคร์ฉัน เพราะถ้าไม่มีข่าวฉัน เค้าจะเอาข้าวเอาน้ำที่ไหนกิน นักข่าวไม่อยากสัมภาษณ์ฉัน ก็ไม่ต้องสัมภาษณ์ ไอจีฉันก็มี!” เธอยักไหล่แบบไม่แคร์
เวฬุยาเซ็งกับแนวคิดเอี๊ยม

วันใหม่ IG ของนางเอกสาว เห็นเป็นรูปเอี๊ยมนอนชิลล์ๆสบายใจพร้อมข้อความ “ช่วงนี้งดรับงาน ติ่งของเก๊า..รอหน่อยน้า ใครอยากฝากร้าน ฝากเลยจ้า เอี๊ยมใจดี ช่วยคนทำมาหากินที่มาฝากร้านจ้ะ”
วรรษชลนั่งอ่านไอจีของเอี๊ยมอยู่ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกๆ พิมพิชชาเดินเข้ามาด้านหลัง ชะโงกหน้าเข้ามามอง ไอจีของดาราสาวและพูดยิ้มๆ
“แฟนคุณนี่ ขยันหางานจังเลยนะคะ”
วรรษชลสะดุ้งหันมามอง พิมพิชชายักไหล่พูดเยาะๆ
“เอ...จะเรียกว่าแฟนคงไม่ได้ เพราะคุณเอี๊ยมปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้าคุณเลย”
วรรษเสียงเย็นชา
“ก็คงไม่ต่างจากคุณ”
พิมพิชชาหัวเราะ
“โถๆๆ งั้นคุณคงเป็นผู้ชายที่น่าสุดๆ...มีแต่ผู้หญิงทิ้ง”
“ที่มาเนี่ย...พร้อมจะฟัง เรื่องที่ผมจะบอกแล้วใช่มั้ย”
“จริงๆไม่ใช่...แต่มาแล้ว ฟังก็ได้ คุณมีอะไรจะบอกฉันคะ”
วรรษชลมองพิมพิชชา สรรพนามที่นางเรียกตัวเองเปลี่ยนไปอีกแล้ว ท่าทางยโสโอหัง แต่วรรษไม่ได้
ติดใจคำพูดนั้น จึงตอบ
“แม่ของคุณ”
นางขัดขึ้นทันทีแบบหัวเสีย
“โอ๊ย! ถ้าเรื่องแม่ ไม่ต้องพูดค่ะ คุณก็รู้..แม่ฉันดราม่าเก่ง ชอบเรียกร้องความสนใจแค่ไหน”
วรรษชลพูดจริงจังแกมอ้อนวอนเห็นใจ “แต่ท่าน”
นางหน้าหงิกรีบบอก “ฉันไม่อยากฟังค่ะ ลำพังเรื่องของฉันก็ดราม่าจะตายอยู่แล้ว ที่ฉันมาวันนี้ ฉันมีเรื่องจะมาบอก ฉันกำลังจะเป็นดาราดัง ต่อไป ฉันคงหาเวลาออกมาพบคุณไม่ได้”
วรรษชลมองงง พิมพิชชาเป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อหลงตัวเอง
“อีกอย่าง ฉันจะมาเตือนคุณ เรื่องเด็กเบอร์รี่”


เบอร์รี่เดินออกมา เห็นพิมพิชชาพอดี ก็รีบหลบซ่อนตัวฟัง วรรษชลบอกไม่สนใจ
“ผมไม่ฟังได้มั้ย”
“ต้องฟังค่ะ...เพราะเด็กนั่นมันเป็นเด็กนรก”
เบอร์รี่ตาเขียว พิมพิชชาบอกวรรษชลต่อ
“เด็กนั่นแกล้งตกบันไดเพื่อใส่ร้ายฉัน ฉันมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด”
“แต่ตามข่าว”
“เด็กนั่นแอบเข้าไปในบ้าน แล้วทำลายหลักฐานทุกอย่าง”
“พิม...ไปบอกนักข่าวดีกว่ามาบอกผมมั้ย ทั้งเรื่องที่คุณจะเป็นดาราดัง เรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด”
“ฉันรู้คุณประชดฉัน แต่ที่ฉันสละเวลามาบอกคุณ เพราะฉันหวังดีกับคุณ คุณกำลังเลี้ยงงูพิษเอาไว้...เพราะฉันมั่นใจ ว่าเด็กเบอร์รี่เป็นคนแอบถ่ายภาพคุณกับยัยเอี๊ยมไปให้ป้าไก่”
วรรษชลสงสัย หันมามองหน้าพิมพิชชา
“คุณคงไม่รู้สินะ ว่าเบอร์รี่สนิทกับป้าไก่ ....เลวนรกแตกสองคนมาเจอกัน สะเทือนไปถึงนรกแน่ ถ้าคุณไม่เชื่อ...ก็คอยดู”
พิมสะบัดหน้าเดินกลับออกไป
วรรษชลถอนหายใจ ยืนซื่อบื้ออย่างพิมพิชชาด่าจริงๆ เบอร์รี่มองตามพิมพิชชาด้วยสายตาประสงค์ร้าย

พิมพิชชาเดินตรงไปยังรถของตัวเอง เบอร์รี่เดินตาม พิมพิชชาได้ยินเสียงคนเดินตามหันมามองเจอเบอร์รี่ยืนมองอยู่ นางถาม
“ยังไม่เข็ดใช่มั้ยนังเขียว”
“ต้องถามคุณมากกว่า พยายามทำลายคนนั้นคนนี้ ...แต่ก็ไม่สำเร็จซักที ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
“ไม่...โดยเฉพาะทำลายแก”
“งั้น...ฉันจะถือว่าเป็นการท้าทาย”
พิมพิชชายิ้มเย้ย
“แกจะทำอะไรฉันได้ฮึ..นังเขียว”
“ก็รอดูแล้วกัน แต่คุณพังแน่นอน แล้วฉันนี่แหละ ที่จะข้ามหัวคุณเอง”
“นังเขียว”
เบอร์รี่ยิ้ม
“เพราะฉันมีคุณเป็นไอดอล คุณทำให้ฉันรู้ว่า อยากยิ่งใหญ่ต้องใจดำ บุญคุณไม่มี มีแต่ความแค้นที่...ต้องชำระ”
ทั้งคู่มองจ้องตากัน แบบอยากจะฆ่า

ณ คอนโดเจ้เต่า เวลากลางวัน ภายในห้อง อรัญภัทรยื่นแก้วน้ำให้ เบอร์รี่ไมได้กล่าวขอบคุณแต่ถาม
“ไม่มีใครอยู่เลยเหรอคะ”
“ฮื่อ! ติดงานกันหมด”
เบอร์รี่หัวเราะน้อยๆแต่แอบเหน็บทันทีที่มีโอกาส
“มีพี่เอี๊ยมคนเดียวที่ว่างงาน”
เธอสะอึกไปทันที พยายามระงับอารมณ์ถาม
“ไหน..มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่”
“คิดถึงพี่เอี๊ยมนะค่ะ”
เบอร์รี่บอกอย่างประจบพร้อมกระถดตัวลงมานั่งที่พื้น กอดเอวเอี๊ยมและซุกหน้าลงกับอกของอรัญภัทรท่าทางบอกคิดถึงมาก แต่แอบเบ้ปากใส่ ฝ่ายนางเอกสาวเองก็ระวังตัว บอกนิ่มๆ
“นึกว่าที่มาที่นี่...เพราะอยากให้พี่ช่วยซะอีก”
เบอร์รี่งงจริงๆ
“เบอร์รี่...มีอะไรให้พี่เอี๊ยมต้องช่วยคะ?” พูดพลางทำตาแบ๊วๆ
เธอยิ้มเป็นต่อ
“ก็เรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดไง”
เบอร์รี่ซีดเผือด คาดไม่ถึง ลืมนึกข้อนี้ไป เอี๊ยมยิ้มพูดต่อ
“หนูคงลืมนึกไป ถึงภาพในวันแถลงข่าวจะไม่มี แต่ภาพต้นฉบับ ยังอยู่ที่นี่ แต่หนูไม่ต้องห่วงหรอนะ....เค้าไม่อนุญาตให้นำภาพออกไปอีกแล้ว ถ้าจะมี ก็คงเป็นปากของพี่นี่แหละจ้ะ”
เบอร์รี่แอ๊บ
“พี่เอี๊ยมพูดอะไร หนูไม่รู้เรื่องเลย ที่หนูมาที่นี่...แค่อยากจะบอก”
“บอกอะไร”
“พี่พิมกำลังจะได้เป็นนางเอก แล้วคุณดำรงเจ้าของช่อง Thai serie เค้าก็ประกาศศักดาว่าจะปั้นพี่พิมให้ดังกว่านางเอกทุกคน รวมทั้งจะคว่ำช่องทุกช่องให้ได้ ภายในเวลา 3 ปี”
อรัญภัทรตาวาวแบบขัดใจมาก ไม่พอใจ เบอร์รี่แอบเบ้ปากใส่

ในกองถ่าย เจ๊เต่าลำเลียงเสื้อผ้าออกจากรถ ด้านหลังทีมงานเบื้องหลังกำลังเตรียมกองถ่ายทั้งไฟ /กล้อง / ฯลฯ ป้าไก่เดินมา พอเห็นเจ๊เต่ากำลังขนเสื้อผ้าก็หัวเราะ
“โถๆๆ ผู้จัดการดาราดัง เดี๋ยวนี้ตกอับ ไม่มีงานต้องมาเป็นคอสตูมเหมือนเดิมแล้วเหรอจ้ะ”
เจ๊เต่าลอยหน้าลอยตาบอก
“ใครว่าคอสตูม ฉันเป็นเมคอัพด้วยย่ะ”
ป้าไก่เอาศอกวางเกยบ่าแบบสนิทกัน
“แกล่ำ ฉันเชื่อเต่า... ว่าแกทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน”
“แต่ฉันก็อยากเป็นผู้จัดการดารามากกว่านะไก่...แกช่วยเพลาๆ ด่าเด็กฉันหน่อยได้เปล่าวะ”
“ได้...ถ้าเด็กแกไม่ด่าฉันก่อน แกก็เห็นไม่ใช่เหรอเต่า เอี๊ยมมันไม่เคารพฉัน มันด่าฉันตลอด ทั้งๆที่อาชีพ ดารากับนักข่าว เอาเข้าจริงมันก็ต้องน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า นี่อะไร ด่าฉันหยาบๆคายๆ ว่าเป็นเพราะทำข่าวมัน ฉันถึงได้มีข้าวกิน...มันไม่ได้สำนึกเลย ว่าตอนที่มันยังไม่ดังน่ะ มันเคารพนบนอบฉันยังไง ฮึ!! ไม่ต้องพูดถึงเอี๊ยมหรอก...แกก็เสี้ยมดาราของแกเหมือนกัน”
ท่าทางป้าไก่น้อยใจ เจ๊เต่าว่าแบบเหนื่อยๆ
“เอาจริงๆนะ ฉันไม่ได้เสี้ยม แต่ฉันคุมเอี๊ยมไม่ได้”
“ฉันรู้...ฉันถึงไม่เคยโกรธแกไง...แต่...ระวังไว้ด้วยนะเต่า...ว่าดาราของแก จะทำให้แกวายวอด”
“อย่างมาก เอี๊ยมก็คงวีน คงเหวี่ยง ปากหมา แต่เอี๊ยมคงไม่ทำลายฉันหรอก”
“ใช่...มันคงไม่ตั้งใจทำลายแก แต่อารมณ์ของมัน กำลังจะทำมันและแกวิบัติ”
เจ๊เต่ามองสงสัย
“เอี๊ยม..มันทำอะไร”
“ดอดไปหาคุณดำรง ช่องเอทูแซด แล้วที่ฉันรู้..ตอนนี้มันยังไม่หมดสัญญาช่องไม่ใช่เหรอ”
เจ๊เต่าหน้าซีด “คุณพระ”
“แล้วแกคิดว่า ถ้าช่องรู้...ช่องจะเอาเอี๊ยมอยู่เหรอ”
เจ้เต่าหน้าซีดเผือด เสื้อผ้าแทบร่วงหล่นลงจากมือ

ดำรงกับอรัญภัทรเดินออกมาจากห้องของดำรง เธอบอกหน้าตายิ้มแย้ม
“เอี๊ยมขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่คุณดำรงจะให้เอี๊ยมเล่นละครทุกเรื่องของช่อง”
“โถ!คุณเอี๊ยมอุตส่าห์สนใจ ละครร้ายๆแรงๆ เรต ฉ.ฉิ่งของผม ผมต้องถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก” ดำรงหัวเราะดังก้อง “เซอร์ไพร์ส”
เธอยิ้มหวาน
“แล้วอย่าลืมสัญญาของเรานะคะ...จะให้เอี๊ยมเป็นนางเอกคนเดียว คุณดำรงไปสัญญาอะไรกับใครไว้ ต้องตัดทิ้งให้หมด”
“ไม่มีปัญหา แค่คุณเอี๊ยมยอมย้ายช่องมาอยู่กับผม ผมยอมทู้กอย่าง”
อรัญภัทรยิ้มสะใจ ก่อนย้อนบอกดำรง
“ขอบคุณค่ะ แต่เอี๊ยมไม่ได้ย้ายช่องนะคะ เอี๊ยมเป็นนักแสดงอิสระ เล่นที่ไหนก็ได้ค่ะ”
“แต่คุณเอี๊ยมบอกผม จะเล่นให้ผมทู้กเรื่อง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมว่าคุณเอี๊ยมไม่มีเวลาไปเล่นให้ที่อื่นแล้วล่ะ เพราะปีหนึ่งผมเปิดละคร 48 เรื่อง”
เธอตกใจ “หา 48 เรื่อง”
“ครับ...จะตกใจทำไม? ละครร้ายๆแรงๆ ตบจูบๆๆ ประเภท พระเอกลักพาตัวนางเอกไปปลุกปล้ำขืนใจ แล้วก็ตามง้องอนขอโทษ คุณดูจิ้น ฟินนักล่ะ”
อรัญภัทรหน้าแหยๆ ขณะที่ดำรงฟุ้งต่อ
“แค่เปลี่ยนชื่อเรื่อง จาก เสน่หาซาตานพิศวาส เป็นพิศวาสซาตานเสน่หา ซาตานเสน่หาพิศวาส บาปรักซาตานร้อยเล่ห์พยาบาท แล้วก็เปลี่ยนชื่อพระเอก-นางเอก เปลี่ยนโลเคชั่นนิดหน่อย โอ๊ย!เราก็ได้ละครอีกเป็นร้อยๆเรื่องแล้วครับเอี๊ยม”
อรัญภัทรหน้าแหยลงไปทุกที ดำรงว่า
“ถ้าเอี๊ยมพร้อม อาทิตย์หน้าเปิดกล้องได้เลย”
“หา!ทำไมเร็วอย่างนั้นล่ะคะ”
ดำรงพูดออกเสียงตลกๆ
“บริษัทผมเป็นโปรเฟวชั๋นแน๋ว!!ทุกอย่างพร้อม แค่เอี๊ยมพร้อม เปิดกล้องได้เลย”
นางเอกสาวหน้าซีด สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่อยากเล่น

ฝ่ายพิมพิชชานอนนวดตัวนวดหน้าอย่างสบายใจ คุยฟุ้งกับพนักงาน
“เอาให้หน้าพิมใสปิ๊งเลยนะคะ...วันเปิดกล้อง พิมจะได้มีออร่ากว่าใคร”
“ได้ค่ะได้...คุณพิมผิวดีอยู่แล้ว ทั้งสวย ทั้งใส นวดแป๊บเดียวออร่ากระจาย”
“พิมยังไม่เหี่ยวใช่มั้ยคะ”
“แน่นอนค่ะ...โถๆๆ ใครว่าคุณพิมเหี่ยว”
“พูดดีมากจ่ะ”
เสียงมือถือดัง พนักงานส่งมือถือให้อย่างเอาใจ
พิมพิชชารับมาถือบอก
“สงสัยจะโทรฯมาคอนเฟิร์มคิวนะค่ะ ...สวัสดีค่ะ...ตกลงเปิดกล้องวันไหนคะ” นางฟังก่อนตกใจ แทบคุมสติไม่อยู่ “หา!!แคนเซิล”

อย่างฉับไว พิมพิชชาเดินส่ายอาดๆไปที่ออฟฟิศดำรง ท่าทางโกรธมาก ตะคอกถาม
“คุณดำรงอยู่ไหน” พนักงานงงตกใจ พิมตะคอกอีก “ฉันถามว่าคุณดำรงอยู่ไหน”
“ประชุมอยู่ค่ะ”
พิมพิชชาเดินเข้าไปแบบไม่รู้ห้องไหน แต่เข้าไป
“คุณดำรง..คุณอยู่ไหน คุณดำรง”
ดำรงที่ประชุมอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็เปิดประตูออกมา พอเห็นพิมพิชชามาโวยวายก็เปลี่ยนท่าที
“อ้าว!คุณพิม มีอะไร”
นางปรี๊ด
“ถามได้ว่ามีอะไร คอนเฟิร์มกับพิมดิบดี แล้วคุณแคนเซิลพิมได้ยังไง”
ดำรงบอกหน้าตาเฉย
“ก็ผมได้ คุณเอี๊ยมมาเล่นแทนคุณแล้ว”
“เอี๊ยม”
ดำรงท่าทางภูมิใจมากๆ
“ใช่...คุณเอี๊ยมเดินเข้ามาขอผมเล่นเองเลยนะ...แล้วคุณคิดดู ระหว่างคุณเอี๊ยมกับคุณ ผมจะเลือกใคร ..ผมก็ต้องเลือกคุณเอี๊ยมอยู่แล้ว เพราะคุณเอี๊ยมดังกว่า สดกว่า สาวกว่าคุณ”
พิมพิชชาโกรธมาก เนื้อตัวสั่น ชี้หน้าดำรง
“แต่ตอนที่คุยกัน แกไม่ได้บอกฉันอย่างนี้นี่หว่า ไอ้เลว ไอ้ลงพุง ไอ้อัปลักษณ์ ไอ้หนอนในหลุมศพ ไอ้คางคกถูกรถทับ ไอ้แมงวันตอมขี้ ไอ้แมงสาปถูกเหยียบ”
ดำรงอามือปิดหูไม่อยากฟัง ร้องตะโกน
“พอแล้ว ไปสรรหาคำด่ามาจากไหนเนี่ย”
“จากหนังหน้าแกไง อย่าคิดนะว่าช่องของแกมันจะรุ่ง เจ้าของช่องทุเรศขนาดนี้ มีแต่วันชิบหายจำไว้” พิมพิชชาเดินกระแทกเท้าออกไปข้างนอกอย่างโกรธจัด
ดำรงจับหน้าตาตัวเอง ถามพนักงาน ปากคอสั่น
“ฉันหน้าเป็นหนอนในหลุมศพ คางคกถูกรถทับ แมงสาปถูกเหยียบ เหรอ?....โอ...ซอรี่...ไม่จริ๊ง”
ดำรงกรีดร้องก้อง ลืมไปเลยว่ามีเมีย

อ่านต่อหน้าที่ 2


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 13 (ต่อ)
พิมพิชชาเดินออกไปนอกออฟฟิศอย่างโกรธจัด แทบจะเตะทุกอย่างที่ขวางหน้า ด่าไปตลอด

“วันนี้ไม่แกก็ฉัน ต้องพังกันไปข้างหนึ่ง นังเอี๊ยม”
นางกระชากประตูรถ ขับออกไปรวดเร็ว

เจ๊เต่าขลุกกับเสื้อผ้าในกองถ่าย ป้าไก่เดินเข้ามาหาบอก
“ดำรง ต่อสายตรงถึงนักข่าว ฟุ้ง เอี๊ยมขอเป็นนางเอกช่องThai serie ทุกเรื่อง”
เจ๊เต่าหันมามอง ป้าไก่บอก
“อย่าโกรธนะ....แต่ฉันจำเป็นต้องพาดหัวข่าวแบบนี้ เพราะคุณดำรงให้พีอาร์แจ้งนักข่าวทุกสำนักอย่างนี้จ้ะ”
เจ๊เต่าหน้าซีดเผือด
“my god”

เจ้เต่าเดินหอบเสื้อผ้ามาที่รถพร้อมโทรศัพท์ท่าทางทุลักทุเล ละล่ำละลัก
“พี่คะ...ช่วยเรียนนายให้เต่าด้วยนะคะ ข่าวที่ออกไปไม่ใช่ความจริงค่ะ เอี๊ยมยังเป็นเด็กช่อง พร้อมจะต่อสัญญากับช่อง ช่องให้เล่นบทอะไร เอี๊ยมก็พร้อมจะเล่นค่ะ นะคะพี่..ช่วยเรียนนายด้วย แล้วนายพร้อมจะให้เข้าไปชี้แจงเมื่อไหร่ เต่าจะพาเอี๊ยมเข้าไปทันทีเลยค่ะ … ขอบคุณมากๆค่ะพี่”
เจ๊เต่าวางสายจากเลขาช่องก่อนกดโทร. หาเอี๊ยม
“เอี๊ยม...อยู่ที่ไหน กลับไปรอเจ้ที่ห้องเดี๋ยวนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“เรื่องอะไรอีกคะเจ๊ ทำไมต้องมาเสียงเขียวใส่เอี๊ยม”
เจ๊เต่าหมั่นไส้มาก
“เรื่องที่เธอแล่นถลาไปของานคุณดำรง มากพอที่จะให้ฉันเสียงเขียวใส่เธอมั้ย ถ้าทำได้ ฉันอยากจะอมหัวเธอเดี๋ยวนี้เลยเอี๊ยม!”
เจ๊เต่าวางสายท่าทางโกรธจัด ก่อนเปิดประตูรถ โยนเสื้อผ้าเข้าไปกอง แบบโกรธจัด ทางด้านหลัง ป้าไก่เดินตามมามอง สายตามีทั้งความสงสาร สมเพช และเห็นใจเจ๊เต่า

ป้าไก่กำลังจะเดินเข้ากองถ่าย เสียงมือถือของป้าไก่ดัง ป้าไก่กดรับ
“ว่าไงเบอร์รี่”
เบอร์รี่อยู่ที่ออฟฟิศของวรรษชล บอกป้าไก่
“หนูได้อ่านข่าว ที่พี่เอี๊ยมแย่งตำแหน่งนางเอกของพี่พิมแล้วค่ะ พี่ไก่รู้มั้ยคะ...ทำไม พี่เอี๊ยมถึงทำอย่างนั้น”
“อย่าบอกนะว่าฝีมือหนู”
เบอร์รี่ยิ้มร้าย
“ใช่ค่ะ...ฝีมือหนูเอง และหนูก็จะบอกพี่ไก่ต่อ เขียนข่าวให้พี่เอี๊ยม -พี่พิม เอาให้เละเลยนะคะ แล้วหนูเองนี่แหละ จะเสียบตำแหน่งนางเอกแทนพี่ๆทั้งสองคน เตรียมตัวรับทรัพย์ได้เลยค่ะคุณผู้จัดการ”
เบอร์รี่ยิ้มร้าย ร้ายที่สุด ผิดกับป้าไก่ ที่ยังครุ่นคิดอยู่ว่า เบอรี่มาแรงไป

พิมพิชชาขับรถเข้าไปจอดและก้าวลงไป ท่าทางเอาเรื่อง
“แกเละแน่ นังเอี๊ยม”
นางประกาศก้อง ก่อนเดินฉับๆเข้าไป

ที่มุมหนึ่งของคอนโด บริเวณด้านนอก อรัญภัทรนั่งหน้าหงิกคิดกลุ้มอยู่คนเดียว เสียงของดำรง ที่บอกชื่อการเปลี่ยนชื่อละคร และจะสร้างละคร ปีละ 48 เรื่อง นึกแล้ว...ก็ทำหน้าแบบสยดสยอง แกมรังเกียจ
“โอ๊ย!ฟังแค่ชื่อละครก็สยองแล้ว ใครจะไปเล่น”
เธอส่ายหน้าไล่ความรู้สึก รู้ได้เลยว่า ที่พูดกับดำรงแค่แกล้งพิมพิชชาเท่านั้นเอง

เขมปัญฑาแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก พิมพิชชาเดินมาหยุดยืนที่ห้อง เคาะประตูหนักๆ แบบเอาเรื่อง เขมปัญฑางง
“ใคร? มาเคาะประตูแบบนี้”
เขมปัญฑาเดินมาที่ประตู มองผ่านตาแมวออกไป เห็นเป็นพิมพิชชายืนหน้าบึ้ง ท่าทางพร้อมมีเรื่อง เธอหน้าซีดเผือด ตกใจกลัว ตามประสาคนไม่ชอบมีเรื่อง
ที่ด้านนอก พิมพิชชาเคาะประตูอย่างแรง พร้อมเรียกอย่างโมโห
“เอี๊ยม นังเอี๊ยม ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมาทำเป็นเงียบ ฉันรู้ว่าแกอยู่ เพราะตอนนี้แกไม่มีงาน แกถึงได้หน้าด้านมาแย่งงานฉัน เปิดประตู นังเอี๊ยม เปิด!”
เขมปัญฑาเนื้อตัวสั่น สิ่งที่ทำได้คือคว้ามือถือขึ้นมา โทร.ออก
เจ๊เต่าที่กำลังขับรถอยู่ รับสาย
“มีอะไรเขม”
“คุณพิม มาอาละวาดอีกแล้วค่ะ”
“หา! “ เจ๊เต่าตกใจมาก แต่รีบคุมสติบอก
“รีบโทรฯหาเอี๊ยมอย่าเพิ่งกลับมา แล้วเขมก็ไปบอกคุณพิมว่าเอี๊ยมไม่อยู่ แค่นี้นะ เจ้ใกล้จะถึงแล้ว”
“ค่ะๆ”
เขมวางสายจากเจ๊เต่ารีบกดสายโทร.หาอรัญภัทร ขณะที่ด้านนอก พิมพิชชายังทุบประตูตะโกนอยู่
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ เปิด”
เสียงมือถือดังขึ้นจากในห้อง เขมปัญฑาได้ยิน หันขวับไปมอง เห็นเป็นกระเป๋าของเอี๊ยมวางอยู่ในห้อง เธอหน้าซีด ได้แต่พึมพำ
“เอี๊ยมอยู่ที่นี่เหรอ”
เขมมองไปที่ประตู ตกใจ ตื่นกลัว สายตาลุ้นมากจะเกิดอะไร

ที่ด้านนอก อรัญภัทรกำลังเดินตรงมาที่ห้อง ที่หน้าห้องพิมพิชชายังเคาะประตูเสียงดัง
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ เปิด”
เขมปัญฑาใจเต้นรัว ขณะเปิดประตูออกไป รีบบอก
“ขอโทษค่ะ เอี๊ยมไม่อยู่”
พิมพิชชายังโกรธอยู่
“ฉันไม่เชื่อ...มันอยู่ไหน” นางผลักเธอออกแล้วเดินเข้าไป “อย่ามาทำเป็นขี้ขลาดตาขาว ออกมาเลยนังเอี๊ยม”
อรัญภัทรเดินมาถึงพอดี ได้ยินเสียงของพิมพิชชาชัดเจน และเสียงของเขมปัญฑาตอบ
“เอี๊ยมไม่อยู่จริงๆค่ะ”
เธอหันขวับมามอง ยิ้มเหยียด
“คนไม่มีงานอย่างมันน่ะเหรอจะไม่อยู่”
เขมปัญฑามองอ้อนวอน
“เอี๊ยมไม่อยู่จริงๆค่ะ คุณพิมมีอะไร ใจเย็นๆค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะคะ”
อรัญภัทรเดินเข้ามา ตาเป็นประกายโกรธจัด
“ก็นึกอยู่ ที่นี่เป็นคอนโดของผู้ดี แล้วเสียงหยาบๆคายๆมาจากไหน”
พิมพิชชาหันขวับมามอง เอี๊ยมมองพิม ยิ้มเหยียด
“ที่แท้ ก็เธอนี่เอง”
“หมดทางไปไม่มีงานแล้วรึไง จนต้องกระเสือกกระสนมาแย่งงานของคนอื่น”
เธอยิ้มเย้ยมองแม่เลี้ยง ขณะที่เขมปัญฑางง ไม่รู้เรื่อง พิมพิชชายิ้มร้ายหัวเราะหยัน
“นี่เหรอนางเอกอันดับ 1 เธอมันนางอิจฉาชัดๆ”
“ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเค้าเลือกฉันเอง”
“แกเสนอหน้าเข้าไปหาเค้าต่างหาก”
พิมพิชชาปราดเข้ามากระชากตบอรัญภัทรอย่างแรง แล้วขยุ้มผมผลักลงจนนางเอกสาวกองกับพื้น ด่า
“วันนี้ถ้าปากแกไม่แตก ฉันยอมให้แกเรียกฉันว่าปลวกตลอดชีวิตเลยนังเอี๊ยม”
พิมพิชชาใช้สองมือขยุ้มจิกผมของเอรัญภัทรโขกลงกับพื้น เธอร้องลั่นแบบเจ็บมาก เขมปัญฑาตะลึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องกรี๊ดๆห้าม
“อย่าๆๆ คุณพิม หยุดๆ”
“ปล่อยนะนังปลวก ปล่อย”
พิมพิชชากร้าวโกรธจัด ทั้งขย้ำผม ทั้งโขก ทั้งด่า
“ไม่ปล่อย!”
“แล้วแกคิดว่าฉันเอามือล้วงกระเป๋าไว้อยู่รึไง”
อรัญภัทรทำท่าจะผลักออก แต่พิมพิชชาตั้งท่ารับไว้อยู่แล้ว พิมพิชชาตบพลัวะที่หน้าเธอเต็มแรง จนล้มลงไปอีก
นางกระชากผมอรัญภัทรขึ้นมาใหม่ เขมปัญฑารีบคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้ ตะโกนขู่
“หยุดนะคะคุณพิม ไม่งั้น เขมจะถ่ายคลิปคุณเอาไปประจาน”
พิมพิชชาหันมาด่าเขมปัญฑา
“ถ่ายเลย ถ่ายให้หมด คนดูทั้งประเทศ จะได้รู้ว่า” นางกระชากผมอรัญภัทรขึ้น “นางเอกที่ทุกคนเห็น
ความจริงแล้วพฤติกรรมยิ่งกว่าตัวอิจฉา”
เจอไม้นี้ เขมปัญฑามือไม้สั่น แต่มือยังถ่ายคลิปเอาไว้ อรัญภัทรได้จังหวะ จิกผมนางกลับบ้าง สมโอกาสข่มพิมพิชชาบ้าง
“ถ้าฉันเป็นนางอิจฉา ...คุณวรรษคงไม่มาหลงรักฉันหัวปักหัวปำอย่างนี้หรอก....ที่เป็นบ้าอยู่อย่างนี้ เพราะทั้งโกรธ ทั้งอายใช่มั้ย ที่ฉันแย่งทุกอย่างมาจากเธอทั้งงานละคร ทั้งคุณวรรษ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันเบื่อเมื่อไหร่ ฉันจะคืนให้เธอทุกอย่าง เพราะทั้งงาน ทั้งคุณวรรษ ฉันไม่เคยอยากได้แม้แต่นิดเดียว” เธอรัวเร็วตะคอกใส่หน้า “รอรับของเศษเดนจากฉันก็แล้วกัน”
เขมปัญฑาจ้องมองเพื่อน ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียความรู้สึก มือที่ถ่ายคลิปตกลง
พิมพิชชาได้โอกาส ตบหน้าอรัญภัทรอย่างแรง จนหน้าหัน ด่าอีก
“หยุดสำรอกได้แล้ว นังคนหลงตัวเอง นังขี้อิจฉา แกโชคดีที่เกิดมารวย นอกนั้น แกไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าคนอย่างฉันจะไม่มีวันแพ้คนอย่างแก นังเอี๊ยม”
พิมพิชชาตบพลัวะเข้าที่หน้า สองครั้งติด ทั้งซ้ายขวา อย่างแรง อรัญภัทรหันกลับมาอีกทีก็เห็นเลือดซึมไหลออกมา เขมปัญฑาเห็นเลือดสดๆไหลออกมาจากปากเพื่อนก็ยืนตัวแข็งแบบตกใจมาก แต่มือยังไม่ปล่อยมือถือ พิมพิชชากระชากเธอจนหน้าหงาย ด่าเย้ยหยัน ผลักหัวเอี๊ยมออกอย่างแรง จนหัวโขกเข้ากับฝาผนังดังโป๊ก เจ๊เต่าวิ่งเข้ามาเห็น อ้าปากค้างตกตะลึง
“เอี๊ยม!”
พิมพิชชาหันไปมอง เจ้เต่าฉวยโอกาสกระโดดเข้ามาผลักนางออก แล้วดึงเอรัญภัทรออกไป ให้อยู่คนละฝั่ง ปากก็ห้ามด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด เห็นใจพิมพิชชา
“พอนะคะคุณพิม พอเถอะนะคะ”
เธอมองจ้องโกรธ
“จะไปขอร้องมันทำไมเจ๊”
“ หยุดได้แล้วเอี๊ยม!! เรื่องนี้เอี๊ยมผิด เจ้จะไม่เข้าข้างเอี๊ยม คุณพิมคะ...เจ๊ขอโทษแทนเอี๊ยม แล้วเจ๊ก็เสียใจจริงๆ”
พิมพิชชามองเจ๊เต่าพูดจริงจัง อารมณ์เย็นขึ้นมาบ้าง
“ฉันจะไม่พูดอะไรมากหรอก นอกจากจะบอกเจ๊ว่า....ฉันจะจองล้างจองผลาญนังเอี๊ยม จนกว่าจะเห็นมันออกจากวงการ ...พราะคนอย่างเธอคงอยู่ได้อีกไม่นาน” นางสะบัดหน้าเดินออกไปแบบโกรธจัด
เจ๊เต่ากับเขมปัญฑามองหน้ากัน สลด สายตาสองคนบอก ครั้งนี้เอี๊ยมผิดจริงๆ ฝ่ายอรัญภัทรยืนตาเขียวฟังอยู่ในห้อง

วันใหม่ ณ สถานที่ต่างๆ ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับข่าวบันเทิง ผู้คนดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ / เว็บไซต์ต่างๆ - - ดำรงฟุ้ง ได้เอี๊ยมมาเป็นนางเอก มั่นใจ เรตติ้งกระฉูด / ช่องตัดหาง เอี๊ยมโผล่ทีวีดิจิตอล / นางเอกตกอับโผล่ดิจิตอล ค่ายใหม่โลว์เกรด / ศึกทีวีดิจิตอลเดือด เอี๊ยมโผล่แย่งงานคนอื่น
ในรายการของป้าไก่ ที่นั่งจัดรายการ “จ้อจอเงิน” กับพิธีกรคนเดิม
“ข่าวบันเทิงวันนี้แซ่บเวอร์” ป้าไก่บอก
“แซ่บที่สุดเลยค่ะป้าไก่ ตำถาดที่ว่าแซ่บว่านัว แพ้ข่าวของน้องเอี๊ยมหมดเลย”
“ตกลง..เรายังสนใจข่าวของเอี๊ยมกันอยู่ใช่มั้ย”
“แหม....เรื่องคาวๆฉาวๆ เราต้องเอามาเมาท์เพื่อเหยียบซ้ำ แอร้ย!ไม่ใช่ เพื่อให้คุณผู้ชมได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง นางเอกดัง ตัวจริงใช่ว่าจะเป็นนางเอกเหมือนในจอ”
ป้าไก่ท่าทางเมาท์มากๆ
“เพราะวงในเค้าเมาท์มา เอี๊ยมบุกไปพบคุณดำรงเพื่อแย่งตำแหน่งนางเอกมาจากคุณพิมพิชชา”
ซาวด์รายการดัง ว้าว!!
“อ้อ!ที่มีข่าวว่าเป็นเมียน้อยพ่อของเอี๊ยมใช่มั้ยคะป้า? แต่หนูสงสัยจังเลยนะคะป้า รุ่นคุณพิมเอามาเป็นนางเอกได้ยังไง”
“แหมคุณน้องขา! ช่องเปิดใหม่ ใครจะอยากไปเล่น เค้าก็ต้องเอาคนที่กระเสือกกระสนเปิดนมเปิดเต้ามาเรียกเรตติ้งไว้ก่อน แล้วเป็นไง?? เอี๊ยมไปแย่งเล่นละครแบบนั้น ไหวป่ะ เสียมั้ย?..ป้าถามหน่อย อย่างนั้นมันเสียมั้ย?...” ป้าไก่ทำหน้าแบบ ไม่ไหวๆ ก่อนทำหน้าขำๆปนหยามเหยียด “ก่อนจะทำอะไร ดึงสติตัวเองหน่อยนะ เอี๊ยมเอ๊ย”
ป้าไก่หัวเราะคิกคักสะใจสุดๆ


เจ๊เต่ากดรีโมททีวีแบบทนดูไม่ไหว แต่ละคนหน้าเครียด ตามใบหน้าอรัญภัทรมีร่องรอยบวมช้ำจากการทะเลาะกับพิมพิชชา เขมปัญฑาต่อว่า
“ทำตามป้าไก่บอกก็ดีนะเอี๊ยม ดึงสติตัวเองหน่อย ข่าวมันฉาวไปทั่ววงการขนาดนี้ ฉันว่าเธอพังแน่ๆ แล้วนี่ดูหน้าตาเธอสิ...ดูได้ที่ไหน”
เจ๊เต่าถอนหายใจ
“ที่สำคัญ แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอผู้หลักผู้ใหญ่ที่ช่องก็ไม่รู้นะยัยเอี๊ยม”
อรัญภัทรอึ้งอีกรอบ เจ๊เต่าพูดดุๆ
“นี่เจ๊จะบอกให้นะว่า ไม่ใช่ว่าช่องเรียกหา เอี๊ยมนะ เจ๊นี่แหละต้องไปกราบกรานพี่ๆในช่อง ขอโอกาสให้เอี๊ยมได้พบผู้ใหญ่ เจ๊ถามหน่อยเถอะเอี๊ยม เอาอะไรคิด ถึงได้ไปของานคุณดำรงทำ ทั้งๆที่เอี๊ยมยังติดสัญญากับช่องอยู่”
“ติดสัญญาแล้วไง ช่องไม่ป้อนงานให้ซักที เอี๊ยมก็ต้องกินต้องใช้นะเจ๊”
เจ๊เต่านิ่งๆ แต่สายตาตำหนิ
“ก่อนจะพูดคำนี้ เอี๊ยมปรับปรุงตัวก่อนดีมั้ย? เรื่องเบี้ยวงานเพิ่งจะเคลียร์ นี่ก็มีเรื่องสะตอเข้ามาอีก ไหนจะข่าวพัวพันผู้ชาย มีแต่ข่าวฉาวๆ ช่องคงปลื้มหรอก”
“ก็ถ้าช่องไม่ปลื้ม เอี๊ยมก็ไม่แคร์”
“เอี๊ยม”
ทุกคนมองหน้าแบบทำไมเป็นคนแบบนี้ เธอเชิดหน้าขึ้น
“เอี๊ยมยังยืนยันคำเดิมว่าเอี๊ยมเป็นคนเลือกช่อง ไม่ใช่ช่องเลือกเอี๊ยม ถ้าช่องนี้มีปัญหา เอี๊ยมไปช่องอื่นก็ได้”
“ก็ เลยโชว์พาวด้วยการไปแย่งงานคุณพิม ทั้งที่ช่องคุณดำรง ไม่ได้มีนางเอกแถวหน้าอยากไปเล่นเลยซักคน” เวฬุยาบอก
“ก็แล้วใครว่าฉันจะไปเล่น”
“หมายความว่ายังไง” เขมปัญฑาบอก
“ที่ฉันแย่งงานนังพิมมาเพื่อความสะใจเฉยๆ ใครจะบ้า ไปเล่นกับช่อง look cheap อย่างนั้น ทำละครแต่ละเรื่อง...” เธอทำหน้าแหย
เจ๊เต่าถลามากระชากแขนอย่างโกรธจัด
“นี่เอี๊ยมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”
เธอหน้าหงิกสะบัดแขนออก
“อะไรของเจ้”
“เอี๊ยมรู้มั้ย? ละครแต่ละเรื่อง เค้าต้องลงทุนเท่าไหร่ เอี๊ยมรับปากเค้าไปแล้ว คุณดำรงก็เตรียมเปิดกล้องแล้ว แล้วจู่ๆ เอี๊ยมจะแคนเซิลเค้าได้ยังไง”
เธอยักไหล่พูดแบบง่ายๆ
“ทำไมจะไม่ได้ เอี๊ยมก็แค่โทร.ไปบอก ช่องไม่อนุญาตให้เล่น ละครยังไม่ได้เปิดกล้อง แค่ไปเรียกนังปลวกพิมมาเล่นแทน ก็เรียบร้อยแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
เจ๊เต่าโกรธมาก
“คิดง่ายๆโง่ๆ เจ้เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าเอี๊ยมเป็นคนเอาแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่น ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีวินัยขนาดนี้ อย่าเป็นเลยนักแสดง”
เวฬุยายิ้มหมิ่นๆ
“แต่นิสัยอย่างเอี๊ยมก็เหมาะเป็นนักแสดงนะเจ้ เธอเล่นเก่งทุกบทบาท เพราะตอนนักข่าวสัมภาษณ์ เธอก็คงแอ๊บภาพเป็นนางเอกโยนความผิดให้คุณดำรง เหมือนกับทุกครั้ง ที่เธอโยนความผิดให้คนอื่น” เธอเดินเข้ามาหาอรัญภัทรมองหน้าก่อนจะหยิกที่แก้มเบาๆ ท”หน้ากากนางเอก ของเธอมันหนาจริงๆเอี๊ยม”
เวฬุยาปล่อยมือจากแก้ม เดินผละไป เธอหน้าตึง เขมปัญฑากับเจ๊เต่ามองเธอเหมือนเป็นตัวประหลาดก่อนเดินไปอีกคน

สองคนเดินมา ในมือของเจ๊เต่ามีเสื้อผ้าคอสตูม เจ๊เต่าบอกกับเขมปัญฑา
“เจ๊ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเอี๊ยมจะกู่ไม่กลับขนาดนี้”
“แล้วเจ๊จะไปคุยกับคุณดำรงยังไงคะเนี่ย”
“ไม่คุย เอี๊ยมเป็นคนไปของานเค้าเอง เอี๊ยมก็ต้องไปคุยกับเค้าเอง เราล่ะ...ช่วงนี้ ไม่มีงานเลย ไหวป่ะ”
“ไหวค่ะ นอกจากดูแลคุณยาย...เขมก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไร”
เจ๊เต่ายิ้มเฝื่อนๆ
“เจ๊รู้...กระเป๋าแบรนด์เนมเราก็มีกับเค้าแค่หนึ่งใบ อดทนไปก่อนนะเขมนะ ไว้ให้เรื่องของเอี๊ยมซา เจ้จะเข้าไปของานกับช่อง” เจ๊เต่าถอนหายใจระอา “เอี๊ยมนะเอี๊ยม ไม่รู้เลยรึไง ว่าทำความเดือดร้อนให้คนอื่น”
“ลำพังเขมไม่เป็นไรหรอกค่ะเจ้...มะม่วงเองก็คงไม่ได้คิดมากเรื่องงาน...แต่คุณวรรษ”
เจ๊เต่ามองอรัญภัทร สายตาเต็มไปด้วยคำถาม เขมปัญฑาบอก
“คุณวรรษเจอเอี๊ยมทำแบบนี้ คงเสียความรู้สึกมาก แล้วถ้าคุณวรรษได้ยินที่เอี๊ยมพูดกับคุณพิม เขมยังคิดภาพไม่ออกเลย คุณวรรษจะเป็นยังไง”
เจ๊เต่านิ่ง เครียดเหมือนกัน

วันใหม่ ณ มุมหนึ่งในบริษัท พิมพิชชาคุยกับวรรษชล เขาท่าทางโทรมกว่าเดิม ยืนหน้าเคร่ง พิมพิชชาถาม
“นี่คุณไม่เชื่อที่พิมเล่าเหรอคะ ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองคุยกับคุณเขมดูสิคะ คุณเขมอัดคลิปเอาไว้”
วรรษชลหันมามองหน้าพิมพิชชาอย่างสนใจ เบอร์รี่ยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟพอได้ยินก็ยืนฟัง ทั้งคู่ไม่เห็น พิมพิชชาพูดต่อจริงจัง
“พิมไม่ได้โกหกค่ะวรรษ...คุณไปขอคลิปจากคุณเขมมาดูนะคะ แล้วคุณจะรู้ ผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจเกินกว่าที่คุณจะคบหาต่อไป”
วรรษชลนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร
แต่เบอร์รี่หูตาแพรวพราวสนใจมาก ค่อยๆเดินเข้าไป พร้อมถาดน้ำในมือที่มีเหยือกน้ำใบบัวบกสีเขียวเข้มลอยด้วยน้ำแข็งก้อนเป็นก้อนๆ และแก้ว เบอร์รี่วางถาดน้ำลงบนโต๊ะ ท่าทางนอบน้อม เบอร์รี่ยิ้มเย้ย
“น้ำค่ะ”
พิมพิชชามองเบอร์รี่อยากตบมาก แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเสียงมือถือของวรรษชลก็ดังขึ้น
เขารับสายมองดูมือถือก่อน ตัดบทบอก
“ผมมีงานด่วน ขอบคุณมากนะพิม ไว้คุยกัน”
วรรษชลพูดแค่นั้นก็ผละไป พิมพิชชาเหวอได้แต่ร้อง
“วรรษคะ วรรษ”
วรรษชลเดินคุยสายไป ไม่สนใจ พิมพิชชาได้แต่หน้าหงิก เบอร์รี่ยิ้มแอบเย้ยพิม
“บังเอิญจังเลยนะคะ วันนี้หนูทำน้ำใบบัวบก....พี่พิมดื่มซักนิดนะคะแก้ช้ำใน ไหนจะเรื่องไม่ได้เล่นละคร แล้วไหนจะเรื่องที่คุณวรรษไม่สนใจ”
พิมพิชชายิ้มถาม “ หมดรึยัง”
เบอร์รี่หน้าเหวอไป คิดไม่ออก ว่าพิมพิชชาต้องการอะไร นางยิ้มบอก
“ถ้ายังไม่หมด ก็รีบพูดต่อให้จบ เพราะหลังจากนี้ ปากเธอจะต้องกินน้ำใบบัวบกแทนฉัน”
พูดจบพิมพิชชาก็คว้าเหยือกน้ำอย่างรวดเร็ว อีกมือหนึ่งก็คว้าปากเบอร์รี่เอาไว้บีบออกพร้อมกรอกน้ำใบบัวบกลงไป เบอร์รี่กรี๊ดร้องโวยวาย
“อย่านะอย่า”
“งั้น อาบแทนก็แล้วกัน”
พิมพิชชาเอาเหยือกน้ำเทราดลงบนหัวของเบอร์รี่ทันที เบอร์รี่อึ้งตะลึง แล้วจิกหัวทันที
“ไปฟ้องวรรษเลย เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้แคร์วรรษ สิ่งที่ฉันจะทำต่อไป คือล้างผลาญแกกับอิเอี๊ยม” นางหยิบน้ำแข็งก้อนที่ตกพื้นปาใส่ปาเบอร์รี่แล้วเดินออกไป
เบอร์รี่ยืนตัวสั่น ได้แต่มองตามพิมพิชชาด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็แพ้พิมเหมือนเดิม

วันใหม่ เวฬุยาเดินออกมาจากห้อง เห็นเขมปัญฑานั่งก้มหน้าก้มตาดูคลิปรายการจากไอแพดอยู่
“มีข่าวอะไรอีกล่ะ”
“ก็ข่าวเดิมๆนั่นแหละ ทั้งข่าวเอี๊ยมกับคุณวรรษ”
“ไหนขอดูหน่อย”
เขมปัญฑายื่นไอแพดให้ เวฬุยาหยิบมาดู เห็นคลิปข่าวบันเทิง
พิธีกร1บอก
“ข่าวล่ามาแรง เค้าเมาท์กันมาว่า วรรษชลกับเอี๊ยมห่างๆกันแล้ว ทั้งที่เพิ่งเห็นนั่งตักกันอยู่สองสามวัน
เอ๊ะ!หรือว่าเค้าห่างกันเฉพาะกิจ เพื่อแหกตานักข่าวกันละคะคุณ”
พิธีกร2บอก
“โอ่ว...โน....ถึงขนาดคุณวรรษออกมายอมรับแบบเต็มๆแล้วเนี่ย งานนี้ไม่มีแหกตาแน่นอน แต่ขาเมาท์เค้าเมาท์มา ว่าคุณนางเอกไม่แฮ๊ปปี้ ชีท่าเยอะอะไรประมาณนั้นละคะคุณ” พลางหัวเราะ
พิธีกร1ทำหน้าเจ้าเล่ห์
“เอ๊ะ...หรือว่าจริงๆแล้ว เพื่อนสาวแย่งเครื่องสำอางกัน เลยผิดใจกัน”
พิธีกร2ค้อนแบบขำๆ
“อุ๊ยยยย...นี่ก็เม้าท์ยิ่งกว่าอีกนะเนี่ย คุณวรรษน่ะเหรอจ๊ะสาว ไม่มี๊ไม่มี...ชอบบุกป่าฝ่าดงซะขนาดนั้น ยังไงก็ผู้ชายทั้งแท่งคะ งานนี้ดิฉันขอออกตัวเอี๊ยดเลยคะ!!ขอบอก...”
เวฬุยาส่งไอแพดคืน เขมปัญฑาบอก
“สงสารคุณวรรษจัง”
เวฬุยามองสงสัย “นี่...นี่...มากไปป๊ะ”
“คืออะไร”
“ก็เธอสนใจคุณวรรษมากไปหรือเปล่าไง”
เขมปัญฑาตกใจรีบบอก
“เขมไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นกับคุณวรรษนะ ก็แค่เห็นใจเค้า .จริงๆวันที่ถ่ายคลิป เขมแค่ตั้งใจขู่คุณพิมให้หยุด แต่เอี๊ยมกลับพูดออกมาแบบนั้น”
“ฉันก็เพิ่งรู้...ว่าคุณวรรษกับคุณพิมเคยคบกัน”
“อือ...แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่เอี๊ยมคบกับคุณวรรษเพื่อต้องการเอาชนะคุณพิม บอกตรงๆเลยนะ เขมเสียใจแทนคุณวรรษ”
“ก็ว่าแล้ว...มันผิดวิสัยคนรักกัน เพราะถ้าเอี๊ยมรักคุณวรรษจริง คุณวรรษแอ่นอกรับขนาดนั้นเอี๊ยมน่าจะปลื้ม แต่นี่..ทั้งโกรธ ทั้งโมโห...งานนี้คุณวรรษคงจะหนักเอาการอยู่เหมือนกันนะ”
เขมปัญฑานิ่งคิดก่อนพูด
“เราไปเยี่ยมคุณวรรษกันไหมมะม่วง .. เพราะเอี๊ยม....คงไม่ไปหาคุณวรรษแน่นอน”
เวฬุยาพยักหน้ารับ “อืม” เธอทำหน้าเหมือนนึกได้ กวาดตามอง
“ เออ!แล้วนี่ เอี๊ยมกับเจ้เต่าไปไหนกัน”
เต่านั่งรอคุณแจ๊ดผู้บริหารช่อง THaiTVอยู่กับอรัญภัทร ท่าทางเธอกระวนกระวาย หน้าหงิก
“ทำไมเราไม่ได้พบคุณแจ๊ดซักทีเจ๊”
เจ๊เต่าหน้าตึง
“ก็เค้ายังไม่ให้เข้าพบไง ...จะให้พบตอนไหนก็คงต้องรอ”
เธอหงุดหงิด
“เสียเวลา แล้วทำไมเจ้ไม่นัด เฟิร์มเวลาให้ดีๆ”
เจ๊เต่าหน้าตึงยิ่งกว่าเดิม
“เค้าไม่รับนัด เค้าบอกถ้าอยากเจอคุณแจ๊ด ก็ให้มานั่งรอตอนคุณแจ๊ดเดินออกมาจากห้องเอาเอง”
“หมายความว่ายังไง”
เจ๊เต่านิ่งๆสายตาเยียบเย็น
“ก็คุณแจ๊ดเค้าไม่ได้อยากเจอเอี๊ยมไงล่ะ..get ม๊ะ”
อรัญภัทรอึ้ง แต่ก็ทำหน้าหงิกแบบถือดี
รับภาพคุณแจ๊ด ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของช่องอายุประมาณ 70 เดินออกมา สีหน้ายิ้มละไมแบบคนใจดีเดินออกมา แต่พนักงานแต่ละคนที่เดินผ่าน เวลาผ่าน จะค้อมตัวอย่างนอบน้อมสุดๆ ทำให้รู้ว่าภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มท่าทางใจดี คุณแจ๊ดเฮี๊ยบอยู่เหมือนกัน พอเจ้เต่าเห็นคุณแจ๊ดก็รีบสะกิดเอี๊ยม ก่อนลุกเดินไปหารวดเร็ว ไปถึงเจ้เต่าก็ยกมือไหว้นอบน้อม เอี๊ยมยกมือตามไปด้วย
“สวัสดีค่ะคุณแจ๊ด”

อ่านต่อหน้าที่ 3 


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 13 (ต่อ)
คุณแจ๊ดยิ้มใจดี

“หวัดดีๆเต่า” เธอไมได้มองหน้าอรัญภัทรเลย “เดือนเค้าบอกอยู่เหมือนกันว่าเต่าขอพบ แต่พี่ไม่ว่าง เอ้า!มีอะไรว่ามา”
เจ๊เต่านอบน้อมแบบเกรงใจมาก
“เต่าต้องขอโทษคุณแจ๊ดด้วยนะคะเรื่องเอี๊ยม มันเป็นความเข้าใจผิดน่ะค่ะ”
คุณแจ๊ดยิ้มๆ
“ดำรงเค้าอยู่เฉยๆไม่ใช่เหรอ? เห็นข่าวออกมาว่าเอี๊ยมไปของานเค้าทำเองไม่ใช่เหรอ”
อรัญภัทรรีบบอก
“เอี๊ยมเห็นว่าตอนนี้ช่องไม่มีงานให้น่ะค่ะ เลยไปรับอย่างอื่น เพราะคิดว่าไม่เป็นอะไร..แล้วก็อีกอย่าง...เอี๊ยมไม่คิดที่จะเล่นละครกับคุณดำรงจริงๆคะ”
คุณแจ๊ดยิ้มแต่แบบดุๆ
“แล้วไปของานเค้าทำไม” เธอหัวเราะน้อยๆแต่น่ากลัว หันไปพูดกับเจ้เต่า “นี่พี่ก็เพิ่งรู้นะว่าเอี๊ยมเป็นคน...ชอบข้ามหัวผู้ใหญ่...ข้ามหัวพี่ไม่พอ ยังข้ามหัวคุณดำรงอีก...หึ”
อรัญภัทรหน้าตึง แต่เจ๊เต่าหน้าเหลือไม่ถึงนิ้ว ได้แต่ยกมือไหว้คุณแจ๊ดปลกๆ
“เต่าต้องขอโทษจริงๆค่ะคุณแจ๊ด เต่าสัญญา ต่อไปเต่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแน่นอนคะ เรื่องนี้เอี๊ยมทำไม่ถูกจริงๆ”
คุณแจ๊ดหัวเราะน้อยๆแบบไม่มีอะไรแต่ตาไม่มองเอี๊ยม “ไม่ถูกมาก... เป็นผู้จัดการดาราต้องคุมดาราให้ได้สิ ถ้าคุมไม่ได้ มันก็เป็นได้แค่คนติดตาม เลขาดารา อ้อ!ตอนนี้ก็เป็นคอสตูมอีกอย่าง”
เจ๊เต่าอึ้ง พนักงานเดินมา
“คุณแจ๊ดขา...ได้เวลาประชุมแล้วค่ะ”
คุณแจ๊ดพยักหน้ารับรู้ก่อนพูดกับเต่า
“พี่ไปก่อนนะเต่า เรื่องงานเดี๋ยวพี่ให้เดือนติดต่อไป”
คุณแจ๊ดเดินไปแบบไม่สนใจมองหน้าอรัญภัทรเลย เจ๊เต่าต้องรีบยกมือไหว้บอก
“ขอบคุณคุณแจ๊ดมากค่ะ”
อรัญภัทรยกมือไหว้ตาม แต่คุณแจ๊ดเดินไปแบบไม่ได้สนใจอะไร เจ๊เต่าได้แต่ถอนหายใจ หน้าจ๋อยๆ ความเยือกเย็นเป็นสิ่งที่น่ากลัว

สองคนเดินออกมาด้านนอก ที่บริเวณลานจอดรถ อรัญภัทรถามหงุดหงิด
“คุณแจ๊ดพูดคลุมเครือแบบนั้น หมายความว่ายังไงเจ๊”
เจ๊เต่าหน้าตึง
“เอ๊า...ไม่ได้ฟังรึไง? คุณแจ๊ดบอกเดี๋ยวให้พี่เดือนติดต่อมา ก็แสดงว่าให้รอ”
“ก็แล้วต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็คงรอให้เอี๊ยมเคลียร์ตัวเองได้มั้ง ไปคุยกับคุณดำรงแล้วรึยัง”
“ยัง”
เจ๊เต่าหน้างอ โกรธ “ทำไม”
เธอหน้างอเอาแต่ใจ
“เดี๋ยวค่อยไปตอนไหนก็ได้”
“แต่งานคุณดำรงเค้าเดินทุกวันนะเอี๊ยม ถ้าเอี๊ยมไม่ไปปฏิเสธเค้าก็ต้องรันงานต่อ รีบไปคุยกับเค้า ก่อนที่คุณดำรงจะพินาศไปมากกว่านี้ เหมือนที่คุณวรรษกำลังพินาศเพราะเอี๊ยม”
เธอรู้สึกแปลบๆในหัวใจ มองหน้าเจ๊เต่าเพราะพูดแทงใจดำเรื่องวรรษ เจ๊เต่าเดินไปที่รถแบบฉุนจัด เธอกำลังสับสนพยายามไม่คิดเรื่องวรรษล เธอเงยหน้าขึ้นบนฟ้า กรอกตาแบบเบื่อจัดเพื่อตัดอารมณ์ที่กำลังสับสน

ในห้องทำงาน วรรษชลหนวดเคราครึ้มแบบคนไม่ดูแลตัวเอง ปราชญ์กับแทนไทมองหน้ากัน ก่อนที่ปราชญ์จะหันไปคุย
“หมดข้อสงสัยแล้วใช่มั้ย ทำไมฉันถึงชวนแกมาที่นี่”
แทนไทมองหน้าปราชญ์ก่อนจะเดินไปหาวรรษชล ตบไหล่เพื่อน
“เฮ้ยวรรษ! แกก็อยู่วงการนี้มานาน เรื่องข่าวแกน่าจะชินได้แล้วไหมวะ”
“ฉันไม่ได้คิดเรื่องข่าว ฉันคิดเรื่องคน”
“เออ..ตกลง...เรื่องนายกับคุณเอี๊ยมเป็นไงวะ”
“อย่าไปพูดถึงเค้าเลย”
“อ้าว..นี่แกไหวมั้ยวะเพื่อน”
วรรษชลยิ้มเหนื่อยๆ “ไหว ขอบใจมากนะ “ น้ำเสียงนั้นจริงจังปนขมขื่น “ฉันดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับนายทั้งสองคนนะ”
“พูดอะไรแบบนี้วะ...คิดมากอีกละ” แทนไทบอก
วรรษชลยิ้ม
“ไม่ได้คิดมาก แต่ต้องตอกย้ำ เตือนตัวเองอยู่บ่อยๆ” เขามองเพื่อนทั้งสอง “ยังไงพื้นฐานครอบครัวเราก็ไม่เหมือนกัน”
ปราชญ์เดินมากอดไหล่วรรษ
“พื้นฐานครอบครัวจะเหมือนหรือต่างกันมันไม่สำคัญหรอก แต่ที่พวกเรามีเหมือนกันก็คือความจริงใจไม่ใช่เหรอวะ”
วรรษชลยิ้มมองสองหนุ่มตื้นตันบอก
“ขอบใจพวกนายจริงๆว่ะเพื่อน”
“เออ...ถ้าแกโอเค ฉันสองคนก็ดีใจ”
“แล้วนี่แกจะกลับเมื่อไหร่วะแทน...เที่ยวนี้มานานผิดปกตินะ”
แทนไทนิ่งคิดไปนิด
“ยังไม่รู้เลยว่ะ” แทนไทพูดจริงจังท่าทางหนักใจ “ถ้าเคลียร์ธุระเสร็จก็คงกลับ” เขายิ้มเฝื่อนๆ “ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ไปทำไม”
“ธุระอะไรวะ” ปราชญ์ถาม
แทนไทไม่ตอบ วรรษกับปราชญ์นั่งมองหน้า แทนไทพูดอะไรแปลกๆ มีเสียงโทรศัพท์มือถือวรรษชลที่ชาร์ตอยู่ดังขึ้น จากห้องทำงานหน้าบ้าน วรรษชลเดินมารับสาย ฟังก่อนตอบกลับ
“ครับ..อยู่หน้าออฟฟิศเหรอครับ งั้นรอซักครูนะครับ”
เขาวางสายมองหน้าเพื่อนตัดสินใจบอกข่าวดี แทนไทดวงตาเป็นประกายดีใจออกนอกหน้า ปราชญ์ดีใจแต่เก็บอาการไว้

สามหนุ่มเดินออกไปหน้าออฟฟิศ ปราชญ์ แทนไทหน้าตาดีใจ เวฬุยากับเขมปัญฑาเดินตรงเข้ามา แต่ชงักเมื่อห็นทั้งสอง ปราชญ์มองเขมปัญฑาหน้านิ่งแต่เป็นมิตร แทนไทฉีกยิ้มออกนอกหน้า ทั้งสองสาวมองสองหนุ่มนิ่งเก็บอาการไว้
อีกมุม เบอร์รี่ยืนอยู่ แอบเห็นทั้ง 5 คน ดวงตาแสดงความไม่พอใจ

อรัญภัทรอยู่ในคอนโดฯ หน้าตาหงุดหงิด ได้แต่เอามือขยุ้มผมตัวเองแบบคิดไม่ตก
“โอ๊ย!จะทำยังไงเนี่ย”
เธอนิ่วหน้า ก่อนที่ดวงหน้าจะผ่อนคลายลง เมื่อนึกถึงวรรษชล เอี๊ยมคว้ามือถือขึ้นมา กดหา
ที่ห้องทำงานวรรษ เสียงมือถือดัง เบอร์รี่เดินหน้าหงิกหน้างอผ่านมา ได้ยินรีบเข้าไปดู เห็นเป็นเบอร์อรัญภัทร เบอร์รี่ยิ้มร้าย ก่อนกดตัดสายทิ้ง เบ้ปาก อรัญภัทรโมโหมากที่ถูกตัดสายทิ้ง
“กล้าตัดสายทิ้งเหรอ”
เธอกดหาวรรษชลใหม่ เบอร์รี่กำลังจะเดินออกไป ได้ยินเสียงมือถือดังอีก เบอร์รี่เดินถอยหลังมา
ดูเห็นเป็นเบอร์อรัญภัทรอีก เบอร์รี่หัวเราะร้าย
“ผู้ชายไม่รับสาย...คลั่งเป็นหมาบ้าเชียวนะคะพี่เอี๊ยม” แล้วกดตัดสายทิ้งอีก หัวเราะ
ฝ่ายอรัญภัทรโกรธจนตัวสั่น เบอร์รี่แอบหัวเราะคิกคักชอบใจ ก่อนเดินออกไปข้างนอก พร้อมหยิบมือถือขึ้นมา

อรัญภัทรหน้าหงิกหน้างอ อารมณ์เหมือนคนถูกขัดใจ
“นี่คุณกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ”
เธอคว้ากระเป๋าผุดลุกขึ้น จะเดินออกไป เจ๊เต่าเดินออกมาจากห้องเห็นถาม
“จะไปไหนน่ะเอี๊ยม”
เธอหน้าหงิก
“เอี๊ยมจะไปเคลียร์กับคุณวรรษ”
เจ๊เต่ามองแบบอ่อนใจ บอกเสียงเย็น
“ถ้าจะไปเคลียร์ เจ๊ว่าเอี๊ยมทำหน้าดีๆกว่านี้หน่อยไหม เพราะหน้าตาอย่างตอนนี้ เหมือนเอี๊ยมจะไปหาเรื่องคุณวรรษชัดๆ”
พูดจบเจ๊เต่าก็คว้าเอากระจกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ยื่นไปตรงหน้านางเอกสาว เธอมองเห็นตัวเองหน้าหงิกหน้างอก็หน้าเจื่อนลง เจ๊เต่าเอากระจกมาวางลงที่เดิมแล้วเดินเลี่ยงไปข้างนอก เอี๊ยมถอนหายใจ พยายามปรับสีหน้าให้ดีขึ้น จะก้าวเดินออกนอกห้อง ก็ชะงัก เมื่อเสียงมือถือดัง เธอรีบรับสาย เพราะนึกว่าวรรษชล
“คะ”
เบอร์รี่ที่อยู่อีกมุมในออฟฟิศยิ้ม แอ๊บแบ๊ว ก่อนทำไม่รู้ไม่ชี้
“พี่เอี๊ยมอยู่ที่ไหนคะเนี่ย เมื่อไหร่ถึง”
เธอผิดหวังที่ไม่ใช่วรรษ
“อะไร? ถึงอะไร”
“ก็ถึงออฟฟิศพี่วรรษน่ะสิค้า”
เธอยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เบอร์รี่เห็นอาการนิ่งอึ้ง ก็แอบยิ้มหัวเราะเยาะ แล้วมองไปยังกลุ่มวรรษชล ที่นั่งอยู่กับสองหนุ่ม สองสาว ก็เสี้ยมอรัญภัทร ทำเสียงแบ๊วบอก
“ตอนนี้พี่เขมกับพี่มะม่วง มาถึงแล้วนะคะ กำลังคุยอยู่กับพี่วรรษ คุณแทน คุณปราชญ์ ท่าทางเอ็นจอยกันใหญ่เลยค่ะ หนูเลยโทร.มาถามพี่เอี๊ยมว่าเมื่อไหร่จะมาถึง จะได้เตรียมน้ำใบบัวบกไว้ให้นะคะ เบอรี่ทำเองกับมือเลยนะคะ”
อรัญภัทรหน้านิ่ง อึ้ง ตกตะลึง เขมปัญฑากับเวฬุยาไปหาวรรษชลเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
เบอร์รี่ยิ้มร้าย
“ทำไมพี่เอี๊ยมเงียบไปละคะ อ๊ะ!หรือว่าพี่เอี๊ยมไม่มา เอ๊ะ...หรือว่าพี่เอี๊ยมไม่รู้ว่า พี่เขมกับพี่มะม่วง จะมาหาพี่วรรษคะ”
เธอแทบตะคอก
“พูดจบรึยัง”
เบอร์รี่แทบจะร้องกรี๊ดๆด้วยความดีใจ แต่จำต้องแอ๊บ ทำเสียงรู้สึกผิด
“เบอร์รี่ขอโทษนะคะ เบอร์รี่แค่อยากเจอพี่เอี๊ยม” นางลอยหน้าลอยตาสะใจ “เบอร์รี่ไม่รู้จริงๆค่ะ ว่าพี่เอี๊ยมไม่ได้รับเชิญ!”
เบอร์รี่วางสาย แล้วหัวเราะก๊ากสะใจ อรัญภัทรเขวี้ยงมือถือลงบนโซฟา สีหน้าบอกว่าขัดใจ และโกรธมาก

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน วรรษชลเดินออกมาส่งสองสาวที่หน้าออฟฟิศ ปราชญ์กับแทนไทยืนมองอยู่ด้านหลังแบบลุ้นๆ วรรษชลบอกสองสาว
“ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วงผม”
สองสาวยิ้ม ก่อนที่เวฬุยาจะบอกวรรษชล
“ยังไง ฉันก็อยากให้คุณเข้าใจและให้โอกาสเอี๊ยมนะคะ ถึงจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เวฬุยาบอก
“เอี๊ยมแคร์คุณวรรษนะคะ แต่เค้าอาจจะไม่ได้แสดงออก” เขมปัญฑาบอก
วรรษชลยิ้มขื่น สายตาไม่เชื่อ แต่บอก
“ขอบคุณครับ ที่ให้กำลังใจ ถ้าเอี๊ยมคิดเหมือนอย่างคุณสองคนบ้างก็คงดี”
“เพื่อนกัน ยังไงก็ต้องมีส่วนที่เหมือนกันบ้างล่ะค่ะ ไม่งั้น คงคบกันไม่ได้” เวฬุยาว่า
“ก็จริงนะครับ...เอ่อ...ถ้างั้น...คุณมะม่วงกับคุณเขมก็ให้โอกาสปราชญ์กับแทนได้ใช่ไหมครับ”
สองสาวหน้าเจื่อนลง วรรษชลรีบบอก
“ก็อย่างที่คุณมะม่วงบอก ว่าเพื่อนกันนิสัยก็ต้องเหมือนกันบ้างถึงจะคบกันได้” วรรษชลมองจริงจัง “ถ้าพวกคุณเห็นว่าผมคบได้...แทนกับปราชญ์ก็น่าจะเป็นคนที่คบได้เหมือนกันนะครับ เพราะเค้าเป็นเป็นเพื่อนผม”
สองสาวได้แต่อึ้ง มองดูไปทางด้านหลัง เห็นปราญ์กับแทนไทยืนอยู่ หนุ่มสาวสองคู่ ยืนมองหน้ากัน มีวรรษชลยืนอยู่ตรงกลางคนเดียว


เวฬุยาขับรถ มีเขมปัญฑานั่งข้างๆ สองคนนั่งเงียบ เหมือนจมอยู่กับภวังค์ ต่างคนต่างจมอยู่
กับความคิดของตัวเอง

กลางวันที่ผ่านมา ที่มุมหนึ่งที่ออฟฟิศของวรรษชล เขมปัญฑายืนนิ่ง ก้มหน้าต่ำ ตามนิสัย ปราชญ์เดินมายืนด้านหลัง ข้างๆ บอกอ่อนโยนจริงจัง
“ผมดีใจนะ ที่ได้มาเจอคุณวันนี้”
“แต่ฉันไม่ดีใจ”
เธอหันมามองหน้าเขานิดหนึ่ง แบบจะยังไงดี ปราชญ์พูดจริงจัง
“ผม...ขอโทษ...นะ...คุณอาจจะยังไม่ให้อภัยผมในวันนี้ แต่ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมคิดว่าคุณเป็น...”
เธอพูดสวนทันที
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยคะ...เพราะมันไม่ใช่ความทรงจำที่น่าประทับใจสำหรับฉัน”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่า...ขอโทษ...คุณยังจะต้องการอะไรอีก”
“คำขอโทษของคุณมันเทียบค่าไม่ได้เลยกับศักดิ์ศรีของฉันที่เสียไป คุณมันคนไม่มีหัวใจถึงได้คิดจะเหยียบย่ำใครก็ทำได้ง่ายๆ ไม่นึกถึงจิตใจคนอื่นว่าจะรู้สึกยังไง”
“ก็ผมบอกว่าผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจไง...จะให้พูดอีกครั้งว่าขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
เขมปัญฑาสบตาปราชญ์จริงจัง ปราชญ์ก็มองตอบกลับแบบจริงจังและแสดงความจริงใจไม่เหลือคราบหนุ่มอารมณ์ร้ายอย่างคืนวันนั้นเลย

เวฬุยายังขับรถไปเรื่อยๆตามทางอย่างครุ่นคิด แต่พอคิดไม่ตกก็หันมาถามเพื่อน
“เขมคิดยังไง”
“หมายถึงอะไร ...คิดยังไง”
“ก็เรื่องคุณปราชญ์ไง”
“แล้วมะม่วงล่ะคิดยังไง”
เวฬุยาทำเป็นไม่รู้ “เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องคุณแทนไง”
เธอนิ่งไม่ตอบ สายตามองเหม่อไปข้างหน้า แต่ใจครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อกลางวัน

เวฬุยาหน้าเชิดเดินหนี แทนไทเดินตาม ก่อนเดินมาขวางตามนิสัย
เธอตาเขียว
“นี่...อยากมีเรื่องอีกใช่มั้ย”
แทนไทถามจริงจัง
“ก็ถ้าคุณพร้อม ผมก็พร้อม”
เธฮหงุดหงิด
“เอ๊ะ!คุณนี่ยังไง?”
“คุณอาจจะเห็นผมเป็นคนพูดมาก พูดไม่เข้าท่า แต่ผมก็อยากให้คุณรู้ว่าผมเสียใจในสิ่งที่ผมทำจริงๆ...ก็...ทำไปแล้ว ผิดไปแล้ว รู้ว่าคุณยังไม่หายโกรธ แต่ผมก็พร้อมแสดงสปิริตการเป็นลูกผู้ชาย ด้วยการ ขอโทษ...ทำไมคุณถึงยังไม่ยอมใจอ่อนให้อภัยผมซะที...แล้วนี่...ผมจะต้องทำยังไง”
แทนไทบอกอย่างจริงจัง เวฬุยามองแทนไทด้วยสายตาแบบชั่งใจจะเอายังไงต่อไปกับนายคนนี้ แต่ก็ยังมีทีท่าว่าไม่ยอมให้แน่ๆ

เวฬุยานิ่ง เขมปัญฑามองถาม
“ว่าไงล่ะมะม่วง”
มะม่วงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เรื่องแบบนี้คงต้องดูกันไปนานๆนะเขม ถ้านายแทนเค้าจริงใจ และเสียใจในสิ่งที่ทำจริงๆ ก็..คงจะมีวันนั้น...รึเป่ล่า...ฉันก็ตอบไม่ได้ในตอนนี้”
เวฬุยาแอบอมยิ้มน้อยๆ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนใจเริ่มอ่อนลง ก่อนบอก
“แต่ยังไง ฉันก็อยากให้เอี๊ยมเคลียร์กับคุณวรรษก่อน คุณวรรษเป็นคนดี ฉันไม่อยากให้เอี๊ยมเสียคุณวรรษไป เพราะความคิดที่เอาแต่ตัวเอง”
เขมปัญฑายิ้ม
“พูดอย่างนี้แปลว่า...มะม่วงจะบอกเอี๊ยมใช่มั้ยว่าเราไปเจอคุณวรรษมา”
“ฮื่อ! แล้วก็จะบอกด้วย ว่าจริงๆแล้ว คุณวรรษก็รอให้ยายเอี๊ยมไปปรับความเข้าใจอยู่”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน โล่งใจ ดีใจ ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน

เวลากลางคืนต่อมา สองสาวเปิดประตูเข้ามา สีหน้ายิ้มละไมแบบคนอารมณ์ดี ทุกอย่างเหมือนจะดี อรัญภัทรกำลังยืนหน้าคว่ำอยู่ เห็นเพื่อนทำท่าทางอย่างนั้นก็เข้าใจผิด แขวะตามนิสัย
“มีความสุขกันจังนะ”
เวฬุยายิ้ม..ยังไม่ถือสา
“ฮื่อ!” แปลกใจทำไมอรัญภัทรทำหน้าตาแบบนี้ “แล้วนี่...เธอเป็นอะไรของเธอเอี๊ยม หน้าตาไม่สบอารมณ์เอาซะเลย”
“ยังจะมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ เธอสองคนกำลังทำอะไรกัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้...แต่ไม่ต้องกลัว...อะไรที่ฉันทิ้งมันไปแล้ว..ฉันไม่เอาคืน”
อรัญภัทรพูดจบก็เดินฉับๆเข้าไปในห้อง แบบอารมณ์เสีย ขัดใจ โกรธสุดๆ มะม่วงรู้สึกงงแต่ฉุนมากที่อรัญภัทรพูดอะไรไม่มีเหตุผล
“เฮ้ย! เอี๊ยม...นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไรของเธอ ออกมาเคลียกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ” ว่าพลางจะเดินไป
เขมปัญฑาฉุดมือมะม่วง
“อย่ามะม่วง”
เวฬุยาอารมณ์เสีย
“ก็เธอดู...ยายเอี๊ยมทำสิ นี่มันเรื่องอะไรถึงได้มาพาลเรา”
“เอี๊ยมคงเครียดหลายเรื่อง ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องคุณวรรษ...เลยอารมณ์ไม่ดี”
“อารมณ์ไม่ดีแล้วไง จำเป็นต้องมาลงที่พวกเราไหม”
เขมปัญฑานิ่งคิด
“ที่เราคุยกันว่าจะบอกเอี๊ยมให้ไปปรับความเข้าใจกับคุณวรรษ สงสัยจะไม่ได้ผลแล้วล่ะมะม่วง เพราะเอี๊ยมก็คงอยากให้คุณวรรษเป็นฝ่ายมาง้อมากกว่า”
“ถ้าคิดอย่างงี้...ยายเอี๊ยมก็เตรียมเป็นโสดได้เลย เพราะผู้ชายอย่างคุณวรรษคงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมาตามง้อ ผู้หญิงที่ไม่เข้าท่าอย่างยายเอี๊ยม”
เวฬุยาหน้าหงิก ฉุนมาก เขมปัญฑามองอย่างเข้าใจเพื่อนทั้งสองคน

ผ่านเวลา เครื่องบินจากอเมริกาแลนด์ดิ้งลงสู่สุวรรณภูมิ ผู้คนเดินจำนานมากออกมาจากสนามบิน

ในบริษัท... ดำรงกำลังกลุ้มใจว่าจะไปหาพระเอกมาจากไหน เพราะไม่มีใครรับเล่นละคร
“จะเปิดกล้องอยู่แล้ว ทำไมพวกคุณถึงยังหาพระเอกไม่ได้อีกห๊ะ....นักแสดงหน้าใหม่มีตั้งเยอะตั้งแยะ”
ทีมงานบอก
“ก็...ส่วนใหญ่เค้าก็แห่กันไปเซ็นสัญญาที่ช่องใหญ่หมดนี่คะ”
“นี่คุณจะบอกว่าช่องผมเล็กงั้นเหรอ”
“คือ...ก็ไม่ใช่อย่างนั้นคะ...คือ...มันก็คงจะดีกว่าไหมคะ ถ้าได้ไปอยู่ช่องใหญ่”
“หรือว่าพวกคุณอยากจะย้ายไปอยู่ช่องใหญ่”
“เปล่าๆๆ เปล่านะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ต้องไปหาพระเอกหน้าใหม่มาให้ผมให้ได้...และถ้าพรุ่งนี้คุณยังไม่มีคำตอบให้ผมละก็...คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะลงโทษคุณยังไง”
ทีมงานก้มหน้ารับชะตากรรม
“คะ ดิฉันจะเรียกมาแคสอีกครั้งนะคะ”

ในบริษัทของดำรงที่มีความหรูหราพอสมควร คริสในชุดลำลอง สบายๆแต่ดูเท่ สะดุดตาน่ามอง เดินเข้ามา ความเป็นซุปตาร์และเท่ของคริสทำให้สาวๆในออฟฟิศจำได้ในทันที ทุกคนต่างมองและกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
พนง.1มองอย่างอึ้งๆ บอก “เอ๊ะ...นั่นมัน”
พนง.2มองตามแล้วยิ้มพูดต่อจากเพื่อน “คุณคริสสุดหล่อของฉัน...แอร๊ย”
“คุณคริสของฉันกลับมาแล้ว...อร้าย”
คริสหันมองพนักงานที่ร้องกรี๊ดใส่อย่างยิ้มๆแบบบริหารเสน่ห์ที่ไม่ได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้มาเกือบสามปี
“ผมจ้างคุณให้มาทำงานให้ผม ไม่ใช่ให้มาเพิ่มงานเพิ่มความเครียดให้ผม เข้าใจไหม”
คริสเดินตรงไปยังหน้าห้องดำรง พนักงานหนึ่งคนเดินหน้าเสียออกมาจากห้องประชุมพอดี คริสจึงถามหาดำรง
“คุณอาอยู่ไหม”
พนักงานไม่ตอบไ ด้แต่มองเข้าไปข้างในด้วยสีหน้ากลัวๆ คริสทำหน้างงว่าเกิดอะไรขึ้น

ดำรงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างหงุดหงิดใจไม่ได้ดังใจ คริสเดินเข้ามายืนมองดำรงแบบขำๆ
“เครียดอะไรอยู่ค้าบอา”
ดำรงไม่ทันได้มอง
“ก็จะไม่ให้ฉันเครียดได้ไง จะเปิดกล้องอยู่แล้ว ยังไม่มีพระเอกคนไหนมารับเล่นเลยซักคน...ถ้าถึงเวลาแล้วยังหาไม่ได้ ฉันจะทำยังไงห๊ะ...ไหนตอบมาสิ๊” พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นคริส
คริสยิ้มหน้าทะเล้นใส่ดำรง
ดำรงอึ้งอยู่พักหนึ่งก็ตั้งสติได้
“คริส...” แล้วก็นึกบางอย่างออกจึงลนลานโผเข้าไปกอดคริส “คริส...คริส...หลานรักของอา นี่เทวดาส่งคริสมาหาอาแท้ๆเลย อารักหลานมากๆๆ” ดำรงทำท่าจะหอมแก้ม
คริสพยายามยื้อตัวออกไม่ให้ดำรงหอม และทำหน้างงว่าดำรงเป็นอะไร

เวลากลางคืน วรรษชลท่าทางยังเครียดจัด เมื่อคิดถึงเรื่องที่สองสาวมาปรับความเข้าใจแทนอรัญภัทรสีหน้าของเขาเหมือนจะดีขึ้น ดูใจอ่อน แต่สีหน้าของวรรษชลเหมือนจะเปลี่ยนเป็นเครียดอีก เมื่อเสียงของพิมพิชชาดังก้องว่า อรัญภัทรไม่ได้จริงใจกับวรรษชล และเขมปัญฑามีคลิป สีหน้าของเขาดูลังเลหนักใจ ก่อนที่จะสะบัดหน้าเหมือนไล่ความรู้สึกตัวเอง
เขาคิดในใจ
“จบคือจบ อย่าไปสนใจอะไรอีก”
วรรษชลเดินลิ่วไปยังห้องตัด ทางด้านหลัง เบอร์รี่มองวรรษชลแบบจับสังเกตทุกอย่าง ยิ้มสะใจที่รู้ว่าวรรษน่าจะกำลังตัดใจจากอรัญภัทร พึมพำ
“เหล็กมันต้องตีเวลาร้อนๆสินะ...หึ๊...ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าคลิปที่ยัยพิมพูดถึงเมื่อวันก่อน มันคือคลิปอะไร...และฉันก็จะทำให้คุณวรรษเกลียดแกจนไม่อยากมองหน้าเลยนังเอี๊ยม!!!!!คอยดู” เบอร์รี่สายตามุ่งมั่นมาก

ฝ่ายคริสกำลังต่อต้านดำรง ไม่เล่นละคร ในขณะที่ดำรงกำลังขอร้องแทบจะสยบแทบเท้าหลานดราม่าสุด
“ไม่..ไม่...ไม่...ยังไงก็...ไม่...คำเดียวครับอา ผมเพิ่งกลับมายังไม่ได้ปรับตัวอะไรเลย ยังไงผมก็ไม่เล่นครับ”
“คริสช่วยอาหน่อยเถอะ”
“อาครับ อาก็รู้ว่าที่ผมไปเรียนต่อก็เพราะผมอยากพักจากวงการ และหาประสบการณ์จากอะไรใหม่ๆบ้าง”
“โธ่คริส ประสบการณ์ใหม่ไว้ค่อยหาทีหลังก็ได้” ว่าพลางคุกเข่ากอดคริสดร่าม่าสุดฤทธิ์ “นะ...คริส อาขอร้อง คริสจะให้อาทำอะไรอาก็ยอม ถ้าคริสไม่เล่น งานนี้อาตายแน่...ฮือ ๆๆ”
ดำรงดราม่าเต็มสูบ คริสทำหน้าเซ็งอารมณ์ประมาณว่าแพ้ลูกอ้อนซะแล้ว

อ่านต่อหน้าที่ 4



หน้ากากนางเอก ตอนที่ 13 (ต่อ)
วันใหม่ ในคอนโดฯ อรัญภัทรหน้าหงิก ทุกอย่างไม่สบอารมณ์ เขมปัญฑาเดินมาหา อยากปรับความเข้าใจ

“เอี๊ยม...เขมจะขอคุยด้วยหน่อย”
อรัญภัทรอารมณ์เสีย
“ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น ฉันไม่ว่างคุย พวกเธอจะทำอะไร เชิญ ! ฉันจะสนใจเฉพาะเรื่องของฉัน” เธอแบมือ ท “ขอดูคลิปที่ถ่ายวันนั้นหน่อย”
“เอี๊ยมจะดูทำไม”
“ก็อยากดูไง...จะได้เอาไปประจานนังพิม”
“เขมว่าคลิปถ่ายวันนั้น น่าจะประจานตัวเอี๊ยมมากกว่านะ”
อรัญภัทรมองสงสัย เหมือนตัวเองผิดอะไร เขมปัญฑาบอก
“เธอจำไมได้จริงๆเหรอ ว่าวันนั้น พูดถึงคุณวรรษว่ายังไง”
เธอสะกิดใจแต่กลบเกลื่อน
“โอ๊ย!เรื่องนั้น ตัดออกก็ได้ แล้วเอาแต่ภาพที่ทุเรศๆของนังพิมมาแฉ”
“เอี๊ยม...มันจะกลายเป็นแฉตัวเองมากกว่านะ อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านเถอะ”
“พูดแบบนี้แปลว่าไม่ให้มั้ยเหรอ”
เขมปัญฑา มีท่าทางแข็งข้ออย่างไม่เคยมาก่อน
“ใช่! แล้วเอี๊ยมควรเอาเวลาไปเคลียร์กับคุณวรรษ คุณดำรง ดีกว่าจะมาตามจองล้างจองผลาญคุณพิม”
เขมปัญฑาเดินไปแบบป่วยการที่จะปรับความเข้าใจ เอี๊ยมได้แต่มองตามอย่างหน้าบึ้งไม่พอใจที่ถูกขัดใจเป็นอย่างมาก

นห้องประชุม ดำรงคุยกับทีมงานอารมณ์ดี
“พอมีข่าวว่าเอี๊ยมจะย้ายช่อง ช่องเราดังตั้งแต่ละครยังไม่ทันจะเริ่ม่ถ่ายเลย แล้วเอี๊ยมเอาบทไปแล้วมีFeedbackยังไงมั่ง”
ทีมงาน1หน้าเครียด
“ไม่เห็นว่าอะไรเลยครับ โทร.ไปก็ไม่รับ”
ทีมงาน2 บอก
“ละครจะเปิดกล้องอาทิตย์หน้าแล้วนะคะ ทุกอย่างพร้อมหมด เว้นแต่นางเอก ที่เราติดต่อยังไม่ได้”
“เอ้า!ทำไม เป็นงั้นล่ะ ต่อสายเอี๊ยมให้ผมหน่อย”
“ค่ะ”
ทีมงานรีบต่อสายให้ อรัญภัทรอยู่ที่ห้อง พอเห็นเป็นเบอร์ออฟฟิศก็ออกอาการ
“โอ๊ย!จะโทร.มาทำไมนักหนา รำคาญ” เธอกดสายทิ้งแล้วบล็อกเบอร์เลย
ทีมงานหน้าเจื่อน กดอีก ดำรงถามแบบหงุดหงิด
“ว่าไง”
“เหมือนคุณเอี๊ยมจะกดตัดสายทิ้งนะคะ แล้วพอโทร.ไปใหม่ ก็ติดต่อไม่ได้แล้วค่ะ”
“อะไรของเค้าเนี่ย”
น้ำเสียงของดำรงหงุดหงิดแบบผู้บริหารยังไงก็ผู้บริหาร ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมา

บริเวณหน้าคอนโด อรัญภัทรกำลังจะเดินออกไป เสียงมือถือดัง เธอคว้ามือถือมาดู พอเห็นเป็นเบอร์ดำรงก็ถอนใจยาวแบบเบื่อมาก แต่ก็รับ
“เอี๊ยมค่ะ”
ดำรงอยู่ในห้องประชุม หน้าเครียด แต่พยายามคุมสติให้น้ำเสียงยังสุภาพอยู่
“ว่าไงเอี๊ยม ?..อ่านบทหรือยัง ผู้กำกับเค้าอยากนัดเวิร์คชอปซะหน่อย เอี๊ยมพอจะว่างวันไหนบ้างครับ”
เธอมีน้ำเสียงเหวี่ยงมาก
“ยังไม่ได้อ่านค่ะ”
“อ้าว!จะเปิดกล้องอยู่แล้ว บทก็ส่งไปให้ตั้งนานแล้ว ทำไมไม่อ่าน”
“ไม่ว่าง”
ดำรงชักไม่พอใจ
“อาทิตย์หน้าจะเปิดกล้องอยู่แล้ว ถ้าเอี๊ยมยังไม่อ่านบท จะเล่นได้ยังไง”
เธอลอยหน้าลอยตาไม่ยี่หระตอบหน้าตาเฉย “ก็ไม่เล่น”
เจ๊เต่าหอบเสื้อผ้ากลับมาได้ยินพอดี ขณะที่ดำรงร้องลั่น
“เฮ้ย!พูดจาอย่างนี้ได้ยังไง? เอี๊ยมมาขอผมเล่นละคร ผมก็ให้เล่น ทุกอย่างเตรียมงานไว้หมดแล้ว จู่ๆเอี๊ยมจะมาปฏิเสธได้ยังไง”
“ก็เอี๊ยมเพิ่งว่างศึกษาช่องของคุณ ก็เลยเพิ่งรู้ว่า ละครของคุณเน้นแต่เรื่องร้ายๆแรงๆ 100 เรื่องก็มีแต่แย่งผัวแย่งเมียกัน look cheap เอี๊ยมเล่นไปก็เสียภาพพจน์เอี๊ยมหมด เอี๊ยมไม่เล่น คุณให้คนอื่นเล่นแทนแล้วกัน”
อรัญภัทรวางสาย เชิดๆเริ่ดๆ ขณะที่ดำรงทุบห้องประชุมดังลั่น
“โธ่เว้ย”

ภายในคอนโดฯ เจ๊เต่าเผชิญหน้ากับอรัญภัทร โยนเสื้อผ้าใส่ ด่ากราด
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง”
เอี๊ยมหงุดหงิด
“แบบไหนอีกล่ะเจ้”
“หยาบคาย ไร้มารยาท ไม่มีสัมมาคารวะ เธอทำเค้าเสียหาย ความจริงเธอต้องไปกราบขอโทษเค้า ไม่ใช่พูดจาด่าเค้าอย่างนี้ เฮอะ! ถูกช่องตำหนิเรื่องความประพฤติไม่ดี เธอยังกล้าไปกร่างกับคนอื่น อีก” เจ๊เต่าโกรธมากๆเอามือจิ้มหัวอรัญภัทรแทบขย้ำ
“เธอทำถูกหรื “โอ๊ย” ก่อนผลักเจ๊เต่าออก “เจ๊จะอะไรกันนักกันหนา...ถ้าเป็นช่องที่เค้าดังๆ ดีๆ ค่อยว่าไปอย่าง”
“จำไว้นะเอี๊ยม จะช่องใหญ่ ช่องเล็ก ช่องใหม่ ช่องเก่า ถ้าเราตกลงไปร่วมงานกับเค้าแล้ว ก็ต้องให้เกียรติเค้า เอี๊ยมเอาแต่ว่าคนอื่น แต่ไม่เคยมองดูตัวเอง...ดูเธอตอนนี้สิ เอี๊ยม เธอดีแค่ไหนถึงได้ไปว่าเค้า ข่าวด้านลบของเธอมีไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งด่านักข่าว ทั้งข่าวผู้ชาย แล้วไหนจะมาเบี้ยวละครนี่อีก เจ๊ถามหน่อยเถอะ ถ้าเรื่องนี้ดังออกไปใครๆเค้าจะคิดว่าเธอเป็นคนยังไงเอี๊ยม เธอยังจะมีที่ยืนอยู่ในวงการนี้อีกไหมห๊ะ... เจ๊พูดขนาดนี้แล้วถ้าเธอยังคิดไม่ได้อีกละก็...ออกจากวงการไปเลยเอี๊ยม เพราะถึงเธอไม่ออก คนที่มีความประพฤติอย่างเธอ ยังไงวันนั้นก็ต้องมาถึงในไม่ช้า เจ๊จะบอกให้นะ ว่าหน้ากากนางเอกที่เธอใส่อยู่ มันฉาบหน้าเธอไว้ได้ไม่นานนักหรอกนะเอี๊ยม...จำไว้”
เจ๊เต่าชี้นิ้ว มือไม้สั่น โกรธมาก ทั้งสองมองตากัน เธอถือดี แต่ลึกๆในใจแอบคิดว่าทำไมเจ๊เต่าถึงไม่เข้าใจความรู้สึกเธอเลย

ดำรงประกาศก้อง ดวงตาเป็นประกายโกรธมาก
“โว้ย...นึกจะมาขอเล่นก็มาขอ นึกจะไม่เล่นก็มาบอกปัด...อะไรว่ะเนี๊ยะ อีนางเอกนรก”
ดำรงโทรศัพท์เรียกลูกน้อง
“แผนกละคร...เรียกประชุมงานด่วนเลย ฉันจะปรับเปลี่ยนโปรดั๊กชั่นละครใหม่หมด แล้วจะปั้นนางเอกใหม่ด้วย...ไปเรียกทุกฝ่ายมาประชุมเร็วๆ ....โอ้ย จะเปิดกล้องแล้ว จะทำไงดี....โอ้ย บ้าเอ้ย”
ดำรงบ้าคลั่งอยู่คนเดียว

อรัญภัทรยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก เงาจากในกระจกสะท้อนเห็นความสวย ที่ยังฉายแววเปล่งประกาย แม้จะมีเสียงคำพูดตักเตือนของเจ๊เต่า แต่เธอยังยืนมองตัวเองอย่างถือดี พูดกับตัวเองหน้าเงาในกระจก
“คนอย่างเอี๊ยมไม่มีวันที่จะไม่มีที่ยืนในวงการ” เธอหยิบมือถือกดหาอ้อม “พี่อ้อมคะ...ที่พี่อ้อมเคยติดต่อให้เอี๊ยมไปเป็นแขกรับเชิญ ซุปตาร์ทูไนท์ ตอนนี้เอี๊ยมพร้อมที่จะไปเปิดใจทุกอย่างเลยนะคะ”
อ้อมโปรดิวเซอร์ทีวีชื่อดังยิ้ม รับคำ
“ดีเลยคะคุณเอี๊ยม งั้นคืนพรุ่งนี้ พี่จะทำรายการสดเลยนะ”
“ได้เลยค่ะพี่อ้อม” เธอวางสายยิ้มพอใจ ก่อนจะนึกไปถึงเจ๊เต่า “ยังไงเอี๊ยมก็จะยังเป็นเอี๊ยมที่มีฉายาว่าฆ่าไม่ตายคะ..เจ๊”
อรัญภัทรลำพองใจ

ในห้องประชุมทีมงานเงียบกริ๊บ ท่าทางดำรงโกรธมาก ตะโกนลั่นห้อง
“นังนางเอกนั่น มันด่าละครช่องเรา มีแต่แย่งผัวแย่งเมีย look cheap” ดำรงทุบโต๊ะดังเปรี้ย “ตั้งแต่วันนี้ผมจะพลิกภาพลักษณ์บริษัทเราใหม่ โปรดักชั่นจะเอาเท่าไหร่บอกผม ผมทุ่มไม่อั้น เอาให้มันดูไฮโซ แล้วผมจะปั้นดาวรุ่งดวงใหม่ ฉีกหน้านางเอกปากปีจอให้ได้ คอยดู!”

วันใหม่ เอี๊ยมเดินช็อปปิ้งเตรียมซื้อชุดใหม่ไปออกรายการ อยู่ในห้างอย่างสบายใจ ผู้คนที่เห็นอรัญภัทรต่างหยิบมือถือมาถ่ายตามประสา ภาพที่ถ่ายออกมาได้เห็นเธอลัลล้า มีความสุข

เธอเดินเข้าไปนั่งพักในร้านกาแฟ ก่อนหยิบมือถือมาดู ดูเพจ ดูไอจี ตามประสา แล้วต้องมาสะดุดกับข้อความ การให้ข่าวของดำรง
บอสดำรง แห่ง Thai Series ฟิวส์ขาด แฉแหลก นางเอกซุปตาร์แคนเซิลงานทั้งที่จะเปิดกล้องอาทิตย์หน้า
เธอไล่อ่าน มีแต่คอมเมนท์ด่าเธอ เช่น ไม่เห็นหัวคนอื่นอย่างนี้ ไปต่อยากแล้วล่ะ/ นางเอกใหม่เยอะแยะ จะยุ่งทำไมกับนางเอกนิสัยไม่ดี /ทำไมดูถูกคนอื่นอย่างนี้ ไปว่าคนอื่นlook cheap ได้ยังไง / คุณดำรงสู้ๆ / เห็นแก่ตัวจริงๆยายเอี๊ยม แบน!! / กินสะตอมากไปมั้งเลยจุก ไปทำงานไม่ไหว / เพิ่งมีข่าวเรื่องผู้ชาย วันนี้มีข่าวเบี้ยวงาน สมควรแบนจริงๆ /ปั้นคนใหม่เหอะ ข้อความเหล่านั้น ทำให้เธอหน้าซีดไปทันที คนดูด่าเธอ ไม่เป็นอย่างที่คิด เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมา กรอกเสียงทันที
“พี่อ้อมคะ”
อ้อมยิ้มละไมรับสาย “พี่กำลังจะโทร. หาเอี๊ยมพอดี ทางรายการยินดีมากเลยนะที่เอี๊ยมเลือกรายการเราเป็นที่เปิดใจ นี่พี่รีบสั่งให้พีอาร์ ส่งข่าวทุกสำนักเลย ว่าคืนวันนี้เจอเอี๊ยมแน่ๆ....เวลาไพร์มไทม์ สี่ทุ่มครึ่งนะจ้ะเจอกัน”
“เอ่อ...พี่อ้อมคะ..คือ เอี๊ยมจะโทรฯมาแคนเซิล”
อ้อมตกใจมาก
“หา!แคนเซิล”
“พอดีเอี๊ยมรู้สึกไม่สบายมาก เอี๊ยมคงไปไม่ได้แล้วค่ะ”
“เฮ้ย!เอี๊ยม นี่พี่ทำงานแบบมืออาชีพนะ ไม่ใช่เด็กเล่นขายของ ที่เอี๊ยมจะเปลี่ยนใจไปมาแบบนี้น่ะ”
“ก็จะให้เอี๊ยมทำยังไงคะ? บอกแล้วไง ว่าเอี๊ยมไม่สบาย”
“โอเค! รายการพี่อาจจเป็นรายการเล็กๆ คงทำอะไรเอี๊ยมไม่ได้ แต่ถ้ารวมกันหลายๆรายการ หลายๆคน ...อีกหน่อยเอี๊ยมคงไม่มีที่ยืน เพราะนิสัยอย่างเอี๊ยม คงไม่ได้ทำอย่างนี้กับพี่ แค่คนเดียว”
อ้อมวางสายแบบโกรธมาก อรัญภัทรหน้าหงิกถือดี เธอตะโกน
“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่สบาย”

เจ๊เต่ากดรีโมทปิดทีวี หันมามองอรัญภัทรนั่งโกรธจนหน้าเขียวดูรายการบันเทิงที่พูด
“ว่าไง ตัวตลกแห่งชาติ..เค้ารู้ทันกันหมดแล้วนะที่เอี๊ยมแกล้งป่วย เพื่อยกเลิกงานน่ะ”
“ใครแคร์”
“เอี๊ยม”
“บอกแล้วไงว่าเอี๊ยมไม่แคร์ และไม่เคยแคร์นักข่าวกระจอกๆ ที่หากินกับข่าวของเอี๊ยม เอี๊ยมมีแฟนคลับ ต่อให้ทุกสื่อจะรุมแบนเอี๊ยม เอี๊ยมก็มีไอจี มีเฟซ มีเพจ ที่แฟนคลับพร้อมจะสนับสนุน”
เจ๊เต่าโมโหมากเย้ยหยัน ลากเสียงยาวแบบกวนๆ
“แต่ถ้าช่องไม่สนับสนุน ผู้จัดไม่สนับสนุน ซุปตาร์เอี๊ยม จะอยู่ยังไง”
เธอหน้าซีด ผยอง จนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป
“คนเรา อวดดี อวดเก่งได้ แต่ต้องฉลาด เพราะคนฉลาดต้องรู้จักโง่ให้เป็น ไม่ใช่โง่แล้วอวดฉลาดอย่างที่เธอกำลังทำอยู่...และเธอรู้ไหมว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ มันไม่ใช่แค่จะพาความพินาศมาหาเธอแค่คนเดียวเท่านั้น แต่มันยังรวมเจ๊ เขม มะม่วง และก็ทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวเธอด้วย...รู้ไหมเอี๊ยม”
เธออึ้งไปแต่ยังพยายามเถียงกลบเกลื่อน
“ไม่ว่าเจ๊จะพูดยังไง...เอี๊ยมก็ยังเป็นเอี๊ยม แฟนๆของเอี๊ยมเค้าชอบที่เอี๊ยมเป็นคนแบบนี้ ถ้าคนดู ต้องการเอี๊ยม... สุดท้ายช่องก็ต้องการเอี๊ยมอยู่ดี”
เธอมองอย่างถือดี แต่ในใจรู้สึกเศร้า

วรรษชลที่ไปตลาด เพื่อไปถ่ายรายการ แต่ใครต่อใครก็ด่าแต่นางเอกสาวเป็นเสียงเดียว เขานั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียว คิดหนักเรื่องที่เขาให้ใจเธอไป

เอี๊ยมเดินมานั่งเศร้าอยู่ที่เชิงสะพานพระราม 8 ทอดอารมณ์อย่างเซ็งสุดๆ เป็นเพราะเธอคิดถึงคนบางคน ครู่หนึ่ง มีเสียง วรรษชล มาเรียกด้านหลัง ภาพที่เธอเห็นนั้น เป็นเงาร่างที่เห็นหน้าชัด แต่เธอมั่นใจว่า เป็นวรรษชลที่ยืนอยู่แน่ๆ
เธอดีใจหันไปมอง
“วรรษ”
ในช่วงเวลานี้เธอดีใจ อยากจะขอโทษในคำพูดที่พูดไป แล้วชายที่ลักษณะเหมือนวรรษ ก็เดินเข้ามา กลับกลายเป็นคนอื่น
“อยากขอถ่ายรูปหน่อยนะครับ”
เธอหน้าเจื่อนไม่ใช่คนที่ตัวเองต้องการในเวลานี้ แล้วก็พยักหน้าให้เขาถ่ายรูปไป
“ขอบคุณครับ”
เธอยิ้มให้ แล้วเดินไปทางริมน้ำ โยนก้อนหินลงไป ในใจคิดหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่มีใครเข้าใจ

ผ่านเวลา ในห้องประชุมที่ช่อง Thai TV เดือนเอาผังเรตติ้งรายการและละครมาให้คุณแจ๊ดดู เธอดูอย่างละเอียดและก็พบว่ารายการ...ที่เรตติ้งเคยดีมาตลอดกลับตกฮวบฮาบอย่างไม่น่าเชื่อ
“รายการของจี๊ดมันเคยเรตติ้งดีมาตลอด ทำไมศุกร์ที่ผ่านมาเรตติ้งถึงลดล่ะ?? เดือนดูซิ..จี๊ดเอาใครมาเป็นแขกรับเชิญ”
เดือนอ้อมแอ้ม
“ตอนแรก เอี๊ยมจะไปเปิดใจในรายการคุณจี๊ดค่ะ แต่จู่ๆเอี๊ยมก็ไม่ไป อ้างว่าเข้ารพ. มันกะทันหันมาก คุณจี๊ดเลยเอาเทปเก่ามาออกอากาศ”
คุณแจ๊ดหัวเราะขำหยันๆแบบรู้ทัน
“อ้อ! ที่เค้าด่ากันทั้งเมือง ว่าเอี๊ยมสะตอ แกล้งป่วยใช่มั้ย?” เธอมองขำๆหยันๆ
เดือนบอก
“ดาราใหม่ๆเกิดได้ทุกวัน เดือนก็สงสัยว่า ทำไมเอี๊ยมถึงได้กล้าทำแบบนั้น”
คุณแจ๊ดยิ้ม พูดแบบคนผ่านโลกมาเยอะ
“ลืมตัวกันไง ลืมไปทุกอย่าง โดยเฉพาะความจริงที่ว่า คลื่นลูกใหม่ รอซัดคลื่นลูกเก่าอยู่เสมอ...พรุ่งนี้เรียกเต่าเข้ามาคุย เห็นทีฉันคงจะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูซะบ้างละ”
เดือนมองหน้าแจ๊ดอย่างครุ่นคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางเอกของช่อง แจ๊ดมองนิ่งไปข้างหน้า เยือกเย็น แต่น่ากลัว


เขมปัญฑากับเวฬุยากำลังช่วยกันทำแซนวิชกินกับกาแฟ เจ๊เต่าเดินลงมาจากห้องอย่างหน้าระรื่นมีความสุข ตามด้วยอรัญภัทรที่ไม่ได้มีอารมณ์ดีใจอะไร ทั้งคู่อยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปนอกบ้าน
“มอนิ่งจ๊ะเด็กๆ”
สองสาวหันมองดูเจ๊เต่าแบบแปลกใจ
“นี่จะออกไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”
“เจ๊ทำหน้าอารมณ์ดียังกับมีนัดเดทอย่างงั้นแหละ” เวฬุยาว่า
“ก็ใช่นะสิจ๊ะ”
เจ๊เต่าทำหน้ามีความสุข ทั้งคู่ทำกำลังทำแซนวิชอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเจ๊เต่าและพูดพร้อมกัน...”นัดเดท”...
“ใครอะเจ๊ ทำไมพวกเราถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” เวฬุยาว่า
“นั่นน่ะสิ...เจ๊....เจ๊มีเดทกับใครเหรอคะ ก็ไหนว่าจะครองพรหมจรรย์”
“โอ๊ย รุ่นนี้น่าจะขาดไปตั้งแต่อายุ 12 แล้วนะ”
ทั้งสองหัวเราะชอบใจตีมือกันไปมา
“นี่ๆๆๆ...พวกเธอนี่ก็จริงจังไปได้ เจ๊ล้อเล่น” เจ๊เต่าทำหน้าฝันหวาน “วันนี้เจ๊ไม่ได้มีนัดเดทกับผู้ชายที่ไหน เพราะเจ๊จะต้องไปเข้าพบคุณแจ๊ด”
“เอ๊ะ...แต่เจ๊ก็เพิ่งไปพบคุณแจ๊ดมาเองไม่ใช่เหรอ...ทำไมคุณแจ๊ดถึงได้เรียกเจ๊เข้าไปพบอีกหละ” เวฬุยาทำท่าครุ่นคิด “เจ๊...หรือว่าเรื่องที่เอี๊ยม”
เจ๊เต่าตะหงิดใจแต่ไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องนี้
“โนว์ๆๆ...หยุดเลยนะยัยมะม่วง ห้ามสัญนิษฐานเรื่องไม่เป็นมงคล เจ๊มั่นใจว่าคุณแจ๊ดจะต้องคุยเรื่องงานละครล๊อตต่อไปของพวกเธอทุกคน..เพราะคราวก่อน คุณแจ๊ดสัญญาว่าจะดูให้”
อรัญภัทรโพล่ง “นี่จะมานั้งเดากันไปทำไม...ไปถึงก็รู้เองแหละว่าเรื่องอะไร”
“งั้นเราไปกันดีกว่าปะ” เจ๊เต่ายื่นมือไปหยิกแก้มเขมเบาๆ “เดี๋ยวเจ๊กลับมาบอกข่าวดีนะจ๊ะสองสาว”
“ไม่ทานแซนวิสกันก่อนเหรอคะ พวกเราทำเผื่อตั้งเยอะ” เขมปัญฑาบอก
เจ๊เต่าทำท่ามองกลืนน้ำลายเหมือนอยากกิน ทำท่าจะหยิบ แต่ก็ต้องข่มใจไม่หยิบ
“ไม่ ไม่ ไม่...ไม่ดีกว่า...เจ๊กำลังไดเอ็ด...ลดพุงลดโลกร้อน” เจ๊เต่าทำหน้าเมินเชิดหนีจากแซนวิส
อรัญภัทรมองเจ๊เต่าส่ายหน้าเบาๆคิดในใจว่าพูดอะไร ก่อนจะเดินนำออกไป
“เจ๊ไปละนะ...เดี๋ยวจะตะบะแตกซะก่อน”
เจ๊เต่าทำเป็นเมินหน้าใส่แซนวิสแล้วเดินตามเอี๊ยมออกไป สองสาวหัวเราะเบาๆให้กับอาการท่าทางของเจ๊เต่า

วรรษชลขับรถมาจอดที่ออฟฟิศ แจ่เขายังคงนั่งอยู่ในรถด้วยท่าทางเคร่งเครียดคิดถึงเรื่องเอี๊ยม ที่ไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป เขากำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงดีกับผู้หญิงคนนี้ เขาตัดใจไม่ห่วงเอี๊ยมไม่ได้ มีเสียงเคาะกระจกรถ เขาหลุดจากความคิด หันมองนอกรถเห็นปราชญ์กับแทนไทยืนอยู่
“นี่แกจะนั่งอยู่ในนั้นอีกนานไหมวะวรรษ” แทนไทถาม
วรรษชลเปิดประตูรถลงมา
“มีอะไรรึเปล่าวะ...มาแต่เช้า”
“อ้าว...แกนัดพวกฉันมาคุยโปรเจคโครงการช่วยเหลือสังคมไม่ใช่เหรอ” ปราชญ์ว่า
“นี่อย่าบอกนะว่าความรักมันบังสมองส่วนความจำแกไปหมดแล้ว” แทนไทเปลี่ยนอารมณ์เป็นสงสัย “อะไรของแกวะวรรษ ปกติแกจะต้องเป็นคนที่คอยเตือนสติเพื่อนๆนี่หว่า แต่ทำไมแกถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะเพื่อน”
วรรษชลหันไปทางอื่นมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด

สองสาวคุยกันอย่างจริงจังในคอนโดฯ
“มะม่วง...แล้วเรื่องเอี๊ยม พวกเราควรจะทำยังไงกันต่อ”
“ ไม่รู้อ่ะ...นี่..แค่รู้ว่าเราพวกเราไปหาคุณวรรษ ก็อารมณ์ขึ้นไม่ยอมฟังอะไร ถ้าจะคุยให้ไปปรับความเข้าใจกับคุณวรรษท่าจะยาก”
“ งั้นหมายความว่าเราควรเจรจาให้คุณวรรษเป็นคนต้องเข้าหาและปรับความเข้าใจกับเอี๊ยม”
“ใช่ท่าจะง่ายกว่า.... เขมโทร.หาไปบอกคุณวรรษสิ”
“ทำไมมะม่วงไม่โทรไปเองล่ะ”
“เขมโทร.นั่นแหละดีแล้ว”
“ก็ได้”

ทั้งสามหนุ่มนั่งอยู่ที่หลังบ้าน ปรึกษากันเรื่องอรัญภัทร
“ทำไมแกไม่ทำตามที่ใจแกต้องการวะ จะมัวมาคิดหาเหตุผลปิด หัวใจตัวเองอยู่แบบนี้ไปทำไม” ปราชญ์ถาม
“ใช่..ดูอย่างฉันเป็นตัวอย่างเลย...จะขอโทษก็ขอโทษ” แทนไทบอก
“แล้วสำเร็จไหมวะ” ปราชญ์ถาม
แทนไทเสียงอ่อยๆหน้าจ๋อยๆ
“ไม่...แต่ฉันก็...ทำดีที่สุดแล้วนะโว้ย แล้วทีของแกหละ ก็ล้มไม่เป็นท่าเหมือนกันนั่นแหละไอ้ปราชญ์”
วรรษชลยังคงครุ่นคิดว่าจะทำยังไง มีสายโทร. เข้าพอดี วรรษรับสาย
“ครับคุณเขม”

เขมคุยสายกับวรรษชล มะม่วงนั่งฟังจดจ่ออยู่ข้างๆ
“คุณวรรษยุ่งอยู่ไหมคะ”
“ไม่ครับ คุณเขมมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ”
“วันนี้คุณวรรษพอจะมีเวลาว่างไหมคะ..คือ..เขมกับมะม่วงมีเรื่องจะปรึกษาน่ะคะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“เอี๊ยมค่ะ.... แต่ว่าคุยทางโทรศัพท์อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เราไปคุยกันที่อื่นแบบเจอตัวท่าจะดีกว่าคะ”
“ได้ครับ คุณเขมจะให้ผมไปเจอที่ไหนดีครับ”
“เป็นที่บริษัทคุณวรรษก็ได้คะ เขมทราบว่าคุณวรรษงานยุ่งจะได้ไม่ต้องทิ้งงาน เดี๋ยวเขมกับมะม่วงรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
เวฬุยาที่นั่งอยู่พยักหน้าให้เขมปัญฑาประมาณว่าตามนั้น

เบอร์รี่ ในชุดเซ็กซี่ผิดปกติ จัดเตรียมน้ำดื่มสามแก้ว ก่อนดึงเสื้อผ้าให้ร่นลงแบบกะให้เซ็กซี่สุดๆ ก่อนยกถาดน้ำขึ้นมา ยิ้มนวยนาดเดินออกไป

เบอร์รี่เดินออกมาด้านนอก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรถของเวฬุยาแล่นเข้ามาจอด พร้อมๆกับสองสาวก้าวเดินลงมา เบอร์รี่หน้านิ่วไม่พอใจ
“แหม !พอรู้ว่ากองทัพผู้ชายอยู่ที่นี่ดาหน้ากันมาเลยนะย๊ะ”
เบอร์รี่นิ่วหน้าไม่พอใจจัดเสื้อผ้าให้ปกติหน้าเซ็งสุดๆ แต่พอนึกบางอย่างออกมาได้ก็มองสองสาวด้วยสายตาร้าย เบ้หน้าเบ้ปากคิดแผนการออก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

วรรษชล เดินออกมาพร้อมเพื่อนทั้งสอง สองสาวเห็นสองหนุ่มก็ชะงักไปนิด ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่คาดไม่ถึง ไม่นึกว่าจะเจอ วรรษชลมองหน้าสองสาวที่ทำตัวไม่ค่อยถูกก็รีบบอกเพื่อห้ามทัพซะก่อนที่จะเกิดศึก
“พอดี ผมกับเพื่อนๆนัดกันมาคุยเรื่องโปรเจคที่จะทำร่วมกันน่ะครับ”
เขมปัญฑามองหน้าปราชญ์ ตอบเบาๆ
“ค่ะ.... เขมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“จะให้พวกเราไสหัวไปที่อื่นก่อนก็ได้นะครับ พวกคุณจะได้คุยกันสะดวกๆ” ปราชญ์บอก
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณรู้ว่าคุณไม่เกี่ยว เดี๋ยวคุณก็คงจะสำนึกแล้วรู้ตัวว่าควรจะอยู่ หรือควรจะลุกออกไปเองแหละค่ะ”
“โอ้โห ปากคอ”
แทนไทเอาศอกสะกิดปราชญ์ให้เงียบ
“แกไปแหย่เค้าก่อนเอง เงียบๆ ให้เค้าพูดให้จบๆไป เราจะได้คุยกันเรื่องของเราต่อ”
เวฬุยามองแทนไทก่อนยิ้มให้วรรษชล
“ถ้างั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าคะ พวกคุณจะได้คุยงานกันต่อ... ไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกคุณเท่าไหร่หรอกค่ะ”
วรรษชลผายมือ
“เอ่อ...ถ้างั้น เชิญข้างในครับ ...พวกแกไปรอฉันที่สวนด้านหลังนะ”
ปราชญ์กับแทนไทพยักหน้ารับ แต่ยังหันมามองสองสาว วรรษชลเดินนำสองสาวเข้าไปในบ้าน สองสาวมองสองหนุ่มแล้วรีบเดินตามวรรษชลเข้าไป สองหนุ่มยืนสุภาพทำทีให้สองสาวเข้าไปก่อน ถึงเดินแยกไปอีกทาง

เบอร์รี่ค้อนหน้าหงิก ทีมงานคนหนึ่งเดินผ่านมา เบอร์รี่บอก
“เอ่อ...รบกวนฝากเอาไปให้คุณวรรษด้วยคะ เดี๋ยวเบอร์รี่จะไปจัดน้ำชุดใหม่ให้คุณมะม่วงกับคุณเขม”
ทีมงานวรรษรับถาดน้ำเดินเข้าไป
“เดี๋ยว! ฝากถามสองคนนั้นด้วยสิว่าอยากดื่มน้ำอะไร ? ... ไม่ต้องดีกว่า เดี๋ยวเบอร์รี่ไปจัดมาให้เองแล้วกัน บอกให้เค้ารอก่อน”
ทีมงานพยักหน้า เดินถือน้ำเข้าไปก่อน เบอร์รี่ยิ้มอย่างมีแผนการณ์ก่อนจะเดินกลับไปที่ครัว

ในห้องครัว เบอร์รี่หยิบแก้วสองใบมาวาง เปิดตู้เย็นแล้วยิ้มก่อนจะหยิบของออกจากตู้เย็น

ทีมงานเอาน้ำไปให้แทนไทกับปราชญ์ ก่อนจะเหลือแก้วสุดท้ายเอามาให้วรรษชล
“ของคุณมะม่วงกับคุณเขมล่ะ”
“เดี๋ยวเบอร์รี่จะเอามาให้เองครับ” ทีมงานเดินออกไป
วรรษพาทุกคนมาที่โซฟา เสียงมือถือเขมดัง เขมปัญฑาหยิบขึ้นมารับ
“สวัสดีค่ะ” รับสายยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกับปลายสายเครื่องก็ตัดไป เพราะแบตหมด “อ้าว..” เธอดูโทรศัพท์ตัวเองที่แบตหมดแล้วส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรคะ...แค่แบตโทรศัพท์หมดน่ะคะ”
“ คุณเขมใช้รุ่นไหนครับ รุ่นนี้ผมมีครับ ผมเอาไปชาร์จให้ไหมครับ เผื่อคนที่ติดต่อมา เขามีธุระสำคัญ”
“คะ..ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นมือถือให้วรรษ
ทางด้านหลัง เบอร์รี่ถือถาดมีน้ำสตอเบอร์รี่สองแก้ว กับผลไม้มา ซึ่งเป็นะม่วงแล้วเดินตรงมาให้เสองสาว
“ขอโทษนะคะที่ให้รอ น้ำสตอเบอร์แหล เอ๊ย น้ำสตอเบอร์รี่ค่ะ”
ทั้งสาวแอบรู้สึกได้ว่าเบอร์รี่แอบกัดเล็กๆ แต่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร
“แล้วนี่พอดี แม่บ้านเค้าไปสอยมะม่วงมา เลยฝากเค้าเฉาะมาให้ด้วยอ่ะค่ะ... มะม่วงร่าน เอ๊ย แรดค่ะ”
ดอกสองอันนี้ สองสาวรู้ตัวแล้วว่าเบอร์รี่จงใจเลยตวัดสายตาไปมองเบอร์รี่ทันที
“ขอโทษค่ะ... เบอร์รี่ติดพูดเล่นไปหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ เดี๋ยวเอามือถือไปชาร์ตให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร” เขมปัญฑายื่นมือถือให้วรรษ
“ค่ะ” เบอร์รี่ยิ้มๆแบบเจ้าเล่ห์แล้วเดินออกไป
วรรษเดินเอามือถือไปเสียบชาร์ตไว้ให้ที่คอนโซล เบอร์รี่ที่เดินออกไปแล้วแอบเหล่มองนิดนึง แกล้งเดินออกไปเพื่อไม่ให้เค้าสงสัยอะไรเท่านั้น
วรรษชลชาร์ตมือถือไว้ตรงคอนโซล ก่อนจะหันกลับไปคุย เบอร์รี่ที่แอบตามมาห่างๆ จ้องมอง่มือถือของเขมปัญฑาที่ชาร์ตแบตอยู่

ปราชญ์นั่งอ่านนิตยสารรถ แทนไทเดินไปเดินมาอยากรู้ว่าสามคนคุยอะไรกัน ปราชญ์เริ่มรำคาญ
“นี่...ไอ้แทน...แกจะเดินไปเดินมาทำไมวะ”
“ก็...ฉันอยากรู้ว่าพวกเค้าคุยอะไรกัน ทำไมถึงให้เราอยู่ด้วยไม่ได้วะ”
“ก็คงเป็นเรื่องส่วนตัว”
“แล้วมันเรื่องอะไรหล่ะที่ว่าเรื่องส่วนตัว”
“อ้าว...ไอ้นี่...แกกับฉันก็ถูกไล่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ยังจะมาถาม..แล้วก็ถ้าแกอยากรู้มากนะ เดี๋ยวพอไอ้วรรษมันมา ก็ค่อยถามมันสิวะ จะมาทำท่ากระวนกระวายใจทำไม”
ปราชญ์อ่านนิตยสารต่อ แทนไททำหน้าไม่พอใจเพื่อนที่ไม่คล้อยตาม เพราะจริงๆแทนไทแค่อยากเข้าไปนั่งร่วมวงคุยด้วย
“จริงๆ แกไม่ได้อยากรู้หรอกว่า เค้าคุยเรื่องอะไร กัน แกอยากไปนั่งใกล้ๆเค้ามากกว่าหรอก ฉันรู้”
“แกรู้ได้ไง”
“ฉันก็คิดแบบแกนี่แหละ”
“รู้ใจนัก” แทนไทหัวเราะ

อ่านต่อตอนที่ 14


กำลังโหลดความคิดเห็น