xs
xsm
sm
md
lg

ไอ้หนุ่มผมยาวหัวใจหล่อมาก!! ทีม-จิตติวัฒน์ ผู้เดินเท้า 40 กว่าจังหวัด เทิดพระเกียรติในหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผมเผ้าหนวดเครายาวกระเซอะกระเซิง รุงรังยังกับสติสตังไม่สมประกอบ บนเส้นทางกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ กว่า 4 พันกิโลเมตรที่เขาเดินผ่านไป หลายคนอาจเคยพบเห็นและรู้สึกเช่นนั้นว่าเขาบ้า แต่ถ้าได้คุยกับเขา จะพบความคิดที่หล่อเหลาดีงาม...เปิดใจ “ทีม-จิตติวัฒน์” อดีตพิธีกรรายท่องเที่ยวที่มุ่งมั่นท่องทางทั่วประเทศ เป็นการเทิดพระเกียรติในหลวง

หลังจากทำงานอยู่พักใหญ่ และเก็บเงินได้หนึ่งก้อน เสียงสะท้อนของความคิดก็นำพาชีวิตของพิธีกรหนุ่มรายการท่องเที่ยว กระหวัดเกี่ยวนึกถึงเรื่องราวสำคัญของประเทศ

“เรายังรู้สึกแบบเดียวกันอยู่ไหม?”
คำถามถึงคนไทยทั้งประเทศที่เป็นปฐมเหตุแห่งเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในความคิดของ “ทีม-จิตติวัฒน์ เตชะรัตนยืนยง” แล้วเขาก็ออกเดินทางตามหาคำตอบนั้น ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2557

ระยะทางสี่พันกว่ากิโลเมตร
กับ 40 กว่าจังหวัดทั่วประเทศ
มีคำตอบให้เขาไหม?...

 • จุดเริ่มต้นหรือแรงบันดาลใจในการเดินทางเทิดพระเกียรติครั้งนี้คืออะไรคะ

ผมวางแผนมาได้สักพักหนึ่งแล้วล่ะครับ และตอนนั้น ประจวบกับในหลวงท่านประชวรด้วย ผมก็เลยคิดว่าเราอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแล้วผมก็อยากจะทำบนผืนแผ่นดินไทย ผมคิดถึงสมัยที่ในหลวงท่านทรงงาน ท่านก็เสด็จไปทุกที่แล้วก็ทางไหนที่รถเข้าไม่ถึง ท่านก็พระดำเนินไป ตอนนั้นก็จะมีภาพข่าวที่ท่านทรงงานอะไรเยอะแยะ แต่พอหลังๆ ที่พระองค์ท่านประชวร ผมว่าเราจะไม่ค่อยเห็นภาพของท่านตามสื่อต่างๆ ซึ่งผมก็มานั่งคิดว่าคนไทยเรา พี่ๆ น้องๆ เราอาจจะลืม เราทุกคนที่เกิดในพื้นแผ่นดินไทยก็ถือว่าเป็นลูกของท่านใช่ไหมครับ อาจจะลืมไปว่าเมื่อก่อน พ่อทำเพื่อเราขนาดไหน ทำเพื่อประเทศขนาดไหน ทรงงานหนักขนาดไหนเพื่อลูก เพื่อแผ่นดินของบ้านเรา ผมเลยคิดว่าผมจะออกเดินทางไปเพื่อที่จะนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านติดตัวไปด้วย ให้เหมือนกับตอนที่ท่านยังพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ท่านก็เสด็จทรงงานทุกที่ ทุกหนแห่ง

ผมเริ่มเดินครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2557 เดินเสร็จเมื่อประมาณเดือนเมษายน พ.ศ.2558 ก็ประมาณเกือบๆ 5 เดือน เราจะเดินทั่วทุกภาคของประเทศไทย เดินไปประมาณเกือบๆ 40 จังหวัด เกือบ 4,000 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะเดินไม่ได้ครบทั่วทุกจังหวัด แต่ว่าผมจะเดินครบทุกภูมิภาค (ยิ้ม)

 • เห็นว่าก่อนหน้านี้ทีมเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว แล้วเราลาออกมาทำตรงนี้เหรอคะ จะว่าไปแล้วเป็นภารกิจที่เราต้องทำสักครั้งในชีวิตหรือเปล่า

2-3 ปีก่อนหน้านี้เป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว ทำอยู่ช่องทรูวิชั่นครับ แล้วเงินอีกส่วนก็ได้มาจากการขายรถคลาสสิกที่ผมรัก ซึ่งพอมีเงินเก็บแล้ว เราก็คิดว่าจะทำอะไรดี สุดท้ายผมก็มานั่งคิดว่าเราอยากจะทำอะไรทิ้งไว้ให้กับสังคม อยากจะทำอะไรที่จารึกไว้บนแผ่นดินประเทศไทยบ้านเกิดของเราสักอย่างหนึ่ง ก่อนที่เราจะไปทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องหาเงินหาทองก่อนดี ผมก็เลยคิดเป็นโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา (ยิ้ม)

ตอนที่ผมเก็บเงินก้อนได้แล้ว ส่วนหนึ่งผมก็มาคิดนะว่าผมจะเอาเงินส่วนนั้นไปทำธุรกิจดีไหม ทำเป็นธุรกิจเล็กๆ ของเราสักธุรกิจหนึ่ง ร้านกาแฟ ร้านอาหารหรือร้านอะไรที่เราตั้งใจไว้ พอเรากลับมาคิดถึงภาพรวมๆ ทั้งหมดของตัวเราเอง ของประเทศเราทั้งหมด มันทำให้ผมรู้สึกว่าจุดยึดเหนี่ยวในสิ่งเดียวกันมันไม่มีเลย ผมเลยคิดว่าเราควรจะทำอะไรสักอย่างทิ้งไว้ในประเทศไทยเราก่อนดีไหม เหมือนกับให้ทิ้งไว้บ้านเรา ให้เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งในชีวิตเรา ส่วนร้านหรือธุรกิจ เราค่อยขยับไปอีกสักครึ่งปี ปีหนึ่งหรือสองปีก็ได้ ผมจึงเลือกที่จะมาทำตรงนี้ก่อน เพราะส่วนตัวผมชอบการเคลื่อนที่ การเดินทาง ความเป็นอิสระอยู่แล้วด้วยครับ (ยิ้ม)

 • การเดินทางมีหลายวิธี ทำไมถึงเลือกวิธี “เดิน” คะ แล้วเราเริ่มเดินจากตรงไหน วางแผนการเดินอย่างไรบ้าง

ผมวางแผนเสร็จสรรพคนเดียว ใช้เวลาการวางแผนมาเป็นปีๆ เหมือนกันนะครับ เพราะนอกเหนือจากสภาพร่างกาย ผมก็จะคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย เรื่องการเดินทาง ทำไมต้องเป็นการเดิน เพราะผมคิดว่าอยากเลือกวิธีที่ได้มีเวลาสัมผัสแล้วก็แลกเปลี่ยนกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนให้มากที่สุด

ครั้งแรกที่ออกเดินทางผมเริ่มเดินจากบ้านแถวบ้านของผม ตรงถนนวิสุทธิกษัตริย์ ซึ่งก่อนเดิน เราก็วางแผนการเดินก่อน ผมจะกางแผนที่ประเทศไทยดูเลย ผมก็คิดว่าถ้าเกิดเราเริ่มเดิน เราควรจะออกทางไหน แล้ววนไปทางไหนก่อน ผมจะใช้เวลาศึกษาแล้วก็ดูข้อมูลจากแผนที่ต่างๆ ว่า ก่อนที่จะถึงตัวเมืองของแต่ละจังหวัดต้องผ่านอำเภออะไรบ้าง อำเภอเล็ก อำเภอน้อย หมูบ้านอะไรบ้าง ตรงไหนพอที่จะมีที่พัก มีแหล่งชุมชน มีที่ที่พอจะจัดการอะไรที่เป็นกิจธุระส่วนตัวได้ อย่างอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ซักผ้าหรือว่านอนพักตอนกลางคืนหรือว่าหาอาหารทานอะไรแบบนี้ เราก็ต้องวางแผนจากแผนที่คร่าวๆ ก่อน อันนี้คือในเรื่องของสถานที่การเดินทาง

ผมเลือกที่จะออกไปทางภาคตะวันออกก่อน เพราะว่าภาคตะวันออกปุ๊บ เราขึ้นอีสาน เราขึ้นเหนือ ขึ้นเหนือเสร็จปุ๊บ เราลงตะวันตกได้ก็จะเหลือภาคใต้ไว้คิดเป็นพาร์ทสุดท้าย พาร์ทเดียวก่อนกลับกรุงเทพฯ อย่างถ้าเราเดินออกทางตะวันตก กว่าจะเดินขึ้นเหนือมันก็จะต้องผ่านจังหวัดใหญ่ๆ กว่าจะลงมาเก็บทางภาคอีสาน ภาคตะวันออกแล้วภาคตะวันออกจะลงไปภาคใต้มันต้องย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ ตรงนั้นผมเลยคิดในเรื่องของจิตใจของคนที่เดินมานานๆ แล้วหรือออกจากบ้านมานานๆ พอมันเฉียดใกล้บ้าน ความคิดทุกอย่างมันจะกลับมาเลยว่าเราจะเข้าบ้านดีไหม เราจะเลิกดีไหม ผมเลยพยายามจะเลี่ยงตรงนั้นครับ (ยิ้ม)

ผมจะวางแผนในการเดินทางแต่ละวันว่าวันนี้เดินกี่กิโลเมตร ซึ่งผมต้องวางแผนไว้อย่างน้อย 3 วันต้องได้ 120-140 กิโลเมตร หรือบางที ผมก็วางแผนก่อน 4-5 วันไปเลย เพราะบางทีมันไม่มีกำหนดชัดว่าจะ30-50 กิโลตลอด บางช่วง 60-70 กิโล อาจจะไม่มีที่พักเลย เป็นช่วงภูเขาเลย อะไรประมาณนี้ ก็ต้องดูตามสถานการณ์ว่าอย่างน้อยที่สุด ตรงไหนที่เราพอจะหาเหลี่ยม หามุมพักได้บ้างครับ

 • แล้วเรามีเงินติดตัวไปเท่าไหร่คะ

ด้วยความที่เราคิดว่าจะไปนาน ไปแล้วคงจะเจอเรื่องราวอะไรเยอะแยะมากมาย ผมก็เลยกันไว้ส่วนหนึ่งซึ่งแบ่งออกมาจากส่วนที่ผมเอาไปซื้อกล้องถ่ายรูปแล้วก็แล็ปท้อปไปด้วย เพื่อที่ว่าเผื่อรูปเต็ม เราจะได้รวบรวมรูปลงได้เพราะบางเส้นทางที่เราเดินอาจจะไม่มีร้านคอมพ์ฯ ไม่มีอินเทอร์เน็ตหรืออะไรที่เราสามารถไปโหลดรูปได้ ซึ่งค่าอุปกรณ์ในส่วนนี้ก็จะใช้ค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร เพราะผมจะถ่ายรูปและจดบันทึกความประทับใจต่างๆ ไว้ด้วยครับ

ในเรื่องของค่ากิน ค่าพัก ค่าที่อยู่ ผมก็ตีเผื่อว่าโรงแรมอย่างต่างจังหวัด เราไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่อะไรยังไง เพราะบางที่ถูก บางที่แพง ผมก็จะเผื่อไว้คร่าวๆ เฉลี่ยไว้เพราะถ้าเราพักโรงแรมทั้งหมด เราจะไม่ไปรบกวนใคร ถ้าเกิดเราไม่มีที่พักจริงๆ ผมก็จะเผื่อไว้ว่าค่าโรงแรมคืนละ 500 บาท ค่ากินมื้อละ100-200 บาท วันหนึ่งก็ประมาณ 700-800 บาท เดือนหนึ่งก็ต้องใช้ประมาณ 20,000 บาท ก็เตรียมไว้เป็นแสนเหมือนกันครับ

 • ได้ความประทับใจอะไรบ้างคะระหว่างการเดินทาง

เยอะมากครับ เพราะพี่น้องประชาชนช่วยผมเยอะเลยครับ จริงๆ จากตอนแรกที่เราจะนอนโรงแรมตลอด เพราะเรามองภาพไม่ออกว่าเราจะไปพักที่ไหนบ้าง แต่ที่พักที่ราคามันกลางๆ ที่สุดเวลาเราเดินทางก็คือโรงแรมหรือไม่ก็เกสต์เฮ้าส์ โฮเต็ล รีสอร์ทอะไรก็ว่าไป แต่ทีนี้พอเราเดินปุ๊บ เราตั้งใจเดินเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง คนที่จิตใจเดียวกัน คนที่คิดเหมือนกันกับเรา ก็ให้ความช่วยเหลือเราเยอะมาก ทั้งเรื่องอาหารการกิน เรื่องเครื่องดื่มระหว่างวันก็เยอะมาก แล้วก็เรื่องที่พัก บางวันที่มีคนมาเห็น มีคนมาเจอ เขาก็จะแนะนำว่าวันนี้เราจะไปค่ำที่ไหน พักที่นั่นที่นี่ก็ได้นะ ส่วนใหญ่ ผมก็จะได้รับความช่วยเหลืออย่างดีครับ (ยิ้ม)

 • เดินเท้ากว่า 40 จังหวัด ถามตามตรงเรามีอุปสรรคระหว่างเดินทางจนเราท้อแล้วคิดจะล้มเลิกภารกิจไหมคะ

ผมจะท้อในเรื่องของสภาพร่างกายกับจิตใจตัวเองมากกว่า คือสภาพร่างกายเราเจ็บหนัก เหนื่อยหนักมากในตอนแรก หรืออย่างสภาพจิตใจ เราเดินในสถานที่ที่บางวันไม่มีอะไรเลย ยกเว้นต้นไม้กับถนน นานๆ จะมีรถมาสักคันหนึ่งหรือว่านานๆ ทีจะมีคนมาทักกันสักทีหนึ่ง มันก็จะมีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ พอมีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ มันก็จะคุยกับจิตใจตัวเอง ตอนนั้นยอมรับว่ามันก็ท้อบ้าง แต่ว่าพอเราคิดไปถึงจุดที่เราปักหมุดจริงๆ ก็เลิกท้อ

ผมวางเป้าหมายไว้ชัดเจนก็คือเรื่องของในหลวง ผมปักเป็นหมุดไว้ในใจเลยว่าเราจะเดินทั่วประเทศเพราะเห็นพระองค์ท่านเสด็จทั่วประเทศ พระองค์ท่านทรงงานมาหนักกว่าเราเยอะ เราทำแค่นี้นิดเดียวเอง ถ้าเทียบกับในเรื่องที่พระองค์ท่านทำ เราตั้งใจไว้ มันก็ต้องไปเรื่อยๆ ตามเป้าหมายที่เราวาง อย่างน้อยที่สุดมันคือการเริ่มต้นไปให้ถึงเป้าหมาย มันเป็นการบอกในการทำอะไรทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การเล่นกีฬา มันก็ต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้น ใช้ความพากเพียรความพยายามไปให้ถึงจุดเป้าหมายที่เราตั้งไว้ (ยิ้ม)

 • คุณได้ติดตามข่าวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือข่าวในพระราชสำนักมาโดยตลอดเลยหรือเปล่าคะ

ใช่ครับ (ยิ้ม) เราติดตามอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วครับ พอหลังๆ บ้านเมืองมันเกิดปัญหาอะไรมากมายตอนที่พระองค์ท่านพระชนมายุเยอะมากขึ้น ไม่ได้ทรงงาน ไม่ได้เสด็จออก ผมว่าพระองค์ท่านเป็นเสาหลักของประเทศไทย เราเลยรู้สึกว่าอย่างน้อยที่สุด ถ้าเราทำอะไรไม่ได้มากในฐานะประชานชนคนไทยคนหนึ่ง แต่เราลองออกไปหา ไปเอาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความเป็นประเทศของเราไปพูดคุยกับคนที่อาศัยในประเทศของเรา ในบ้านของเรา จริงๆ ดูว่าเรายังรู้สึกแบบเดียวกันอยู่ไหม ถ้าเรายังรู้สึกแบบเดียวกันอยู่ มันต้องมีอะไรที่มันชัดเจนนะ แล้วผมก็ได้คำตอบกลับมาซึ่งส่วนตัวผมเป็นแค่สื่อกลางหนึ่งที่ทำให้คุณระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เท่านั้นเองครับ

มีคนถามนะว่าผมทำเพื่อที่อยากจะดังหรือเปล่า คือถ้าเกิดผมทำเพื่อที่อยากจะดังจริงๆ นะครับ ผมไม่เดิน 4-5 เดือนหรอก ผมไปทำอะไรที่เห็นกันในอินเทอร์เน็ต ก็ดังกันเยอะแยะ ยิ่งตอนนี้ยิ่งเยอะแยะเลย คือผมจะบอกว่าเรื่องดีๆ มันทำยาก เราควรจะส่งเสริมและสนับสนุนกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผมเป็นใครก็ได้

บางคนใช้คำพูดแรงมากว่าผมทำเพื่อในหลวงขนาดนี้ เคยทำให้พ่อกับแม่ตัวเองไหม ดูแลท่านบ้างหรือเปล่า โอ้โห จะบอกว่ามันฟังแล้วจี๊ดนะครับ ผมเลยบอกเขาไปว่าพูดจริงๆ นะ คือถ้าคนไม่รักครอบครัว ไม่รักพ่อ ไม่รักแม่ ไม่รักแผ่นดิน ไม่รักบ้านเกิดของตัวเอง คุณไปทำอะไรเพื่อคนอื่นไม่ได้หรอก แต่ผมก็ไม่ใส่ใจนะครับ ผมจะแค่อธิบายให้เขาเข้าใจไปก็เท่านั้น

 • ถามถึงเรื่องลุคหน่อยค่ะตอนนั้นที่เราเดินเทิดพระเกียรติเห็นว่าทีมไว้ไว้หนวด ไว้เครา ผมยาวรุงรังเลย แบบนี้มีคนมองเราแปลกๆ หรือกลัวเราบ้างไหมคะ

เอาจริงๆ ก็มีคนกลัวนะครับ พอเวลาผ่านไปนานๆ หนวดยาว ผมยาว เครายาว เด็กเล็กๆ จะกลัวหรือบางคนที่เขาอุ้มลูกจูงหลานมาเห็น เขาก็จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ แต่ส่วนมากถ้าเขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำ เขาก็จะมาพูดคุยด้วย เขาก็จะเข้ามาร่วมด้วยกับเรา 80-90 เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่จะเข้าใจครับ (ยิ้ม) ที่เหลือก็ต้องมีกระบวนการพูดคุยกันหน่อยถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เราทำ ผมว่ามันมองไปได้หลายอย่างครับ บางคนเขาก็ไม่เข้าใจ บางคนก็มองว่าเอ๊ะ เราเป็นคนบ้าหรือเปล่า คนจรจัดหรือเปล่า หรือเก็บของเก่าขายอะไรหรือเปล่า บางคนก็คิดไปถึงขั้นที่ว่าเราเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ตำรวจสืบราชการลับหรือเปล่า เยอะครับเยอะไปหมด (หัวเราะ)

จริงๆ มันเป็นข้อดีนะครับ เพราะตอนไว้หนวดยาว ผมยาวมันช่วยได้นะ อย่างผมต้องเดินกลางแจ้งตลอดเวลา มันก็จะช่วยในเรื่องการปกคลุมสภาพผิวไม่ให้ผิวไหม้ คอไหม้ หน้าไหม้ หรืออย่างเวลาหนาว มันก็สามารถช่วยให้เราอบอุ่นขึ้นได้ แถมไม่มีใครกล้าเข้ามาคิดร้ายหรือคิดปองร้ายกับเราด้วย (หัวเราะ) เพราะผมลองคิดดูแล้ว มันน่าจะเป็นการป้องกันตัวเองด้วยอย่างหนึ่ง (หัวเราะ)

นอกเหนือจากนี้ที่ผมไว้ผมยาวเพราะผมตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย เพราะว่าเราได้ยินข่าวเกี่ยวกับการบริจาคผมความยาวเท่านั้นเท่านี้เพื่อช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็ง เราเลยคิดว่าเราจะไว้ผมยาว 1 ปีซึ่งเสร็จโปรเจ็กต์เราก็จะตัดผม โกนหนวด โกนเคราทุกอย่าง ซึ่งเส้นผมก็ยังมีประโยชน์ต่อยอดไปช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีก ก็ถือว่าเป็นบุญต่อสิ่งที่เราทำ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้อีกทางด้วย ก็เลยเป็นโปรเจ็กต์ที่เราคิดต่อเนื่องกันครับ (ยิ้ม)

 • การไว้ผมยาวกระเซอะกระเซิง สิ่งนี้มันให้บทเรียนแก่คุณอย่างไรบ้างไหมคะ

ผมมุ่งมั่นตั้งใจในสิ่งที่จะทำ เลยไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงที่ผมไว้ผมยาว หนวดยาว เครายาวแบบนั้น มันเป็นการสื่อให้เห็นว่าเราทำทุกอย่างด้วยความจริงทั้งหมด เพราะผมตั้งใจทำเรื่องนี้จริงๆ ทั้งปี มันคือหลักฐานยืนยัน

ผมว่าคนที่จะทำความดีหรือว่าทำอะไรถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่จำเป็นจะต้องหล่อ หน้าตาดี ผิวพรรณดี หรือดูเนี้ยบเสมอไป เพราะไม่ว่าคุณจะผมยาว มีหนวด มีเครา จะสัก จะเจาะ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีจิตใจดี คุณต้องการทำความดี คุณก็ทำได้ อย่างผมไอ้คนหนวดยาว เครายาว ผมยาวรุงรังที่เหมือนคนบ้า เหมือนคนจรจัด ก็ทำความดีเพื่อพ่อหลวงได้เลย (ยิ้ม)

 • แล้วจากการเดินทางล่ะคะ เราได้อะไรจากการเดินเทิดพระเกียรติครั้งนี้บ้าง 

ผมได้การแลกเปลี่ยน ได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชน ได้ประสบการณ์ ได้กระบวนการเรียนรู้มากขึ้น มีหลายคนที่เขาเก็บเงินแล้วก็เดินทางรอบโลกเหมือนกัน ผมก็อยากจะหาประสบการณ์แบบนั้น แต่ผมเลือกที่จะทำในประเทศไทยเพราะว่าคือบ้านของผม

สุดท้ายกลับมา มันจะมีก้อนความคิดก้อนกลมๆ ในจิตใจ เป็นความรู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ เหมือนกันนะครับ เป็นความประทับใจที่พัฒนาให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้เราเรียนรู้อะไรต่างๆ เกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เราได้พบเจอมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เป็นคนที่ยืดหยุ่นมากกว่าเดิม เป็นคนที่อ่อนน้อมลง เป็นคนที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ตรงนี้มันเป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้ อีกอย่าง เราได้รู้ว่าการออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรง รูปร่างดี สดชื่นไม่ป่วย อันนี้ง่ายๆ ที่เห็นเป็นรูปธรรมเลยครับ (ยิ้ม)

 • หลังจากภารกิจการเดิน 4,000 กิโลเมตรเสร็จสิ้นไปแล้ว เราทำอะไรอีกบ้างคะ

หลังจากเดินเท้าเสร็จสิ้น ผมก็กลับไปทำตามสัญญาที่เคยบอกกับทุกคนไว้ว่าผมจะเอาของที่ได้ รวบรวมทำนิทรรศการ ผมก็เลยย้อนกลับไปทางเดิมตามที่เราเคยเดินมา ตามชนบท ตามที่ๆ เราเดินผ่าน ขับรถย้อนกลับไปเส้นทางเดิม แวะกินอาหารร้านเดิมที่เขาเคยให้ข้าวเรากิน แวะบ้านนั้นบ้านนี้ที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือ เราแวะกลับไปทักทาย แวะกลับไปนั่งคุยกัน แวะกลับไปขอบคุณ ซึ่งก่อนวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ผมขับรถตระเวนไปเส้นทางเดิม ขับรถไป 6,000-7,000 กิโลเมตรทั่วประเทศเพื่อไปตั้งนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งของที่เราได้รับความช่วยเหลือมา เสื้อผ้าต่างๆ ข้อความต่างๆ ที่ประชาชนเขียนถวายถึงในหลวง รูปภาพ ภาพถ่ายต่างๆ ที่เราได้รับมาระหว่างทางทั้งหมดเลย บางทีมีบางคนให้พระ ได้ของ ได้อะไรมามากมาย เราก็ไปจัดแสดง แต่ผมจะไม่รับเงินนะครับ ที่ผมทำตรงนี้ เหมือนกับว่าเรามีเวลาได้กลับไปขอบคุณเขา ได้กลับไปพูดคุยกับเขาอีกครั้ง

ส่วนอนาคตข้างหน้าผมก็คิดคร่าวๆ เกี่ยวกับโปรเจ็คต์ใหม่ไว้แล้ว แต่ตอนนี้ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ยังขาดในเรื่องเงินทองสนับสนุน ซึ่งผมยินดีมากๆ สำหรับใครที่อยากจะเข้ามาเป็นส่วนร่วมส่วนหนึ่งทำโปรเจคต์ดีๆ เกี่ยวกับสังคมร่วมกันครับ (ยิ้ม)การไว้ผมยาวกระเซอะกระเซิง สิ่งนี้มันให้บทเรียนแก่คุณอย่างไรบ้างไหมคะ











 
Profie
ชื่อ : จิตติวัฒน์ เตชะรัตนยืนยง
ชื่อเล่น : ทีม
วันเกิด : 29 ตุลาคม 2528
อายุ : 30 ปี
การศึกษา : คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ คณะมนุษยศาสตร์สารสนเทศทั่วไป มหาวิทยาลับสุโขทัยธรรมาธิราช
เป้าหมาย : ทำงานหรือโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ





เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วชิร สายจำปา และ Facebook : เดินเพื่อในหลวง

กำลังโหลดความคิดเห็น