หน้ากากนางเอก ตอนที่ 10
ป้าไก่จอดรถ กำลังจะเดินไปร้านกาแฟที่นัดกับพิมพิชชาไว้ เสียงมือถือดัง ป้าไก่รับ
“ว่าไงเบอร์รี่”
ขณะนั้น เบอร์รี่ที่อยู่ออฟฟิศ วรรษชลมองซ้ายมองขวา ก่อนบอกป้าไก่
“พี่ไก่คะ...หนูเห็นคุณเอี๊ยมกับคุณวรรษอยู่ด้วยกันค่ะ”
ป้าไก่ดวงตาเป็นประกายทันที แต่พูดไว้เชิง
“แล้วมาบอกพี่ทำไม”
เบอร์รี่ประจบ
“หนูอยากตอบแทนบุญคุณพี่น่ะค่ะ...พอเห็นอะไรที่คิดว่าจะเป็นข่าวได้ เลยรีบโทร.มาบอก”
“ถ้าอย่างนั้น ถ่ายรูปมาให้ด้วยสิ...การจะเป็นแหล่งข่าวที่ดี ต้องมีหลักฐานยืนยันด้วยรู้มั้ย” ป้าไก่ยิ้ม หลอกใช้ แล้ววางสาย
เบอร์รี่หน้าหงิก วางสายก่อนพึมพำอย่างฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด
“อุตส่าห์คาบข่าวมาบอก ยังจะใช้ฉันอีก นังไก่เห็นแก่ตัว”
วรรษชลเดินออกมากับอรัญภัทรเอี๊ยม
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
“เดี๋ยวคนที่กองเห็นหมด”
“คุณมากองผม คนก็เห็นกันหมด”
อรัญภัทรเสียงอ่อยๆ
“ไม่เหมือนกันนี่คะ...กองคุณ มีแต่ทีมงานคุณ น้องๆของคุณ กองฉัน มีใครก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด โดยเฉพาะนักข่าว”
เขายิ้มอย่างเข้าใจ
“งั้น...ส่งใกล้ๆกองถ่ายก็ได้ ป่ะ”
วรรษแตะด้านหลังเธอ พาเดินไปที่รถ เธอยิ้มมองวรรษชลด้วยสายตาแปลกๆ
“ให้มันรู้ไป...ว่าฉันจะสู้เธอไม่ได้ นังปลวกมหาภัย”
สองคนขึ้นรถขับออกไป เบอร์รี่วิ่งออกมาทันเห็นแต่ด้านหลังรถลิบๆ เด็กสาวได้แต่หน้าหงิกหน้างอ หยิบมือถือขึ้นมาบอก
“พี่ไก่คะ...ถ่ายรูปไม่ทันค่ะ คุณวรรษขับรถออกไปกับคุณเอี๊ยมแล้ว”
ป้าไก่ ฟัง วางสายแล้วยิ้ม
“สองคนนี้ยังไง ทั้งยัยพิม ยัยเบอร์รี่ มีข่าวมาให้ฉันทุกวัน”
ป้าไก่ยิ้มเดินเข้าไปในร้านกาแฟที่นัดหมาย
วรรษชลขับรถมาตามทาง มีอรัญภัทรนั่งข้างๆ เขามองถนน สายตาไม่วอกแว่ก ไม่มีท่าทีจะเจ้าชู้ เธฮมองวรรษก่อนค่อยๆเอาหัวซบลงที่ไหล่ เขาสะดุ้งนิด หันมามอง เจอสายตาเธอมองอยู่ก่อน หวานเชี๊ยบ เขา ยิ้มเขิน เธอเห็นฝ่ายชายเขิน ก็ยิ่งกล้าที่จะแกล้ง ขยับตัวเข้าใกล้ แล้วกอดแขนวรรษข้างซ้ายเอาไว้
เธอคิดในใจ
“ให้รู้กันไปว่าฉันกับแก ใครจะแน่กว่ากัน”
เธอยิ้มร้ายเมื่อคิดถึงพิมพิชชา แต่แล้วก็สะดุ้งเฮือก เมื่อวรรษชลเอื้อมมือ มากุมมือเธอที่เอามือสองข้างกอดแขวรรษข้างซ้ายที่จับพวงมาลัยไว้ เธอจำต้องทำเนียนๆ แอบมองวรรษชล สายตาของเขามีแต่ความอ่อนโยนจริงจัง แตกต่างจากเธอที่อยากเอาชนะพิมพิชชาเท่านั้น
ในร้านกาแฟ พิมพิชชานั่งคุยกับป้าไก่ ท่าทางของพิมพิชชาเครียดจริงๆ
“ป้าจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจนะคะ แต่พิมไม่ได้เป็นคนปล่อยรูปตัวเอง และพิมก็มั่นใจ ว่าคนที่ทำคือ คุณเอี๊ยม”
ป้าไก่หรี่ตามองแต่ไม่ถาม ทำทีไม่สนใจ หยั่งเชิง พิมเห็นสีหน้าป้าไก่ก็เล่าต่อ
“ป้าก็รู้นี่คะ...ว่าคุณเอี๊ยมอยู่กับคุณวรรษ”
“แล้วไงคะ”
“อ้าว!คุณเอี๊ยม แอบขโมยรูปไปจากคุณวรรษน่ะสิคะ”
ป้าไก่สงสัยจริงๆถามรัวเร็ว
“แล้วคุณวรรษมีรูปคุณได้ยังไง” ป่าไก่หรี่ตามองสงสัย
พิมพิชชาอึกอัก อยากจะเปิดเผยแค่ไหนก็ไม่กล้า เพราะยังเกรงอานนท์อยู่ เห็นท่าทีของนางก็ยิ่งสงสัย ถามซ้ำ
“คุณวรรษมีรูปคุณได้ยังไงคะ”
พิมพิชชาแกล้งถอนหายใจ
“พิมเป็นผู้หญิง พูดไปก็ไม่ดี โดยเฉพาะพิมมีสามีแล้ว... แต่ป้าไก่เชื่อพิมเถอะนะคะ คุณเอี๊ยมเป็นคนส่งรูปให้นักข่าวเพื่อทำลายพิมจริงๆ”
ป้าไก่มองนาง แล้วนึกถึงที่เบอร์รี่เป็นคนส่งมาให้ แล้วบอกว่าเธอถูกพิมพิชชาบังคับ เธออมยิ้ม
“แล้วมาบอกป้าทำไมคะ ป้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลย นอกจากซะว่า...คุณจะใช้ปากป้า พูดต่อ”
พิมพิชชาหยิบซองเงินขึ้นมายื่นให้ป้าไก่ ก่อนบอก
“พิมรู้ว่าปากป้าไก่ แปรผันตรงกับจำนวนเงิน หวังว่าเงินในซองนี้ จะทำให้ปากป้าไก่ยาวชนิดให้ชื่อคุณเอี๊ยมฉาวทั่ววงการเลยนะคะ”
ป้าไก่ยิ้ม ไม่พูดอะไร แต่ยื่นมือเอาซองไปรับเงิน ดวงตาเหมือนจะมีแววหมองลง ขณะที่พิมพิชชามองสมเพชหัวเราะ
“ป้าไก่เหมือนที่คุณเอี๊ยมพูดจริงๆด้วย หิวเงิน”
ป้าไก่เงยหน้ามอง พิมพิชชายิ้มเหยียดพูดต่อ
“แต่เอาเถอะค่ะ ถ้าเงินของพิม ช่วยเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทางให้ป้าไก่ได้ พิมก็ยินดี” นางผุดลุกขึ้นเดินออกไป
ป้าไก่มือจับซองเงินสั่นระริก คำพูดนั้นกระทบความรู้สึกบางอย่าง ป้าไก่หน้าหมอง ก่อนที่จะเชิดหน้าขึ้น กลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง คว้าซองเงินใส่กระเป๋าลุกเดินออกไป...
ในกองถ่าย ทีมงาน ช่างไฟ ช่างกล้อง เก็บอุปกรณ์การทำงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พูดกลั้วหัวเราะ
“โอ้โห!วันนี้เลิกกองตั้งแต่แดดยังไม่ทันจะหมด กลับบ้านแทบไม่ถูกเลยว่ะ”
คอสตูมสาวประเภทสอง หอบเสื้อผ้าออกมาพร้อมช่างหน้า ช่างผม แซวว่า
“กลับบ้านตัวเองไม่ถูก งั้นกลับบ้านพี่ดีมั้ยจ้ะ แอร้ย!”
บรรยากาศครื้นเครงเฮฮา ผกก.ยืนมองพร้อมรอยยิ้ม
“ก็ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทุกอย่างมันก็เป๊ะแบบนี้ล่ะ”
เจ๊เต่า พาลูกทีมเดินออกมาได้ยินพอดี อรัญภัทรกับเจ๊เต่ายิ้มจ๋อยๆ
ผกก.หันมาเห็นบอก
“ขอบคุณนะเจ้เต่า เอี๊ยม เขมกับมะม่วงด้วย”
ทุกคนยิ้มรับ “ค่ะ”
อรัญภัทรยกมือไหว้ ผกก. บอกจริงจัง
“ขอบคุณมากนะคะพี่ที่ยังให้โอกาส และเอ็นดูเอี๊ยมอยู่”
“เอี๊ยมเป็นคนมีของ ไม่มีอะไรน่าห่วง ห่วงอยู่อย่างเดียวคือ อารมณ์ เพราะฉะนั้น เอี๊ยมต้องมีสติ เพราะถ้าสติพัง ทุกอย่างพังหมด”
“ค่ะพี่...เอี๊ยมจะระวัง และควบคุมตัวเองให้มากที่สุดค่ะ”
ผกก.พยักหน้ากับอรัญภัทรแล้วหันมาคุยกับเจ๊ “แล้วจบจากเรื่องนี้ มีงานอะไรต่อรึเปล่าเจ้”
เจ๊เต่ายิ้มแหยๆ
“มีค่ะ แต่บทยังไม่ถูกใจน้องๆ เลยกะว่าจะรอทางช่องดูอีกที”
“โชคดีครับ” ผกก. เดินไป พลางตะโกนคุยกับทีมงาน “พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”
เจ๊เต่า นำทุกคนเดินออกมา แต่ต้องชะงักเมื่อเจอป้าไก่ ยืนยิ้มเผล่อยู่
“วันนี้เลิกกองแต่วัน ป้าขอคุยด้วยได้มั้ยคะ”
อรัญภัทรกับเวฬุยามองหน้าป้าไก่ ก่อนมองหน้าเจ๊เต่า เจ๊เต่าพยักหน้า ไม่มีทางเลี่ยง
ป้าไก่ยิ้ม สมใจ
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ป้าไก่ท่าทางสุขุมนุ่มนวลเป็นผู้ใหญ่ ดูอ่อนโยนอบอุ่น แตกต่างจากภาพที่ทุกคนเคยเห็น เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมในมือ มีถุงผลไม้ ในห้อง แม่นอนหลับอยู่บนเตียง ที่ศีรษะมีผ้าพันเอาไว้ มีป้าเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ป้าไก่ทักเสียงใส ไม่มีเค้าความเคร่งเครียด เศร้าหมอง
“วันนี้แม่เป็นยังไงบ้างป้า”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ หมอบอก ถ้าอาการทรงตัวอยู่อย่างนี้ อีกวันสองวันก็ออกจากรพ.ได้แล้ว”
ป้าไก่ยิ้มโล่งใจ เอื้อมมือไปบีบมือของแม่เบาๆบอกป้า
“ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ยังไง ป้าต้องดูแลแม่อย่างเข้มงวดเลยนะ ของมันๆ แคลอรี่สูงๆอย่าให้กิน เห็นมั้ย คอเรสเตอรอลมันขึ้น จนแม่วูบ ดีนะที่ล้มแค่หัวแตก ถ้าเส้นเลือดในสมองแตกล่ะแย่เลย”
ป้าพยักหน้า “จ้ะ”
ป้าไก่หยิบซองเงินล้วงเอาเงินออกมาทั้งปึก มือสั่นน้อยๆขณะบอก
“ไก่ต้องไปทำงาน คงอยู่ดูแลแม่ตลอดไม่ได้ ป้าเก็บเงินไว้นะ เผื่อต้องจ่ายค่าหมอ ค่ายาพิเศษ แล้ววันไหน แม่ออกจากรพ.เดี๋ยวไก่มารับ”
ป้ารับเงินพลางถาม
“แล้วนี่ได้นอนมั่งหรือเปล่า?ตาโรยเชียว”
ป้าไก่ยิ้ม
“ได้มั่งไม่ได้มั่ง ตามธรรมดาของนักข่าวแหละป้า ต้องตามแหล่งข่าวตลอด ใครตกข่าว ไม่ทันชาวบ้าน เตรียมอดตายได้เลย ไม่มีที่ยืนในอาชีพหรอก”
“ยังไงดูแลตัวเองด้วยนะไก่ เดี๋ยวเป็นอย่างแม่เราอีกจะยุ่ง”
ป้าไก่ยิ้มหมอง
“จ้ะป้า แต่ไก่เป็นอะไรไม่ได้หรอก...ยังไง ไก่ต้องอยู่ดูแลแม่ ดูแลป้า ดูแลครอบครัวของเราจ้ะ”
ป้ายื่นมือมาจับมือป้าไก่ สองคนกุมมือกันแน่น พร้อมทั้งกุมมือแม่ด้วย สายตาที่ป้าไก่ที่มองดูแม่และป้า มีแต่ความอ่อนโยน
มุมหนึ่งในกองถ่าย ป้าไก่และบรรดานักข่าว ทั้งทีวี นสพ.เอาไมค์จ่อปากอรัญภัทรกับเวฬุยาที่ยืนหน้าตึงอยู่ มีเขมปัญฑายืนข้างๆร่วมเฟรมกัน ป้าไก่ถาม
“พร้อมแล้วนะคะ”
เจ๊เต่าพยักหน้าให้นักแสดงในสังกัด สองคนยิ้มออกมา ขณะที่เขมปัญฑายิ้มเป็นปกติ
“ตกลงเรื่องของน้องเอี๊ยมกับคุณวรรษนี่ยังไง”
อรัญภัทรยิ้ม ออกแนวลัลล้า กะล่อนนิดๆ
“ไม่มีอะไรค่ะ...บังเอิญเจอกัน มีแฟนๆขอถ่ายรูป ก็ถ่าย ตามประสาคนอยู่วงการเดียวกัน”
“ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“ไม่มีค่ะไม่มี จะไลน์ จะเบอร์โทรฯไม่มีเลยค่ะ ไม่ได้ติดต่อกันเลย” อรัญภัทยิ้ม
ป้าไก่ยิ้มๆ
“แต่มีคนตาดี เห็นน้องเอี๊ยมเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้คุณวรรษ”
เจ๊เต่า มะม่วง เขมปัญฑามองหน้าอรัญภัทร จริงๆ แบบก็เพิ่งรู้ นักข่าวคนอื่นๆก็ฮือฮา
เธอหน้าเจื่อนไปนิดนึง ตกใจ แต่ยิ้มกลบเกลื่อนรวดเร็ว
“หื้อ!! ตุ๊กตาหน้ารถของตัวเองมั้ยคะ? คนขับรถหนูก็เจ๊เต่าไง”
เจ๊เต่ารีบรับลูก ยิ้มบอก
“คนขับรถเอี๊ยมก็เจ้ไง”
“แต่มีคนตาดี เห็นจริงๆนะคะ” ป้าไก่ยิ้ม มองเธอแบบเห็นจริงๆ
อรัญภัทรเผลอทำหน้าเบื่อ
“ไม่มีค่ะไม่มี จะเอาอะไรอีก ตอนนี้ขยับไปไหนไม่ได้เลย อย่าจับผิด ขอร้องอย่าจับผิด อย่าคิดอะไรกันไปเอง ถ้ามีอะไรเอี๊ยมบอกอยู่แล้ว ไม่ปิดบัง”
“คำตอบคุ้นๆ นะคะ แล้วป้าก็จำได้ คนตอบอย่างนี้ โป๊ะแตกทุกราย น้องเอี๊ยมอย่าโป๊ะแตก เหมือนรุ่นพี่นะคะ” ป้าไก่ยิ้มเยาะก่อนหันไปหาเวฬุยา “น้องมะม่วงล่ะคะ กับข่าวที่เกิดขึ้น กล้องวงจรปิดจับภาพได้เลยนะคะ”
เวฬุยาเสียงจริงจัง แตกต่างจากอรัญภัทร
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด มะม่วงยืนยันไม่เคยทำอะไรอย่างนั้น กับเจ้าของรีสอร์ทก็ไม่เคยรู้จักกันค่ะ”
“ยืนยันคำเดิม”
“มะม่วงไม่ได้โกหก พูดกี่ทีก็เหมือนเดิมค่ะ แล้วก็ขอร้อง เลิกพูดเรื่องอัปมงคลแบบนี้ซักที เรื่องเน่าๆ ออกจากปากใคร เดี๋ยวคนพูดจะเน่าตามนะคะ”
นักข่าวหน้าเจื่อน หันไปถามเขมปัญฑา พอเป็นพิธี
นักข่าว1ถาม“น้องเขมล่ะคะ? เหมือนช่วงนี้เงียบๆไป”
นักข่าว2 ถาม“ไม่มีเรื่องหัวใจแบบเพื่อนๆเหรอคะ”
เขมปัญฑาหน้าเจื่อนไปนึกถึงปราชญ์ ไม่ได้คิดถึง แต่เหตุการณ์คล้ายเวฬุยา เธอยิ้มตอบ
“ไม่มีค่ะ เขมไม่ได้เจอใครเลย ไว้มีอะไรเขมจะบอกนะคะ”
เขมปัญฑายิ้มหวานตามสไตล์
ตอนกลางคืน แทนไทนั่งอ่านข่าวจากอินเทอร์เนต ไล่อ่านข่าวของเวฬุยา เห็นข้อความพาดหัวข่าวทำนองเดิม - - “มะม่วงยัน เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด วอนหยุดเรื่องอัปมงคลซะที”
แทนไทสะอึก หรี่ตามองดูภาพเวฬุยา
เสียงโทรศัพท์ดัง แทนไทละสายตาจากรูปมารับโทรศัพท์
“เฮ้ยว่าไง กลับจากเมกาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ปราชญ์อยู่ที่บ้าน คุยกับแทนไทยิ้มละไม
“พักหนึ่งแล้ว โทษที ยุ่งๆเลยไม่ได้โทร. หา ... เมื่อไหร่จะมากรุงเทพฯ”
“ว่าจะไปเร็วๆนี้แหละ มีเรื่องต้องลงไปเคลียร์เหมือนกัน”
“ดี...จะได้นัดวรรษด้วย เห็นมีข่าวกับนางเอก จะได้จับเข่าคุยซะเลย” ปราชญ์กลั้วหัวเราะ
“แล้วเจอกันเพื่อน”
แทนไทวางสาย ทำหน้าเจ้าเล่ห์ขณะมองดูรูปเวฬุยา แล้วหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง
วันใหม่ สาวๆ ออกแรงว่ายน้ำกันอยู่ที่สระว่ายน้ำในคอนโด มีเจ๊เต่าเชียร์อัพ มองนาฬิกาข้อมูล
“อดทนหน่อย อดทนหน่อย อีกนิดนึงๆๆ” เจ๊เต่าดูนาฬิกาเป่านกหวีด “โอเคๆๆๆ”
สาวๆ ว่ายน้ำมา ก่อนโผเข้าเกาะที่ขอบสระ แต่ละคนทำหน้าเหยเก อรัญภัทรบ่น
“เบื่อจริงๆเลยออกกำลังกายเนี่ย”
เวฬุยาหันมาค้อน
“จะทำอะไร ก็ต้องมีความอดทน ต้องมีวินัยกันทั้งนั้นแหละ”
เธอมองหน้า
“หิวรึไง ถึงได้พูดกระแนะกระแหนฉันอยู่ได้”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันได้มั้ย? เจ้...เขมอยากได้งาน” เขมปัญฑาบอก
“เดี๋ยวหาให้ แต่จะให้กลับไปรับงานเดิม เจ๊ไม่เอานะ เจ้ไม่อยากทำงานกับคนประสาท อีตานั่นก็บ๊า บ้า ใครไม่รู้ วางอำนาจชะมัดเลย”
อรัญภัทรแห
“เอ๊ะ!หรือที่เค้าโทร.มาตามบ่อยๆเป็นเพราะเค้าชอบเจ๊”
เจ๊เต่ายิ้ม
“บ้า!! พูดอะไรบ้าๆ”
“แต่ก็กระชุ่มกระชวยใช่มั้ยล่ะ”
“ใครจะเหมือนเราล่ะ? นี่!ตกลง...กับคุณวรรษว่ายังไง บอกตรงๆเจ๊ไม่เชื่อที่เราพูดนะ”
“ไม่มีอะไรเจ๊” แต่ดวงตาของอรัญภัทรมีเลศนัย
“ไม่มี แล้วภาพที่ออกมา มันหมายความว่าไง หรือเธอจะบอกว่าไม่ใช่”
เธออ้าปากจะเถียง เขมปัญฑาชิงพูดก่อนติดตลก
“ยกที่สองเริ่มขึ้น”
เพื่อนทั้งสองพูดทำนองเดียวกัน เกือบจะพร้อมกัน แถมชี้หน้า “ก็ใครเริ่มก่อน”
สองคนตั้งท่าจะงัดข้อกันอีก เสียงมือถือของเจ๊เต่าดัง เจ๊เต่ายิ้ม ร้องห้าม
“โทรศัพท์ช่วยชีวิต เงียบเดี๋ยวนี้นะ เจ๊จะคุยงาน”
เจ๊เต่าเอามือแตะที่ริมฝีปาก เป็นเชิงให้เงียบ ก่อนรับสาย
“ค่ะ...เจ๊เต่า..ผจก.น้องมะม่วงค่ะ... ค่ะๆๆ..ได้ค่ะ...พรุ่งนี้ซัก6 โมงเย็น เราค่อยคุยรายละเอียดกันนะคะ ค่า สวัสดีค่ะ”
เจ้เต่าวางสาย เวฬุยาถามงงๆ
“อะไรน่ะเจ๊ทำไมวางสายเร็วขนาดนั้น”
“เค้าโทร. มา อยากจะทาบทามหนูเป็นพรีเซนเตอร์ให้ไร่ของเค้า...เค้าบอกว่าเค้าชื่อแทนไท เจ้าของไร่ แทนรัก หนูรู้จักเค้าดี”
เวฬุยาหน้าเหวอ ก่อนที่จะถามออกมาเสียงดัง
“แทนไท ไร่แทนรัก
“ฮื่อ!”
เวฬุยาด่าทันที
“ก็ไอ้บ้านี่แหละ ที่มันเข้ามาปล้ำหนู”
“หา!”
ทุกคนมอเวฬุยาที่โกรธจนลมออกหู เกลียดแทนไทมาก!
ฝ่ายเจ๊เต่านั่งหน้าจ๋อย กดโทรศัพท์มือหงิก ขณะที่เวฬุยา เสียงดุ ท้าวสะเอวคุมอยู่ข้างๆ
“เจ๊โทรฯไปแคนเซิลเลยนะ ยังไงชาตินี้หนูไม่มีทางไปเจอผู้ชายสั่วๆอย่างนายแทนเด็ดขาด”
เจ๊เต่าหน้าจ๋อย มือไม้สั่น)
“ โทรฯแล้วไง ..โทร. แล้ว แต่โทร.ไม่ติด”
“ก็โทรฯจนกว่ามันจะติด”
เจ๊เต่าหน้าแหย ตากลับกลอก มีพิรุธ
“เค้าปิดมือถือ”
“ก็โทร.จนกว่ามันจะเปิด”
เจ๊เต่าหน้าแหย “แอ๊!”
“ไม่รู้ล่ะ เจ๊อยากไปรับงานเอง เจ๊ก็ต้องแคนเซิลเอง”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเค้าเป็นผู้ชายคนนั้น”
“มัน ผู้ชายเลวๆ ทุเรศๆ เที่ยวไล่ปล้ำผู้หญิง จะไปเรียกเค้าทำไม แล้วยังนะ มันยังกล้ามาติดต่อหนูอีก คนทุเรศ!”
“เค้าอาจจะอยากขอโทษ...อยากอธิบาย”
“เจ๊อยากฟังคำขอโทษ คำอธิบายจากคนพรรค์นั้นอยู่เหรอ หนูไม่ค่ะ ไม่เด็ดขาด” เวฬุยาชี้นิ้วสั่งอีก “เจ๊โทร. เลยนะ โทร.จนกว่าจะติด แล้วบอกมัน อย่ามาให้หนูเห็นหน้า ไม่งั้น...” เธอชี้ที่เท้าตัวเอง “รองเท้าเบอร์ 10 จะประทับบนหน้ามัน”
เจ๊เต่าตะลึง “เอ๊อ”
เวฬุยาเสียงดุ “เร็ว”
“จ้ะๆๆ” เจ๊เต่าทำทีกดมือถือ แต่ตาแอบมองเวฬุยา
เธอมองท่าทางมีพิรุธของเจ๊เต่า เดินมารวดเร็ว บอก “ขอโทษนะเจ้” เธอกระชากมือถือของเจ๊เต่ามา กดดู พลางทำตาเขียวใส่
“เจ๊ไม่ได้โทรฯจริงๆนี่”
เจ๊เต่าหน้าแหย มะม่วงถามดุตามนิสัย
“เจ้ไม่กล้าพูดกับมันใช่มั้ย”
เจ๊เต่าหน้าแหย
“ก็...ตอนที่เค้าโทรฯมา เค้าพูดจากับเจ้ดี๊...ดี เจ้ก็เลยไม่รู้จะปฏิเสธเค้ายังไง”
เธอยิ้มเหี้ยม
“งั้น.....หนูจัดการเอง”
เวฬุยาเอามือถือของเจ้เต่า อัดคลิปตัวเอง
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง คลิปของเวฬุยา ตาดุ หน้าดุ ด่าแมนไท
“ไอ้โรคจิต! นี่ฉันเอง ตัวจริง เสียงจริง ไม่ใช่แสตนด์อิน และไม่มีใครตัดต่อ อย่ามายุ่งกับชีวิตฉันอีก ไม่ว่าจะกับตัวฉัน ผู้จัดการฉัน หรือใครก็ตามที่อยู่แวดล้อมฉัน ไม่งั้น ชีวิตนายเจอแต่ความบัดซบแน่ จำเอาไว้”
แทนไทหน้าเจื่อน นั่งดูคลิปของเวฬุยาอยู่ เจ๊เต่านั่งอยู่ตรงข้ามก็หน้าเจื่อนๆ ได้แต่บอกแทนไทเสียงอ่อยๆ
“เจ๊ไม่ได้รังเกียจคุณแทน...แต่คุณแทนไม่โกรธเจ๊ใช่มั้ยคะ”
แทนไทยิ้มๆ
“ครับไม่โกรธ”
“คุณแทนเข้าใจเจ๊ใช่มั้ยคะ”
แทนไทยิ้มกวนๆ
“เข้าใจครับ”
เจ๊เต่ายิ้มออก แต่แทนไทกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้บอกทะเล้น
“แต่ไม่ปฏิบัติตาม”
เจ๊เต่าตาเหลือก “หา”
“ผมเป็นลูกผู้ชาย ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด และก็ต้องขอโทษจนกว่า คุณมะม่วงจะรู้ว่าผมสำนึกผิดจริงๆ” เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก เจ๊เต่าทำหน้าแหยงๆแบบ จะทำอะไรกรูเปล่าว้า แต่แทนไทกลับบอกจริงจัง
“เพราะผมเป็นคนจริงครับเจ๊”
เจ๊เต่าทึ่งปนโล่งอก แล้วก็ต้องทำตาเหลือกขึ้นมาใหม่เมื่อแทนบอกว่า
“และเจ๊ก็ต้องช่วยผมนะครับ”
ตอนกลางวัน อรัญภัทรเดินออกมาจากห้อง เห็นเวฬุยากำลังง่วนอยู่กับการทำแพนเค้ก
“กินแพนเค้กมั้ย”
อรัญภัทรแอบอมยิ้ม “ก็ดี”
เวฬุยาตักแพนเค้กใส่จานเดินเอามาให้ที่โต๊ะ
“ขอบใจนะ”
“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร” ว่าพลางลื่อนไซรัป ครีม ผลไม้แห้งบนโต๊ะมาให้
อรัญภัทรทำเสียงจิ๊จ๊ะ
“เธอนี่ จะดีก็ไม่ดีให้ตลอด”
“ไม่ได้ดี แต่ทำอย่างที่ฉันเป็น” เวฬุยานิ่งๆเหมือนคิดไปด้วย “ฉันไม่ชอบคนตอแหลและฉันก็รู้ เธอก็ไม่ชอบเหมือนกัน”
“จะบอกอะไรฉันรึเปล่า”
“ฉันไม่ใจเด็กเบอร์รี่อะไรนั่นนะ ฉันว่า...การที่เค้าเข้ามาหาเธอมันแปลกๆ เธอจะใจดี เธอจะเอ็นดูเค้ายังไง ฉันไม่ยุ่ง แต่อยากให้ระวังตัว”
เวฬุยาเดินไปที่ครัวเหมือนเดิม เธอนิ่ง มองตาม แต่ยังไม่ได้ฉุกใจคิดอะไรเกี่ยวกับเบอร์รี่ในทางที่ไม่ด
เวลาเดียวกัน เบอร์รี่ในชุดเรียบร้อยค่อนข้างเก่า กำลังถูพื้นยืนซุกตัวอยู่หน้าห้องมองวรรษชลกับทีมงานคุยกัน สายตาบอกว่าปลื้มชัดเจน วรรษชลคุยกับทีมงานด้วยท่าทางจริงจังแบบคนทำงาน
“คิวต่อไป นัดกองเลยตอนตี 3”
ทีมงานตกใจ
“เราถ่ายในกรุงเทพฯ...พี่วรรษจะนัดตั้งแต่ตี 3 ทำไมคร้าบ”
“พี่อยากไปเก็บภาพความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ได้มากที่สุด เราจะได้รู้ เค้ามีการดำเนินชีวิต คุณภาพชีวิตกันยังไง จะได้สมกับเนื้อหาที่เรากำลังจะทำ เรื่องคุณภาพชีวิตและชุมชน”
ทีมงานตอบพร้อมกันด้วยสีหน้าง่วงๆ “คร้าบ”
เบอร์รี่มองวรรษชลแบบทึ่งๆ สายตามีแต่ความชื่นชม
เบอร์รี่คิดถึงอดีตแต่หนหลัง ในชุมชนแออัด บ้านแต่ละหลังทรุดโทรมเก่าแทบพัง เห็นเสื้อผ้าตากกันเกลื่อน ทั้งนอกบ้าน ในบ้าน เวลาเดินต้องแหวกเสื้อผ้าออกมา เวลานอน ทุกคนนอนเรียงกันในห้องแบบแออัด ทั้งแม่ ทั้งพ่อเลี้ยง น้องๆต่างพ่อนอนเรียงรายติดกันไปหมด พ่อเลี้ยงย่องเข้ามานอนข้างๆจะลวนลาม เบอร์รี่ตบพ่อเลี้ยง สองคนโวยวายต่อสู้ แต่แม่กลับมาตบเบอร์รี่
มุมใหม่ในสำนักงานที่ค่อนข้างสงบ ลำพัง เบอร์รี่ยืนกำไม้ถูพื้นแน่น มือนั้นสั่นระริกเมื่อนึกถึงความ
เจ็บปวดในอดีต พร้อมๆกับที่น้ำตาไหลออกมา วรรษชลเดินเข้ามาด้านหลัง เหมือนจะไปไหนแล้วต้องผ่านทางนี้ เขาก้มหน้าดูนิตยสารเล่มหนึ่งที่ถือติดมือมาด้วย พอเห็นเบอร์รี่น้ำตาไหลก็ชะงัก
วรรษชลเสียงอ่อนโยน ตกใจ
“เบอร์รี่ เป็นอะไร”
เบอร์รี่สะดุ้งหันมามอง พอเห็นเป็นวรรษก็ปาดน้ำตา “เปล่าค่ะ”
“แล้วร้องไห้ทำไม”
“หนูคิดถึงพ่อ...ถ้าพ่อยังอยู่ หนูคงไม่เป็นอย่างนี้ พี่วรรษหนูคิดถึงพ่อ”
พูดจบเบอร์รี่ก็โผเข้ากอด วรรษชลตกใจ วางหนังสือลงแถวนั้น จับไหล่เบอร์รี่หมือนจะดันออก
“เบอร์รี่”
“หนูคิดถึงพ่อ” เธอกอดวรรษแน่น รู้สึกโหยหาความอบอุ่น
วรรษชลรู้ถึงความไม่เหมาะดันตัวออกบอกอ่อนโยน
“เข้มแข็งนะ มีอะไร ค่อยๆพูดค่อยๆเล่าให้พี่ฟัง”
เบอร์รี่มอง ดวงตาอบอุ่นของวรรษชลยิ่งทำให้น้ำตาไหล
“หนูคิดถึงพ่อค่ะ พ่อหนูเสียไปแล้ว พ่อหนูใจดี อบอุ่น อ่อนโยน ยิ่งเห็นพี่วรรษ หนูก็ยิ่งคิดถึงพ่อ พี่วรรษเหมือนพ่อหนูจริงๆนะคะ”
วรรษยิ้มออกมาได้ พยายามคลี่คลายเหตุการณ์ด้วยการคลึงศีรษะเบอร์รี่เบาๆแบบพี่ชาย
วรรษชลกลั้วหัวเราะ
“เหมือนพี่ชายก็พอนะ...พี่ยัง..ไม่อยากแก่ ขนาดเป็นพ่อของเบอร์รี่”
เบอร์รี่หัวเราะออกมาได้ ยิ่งปลื้ม
“พี่วรรษไม่เหมือนพ่อหนูหรอกค่ะ เพราะพี่วรรษ หล่อแล้วก็เท่กว่า พ่อหนูอ้วนแล้วก็หัวล้าน แต่หนูก็รักพ่อมาก” เบอร์รี่แอบหยอด “แล้วก็รักพี่วรรษด้วย”
วรรษชลเอ็นดูไม่ได้นึกอะไร
“ขอบใจจ้ะที่รู้สึกดีกับพี่ เข้มแข็งนะ..พ่อยังอยู่กับหนู เฝ้ามองหนูตลอดเวลา หนูต้องเป็นเด็กดีนะเบอร์รี่ พ่อจะได้ชื่นใจ”
เบอร์รี่ยิ้มทั้งน้ำตา
“ค่ะ พี่วรรษ”
วรรษชลยิ้ม เสียงมือถือดัง หลังรับสาย เขารับฟังก่อนบอก
“โอเค งั้นขอเวลาไปกินข้าวเดี๋ยว ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วเจอกันที่ห้องตัดบ่ายสองนะป้อม”
เขายิ้มให้เบอร์รี่แล้วเดินออกไปเลย
สายตาเบอร์รี่มีแต่ความชื่นชม ปลาบปลื้ม ก่อนจะหันมาเห็นนิตยสารที่วรรษชลวางทิ้งเอาไว้ เบอร์รี่หยิบหนังสือที่วรรษดูค้างไว้ขึ้นมา เบอร์รี่เห็นเป็นรูปอรัญภัทรถ่ายแบบ ความริษยาพุ่งปริ๊ด ฉีกรูปภาพของแล้วขยำๆๆ ก่อนโยนหนังสือทิ้งลงที่เดิม คว้าไม้ถูพื้นกระแทกกระทั้นเดินออกไปแบบอารมณ์ไม่ดีสุดขีด
วรรษชลกำลังจะเดินออกนอกออฟฟิศ อรัญภัทรเดินเข้าไปหาพอดี
วรรษชลยิ้มดีใจ “อ้าว!เอี๊ยม”
เธอยิ้มหวาน แบบกะให้หลงมีแผน “จะไปไหนคะ”
“หาอะไรกินหน่อย”
“ฉันซื้อก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่มาฝากค่ะ เจ้านี้อร่อย” เธอชูกล่องขึ้น
“อย่างคุณนี่นะ...ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่”
“ปกติก็ไม่...แต่คิดว่า คุณน่าจะชอบ เลยทำ”
วรรษชลมองเธออย่างทึ่งๆ
“ก็คุณเคยบอกฉันนี่คะ...คุณชอบกินอาหารจานเดียว อะไรก็ได้ ง่ายๆ ฉันเลยซื้อก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่มาฝาก ง่ายดี”
วรรษมองประทับใจในสิ่งที่เธอใส่ใจ อรัญภัทรมองวรรษชล แล้วถาม
“เบอร์รี่ล่ะคะ”
“อยู่ข้างใน เพิ่งร้องไห้...คิดถึงพ่อ”
เธอแปลกใจ
“ร้องไห้กับคุณเหรอคะ”
วรรษชลซื่อๆ พยักหน้าตอบตรงๆ “ฮื่อ”
เธอครุ่นคิดถึงคำเตือนของเวฬุยาทันที
“คุณเข้าไปคุยกับน้องหน่อยมั้ย”
“ค่ะ” อรัญภัทรเดินเข้าไปข้างใน ดวงตาเริ่มสงสัย ตามประสาผู้หญิงมีเซนส์พิเศษ
ฝ่ายเบอร์รี่หน้าหงิกหน้างอปัดกวาดเช็ดถูออฟฟิศวรรษชล พลางด่าเอี๊ยมในใจ
“ให้ฉันมาเป็นคนใช้ชัดๆ หวังทำคะแนนกับพี่วรรษ นังบ้า”
อรัญภัทรเดินเข้าไปเงียบๆ เห็นด้านหลังของเบอร์รี่ ไม่ได้เห็นหน้าที่ค้อนประหลับประเหลือก เธอถามอาทร
“เหนื่อยมากมั้ยจ้ะเบอร์รี่”
เบอร์รี่สะดุ้งเฮือกตกใจ ก่อนปรับสีหน้าหันมายิ้มหวานเชี๊ยบ “ไม่เลยค่ะพี่เอี๊ยม พอดีมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”
“เรื่องพ่อเหรอจ้ะ”
เบอร์รี่มองหน้าเป็นเชิงถาม เธอบอกต่อ
“พี่วรรษเล่าให้พี่ฟัง”
เบอร์รี่ รู้สึกแว้บขึ้นมา ประมาณ เข้าใจไปเองว่า อรัญภัทรแอบข่ม
เบอร์รี่รีบปรับสีหน้า ยิ้มจ๋อยๆ แอบคุยทับกลายๆ
“ค่ะ...หนูไม่สบายใจเรื่องพ่อ แต่พอได้คุยกับพี่วรรษ พี่วรรษปลอบจนหนูมีกำลังใจขึ้นมากเลยล่ะค่ะ...หนูฝากพี่เอี๊ยมขอบคุณพี่วรรษด้วยนะคะที่อยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้หนูตลอดเลย”
เธอยิ้มแต่ไม่ตั้งใจเกทับ
“คุณวรรษเค้าเป็นคนดีอย่างนี้แหละจ้ะ ไว้เดี๋ยวพี่ตอนกินข้าวกับพี่วรรษพี่บอกให้เลยจ้ะ” เธอเดินออกไป
เบอร์รี่ค้อนประหลับประเหลือก ด่าในใจ
“สุดท้าย แกก็เหมือนนังพิม ข่มฉันทุกอย่าง ฉันจะแย่งพี่วรรษมาให้ได้ คอยดู”
วรรษชลนั่งกินข้าวกับอรัญภัทรท่าทางสบายๆ สองคนดูสนิทสนมกัน เป็นตัวของตัวเอง สบายใจ แต่ไม่หวาน ไม่ได้จีบกัน
ทางด้านหน้า พิมพิชชาทำท่าจะเปิดประตูเข้ามา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นนางเอกสาวกับวรรษชล และเขา
นั่งหันหลังให้ เลยไม่เห็นพิมพิชชา แต่อรัญภัทรหันมาเห็นพิมพิชชาพอดี ดวงตาของเธออี๊ยมเป็นประกาย รีบเอาใจวรรษด้วยการคว้าทิชชู่ขึ้นมา บอกเสียงหวาน
“ขอโทษนะคะ”
ไม่รอคำตอบ เธอใช้ทิชชู่เช็ดปากให้ วรรษชลเหวอ เธอยิ้มบอกกลั้วหัวเราะ
“ปากคุณเลอะ กินข้าวเป็นเด็กๆเลยคุณเนี่ย”
วรรษชลงง
“ผมน่ะเหรอกินข้าวเลอะ”
เขาจับมือเธอแบบเขินๆ ไม่อยากให้เช็ด
พิมพิชชามองภาพตรงหน้า หัวใจร้าวราน ขณะที่นางเอกสาวได้ทียิ้มยั่ว
“ฮื่อ.. หรือว่าคุณ คิดว่าฉันจะแต๊ะอั๋งคุณ”
วรรษชลงงไม่ทันคิด เธอพูดต่อ
“จริงๆคุณแต๊ะอั๋งฉันมากกว่านะ” เธอมองมือเขาที่จับมือตัวเองไว้แล้วแอบอมยิ้ม
วรรษชลเขินจะปล่อยมือออก แต่เธอพูดจริงจัง
“คุณจับมือฉันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามปล่อยมือฉันนะคะ”
เขามองตาอย่างจริงจังลึกซึ้ง เธอย้ำอีกเป็นเชิงอ้อนวอน
“นะคะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าปล่อยมือเอี๊ยม”
วรรษชลพยักหน้า
“ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากคุณเป็นอันขาด”
วรรษชลที่ทำท่าจะปล่อยมือเธอ กลับมากุมมือเธอแน่นเข้า เธอยิ้มบอก
“ขอบคุณค่ะ”
แล้วเธอก็โผเข้ากอดวรรษชล วรรษชลยิ้มน้อยๆ รู้สึกอบอุ่นมั่นคงในหัวใจ ขณะที่พิมพิชชามองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา อรัญภัทรยิ้มเย้ย ประกาศชัดเต็มที่ถึงความเป็นศัตรู จนพิมพิชชาต้องผละออกไปอย่างรวดเร็ว
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน พิมพิชชาเดินมาตามทาง ท่าทางชอกช้ำหัวใจหนัก เงยหน้าขึ้นมองเห็นสะพานพระราม 8 ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า นางสะท้อนหัวใจ คิดถึงความหลังของตัวเองกับวรรษชล
วรรษชลในสภาพทรุดโทรม เมามาย พยายามยื้อมือกับพิมพิชชาที่แต่งตัวสวยงาม
“ปล่อยนะวรรษ ปล่อย” เธอผลักเขาอย่างแรงจนวรรษชลล้มลงไป พิมพิชชามองเหยียดหยาม ต่อว่า
“นี่อะไร? นัดพิมมาหาเพื่อให้พิมดูสภาพทุเรศๆของวรรษอย่างนี้น่ะเหรอ”
เขาพยายามลุกขึ้นแบบเมาๆบอก
“ไม่นะพิม...วรรษแค่เสียใจ วรรษแค่อยากจะบอก อย่าทิ้งวรรษไป” เขาจะคว้ามือพิมพิชชา
นางปัดมือวรรษชลทิ้งอย่างไม่ใยดี
“อย่ามาถูกตัวพิม...พิมกำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว เข้าใจซะบ้างสิ จะมาตอแยอะไรนักหนา”
เขามองอย่างเสียใจมาก
“เพราะวรรษรักพิม รักมาก วรรษอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพิม นะพิม กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ วรรษสัญญา จะสร้างอนาคตทุกอย่าง จะไม่ให้พิมน้อยหน้าใครๆ นะพิมนะ” เขาจะคว้ามือพิมพิชชาอีก
นางกลับกรีดร้องเสียงดังขยะแขยง “ไม่ “ ก่อนผลักวรรษชลออกอย่างแรง
เขาล้มลง มองพิมพิชชาด้วยสายตาเจ็บปวด นางมองเขาอย่างสมเพช เขาเองก็คาดไม่ถึงว่า พิมพิชาจะทำกับเขาขนาดนี้ “พิม”
นางเสียงเข้ม ไร้เยื่อใย
“ไม่ต้องพูดอะไรนะวรรษ ถามจริงๆไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าสภาพของวรรษมันน่าสมเพชแค่ไหน? จะบอกอะไรให้ ถ้าเกิดเป็นผู้ชายแล้วไม่มีอะไรน่าภูมิใจอย่างวรรษ พิมเดินให้รถชนตายไปเลยดีกว่า”
พิมพิชชาสะบัดหน้าหันหลังกลับ เดินฉับๆไป
วรรษชลมองพิมพิชชาอย่างร้าวรานก่อนเดินหันหลังกลับ ซวนเซไปตามริมถนนตามประสาคนเมา วรรษชลเซไปกลางถนน คนขับรถบีบแตรกันสนั่น วรรษชลตกใจ เอรัญภัทรในตอนเด็กกระชากร่างของเขาอย่างแรง จนทั้งสองล้มลงข้างทาง พิมพิชชาหันกลับมามอง เห็นวรรษชลอยู่ข้างถนนพร้อมเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นางเบ้ปาก มองอย่างสมเพชเพราะคิดว่า วรรษชลจะฆ่าตัวตายตามที่เธอบอก แล้วเธอก็เดินจากไป
วรรษชลและอรัญภัทรอยู่ด้วยกัน นั่นคือ มุมที่พิมพิชชาไม่เห็น ไม่เคยรับรู้มาก่อน
พิมพิชชายืนอึ้งที่สำพานพระราม 8 ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นสงสัย คลางแคลงใจ ได้แต่พูดกับตัวเอง
“วรรษเคยจะฆ่าตัวตายเพราะเรา เป็นไปไม่ได้ที่เค้าจะลืมเรา”
ดวงตาของพิมพิชชา เป็นประกายถือดีขึ้นมาใหม่ ดวงตาคู่นั้นฉายแววบอกไม่ยอมอรัญภัทร!
กลางคืน ต่อเนื่องมา วรรษชลเดินออกมาส่งอรัญภัทรที่รถของเจ๊เต่า วรรษชลบอกอ่อนโยน
“วันหลัง ไม่ต้องรบกวนรถเจ๊เต่าแล้วนะ”
เธอไม่รอให้พูดให้จบ ขัดขึ้นตามนิสัย
“ไม่เอา ฉันไม่ซื้อรถเอง ฉันไม่ชอบขับรถ”
เขาระอา
“ไม่ได้บอกว่าให้คุณซื้อรถ แต่จะบอกว่าจะไปไหน เดี๋ยวผมไปรับเอง”
เธอยิ้มเขิน
“ยอมให้ฉันเป็นตุ๊กตาหน้ารถแล้วใช่เปล่า”
วรรษชลหัวเราะขำ
“ตั้งนานแล้ว... ขอบคุณมากนะ ที่มาอยู่เป็นเพื่อนผมทำงานทั้งวัน”
เธอจริงจัง
“ฉันอยากใช้เวลาตอนนี้อยู่กับคุณให้มากที่สุด เพราะถ้าเปิดกล้องละครเรื่องใหม่เมื่อไหร่ เวลาส่วนใหญ่ของฉันก็คงจะต้องอยู่ที่กอง”
“ผมเข้าใจ..ถึงได้บอก ต่อไป จะดูแลคุณเองไง”
สองคนยิ้มให้กัน เบอร์รี่เดินมามองด้วยสายตาอิจฉา ไม่ชอบใจ ก่อนเดินมาบอก
“พี่วรรษคะ...มีคนมาหาคะ
ทั้งสองหันไปมอง
“อ้าว แทน” เขาไม่ได้สนใจเบอร์รี่แต่หันมาบอกอรัญภัทร “นี่แทนเพื่อนสนิทผมน่ะครับ”
“สวัสดีคะ งั้นคุณไปคุยกับเพื่อนเถอะค่ะ แล้วเจอกัน”
เขาเดินไปช่วยเปิดประตูให้เธอบอกอ่อนโยน แทนไทมองดูเพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์
“ขับรถดีๆนะ”
“ค่ะ” เธอหันมาบอกเบอร์รี่
“แล้วเจอกันเบอร์รี่”
เบอร์รี่ปรับสีหน้าแทบไม่ทัน “ค่ะ”
เธอขับรถออกไป วรรษชลถึงได้หันหลังเดินกลับมาหาแทนไท โดยไม่ได้สนใจเบอร์รี่เลย เบอร์รี่ได้แต่ฮึดฮัดตามประสา แทนไทมองเพื่อนด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 10
ในออฟฟิศ วรรษชลยื่นกาแฟให้แทน แทนยังทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“แกมาได้ไงวะ ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย”
“นี่...แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ คุณเอี๊ยมรู้จักแกได้ไงห๊ะ”
“เอ่อ...”
“แล้วเค้ามาหาแกถึงที่บ้านได้ยังไง นี่แล้วแกรู้จักเค้านานรึยัง ทำไมฉันไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยวะ แล้ว...”
“เห้ย...พอได้แล้ว นี่แกจะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนดีวะ”
“เฮ้ย ก็ตอบมาซักคำถามสิวะ”
“เอ้อ...เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังละกันน่า ว่าแต่แกเหอะ พายุอะไรหอบมาถึงนี่วะ”
“ก็...พอดีฉันมีธุระต้องมาเคลียร์ว่ะ มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย”
“เรื่องอะไรของแกวะ”
“เออ...ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังละกันโว๊ย”
“นี่ ไม่ต้องมายอกย้อนฉันเลยนะเว้ย เออ แล้วนี่แกรู้เรื่องงานเปิดตัวรถของไอ้ปราชญ์มันรึยังวะ”
“ฮื่อ! ที่มานี่ ก็ตั้งใจจะมางานนี้ด้วยหละ เห็นมันบอก งานนี้จะโชว์รถราคา 100 ล้าน”
เบอร์รี่ตาโต แบบตื่นตะลึง วรรษชลแซวแทนไท
“ก็อุดหนุนปราชญ์มันซักคันสองคันสิ”
“เออ... ไหนๆก็ไหนๆ เดี๋ยวเหมายกโหลเลยแล้วกัน”
เบอร์รี่ตะลึง เดินออกมา ดวงตาตะลึงพรึงเพริด
เบอร์รี่เดินออกมามุมอื่น ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น พึมพำเบาๆ
“โอ้โห!จะเหมารถราคาร้อยล้าน แก๊งค์นี้ รวยยกแก๊งค์เลย แอร้ย!!”
เบอร์รี่ทำท่าทางแบบกรี๊ดๆๆดีใจแบบไม่มีเสียง ปลื้มคนรวย ก่อนถามตัวเอง ทำตาเจ้าเล่ห์
“มีงานอะไรกัน อยากไปจังเลย”
เจ๊เต่ากำลังง่วนกับการลงคิวอยู่ที่คอนโดฯ เขมปัญฑาเดินออกมากวาดสายตามอง
“มะม่วงกับเอี๊ยมล่ะคะเจ๊”
“มะม่วงกลับบ้าน ส่วนเอี๊ยมไปฟิตเนส”
“เอี๊ยมมีงานอะไรอีกเหรอคะ? ถึงได้ฟิตร่างกายแต่เช้าเลย”
“ไม่ใช่แค่เอี๊ยมที่มีงาน มะม่วงแล้วก็เขมด้วย เป็นงานที่เค้าเชิญเราสามคนเลย”
เขมปัญฑาทรุดตัวนั่งข้างเจ๊เต่าดีใจตื่นเต้น
“งานอะไรคะเจ๊”
เจ๊เต่าหน้าเจื่อนไปนิดก่อนบอก
“งาน...งาน”
“งานอะไรคะ?”
“งานเปิดตัวรถซูเปอร์คาร์ ของคุณปราชญ์”
“นายปราชญ์อีกแล้ว....ก็เราตกลงกันว่า ไม่ไปไงคะ”
“มันไม่ได้แล้วนะสิ เพราะงานนี้ ....มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยมีบุญกับเจ๊เค้าขอร้องมาว่า อยากให้พวกเธอทั้ง 3 คนไปโชว์ตัวในงานนี้ เจ๊เลยไม่กล้าปฎิเสธเค้า”
เขมปัญฑาหน้างอ“เจ๊”
“นี่...อย่าทำหน้าแบบนี้สิ รู้ไหมว่าเค้าให้ค่าโชว์ตัวพวกเธอคนละล้านเลยนะ ถ้าเจ๊ไม่รับ เจ๊ก็คงเป็นคนบ้าเสียสติไปแล้ว เพราะไม่มีที่ไหนกล้าจ่ายหนักๆแบบนี้หรอก”
เขมปัญฑาเครียด ต้องไปจนได้
ปราชญ์ สั่งงานลูกน้องอยู่ที่โชว์รูม
“งานทุกอย่าง ต้องพร้อมตามที่วางแผนกันนะ”
“ครับผม...ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
“อ้อ...แล้วอีกอย่าง จัดดอกไม้ช่อที่ใหญ่และสวยที่สุดให้ผมด้วย...ผมจะให้แขกพิเศษของผมในวันงาน”ลูกน้อง งง เลย ปราชญ์ยิ้มกับตัวเอง
ในร้านกาแฟ พิมพิชชานั่งดูคลิปข่าวในแฟ้มก่อนถามป้าไก่สีหน้าไม่พอใจ
“ไม่เห็นมีข่าวพิมซักข่าว”
ป้าไก่ท่าทีสบายๆไม่สนใจไม่ยี่หร
“ก็ข่าว...เค้าลงแต่คนดังๆนี่คะ” ป้าไก่รีบบอกหน้าตากวนๆ “แต่ป้าไม่ได้โกงคุณพิมนะ คุณพิมให้ส่งข่าวอะไร ป้าก็ส่งหมด แต่จะยัดเงินกินเปล่า ค่าน้ำชา กาแฟ ยัดเท่าไหร่ ก็ไม่มีคนเอาข่าวไปลง”
สายตาป้าไก่เหยียดหยาม พิมพิชชากำมือแน่น สายตาบอกว่าทั้งโกรธทั้งเกลียดป้าไก่ แต่ทำอะไร
ไม่ได้ ป้าไก่ยิ้มบอกต่ออีก
“นี่ขนาดป้าอุตส่าห์เอาชื่อคุณพิม ยัดเข้าไปในงานไฮโซคุณปราชญ์ ที่เค้ากำลังจะเปิดงานรถซูเปอร์คาร์ของเค้า เค้ายังไม่ยอมเชิญคุณพิมเลยค่ะ แสดงว่า...เค้าไม่ยอมรับคุณพิม เข้าสังกัดไฮโซของพวกเค้านะคะ...แต่กับคุณเอี๊ยม”
พิมถามเสียงแข็ง “ทำไม”
ป้าไก่ยิ้มแหย่
“เค้าเชิญคุณเอี๊ยมไปงานน่ะสิคะ....คุณวรรษก็ไปด้วย เอ...หรือว่างานนี้ คุณวรรษกับคุณเอี๊ยม จะเปิดตัวว่าคบกันก็ไม่รู้นะคะ”
พิมพิชชากระแทกแก้วกาแฟบนโต๊ะเสียงดัง โกรธจัด ป้าไก่หัวเราะเย้ยต่อ
“เบาๆสิคะ....เดี๋ยวใครต่อใครที่นี่เค้าก็รู้กันหมดว่าคุณพิมแอ๊บแตก”
ป้าไก่ผุดลุกขึ้นเดินนวยนาดไปที่หน้าร้าน พิมพิชชาผุดลุกขึ้นเดินตามไปอย่างโกรธจัด เดินไปขวางทางป้าไก่ที่หน้าร้าน
“ยังไงก็แพ้คุณเอี๊ยมค่ะเพราะคุณเอี๊ยมแอ๊บแตกกว่าพิม... ป้าไก่ว่า คุณเอี๊ยมกับคุณวรรษคบกันไม่ใช่หรือคะ? ถ้าใช่...ป้าไก่ก็จัดการฉีกหน้าคุณเอี๊ยมสิ... หรือตอนนี้กระแสคุณเอี๊ยมดี ป้าไก่เลยไม่กล้า ที่จะเล่นข่าว
คุณเอี๊ยมเคยด่าผู้ชายเลวกว่าหมา เพราะกลัวกระแสตีกลับแล้วป้าไก่จะเดือดร้อน เลยยอมทำตัวเป็นพวกลิ้นสองแฉก”
พิมพิชชาเชิดหน้าใส่ป้าไก่ ทำทีจะหันหลังเดินไป แต่หันกลับมาบอก
“พิมไม่เชื่อ ว่าพิมไม่ดัง....แต่ที่ไม่มีข่าวของพิมลงที่ไหนๆ เพราะป้าไก่โกงเงินพิม ที่เค้าว่าเจองูกับแขก ให้ตีแขกก่อน แต่ถ้าเจอแขกกับนักข่าวอย่างป้าไก่...พิมขอตีป้าไก่ก่อนค่ะ” นางสะบัดหน้าทำท่าจะเดินไป
ป้าไก่โกรธตัวสั่น จะเดินไป แต่นางหันกลับมาอีก ป้าไก่ตบอก ถามกลัวๆ
“จะด่าอะไรฉันอีก”
“ไม่ด่าหรอกค่ะ ด่าไปก็เปลืองน้ำลาย เพราะป้าไก่หน้าหนา หน้าด้าน ด่าเท่าไหร่ก็ไม่เจ็บไม่อาย แค่จะบอก พิมจะไปงานไฮโซนั่นให้ได้ เพราะพิมเป็นไฮโซ”
นางสะบัดหน้าเดินฉับๆไป ป้าไก่ทำท่าโล่งอก บ่นตาม
“ฉันไม่ใช่กระโถนนะ...ถุยน้ำลายใส่ฉันอยู่ได้”
เสียงถุยดังขึ้นอย่างชัดเจน ป้าไก่สะดุ้งหันหลังกลับ เห็นคนจรจัดกำลังทำเสียงถุยใส่ถังขยะ ป้าไก่ทำท่าขยะแขยงก่อนเดินไป
เจ๊เต่าสาละวนอยู่กับการโทรศัพท์ที่คอนโดฯ พลางคุยกับสามสาว
“นี่...เจ๊ไม่ว่าหรอกนะ ที่พวกเราสามคนจะไปไหนมาไหน ตามใจชอบน่ะเพราะตอนนี้ละครเรื่องใหม่ยังไม่เปิดกล้อง แต่เจ๊ขอเลยนะ...วันงานน่ะต้องมาเจอกันที่นี่ จะได้ไปงานพร้อมกัน อย่าลืม...ชุดเราก็ยังไม่ได้เลือก ไม่ได้ลอง”
อรัญภัทรสาละวนอยู่กับการหัดทำอาหารง่ายๆในครัว ตะโกนมา
“ไม่เป็นไรค่ะเจ๊...เรื่องชุด เอี๊ยมไม่ซีเรียส เค้าเชิญ เราก็ไปเป็นเกียรติให้เค้าก็พอ แต่งตัวยังไงก็ได้ แล้วแต่เขาจะจัดให้ค่ะ”
เวฬุยาอ่านหนังสืออีกมุมหนึ่ง พูดออกมาท่าทีเรื่อยๆ และไม่ได้ประชดแต่อย่างใด
“หนูก็ไม่ซีเรียสค่ะ งานไฮโซ อย่างนี้ หนูคงเป็นได้แค่ไม้ประดับ ไม่มีใครสนใจอะไรหนูหรอก”
“เขมก็...” เขมปัญฑาพูดยังไม่จบ เจ๊เต่าร้องห้ามขึ้นมาทันที
“หยุดเลยนะเขม...ห้ามพูดว่าเขมใส่อะไรก็ได้”
“ทำไมคะ”
“ก็ทางบริษัทออแกนไนส์ กำชับมาว่า วันงานเขมต้องสวยที่สุด เด่นที่สุด เท่าที่จะทำได้”
ทั้งสามหันมามองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนหันมามองเจ๊เต่า
อรัญภัทรยิ้มแซวๆ
“เอ่ะ....หรือว่ามีใคร สนใจ ยัยเขม ของเรา”
“จะบ้าเหรอเอี๊ยม”
เวฬุยาอมยิ้มแกล้งแซวไปด้วย
“ก็น่าคิดนะ ไม่งั้น จะกำชับให้เธอสวยทำไม”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไง วันงาน...เขมต้องสวยที่สุด เด่นที่สุด เท่าที่จะทำได้”
เขมปัญฑาทำหน้างงๆ เวฬุยากับอรัญภัทรมองหน้ากันแบบยิ้มๆ แบบมันมีอะไรรึเปล่า เจ๊เต่าหันมาเห็น
“เราสองคนก็เหมือนกัน วันนั้น ทั้งนักข่าว ทั้งไฮโซเยอะแยะต้องทำตัวให้สมเกียรติของ”นักแสดงมืออาชีพ” อย่าทำอะไร ที่จะทำให้เค้าว่ากันได้ ว่าเป็นได้แค่ของเล่นไฮโซ”
เวฬุยาพูดขึ้นทันที
“โอ๊ย! อย่าพูดคำนี้ให้ได้ยินนะเจ๊ บอกตรงๆผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เกลียดมาก”เธอพูดพลางแสดงท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ
เขมปัญฑาหน้าเจื่อน นึกถึงปราชญ์ อรัญภัทรพูดขึ้น
“แต่จะโทษผู้ชายฝ่ายเดียวไม่ได้นะ เพราะมีผู้หญิงบางจำพวก ทำตัวให้ผู้ชายเค้าดูถูกเอง”
เจอคำพูดของเธอ ทุกคนเงียบกริบ เพราะมันจริง
ฝ่ายเบอร์รี่ปัดกวาดเช็ดถู โต๊ะทำงานของวรรษชล เจอการ์ดเชิญงานปราชญ์ เธอหยิบมาดู ตาเป็นประกาย ทำหน้าครุ่นคิด
“ทำไง ..เราถึงจะได้ไปงานไฮโซ”
เจ๊เต่ากับเขมปัญฑาในชุดกำลังจะออกไปข้างนอก เจ๊เต่าบอกอรัญภัทรและเวฬุยา
“เจอกันตอนดึกเลยนะ เจ๊พาเขมไปลองชุดที่ออฟฟิศเจ้ตือแล้วจะเลยพาเขมไปทำสปาหน่อย เมื่อเช้าเจ้ตือก็โทร.มากำชับว่างานนี้เขมต้องสวย”
เธอขำๆ
“นี่จะไปงานเปิดตัวรถ หรือเปิดตัวเจ้าสาวกันแน่เนี่ยเจ๊”
“นั่นน่ะสิ....อยากรู้จริงๆ จะมีอะไรเกิดขึ้นในงาน”
เวฬุยาที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเห็นเบอร์รี่เดินเข้ามาในคอนโดฯ
“ในงานไม่รู้....แต่ จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ รู้แน่ๆ”
“อะไร” อรัญภัทรว่า
“ความวุ่นวายไง”
ทุกคนมองหน้ากันงงๆ เวฬุยาทำหน้าแปลกๆ
เวลาเดียวกัน วรรษชลดูเทปรายการอยู่ เสียงมือถือดังลั่น เขารับสาย
“ว่าไงเอี๊ยม”
“ทำงานอยู่เหรอคะ”
“ครับ”
“เอี๊ยมกวนแป๊บเดียว...ไม่เห็นคุณบอกเอี๊ยมว่าจะไปงานเปิดตัวรถอาทิตย์หน้า”
วรรษชลงง เอี๊ยมรีบบอก
“เอี๊ยมไม่ได้ก้าวก่ายว่าคุณต้องรายงานเอี๊ยมทุกอย่างนะคะ เพียงแค่เอี๊ยมเพิ่งรู้ว่า...เราไปงานเดียวกัน”
“ผมไม่รู้จริงๆเอี๊ยม ว่าคุณก็จะไปงานด้วย เป็นงานของเพื่อนผม ผมเลยจะไปแสดงความยินดี งั้นวันงานให้ผมไปรับมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเอี๊ยมไปกับเจ๊เต่า” เธอหรี่ตาสงสัย “ขอบคุณมากนะคะที่จะส่งเบอร์รี่มาดูแลเอี๊ยม”
“หือ...อะไรนะ”
“ก็คุณจะส่งเบอร์รี่มาดูแลเอี๊ยมวันงานไม่ใช่เหรอคะ”
“เปล่านะ...มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ” เธอว่า แต่ตาสงสัย “คุณทำงานต่อเถอะ ขอโทษนะคะที่รบกวน แล้วเจอกันค่ะ”
อรัญภัทรวางสาย วรรษชลทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ ทำไม เธอโทร.มาแปลกๆ ขณะที่นางเอกสาวเริ่มครุ่นคิด
ก่อนหน้าที่อรัญภัทรจะโทร.หา วรรษชล เธอเอาน้ำให้เบอร์รี่กินในห้อง
“มีอะไรคะถึงได้มาหาพี่ถึงนี่”
เบอร์รี่ดวงตาเป็นประกาย
“หนูตื่นเต้นน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็พี่วรรษ คอยให้หนูดูแลพี่เอี๊ยมไงคะ .แล้วอาทิตย์หน้า พี่เอี๊ยมก็จะไปงาน” พูดพลางตื่นเต้นดวงตาเป็นประกาย” ที่มีรถหรูๆแพงๆ เป็นสิบเป็นร้อยล้าน หนูทำตัวไม่ถูกเลยค่ะ ว่าจะแต่งชุดแต่งตัวยังไง หนูไม่เคยไปงานพวกนี้ซะด้วยสิคะ หนูจะไปเช่าชุดดีมั้ยคะพี่เอี๊ยมว่า”
“เดี๋ยวนะคะเบอร์รี่...ใจเย็นๆ...วันนั้นคุณวรรษไปงานด้วยเหรอคะ”
เบอร์รี่อมยิ้มท่าทางแบ๊วๆแต่อวดกลายๆ
“ค่ะ...พี่วรรษบอกหนูเอง เอาการ์ดเชิญให้หนูดูด้วย มันสวย มันไฮโซ เกิดมาหนูไม่เคยเห็น...มันสวย
กว่าการ์ดแต่งงานแถวบ้านหนูอีกค่ะพี่เอี๊ยม พี่เอี๊ยมว่า...หนูควรไปยืมชุดที่ไหนดีคะ”
“เอาชุดของพี่ก็ได้ พี่มีเยอะแยะ ถ้าไม่รังเกียจ”
เบอร์รี่มองเทิดทูน
“หนูจะรังเกียจพี่เอี๊ยมได้ยังไงคะ?...พี่เอี๊ยมอุตส่าห์เมตตาหนูทุกอย่าง หนูกราบขอบพระคุณพี่เอี๊ยมมากๆค่ะ” เบอร์รี่ยกมือไหว้อ่อนหวานนอบน้อมมาก
เธอเริ่มรู้สึกแปลกๆ
ตอนกลางคืน อรัญภัทรในชุดนอนยืนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างครุ่นคิด ถึงคำพูดของ
เวฬุยาที่ว่าเบอร์รี่แปลกๆ , วรรษชลบอกไม่ได้บอกเบอร์รี่ให้ตามมาดูแล เธอเริ่มรู้สึกแปลกๆ เขมปัญฑาในชุดนอนเดินออกมาเห็นเพื่อนยังไม่นอน ก็เดินมาหา ถามอ่อนหวาน
“คิดมากเรื่องที่มะม่วงพูดอีกแล้วล่ะสิ”
เธอหันมา เขมปัญฑายิ้มอ่อนโยนบอก
“มะม่วงเค้าก็เป็นคนระวังตัวมากๆอย่างนั้นแหละ อีกอย่าง งานวันนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเราเลย ถึงจะมีอะไรวุ่นวาย ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรา...เพราะเราเป็นแค่แขกรับเชิญ”
“ไม่รู้สิเขม...เอี๊ยมรู้สึกแปลกๆอย่างที่มะม่วงว่าจริงๆนั่นแหละ”
เขมปัญฑายิ้มเดินมาจับมือเพื่อน
“บอกแล้วไง...ถึงจะมีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา...อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”
เขมปัญฑายิ้มให้ เธอจำต้องยิ้มอ่อนให้ แต่ดวงตายังเป็นกังวล
ท่ามกลางความมืด เบอร์รี่ยืนถือชุดที่อรัญภัทรให้ยืม ดวงตาเป็นประกายน่ากลัว เมื่อคิดถึง
คำพูดของอรัญภัทร เบอร์รี่ก็ยิ่งหมั่นไส้
“เอาชุดของพี่ก็ได้ พี่มีเยอะแยะ ถ้าไม่รังเกียจ”
เบอร์รี่มองชุดเบ้ปาก
“จะอวดล่ะสิ...ว่าแกเหนือกว่าฉันทุกอย่าง...คอยดูวันงานเถอะนังเอี๊ยม ฉันจะทำให้แกรู้...ว่าฉันมีทุกอย่างที่เหนือกว่าแก”
เบอร์รี่หยิบคัตเตอร์ขึ้นมา ท่ามกลางความมืดเห็นเงามีดเป็นประกายวาววับน่ากลัว
อ่านต่อตอนที่ 11