ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 18
หน้าบ้านธรรมรัตน์เช้าวันใหม่...รถมาจอดรอ เจ้าหน้าที่คุ้มกันคอยระวัง คามินกับหฤทัยยืนคุยกับธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกา
“ผมต้องขอขอบคุณ คุณธรรมรัตน์และท่านหญิง ที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอด”
“ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง ขอให้เจ้าชายเสด็จกลับไปกอบกู้ราชบัลลังค์ได้สำเร็จตามที่ตั้งพระทัย ผมอยู่ทางนี้จะคอยเป็นกำลังสนับสนุนให้มีอะไรที่คิดว่าผมจะช่วยได้ ขอให้ตรัสสั่งมาทันทีเลยนะพะยะค่ะ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”
คามินหันมามองหามัทนา ท่านหญิงมาณวิกาพูดขึ้น
“ยัยมัท บอกว่าปวดหัว ลุกมาไม่ไหว ขอประทานอภัยด้วยเพคะ”
“ไม่เป็นครับ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับคุณมัทนาเท่าที่นี่อีกแล้ว ฝากลาเธอด้วย”
หฤทัยมองคามินเห็นใจ
“ฤทัยก็ฝากลาคุณมัทนาด้วยนะคะ”
คามินนำหฤทัยไปขึ้นรถ รถออกจากบ้านธรรมรัตน์ไป คามินมองไปที่หน้าต่าง...มัทนาแอบมองอยู่หลังม่านสีหน้าอาลัย แล้วหันกลับไปที่เตียงที่มีเป้ และอุปกรณ์สื่อสารที่จำเป็น ปืน ที่ช็อตไฟฟ้าและเสื้อผ้าบางชุด มัทนาเอาของยัดใส่เป้
เจ้าชายมาคีซ้อมยิงธนู ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ธนูเข้าเป้าทั้งสามดอก มินตราตบมือเดินนำนางกำนัลที่ถือถาดมีน้ำผลไม้เย็นฉ่ำ จานขนมไทยพวกวุ้น ลูกชุบ ขนมชั้น ช่อม่วงและผลไม้ เจ้าชายมาคีหันไปเซ็ง
“ทรงพระปรีชายิ่งเพคะ...เป็นบุญของชาวรายาเหลือเกินที่ได้เป็นพสกนิกรขององค์ราชามาคี”
“ยังไม่พิธีราชาภิเษก อย่าเรียกเราแบบนี้”
“จะเป็นไรไปล่ะเพคะ ในเมื่อราชบัลลังก์รายาก็ต้องเป็นของฝ่าบาทอยู่แล้ว หม่อมฉันคั้นน้ำผลไม้เย็นๆมาถวาย ส่วนนี่ก็เป็นขนมไทยฝีมือหม่อมฉันเอง”
มินตราจัดวางให้บนโต๊ะ เจ้าชายมาคีมอง
“หน้าตาน่ากินนะ”
“ไม่ใช่สวยแค่หน้าตานะเพคะ หากได้ลองเสวยแล้วจะต้องทรงพอพระทัยแน่”
“แต่บังเอิญเราเคยชิมแล้ว” เจ้าชายมองหน้าและไล่สายตาไปตามตัว “มันไม่ถูกปากเรา ขอโทษนะ”
เจ้าชายมาคีส่งคันธนูให้องครักษ์ แล้วเดินไป มินตรายืนตัวชา นางกำนัลก้มหน้ายิ้มสะใจ
“แกยิ้มอะไร เก็บไปสิ” มินตราตวาด
นางกำนัลรีบเก็บของว่างใส่ถาด มินตรามองไปทางเจ้าชายมาคี แค้น ไม่ยอมแพ้
เจ้าชายมาคีเดินใส่เสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ
“ทิวา ทิวา มาโกนหนวดให้เราที”
มาคีลงไปหลับตานอนรอที่โซฟา มินตราเข้ามาทาโฟมแล้วก็โกนหนวดอย่างเบามือ
“นึกยังไงถึงใส่น้ำหอมเนี่ย”
เจ้าชายมาคีลืมตา เห็นมินตรา
“เจ้า...ทำไมเป็นเจ้า ทิวาไปไหน”
“เรื่องแบบนี้ หม่อมฉันคิดว่า น่าจะเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันมากกว่านะเพคะ”
เจ้าชายมาคีคว้าผ้ามาเช็ดหน้า แล้วโยนทิ้ง
“จะออกไปดีดี หรือจะให้เราจับเจ้าโยนออกไป”
“ที่ไม่อยากให้หม่อมฉันเข้าใกล้ เพราะทรงลืมมัทนาไม่ได้ใช่มั้ยเพคะ...ทั้งๆที่ทรงถูกหลอกลวง ทรยศหักหลัง ดวงพระหทัยก็ยังคงเป็นทาสของมัทนาอยู่”
เจ้าชายมาคีเน้น
“ออกไป”
มินตราไม่กลัวเดินเข้าไปใกล้
“น่าอิจฉา ถ้ามัทนายังมีชีวิตอยู่แล้วได้รู้ว่าทรงมีพระทัยแน่วแน่ขนาดนี้ คงจะซาบซึ้งประทับใจจนน้ำตาไหลแน่ๆ”
เจ้าชายมาคีกระชากมินตราเข้ามา บีบไหล่
“เราบอกให้หยุดพูด”
“แต่ก็คงต้องทรงรอจนกว่าสองคนนั่นจะเสพสุขกันจนหนำใจ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่”
มินตราท้าทายยั่วยวน เจ้าชายมาคีแค้นเงื้อมือจะตบแต่ก็ชะงักค้าง มินตราเชิดไม่กลัว เจ้าชายมาคีเปลี่ยนเป็นจับมินตรากระชากเข้ามากอดดึงเสื้อมินตราหลุดลงจากบ่า
ห้องทำงานนายพลวิฑูรวันใหม่...เทวีโวยวาย
“น้องไม่เข้าใจทำไมท่านพี่ถึงได้ยอมให้มินตราเข้าไปอยู่ในตำหนักกับเจ้าชาย ป่านนี้มันคงยั่วยวนเจ้าชายไปจนถึงไหนๆแล้ว”
“แล้วเธอเดือดร้อนอะไร”
“ทำไมจะไม่เดือดร้อนละคะ ลืมไปแล้วเหรอว่า หฤทัยลูกเราเป็นพระชายาของเจ้าชาย”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ลูกของฉัน เมื่อมันเลือกที่จะเข้าข้างศัตรู มันก็คือศัตรูของฉันด้วย...”
“ท่านพี่”
“หุบปาก หน้าที่ของเธอคือจัดการไปรวบรวมฐานเสียงของพวกนางในให้สนับสนุนการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายมาคี ไม่ใช่มาวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
เทวีทำท่าจะพูด นายพลวิฑูรตวาด
“ไป...”
เทวีออกไปอย่างไม่พอใจ นายพลวิฑูรนิ่งหน้าเพราะเจ็บแผล สุเทษพูดขึ้น
“ผมไม่เข้าใจ”
“เรื่องอะไร”
“ทำไมท่านถึงไม่ขึ้นครองราชย์ซะเองละครับ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือเราแล้ว ไม่เห็นต้องพึ่งไอ้เจ้าชายที่ไม่เอาไหนนั่นเลย”
“แกคิดแบบนี้ใช่มั้ย ถึงได้สั่งย้าย สั่งไล่องครักษ์ออกจนป่วนไปทั้งกรมกอง”
“ก็พวกมันหัวแข็ง ไม่ยอมฟังคำสั่ง แถมยังแอบลอบทำร้ายผมด้วย ถ้าไม่สั่งสอน ผมจะปกครองมันได้ยังไง”
“ที่แกสั่งใครไม่ได้ ก็เพราะไม่มีใครเคารพแก ที่พวกมันลอบทำร้ายแกเพราะมันเกลียดแก อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่า แกสั่งลงโทษพวกองครักษ์เกินกว่าเหตุทุกวัน”
สุเทษไม่พอใจ
“แต่พวกมันแข็งข้อเพราะพวกมันยังจงรักภักดีต่อองค์ราชากับไอ้คามิน”
“ก็เพราะอย่างงี้ไง ฉันถึงเก็บไอ้มาคีไว้ บนหิ้งบูชาให้พวกมันกราบไหว้ โง่แล้วก็อย่าอวดฉลาด ไม่งั้นฉันจะลดตำแหน่งแกไปเป็นทหารยาม”
สุเทษฟังแล้วแค้น
สุเทษเดินอารมณ์เสียออกมาเตะต้นไม้ เตะถังขยะอะไรไปตามเรื่อง อสิตกำลังไล่เตะยักษ์ๆวิ่งหนี
“ไอ้ยักษ์ ไอ้เวร กูจะฆ่ามึง”
“โธ่เสี่ย มันไม่ใช่ความผิดของผมนะครับ ไอ้ดอนไอ้ดำต่างหาก ที่มันปล่อยให้คุณหนูกับมาลีหนีไป ผมว่าพวกมันต้องย้ายข้าง ไปเป็นพวกไอ้คามินแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นแกก็ต้องรีบกลับไปช่วยไอ้หนูให้ได้”
“ผมเป็นผู้ต้องหาหนีคดีขืนกลับไปก็ต้องโดนรวบ เสี่ยเองก็ใช่จะรอด ป่านนี้ไอ้ดอน ไอ้ดำมันแฉเสี่ยไปถึงไหนๆแล้ว”
“โธ่ แล้วจะทำยังไง ป่านนี้ไอ้หนูมันจะไปตกระกำลำบากที่ไหนก็ไม่รู้ เดิมก็โง่อยู่แล้ว แถมความจำเสื่อมอีก โธ่ ไอ้หนูลูกพ่อ”
สุเทษมองอย่างเซ็งมาก
“มีแต่พวกปัญญาอ่อน น่าเบื่อ”
อสิตเห็นสุเทษ
“ท่านสุเทษ ท่านสุเทษมาพอดีช่วยผมด้วยครับ”
“ผมช่วยอะไรเสี่ยไม่ได้หรอก ผมไม่ว่าง”
สุเทษเดินไปเลย อสิตงงๆ
“อะไรวะ”
“ผมว่า เราคงต้องตัดหางปล่อยวัดคุณหนูแล้วละครับ ผมเห็นแกสร้างแต่เรื่องเดือดร้อนให้เสี่ยขืนแกกลับมาเราคงปวดหัวอีกเยอะ”
“แกพูดมีเหตุผลมาก เอารางวัลเป็นลูกปืนดีมั้ย...หา”
อสิตชักปืน ยักษ์หดหัว คอย่น
“ติดต่อสายเราที่เมืองไทยหาลูกอั๊วให้เจอ จ่ายเท่าไรไม่อั้น”
“ครับ” ยักษ์เซ็ง
สำนักงาน เครื่องบินเล็ก...อัคนีกับมาลีกำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่
“ไม่ได้จริงๆครับ ถ้าจะเช่าเครื่องบินต้องจ่ายมัดก่อน ตามระเบียบ”
อัคนีตบเคาน์เตอร์ปัง แล้วสะบัดมือเพราะแรงไป
“จะมากไปแล้ว รู้รึเปล่าว่าฉันลูกใคร หา ฉันอัคนีลูกเสี่ยอสิต มาเฟียใหญ่นะโว้ย”
เจ้าหน้าที่มองชุดคนไข้ของอัคนีแบบหน่ายๆ
“จะใหญ่แค่ไหน ผมก็ต้องทำตามระเบียบครับ”
อัคนีฉุน
“พูดแบบนี้ก็สวย ถ้าฉันต้องการไม่มีคำว่าไม่ได้...หรือจะลอง”
อัคนีควักปืน เจ้าหน้าที่ตกใจ มาลีเข้ามาตบหัวอัคนีคว่ำ ตวาด
“เอาอีกแล้ว...ไหนว่าจะเลิกนิสัยไม่ดีไง ไม่ทันไรนิสัยเดิมกลับมาอีกแล้วเหรอ”
อัคนีนึกได้ รีบเก็บปืน
“จริงด้วย...” อัคนียกมือไหว้เจ้าหน้าที่ “ขอโทษครับ ช่วยหาเครื่องบินให้ผมสักลำเถอะ นะผมไหว้ล่ะผมต้องรีบไปรายาอย่างด่วนที่สุดเลย”
เสียงมัทนาดังขึ้น
“จะไปรายาเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
อัคนีหันกลับมาเจอมัทนา อัคนีตาโต มาลีเรียกดีใจสุดๆ
“คุณมัทนา...”
มัทนาสะพายเป้ ยืนอยู่ในชุดนักบิน
คามินวางดอกไม้หน้าหลุมศพเมฆาอย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษครับท่านอาจารย์ ท่านปกป้องรายา แต่ผมกลับไม่ได้ปกป้องท่าน ผมสัญญาว่าเลือดและชีวิตที่ท่านอาจารย์สละเพื่อรายาจะไม่สูญเปล่า”
คามินทำความเคารพหลุมศพแล้วหันมาอีกด้าน หฤทัย สินธร ฐากูรกับน้องสาว จันทรา และชาวบ้านรายาเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
“ถวายบังคมเจ้าชายคามิน”
“ลุกขึ้น”
ทุกคนทำตามคำสั่ง คามินมองทุกคนอย่างมีความหวังพูดอย่างหนักแน่น
“หมดเวลาโศกเศร้าแล้ว เราจะต้องลุกขึ้นสู้ เราต้องกอบกู้เอกราชของรายาคืนมาให้เร็วที่สุด”
“แล้วเมื่อไหร่ องค์ราชาจะเสด็จกลับมาเป็นมิ่งขวัญของพวกเราพะยะค่ะ”
คามิน สินธร หฤทัยมองกัน
“ไม่นานหรอก องค์ราชาทรงรักษาพระองค์อยู่ที่เมืองไทยทรงหายดีเมื่อไหร่ ต้องเสด็จกลับมาแน่”
ทุกคนเฮ พวกคามินได้แต่กล้ำกลืนความเศร้า
ลานประชุม ภูสายธาร ฐากูรประกาศให้ทุกคนรู้
“ตอนนี้ นายพลวิฑูรเปลี่ยนนโยบายการปกครองของรายาไปหลายอย่าง แต่ที่ชาวรายาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็คือการให้ต่างชาติเข้ามาสำรวจเพื่อทำสัมปทานเหมืองแร่พะยะค่ะ”
คามิน สินธร หฤทัย จันทรา ชาวบ้าน นั่งฟังฐากูรอยู่
“ดี...สินธรนายใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นในการรวบรวมชาวบ้านมาเป็นกำลังพล คัดคนที่แข็งแกร่งมาฝึกเป็นนักรบ ฝึกเป็นกลุ่มๆเพราะเราจะใช้วิธีซุ่มโจมตีแบบกองโจร” คามินสั่ง
“พะยะค่ะ” สินธรโค้งรับ
คามินบอกฐากูร
“ส่วนฐากูรเอาคนที่ไม่พร้อมรบไปช่วยกันสร้างกับดักรอบหมู่บ้านเพราะถ้าท่านวิฑูรรู้ว่าเรากลับมาจะต้องส่งทหารมาถล่มที่นี่แน่ๆ”
“พะยะค่ะ”
ฐากูรโค้งรับ คามินหันไปหาจันทรา
“จันทรา...เจ้าเป็นน้องสาวหัวหน้าหมู่บ้านเราขอมอบหมายให้เจ้ารวมรวมผู้หญิงมาช่วยกันทำคลังเสบียง”
“เพคะ”
หฤทัยรีบบอก
“เจ้าชายเพคะ หม่อมฉันขออาสาช่วยเรื่องเสบียงอีกแรงได้มั้ยคะ”
“ได้สิ ขอบใจมากนะหฤทัย”
จันทรามอง หฤทัยหน้านิ่งๆ หฤทัยยิ้มให้แต่ละคนไม่มีใครยิ้มตอบ ชาวบ้านหลายคนมองมาดูไม่เป็นมิตร หฤทัยรู้สึกผิดปกติ
ท่านหญิงมาณวิกาหน้าตื่นมาจากสระว่ายน้ำ พบทิพย์กับอนงค์ที่วิ่งมาจากคนละทาง
“ที่สระไม่มี”
“ในสวนก็ไม่มีค่ะ” อนงค์บอก
“เรือนรับรองแขกก็ไม่อยู่ค่ะ” ทิพย์ที่วิ่งมาหอบๆ
ธรรมรัตน์เดินลงมาจากข้างบนอย่างเซ็งๆ ท่านหญิงหันไปถาม
“ยัยมัทอยู่ในห้องเหรอคะ”
“ไม่อยู่..อยู่แต่ไอ้นี่”
ธรรมรัตน์ชูทัมไดร์ฟที่มีโพสอิทเขียนแปะไว้ว่า...คุณพ่อคุณแม่
ธรรมรัตน์กับท่านหญิงมาณวิกานั่งหน้าทีวี ดูมัทนาที่พูดอยู่ในทีวี
“มัททำแบบนี้เพราะมัทต้องการชดใช้สิ่งที่เคย ทำให้คุณพ่อคุณแม่และทุกคนเดือดร้อน ชดใช้ในสิ่งที่ทำไปโดยไม่มีเหตุผล ชดใช้ในสิ่งที่ทำไปเพื่อความสุขของตัวเอง ชดใช้ในสิ่งที่ทำให้คนๆนึงที่รักแผ่นดินรายามากกว่าชีวิตต้องแทบเอาชีวิตไม่รอด ครั้งนี้มัทไปรายาด้วยสติจริงๆค่ะ มัทจะไปช่วยให้
ราชบัลลังก์รายากลับมาอยู่ในมือของรัชทายาทตัวจริงเพราะนี่เป็นสิ่งเดียวในโลกที่มัทจะทำให้คนที่มัทรักได้...”
ภาพในทีวีดับไป ธรรมรัตน์ ท่านหญิงมาณวิกามองหน้ากันอย่างอึ้งๆ
“ยัยมัทคงไม่ได้หมายถึง...”
“เจ้าชายคามิน” ท่านหญิงมาณวิกาพูดต่อ ทำให้เครียดไปทั้งคู่
ชายแดน...มัทนาขับรถมาเบรกเอี๊ยดอย่างรวดเร็ว อัคนี มาลีหน้าทิ่มร้องอย่างตกใจ
“เฮ้ยๆ”
มัทนาลงจากรถมาลีลงตาม อัคนีลงตามมาอย่างสะบักสะบอม
“จะกลัวอะไรนักหนา สิ้นสภาพขนาดนี้ไหวมั้ยเนี่ย” มาลีบ่น
“ไหวครับ” อัคนีจะอ้วก
“ข้ามป่านี่ไปก็เป็นรายาแล้ว แน่ใจนะว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับฉัน” มัทนาจ้องหน้า
“ร้อยพันหมื่นแสนล้านเปอร์เซ็นเลยครับ” อัคนียิ้มแย้ม
มาลีบอกมัทนาทันที
“เดี๋ยวนี้คุณอัคนีนิสัยดีเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้วค่ะ รับรองได้ว่าไม่ตุกติกกับคุณแน่ๆ”
“แล้วถ้าตุกติกล่ะ”
“มาลีจะตัดหัวคุณอัคนีเสียบประจานด้วยมือ มาลีเองเลยค่ะ”
“โหดอ่ะ”
“อย่างคุณเจอโหดๆแบบนี้ถึงจะสาสม..เดี๋ยวพอข้ามชายแดนไปเราก็เดินทางพุ่งตรงไปที่วังเลยนะ” มัทนาขำ
“เจ้าชายมาคีโกรธคุณอยู่ มาลีก็ถูกตราหน้าว่า เป็นกบฏเข้าวังพวกเราก็โดนเชือดสิคะ แล้วจะช่วยท่านคามินได้ยังไง”
“ถ้าบอกว่าเราจะเข้าไปช่วยก็คงโดนแน่ แต่ถ้าไปแบบตรงกันข้ามก็ไม่แน่”
อัคนี มาลี มองมัทนาอย่างงงๆ
ยักษ์ขับรถ อสิตที่นั่งเบาะหลังเร่ง
“ขับให้มันเร็วๆกว่านี้ได้มั้ย เดี๋ยวฉันตกเครื่อง”
“ถนนที่นี่มีแต่ทางโค้งขับเร็วกว่านี้ผมเกรงว่าจะถึงที่ก่อนเสี่ยจะถึงกรุงเทพนะครับ”
“คนที่ควรจะถึงที่ตั้งแต่ตอนนี้เลยก็คือแก ถ้า ลูกน้องแกไม่เลินเล่อปล่อยให้อัคนีหนีออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไม่ต้องรีบกลับเมืองไทยไปตามหาอย่างนี้หรอก ฮึ่ยพูดแล้วของขึ้น”
อสิตเอื้อมมือจะไปตบหัวยักษ์ มือถืออสิตดังขึ้นก่อน เขารับสายอย่างหงุดหงิดสุดๆ
“ฮัลโหล..นั่นใคร...อัคนี” อสิตดีใจมาก
อัคนีใส่ชุดคาวบอย ใส่หมวก ยืนถือปืนพิงรถอย่างเท่สุดขีด รถยักษ์วิ่งมาจอด อสิต ยักษ์ลงจากรถอย่างรวดเร็ว จำอัคนีไม่ได้ ชักปืน
“ลื้อเป็นใคร แล้วลูกอั๊วไปไหน”
อัคนีก้มหน้าแล้วเอาปืนดันหมวกขึ้นพูดด้วยมาดพระเอก
“ผมเองป๊า...”
“ไอ้หนู แกหนีออกจากโรงพยาบาลทำไม หรือว่า นอกจากความจำเสื่อมแล้วแกยังเป็นบ้าด้วย ถึงได้แต่งตัวแบบนี้”
“ผมสติสมบูรณ์ดี ผมจำทุกอย่างได้แล้ว”
“หะ จริงเหรอ นี่แกพูดจริงหรือเปล่า”
“ครับ ผมทำแย่ๆกับป๊าไว้มาก ผมก็เลยมีของขวัญมาให้ป๊าเพื่อไถ่โทษ”
“ของขวัญ...ของขวัญอะไร”
อัคนีเปิดประตูรถเห็นมัทนา มาลี ถูกมัดมือ มัดเท้า มัดปากอยู่
“นังมัทนา แกไปเจอมันได้ยังไง”
“ใช้อุบายนิดๆหน่อยๆก็หลอกผู้หญิงโง่ๆอย่างมันให้ออกมาได้แล้วละครับ ส่วนนังมาลีผมรู้แล้วว่ามันเป็นพวกศัตรู ผมเลยขยี้พรหมจรรย์ของมันจนแหลกคามือไปแล้ว แล้วผมก็จะเก็บมันไว้เป็นเมียทาส”
“มันต้องอย่างนี้สิวะถึงจะสมเป็นลูกป๊า ฆ่านังมัทซะจะได้เอาศพมันไปเอาความดีความชอบกับท่านวิฑูร”
อสิตหัวเราะลั่นสะใจ ควักปืน
“เดี๋ยวพ่อ”
“อะไรวะ อย่าบอกนะว่าแกจะใจอ่อนกับมันอีก”
มัทนา มาลีแกล้งส่งเสียงอื้ออึงหวาดกลัว
“ผมไม่ได้ใจอ่อน แต่ผมมีแผนที่ดีกว่านั้น”
อสิตมองอัคนีแปลกใจ
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 18 (ต่อ)
ห้องโถงตำหนักเจ้าชายมาคี...มินตราแต่งตัวเสร็จเดินออกมาอย่างอารมณ์เสีย เจออสิต รอเข้าเฝ้าอยู่
“คุณมินตรา ไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่ ในเวลาอย่างงี้ เซอร์ไพรส์จริงๆ”
“ต่อไป เสี่ยก็คงต้องได้พบฉันที่นี่ บ่อยๆจนชินไปเอง แล้วนี่ต้องการเฝ้าเจ้าชายเรื่องอะไร ฝากบอกฉันไว้ก็ได้” มินตราเชิด อวด
“เป็นธุระสำคัญคงจะบอกคุณมินตราไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็นพระชายาของเจ้าชายย่อมมีสิทธิ์จะรู้”
“หะ พระชายา...” อสิตตกใจ
เจ้าชายมาคีเดินออกมา อสิตทำความเคารพ
“เจ้า” เจ้าชายมาคีมองอสิต แปลกใจ
“กระหม่อม อสิต สหายของท่านนายพลมีเรื่องสำคัญจะมาทูลพะยะค่ะ”
“แต่เราต้องรีบไปประชุมเพื่อแถลงเรื่องการครองราชย์กับราชสภา เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”
อัคนีลากเอามัทนาที่คลุมหน้าเข้ามา แต่งชุดเซ็กซี่แบบหญิงรายา
“แต่ของกำนัลชิ้นพิเศษหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีกับมินตรางง
นายพลวิฑูร สุเทษ อำมาตย์ กรมวัง นั่งในห้องประชุมตรงหน้าทุกคนมีแฟ้มเอกสารวางอยู่ เก้าอี้ตัวสองตัวตั้งสูงกว่าสำหรับองค์ราชาและราชินี กรมวังและรมต.ต่างๆ หันมองหน้ากันอย่างงงๆ
“ระหว่างรอเจ้าชายเสด็จเชิญทุกท่านอ่าน รายละเอียดของพระราชพิธีราชาภิเษกที่จะจัดขึ้นในเอกสารไปพลางๆก่อน”
สุเทษบอก กรมวังเปิดแฟ้มอ่านอย่างกังวล
“เรายังไม่ได้ข่าวองค์ราชาอินทราเลยว่าประทับอยู่ที่ไหนยังมีพระชนม์ชีพอยู่หรือไม่ ความเป็นไปของราชาองค์เก่ายังไม่ชัดเจนแล้วสถาปนาเจ้าชายมาคีขึ้นครองราชย์ มันผิดกฎ”
“ใช่ แบบนี้จะอธิบายกับนานาประเทศได้ยังไง” รัตมนตรีเห็นด้วย
นายพลวิฑูรมองกรมวังอย่างไม่พอใจ
“รายากำลังต้องการผู้นำการสถาปนาเจ้าชาย มาคีเป็นเรื่องที่จำเป็น ส่วนเรื่องเหตุผล เจ้าชายมาคีคงจะทรงชี้แจงกับประเทศต่างๆเอง ไม่ต้องรบกวนพวกท่าน...”
“แต่ว่า...”
สุเทศขยับปืน พวกองครักษ์และทหารลูกน้องนายพลวิฑูรยืนอยู่ตามจุด อาวุธครบ กรมวังมองเลิ่กลั่ก รมต.มั่นคงก้มหน้า นายพลวิฑูรยิ้มสะใจ
“ผมจะไปดูหน่อยว่าทำไมเจ้าชายยังไม่เสด็จ ขอให้ทุกคนนั่งรอกันสงบนะ”
มินตราต่อว่าอสิตอย่างโมโห
“บังอาจจริงๆ กล้าเอาผู้หญิงมาเป็นบรรณาการเจ้าชาย พวกคุณเห็นเจ้าชายทรงเป็นยังไง”
“อย่าเพิ่งทรงกริ้วพะย่ะค่ะ หากเจ้าชายทราบว่าหญิงผู้นี้เป็นใครต้องทรงพอพระทัยแน่” อัคนีรีบบอก
“ไหน จะสวยสักแค่ไหนกัน”
มินตราไปกระชากผ้าคลุมหน้าออก ตะลึงที่เห็นเป็นมัทนา
“มัทนา”
เจ้าชายมาคีตะลึง อัคนียิ้มแย้ม
“นึกแล้วว่าพระองค์จะต้องทรงแปลกพระทัย”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกกบฏ ต้องเอาตัวไปให้ท่านนายพลลงโทษ”
มินตราเข้ามากระชากตัวมัทนาจะพาไป เจ้าชายมาคีตวาด
“หยุดนะ”
“ฝ่าบาท ผู้หญิงคนนี้ทำกับฝ่าบาทไว้อย่างเจ็บแสบ ทรงจำไม่ได้แล้วเหรอเพคะ”
“เราจะจัดการกับมัทนาเอง”
“แต่...”
“ออกไป..ออกไปให้หมดทุกคน ไป”
เจ้าชายมาคีตวาด อัคนีสบตากับมัทๆแอบพยักหน้านิดๆทำนองว่าให้ไปได้ ไม่เป็นไร อสิตกับอัคนีออกไป มินตราแค้นมองมัทนา เห็นแววตาที่ยิ้มเยาะของมัทนานิดนึง ก่อนที่มัทจะทำท่าสงบเสงี่ยม มินตราออกไป
เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างหงุดหงิด
“คุณกลับมาทำไม”
“หม่อมฉันถูกจับมาต่างหากเพคะ”
“นี่คุณคงยังเห็นผมเป็นไอ้ลาโง่เหมือนเดิมละสิ ถึงคิดจะกุเรื่องอะไรมาหลอกผมก็ได้ คุณแกล้งถูกจับเพื่อจะมาเป็นสายให้คามิน....ใช่มั้ย”
มัทนาอึ้งไปนิดๆ ที่เจ้าชายมาคีฉลาด
“เจ้าชายถูกเพียงครึ่งเดียว หม่อมฉันยอมถูกจับจริง แต่ไม่ใช่เพื่อเป็นสายให้คามิน แต่เพื่อมาพบเจ้าชาย”
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณคิดถึงผมมากงั้นเหรอ”
“หม่อมฉันกลับมาเพื่อทูลให้เจ้าชายทรงทราบว่าทรงเข้าใจคามินผิดทั้งหมด”
เจ้าชายมาคีหัวเราะอย่างเจ็บปวด
“ที่แท้ก็จะมาแก้ตัวให้ไอ้กบฏคามิน มันแย่งทั้งคนที่ผมรัก คิดจะชิงราชบัลลังก์จนถึงกับกล้า
เอาตัวเสด็จพ่อไป นี่เหรอคนที่จงรักภักดี”
“ทรงผิดแล้ว คามินไม่เคยมีหม่อมฉันในสายตา สิ่งที่อยู่ในหัวใจเขามีแค่ ราชวงศ์และแผ่นดินรายาเท่านั้น ที่สำคัญ คนที่พาองค์ราชาหนีคือองค์ราชินีเพราะทรงทราบแล้วว่านายพลวิฑูรต้องการโค่นล้มราชบัลลังก์”
“พอ ๆได้แล้ว ขืนคุณพูดต่อ ผมอาจจะฆ่าคุณตรงนี้ก็ได้”
“ถึงต้องตาย หม่อมฉันก็ขอยืนยันว่าเจ้าชายทรงเข้าพระทัยคามินผิด เขาไม่มีทางทำร้ายเจ้าชาย เพราะว่า...เขาคือพระเชษฐาของเจ้าชายค่ะ”
หน้าตำหนัก...มินตราจ้องอสิต อัคนีอย่างแค้นมาก อสิตไม่กลัว
“มองทำไม”
“นั่นสิไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอครับ” อัคนีย้อนถามกวนๆ
“ที่ฉันเห็นตอนนี้คือคุณสองพ่อลูกกำลังจะไม่มีเงาหัว”
อัคนีมองหน้ากันทำท่ากลัวแล้วกลับหัวเราะขำกลิ้ง
“คนที่ไม่มีเงาหัวน่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับ เพราะดูท่าเจ้าชายจะโปรดของบรรณาการที่ผมนำมาถวายซะด้วย จริงมั้ยครับป๊า”
“ฮ่าๆ จริงที่สุด” แล้วกระซิบอัคนี ชักไม่แน่ใจ “แกแน่ใจนะ ว่าเจ้าชายจะพอใจ ลองได้เมียใหม่แล้วมัทนาอาจตกกระป๋อง”
อัคนีชักหวาดเหมือนกัน
“ไม่หรอกป๊า คุณมัทนะ เด็ดดวงกว่า เชื่อผม”
นายพลวิฑูรกับสุเทษเข้ามา
“มินตรา เจ้าชายล่ะที่ประชุมรออยู่นานมากแล้วนะ”
มินตราได้ที
“ทุกอย่างล่าช้าก็เพราะสองพ่อลูกนี่ละคะท่านนายพล”
นายพลวิฑูรหันมามองอสิต กับอัคนีอย่างสงสัย สองพ่อลูกหน้าเสีย มินตรายิ้มเยาะ
เจ้าชายมาคีมองมัทนายิ้มเยาะ
“ขอบคุณที่อุตส่าห์บอก ผมควรร้องไห้เพราะความซาบซึ้งใช่มั้ย”
มัทนามองเจ้าชายมาคีอย่างตกใจ
“ทรงทราบแล้ว”
“ใช่ ผมถึงได้แน่ใจไง ว่า ทั้งเสด็จพ่อกับคามิน ร่วมมือกัน เพื่อกำจัดผมออกไปจากราชบัลลังก์”
“มันไม่มีทางเป็นอย่างงั้นเพคะ ความจริงอีกข้อที่ยังไม่ทรงทราบก็คือ องค์ราชา...”
“เสด็จพ่อ ทำไม”
“องค์ราชาทรงถูกนายพลวิฑูรทำร้าย ตอนนี้...”
“ทำไม เสด็จพ่อเป็นยังไง ตอนนี้ท่านประทับอยู่ที่ไหน”
มัทนาเปลี่ยนใจไม่บอก
“หม่อมฉันไม่ทราบ แต่หม่อมฉันแน่ใจว่าทรงรอให้ฝ่าบาทเปลี่ยนพระทัยไม่เข้าข้างคนชั่วเพคะ”
“ขอเดชะ”
เจ้าชายมาคี มัทนาหันไปเห็นนายพลวิฑูร สุเทษเดินเข้ามา มินตรา อัคนี อสิตเดินตาม
“ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกกบฏ ไม่ว่ามันพูดอะไรอย่าทรงเชื่อเด็ดขาด เอาตัวมันไปจัดการ”
มินตรามองมัทนายิ้มเยาะ
“เดี๋ยวๆ ทำอย่างงี้จะดีเหรอครับ มัทนาเป็นคนไทยมันจะเสียสัมพันธ์ระหว่างประเทศนะ”
“ถ้ามีข่าวมัทนาโดนฆ่า คนที่ฆ่าคือแก ไม่ใช่พวกเรา” สุเทษย้อน
“เฮ้ย พูดงี้ก็สวยดิ”
ทั้คู่จะต่อยกัน อสิตรีบปราม
“อย่าทำอะไรลูกอั๊วนะโว้ย”
“รีบเอาตัวไปซะที ที่ประชุมกำลังรอเจ้าชายอยู่นะเพคะ”
สุเทษลากไป เจ้าชายมาคีมองยังรัก ลังเล ต่อสู้กันในใจ
“เดี๋ยวๆ คือๆผมว่า...”
อัคคีจะแย้ง อสิตกลัวเข้าตัว
“ไอ้หนู พ่อว่าพอเหอะ”
สุเทษจะเข้าไปจับมัทนาแล้วชะงักเมื่ออัคนีพูดขึ้นอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“ผมว่า ถ้าเราอยากได้ตัวคามิน เราไม่ควรฆ่ามัทนานะครับ”
ทุกคนชะงัก
“ไอ้คามินมันรักมัทนา ช้าเร็วมันต้องเข้ามาช่วยแน่ ถึงตอนนี้เราก็แทบไม่ต้องลงแรงไปตามหามันเลย”
นายพลวิฑูรมองอัคนีด้วยสายตาอ่อนลง เจ้าชายมาคีไม่อยากฆ่ามัทนาอยู่แล้ว
“เจ้าชาย แต่ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์ที่สุด ไม่ควรจะเลี้ยงไว้นะเพคะ”
“เงียบ เราตัดสินใจเอง ขังมัทนาเอาไว้ ไอ้คามินเข้ามาเมื่อไร ก็จัดการพร้อมกัน” เจ้าชายมาคีตัดสินใจ
อสิตมองอัคนีอย่างอึ้งๆโดดกอดหอมแก้ม
“ปลื้ม..ป๊าปลื้ม เก่งมากลูกป๊า”
มินตรามองมัทนาอย่างแค้นใจ สุเทษก็ไม่พอใจ
วันใหม่...บรรยากาศการค้าขายในเมืองรายา เต็มไปด้วยของพื้นเมืองสวยงาม ร้านขนม
ทหารกลุ่มหนึ่งถืออาวุธเดินหยิบขนมกินแล้วเดินผ่านไปไม่จ่ายเงิน คามิน สินธร ฐากูร ใส่ชุดชาวบ้านสกปรกมอซอโพกผ้าปิดครึ่งหน้านั่งขอทานกันคนละมุมแอบสังเกตการณ์ ทหารกลุ่มนั้นเดินมาร้านขายผ้าแล้วแบมือให้แม่ค้า
“บ้านเมืองไม่สงบคนไม่กล้าใช้เงิน เดือนนี้ฉัน ขายได้ไม่คุ้มทุนเลยขอยกยอดไปจ่ายเดือนหน้านะจ๊ะ” แม่ค้าอ้วนวอน
“ไม่ได้ นี่เป็นรับสั่งของเจ้าชายรัชทายาทถ้าไม่ทำตามจะทรงกริ้ว”
คามินมองทหารที่อ้างชื่อเจ้าชายมาคีอย่างแค้นใจ
“แต่ฉันไม่มีเงินจริง”
ทหารมองแม่ค้าอย่างโมโหถีบแผงจนผ้าหล่อนระเนระนาด แม่ค้า คนในตวาดกรีดร้องอย่างตกใจ ทหารอีกคนปรี่เข้าไปจิกหัวแม่ค้าตะคอกใส่หน้า
“จะจ่ายหรือไม่จ่าย”
“ฉันไม่มีเงินอย่าทำอะไรฉันเลย”
ทหารเงื้อมือจะตบแม่ค้า แต่โดนถีบกระเด็นไปซะก่อน ทหารหันมองอย่างตกใจเห็นว่าเป็นสินธรในคราบชาวบ้าน โพกหัวจำไม่ได้ สินธรมองทหารอย่างโกรธจัด
“ทหารไม่รังแกประชาชนหรอกโว้ย”
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 18 (ต่อ)
สินธรเข้าไปอัดทหารอย่างโกรธจัดข้าวของตกระเนระนาดร้านค้าพัง ทหารคนอื่นๆชักปืนขึ้นจะยิงสินธร”
คามิน ฐากูร วิ่งพุ่งไปกระโดดถีบทหารที่เก็บค่าคุ้มครองสลบไป ทหารอีกกลุ่มได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ถือปืนวิ่งกรูกับมาเป็นสิบ
“ถอย”
คามิน สินธร ฐากูร วิ่งออกไปทหารรีบวิ่งตาม
คามิน สินธร ฐากูร วิ่งมาที่ซอกตึกปลอดคน ทหารวิ่งตามมาแต่ไม่เห็นทั้ง 3 คนแล้ว คามิน สินธร ฐากูร หลบอยู่บนกำแพง มองทหารที่กำลังมองหาพวกตน กระโดดลงจากกำแพง เล่นงานทหารกลุ่มนั้นอย่างโมโห คามินเตะปืนในมือทหารคนหนึ่งกระเด็นไป อีกคนชักหอกคู่ออกมาร่ายรำพุ่งเข้าโจมตี คามินหลบอย่างรวดเร็วแล้วถีบทหารล้มลงไปกอง คามินกวักมือเรียกให้ลุกขึ้นอย่างยั่วโมโห
ทหารวิ่งพุ่งเข้าคามินอีกครั้ง ขณะเดียวกันมีเด็กชายคนหนึ่งถือลูกโป่งวิ่งเล่นผ่านมา หอกกำลังจะพุ่งเข้าหาเด็กคนนั้น คามินก้มลงกอดเด็กให้พ้นจากคมหอก หอกเกี่ยวผ้าโพกหน้าคามินหลุดออกเผยให้เห็นโฉมหน้าคามิน ทหารมองอย่างตกใจ
“ไอ้กบฏคามิน”
สินธร ฐากูรเล่นงานทหารคนอื่นจนสลบไปหมดหยิบปืนขึ้นมาจ่อจะยิง
“อย่า” คามินห้าม
ทหารรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว สินธรขัดใจ
ในครัวเสบียง หฤทัยชิมแกงในหม้อที่ตั้งบนเตายิ้มพอใจแล้วหยิบชามมาตักแกงใส่
จันทรา หญิงชาวบ้านหลายคนช่วยกันหั่นผักเตรียมทำอาหารอย่างอื่น ทุกคนมองไปทางหฤทัยอย่างไม่พอใจ หฤทัยเอาแกงมาตั้งกลางวง
“แกงต้นตำหรับของตระกูลคุณแม่ฉัน ช่วยกันชิมหน่อยนะจ๊ะว่าอร่อยมั้ย”
“ฉันไม่กล้ากินหรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ”
“กลัวมันจะมีพิษ แล้วต้องตายกันยกหมู่บ้าน”
“แกงนี่ฉันทำเอง ไม่มีพิษหรอกจ้ะ”
“ก็ทำเองนี่ละน่ากลัว”
หฤทัยชะงักมองทุกคนอย่างแปลกใจ
“พ่อเธอ ฆ่าอาจารย์เมฆา ทำลายหมู่บ้านเรา เราไม่กินของที่ฆาตกรทำหรอก”
ทุกคนแซ่ร้องเห็นด้วย
“เอาเวลาที่มาทำกับข้าวไปบอกนายพลวิฑูรพ่อของเธอดีกว่าว่าให้คืนอำนาจให้เจ้าชายมาคี..รายาจะไม่ต้องมีศึกสงคราม”
“ออกไปจากภูสายธารเดี๋ยวนี้ ไป”
จันทราจ้องหน้าหฤทัยอย่างโกรธแค้น พวกที่ทำงานในครัวเดินมาล้อม บางคนถือมีด ถือพร้าน่ากลัว หฤทัยมองทุกคนอย่างตกใจ
คามิน สินธรเดินมาคุยกันมาตามทาง
“ทำไมต้องห้ามไม่ให้กระหม่อมฆ่าไอ้นักรบเลวนั่นด้วยพะยะค่ะ มันเห็นฝ่าบาทแล้ว มันต้องไปรายงานนายพลวิฑูรแน่” สินธรบ่น
“ดีน่ะสิ เราอยากให้ ข่าวที่เราเข้ามาในเมืองแพร่ออกไป เพื่อวัดความรู้สึกของชาวรายา”
“ไม่ต้องวัดก็รู้ว่าชาวรายา ไม่พอใจการปกครองที่กดขี่ขูดรีดแบบนี้ ชาวรายาจะต้องอยากให้ องค์ราชากลับมา กระหม่อมเชื่อว่าชาวรายาส่วนใหญ่ยังภักดีต่อองค์กษัตริย์”
“เราก็เชื่อเช่นนั้น แต่ตอนนี้อำนาจการคุมกองกำลังอยู่ในมือนายพล ก่อนจะบุก เราต้องแน่ใจก่อนว่า เรามีกำลังสนับสนุนเพียงพอ และต้องให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด เรามีแผนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
“ทรงพระปรีชาจริงๆ”
คามิน สินธรเดินมาถึงหน้าโรงครัวเห็นจันทรากับหญิงหลายคนนั่งกินข้าวกันอยู่ สินธรมองหาหฤทัย
“คุณหฤทัยล่ะ”
จันทรากินข้าวไปตอบไปไม่สบตา
“ไม่รู้สิ”
“ไม่รู้ได้ยังไง ก็พระชายามาช่วยพวกแกทำอาหาร” ฐากูรถามเสียงเข้ม
“ก็ทำอยู่แค่เดี๋ยวเดียว แล้วก็เดินไปทางชายป่า ฉันก็ไม่ได้ถามว่าไปทำไม”
“กระหม่อมจะไปดู” สินธรบอก
“เราไปด้วย”
คามิน สินธรจะออกไปเสียงโทรศัพท์คามินดังขึ้น คามินหยิบมาดูเป็นชื่อธรรมรัตน์ จึงหันไปบอกสินธร
“เดี๋ยวเราตามไป”
สินธรออกไป คามินรับสาย
“สวัสดีครับคุณธรรมรัตน์...อะไรนะ คุณมัทมารายา”
หฤทัยเดินหลงอยู่ในป่า ร้องไห้ด้วยความเสียใจ และความกลัว คิดถึงเหตุการณ์ที่จันทราและหญิงชาวบ้าน เดินตะโกนไล่ หฤทัยถอยมา
“ฟังฉันก่อน ฉันไม่ได้เห็นด้วยกับคุณพ่อ ฉันสาบานได้”
“โกหก ไปให้พ้น”
ทุกคนทำท่าวิ่งไล่ บางคนเก็บก้อนดิน หรือลูกไม้แถวนั้น ปา หฤทัยวิ่งหนีเข้าป่า
หฤทัยได้ยินเสียงสัตว์ร้อง ยิ่งกลัว พอยินเสียงเสือก็ๆจนสะดุดล้ม เงยหน้าเจองูแผ่แม่เบี้ย
งูจะฉก หฤทัยช็อค เสียงปืนปังๆ สินธรเป็นคนยิง วิ่งเข้ามาประคอง
“คุณหฤทัย”
“สินธร” หฤทัยกอด ตัวสั่น
“คุณไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่ต้องกลัว” สินธรพูดอย่างโมโห “ผมนึกแล้วว่าพวกนั้นแกล้งคุณ”
หฤทัยเงียบไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้
“ผมจะไปจัดการพวกเขา”
หฤทัยน้ำตายังนองหน้ารีบห้ามไว้
“อย่านะ...พวกเขาทำเพราะโกรธคุณพ่อ ฉันไม่ถือสาพวกเขาหรอก”
“ไม่ได้นะครับ นี่มันเกินไปแล้ว คุณเป็นถึงพระชายา”
“นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง ตรงกันข้ามยิ่งทำให้พวกเขาเกลียดชังฉันมากขึ้น”
“งั้นผมจะไปอธิบายให้พวกเขาเข้าใจคุณ”
“คำพูดไม่สำคัญเท่าการกระทำหรอกสินธร ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเองจนกว่าพวกเขาจะเชื่อใจฉัน”
สินธรมองหฤทัยอย่างนับถือ
“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ”
“ขอบใจมาก สินธร นายทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอ”
สินธรรีบลุก ก่อนจะเผลอพูดความในใจ
“กลับกันเถอะครับ”
สินธรจะเดินไปแต่เจ็บขาหน้าเหยเก หฤทัยมองขาสินธรอย่างตกใจ
“ขานาย”
หฤทัยรีบเปิดขากางเกงสินธร เห็นแผลจากการต่อสู้ครั้งก่อนอักเสบจนเลือดไหล
“แผลเดียวกับที่ถูกยิงใช่มั้ย นานแล้วทำไมไม่หาย นี่นายไม่ใส่ใจตัวเองเลยเหรอ มันน่าตีนัก”
หฤทัยรีบเอาผ้าเช็ดหน้าผูกแพรห้ามเลือดให้ สินธรมองหฤทัยอย่างหวั่นไหว
หฤทัยประคองสินธรเดินมาตามทาง สินธรมองหฤทัยยิ้มมีความสุข
“นายกับลูกน้องเหมือนกันไม่มีผิด ดูแลคนอื่นแต่ไม่ยอมดูแลตัวเอง”
สินธร หฤทัยชะงักเมื่อได้ยินเสียงฐากูรโวยวาย
“รับมาซะดีดีว่าแกตั้งใจไล่คุณหฤทัยไป”
“ก็บอกว่าไม่ได้ทำๆ”
“แกนี่มัน”
ฐากูรจะตบ หฤทัยรีบเข้ามา
“อย่าจ้ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจันทรา ฉันผิดเอง ฉันจะทำอาหารเสร็จไปเดินเล่น ก็เลยหลงทาง”
จันทรา ผู้หญิงอื่นๆมองหฤทัยอย่างแปลกใจ
“คุณจันทราเตือนฉันแล้วว่าป่าแถวนี้มันทึบ แต่ฉันไม่เชื่อ ดีนะที่สินธรหาฉันเจอ”
“แล้วไป...จำไว้นะว่าคุณหฤทัยเป็นพระชายาเจ้าชาย ใครทำร้ายคุณหฤทัยจะถูกฉันลงโทษอย่างหนัก”
จันทรา ผู้หญิงอื่น จ๋อย สินธรมองจันทราอย่างสะใจแล้วมองหาคามิน
“แล้วเจ้าชายคามินละ”
ฐากูรมองสินธรหนักใจ
ห้องรับรองบ้านนายพลวิฑูร คามินปีนขึ้นมาบนกำแพง มองซ้ายมองขวาอย่างระวัง ทหารยามเดินเตร่อยู่ แล้วมองระเบียงห้องอัคนี คามินคิดถึงเหตุการณ์ที่ธรรมรัตน์โทรหา
“เหมันต์เช็คไปที่โรงเก็บเครื่องบินถึงได้รู้ว่ามัทไปรายา เจ้าหน้าที่บอกว่ามีคนไปกับยัยมัทด้วยชื่ออัคนีกับมาลี”
“มาลีกับกับอัคนีงั้นเหรอ” คามินแปลกใจ
ปัจจุบัน คามินขว้างอาวุธลับไปที่กิ่งไม้ๆหักลงมา ทหารวิ่งไปดู ไม่เห็น คามินที่โดดเกาะระเบียงแล้วปีนขึ้นไป
ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 18 (ต่อ)
อัคนีนอนหลับอยู่บนเตียง คามินค่อยๆเปิดประตูระเบียงพุ่งเข้ามาบีบคออัคนีอย่างโมโห
อัคนีรู้สึกตัวตื่นอย่างตกใจ
“อ๊อก”
“คุณมัทอยู่ที่ไหน”
อัคนีจับมือคามินพยายามจะอธิบาย มาลีนอนที่นอนที่ปูบนพื้น ลุกพรวดขึ้นจากข้างเตียงมองคามินอย่างตกใจ
“ท่านคามิน”
“มาลี”
“คนอื่นๆเข้าใจว่ามาลีเป็นเมียคุณอัคนี มาลีเลยต้องแกล้งมานอนกับคุณอัคนีน่ะค่ะ อย่าทำร้ายคุณอัคนีนะคะเขาเป็นพวกเดียวกับเรา”
“พวกเดียวกับเรา”
คามินงง แต่ยอมปล่อยมือจากอัคนี
“ถ้าเป็นพวกเดียวกันจริงก็บอกมาว่าคุณมัทอยู่ที่ไหน”
มัทนานั่งคิดหน้าเครียดอยู่ในห้องขัง ภายตำหนักเจ้าชายมาคี ไม่รู้จะทำให้เจ้าชายมาคีเปลี่ยนใจได้ยังไง เธอนึกถึงเหตการณ์ที่ผ่านมา มินตราบอกให้เอาเธอไปฆ่า
“ไม่นึกเลยว่าพี่มินจะเป็นได้ขนาดนี้”
มินตราถือมีดวิ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง มัทนาหลบอย่างรวดเร็วมองมินตราอย่างตกใจ
“เรื่องลอบกัดนี่เก่งเหลือเกินนะ”
“เธอสมควรตายไปตั้งนานแล้ว”
มินตราพุ่งเข้ามาจะเอามีดแทง มัทนาจับมือไว้ยื้อกัน
“มัทยังตายไม่ได้หรอกค่ะถ้ายังไม่ได้เห็นหน้าคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างพี่มิน”
“หน้าเนื้อใจเสือ คำนี้ควรจะใช้กับครอบครัว เธอมากกว่าบอกใครต่อใครว่าเลี้ยงฉันเหมือนลูกแต่ความจริงก็เห็นฉันแค่หมารับใช้”
“พี่คิดเอาเองทั้งนั้น”
“คิดเอาเองเหรอ ถึงกับให้ฉันปลอมเป็นเธอไปรับกระสุนพวกผู้ร้าย วันนั้นถ้าฉันโชคไม่ดี ฉันตายไปแล้ว”
“อะไรนะ”
มัทนาเสียจังหวะ มินตราสลัดหลุด ไล่แทง มัทนากลิ้งหลบ
“ไม่ต้องมาไร้เดียงสา พ่อแม่เธอเห็นเธอมีค่าเหนือกว่าคนอื่น ทั้งๆที่คนที่ต้องหายไปจากโลกนี้มันควรเป็นคนอย่างเธอ ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นชายาเจ้าชาย เป็นราชินีแห่งรายา”
มัทนามองมินตราอึ้งๆ
“ที่พี่ทำทุกอย่างนี่เพราะพี่อยากเป็นราชินีงั้นเหรอ”
มินตราไม่ตอบจ้วงแทงอย่างแรง มัทนาถีบมินตรากระเด็นไปแล้วชี้หน้า
“รู้ไว้ด้วยนะ ว่าสิ่งที่พี่เพ้อฝันมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ใช่เพราะพี่ทำทุกอย่างได้ดีกว่ามัท แต่มันเป็นเพราะพี่ไม่มีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการเป็นราชินี นั่นก็คือ ความรักที่ไม่ต้องการการตอบแทน”
“ฉันจะอ้วก คนที่เห็นแก่ตัวคือแก แกกินรวบทั้งเจ้าชายทั้งคามิน ผู้หญิงสารเลวอย่างแกต่างหากที่ไม่คู่ควร”
มินตราวิ่งพุ่งเข้าหามัทนาที่ยังล้มอยู่กับพื้นเงื้อมีดสุดมือแต่เจ้าชายมาคีจับมือกระชากมินตราให้หันมาแล้วตบอย่างแรงมินตราเซ หันมองตกใจ
คามินจะพุ่งลงหน้าต่าง อัคนีรีบถาม
“เดี๋ยว จะไปไหน เจ้าชาย”
“ผมต้องไปช่วยคุณมัทนา”
“อย่างงี้ก็เข้าทางพวกมันเลยสิ เจ้าชายไปไม่ได้นะพะยะค่ะ”
“จริงด้วยเพคะ พวกมันคงดักรอเจ้าชายอยู่แล้วอย่าเสด็จไปเลย” มาลีช่วยห้าม
“แต่เราจะปล่อยให้มัทนาเผชิญอันตรายอยู่คนเดียวไม่ได้”
เสียงเคาะประตู รัวๆ เสียงอสิตดังขึ้น
“ไอ้หนูๆ มีคนร้ายเข้ามา เปิดประตู”
“ป๊ามา เจ้าชายรีบเสด็จหนีไปก่อน”
ประตูถูกยักษ์กระแทก ดังโครมๆ มาลีกังวล
“แต่ทหารข้างล่างคงไม่ปล่อยเจ้าชายออกไป”
ทั้งหมดมองหน้ากัน
ประตูถูกยักษ์ดันโครมเข้ามา อสิตกับยักษ์ถือปืนเข้ามา อัคนียืนกอดกับมาลี หน้าต่างเปิด ผ้าม่านปลิวไสว อสิต ยักษ์เดินไปรอบห้อง ชะโงกดู ด้านล่างไม่มีอะไร
“ไอ้หนู มีคนร้ายบุกเข้ามาในนี้หรือเปล่า”
อัคนีพยักหน้า
“ไหนครับ มันอยู่ไหน” ยักษ์รีบถาม
“ทหารยามเจออาวุธลับตกอยู่ ใช่ไอ้คามินมั้ย” อสิตร้อนใจ
อัคนีส่ายหน้า
“แล้วมันรูปร่างหน้าตาเป็นไง”
“มันสูงใหญ่ แขนขายาว หัวโต ตาแดงเหมือนลูกไฟ”
ยักษ์ชักปอด ขยับมาใกล้อสิต มันลอยจากหน้าต่างเข้ามาหาผม มาลี แล้วก็ยื่นมือมา มือมันยาวขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงคอผม
“นะ...นะนั่นมันไม่น่าใช่คนแล้วนะเสี่ย” ยักษ์เริ่มกลัว
“ไม่ใช่คนแล้วอะไรวะ” อสิตงง
“ผะ...ผะ...ผี”
“เหลวไหล ในโลกนี้ไม่มีผีโว้ย”
มาลีชี้ไปข้างหลังอสิตกับยักษ์
“มันมาโน่นแล้ว”
ยักษ์ร้องจ๊าก อสิตตามเอาผ้าคลุมโปงกัน อัคนีมองกับมาลี หลิ่วตากัน
ห้องขังมัทนาตำหนักเจ้าชายมาคี...มินตรามองเจ้าชายมาคีอย่างน้อยใจ
“ทำร้ายหม่อมฉันทำไม หม่อมฉันจะฆ่ามันเพราะปล่อยให้ผู้หญิงแพศยาที่ลักลอบสวมเขาให้ฝ่าบาทมาอยู่ใกล้ๆฝ่าบาทไม่ได้”
“เธอไม่มีสิทธิ์ ออกไป”
“ทรงยอมรับมาดีกว่า ว่ายังทรงรักมัน ทรงอยากได้มัน ทั้งๆที่มันเป็นเมียไอ้คามิน”
“ถ้าไม่หยุดพูดเธอจะโดนยิ่งกว่านี้”
“หม่อมฉันจะพูด ถ้าฝ่าบาทยังจะทรงโง่ให้นังผู้หญิงคนนี้หลอกอยู่”
เจ้าชายมาคีเข้าไปลากมินตรา
“ปล่อย”
“องครักษ์” เจ้าชายมาคีตะโกน
องครักษ์วิ่งเข้ามา
“เอาผู้หญิงคนนี้โยนออกไป แล้วอย่าให้เหยียบเข้ามาที่นี่อีก”
“ทรงทำอย่างงี้ไม่ได้นะ หม่อมฉันเป็นเมียฝ่าบาทนะ”
องครักษ์ลากมินออกไป มัทนาระทึก
“อย่าห่วง ถ้าไม่ได้ตัวไอ้คามิน ผมยังไม่ปล่อย ให้คุณตายง่ายๆหรอก”
“คามินไม่มาหรอก เชื่อหม่อมฉันเถอะ หม่อมฉันไม่ได้ มีความหมายอะไรกับเขา เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“งั้นเหรอ”
เจ้าชายมาคีเดินมากระชากมัทนาเข้ามากอด
“แสดงว่า ถ้าเรามีอะไรกันคืนนี้ ผมก็ไม่ได้ชื่อว่าแย่งผู้หญิงของพี่ชายสินะ”
คามินแนบตัวกับระเบียงได้ยินทุกอย่าง เตรียมบุกเข้าไป ขณะที่มัทนาโต้
“ถ้าทำอย่างงั้นก็เท่ากับทรงยอมแพ้คามิน เพราะคามินไม่เคยบังคับข่มเหงผู้หญิงคนไหน ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบดี”
เจ้าชายมาคีแค้นผลักมัทนาออกไป
“แล้วผมจะทำให้คุณเห็น ว่าผมชนะคามินได้ คอยดูก็แล้วกัน”
เจ้าชายมาคีเดินออก มัทนาถอนใจ รีบไปหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนเอาไว้ใต้ที่นอนออกมา
“อัคนีส่งข้อความมา มิสเตอร์เค กำลังจะบุกเข้าไปหานางสาวโรส...มิสเตอร์เค คามิน...โรส กุหลาบ ก็เราน่ะสิ ล้อเล่นอะไรเนี่ย”
มือคามินเข้ามาแย่งโทรศัพท์มา มัทนาหันไปเห็นตะลึง
“เจ้าชาย”
“คุณทำอะไรของคุณ...”
“จะ เจ้าชายมาได้ไงเพคะ”
“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำอะไรวู่วาม ไร้สติแบบนี้”
“ตรัสเกินไปหรือเปล่า หม่อมฉันมีสติครบทุกอย่าง คนที่วู่วามคือฝ่าบาท ไม่ทรงทราบเหรอว่าท่านวิฑูรต้องการฆ่าฝ่าบาทขนาดไหน ทำไมยังเสด็จเข้ามาอีก”
“ก็ถ้าไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ ผมคงไม่มา คุณต้องหนีไปกับผม”
“ไม่เพคะ”
“มัทนา นี่ไม่ใช่กีฬาเอ็กซตรีมที่คุณเคยเล่น แต่นี่มันคือสงคราม”
“หม่อมฉันทราบ แล้วหม่อมฉันยินดีเดินเข้ามาสู่สมรภูมิแห่งนี้เอง เพราะฉะนั้น ฝ่าบาทไม่ต้องทรงเป็นห่วง หม่อมฉันดูแลตัวเองได้ และจะไม่เป็นตัวถ่วงให้ฝ่าบาทแน่นอนขอร้องเถอะเพคะ เสด็จกลับไปซะ”
คามิมอุ้มมัทนาขึ้นโยนไปบนเตียง
“เจ้าชาย”
คามินนอนทับมัทนาไว้ทั้งตัว
“นี่ จะทรงทำอะไร”
“เลือกเอา ถ้าไม่ออกไปด้วยกัน ก็นอนอยู่ด้วยกันบนเตียงนี้จนถึงเช้า”
“หะ จะได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ไหนไหนก็เสี่ยงเข้ามาช่วยคุณถึงที่นี่ จะกลับไปโดยไม่ได้อะไรเลย จะคุ้มเหรอ”
“ทรงล้อเล่นใช่มั้ย ทรงเป็นสุภาพบุรุษ ไม่รังแกผู้หญิงหรอก”
“เมื่อก่อนเป็นองครักษ์ ต้องระวังตัว แต่ตอนนี้เป็นเจ้าชายแล้ว ทำอะไรก็ได้”
“แต่ว่า แต่ว่า มันเสียศักดิ์ศรี”
“คิดจะใช้มุกดูถูกท้าทายเหมือนที่ใช้กับเจ้าชายมาคีเมื่อกี๊ ไม่สำเร็จหรอก ผมรู้จักคุณดี”“ทรงมีพระชายาแล้วนะ ถ้าพระชายารู้เข้า ต้องเสียใจ”
“หฤทัยเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ไม่ต้องห่วง”
มัทนาแผ่วลงตามลำดับ
“แต่ว่า...”
“แต่อะไร..”
“แต่..”
เสียงหายไป ตามองตา รู้สึกถึงจังหวะหัวใจกันและกัน ปากแตะกันจนได้ โทรศัพท์บนเตียงเป็นระบบสั่น อัคนีโทรเข้า ทั้งสองสะดุ้ง มัทนารีบรับ คามินผละห่างออก
“ฮัลโหล...ว่าไงคุณอัคนี”
จบตอนที่ 18