สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 18
ประภาพรรณมาหาพวกเอกราชที่เซฟเฮาส์อย่างเครียดๆ
“พี่เอก พี่เห็นข่าวแล้วใช่มั้ย”
“ไอ้เสี่ยเป้มันร้ายกว่าที่เราคิด”
“แล้วแบบนี้เราจะเอาไงกันต่อ”
“ป่านนี้มันคงหนีไปกบดานอยู่ที่ไหนสักที่เราคงต้องหานางนกต่อคนใหม่เข้าไปสืบหาที่อยู่มันจากโมเดลลิ่งแทน เฮ้อ แล้วจะไปหาสายลับหญิงได้ที่ไหนอีกวะเนี่ย”
ประภาพรรณเครียด คิดตามคำพูดของเอกราช จู่ๆ ก็เหมือนคิดอะไรได้
“น้ำไงพี่ ที่จะมาเป็นนางนกต่อให้เราได้”
เอกราชอึ้ง คาดไม่ถึง
แต้วเดินเข้ามาในครัว เมียงมองอาหารที่ทำเสร็จแล้ว วางเรียงเตรียมเสิร์ฟ
“อาหารเยอะแยะเลยนะ”
น้อยโผล่เข้ามาได้ยิน
“ต้องเยอะซิวะ ป้าบัวเผื่อนบอกว่าต้อนรับคุณท่านกับคุณกรกลับมาทั้งที ของคุณท่านก็มีไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แกงสายบัว ส่วนของคุณกรมียำไข่ดาวเบคอน”
“ป่านนี้แล้วคุณท่านยังไม่กลับมากันเลย ฉันว่าจะเป็นแกงสายบัวแต่งตัวรอเก้อรึเปล่าวะ”
น้ำเดินเข้ามา แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ อารมณ์ดี
“นังน้ำมาพอดี มาช่วยกันยกออกไปตั้งโต๊ะรอเลย”
น้ำกลัวเลอะชุดสวย
“ฉันว่าอย่าเพิ่งตั้งเลย เดี๋ยวเย็นหมด”
“ฉันว่าเตรียมไว้เลย เดี๋ยวคงกลับมากันแล้วล่ะ”
น้อยยกแกงมาถือไว้จังหวะเดียวกับที่น้ำจะเดิน ก็เลยชนกันจนแกงหกใส่ชุดของน้ำ น้ำโกรธน้อยมากจนหลุดหยาบคาย
“อีนี่”
ทุกคนในครัวอึ้ง
“ฉันหมายถึงอี๋จ้ะ อี๋”
“ขอโทษนะน้ำ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
น้ำเดินสะบัดออกไป
เดชขับรถเข้ามาบริเวณหน้าร้านอาหารไทยหรูหราแห่งหนึ่ง ปรีชาชาญ ปทุมวดี พันกร บุหงา ดวงแก้ว เดินเข้ามาด้านในร้าน พนักงานพาไปนั่งที่โต๊ะ
“แพนมากินร้านนี้กับคุณแม่บ่อยๆ ค่ะ ท่านกับพี่กรชอบมั้ยคะ”
พันกร ปรีชาชาญ ถอนใจอย่างหงุดหงิดที่สองแม่ลูกจุ้นจ้านไปเสียทุกเรื่องจนปทุมวดีสังเกตเห็น
“ทำไมคุณพี่กับตากรหน้าบึ้งจัง ไม่ดีใจที่น้องพามากินอาหารไทยอร่อยๆ ให้หายคิดถึงเหรอคะ”
“อือ ก็ดี แต่ที่จริงเรากลับไปกินข้าวที่บ้านก็ได้นี่”
พนักงานมาเสิร์ฟน้ำ
“แต่น้องว่ากินที่นี่เจริญอาหารกว่าเยอะ ไม่ต้องไปนั่งร่วมโต๊ะกับแม่สะใภ้ตัวแสบ”
พันกรสีหน้าไม่ดี ปทุมวดีชักเห็นใจลูกชายจึงเปลี่ยนเรื่องพูด โดยหันไปพูดกับบุหงา
“หนูแพนอยากกินอะไร สั่งได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ”
“ค่ะ คุณหญิงป้า”
บุหงาเรียกพนักงานเสิร์ฟมารับออเดอร์ ดวงแก้วเห็นพันกรและปรีชาชาญเงียบๆ รีบสร้างบรรยากาศ
“ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นสนุกมั้ยคะ ดิฉันกะจะชวนลูกแพนไปเล่นสกีซะหน่อย ยังหาเวลาไม่ได้เลย”
พันกรรำคาญ “ก็ดีครับ แต่ผมไม่ได้ไปเที่ยว ผมกับคุณพ่อไปประชุม”
ดวงแก้วจ๋อยไป
ที่กองปราบฯ รองวิเชียรรับฟังประภาพรรณอย่างตั้งใจ เอกราชพูดขึ้น
“ท่านครับ ตอนนี้เสี่ยเป้มันคงรู้แล้วว่ามิวเป็นสายตำรวจ เพราะงั้นผมเลยคิดว่าเราน่าจะหาสายคนใหม่”
“ตอนนี้หน่วยข่าวกรองเขาก็พยายามหาข่าวกันเต็มที่ แต่ถ้ามีสายคนใหม่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ช่วยกันหลายๆ ทาง”
“มิวมีน้องอยู่คนหนึ่งค่ะ ชื่อน้ำ มิวคิดเขาว่าน่าจะทำงานนี้ได้ ถ้าท่านอนุมัติ เดี๋ยวมิวจะรีบทาบทามดูค่ะ”
“ถ้าพวกคุณมั่นใจ ผมก็ไม่มีปัญหาหรอก ฝากเป็นธุระด้วยละกัน”
ประภาพรรณและเอกราชรับคำ
ภายในร้านอาหารไทยหรูหรา พนักงานมาเสิร์ฟอาหารมากมายหลายอย่าง ปรีชาชาญตกใจที่เห็นอาหารมาเต็มโต๊ะ
“อะไรเยอะแยะเนี่ย จะกินกันหมดเหรอ”
บุหงารีบตอบ
“หมดซิคะท่าน พี่กรมาเหนื่อยๆ กินเยอะๆ นะคะ”
บุหงาตักอาหารสองสามอย่างให้พันกร พันกรพยักหน้าไปอย่างนั้น รีบทานอาหารให้เสร็จไวๆ สอง
พ่อลูกก้มหน้าก้มตาจ้วงอาหารจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ส่วนบุหงา ดวงแก้ว ปทุมวดีตักกับข้าวกันได้ไม่กี่ช้อน สามสาวตกใจอ้าปากค้าง
“เดี๋ยวน้องสั่งเพิ่มให้นะคะ คุณพี่”
“ไม่ต้อง อิ่มแล้ว”
บุหงารีบเอียงตัวเข้าไปใกล้ๆ เอาใจพันกร
“พี่กรจะรับของหวานมั้ยคะ”
พันกรไม่ตอบ แต่หันไปหาปรีชาชาญกับปทุมวดี
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะมีธุระนิดหน่อย”
ปทุมวดีตกใจ
“เดี๋ยวๆๆ อะไรกันเนี่ย”
“พ่อกลับด้วย ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมกับตากรรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อน เชิญคุณดวงแก้วกับหนูแพนนั่งกินกับคุณหญิงตามสบาย ผมจะเรียกแท็กซี่กลับกันเอง”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 18 (ต่อ)
พันกรกับปรีชาชาญเดินออกจากโต๊ะไปทันที
“เดี๋ยวสิคุณพี่ ถ้าจะกลับก็กลับด้วยกัน เรากลับไปกินกันต่อที่บ้านละกันนะคะ”
ปทุมวดีเอาเงินสดวางที่โต๊ะ กวักมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน แล้วมองหาปรีชาชาญ พันกร
“เร็วๆ คุณน้องดวงแก้ว หนูแพนตามไปเร็ว ไม่รู้หงุดหงิดอะไรมา ทั้งพ่อทั้งลูก”
“นั่นสิคะ แพนอุตส่าห์จะเอาใจซะหน่อย”
“รีบตามไปเลยลูกแพน อย่าปล่อยคุณกรคลาดสายตา”
“ไปๆๆ”
ปทุมวดี ดวงแก้วรีบเดินตามกันออกไป บุหงาเดินตามไปด้วยความเซ็ง
เดชกับกล้ายืนเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ๆ รถที่จอดอยู่หน้าร้าน พันกรเดินนำปรีชาชาญออกมาอย่างรีบร้อน เดชรีบวิ่งไปที่รถ เตรียมเปิดประตูให้ปรีชาชาญและพันกร พันกรยกมือห้าม
“เดี๋ยวฉันกะคุณพ่อกลับเอง เดชรอส่งคุณแม่ละกัน”
“อูย จะดีเหรอครับ งั้นผมว่าให้ไอ้กล้าไปส่งคุณกรกับท่าน แล้วให้คุณแพน คุณดวงแก้วไปคันนี้ดีมั้ยครับ นะไอ้กล้า”
“จะได้ไง คุณแพนมากับข้าก็ต้องกลับกะข้าซิ”
“โหย ไอ้อกตัญญู เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย เคยมากินมาอยู่บ้านท่านตั้งหลายเดือน จะไปไม่ไปวะ”
“อะไรแว้ บังคับจิตใจกันจริงจริ๊ง”
พันกรรำคาญและไม่อยากเสียเวลาฟังสองคนเถียงกันอีก
“เดี๋ยวฉันกับคุณพ่อกลับแท็กซี่เองดีกว่า”
ปทุมวดีรีบจ้ำมาถึง
“ไม่ได้นะตากร กลับพร้อมกันนี่แหละ”
“งั้นก็ไปกันเลยครับ”
พันกรร้อนใจ
เมื่อมาถึงบ้าน พันกรเดินนำทุกคนเข้ามาที่ห้องรับแขก มองไปรอบๆ บ้าน ยิ่งหงุดหงิดเพราะไม่เจอประภาพรรณ
“มองหานังมิวใช่มั้ย โอ๊ย มันอยู่ไม่ติดบ้านหรอกลูก กลับมาก็ดึกๆ ดื่นๆ โน่น”
พันกรนิ่งเงียบ บุหงา ดวงแก้วแอบยิ้มร้ายที่ประภาพรรณโดนปทุมวดีใส่ไฟ
“กลางคืนก็มีผู้ชายมาส่งมันทุกวัน เดินกระปลกกระเปลี้ยเข้าบ้าน อย่างกับไปทำอย่างว่ามา เชอะ แม่ไม่อยากจะพูด”
“จริงเหรอคะ คุณหญิงป้า”
“จริงซิจ้ะ หนูแพน ป้าจะโกหกทำไม”
“ต๊าย ตายๆ บัดสีจริงๆ” ดวงแก้วร้องอุทาน
พันกรเริ่มไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ ปรีชาชาญไม่ชอบใจที่ปทุมวดีใส่ร้ายลูกสะใภ้ต่อหน้าคนนอก
“พอเถอะคุณหญิง อย่าพูดเรื่องที่เราไม่รู้ พูดไปหนูมิวเขาก็เสียหาย เดี๋ยวตากรก็เข้าใจผิดหรอก”
“ผมขอเคลียร์กับมิวก่อนละกันครับ ว่าเรื่องมันยังไง มิวออกไปไหน แล้วใครมาส่ง”
ปทุมวดีหัวเราะเยาะลูกชาย
“เชิญไปเคลียร์กันให้หนำใจเลย แล้วอย่าลืมดูรอยแดงๆ เป็นจ้ำๆ ที่ต้นคอของนังมิวมันด้วยนะ รอยเหมือน เพิ่งจะเสร็จจากสังเวียนบนเตียงยังไงยังงั้น”
พันกรมองหน้าปทุมวดีด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อที่แม่พูด บุหงา ดวงแก้วแอบยิ้มที่ปทุมวดีใส่ร้ายประภาพรรณ จนพันกรหลงเชื่อ
ที่หน้ากองปราบฯ ประภาพรรณเปิดกระเป๋าหาแบงก์ย่อยเตรียมตัวขึ้นแท็กซี่
“โห มีแต่แบงก์พัน”
ประภาพรรณรู้สึกตาขวากระตุก
“ขวาร้าย ซ้ายดี”
เอกราชเดินมา
“พี่ไปส่งมั้ยมิว”
ประภาพรรรนึกออกทันทีว่าลางสังหรณ์ของตนต้องแม่น
“นั่นไง ไม่เป็นไรดีกว่าพี่เอก นี่มันก็ยังไม่มืด มิวกลับเองได้ ขอแลกแบงค์ย่อยดีกว่า เผื่อให้ค่าแท็กซี่”
“อะ งั้นก็ตามใจ กลับดีๆ ล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ มิวไปก่อนนะ”
เอกราชมองตามยิ้มๆ
พันกรเดินงุ่นงาน หน้าตาเคร่งเครียด ในใจคิดอยากเจอประภาพรรณโดยเร็วที่สุด ปรีชาชาญเห็นท่าไม่ดี ไม่อยากให้พันกรทะเลาะกับภรรยา
“อย่าเพิ่งคิดมากน่าตากร ไอ้รอยที่แม่เขาว่า มันอาจจะเป็นรอยมด แมลงที่ไหนต่อยมาก็ได้”
ปทุมวดีรีบเสริมกลัวพันกรไม่เชื่อ
“มะลง มะแลงอะไรกั๊น รอยจุ๊บๆ เห็นๆ อุ๊ย”
ปทุมวดีทำเป็นเอามือปิดปากเหมือนไม่อยากพูด พันกรหน้าเครียดขึ้นมาอีก เดินหนีไป
“ใจเย็นๆ นะลูก มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน พอเถอะคุณหญิง สนุกมากรึไงนะใส่ร้ายหนูมิวอยู่ได้ ตากรมันเข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว”
“เรื่องของฉัน หนูแพน คุณดวงแก้ว เราไปที่ ห้องนั่งเล่นกันดีกว่า”
“ค่ะ”
ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้ว เดินหัวเราะออกไป ปรีชาชาญกังวลมาก
ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้วเข้าไปนั่งเม้าท์กันอย่างสนุกสนานในห้องนั่งเล่น แต้วและป้าม้วนยืนรับใช้อยู่ใกล้ๆ ก็พลอยยิ้มแย้มไปด้วย พันกรกังวล ดูนาฬิกาบ่อยๆ จนปรีชาชาญสังเกตได้
“เดี๋ยวหนูมิวก็มา จะเครียดอะไรนักหนา”
ปทุมวดีรีบหันมาใส่ไฟประภาพรรณต่อ
“ไม่เครียดได้ยังไงล่ะคะคุณพี่ ก็เมียรัก มันมีชู้ไง”
ปทุมวดีหันไปหัวเราะเบาๆ กับบุหงา ดวงแก้ว แต่สองแม่ลูกได้แค่ยิ้มรับอ่อนๆ เพราะเกรงใจพันกร
“นี่คุณหญิง ให้ผัวเมียเขาคุยกันก่อนได้มั้ย”
ปทุมวดีหมั่นไส้ที่ปรีชาชาญให้ท้ายประภาพรรณ ค้อนใส่ ประภาพรรณเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นบุหงา ดวงแก้วก็ทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็ตาโตดีใจที่เหลือบไปเห็นปรีชาชาญและพันกร
“คุณพ่อ คุณกร”
ประภาพรรณวิ่งเข้าไปหาพันกรจะกอดให้หายคิดถึง พันกรลุกมาหาหญิงสาว เอามือยันที่ไหล่ของเธอไว้ ประภาพรรณงง ประหลาดใจที่ชายหนุ่มดันตัวเธอไว้
“ทำไมคะคุณกร ไม่คิดถึงมิวเหรอ”
พันกรจ้องตาประภาพรรณ แค่นหัวเราะอย่างเจ็บช้ำ
“ถามตัวเองดีกว่า ว่าคุณน่ะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”
ประภาพรรณงุนงงกับทีท่าของสามี
“คิดถึงซิคะ มิวคิดถึงคุณกร”
พันกรหยิบมือถือออกมายื่นให้ประภาพรรณดู
“แล้วทำไมคุณถึงทำแบบนี้”
หน้าจอมือถือพันกรเป็นภาพประภาพรรณกับเอกราชใกล้ชิดกันมาก พันกรแอบมองที่ต้นคอของหญิงสาวก็เห็นรอยแดงเป็นจ้ำ เขากัดฟันด้วยความโกรธจัด ประภาพรรณมองรูป แล้วนึกออก รีบอธิบาย
“อ๋อ วันนั้น มิวไปที่ร้านกาแฟของนิดแล้วเจอพี่เอก”
“ไม่ต้องอธิบาย ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
“คุณกรโกรธมิวเรื่องอะไรคะเนี่ย”
พันกรกระชากแขนประภาพรรณอย่างแรง จะลากขึ้นไปบนห้อง ประภาพรรณเซไปตามแรงฉุด
“คุณกร”
ประภาพรรณตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปมองปรีชาชาญ ปรีชาชาญก็ตกใจเช่นกันที่เห็นพันกรโมโหมาก ทำมือทำไม้ให้ประภาพรรณขึ้นไปกับลูกชายก่อน จะได้ไม่มีเรื่อง พันกรพยายามฉุดกระชาก แต่ประภาพรรณก็ฝืนตัวใว้จนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
“คุณกร มิวเจ็บนะ”
ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้ว แต้วและป้าม้วนยิ้มอย่างสาแก่ใจที่ประภาพรรณโดนพันกรเล่นงาน
ปรีชาชาญมองลูกชายลากลูกสะใภ้ขึ้นไปบนห้องอย่างทุลักทุเลด้วยความเป็นห่วง
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 18 (ต่อ)
พันกรลากประภาพรรณเข้ามาในห้อง ไม่สนว่าเธอจะเจ็บหรือไม่ แล้วเหวี่ยงไปที่เตียง
หญิงสาวถลาตามแรงเหวี่ยงแต่พยายามขืนตัวไว้ หันกลับมามองพันกรด้วยความโกรธ
“คุณกรเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
พันกรจ้องประภาพรรณกลับด้วยอารมณ์โกรธไม่แพ้กัน
“ผมต่างหากที่ต้องถามมิว ว่ามิวเป็นบ้าอะไร ถึงต้องออกไปหาผู้ชายข้างนอก ไปมีผู้ชายคนอื่น สวมเขาให้ผม”
“คุณกร”
“ผมไม่ดีกับมิว ทำอะไรให้มิวไม่พอใจเหรอ”
“คุณกรกำลังเข้าใจผิดนะ”
“เข้าใจผิดเหรอ แล้วรูปที่ผมเห็นล่ะ ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับไอ้เอกราช จับมือถือแขนกันขนาดนั้น ยังจะบอกว่าผมเข้าใจผิดอีก”
ประภาพรรณน้ำตาซึมมองพันกรด้วยความน้อยใจ พันกรยังไม่หายโมโห ยิ่งประภาพรรณไม่อธิบายอะไร เขายิ่งโกรธ
“หรือว่าผมปรนเปรอให้คุณไม่พอ ไม่สาแก่ใจคุณ จนต้องวิ่งแจ้นไปหาคู่ขาเก่า”
“คุณกร”
ประภาพรรณร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ทนไม่ไหวที่พันกรพูดดูถูกเธอ เงื้อมือตบหน้าชายหนุ่มสุดแรงเกิด แล้วทรุดลงบนเตียงด้วยความเสียใจ หมดเรี่ยวแรงที่จะอธิบาย
ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้ว แต้วและป้าม้วนต่างเงี่ยหูฟังเสียงทะเลาะกันของพันกรกับประภาพรรณ ชะเง้อมองไปด้านบนหัวเราะกันคิกคัก ปรีชาชาญอารมณ์เสียที่ปทุมวดีเป็นคนหาเรื่องให้สองคนทะเลาะกัน
“สะใจคุณหญิงล่ะสิ เห็นลูกมันทะเลาะกัน เจ้ากรก็ใจร้อนเกินไป แทนที่จะพูดกันดีๆ มีเรื่องจนได้”
“ดีสิคะคุณพี่ จะได้เลิกๆ กันซะที น้องอยากได้หนูแพนมาเป็นสะใภ้คนใหม่เต็มทีแล้ว จริงมั้ยจ๊ะ”
บุหงา ดวงแก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปรีชาชาญหันไปมองทางอื่น เสียความรู้สึก
พันกรหยิบกุญแจมือในลิ้นชัก แล้วผลักประภาพรรณให้นอนลงบนเตียง จับข้อมือหญิงสาวสวมกุญแจมือทันที ประภาพรรณตกใจที่โดนใส่กุญแจมือ พยายามดันตัวพันกรแต่ก็สู้แรงชายหนุ่มไม่ได้
“อย่านะ”
พันกรหน้ามืดตามัวด้วยแรงหึง ไม่สนใจที่ประภาพรรณพูด เอากุญแจมือไปล่ามไว้ที่หัวเตียง ยืนดูหญิงสาวหมดอิสรภาพ
“ห้ามออกไปไหน จนกว่าผมจะจัดการกับไอ้เอกราชเสร็จ”
“คุณกรอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ มิวบอกตั้งกี่ครั้งแล้ว มิวกับพี่เอกราชไม่ได้มีอะไรกัน”
ยิ่งประภาพรรณอธิบาย ยิ่งเหมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิง พันกรจ้องหญิงสาวด้วยความโมโห
“เป็นห่วงมันมากใช่มั้ย”
ประภาพรรณไม่ตอบ ได้แต่นอนร้องไห้
ปทุมวดีหยิบพัดขึ้นมากรีดพัดให้ตัวเองอย่างมีความสุข
“ม้วน นังแต้ว”
ป้าม้วนกับแต้วรีบถลาเข้ามานั่งพับเพียบใกล้ๆ ปทุมวดี
“เจ้าคะ”
“ขา คุณหญิง”
“แกสองคนเตรียมตัวต้อนรับคุณแพนเป็นเจ้านายคนใหม่ เป็นสะใภ้ของบ้านนี้ได้เลย”
ปทุมวดี ดวงแก้ว หัวเราะให้กัน บุหงาแกล้งทำเป็นเขิน บิดไปบิดมาที่ถูกยกให้เป็นสะใภ้คนใหม่ ดวงแก้วรีบบอกลูกสาว
“ยังไม่รีบขอบคุณคุณพี่หญิงปทุม ว่าที่คุณแม่สามีอีก”
บุหงาโผเข้าไปไหว้ที่หน้าอกของปทุมวดี ปทุมยิ้มรับไหว้อย่างสุขใจ
“ขอบคุณนะคะคุณหญิงป้า”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้ายินดีเป็นที่สุด”
ปรีชาชาญส่ายหน้ามองสองแม่ลูกอย่างเซ็งๆ
“ดิฉันก็ต้องกราบขอบคุณ คุณพี่หญิงปทุมด้วยนะคะที่เห็นความดีในตัวของลูกแพน”
ปทุมวดีหยิกแก้มบุหงาเบาๆ อย่างเอ็นดู
“น่ารัก เรียบร้อย แสนดีขนาดนี้ เหมาะที่จะมาเป็นสะใภ้ของบ้านนรินทร์จรรยาที่สุด ใช่มั้ยคะคุณพี่”
ปรีชาชาญเลี่ยงที่จะไม่ตอบ
“ผมขอตัวไปดูต้นไม้ซะหน่อย”
ปทุมวดีหงุดหงิดที่ปรีชาชาญไม่หือไม่อือด้วย ดวงแก้วยิ้มชอบใจ
“คุณพี่หญิงปทุมจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ที่ได้ลูกแพนไปเป็นสะใภ้”
สองแม่ลูกสบตากัน ต่างแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
ภายในห้องนอน พันกรนั่งจ้องประภาพรรณ แต่หญิงสาวทำหน้าเฉยชาไม่สนใจ
“ไม่มีอะไรจะพูดเหรอ”
ประภาพรรณคิดว่าป่วยการที่จะอธิบายอีก จึงนิ่งเงียบและหันหน้าไปทางอื่นเพราะขยับตัวไปไหนไม่ได้ พันกรอารมณ์เย็นลงบ้างหลังจากที่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว
“คุณแม่บอกผมว่า มิวกลับบ้านดึกทุกวัน”
พันกรมองรอยแดงที่ต้นคอภรรยา พาลจะโมโหขึ้นมาอีก
“มีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาส่ง แล้วจะไม่ให้ผมโกรธ ไม่ให้โมโหได้ยังไง”
ประภาพรรณเหม่อลอยมองไปนอกหน้าต่าง
“โทรมาก็ไม่รับ ไม่โทรกลับ ยังจะมีรูปมิวกับมันอีก”
พันกรหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติ
“มิวไม่พูดไม่เป็นไร แต่ผมเป็นตำรวจผมต้องเชื่อในหลักฐาน”
ประภาพรรณเงียบ แต่น้ำตาค่อยๆ หยดออกมาจากความเสียใจที่โดนสามีสุดที่รักกล่าวหาว่ามีชู้ เธอค่อยๆ ชันตัวขึ้นมานั่ง มองหน้าพันกรด้วยสายตาเย็นชา
“ถ้าไม่เชื่อใจกันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เลิกกันเถอะ แล้วปล่อยฉันไป”
พันกรเงียบ สับสน มองประภาพรรรด้วยความเสียใจ
“มิว”
พันกรงงๆ กับคำตอบของหญิงสาว แล้วค่อยๆ เดินออกมาจากห้องเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ
ป้าม้วนกับแต้ววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในครัว
“ข่าวดี”
“ข่าวด่วน ข่าวด่วนทะลุองศาเดือด”
ป้าบัวเผื่อน น้อย หันมามองแต้วงงๆ ว่าแต้วเป็นอะไร
“อะไรของเอ็งนังม้วน นังแต้ว เอะอะโวยวายซะเสียงดัง”
“พวกนี้ก็อย่างนี้แหละป้า โวยวายเป็นอาชีพ”
แต้วหันมาค้อน
“วันนี้อารมณ์ดีนะ ยกให้วันหนึ่ง”
“แล้วตกลงมีข่าวอะไรวะ ทะลุสุสานเดือด! ข่าวหนังผีเหรอ” ป้าบัวเผื่อนถาม
น้อยขำ “ไม่ใช่หนังผีหรอก นังแต้วมันคงมีอะไรแบบว่า ดุเดือดๆ มาเล่าให้พวกเราฟังมั้ง ใช่มั้ยนังแต้ว”
แต้วยิ้มหน้าบาน เดินเข้ามายืนกลางห้อง
“ถูกต้องนังน้อย ทุกคนฟังให้ดีนะ”
ทุกคนในครัวเขยิบเข้าใกล้แต้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เมื่อตะกี้ เกิดสงครามกลางบ้าน คุณกรกับนังมิวทะเลาะกันใหญ่โต คุณกรลากนังมิวขึ้นไปบนบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาเลย”
น้อยกับป้าบัวเผื่อนตกใจมาก
“มีเรื่องอะไรกันวะ”
แต้วหัวเราะ “ก็เรื่องเดิมที่ข้าเคยบอกไง คุณกรจับได้ว่านังมิวมันมีชู้”
ป้าม้วนเออออด้วยอย่างสะใจ
“ข้ายกสองนิ้วให้เอ็งเลยนังแต้ว เอ็งนี่อ่านขาดจริงๆ”
“ใช่ป้า ฉันล่ะดีใจจริงๆ ที่คุณกรจับผิดมันได้ซะที”
ป้าบัวเผื่อนทำตาปริบๆ
“เฮ้อ คุณมิวไม่ได้เป็นคนแบบนั้นซะหน่อย”
“จริงด้วย แล้วคุณมิวเป็นไงบ้างวะ” น้อยถาม
“ฉันจะไปรู้เรอะ สงสัยคงนั่งร้องไห้เก็บเสื้อผ้า เตรียมโดนไล่ออกจากบ้านอยู่มั้ง”
แต้วกับป้าม้วนหัวเราะกันลั่น
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 18 (ต่อ)
พันกรเดินเงียบๆ มาในสวน เหม่อมองดูท้องฟ้า ส่ายหน้ากับตัวเอง
ไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง น้ำแอบมองชายหนุ่มตั้งแต่เดินออกมา มองไปรอบๆ ไม่เห็นใครก็รีบเข้าไปหา
“คุณกรคะ”
พันกรหันไปเห็นว่าเป็นน้ำก็ไม่ได้สนใจ
“คุณกรดูเศร้าๆ น้ำขออยู่คุยเป็นเพื่อนนะคะ”
พันกรพยักหน้า
“คุณกรอยากทานอะไรมั้ยคะ น้ำจะดูแลคุณกรแทนพี่มิวเองค่ะ”
พันกรมองหน้าน้ำแปลกๆ ด้วยความสงสัย น้ำเข้าไปยืนใกล้ชิด จนพันกรต้องขยับตัวออก แต่น้ำก็ดึงแขนชายหนุ่มไว้
“ไม่ต้องกลัวน้ำหรอกค่ะ น้ำเป็นห่วง หวังดีกับคุณกรนะ น้ำมีอะไรจะให้คุณกรดูค่ะ”
แต้วทำหน้าแสแสร้งแกล้งพูดอยู่ในครัว
“ป้าว่านังคุณมิวจะโดนคุณหญิงไล่ออกจากบ้านมั้ย”
ป้าม้วนมั่นใจมาก
“ล้านเปอร์เซ็นต์”
“จริงดิ แต่ฉันได้ยินมาว่า คุณผู้ชายเอ็นดูนังคุณมิวนั่นอยู่มิใช่น้อยนะ ท่านคงไม่ยอมหรอก ป้าว่าปะ”
“เอ็งไม่รู้รึไง บ้านนี้ใครใหญ่ มาพนันกันมั้ยล่ะ ถ้านังคุณมิวโดนไล่ออกจากบ้าน ข้าขอพิซซ่าหน้าลาบอีสาน ขอบชีส เหนียวหนึบเหมือนในโฆษณาหนึ่งถาดใหญ่”
“ฉันเห็นด้วย ยังไงก็โดนไล่ออกแน่ ว่าแต่มันมีด้วยเหรอป้า พิซซ่าหน้าลาบอีสาน”
ป้าบัวเผื่อนโมโห หยิบกะละมังโยนไปตรงหน้าแต้วกับป้าม้วนเสียงดังโครม ทั้งสองกระเด้งออกมาด้วยความตกใจ มองหน้าป้าบัวเผื่อน
“นังบัวเผื่อนจะมากไปแล้วนะ”
“เอ็งสองคนออกไปจากครัวข้าเลย อย่าเอาคุณมิวของข้ามาพนันพิซซ่าโว้ย จะไปไหนก็ไป”
“ข้าไม่ไปโว้ย มีอะไรมั้ย”
ป้าบัวเผื่อนยกมีดปังตอขึ้นมา แต้วเห็นกลัวหัวหดบอกกับป้าม้วน
“ป้าไม่ไป แต่ฉันไปจ้า”
แต้ววิ่งแจ้นออกไปจากครัว ป้าม้วนหันไปเห็นปังตอรีบเผ่นตามน้อยไป
น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเลือกรูปภาพ ที่หน้าจอเป็นรูปที่มีแต่ประภาพรรณกับเอกราช ตอน ประภาพรรณร้องไห้ เอกราชมาปลอบ เอกราชร้องไห้ ประภาพรรณมาตีที่แขน น้ำยื่นให้พันกรดู ชายหนุ่มเห็นภาพประภาพรรณกับเอกราชสนิทสนมกันก็โกรธมาก น้ำแอบสังเกตว่าพันกรติดกับที่เธอใส่ร้ายประภาพรรณ ก็ยิ้มสะใจ พันกรส่งมือถือคืนน้ำ แล้วเดินห่างออกมา เงยหน้าขึ้นฟ้าด้วยความคับแค้นใจ
“ไอ้เอกราช ไอ้สารเลว”
พันกรเดินหงุดหงิดงุ่นง่าน หยิบมือถือออกมา ตัดสินใจกดเบอร์หาเอกราช
“ฮัลโหล”
“ครับผู้กองพันกร”
พันกรพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติ ไม่ให้น้ำเสียงฟังดูโกรธ
“ผมมีธุระด่วนจะคุยด้วย”
เอกราชอึ้งไป รู้สึกลำบากใจที่จะบอกที่อยู่ให้พันกรรู้
“ว่ามาเลยครับ”
“คุยทางโทรศัพท์ไม่สะดวก บอกมาละกันคุณอยู่ไหน”
“ผมทำงานอยู่คงไม่สะดวกครับ”
“ถึงผมไม่ได้ทำคดีนี้แล้ว แต่คงไม่ถึงขนาดว่าผมไปหาคุณไม่ได้มั้ง”
เอกราชชั่งใจตัว
“งั้นก็ได้ครับ ผมอยู่ที่”
พันกรพยักหน้ารับทราบที่อยู่ตามที่เอกราชบอก กดวางมือถือ หน้าเครียด
“กล้าเป็นชู้กับเมียฉัน แกตายแน่”
บุหงาแอบฟังอยู่ ตกใจนิดหน่อยที่พันกรจะเอาถึงตาย แต่ก็ยิ้มสะใจ
รถของพันกรวิ่งมาด้วยความเร็ว เขาเคร่งเครียด ไม่มีความสุข เอื้อมมือหยิบปืนพกในลิ้นชักรถออกมาวางไว้ที่เบาะข้างคนขับ ลูบคลำอย่างใจเย็น
“ฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต หรือประหาร”
พันกรแววตาเหี้ยม มองไปข้างหน้า บ่งบอกถึงความโกรธแค้นอย่างที่สุด
“ถ้ามึงทำจริงๆ กูยิงจริงๆ”
พันกรเหยีบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีกอย่างร้อนใจ จนไปถึงหน้าคอนโดฯซึ่งเป็นเซฟเฮาส์ เขาลงจากรถ มองไปรอบๆ แล้วมองไปที่ตัวคอนโด รองวิเชียรกำลังจะออกจากรถของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆ เห็นพันกรก็สงสัยว่ามาที่คอนโดนี้ได้อย่างไร เลยหยุดดู พันกรเอื้อมไปหยิบปืนในรถ แล้วเอาซ่อนไว้ในเสื้อแจ็คเก็ต เดินอย่างรีบๆ เข้าไปในคอนโด ไม่ได้สนใจรถของรองวิเชียรที่จอดอยู่ข้างๆ รองวิเชียรตกใจที่เห็นพันกรพกปืน
“ผู้กองมาทำไม พกปืนมาด้วย จะเอามายิงใคร”
รองวิเชียรเดินมาเรื่อยๆ จะขึ้นคอนโด นึกถึงตอนที่พันกรเคยบอกว่าไม่อยากร่วมงานกับเอกราช เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“หรือว่า รักสามเส้า เฮ้ย”
รองวิเชียรกังวลมาก เพราะจากสัญชาตญาณของตำรวจ ท่าทางการพกปืนแบบที่พันกรทำไม่ใช่เพื่อป้องกันตัว แต่ใช้เพื่อฆ่า เขารีบวิ่งขึ้นคอนโดไปอย่างเร็วที่สุด
เอกราช จ่าพนม หมวดบัญญัติ ทำงานในส่วนของตัวเอง เสียงเคาะประตูรัวๆ อย่างแรง เอกราชหันไปที่ประตู แล้วกลับไปมองหมวดบัญญัติ กับจ่าพนมที่ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้ว่าใครเคาะ
“ใครวะ เคาะซะดัง”
เอกราชนึกออกว่านัดพันกรไว้
“อ๋อ ผู้กองพันกร”
เอกราชหันไปมองจ่าพนม หมวดบัญญัติ ทำท่าให้เงียบ
“อย่าบอกรองวิเชียรนะ ผู้กองเขามีธุระกับผมนิดหน่อย”
หมวดบัญญัติ จ่าพนมยิ้ม ชูมือโอเค หมายความว่าไม่บอก เสียงเคาะประตูรัวๆ อย่างแรง
“มาแล้วครับ”
เอกราชมาเปิดประตูออก พันกรเดินเข้ามาในห้องด้วยความโมโห ชกหน้าเอกราชอย่างจังจนล้มลง จ่าพนม หมวดบัญญัติ ตกใจที่เห็นพันกรชกเอกราช
“ผู้กอง ต่อยเอกราชทำไมครับ”
จ่าพนมจะเข้าไปประคอง
“ไม่ต้องช่วย ให้มันลุกเอง แค่นี้ลุกไม่ไหวเหรอวะ ไอ้หน้าตัวเมีย”
เอกราชยับตัวลุกขึ้นมาอย่างงงๆ
“ต่อยผมทำไม”
“ก็เพราะมึงมาเป็นชู้กับเมียกูไง ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะทำไมต้องเป็นมิวด้วยวะ ไอ้บัดซบ”
เอกราชเริ่มจะเข้าใจว่าพันกรคงหึงหวงประภาพรรณมาก
“เรื่องมิวผมอธิบายได้นะครับ”
พันกรปรี่เข้าไปจะทำร้ายเอกราชอีก
“ไม่ต้องพูดแล้ว ตายเถอะมึง”
“ผู้กอง ฟังผมก่อน”
พันกรเข้าไปซัดกับเอกราชนัวเนีย จนเอกราชไม่มีเวลาอธิบายได้แต่ปัดป้องแล้วก็สวนกลับไปบ้างเพื่อป้องกันตัว จ่าพนม หมวดบัญญัติได้แต่ยืนมองงเป็นห่วงทั้งคู่ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม จังหวะหนึ่ง เอกราชหลุดออกมาตั้งหลักได้
“ผู้กอง ฟังผมก่อน”
พันกรขาดสติ หยิบปืนพกออกมาเล็งไปที่หัวเอกราช เอกราชร้องลั่น
“เฮ้ย”
รองวิเชียรวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้”
พันกรหันขวับไปมองรองวิเชียรอย่างตกใจ
จบตอนที่ 18