xs
xsm
sm
md
lg

มงกุฎริษยา ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มงกุฎริษยา ตอนที่ 2

ลำไยโกรธถึงขีดสุดที่ฟ้ารุ่งชวด ไม่ได้รางวัลใดๆ จากเวทีแรก พอลูกสาวเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็ตรงเข้าตบหน้าเต็มแรงจนฟ้าหน้าหัน 

“ไม่ได้เรื่องเลยอีนังฟ้า แค่นี้ก็ทำไม่ได้ บอกให้ยิ้มสวยๆ เดินสวยๆ มันจะไปยากอะไรหา”
“หนูก็ทำดีที่สุดแล้วนะแม่ ทำตามที่แม่สอนทุกอย่างแล้ว”
“เอ๊ะ อีนี่หาว่ากูสอนไม่ดีเหรอ”
ลำไยทั้งหยิกทั้งตีพัลวัน ฟ้าเอาแต่ร้องไห้
ชมพู่กับดาวเข้ามาเห็นพอดี ดาวซึ่งถือมงกุฎในมือ ตรงไปห้ามลำไย ส่วนชมพู่กันตัวฟ้าออกมา
“ป้า ทำอะไรเนี่ย ไปตีฟ้ามันทำไม” ดาวไม่พอใจ
“ก็ดูสิ ฝึกซ้อมมาแรมเดือนแรมปี พอขึ้นเวทีแรกก็แพ้ซะแล้ว จะได้ที่ 2 ที่ 3 ซักหน่อยก็ไม่ได้” ลำไยบ่นบ้าระบดระบาย
“แค่เวทีแรกเองป้า มันก็ต้องหาประสบการณ์กันไป เดี๋ยวก็เก่งเอง” ดาวบอก
“แกก็ขึ้นเวทีแรกเหมือนกัน ทำไมแกยังทำได้เลย นังฟ้า หัดดูเพื่อนแกไว้มั่งสิ”
แม่เอาเพื่อนมาข่มอีก ฟ้าก็ยิ่งเสียใจ น้อยใจ ดาวไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
ชมพู่พยายามเคลียร์สถานการณ์ รีบขัดขึ้นว่า “ป้าคะ คนที่แต่งหน้าทำผมให้ดาวเค้าเป็นมืออาชีพมาจากกรุงเทพฯ เชียวนะ ค่ายเจ๊เปรมจิตน่ะเคยได้ยินมั้ย หนูว่าถ้าฟ้าได้เข้าไปอยู่ในค่ายนางงามดีๆ ฟ้ามันก็ต้องได้เหมือนกันแหละ”
“โอ้ย หน้าอย่างงี้ใครจะไปรับมัน” ลำไยเอานิ้วจิ้มหน้าผากฟ้าอย่างแรง “มึงมันไม่เคยทำอะไร ได้ดีซักอย่างหรอก”
ลำไยเดินอารมณ์เสียออกไปเลย
ฟ้าร้องไห้หนัก ชมพู่กอดปลอบ ส่วนดาวลูบหัวปลอบ และคอยเช็ดน้ำตาให้
“เฮ้ย จะร้องไห้ทำไม ชั้นได้ก็เหมือนแกได้นั่นแหละ เราเพื่อนกันนี่หว่า” ดาวเอามงกุฎมาสวมให้ฟ้า “โห ราศีนางงามจับขึ้นมาเลยนะเนี่ย ไปหาไรกินกันเหอะ เดี๋ยวชั้นเลี้ยงเอง”

ฝ่ายพุฒิพัฒน์เดินออกมาขึ้นรถ ขณะกำลังถอยออก รถก็ดันไปเกี่ยวมอเตอร์ไซค์ของดาวเข้า รถกำลังจะล้มมิล้มแหล่ พอดีกับที่ชมพู่ ฟ้า และดาวเดินมาที่รถและเห็นพอดี ดาวกระโจนเข้าไปไปจับมอเตอร์ไซค์ไว้ทัน แล้วหันมาตบรถพุฒิพัฒน์อย่างแรง
“เฮ้ยๆๆ ระวังหน่อยเด้ ยังผ่อนไม่หมดเลยนะเว้ย”
ชมพู่จำได้ว่าเป็นรถพุฒิพัฒน์ “ดาว นี่มันรถอีตาที่เราเฉี่ยวเมื่อกี้ อย่าไปมีเรื่องเลย”
“อ้าว เหรอ งั้นรีบไปเถอะ”
พุฒิพัฒน์ลงรถมา ชายหนุ่มนึกสนุกอยากแกล้งสาวๆ เล่น
“นี่พวกเธอ คิดว่าเฉี่ยวรถชั้นแล้วจะหนีเหรอ”
“เปล่าซะหน่อย เราไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ด้วยว่าเฉี่ยว” ดาวบอก
“พอรู้แล้วจะชดใช้ยังไง” พุฒิพัฒน์เก๊กขรึม วางมาดซีเรียส
“เมื่อกี้นายก็ใส่ร้ายชั้นว่าเป็นขโมย ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” ชมพู่บอก
“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ รู้มั้ยว่าค่าซ่อมสีรถชั้นเป็นแสนเลยนะ” ผอ.หล่อลากไส้แกล้งต่อ
ชมพู่ ดาวหน้าเสีย
ฟ้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กระซิบถามเพื่อนเบาๆ “มีเรื่องอะไรกันเหรอ”
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ดาวบอกแล้วหันมาหาพุฒิพัฒน์ “ตอนนี้ชั้นมีอยู่ 5 พัน เอาไปแค่นี้ก่อนละกัน”
ดาวยื่นซองเงินรางวัลจากการประกวดให้ พุฒิพัฒน์รับมาก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
แล้วยื่นซองเงินคืน “เก็บไว้ผ่อนรถเถอะ”
พุฒิพัฒน์ยิ้มขำ ชอบอก ชอบใจ ขึ้นรถแล้วขับออกไป
ทั้งสามสาวมองตามงงๆ ดาวยิ้มในสีหน้ารู้สึกชอบในความร้ายกาจเจ้าเล่ห์ของพุฒิพัฒน์

ถัดจากนั้น สามสาวพากันมานั่งอยู่ที่ประจำ ริมสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำ ซื้อของกินเล่นมามากมาย กินกันไปเม้าท์กันไป
“อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น หรือว่าจริงๆ แล้วเค้าขับตามดาวมา” ฟ้าแปลกใจเรื่องพุฒิพัฒน์
“คงงั้นมั้ง แต่ไอ้เรื่องกระเป๋าสตางค์นี่บังเอิ๊ญบังเอิญ ชั้นไม่น่าไปเก็บเล้ย”
“แต่ชั้นว่าเค้าก็แมนดีนะ รถน่าจะคันหลายล้าน ค่าซ่อมก็น่าจะหลายแสน แต่เค้ากลับไม่เอาสักบาท ผู้ชายงี้เท่ดีว่ะ”
“พูดแบบนี้นี่อย่าบอกนะว่าแอบชอบเค้าแล้ว” ฟ้ามองเหล่
“ทำมะ ชอบไม่ได้เหรอ”
ชมพู่ชี้หน้า “แน่ะๆๆ ชอบเค้าไปทั่วอีกแล้วดาว”
ดาวเอาขนมยัดปากชมพู่ ทั้งสามสาวหัวเราะสนุกสนาน

ชมพู่ตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวัน หลังทำกับข้าวเสร็จ เธอกำลังเช็ดตัวให้แช่มที่นอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่บนเสื่อในบ้าน
“เช็ดตัวก่อนนะพ่อ แล้วเดี๋ยวกินข้าวกัน”
พอเช็ดเสร็จ จับพ่อลงนอนในท่าถนัดแล้ว ชมพู่จึงหันไปปลุกสร้อยที่นอนสบายอยู่ในมุ้ง
“แม่ ตื่นได้แล้ว แม่”
“โว้ย ปลุกทำไมวะ คนจะหลับจะนอน” สร้อยโวยลั่น
“ก็เมื่อวานแม่บอกให้ชั้นปลุกไม่ใช่เหรอ ไหนบอกว่าจะไปธุระ”
สร้อยนึกได้ ลุกพรวด รีบเปิดมุ้งออกมา
“เออ ลืมไปเลย ทำไมเอ็งไม่รีบปลุกข้าวะ”
สร้อยรีบไปล้างหน้าล้างตา
ระหว่างนี้ มีเสียงยายปริกเรียกดังเข้ามา “พู่ อยู่มั้ยจ๊ะ พู่”
“จ้า อยู่จ้า”

ชมพู่เดินลงบันไดมาหน้าเรือน เห็นยายปริกกับตาแปลกมายืนรอซื้อน้ำตาลสดอยู่ข้างๆ รถซาเล้ง จึงเดินไปหา
ปริกถามขึ้นทันที “ได้มั้ย 4 ถัง”
“ได้จ้ะ ได้ เพิ่งปาดมาเมื่อวานสดๆ เลยจ้ะ”
ชมพู่เดินไปหิ้วถังน้ำตาลสดจากไต้ถุนเรือนออกมาใส่รถซาเล้ง แปลกไปช่วยหิ้วด้วย
“เป็นไงจ๊ะป้า ขายดีมั้ยช่วงนี้” ชมพู่ชวนคุยอย่างคนมักคุ้นกัน
“ดี นักท่องเที่ยวเยอะเลย งวดหน้าจะเอาซัก 6 ถังจะได้มั้ย”
“อุ้ย ชั้นทำคนเดียวทำไม่ไหวหรอกจ้ะ แค่นี้เท้าก็แทบไม่ได้เหยียบพื้นแล้ววันๆ”
“ก็ทำไมไม่ให้อีสร้อยมันช่วยล่ะ” แปลกว่า
สร้อยแต่งตัวสวยเดินออกมาพอดี
“จะบ้าเหรอตาแปลก คนสวยๆ อย่างชั้นจะให้ไปขึ้นตาลได้ยังไง”
“แล้วคนสวยอย่างเอ็งเค้าต้องขึ้นอะไรวะ ขึ้นเตียงใช่มั้ย” แปลกมองหมั่นไส้
“ไอ้แก่นี่ มึงจะมาซื้อของหรือจะมาด่ากูหา รีบๆ จ่ายตังค์มาแล้วก็รีบๆ ไป”
“ขอโทษทีแม่สร้อย อย่าไปถือสามันเลยนะ”
ปริกไม่อยากมีเรื่อง รีบหยิบเงินมายื่นให้ชมพู่ 1,600 บาท แต่สร้อยมือไวคว้าไป นับหน้าตาเฉย ชมพู่มองเซ็ง สร้อยแบ่งคืนให้ชมพู่ 500 บาท
“ทีหลังอย่าปากมากอีกนะ กูไม่ขายให้จริงๆ ด้วย”
สร้อยเดินนวยนาดออกไป ปริกมองตามด้วยความเอือมระอา แล้วหันมาหาชมพู่ มองอย่างเวทนา
“เอ็งทนอยู่กับมันได้ยังไงวะนังพู่ แม่รึก็ไม่ใช่ มาเกาะกินอยู่อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน”
“ถึงจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ยังไงก็เป็นเมียพ่อนะจ๊ะ”
แปลกของขึ้น “พ่อเอ็งก็โดนมันหลอก อีสร้อยมันขึ้นชื่อเรื่องความร่าน จนคนทั้งเมืองเพชรไม่มีใครเค้าเอามันแล้ว มันถึงมาเกาะพ่อเอ็ง พอพ่อเอ็งป่วย มันก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยอยู่ดูดเลือดเอ็งต่อ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ชั้นทนได้” ชมพู่ว่า
ยายปริกส่ายหัว “เอ็งว่าอย่างนี้ ข้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แล้วแต่เวรแต่กรรมละกัน ไปๆ ตาแปลก”
ปริกกับแปลกขึ้นซาเล้ง แปลกสตาร์ตเครื่องขี่ออกไป
ไม่มีใครรู้ว่า แช่มนอนหน้าเศร้าอยู่บนบ้าน ได้ยินหมดทุกคำพูด แต่ทำอะไรไม่ได้

อีกฟากหนึ่ง ลำไยกำลังเม้าท์ปากมันอยู่กับอิ่ม ส่วนฟ้าจัดแผงอยู่ หน้าเศร้าสลด อิ่มไม่อยากเชื่อเรื่องหลานสาวได้ตำแหน่งนางนพมาศวัดตาลชุม
“จริงเหรอวะ นังดาวเนี่ยนะเป็นนางนพมาศ มันกลับบ้านมาไม่เห็นพูดอะไรสักคำเลย แหม อยากจะเห็นว่าแต่งมาแล้วมันจะสวยสักแค่ไหนกันเชียว กรรมการมันใช้ตาตุ่มดูรึไงวะ”
“มันก็ไม่ได้สะสวยอะไรมากหรอก ชั้นว่านังฟ้ายังสวยกว่าเลย เอ๊ะ หรือนังดาวมันไปแอบมีนอกมีในกับกรรมการ” ลำไยฮึดฮัด โมโหไม่หาย
ฟ้าติง “แม่ก็พูดไป ดาวเค้าสวยจริงๆ ต่างหากล่ะ”
“งั้นแกก็คงขี้เหร่จริงๆ ใช่มั้ย ถึงไม่ได้ตำแหน่งอะไรกับเค้าเลย เปลืองเงินเปลืองทองแท้ๆ ซื้อเครื่องสำอางไปตั้งหลายร้อย ไหนจะค่าเช่าชุดอีก”
อิ่มหูผึ่ง “เอ๊ะ อีลำไย ไอ้นางนพมาศนี่มันได้เงินด้วยรึเปล่า”
“ได้สิ นังดาวมันได้ไปตั้ง 5 พัน นี่มันไม่บอกยายเลยเหรอ”
อิ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หนอย อีหลานเวร”
ดาวเข็นรถเข็นผักเข้ามาพอดี
“ด่าอะไรลับหลังชั้นอีกล่ะ นี่ขนาดตัวไม่อยู่ก็ยังด่าอีกเหรอ”
“นังดาว ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเอ็งไปชนะประกวดนางนพมาศได้มา 5 พัน ใจคอเอ็งจะไม่แบ่งให้ข้ามั่งเลยรึ”
“อ้าว ก็นั่นมันเงินชั้นนี่ ทำไมชั้นต้องแบ่งด้วยล่ะ”
“อุบ๊ะ! กูเป็นคนคลอดแม่มึงออกมานะโว้ย”
“แล้วไง ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย ฟ้า ไปหาหนมกินกันเถอะ ชั้นเลี้ยงเอง พักนี้รวย”
ฟ้าอยากออกไปให้พ้นๆ จากตรงนี้อยู่แล้ว จึงรีบตามดาวไป
“ดู๊ดูๆๆๆ อีดาว อีหลานเวร”
อิ่มระบายแค้น หยิบมะเขือเน่า ปาใส่ดาว แต่ไม่โดน
ระหว่างนี้ เอบี กะเทยแม่เล้าแห่งเมืองเพชร แอบมองดาวกับฟ้าอยู่มุมหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

ดาว ฟ้า เดินดูดกินลอดช่องใส่แก้วกันมาตามทางในตลาด
“มีเงินมันก็ดีอย่างนี้นี่เองเนอะ อยากกินอะไรก็ได้กิน ไม่ต้องรอขอเศษเงินจากยายจอมงก”
เสียงเอบีดังแหลมเข้ามา “น้องดาว”
ดาวหันไปหาเห็น เอบี ก็งงเพราะไม่รู้จักมาก่อน
“พี่เรียกหนูเหรอ”
“ใช่จ้ะ พี่ชื่อเอบีนะ เมื่อคืนพี่ได้ดูน้องประกวดด้วย น้องสวยเด่นกว่าคนอื่นเลย” เอบีประจบเอาใจ
“ขอบคุณค่ะ”
“น้องอยากจะลงประกวดอีกมั้ย มีคนเค้าสนใจอยากเป็นสปอนเซอร์ให้”
ฟ้าสนใจ “เป็นสปอนเซอร์เหรอคะ แสดงว่าก็จะมีพี่เลี้ยงด้วยใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ” เอบียิ้มย่อง แล้วหันมาถามดาว “สนใจมั้ย”
“สนค่ะสน” ฟ้าตอบแทน
“เอ่อ สปอนเซอร์เค้าสนใจน้องดาวน่ะ” แม่เล้าเมืองเพชรหันมาทางฟ้า “สำหรับน้องเอาไว้งานหน้านะ”
ฟ้าหน้าสลด
“แต่หนูไม่อยากเป็นนางงามแล้วอะ พี่เอาเพื่อนหนูไปแทนละกัน”
“ทำไมจะไม่อยากเป็นล่ะ ได้ตังค์นะน้อง” เอบีโน้มน้าว เอาเงินมาล่อ
ดาวมองหน้าฟ้าเป็นเชิงหารือว่าเอาไงดี
“เอาสิดาว โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ นะ ถือว่าสานฝันแทนชั้นละกัน” ฟ้าเชียร์
ดาวนิ่งคิด “พี่ เอางี้ได้มั้ย ถ้าจะให้หนูเป็น ก็ต้องรับเพื่อนหนูด้วย”
“เอ่อ” เอบีคิดปราดเดียว “อะๆๆ ก็ได้”
สองสาวดีใจ
“แล้วเราต้องทำยังไงบ้างคะ” ฟ้าถาม
“วันนี้พวกน้องว่างมั้ยล่ะ จะพาไปให้สปอนเซอร์เค้าดูตัวก่อน”
“ว่างค่ะ ว่าง”
“งั้นตามพี่มาเลย ไปรถพี่”
เอบีเดินนำไป แอบยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัย ฟ้า กะ ดาว เดินตามด้วยความดีใจ ไม่รู้ว่ากำลังถูกหลอก

ทางด้านชัชชนม์ กับ ดนัย อยู่ที่ออฟฟิศช่องไทยเวิลด์ สองหนุ่มนำเรฟเฟอเรนซ์มาเสนองานกับ คุณภุชงค์ ผอ.ช่อง
โดยภุชงค์กำลังดูผลงานการถ่ายทำรายการต่างๆ ของชัชทางโน้ตบุค สองหนุ่มมองลุ้น
ภุชงค์เงยหน้าจากจอ “ฝีมือดีนะ มีมุมมองใหม่ๆ ไม่เหมือนใคร”
สองเกลอยิ้มดีใจ
“แต่งานที่ดีๆ ส่วนมากจะเป็นที่พวกคุณทำกับบริษัทใหญ่ทั้งนั้นเลยนี่” ภุชงค์ว่า
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมออกมาทำบริษัทของผมเองแล้วครับ”
“แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณภาพจะดีเท่าเดิม เท่าที่ดูก็มีแต่รายการเล็กๆ ลงยูทูป ใช้กล้องแค่ไม่กี่ตัว”
“มันขึ้นอยู่กับงบประมาณน่ะครับ ผมทำกันเองก็เลยมีงบน้อย แต่ถ้าผมได้ทำให้กับช่องไทยเวิร์ลด์ งานก็จะมีคุณภาพได้มาตรฐานครับ” ชัชชนม์บอก
ภุชงค์ปิดจอคอมแล้วดันคืนให้ชัชชนม์
“ผมยังไม่ปฏิเสธพวกคุณนะ แต่ตอนนี้ผมยังไม่รับ รอให้พวกคุณมีประสบการณ์มากกว่านี้หน่อย แล้วค่อยกลับมาหาผมใหม่แล้วกัน”
ชัชชนม์ อึ้งนิดๆ มองหน้า ดนัย ด้วยสีหน้าผิดหวังทั้งคู่

ทั้งสองหนุ่มเดินออกมาตึกช่องไทยเวิลด์ ดนัยคอตก บ่นอุบ
“ให้ดูงานตั้งเยอะยังไม่เชื่อฝีมือกันอีก ไม่ให้โอกาสกันเลยเหรอวะ เราก็มั่นใจนะเว้ยว่างานเราดี”
“ไม่ต้องบ่น ที่นี่ไม่เอา ก็ไปเสนอที่อื่น”
ชัชชนม์เดินไปที่รถ สีหน้ามุ่งมั่นดังเดิม

ฝ่ายภุชงค์รีบโทรศัพท์หาคุณหญิงขจีนุชทันที
“คุณขจีนุชครับ ผมปฏิเสธคุณชัชไปเรียบร้อยแล้วนะครับ เรื่องเล็กครับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ให้ช่วยแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่จะว่าไปผมก็เสียดายอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะผลงานเค้าดีจริงๆ แต่เอ๊ะ ที่ช่องอินฟินิตี้ ก็มีช่างกล้องฝีมือดีเยอะเลยนี่ครับ ทำไมถึงจะต้องเจาะจงคุณชัชด้วย”

ชัชชนม์กับดนัย นำงานไปเสนอให้บริษัทผู้ผลิตรายการดู แต่ทุกบริษัทต่างส่ายหน้าไม่รับ สองหนุ่มเดินเข้า ออก บริษัทนู้น บริษัทนี้อีกหลายที่ ชัชชนม์นั้นมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ แต่ดนัยเริ่มเบื่อ ท้อ และโครตเซ็ง

ที่ริมสระน้ำโรงแรมชะอำรีสอร์ท สร้อยกำลังออเซาะเสี่ยชูชัยอยู่ แต่ถูกชูชัยคอยผลักออกท่าทีรำคาญ ลูกน้องเสี่ยอีก 3 คน ยืนคุ้มเชิงอยู่แถวๆ นั้น
สร้อยนัวเนียไม่ยอมปล่อย เสี่ยรำคาญผลักเต็มแรง “ว้าย”
“กลับไปได้แล้ว วันนี้ไม่มีอารมณ์”
สร้อยเข้าไปเกาะตื๊อไม่เลิก “เดี๋ยวสร้อยปลุกอารมณ์ให้ไงคะเสี่ย”
“ลื้อปลุกมาตั้งกี่ทีแล้ว ไม่เห็นจะตื่นเลย”
ลูกน้องคนหนึ่ง เดินท่าทางนอบน้อมเข้ามารายงานเสี่ย
“เด็กมาแล้วครับเสี่ย”
ชูชัยยิ้มร่า ฟังแล้วรู้สึกซู่ซ่า “ให้ไปรอบนห้อง”
สร้อยกระเง้ากระงอดใส่ “ไหนเสี่ยว่าไม่มีอารมณ์ไง”
“ก็กะลื้อน่ะอั๊วไม่มีอารมณ์แล้ว มันต้องสาวๆ เอ๊าะๆ แก่ๆ อย่างลื๊อไปนอนให้หนอนแทะได้แล้วไป”
ชูชัยลุกเดินหนีไป สร้อยเข้าไปเกาะแขนออเซาะ
“เสี่ย ก็หนอนเสี่ยไงคะ”
ลูกน้องจับสร้อยไว้ แล้วผลักร่างกระเด็นไป สร้อยคุมแค้น เจ็บใจสุดจะประมาณ
“อีเด็กที่ไหนวะมาแย่งงานกู”

ฟากเอบีพาดาว กะ ฟ้าเข้ามารอในลอบบี้โรงแรม
ดาวมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ “พี่ สปอนเซอร์คนนี้เค้าเป็นใคร ทำไมพักโรงแรมหรูจัง”
“เค้าก็ทำธุรกิจอยู่ที่เพชรนี่แหละ ว่างๆ ก็ชอบมาทานข้าวพักผ่อนที่ชะอำนี่” เอบีโฆษณาสรรพคุณ
ฟ้าตื่นเต้น “เค้าคงรวยมากเลยใช่มั้ยคะ”
“รวยสิ ถ้าเค้าถูกใจ เค้าก็จะยิ่งจ่ายเรามาก อย่าดื้อกับเค้ารู้มั้ย”
ชูชัยเดินนำเข้ามา มีลูกน้องตามหลัง
เอบีลุกไหว้ประจบ “สวัสดีค่ะเสี่ย”
“สวัสดี มากันแล้วเหรอ” ชูชัยมองทั้ง 2 สาวด้วยสีหน้าฉงน “ทำไมมี 2 คนล่ะ”
“อ๋อ นี่น้องดาวค่ะ คนที่ให้ดูรูป ส่วนคนนี้ขอตามมาเป็นเพื่อนค่ะ”
ชูชัยบอกกับดาว โดยไม่สนใจฟ้า “ไปหนู ไปกินข้าวกัน”
“หนูกินมาแล้วค่ะ คุยเรื่องงานเลยก็ได้ค่ะ”
ถูกดาวปฏิเสธ เสี่ยงงๆ
เอบีกล่อม “ดาวจ๊ะ แต่เสี่ยเค้ายังไม่ได้กินข้าว หนูก็ไปกินกับเสี่ยเค้าหน่อย กินไปคุยไปดีออกจะตาย”
ดาวรับปากงงๆ “ก็ได้ค่ะ”
“ว่าง่ายอย่างงี้สิน่ารัก”
ชูชัยยิ้มกริ่มเดินนำไป ดาว ฟ้า ลุกจะเดินตาม เอบีจับฟ้าไว้
“ฟ้า หนูรอกับพี่ตรงนี้แหละ เสี่ยเค้าจะคุยกับดาวคนเดียว”
ดาวแปลกใจ “อ้าว ทำไมล่ะพี่”
“ก็เสี่ยเค้าสปอนเซอร์ได้แค่คนเดียว ใช่มั้ยคะเสี่ย”
“อ้อ ใช่ๆ หลายคนไม่ไหว มันวุ่นวาย เวียนหัว ไปเร็ว หิวแล้ว”
ชูชัยเดินนำไป
ดาวนิ่งคิดแล้วจึงบอกกับฟ้าว่า “เดี๋ยวมานะ”
จากนั้นดาวก็เดินตามเสี่ยไป ฟ้ามองตามหงอยๆ ลูกน้องมองส่ง ก่อนจะเดินไปนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้
“กินกันให้สนุกนะคะ” เอบีโบกไม้โบกมือตามหลังไป
พุฒิพัฒน์ซึ่งเชคอินพักที่โรงแรมนี้ ตั้งแต่เมื่อคืน และนั่งดื่มกาแฟอยู่อีกมุมของล็อบบี้ ชายหนุ่มมองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น มองตามดาวด้วยสีหน้าดูแคลน
“ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงอย่างว่า”

ขณะที่ลำไย กะ อิ่ม ขายของกันอยู่ที่ตลาดสดริมน้ำ ชมพู่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเดิม เข็นรถใส่แกลลอนน้ำตาลสดเข้ามา เหลียวมองหาฟ้ากับดาว
“ป้าลำไย วันนี้ฟ้าไม่มาช่วยขายของเหรอจ๊ะ”
“ไปกับนังดาวตั้งนานแล้ว ไม่รู้หัวหายไปไหนกัน”
สร้อยเดินหัวเสีย ท่าทางหงุดหงิดเข้ามาในตลาด โพล่งด่าขึ้นมาทันที
“ก็หายหัวไปขายหอยน่ะสิ นี่ยายอิ่ม นังลำไย ขายของในตลาดมันไม่พอกินรึไง ถึงต้องส่งลูกส่งหลานไปแย่งอาชีพชั้นหา”
อิ่มงง “พูดอะไรของเอ็งวะอีสร้อย เอาให้รู้เรื่องซิ”
“ก็ชั้นเห็นอีแม่เล้าเอบี มันพานังดาวกับนังฟ้าไปขายตัวให้เสี่ยชูชัยอยู่โรงแรมที่ชะอำน่ะสิ”
ชมพู่ตกใจมา นึกเป็นห่วงเพื่อน ทิ้งรถเข็นไว้ตรงนั้น แล้วรีบวิ่งออกไปขึ้นรถที่หน้าตลาดโดยเร็ว

ชูชัยนั่งจิบเบียร์สบายอารมณ์อยู่ในห้องอาหารโรงแรม มองดาวตาเยิ้ม ส่วนดาวไม่รู้เรื่องว่าถูกหลอกมาขายตัว ทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดจาน
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ย ดาวคงไม่มีโอกาสได้กินข้าวในโรงแรมหรูแบบนี้”
“งั้นก็ต้องมาหาเสี่ยบ่อยๆ จะได้กินบ่อยๆ” เสี่ยมองดาวตาเจ้าชู้
“ค่ะ เราคุยงานกันได้รึยังคะ”
“อยากคุยแล้วเหรอ ได้ๆ”
เห็นชูชัยลุกขึ้น ดาวงง “อ้าว ไปไหนคะ”
“คุยงานไง”
“ทำไมไม่คุยตรงนี้ล่ะคะ”
“ตรงนี้คนมันเยอะคุยได้ที่ไหน ต้องไปคุยกันบนห้อง”

ดาวมองประเมิน เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

อ่านต่อหน้า 2




มงกุฎริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

ชมพู่ลงรถ วิ่งหน้าตั้งมาหยุดเหนื่อยหอบหน้าทางเข้าโรงแรม รีบกดไลน์กรุ๊ป “เพื่อน” ที่มีสมาชิก 3 คน คือชมพู่ ฟ้า ดาว

ชมพู่พิมพ์ถามไปว่า “ตอนนี้อยู่ไหนกัน”
ฟ้าพิมพ์ตอบมาว่า “อยู่โรงแรมชะอำรีสอร์ท มีสปอนเซอร์อยากดูตัว”
ชมพู่รีบพิมพ์ “มันหลอกพวกแกมาขายตัว ออกมาเดี๋ยวนี้เลย”

ฟ้าซึ่งรออยู่ตรงล็อบบี้กับกะเทยเอบี พอได้อ่านข้อความก็ตกใจ
เอบีสังเกตเห็น “เป็นอะไรเหรอหนู”
ฟ้าอึกอัก ส่อพิรุธใหญ่ “เอ่อ เปล่าค่ะ”
เอบียิ่งแปลกใหญ่ “อ้าว อยู่ๆ ก็หน้าซีด”
“อ๋อ เพื่อนส่งคลิปน่ากลัวมาให้ดูค่ะ เลยตกใจ”
เอบีสนใจ “จริงเหรอ เอามาดูมั่งซิ พี่ชอบดูคลิปพวกนี้ตื่นเต้นดี”
เอบีสนใจจะดูมือถือฟ้าให้ได้ จนฟ้าต้องรีบเอาหลบ
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ ขอดูหน่อย” กะเทยแม่เล้างงปนฉุน
“มันน่ากลัวมากค่ะ เอ่อ หนูไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
ฟ้ารีบลุกเดินออกไปทันที เอบีงงมองตามสีหน้าฉงนฉงาย

ฟ้าติดต่อดาวไม่ได้ จึงรีบกดโทร.หาชมพู่ และคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำโรงแรม
“ชมพู่ช่วยด้วย ดาวหายไปกับเสี่ยตั้งนานแล้ว ชั้นไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทร.ไปก็ไม่รับ”
ชมพู่หลบมุมโทรศัพท์อยู่ที่หน้าทางเข้าโรงแรม
“แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน”
“ชั้นอยู่ในห้องน้ำ แกมาช่วยชั้นหน่อยสิ แต่อย่าเดินผ่านล็อบบี้นะ พวกมันอยู่กันหลายคนเลย”
“ได้ๆ”
ชมพู่วิ่งไปเข้าโรงแรมอีกด้าน

ฝ่ายเสี่ยชูชัยพาดาวเดินเข้ามาหยุดหน้าห้องพัก ที่เปิดรอไว้เชือด
“เดี๋ยวนะเสี่ย ทำไมต้องคุยในห้องด้วย”
“ก็มันต้องดูทรวดทรงองค์เอว จะไปดูกันข้างนอกได้ยังไงล่ะคนอื่นก็เห็นหมดสิ”
ชูชัยเปิดประตูห้องเข้าไป ดาวดูหมายเลขห้อง แล้วเข้าตามไปอย่างระวังตัว
สองคนอยู่ในห้อง
“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะหนูดาว เสี่ยขอทำธุระแป๊บนึง”
ชูชัยตบที่เตียงเบาๆ ดาวนั่งลงตรงโซฟารับรอง มองๆ ไปรอบห้องอย่างหวาดหวั่น รอจนชูชัยเข้าห้องน้ำไป ดาวหยิบมือถือมาเปิดดู เห็นข้อความในไลน์กรุ๊ป “เพื่อน” เป็นข้อความที่ฟ้าคุยกับชมพู่
ดาวโกรธมากที่ถูกหลอกมาขายตัว

ชมพู่เดินเข้ามาในโรงแรมอย่างรีบร้อน ชนกับพุฒิพัฒน์ที่กำดังเดินสวนมาอย่างจัง
“ขอโทษค่ะ”
พุฒิพัฒน์มองเหยียดหยัน “อ้าว มาเหมือนกันเหรอ ครบทีมเลยนะ”
ชมพู่ดีใจ “นี่นายเห็นเพื่อนชั้นด้วยเหรอ พวกเค้าอยู่ไหน”
“ขึ้นห้องไปแล้วล่ะ”
ชมพู่ตกใจ “อะไรนะ! ห้องไหน นายรู้รึเปล่า”
“ถามชั้นเนี่ยนะ”
พุฒิพัฒน์ส่ายหัวรีบเดินออกไป
“เดี๋ยวซี่”
ชมพู่ไม่รู้จะไปทางไหน จนมีเสียงไลน์ดังขึ้นมา จึงรีบกดมือถือดู เห็นดาวส่งสติ๊กเกอร์โกรธมา ชมพู่พิมพ์ถามทันที สองสาวพิมพ์ถามตอบกันไปมา
“ตอนนี้แกอยู่ห้องไหน” ชมพู่ถาม
ดาวตอบมาว่า “ห้อง88”
“รีบหนีออกมาเลย”
“ไม่ ชั้นจะจัดการมันก่อน”
ชมพู่ตกใจ เงยหน้าเหลียวมองหาป้ายห้องน้ำ พอเห็นก็กระโจนไปทางห้องน้ำทันที

ชมพู่เข้ามาในห้องน้ำร้องเรียกหาฟ้า
“ฟ้า อยู่รึเปล่า”
ฟ้าออกมาจากห้องน้ำเล็ก พุ่งเข้ากอดชมพู่
“พู่ ช่วยด้วย”
“รีบไปช่วยดาวก่อนเร็ว”
ชมพู่พาฟ้าออกไป

ทางด้านดาวเดินไปตบประตูห้องน้ำ
“เปิดซิเสี่ย ออกมาคุยกันหน่อย”
ชูชัยนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว ยิ้มร่าออกมา
“เสร็จแล้วจ้า แหม วัยรุ่นใจร้อนจังเลย”
“ไหนว่าจะเป็นสปอนเซอร์ให้ประกวดนางงามไง แล้วแก้ผ้าทำไม”
“มันก็ต้องเช็คสินค้ากันก่อนซี่ ว่าสวยงามได้มาตรฐานรึเปล่า” เสี่ยจอมหื่นทำท่าจะจับอก
“หรา...นี่ไง มีคุณภาพพอมั้ย”
ดาวปล่อยหมัดต่อยชูชัยเข้าที่เบ้าตาเต็มแรง แล้วเดินออก ชูชัยกลับชอบใจ เข้ามารวบตัวจากด้านหลัง
“ชอบนักพวกดุๆ เนี่ย”
ชูชัยเหวี่ยงดาวลงเตียงแล้วปลุกปล้ำอย่างหื่นกระหาย ดาวดิ้น ทั้งตบทั้งถีบ จนกระเป๋าสตางค์และมือถือตกโดยไม่รู้ตัว
“ไอ้แก่ตัณหากลับ ปล่อยนะ”
จู่ๆ ก็มีของหนักฟาดลงบนหัวชูชัยเต็มแรง
“โอ้ย” เสี่ยจอมหื่นลงไปนอนที่พื้น ร้องโอดโอย
เป็นชมพู่กับฟ้าที่ตามมาช่วยทัน
“หนีเร็ว”
สามสาวพากันหนีออกไปโดยไว

ชมพู่ ฟ้า และดาว ออกลิฟต์ วิ่งออกมาทางล็อบบี้ พอเห็นพวกลูกน้องเสี่ยกับเอบีก็หยุด แล้วแอบเดินหลบไปอีกทางหนึ่ง
“นังเด็กนั่นไปหลับในห้องน้ำรึไงนะ ทำไมไปนานจัง” เอบีบ่นบ้า
เสียงโทรศัพท์ลูกพี่สมุนเสี่ยดังขึ้น
“ครับเสี่ย อะไรนะครับ ใครตีหัวเสี่ยครับ ครับๆ ได้ครับ” ลูกพี่วางสาย “เฮ้ย ไอ้เด็กพวกนั้นมันตีหัวเสี่ย รีบตามจับมันเร็ว”
เอบีตาเหลือก “ว้ายตายแล้ว”
ลูกน้องเสี่ยมองไป จนเห็น 3 สาววิ่งออกไป เห็นหลังไวๆ
“เฮ้ย! ทางนั้น”
ลูกน้องเสี่ยวิ่งตามไป
“ชั้นโดนเสี่ยกระทืบแน่เลย ชิ่งก่อนดีกว่า”
เอบีหนีไปอีกทาง

ทั้งสามสาววิ่งหนีออกมาหน้าโรงแรม มีลูกน้องเสี่ยวิ่งไล่ตาม
“ทางโน้น”
ทั้ง 3 เห็นเข้าก็รีบเร่งฝีเท้า ฟ้าผู้อ่อนแอจะร้องไห้รอมร่อ
มีรถ 2 แถววิ่งผ่านมา ชมพู่รีบโบก แล้วทั้ง 3 ก็กระโดดขึ้นรถไป พวกลูกน้องเสี่ยตามมาไม่ทัน
“ไปเอารถ”
ลูกน้องวิ่งไปเอารถอีกทาง

สามสาวร้อนอกร้อนใจอยู่ในรถสองแถว
“เอาไงดี มันจะตามมาทันแล้ว” ฟ้าเสียงสั่น
“พวกแกไปหลบที่บ้านชั้นก่อนนะ ดาว ถอดเสื้อแกมา”
ชมพู่เองก็ถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองออก
ดาวถามงงๆ “ทำอะไรวะพู่”
“พวกมันต้องคิดว่าแกเป็นคนตีหัวเสี่ยแน่ๆ ชั้นจะล่อพวกมันไปอีกทางก่อน”
ดาวถอดเปลี่ยนเสื้อกับชมพู่

พอรถสองแถวจอด ชมพู่ที่ใส่เสื้อของดาวรีบลงจากรถ วิ่งไปทางหนึ่ง รถสองแถวออกตัวไป
รถลูกน้องเสี่ยตามมาเห็นพอดี
“มันวิ่งไปแล้ว”
ชมพู่วิ่งหนีเข้าซอยเล็กๆ ที่รถเข้าไม่ได้ พวกลูกน้องลงจากรถแล้ววิ่งตามไม่ลดละ

ชมพู่วิ่งหนีเข้ามาในซอย พอถูกลูกน้องเสี่ยจับได้ก็ทำเป็นไก๋
“มาจับชั้นทำไมเนี่ย ชั้นไม่รู้เรื่อง”
ลูกน้อง 1 มาดลูกพี่ มองหน้าไม่ใช่ ดาว กะฟ้า “อ้าว ไม่ใช่อีนี่นี่หว่า”
ลูกน้อง 2 คาดคั้น “บอกมา มันไปไหน”
“ไม่รู้ อยู่ๆ มันก็ไล่ชั้นลงรถ” ชมพู่บอก
ลูกน้อง 1 “พวกเรา ตามรถคันนั้นไป”
ชมพู่รีบรั้งไว้
“เดี๋ยวๆๆ พี่ รู้แล้ว พวกนั้นบอกว่าจะไปสถานีตำรวจ จะไปแจ้งความ”
“โธ่เว้ย” ลูกพี่โมโห
“ไม่เป็นไรพี่ เอาไว้วันหลังก็ได้ ถ้าพวกมันยังอยู่ในเพชร ไม่มีทางหนีรอดหรอก”
“จริงด้วย พวกตำรวจไม่มีใครกล้ากับเสี่ยสักคน กลับเว้ย”
ลูกน้องเสี่ยพากันกลับ ชมพู่มองตาม แล้วนึกเป็นห่วงเพื่อนๆ มากขึ้น

ฝ่ายชัชชนม์ กับดนัยเพิ่งกลับจากไปเสนองาน สองหนุ่มหน้าเหี่ยวทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า
“ทำไมหางานเองมันถึงยากอย่างนี้วะ”
“อย่าบ่นดิ ถ้าแกบ่นก็เท่ากับว่าแกตัดกำลังใจตัวเองไปครึ่งนึงแล้วนะโว้ย”
“ทีแรกชั้นมีกำลังใจเต็มร้อยเว้ย แต่พอถึงตอนนี้ไม่รู้เหลือเท่าไหร่แล้ว”
“อย่าเพิ่งท้อสิวะ มันต้องมีซักที่สิที่เห็นคุณค่าของงานเรา”
“แต่วันนี้เราเสนอมา 10 กว่าที่แล้วนะเว้ย มันจะหมดกรุงเทพแล้ว อีกทีก็ไปเสนอช่องประเทศเพื่อนบ้านนู่นเลย”
สองหนุ่มได้ยินเสียงประตูรั้วบ้านเช่าเปิด
ดนัยเพ่งสายตาออกไป “ใครมาวะ”
เห็นป้าเพ็ญเจ้าของบ้านเช่า ถือกุญแจพวงใหญ่เดินเข้ามา
“อ้าวป้า เข้ามาได้ไงเนี่ย” ชัชชนม์ยิ้มทัก พลางลุกเดินไปหา
“ก็ป้าเป็นเจ้าของบ้าน ทำไมป้าจะเข้ามาไม่ได้ ถ้าวันนี้พวกเธอยังไม่ยอมจ่ายค่าเช่าที่ค้างอยู่ ป้าจะล็อคประตูห้องทั้งหมด แล้วก็จะเอาโซ่มาล่ามประตูรั้วไว้ด้วย
“โหยป้า ขออีกเดือนเหอะนะ พวกผมกำลังจะได้งานใหญ่อยู่แล้ว” ชัชชนม์บอก
“พูดอย่างนี้มากี่เดือนแล้วจ๊ะน้องชัช เดือนนี้ป้าไม่ยอมแล้วจริงๆ ด้วย”
ดนัยลุกไปเกาะแขนอ้อนเพ็ญ
“ป้าค้าบ ก็ตอนนี้พวกผมไม่มีจริงๆ เงินจะกินข้าวก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ถือว่าสงสารเด็กตาดำๆ 2 คนด้วยเถอะนะครับ นะ...”
“แต่ป้า...”
ชัชชนม์เข้าไปเกาะแขนอีกข้าง
“นะครับป้า ถ้าป้าไล่พวกผมออก พวกผมก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน ไปนอนข้างถนนก็ต้องโดนยุงกัดตายแน่เลย นะป้านะ ขออีกเดือนนะคราบ”
ป้าเพ็ญเหมือนจะใจอ่อน
“งั้นผมให้มัดจำก่อนก็ได้”
ดนัยหอมแก้มป้าฟอดนึง
“ผมให้อีกข้างนึง”
ชัชชนม์หอมแก้มป้าอีกฟอด
“ก็ได้ๆๆๆๆ สุดท้ายของสุดท้ายแล้วนะ เดือนหน้าป้าจะไม่มาทวงเองแล้ว ป้าจะใช้ผัวป้ามาทวง ถ้าอยากจะหอมแก้มผัวป้าก็เชิญ” เพ็ญหยิบซองจดหมายออกมาให้ “แล้วก็นี่ ค่าน้ำค่าไฟ ถ้าไม่ไปจ่ายเค้าก็จะตัดแล้วนะ”
เพ็ญวางซองจดหมายแล้วออกไป

สองเกลอถอนหายใจแรงๆ พากันทิ้งตัวลงบนโซฟา สีหน้าเครียดจัดทั้งคู่

อ่านต่อหน้า 3




มงกุฎริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

สร้อยรู้เรื่องแล้ว และกำลังด่าดาวกับฟ้าอยู่บนบ้าน

“นังพวกโง่ พวกแก รู้มั้ย ว่าเสี่ยเค้าให้ทีนึง 3-4 พันเลยนะ ดูซิ ปาดหน้าชั้นแล้วยังมีหน้าหนีมาซุกหัวที่นี่อีก”
“งั้นน้าสร้อยก็รีบกลับไปหาเสี่ยสิ เผื่อเสี่ยจะอารมณ์ดีขึ้น จะได้เลิกตามล่าพวกชั้น” ดาวประชด
“อีนี่ จะให้ชั้นไปตายรึไง”
ชมพู่กลับเข้ามาหลังไปสืบข่าว
“ดาว ฟ้า”
“เป็นไงบ้างพู่ มันจะตามมาอีกมั้ย” ฟ้ากลัวเอามากๆ
“วันนี้มันคงเลิกแล้วล่ะ แต่เมื่อกี้มันคุยกัน มันไม่ปล่อยพวกแกไปง่ายๆ หรอก”
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกมันเอาแกตายแน่ ไม่รู้จักเสี่ยชูชัยกันรึยังไง มันเลี้ยงมือปืนเป็นสิบ ชี้นิ้วสั่งฆ่าคนอย่างกะชี้ปลาดุก” สร้อยว่า
ฟ้าจะร้องไห้ “เอาไงดีพู่ ดาว”
“พวกแก 2 คน ย้ายไปอยู่ที่อื่นสักพักเถอะ เรื่องซาเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมา” ชมพู่บอก
“แล้วจะไปไหนล่ะดาว ชั้นไม่มีญาติที่ไหนเลยนะ”
“แต่แกมีชั้นนะเว้ย” ดาวบอก
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ ก่อนที่รถไฟจะหมด”
ชมพู่ ฟ้า ดาว รีบพากันออกไป สร้อยคิดอะไรได้
“ถ้าชั้นบอกเสี่ยว่าอีเด็กพวกนี้อยู่ไหน ชั้นอาจจะได้รางวัลก้อนโตก็ได้”
สร้อยยิ้มกระหยิ่ม หยิบโทรศัพท์กดหาชูชัย
“เสี่ยขา หนูได้ข่าวว่าเสี่ยกำลังตามหาอีพวกเด็กเปรตอยู่เหรอคะ”

ชมพู่ ฟ้า และดาว วิ่งออกมา และกำลังจะข้ามถนน พุฒิพัฒน์ขับรถมาอย่างเร็วจนเกือบชน ต้องเบรกเสียงดังสนั่น ชายหนุ่มลงรถมาเอาเรื่อง พอเห็นเป็นสามสาวก็ยิ่งหัวเสีย
“พวกเธออีกแล้วเหรอเนี่ย”
ชมพู่ขอร้องให้เขาช่วย
“นาย ช่วยพาเราไปส่งสถานีรถไฟทีสิ”
“เรื่องอะไรชั้นจะต้องช่วย”
ชมพู่อธิบาย “มีคนกำลังตามล่าเราอยู่ ช่วยเราด้วยเถอะนะ ขอร้องล่ะ”
“ไม่มีทาง พวกเธอไปก่อคดีอะไรมาก็ไม่รู้ ชั้นช่วยชั้นก็ซวยสิ”
“โอ้ย ไม่ต้องพูดแล้ว ขึ้นเลย”
ดาวเปิดประตูข้างหลัง พาฟ้าขึ้นไปนั่งเลย หลังส่วนชมพู่ขึ้นนั่งหน้า
“เฮ้ย ลงมา”
พุฒิพัฒน์เปิดประตูดึงชมพู่ให้ลงมา แต่อีกฝ่ายเกาะเบาะแน่น
“ไม่ นายต้องไปส่งเราที่สถานีรถไฟก่อน”
ถูกรถคันหลังมาบีบแตรไล่หลัง ปี๊นๆ พุฒิพัฒน์จำใจขึ้นรถขับไป

พุฒิพัฒน์ขับรถมาตามทางด้วยความโมโห
“ชั้นจะจอดข้างหน้านี่ พวกเธอเตรียมตัวลงได้เลย”
“ทีแรกนึกว่านายจะเป็นคนดี ที่ไหนได้ ที่แท้ก็ใจดำ คนกำลังเดือดร้อนอยู่นะ” ดาวโกรธ
“แล้วถ้าพวกเธอไปปล้นหรือไปฆ่าใครเค้ามา ชั้นนั่นแหละที่จะเดือดร้อน”
“หน้าพวกชั้นมันเหมือนโจรมากเลยรึไง” ชมพู่โมโห
“จะไปรู้เหรอ คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน”
พุฒิพัฒน์จอดรถ ไล่ทั้งสามลงทันที
“ลงไปได้แล้ว”
ชมพู่โกรธจัด “นี่จะให้พวกเราลงจริงเหรอเนี่ย”
“เค้าไม่ไปส่งเรา เราก็เรียก 2 แถวไปก็ได้” ฟ้าว่า
“นั่ง 2 แถวเมื่อไหร่จะถึง แล้วเผลอๆ ไอ้พวกนั้นมันจะเห็นเราด้วย”
ชมพู่ไหว้ “นาย ชั้นไหว้ล่ะ ไปส่งพวกเราหน่อย นายจะให้ชั้นทำอะไรชั้นยอมหมดทุกอย่าง”
“ไม่”
ชมพู่โมโห “งั้นพวกเราก็จะนั่งมันอยู่อย่างนี้แหละ แล้วนายก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“เออดี ถ้าอยากติดอยู่กับพวกเรานานๆ ก็ไม่ต้องไปส่ง จอดมันอยู่ตรงนี้แหละ” ดาวผสมโรง
สามสาวนั่งเฉย พุฒิพัฒน์โมโห แต่ไม่รู้จะทำยังไง
“พวกเธอนี่มัน”
ในที่สุดพุฒิพัฒน์ก็ยอมขับรถออกไป

รถไฟขบวนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ กำลังจะออกจากชานชลา นายสถานีตีระฆัง เก๊งๆ เก๊งๆ ขณะรถพุฒิพัฒน์จอดที่หน้าสถานีรถไฟ ชมพู่ ฟ้า และดาวรีบลง สามสาวชะโงกหน้าไปขอบคุณ
“ขอบคุณมากนะ”
จากนั้นก็วิ่งหน้าตั้ง ทิ้งพุฒิพัฒน์ให้มองตามงงๆ
ชมพู่ร้องบอกเพื่อนๆ “ขบวนสุดท้ายจะออกแล้ว วิ่งเร็ว”
ทั้ง 3 จับมือกันวิ่งเข้าไปด้านใน แต่ดันเห็นลูกน้องเสี่ยโผล่มาจากทางหนึ่งไกลๆ พวกมันก็เห็นสามสาว
“อยู่นั่นเว้ย” ลูกพี่ร้องบอก
สามสาวตกใจรีบวิ่งเข้าไปด้านใน

รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานชลาช้าๆ สามสาววิ่งมาโบกี้ท้ายรถไฟ โดยมีลูกน้องเสี่ยชูชัย ไล่ตามหลังใกล้จะทันรอมร่อ
สามคนวิ่งมาถึงท้ายขบวนรถไฟ ดาวตัดสินใจกระโดดขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว ฟ้าอิดออดไม่กล้า
“โดดเลยฟ้า” ชมพู่เร่ง
“ไม่เอา ชั้นไม่กล้า” ฟ้าไม่กล้า
ดาวร้อนใจยื่นมือมารอรับ “ฟ้า! เชื่อใจชั้นสิ โดด”
ลูกน้องเสี่ยใกล้เข้ามา ฟ้าตัดสินใจกระโดด ดาวรับไว้ ชมพู่ผ่อนฝีเท้าร้องบอกเพื่อน
“ฝากดูแลฟ้าด้วยนะดาว”
“เออ ไม่ต้องห่วง”
พวกลูกน้องเสี่ยตามมาทันจะกระโดดขึ้นโบกี้สุดท้าย ชมพู่ดึงพวกมันลงมาจนล้มกลิ้งล้มหงาย รถไฟวิ่งไปพ้นสถานีแล้ว ชมพู่จึงวิ่งหนี ลูกน้องเสี่ยเจ็บใจ วิ่งตามไปเอาเรื่อง เพราะคิดว่าชมพู่เป็นดาวที่ทำร้ายเสี่ยชูชัย

ชมพู่วิ่งเลี้ยวหายไปทางหนึ่ง ลูกน้องเสี่ยตามมาแต่ไม่เห็นแล้ว พวกมันออกอาการเจ็บใจหัวฟัดหัวเหวี่ยง ลูกพี่ตะโกนอย่างหงุดหงิด
“กลับเว้ย”

ทางด้านฟ้านั่งอิงไหล่ดาวอยู่เงียบๆ จนเมื่อรถไฟแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ ฟ้าจึงชะโงกหน้าไปดู
“ดูเอาไว้นะฟ้า เราอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้” ดาวบอก
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะดาว เราจะไปพักเดียว เดี๋ยวก็กลับไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ ชั้นรู้สึกมีลางสังหรณ์ยังไงไม่รู้”
ฟ้าใจคอไม่ดี “ไม่เอาดาว อย่างพูดอย่างนั้นสิ ชั้นยิ่งใจไม่ดีอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเรา 3 คนก็ต้องได้กลับมาอยู่ที่เพชรด้วยกันนะดาว”
“จริงด้วย เราสัญญากันไว้แล้วนี่ ว่าจะสร้างบ้านอยู่ด้วยกันที่คุ้งน้ำตรงโน้น ...ไม่แน่นะ เข้ากรุงเทพครั้งนี้ พวกเราอาจจะโชคดีหาเงินได้สักก้อนก็ได้”
“แต่เรายังไม่รู้เลยนี่ ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน”
“พอถึงแล้วเดี๋ยวก็มีที่ไปเองล่ะน่า”
ดาวดึงฟ้ามานั่งใกล้ๆ สองสาวพิงไหล่กันและกัน

ทางด้านลูกน้องเสี่ยชูชัย 3 คน พากันรื้อทำลายแผงผัก และแผงขนมจนเละเทะหมดสภาพ ลำไย กะ อิ่ม โวยวายด่าทอไม่หยุด แต่พวกมันไม่มีใครสน
“ไอ้ฉิบหาย ไอ้นรกส่งมาเกิด ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน”
ลูกน้อง 1 มาดหัวหน้ากลุ่ม เงื้อมือจะตบ “ถ้ามึงด่ากูอีกคำเดียวฟันมึงได้ร่วงหมดปากแน่”
อิ่มหุบปากเงียบไปทันที พวกลูกน้องพังของอีก 2-3 ที จนสะใจก็พากันเลิก
“ฝากบอกนังดาวด้วย กลับมาเมื่อไหร่ ตาย”
พวกลูกน้องเสี่ยเดินกร่างออกไป
ลำไยแค้นสุดจะประมาณหันมาด่าอิ่ม “อีอิ่ม เพราะหลานมึงแท้ๆ เลย ทำกูซวยไปด้วย”
“ลูกมึงน่ะแหละ พานังดาวไปประกวดจนมีเรื่อง” อิ่มเถียง
“ใครพายะ มันไปของมันเอง”
อิ่มกับลำไยด่าและ โทษกันไปมา

ทางด้านดาว กับ ฟ้า นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้าหยิบมือถือมาดูพบว่าแบตหมด
“ดาว โทรศัพท์ชั้นแบตหมดแล้ว ยังไม่ได้โทร.บอกแม่เลย”
“แต่ยังพอมีเงินอยู่ใช่มั้ย” ดาวถาม
ฟ้าดูเงินในกระเป๋าสตางค์ “มีอยู่ร้อยกว่าบาท”
“เก็บไว้ให้ดีๆ ล่ะ เดี๋ยวถึงกรุงเทพฯ ค่อยโทร.ตู้เอาก็ได้ ชั้นนี่สิทั้งโทรศัพท์ทั้งกระเป๋าตังค์หายหมด คงหล่นตอนถีบไอ้เสี่ยมั้ง”
เสียงที่เจาะตั๋วดังแก๊บๆ ๆ สองสาวหันไปมองเห็นคนตรวจตั๋วเดินตรวจใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เอาไงดีดาว”
“ไปแอบในห้องน้ำ”
ดาวกับฟ้าค่อยๆ ลุกขึ้น ทำเป็นเดิน ไปเข้าห้องน้ำ เนียนๆ

พอเข้ามาในห้องน้ำ ฟ้ากับดาวแนบหูฟังเหตุการณ์ข้างนอก
ยินเสียงบ่นของพนักงานตรวจตั๋วดังขึ้นว่า “อ้าว เด็กผู้หญิง 2 คนนี้ไปไหนแล้วล่ะ”
ฟ้ากับดาวลุ้นระทึก จนทุกอย่างเงียบไป
สักครู่ต่อมา อยู่ๆ เสียงเคาะประตูปังๆๆ สองสาวสะดุ้ง ดาวจุ๊ปากเป็นเชิงห้ามว่าว่าไม่ต้องตอบ มีเสียงเคาะดังอีก ปึงๆ ปังๆ ตามด้วยเสียงผู้โดยสารหญิง 1
“เสร็จรึยัง ชั้นจะเข้าต่อ”
ดาวร้องบอกไปว่า “หนูท้องเสีย พี่ไปเข้าห้องอื่นเหอะค่ะ”
หญิง 1 บ่นบ้าอย่างอารมณ์เสีย แล้วเงียบเสียงไป ดาวเอาหูแนบประตู อีกครั้ง พบว่าทุกอย่างเงียบลง จึงค่อยๆ เปิดประตูแง้มออกมา ดาวมองซ้าย แลขวา จนแน่ใจว่าไม่มีพนักงานตรวจตั๋ว ก็พาฟ้าออกมา กลับไปนั่งที่เดิม
“ดาว ถ้าคนตรวจตั๋วมาอีกเราจะทำยังไง”
เสียงพนักงานตรวจตั๋วดังขึ้น “ก็ต้องถูกไล่ลงน่ะสิ”
ดาว กะ ฟ้าหันไปเห็นพนักงานตรวจตั๋วยืนหน้าเอาเรื่องอยู่

รถไฟจอดที่สถานี ราชบุรี ดาว กับ ฟ้า ถูกผลักลงมาจากรถไฟ ดาวหน้าคะมำ แต่ไม่วายหันกลับไปโวย
“ทำไมใจร้ายนักวะ คนไทยปะเนี่ย”
“เอาไงต่อดีดาว” ฟ้าถาม
“โทรศัพท์หาที่บ้านละกัน”
สองสาวเดินหาโทรศัพท์สาธารณะ

อีกฟาก อิ่ม กับ ลำไยกำลังเก็บกวาดแผงใกล้จะเสร็จแล้ว อิ่มนั้นพูดสายโทรศัพท์ไปด้วย
“สมน้ำหน้ามึง สะใจกูนัก กูขอให้มึงโดนฉุดกูขอให้มึงโดนปล้ำใช้กรรมที่มึงทำแผงผักกูพินาศ...
“ใคร! นังดาวเหรอ เอามาพูดซิ”
ลำไยคว้าโทรศัพท์ไปพูดสายเลย
“ฮัลโหล ไปเอานางฟ้ามาพูดซิ” รอจนฟ้ารับสายลำไยก็ด่าว่าอย่างรุนแรง “นังฟ้า นังลูกกาลี มึงจะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไม่ต้องกลับมาให้อับอายขายขี้หน้ากู อยากขายตัวกันนักก็ไปเลย ได้ดีแล้วก็ไม่ต้องกลับมา”

ฟ้าอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะถูกแม่ด่าหน้าเสีย พยายามอธิบาย
“แม่ หนูไม่ได้ตั้งใจไปขายตัว หนูถูกหลอก แม่อย่าเพิ่งด่าหนูสิ”
ดาวโมโหแย่งหูโทรศัพท์มา วางกระแทกกับแป้นสุดแรง
“ไม่ต้องไปฟังแล้ว เปลืองเงิน” ดาวล้วงช่องหยิบเงินทอน แต่ไม่มี “อ้าว ไม่ทอนอีก”
ฟ้าร้องไห้ “ดาว ทำไมแม่พูดกับชั้นแบบนี้ล่ะ”
“ไม่ต้องร้อง ในเมื่อเค้าไม่ต้องการเรา เราก็ไม่ต้องไปง้อ”
“แต่นั่นเค้าเป็นแม่เรานะ”
“มีแม่แบบนั้นสู้ไม่มีซะจะดีกว่า เราเองก็โตแล้วนะฟ้า เราเอาตัวรอดเองได้ เชื่อชั้นสิ”
“เอาตัวรอดเหรอ แล้วคืนนี้เราจะนอนที่ไหนล่ะ”
“ก็ที่นี่ไง” ดาวบอก
ฟ้าอึ้ง “ที่นี่เนี่ยนะ”
“ใครๆ เค้าก็นอนกันที่ชานชลากันทั้งนั้นแหละ ไม่อันตรายหรอก มา ชั้นพาไปหาที่ดีๆ”
ดาวจูงแขนพาฟ้าไปหาที่นอน จนไปเจอม้านั่งหินอ่อนตรงหน้าชานชลา
“อีกเดี๋ยวก็เช้าแล้ว แล้วเราค่อยหาทางเข้ากรุงเทพฯ กัน” ดาวนั่งตรงมุมเก้าอี้ “ตรงนี้ละกัน”
ฟ้าหน้าเสีย ไม่ค่อยอยากจะนอนตรงนี้ ดาวนั่งจนถนัดแล้วจับฟ้านอนหนุนไหล่ตัวเอง
“ดาว แล้วพรุ่งนี้เช้าเราจะเอายังไงกันต่อดี”
“หาทางเข้ากรุงเทพฯ ไง ฟ้ายังพอมีเงินเหลือนี่ ตั๋วรถไฟใบไม่กี่บาทหรอก”
“เข้ากรุงเทพฯ แล้วไปไหนต่อ” ฟ้ากังวลอยู่อย่างนั้น
“บอกแล้วว่าเดี๋ยวไปถึงก็มีที่ไปเองและน่า นอนเถอะ”
ลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง ฟ้าหนาวจนต้องกอดตัวเอง
“หนาวจังเลยดาว”
ดาวถอดเสื้อคลุมชมพู่ออก ห่มให้ฟ้า
“ดีนะ ที่พู่มันให้เสื้อตัวนี้ไว้ หนาหน่อย”
จังหวะนี้เองนามบัตรของเปรมจิตก็ร่วงจากกระเป๋าเสื้อหล่นลงพื้น ดาวหยิบมาดูแล้วยิ้มออก

“ฟ้า ชั้นรู้แล้ว เราจะไปอยู่กันที่ไหนกันดี”

อ่านต่อหน้า 4




มงกุฎริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

รุ่งเช้าวันถัดมา ชมพู่นั่งหน้าเครียดอยู่ตรงระเบียงบ้าน เพราะกดโทรศัพท์โทร.หาฟ้า รอสายหลายหน ก็ได้ยินแต่เสียงว่า “เลขหมายที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...”

“แบตคงจะหมด แล้วจะติดต่อกันยังไงล่ะทีนี้”
ขณะที่ชมพู่กำลังกลุ้มใจเรื่องเพื่อนอยู่นั้น ก็มีเสียง อื้อๆ อ้าๆ ของ แช่ม ดังออกมาจากในห้องเหมือนจะเป็นอะไร
“พ่อ”
ชมพู่ถลาเข้ามาในห้อง เห็นแช่มหน้าซีด หายใจรวยริน ร้องอื้อๆ อ้าๆ อยู่ก็ตกใจ
“พ่อ พ่อเป็นอะไร” ชมพู่เอามือจับตัวแช่มแล้วต้องตกใจ “ทำไมตัวเย็นอย่างนี้ล่ะ ไปหาหมอกันนะพ่อ”
ชมพู่พยุงแช่มให้ลุกขึ้น ประคองพาลงเรือนไป

ชมพู่ กะ ดาว นอนหลับพิงกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนตัวเดิม จนเสียงหวูดรถไฟดังขึ้น ดาวสะดุ้งตื่นมองไป เห็นรถไฟเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบชานชลา
“ฟ้า ตื่นได้แล้ว รถไฟมาแล้ว” ฟ้าสะดุ้งตื่น ดาวบอก “รีบไปซื้อตั๋วกันเถอะ”
ดาวกับฟ้ารีบไปที่ช่องขายตั๋ว
“ไปกรุงเทพฯ 2 ที่ค่ะ” ดาวบอก
คนขายฉีกตั๋วให้ ฟ้าล้วงหากระเป๋าสตางค์มาจ่าย
“สองที่ 50 บาท”
ฟ้าเอะใจ ล้วงหากระเป๋า แต่ไม่เจอ
“มีอะไรเหรอฟ้า”
“กระเป๋าตังค์หายไปไหนไม่รู้ โทรศัพท์ก็หาย”
“ตกรึเปล่า กลับไปดูตรงที่เรานอนซิ” ดาวหันไปบอกคนขาย “แป๊บนึงนะพี่”
สองสาววิ่งมาดูตรงม้านั่งเมื่อกี้ ก้มดู มองหาจนทั่ว
“ไม่มีอ่ะดาว”
“แล้วเมื่อคืนแกเก็บไว้ที่ไหน”
“ชั้นใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ถ้าตกมันก็ต้องอยู่แถวนี้สิ”
คนทำความสะอาดสถานีรถไฟกวาดผ่านมาพอดี ฟ้าจึงหันไปถาม
“ป้าคะ ป้าเห็นกระเป๋าตังค์หนูมั้ยคะ เมื่อคืนหนูนอนตรงนี้น่ะค่ะ”
ป้าส่ายหน้า เดินกวาดหนีไป ฟ้าสิ้นหวัง หน้าเศร้า
“ฟ้า ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เก็บดีๆ” ดาวเครียดๆ อยู่ เลยอดพูดตำหนิ เสียงแข็งใส่ไม่ได้
“ก็เก็บดีแล้ว”
“ดีแล้วมันจะหายเหรอ ดูซิแล้วเราจะเข้ากรุงเทพยังไง เพราะแกคนเดียวเลย”
“ชั้นไม่ได้ตั้งใจนะดาว”
ดาวเม้งแตก “แกก็เป็นซะอย่างนี้ทุกทีแหละฟ้า”
“ชั้นขอโทษ”
“ขอโทษไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก”
ฟ้าเครียดจนร้องไห้โฮออกมา ดาวเห็นก็สงสาร ใจอ่อนลงแล้ว
“เออๆๆๆ ไม่ต้องร้อง ไปเหอะ”
“ไปไหน”
“ก็ไปหาเงินน่ะสิ แค่ 50 บาทหาไม่ยากหรอก”
“แล้วถ้ารถไฟมันออกไปแล้วล่ะ” ฟ้านอยด์อีก
“ไม่ทันขบวนนี้ก็ไปขบวนอื่น”
ดาวกับฟ้าพากันเดินออกไป

ฟ้า กะ ดาว เดินคุยกันมาตามทางในสถานีรถไฟราชบุรี ฟ้านั้นกังวลไม่หาย
“ดาว แล้วถ้าเราไปถึงกรุงเทพฯ แล้ว แล้วเราจะไปที่ค่ายนางงามกันยังไง”
“อาจจะโทร.เรียกให้เค้ามารับก็ได้ เจ๊เปรมจิตท่าทางเค้าใจดีกับชั้นอยู่นะ”
“แล้วถ้าเค้าไม่มารับล่ะ เราก็ต้องเร่ร่อนอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกเหรอ พวกเราหลงทางแน่ๆ”
“งั้นตอนนี้เราก็ต้องหาเงินให้ได้สัก พันนึง เผื่อเอาไปใช้ที่กรุงเทพฯ ด้วย”
ฟ้ามองไปเห็นกระเป๋าสตางค์ตัวเองวางอยู่ที่พื้น ข้างๆ มีคนจรจัดนั่งกินข้าวถุงอยู่อย่างมูมมาม
“ดาว นั่นกระเป๋าตังค์ชั้นนี่”
ฟ้ารีบเข้าไปหยิบมาเปิดดู แต่ไม่มีเงินเหลืออยู่เลยสักบาท หันไปมองหน้าคนจรจัด ก็พอจะเดาออก เปิดให้ดาวดู
“ไม่เหลือสักบาทเลย”
ดาวเอาเรื่องกับคนจรจัด “นี่ แกเอาเงินในกระเป๋าไปใช่มั้ย”
คนจรจัดไม่สนใจกินข้าวต่อ
“ถามไม่ได้ยินรึไง เหลือเท่าไหร่เอาคืนมาเลย”
คนจรจัดไม่ตอบ ดาวทำใจกล้า เข้าไปผลักไหล่
“หูหนวกรึไง”
คนจรจัดมองตาขวางร้อง “แฮ่” ใส่
“เฮ้ย”
ดาวผงะ ผวาตัวออกมา คนจรจัดลุกเดินหนี
“คนบ้าน่ะดาว ปล่อยเค้าไปเถอะ”
ดาวไม่ยอม เดินตาม
“งั้นเอาโทรศัพท์คืนมา แกเอาไปก็ไม่ได้ใช้หรอก โทรศัพท์น่ะรู้จักมั้ย”
คนจรจัดเดินหนีดาว ตามไป
“เอาคืนมา ไม่งั้นชั้นแจ้งตำรวจนะ”
พอได้ยินคำว่าตำรวจ คนจรจัดก็ของขึ้น โกรธสุดขีด หยิบไม้แถวนั้น เงื้อสุดแขนจะตีดาว
“ย๊าก”
ดาวตกใจร้องกรี๊ด พาฟ้าวิ่งหนีกันไป

ทางด้านชมพู่เข็นรถพาแช่มเข้ามาหน้าเรือน มีถุงยาผูกกับที่จับรถเข็น
สร้อยเพิ่งกลับมาถึง เอามือปิดปากเข้ามาอย่างอารมณ์เสีย ขอบตาคล้ำ
“นังพู่ ไปหาข้าวมาให้ชั้นกินซิ หิวจะตายอยู่แล้ว”
“เช้านี้หนูไม่ได้ทำกับข้าว แม่ไปหากินเอาเองละกัน”
“แล้วทำไมไม่หาไว้ นี่กูเสียไพ่มาทั้งคืนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่นะ”
“หนูพาพ่อไปหาหมอมา หมอบอกว่าอาการพ่อกำเริบเพราะไม่ได้กินยา นี่แม่ไม่ได้ซื้อยาให้พ่อใช่มั้ย”
“ไม่รู้ กูจำไม่ได้”
“แล้วแม่เอาเงินไปไหนหมด”
สร้อยโกรธที่ถูกซักไซ้ไล่เรียง “นี่มึงไม่ต้องมาหาเรื่องกูเลยนะ กูก็เอาไปต่อทุนสิวะ”
“เล่นไพ่มันไม่ได้เรียกว่าต่อทุนนะแม่ มันมีแต่เสียกับเสีย แล้วยังโดนพวกที่บ่อนมันซ้อมมาอีก กี่ทีแล้วแม่”
“อีนี่ มึงไม่ต้องมาสั่งสอนกู ไปหาข้าวมา กูหิวแล้ว”
สร้อยขึ้นบ้านไป ชมพู่เหนื่อยหน่ายใจ
สักครู่ เอบีเดินเข้ามาหน้าเรือน ร้องตะโกนเรียกสร้อย
“อีสร้อย อีสร้อยอยู่มั้ย”
“ใครเรียกอีกวะ”
สร้อยส่งเสียงนำมา ก่อนจะลงมาหาเอบี
“อ้อ ยังไม่ตายเหรอ ไม่เห็นไปร้านหลายวันแล้ว”
“ปากบวมอย่างนี้จะให้ทำงานยังไง”
“ก็ไม่รู้จักรักษาเนื้อรักษาตัวเลยเนอะ แล้วนี่จะให้ชั้นทำยังไง ที่ร้านเหลือเด็กกันอยู่ไม่กี่คน”
สร้อยประชด “เจ๊ก็รับแขกเองเลยสิ”
“โอ๊ย ถ้าชั้นมีอวัยวะเหมือนที่หล่อนมีชั้นก็รับไปแล้ว ไม่ต้องมาตามง้อหล่อนถึงบ้านหรอกย่ะ”
สร้อยนึกได้ หันไปหาชมพู่ “นี่ไง นังพู่ แกอยากได้เงินอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปกับเจ๊เค้าสิ”
ชมพู่สนใจ “ไปทำอะไร”
เอบีมองชมพู่ พินิจพิจารณาแล้วก็มีแววขายได้
“ไม่ต้องทำอะไรเลยจ้ะ แค่ไปนั่งกินเหล้ากับแขกพูดคุยนิดๆ หน่อยๆ คืนนึงได้เยอะนะ เผลอๆ ได้เป็นพันเลยล่ะ”
ชมพู่เงียบไป ใช้ความคิดหนัก
สร้อยหมั่นไส้ “อย่าดัดจริตไปเลยนังพู่ ดีกว่าปาดตาลตั้งเยอะ กว่าจะได้แต่ละสิบแต่ละร้อย นี่แค่ไปนั่งๆ นอนๆ”
เอบีกลัวไก่ตื่น รีบแก้ “ไม่ต้องนอนก็ได้ เด็กๆ อย่างนี้แค่นั่งๆ พอ ไปนะจ๊ะ เดี๋ยวเจ๊ดูแลไม่ให้แขกมันล่วงเกินหนูเอง ไปนะ”
“อ้าว มัวคิดอยู่นั่นแหละ กว่าจะคิดออก พ่อแกคงตายก่อนพอดี”
สร้อยเดินหงุดหงิด เข้าห้องไป
ชมพู่หันมามองพ่อในรถเข็น แช่มมองตอบ ส่ายหัวห้าม พร้อมกับร้อง อื้อๆ ไม่อยากให้ชมพู่ไปทำเสิร์ฟร้านเหล้าในเมืองเพชรฯ

ชัชชนม์นั่งอยู่ในห้องโถง ดูสมุดบัญชีเงินฝากหน้าเครียด ส่วนดนัยถือกระป๋องที่เคยเก็บเศษเหรียญ พลางเปิดลิ้นชักรื้อหาเศษเงิน สุดท้ายก้มลงดูหลังโซฟา
“ไอ้ชัช จ้องจนตาหลุดตัวเลขมันก็ไม่เพิ่มขึ้นหรอก แกมาช่วยฉันหาเศษเงินดีกว่า อย่างน้อยก็เอาไปซื้อข้าวกินได้มื้อนึง”
ดนัยเทกระป๋องออกนับ มีเศษเหรียญและแบงค์นิดหน่อย
ชัชชนม์ตัดสินใจ “ไอ้นัย โทร.ไปเลื่อนคิวน้องหญิงกับลุงรถตู้ซิ พรุ่งนี้เราไปถ่ายรายการไม่ได้แล้ว”
“นั่นไง เงินไม่พออะดิ”
“อือ”
“แล้วค่าตัวน้องหญิง กับค่าน้ำมันรถที่ติดเค้าไว้ จ่ายยังวะ”
“ยัง”
“เฮ้ย แล้วทำไงวะ ติดเค้ามาหลายเทปแล้วนะ เชคครั้งที่แล้วก็เด้ง”
“ก็คงต้องผัดไปก่อน อยู่ๆ สปอนเซอร์เค้าก็บอกว่าเอาเงินไปลงโฆษณาช่องดิจิตอลหมดแล้ว”
“แปลว่ารายการ พาเที่ยว เฟี้ยวเงาะ จะถึงกาลอวสานแล้วเหรอวะ”
สองเกลอกลุ้มหนัก

สองสาวเดินเตร็ดเตร่มาท่าทางเหนื่อยล้าอ่อนแรง ขณะเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวน่ากิน ช่วงตอนเที่ยงคนเต็มร้าน ดาว กะ ฟ้าหยุดมองเห็นคนกินก๋วยเตี๋ยวกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วพากันกลืนน้ำลายเอื้อก
เฮียเจ้าขอร้านถือชามก๋วยเตี๋ยวมาหลายชาม ฟ้ามัวเดินใจลอยไม่ได้ดู เลยชนกัน ชามตกแตกหมด เฮียโมโห ด่าโดยไม่ทันมอง
“เฮ้ย ใครวะเดินซุ่มซ่าม”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ”
เฮียหันมาเห็นดาวกับฟ้า เป็นหญิงสาวหน้าตาดี ก็ยิ้มแย้มเปลี่ยนท่าที
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร เฮียเดินไม่ดูเอง” เฮียตะโกนไปในร้าน “เฮ้ยใครมาเก็บชามแตกทีซิ” แล้วหันมาหาสองสาว “นั่งก่อนสิครับ สั่งอะไรดีครับ”
ฟ้าจะหลุดปาก “เอ่อ หนูไม่ได้...”
ดาวรีบดึงฟ้าให้นั่งลง
“เอาเส้นเล็กน้ำค่ะ” ดาวมองฟ้าพยักหน้าให้สั่งก๋วยเตี๋ยว
“เส้นเล็กเหมือนกันค่ะ”
“ได้ครับ เส้นเล็ก 2 ที่นะครับ น้ำล่ะครับ”
“น้ำแดง” ดาวบอก
“รอแป๊บนึงนะครับ กลางวันคนมันเยอะ”
เฮียรีบกุลีกุจอไปทำก๋วยเตี๋ยว
“ดาว แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนจ่าย” ฟ้ากังวลไม่หาย
“กินให้อิ่มก่อนเหอะ” ดาวบอก

ชมพู่นั่งจับมือแช่มอยู่บนเรือน สร้อยนั่งกินข้าว
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูแค่ไปนั่งดริ๊ง ไม่ได้ไปขายตัว จะได้มีเงินมารักษาพ่อไงจ๊ะ”
แช่มพยายามพูด แต่ร้องได้แค่อื้อๆ อ้าๆ ส่ายหน้าห้าม
สร้อยเห็นแล้วรำคาญ “จะหวงอะไรกันนักกันหนา พู่มันเป็นสาวแล้วก็ต้องเอาความสาวมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์สิ จะเก็บเอาไว้ทำไมให้มันแห้งเหี่ยวไปเปล่าๆ ปลี้ๆ”
แช่มส่ายหน้าอยู่นั่นไม่อยากให้ลูกไปทำงาน และทำท่าจะร้องไห้
“พ่อ หมอบอกว่าถ้าพ่อผ่าตัดก็จะหายขาด แล้วก็จะไม่ต้องกินยาอีก หนูจะเก็บเงินไว้ผ่าตัดพ่อไง ไม่ดีเหรอ”
สร้อยหมั่นไส้ กระแทกเสียงใส่ “เออ รีบหายๆ ซะ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น”
ชมพู่ไม่พอใจ “แต่ก็ไม่ได้เป็นภาระแม่ซะหน่อย เพราะแม่ก็ไม่ได้ช่วยดูพ่ออยู่แล้วนี่”
สร้อยค้อนประหลับประเหลือก
“พ่อไม่ต้องรอหนูนะ หนูจะกลับมาดึกๆ”
ชมพู่ลงเรือน ไปทำงาน แช่มมองตามตาละห้อย เป็นห่วงลูกจับใจ
“ไปทำงานบาร์ เดี๋ยวก็ต้องได้ขายตัวจนได้ อีแม่เล้ามันยุเก่งจะตาย”
คำพูดของสร้อย ยิ่งทำให้แช่มเศร้าใจมาก

ส่วนที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ดาว กับ ฟ้า กินก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มแปล้ เฮียเดินมาหาที่โต๊ะ
“เป็นไงครับ อร่อยมั้ยครับ”
“อร่อยค่ะเฮีย” ดาวยิ้มหวาน
“จะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับ”
“ไม่แล้วค่ะ เอ่อ...” ดาวคิดหาคำพูดดีๆ “เฮียคะ คนเยอะแบบนี้เฮียทำทันเหรอ ทั้งลวกก๋วยเตี๋ยวทั้งเสิร์ฟ ทั้งคิดเงิน”
“ทำไงได้ล่ะ อยู่ๆ ลูกน้องมันก็ลาออกไปคนนึง เฮียหาคนไม่ทัน ก็เลยต้องทำเองหมด”
ดาวยิ้ม “แล้วถ้า หนูกับเพื่อน มาเป็นเด็กเสิร์ฟให้ที่ร้านเฮีย เฮียเอาปะ”
เฮียยิ้ม พูดทีเล่นทีจริง “เอาซี่ ยิ่งถ้าได้เด็กเสิร์ฟสาวๆ สวยๆ อย่างหนู 2 คนด้วยแล้ว ยิ่งขายดีใหญ่เลย”
“งั้นให้หนูกับเพื่อนเริ่มงานวันนี้เลยมั้ย”
“นี่พูดจริงเหรอเนี่ย นึกว่าพูดเล่น” เฮียว่า
“จริงสิเฮีย หนูกับเพื่อนกำลังหางานทำกันอยู่ เฮียรับพวกหนูนะ” ดาวอ้อนวอน
“รับๆๆๆ รับซี่ รับเลย”
สองสาวดีใจมาก
“งั้นมื้อนี้กินฟรีนะเฮีย” ดาวลุกขึ้น ดี๊ด๊ายกใหญ่ “ฟ้า เราเก็บชามไปล้างกันเหอะ”
คล้อยหลังฟ้ากับดาวที่เก็บชามไปหลังร้าน เฮียยิ้มชีกอ
“อยู่ๆ ก็มีสาวๆ สวยๆ มาอยู่ใกล้ๆ นอนตายตาหลับแล้วกู”

อนิจจา ดูเหมือนสองสาวน้อยจากบ้านตาลชุมเมืองเพชร จะหนีเสือปะจระเข้ เข้าให้แล้ว

อ่านต่อ ตอนที่ 3



กำลังโหลดความคิดเห็น