xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 9 
เอ็มกำลังนั่งดูรูปเก่าๆ ของทอมและเชอร์รี่ตอนเป็นเด็ก เขาพูดกับรูปยิ้มๆ

“มณี ถึงพี่จะเคยทำผิดกับเธอในอดีต พี่จะขอแก้ตัวทำทุกอย่างให้ทอมกลับมามีความสุขอีกครั้ง พี่สัญญา”
เรยาพรวดพราดเข้ามาที่ห้องรับแขก สาลี่ตามหลังไปติดๆ เรยาเปิดฉากด่าไม่ไว้หน้า
“ทำให้ตัวเองมีความสุขแล้วสร้างความทุกข์ให้กับคนอื่นแบบนี้เขาไม่เรียกว่านักธุรกิจ แต่เขาเรียกว่าขโมย”
เอ็มยิ้มเย้ยๆ “ขโมยอะไรหนูเรยา ของแบบนี้ใครดีใครได้ หนูมันดวงซวยไปอยู่ค่ายที่เจ้าของไร้น้ายาเอง”
“อย่ามาว่าคุณอานะ เขาไม่ได้เลวเหมือนแก” สาลี่เถียงแทน
ถั่วพูกับทอมเดินเข้ามา ถั่วพูโต้กลับสาลี่ทันที
“อย่ามาทำเป็นแม่ค้าปากตลาดที่นี่ ถ้าพูดมากฉันจะแจ้งความ คราวนี้ได้ลงหน้าหนึ่งแน่ๆ เรยานักร้องตกกระป๋องค่ายเอสเคเรคคอร์ดตามมาวีนคุณเอ็ม เพราะกลัวจะดังสู้นักร้องใหม่ไม่ได้”
เก่งกับครูห่านตามมา ครูห่านรีบปกป้องเรยา
“น้อยๆ หน่อยแม่ถั่วพู ถึงเรยาจะผิดที่มาโวยวายที่นี่ แต่เขาก็มีเหตุผลที่ต้นเหตุมาจากเจ้านายหล่อน”
“คุณพ่อผมทำอะไร พวกคุณถึงได้ไร้มารยาทเข้ามาเสียงดังในบ้านผม”
เรยามองหน้าทอมไม่พอใจ
“นี่เองที่เขาว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเลวยังไงลูกมันก็เลวอย่างนั้น”
“นี่คุณ”
เก่งรีบพูด “พอเถอะครับ ค่อยๆ พูดจากัน ใช้อารมณ์แบบนี้ไม่มีทางรู้เรื่อง”
ทอมสงบสติลง “ตกลงเรื่องมันยังไงกันครับ”
“เพลงแก้ของผมที่คุณเรยาจะต้องร้อง คุณเอ็มไปซื้อตัดหน้ามาครับ”
ทอมอึ้งที่พ่อยังคงทำธุรกิจเอาเปรียบคนอื่นเหมือนเดิม เรยาพูดต่อ
“คราวนี้คงเข้าใจแล้วซินะว่าพ่อนายทำร้ายอะไรฉันบ้าง ว่ามาซิคุณเอ็ม คุณทำแบบนี้ทำไม คุณขโมยเพลงของฉันไปให้นังข้าวหอมทำไม ทำทำไม”
ข้าวหอม มะขิ่น บัวเข้ามาทันได้ยินประโยคนั้นเข้า ข้าวหอมอึ้งทำอะไรไม่ถูก เรยาโกรธระเบิดความแค้นออกมาแล้วร้องไห้ ด้วยความโมโหที่ถูกแย่งเพลง เก่งมองเรยาด้วยความสงสาร เข้าไปโอบไหล่หญิงสาวปลอบ ข้าวหอมมองทุกอย่างตะลึง พูดไม่ออก และรู้สึกเจ็บลึกๆ ที่เก่งให้ความสำคัญกับเรยา ทอมหันไปมองเอ็มอย่างเสียใจที่พ่อทำธุรกิจไม่ซื่อ
“ไหนคุณพ่อว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเริ่มต้นใหม่ ในที่สุดพ่อก็ยังคงเป็นพ่อเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเหมือนเดิมไม่มีผิด ผมมันโง่เองที่เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นได้”
ทอมน้ำตาคลอเสียใจ เดินออกจากบ้านไป เอ็มตกใจนึกถึงภาพมณีเดินออกจากบ้าน เขากลัวสูญเสียทอมอีกครั้ง จนอาการโรคหัวใจกำเริบ เจ็บหน้าอกแล้วทรุดลง มะขิ่น ข้าวหอม บัว ตกใจ ข้าวหอมร้องเรียกทอม
“หมอทอม หมอทอมคะ คุณเอ็มแย่แล้ว”
ทอมหันหลังกลับมาเห็นพ่อนอนหมดสติที่พื้นก็ตกใจมาก รีบวิ่งไปหาพ่อ มะขิ่นได้สติก่อน สั่งถั่วพูให้คนเอารถออก ถั่วพูรีบลุกออกไป มะขิ่นสั่งการต่อ
“หมอทอมรีบพาคุณเอ็มไปโรงพยาบาล ส่วนข้าวหอมอยู่ที่นี่ ฉันคิดว่าแกคงจะมีเรื่องคุยกับเก่ง บัวไปกับฉันจะได้ช่วยกัน”
บัวรีบเข้ามาช่วยมะขิ่นกับทอมประคองเอ็มออกไปขึ้นรถ เก่งกับข้าวหอมมองหน้ากันไปมา มีคำถามมากมายในใจ ทั้งสองไปนั่งคุยกันที่โต๊ะริมสระน้ำ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เราอยู่ติดกันแค่นี้เองเหรอเนี่ย”
“ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเพลงที่คุณเอ็มเอามาให้ร้องเป็นเพลงของคุณเรยา”
“วงการนี้น่ากลัวจริงๆ เพราะอย่างนี้น้าอรเลยไม่อยากให้พี่เข้ามายุ่งเกี่ยว”
“พี่เก่ง ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ ถ้ารู้ ฉันไม่มีวันแย่งของใคร พี่เก่งเชื่อใจฉันใช่ไหม”
เก่งยิ้มๆ ให้กำลังใจข้าวหอม พร้อมกุมมือหญิงสาวไว้
“พี่เชื่อข้าวหอม ว่าแต่ ข้าวหอมได้เพลงสัญญารักปากช่องมาได้ยังไง”
เรยาเข้ามาพูดเสียงแข็ง สาลี่ ครูห่านตามหลังมา
“แฟนนายก็ไปขอมาจากครูสัญญาไง วันที่เราไปเอาเพลงมาให้นาย” เรยาบอก
“ของแบบนี้ข้าวหอมต้องไปขอร้องครูเพลงเอง ไม่งั้นท่านจะให้มาได้ยังไง” สาลี่ย้ำ
ข้าวหอมนั่งนิ่ง ก้มหน้า เก่งหาคนช่วย มองหน้าครูห่าน ครูห่านอึกอัก
“เอ่อ น่าจะจริง ถ้าข้าวหอมไม่ได้ไปร้องเพลงให้ครูท่านเห็นความสามารถ ท่านไม่ให้เพลงเอกแบบนี้มาหรอกเก่ง ข้าวหอม ข้าวหอมไปร้องเพลงให้ครูสัญญาฟังหรือเปล่า”
“เอ่อ จ๊ะ แต่ฉัน”
เรยาแย่งพูด “เห็นไหม ในที่สุดก็จนต่อหลักฐาน เธอแย่งของรักของฉันได้ สักวันฉันก็จะแย่งของรักของเธอเช่นกัน”
เรยาพูดจบเดินหนีไปด้วยความแค้น สาลี่ ครูห่านเดินตาม ทิ้งให้ข้าวหอมอยู่กับเก่งลำพัง เก่งมองข้าวหอมเหมือนคนแปลกหน้า
“ข้าวหอม เธอขโมยเพลงเรยาจริงๆ เหรอ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจพี่เก่ง ฉัน”
ข้าวหอมพูดไม่ออก ได้แต่กุมมือเก่งไว้ เก่งพูดอย่างขมขื่น
“ข้าวหอมอย่าให้ชื่อเสียงเงินทองมาทำให้ข้าวหอมเปลี่ยนแปลงไป เพราะคนที่จะเสียใจเจ็บช้ำที่สุดก็คือคนที่รักข้าวหอมสุดหัวใจคนนี้”
เก่งค่อยๆ ปล่อยมือจากข้าวหอม เดินหันหลังจากไป ข้าวหอมมองอย่างเสียใจ น้อยใจที่เก่งไม่เชื่อใจเธอ

สมชายยืนรออย่างกระวนกระวาย ครูห่าน สาลี่ เดินประคองเรยากลับมา สมชายรีบถาม
“เป็นยังไงครูห่านเกิดอะไรขึ้น”
“เรยาไปต่อว่าคุณเอ็มจนล้มป่วยค่ะบอส”
“นึกแล้ว เอาเถอะ สาลี่พาเรยาไปพักผ่อนก่อน”
สาลี่พาเรยาเดินเข้าบ้าน สมชายมองหาเก่ง
“แล้วเก่งล่ะ”
“กำลังเคลียร์กับข้าวหอมอยู่ค่ะ”
“เพื่อนเขาที่มาประกวดพร้อมกันใช่ไหม”
“ค่ะบอส แต่ตอนนี้น้องเขาเป็นนักร้องค่ายคุณเอ็ม และเป็นคนขโมยเพลงเรยาไปด้วยค่ะ”
ครามเดินออกมา ได้ยินประโยคที่ครูห่านพูดพอดี
“เข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่าครับ เพื่อนผมไม่มีทางทำอย่างนั้น”
“ฉันก็ไม่รู้ แม้แต่เก่งก็ยังเชื่อเรื่องนี้เลย ไม่เชื่อถามดูซิเดินมาโน่นแล้ว”
ครามรีบวิ่งไปหาเก่ง
“เก่งแกเชื่อใจข้าวหอมใช่ไหม”
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องข้าวหอมตอนนี้”
ครามเริ่มมีอารมณ์ ตวาดเพื่อนให้รู้สึกตัว
“ไอ้เก่ง เขาเป็นแฟนแกนะ ถ้าแกไม่เชื่อใจเขาในโลกใบนี้ข้าวหอมจะพึ่งพาใครได้อีก”
เก่งนิ่งคิดในสิ่งที่ตัวเองทำร้ายข้าวหอมไปด้วยคำพูด
“จริงของแก ฉันมันโง่ ฉันจะไปขอโทษข้าวหอม”
“พอเถอะ สร้างเรื่องกันไม่พอหรือไง พรุ่งนี้ค่อยไป ส่วนฉัน พรุ่งนี้ก็มีเรื่องที่ต้องไปคุยกับเอ็มมันเหมือนกัน”

เอ็มนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องVIP สมชายเดินเข้ามามองอย่างเป็นห่วง เปรยเบาๆ
“เอ็ม เมื่อไรแกจะทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมาสักทีนะ”
เอ็มค่อยๆ ลืมตาขึ้น “นี่แกตามมาเทศนาฉันถึงที่โรงพยาบาลเลยเหรอ”
“ปากดีอย่างนี้แสดงว่าแกยังไม่ตายง่ายๆ”
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นจะเอายังไงก็ว่ามา แต่เรื่องเพลงของเรยาฉันไม่คืนให้”
“ฉันไม่ได้มาทวงเพลง แต่ฉันอยากจะเตือนแกในฐานะเพื่อนเก่า”
“คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องให้คนขี้แพ้อย่างแกมาเตือน”
“แน่ใจเหรอว่าแกชนะ ในเมื่อฉันยังอยู่ดีมีสุขไม่อนาทรร้อนใจ ผิดกับแกที่ทุกข์ทรมานใจจนต้องป่วยแบบนี้ แกจะชนะเพื่ออะไร”
“ไม่รู้ล่ะ จะยังไงฉันก็ชนะอยู่ดี”
“ตามใจแก นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย แกอยากจะเอาชนะฉันอยู่บนความทุกข์ใจของแกก็ตามใจ”
“ฉันไม่สนไม่ว่าฉันจะทรมานแค่ไหน ขอให้ชนะแกก็พอ ฉันจะต้องมีเกียรติยศชื่อเสียงเหนือกว่าแกไอ้สมชาย”
“เอ็ม ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือคนที่ทำตัวเองให้เล็กที่สุด ถ้าแกอยากจะมีเกียรติแกต้องรู้จักให้เกียรติผู้อื่น”
สมชายเดินออกไป ทอมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องคนไข้ สมชายมองทอมอย่างเห็นใจ
“ผมขอโทษแทนคุณพ่อเรื่องเพลงเรยาด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกหลานชาย พ่อเธอซิน่าเป็นห่วง”
“คุณลุงเป็นคนถูกกระทำทำไมถึงบอกว่าคุณพ่อน่าเป็นห่วง
“พ่อเธอมีแต่ความริษยา ฉันกลัวว่าสักวันมันจะเผ่าไหม้เขาเป็นจุล”
“แล้วผมควรจะทำยังไงถึงจะช่วยคุณพ่อได้ครับ”
“ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากตัวเขาเอง เธอทำได้ก็เพียงอยู่เป็นกำลังใจข้างๆ เขา ไม่ละทิ้งเขาไปไม่ว่าเขาจะทำผิดแค่ไหนก็ตาม ฉันกลับก่อนนะ”
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าคุณพ่อมองเห็นความดีของคุณลุงสักนิดท่านคงมีความสุขกว่านี้”
สมชายตบบ่าให้กำลังใจทอม แล้วเดินจากไป

ข้าวหอมนั่งปรับทุกข์กับมะขิ่นและบัวเรื่องเก่ง
“อะไรนี่เก่งมันหาว่าแกขโมยเพลงเรยาเหรอ” มะขิ่นตกใจ
“เขาก็ไม่ได้พูดตรงๆ แต่ท่าทางเหมือนไม่เชื่อใจฉัน”
“พี่เก่งทำแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ ต้องไปลุยให้รู้ดำรู้แดง บังอาจทำร้ายจิตใจพี่สาวที่เคารพคบไม่ได้”
มะขิ่นรีบห้ามบัว “เดี๋ยว ใจเย็นก่อนได้ไหม ฉันว่ามันผิดวิสัยเก่ง”
“ใช่ ผิดเต็มๆ พี่เก่งผิดต่อฉัน” ข้าวหอมย้ำ
“แบบนี้ต้องลุย” บัวโกรธ
“เฮ้ย ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ ฉันหมายถึงว่ามันต้องมีเหตุที่ทำให้เก่งพูดรุนแรงกับข้าวหอมแบบนั้น ใครๆทั่วหมู่บ้านก็รู้เก่งมันรักและเทิดทูนข้าวหอมดั่งแก้วตาดวงใจ เรื่องแค่นี้มันไม่มีทางเข้าข้างคนอื่น”
ครามเดินเข้ามา “ลมเพชรหึงไง”
ทุกคนหันมามองคราม มะขิ่นดีใจโดดผึงมาเกาะคราม ข้าวหอมมองครามอย่างแปลกใจ

มะขิ่นนั่งเกาะแขนครามที่โต๊ะริมสระน้ำ ข้าวหอมนั่งรอฟังเหตุผลอยู่ข้างๆ บัวถือผลไม้และน้ำมาให้คราม
“เอ้ากินซะ จะได้รีบๆ บอกเหตุผลมาแล้วรีบไป”
“โห เพิ่งมาถึงจะให้รีบกลับซะงั้นไม่เห็นน่ารักเหมือนมะขิ่นเลยเนอะ”
“มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละตกลงจะบอกไหมว่าเรื่องมันยังไง”
ครามยิ้มล้อเลียนบัว แต่พอเห็นสีหน้าข้าวหอมที่ทุกข์ใจเลยรีบบอก
“ก็อย่างที่ฉันว่าแหละ ไอ้เก่งมันเชื่อใจข้าวหอม”
“เชื่อใจแล้วพูดแบบนั้นทำไม”
“ก็เก่งมันหึงข้าวหอมกับหมอทอมน่ะซิ” มะขิ่นโพล่งขึ้น
“หึงทำไมไร้สาระ ฉันคิดกับหมอทอมเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“แต่เก่งมันไม่คิดอย่างนั้น มันน้อยใจที่เห็นหมอกับข้าวหอมจับไม้จับมือกัน”
“นั่นมันตอนที่คุณเอ็มเขาป่วย พี่ข้าวหอมเป็นห่วงก็เลยจับมือหมอทอมมารีบตรวจพ่อเขา” บัวอธิบาย
“นั่นแหละ มันหึง คนหึงทำได้ทุกอย่าง ให้อภัยเก่งมันเถอะนะ”
"อย่าว่าแต่เก่งเลยนะฉันเองก็รู้สึกได้ว่าหมอทอมชอบแก”
“มันคนละเรื่องกันมะขิ่น แค่หึงฉันกับสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำแล้วมาพูดจาทำร้ายน้ำใจกัน ฉันไม่ยกโทษให้ง่ายๆ แน่นอน”
“แต่”
“ไม่มีแต่เต่ออะไรทั้งนั้นแหละ ฝากบอกพี่เก่งด้วยว่าไม่ต้องส่งทนายหน้าหอมาอีก ฉันไม่ยกโทษให้”
ข้าวหอมพูดแรงๆ กระแทกจนทุกคนตกใจ

เก่งสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเรื่องที่ครามเล่าให้ฟัง
“ข้าวหอมโกรธหนักขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เออซิวะ บัวกับมะขิ่นบอกว่าข้าวหอมนอนร้องไห้ทั้งคืนเลย”
“ซวยแล้ว ถ้าร้องให้หนักขนาดนั้นต้องโกรธฉันมากๆ เลยล่ะ”
“ชัวร์เพื่อน นึกแล้วยังสยองเวลาผู้หญิงโกรธเนี่ยสายตาน่ากลัวชะมัด”
“แล้วเอาไงดี ฉันจะง้อข้าวหอมได้ยังไงล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้โว้ย ไม่เคยมีแฟน แค่ทะเลาะกับไอ้บัวฉันยังไม่รู้จะง้อมันยังไงเลย”
“โอ๊ย ไอ้เก่งนะไอ้เก่ง ทีพูดล่ะก็ไม่คิด พอเกิดเรื่องก็ไม่รู้จะหาใครมาช่วย”
“มีอะไรให้ครูห่านช่วยไหมจ๊ะ”
เสียงครูห่านลอยมา เก่ง คราม หันไปเห็นครูห่าน นก มด ปลายืนยิ้มหวานให้เต็มที สองหนุ่มนั่งฟังกูรูความรักทั้ง4 คน อย่างใจจดจ่อ เริ่มจากครูห่าน
“ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยอยากให้แฟนสนใจเธอคนเดียว กฎเหล็กที่สำคัญมีแค่สามข้อ”
“ข้อหนึ่ง ไม่ว่าเธอจะทำผิดหรือถูก ห้ามเข้าข้างคนอื่นโดยเฉพาะผู้หญิง สรุปคือเธอจะต้องถูกทุกข้ออย่างไม่มีข้อแม้” นกบอก
“ข้อสอง อย่าถามหาเหตุผลเวลาผู้หญิงโกรธเพราะมันจะไม่มี จะมีแต่คำว่าตามใจและง้องอนเท่านั้น” มดอธิบายต่อ
“ข้อสาม ผู้หญิงจะน่ารักอ่อนหวานตามใจเราทุกอย่างและไม่งี่เง่าต่อเมื่อผู้ชายปฏิบัติกฎข้อที่หนึ่ง อย่างเคร่งครัด” ปลาบอก
“ถ้าแบบนี้ผมก็แย่นะซิ กฎข้อที่หนึ่ง ผมทำมันพังไปเรียบร้อยแล้ว”
“ใช่ครับ ข้าวหอมนะโกรธควันออกหูเลย” ครามเล่า
“ถ้าอย่างนั้น ก็เหลืออีกวิธีเดียวคือ ตามใจและง้อจนกว่าเธอจะใจอ่อนเท่านั้น” ครูห่านสรุป
“ใช่แล้ว ขี้งอนอย่างข้าวหอมต้องเจอมารยาชายหมื่นเล่มเกวียน”
เก่งพูดอย่างมั่นใจ

เก่งร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่หน้าบ้านเอ็ม ข้าวหอมยืนกอดอกไม่หันมามอง เก่งรีบให้ครามหยอดน้ำตาเทียมเพิ่ม
“ข้าวหอมจ๋า พี่ผิดไปแล้วพี่ขอโทษ”
ข้าวหอมสะบัดหน้าหนี “ขอโทษแล้วฉันหายเจ็บเหรอ ทีก่อนทำทำไมไม่คิด”
“คิดแล้วจ้ะถึงทำ เฮ้ย ไม่ได้คิดจ้า เมื่อคืนไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้พี่ทำไปโดยไม่รู้ตัว”
“ไม่ต้องมาพูดสำนวนลิเก ฉันไม่ใช่เจ๊ลำไย ถ้าคิดว่าฉันไม่ดีเป็นหัวขโมยพี่ก็กลับไปได้แล้ว”
“พี่ไม่กลับจนกว่าข้าวหอมจะเข้าใจและอภัยให้พี่ พี่จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้”
“จะอยู่ตรงนี้ใช่ไหม”
“จ้ะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
“อยู่ตลอดไม่ไปไหนด้วย”
“จ้ะอยู่ตลอดเลย”
“ดี งั้นอยู่ไปเลย ห้ามไปไหน บัว มะขิ่น ไปเดินเล่นในห้างกัน”
เก่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“อ้าวแล้วพี่ล่ะ”
“พี่ก็อยู่ที่นี่ไปอย่างที่อยากจะอยู่ไง แต่ฉันจะไป”
เก่งจนปัญญา สะกิดให้ครามช่วยครามส่งซิกให้มะขิ่นกับบัวช่วยพูด
“ข้าวหอมจ๊ะเอ่อคือว่า” มะขิ่นอึกอัก
“คือว่า พี่เก่งเขาอุตส่าห์มาขอโทษแล้ว” บัวช่วยพูด
“หยุด ถ้าแกสองคนพูดเข้าข้างพี่เก่ง ฉันจะไม่พูดกับแกสองคนไปด้วย เบื่อๆๆ ไม่ไปแล้วห้างไปนอนดีกว่า”
ข้าวหอมเดินย้อนกลับเข้าห้องนอน ปิดประตูเสียงดังปัง มะขิ่น บัว มองตามอ่อนใจ
“อารมณ์ขึ้นขนาดนี้ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะพี่เก่ง”
บัวเดินหนีหายไปอีก เก่งจะร้องเรียกแต่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ มะขิ่นตบไหล่ให้กำลังใจ
“ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ แต่ถ้าดูแน่ๆ ต้องดูเจ๊ลำไย เจ๊เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแค่ไหนฉันว่าข้าวหอมมันถอดแบบน้าสาวมันมาเป๊ะๆๆ ว่ะ”
มะขิ่นเดินหนีไปอีกคน ทิ้งเก่งกับครามมองหน้ากัน
“อ้าวไปกันหมดเลย ทีนี้จะเอายังไงกันวะ เอ็งจะอยู่คุกเข่าต่อไปจริงๆ เหรอ”
“อยู่ จะบ้าเหรอไม่ใช่ละครนะโว้ยคุกเข่าแล้วนางเอกจะยกโทษให้ อารมณ์ขึ้นขนาดนี้ฉันว่าถอยทัพไปตั้งหลักก่อนดีกว่า”
ครามเห็นด้วยพากันเดินกลับบ้านอย่างสิ้นหวัง ขณะกำลังจะกลับ ก็เจอเมฆยืนกอดอกเต๊ะท่า รอเยาะเย้ย ดุ่ย ดุ๋ยแกล้งคุกเข่าอ้อนวอน
“พี่เมฆจ๋า พี่เมฆคนดีของดุ่ยยกโทษให้ดุ่ยเถอะนะ”
“ถ้าลูกพี่เมฆไม่ยกโทษให้ ฉันสองคนจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่ารากจะงอกฝังลงไปใต้ถุนบ้านชั่วกัปชั่วกัลป์”
เมฆเลียนแบบข้าวหอม “อย่ามาทำปากดี ทีพูดทำไมไม่คิด ฉันไม่มีวันยกโทษให้หรอกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า รวมชาติไหนๆ ด้วย ฮ่าๆๆๆ”
เมฆและพวกหัวเราะเยาะเย้ย เก่งกับครามหงุดหงิด
“ไอ้เมฆ พวกแกเกี่ยวอะไรด้วย คนเป็นแฟนกันเขาจะโกรธกันง้อกันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ย”
“ใช่ เพราะถึงยังไงเก่งมันก็เป็นแฟนข้าวหอม โกรธกันเดี๋ยวก็ดีกัน”
“แต่เที่ยวนี้คงยากว่ะ แกเคยเห็นข้าวหอมโกรธขนาดนี้เหรอ”
เก่งกับครามนิ่ง ที่เมฆพูดมาก็มีส่วนถูก ดุ่ย ดุ๋ยรีบเสริม
“คราวนี้เอ็งเสร็จแน่ไอ้เก่ง ข้าวหอมไม่อภัยให้แกง่ายๆ แน่”
“ที่สำคัญแกอยู่บ้านโน้น แต่ลูกพี่ข้าอยู่บ้านนี้ ช่วงที่น้องข้าวหอมใจว้าวุ่น ลูกพี่เมฆของข้ามีโอกาสทำคะแนนนิยมเพียบ”
“เชอะ พวกแกมันก็แค่หมาเห่าใบตองแห้ง ข้าวหอมไม่มีทางสนใจแกอยู่แล้วไอ้เมฆ”
“ข้าไม่แคร์ ขนาดอยู่บ้านนอกข้าวหอมเป็นแฟนแกข้ายังไปจีบทุกวัน”
“ลูกพี่เมฆของข้านะหน้าด้านสุดๆ ไม่สนว่าเป็นลูกเมียใครอยู่แล้ว จีบได้เป็นจีบ ปล้ำได้เป็นปล้ำ ฉุดได้เป็นฉุด”
“พอเลยไอ้ดุ๋ยไม่ต้องสาธยายไปมากกว่านี้แล้ว สรุปว่าข้าจะขัดขวางไม่ให้แกได้มีโอกาสใกล้ชิดข้าวหอมเพื่อง้อคืนดีทุกวิถีทางเข้าใจไหมไอ้เก่ง ฮ่าๆๆ ไปโว้ยพวกเรา ไปเฝ้าน้องข้าวหอมดีกว่า”
ทั้งสามคนเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้เก่งมองตามอย่างเจ็บใจ

เก่งนั่งหน้าเศร้าออกอาการเซ็ง ครามมองเพื่อนอย่างเห็นใจ นก มด ปลา ครูห่านช่วยกันคิดเพื่อหาวิธีช่วยเหลือเก่ง ครูห่านออกความคิด
“ใจเย็นๆ ค่ะน้องเก่ง ของแบบนี้ถ้าง้อได้ง่ายๆ ก็ผิดวิสัยผู้หญิงแล้วล่ะค่ะ”
“ดูอย่างนกซิคะ ฝากแฟนซื้อข้าวมันไก่ มันซื้ออย่างอื่นมาให้นกโกรธจนไม่พูดกับมันจนถึงบัดนี้”
“แกไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่านังนกแค่ซื้อของที่แกไม่ได้สั่งแค่นี้แกถึงกับเลิกกับแฟน”
“พี่มดไม่ใช่ฉัน พี่ไม่เข้าใจอารมณ์ของผู้สาวสวยรวยเสน่ห์อย่างฉันหรอก”
“พอเลยนังนกอย่ามาทำดราม่าแถวนี้ นี่มันปัญหาของน้องเก่งไม่ใช่ปัญหาของแก เออ ว่าแต่แฟนแกซื้ออะไรมาแทนข้าวมันไก่แกถึงได้โกรธเป็นวรรคเป็นเวรหา” ปลาถาม
“มันบอกว่าข้าวมันไก่ไม่เหมาะกับคนอย่างฉัน มันก็เลยซื้อของที่เหมาะสมกับฉันมาให้กิน”
“แฟนนกซื้ออะไรเหรอ พี่จะได้เรียนรู้ไว้ไม่ซื้อให้ข้าวหอมกิน”
“มันซื้อเพทดิกรี อาหารหมามาให้ฉัน มันว่าบำรุงขนบํารุงตับ อึเป็นก้อน แถมรุ่นที่มันซื้อให้ฉันมันบอกว่าเป็นรุ่นพิเศษ สุขภาพดีขึ้นภายใน 6 สัปดาห์ ถ้าไม่รักกันจริงมันไม่ซื้อให้กินเด็ดขาด”
นกทำหน้าเศร้า ทุกคนหัวเราะกัน แต่เก่งหัวเราะไม่ออก ครูห่านรีบพูดเป็นงานเป็นการ
“เอาล่ะเข้าเรื่องกันได้แล้ว เราต้องหาทางให้เก่งเข้าประชิดตัวข้าวหอมเพื่อสารภาพผิดโดยไม่มีใครเข้าไปรบกวน”
“แล้วพวกไอ้เมฆล่ะครับ” ครามถาม
“ไม่ต้องห่วง ให้แม่สามสาวนี้จัดการ รับรองไม่พลาดแน่”
“แล้วผมต้องทำยังไงถึงจะได้ประชิดตัวข้าวหอมครับ”
“ก่อนอื่นต้องรู้ความเคลื่อนไหวของข้าวหอม งานนี้ต้องหาแนวร่วม”
เก่งมองหน้าคราม แล้วนึกออก
“แนวร่วม มะขิ่น”

เรยานั่งดื่มกาแฟที่ร้าน รอสาลี่อย่างกังวล สาลี่เดินเข้ามานั่งด้วย เรยารีบถาม
“เป็นไงสาลี่อาการคุณเอ็ม”
“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว คุณอารอดูสถานการณ์อยู่ที่โรงพยาบาล”
“โล่งอก ฉันนึกว่าฉันต้องกลายเป็นฆาตกรเสียแล้ว”
“ก็เกือบไปแล้วล่ะ ดีนะที่เขามีลูกชายเป็นหมอเลยปฐมพยาบาลได้ทัน”
“ก็มันโมโหนี่ เพลงของฉันแท้ๆ เขาก็รู้อยู่แกใจ ดันซื้อลิขสิทธิ์ตัดหน้าไปให้ข้าวหอมได้”
“ฉันเข้าใจและก็รู้นิสัยเธอดีด้วย แต่ฉันอยากให้เธอใจเย็นกว่านี้ ถ้าเรื่องมันบานปลายเราจะได้ไม่คุ้มเสีย”
“เออน่าฉันรู้ ว่าแต่ข้าวหอมนี่น่ากลัวไม่เบา เธอต้องมีดีพอ ครูสัญญาถึงยอมยกเพลงให้”
“ใช่ ฉันว่าเธอพักเรื่องรักไว้ก่อน ลุยเรื่องงานดีกว่า ข้าวหอมไม่ธรรมดาจริงๆ แล้วเธอว่าแม่นั่นร่วมมือกับคุณเอ็มหรือเปล่า”
“คงไม่หรอก คุณเอ็มน่าจะดำเนินการเอง ซื่อๆ เซ่อๆ อย่างนั้นคิดแผนชั่วๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก”
“แล้วทำไมเธอไปกล่าวหาเขาล่ะ”
“อันนั้นถือเป็นของแถม อย่างน้อยก็ทำให้มันกับเก่งผิดใจกันล่ะ”
“ฉันว่าเธอกับคุณเอ็มเนี่ยพอฟัดพอเหวี่ยงกันดีเนอะ แผนเยอะพอๆ กัน”
“นี่ชมหรือด่า เอาเป็นว่าฉันจะวิ่งไปหาครูเพลง หาเพลงติดหูเก่าๆ มาให้ภูมิอาเร้นช์ใหม่ ชื่อเสียงฉันได้ไม่เงียบหาย อย่างน้อยก็ทัวร์คอนเสิร์ตพร้อมเก่ง”
“ดีเหมือนกัน ฉันก็ว่าจะไปดูสถานที่ถ่ายมิวสิคใหม่ เอามันในกรุงเทพฯนี่แหละจะได้รีบออกอากาศแล้วเจอกันที่บ้านตอนเย็นแล้วกัน”
เรยาพยักหน้าเห็นดีด้วย สาลี่รีบลุกจากไป เรยาเปรยเศร้าๆ
“ฉันอิจฉาเธอนะข้าวหอม เธอมีแต่คนคอยช่วยเหลือ ส่วนฉันต้องดิ้นรนเพียงลำพัง”

โจอธิบายนัดประชุมงานแทนเอ็ม ทุกคนเข้าประชุมครบกันหมด
“เนื่องจากคุณเอ็มป่วยกะทันหัน ผมเลยคิดว่าเราควรจะย้ายโลเคชั่นถ่ายมิวสิคมาเป็นในกรุงเทพฯแทน ทุกคนคิดว่ายังไง”
“ก็ดีนะคะไม่ต้องเดินทางยกกองไปให้เสียเวลา คุณถั่วพูล่ะเห็นด้วยไหม” มะขิ่นถาม
“เห็นด้วยค่ะ เอาสถานที่ง่ายๆ แต่งานออกมาต้องสวยเนี้ยบ ข้าวหอมจะได้ดังสมใจคุณเอ็ม”
มะขิ่นงงที่ถั่วพูยอมง่ายๆ
“ยังไงก็ได้จ้ะ แล้วแต่ทีมงานจะเห็นสมควร แต่จะหาสถานที่ที่ไหนล่ะจ๊ะ” ข้าวหอมถาม
“ที่ BAAC ไง เขาเป็นสปอร์นเซอร์ดูแลสุขภาพผิวพรรณให้ข้าวหอมอยู่แล้วนี่ มะขิ่นรู้จักดีไม่ใช่เหรอ”
มะขิ่นหน้าเสีย “เอ่อ ใช่ฉันรู้จัก”
“งั้นก็เอาที่นี่ มะขิ่นก็พาข้าวหอมไปทำสวยเลยจะได้เตรียมพร้อมถ่ายมิวสิคกับเดินสายขอบคุณสื่อไปพรุ่งนี้เลยก็ได้นะบัว ไปถ่ายละครอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ข้าวหอมตื่นเต้น “ใช่ๆๆ เห็นบัวพูดให้ฟังอยู่ ไปพรุ่งนี้เลยนะมะขิ่นจะได้ไปดูบัวถ่ายละครด้วย”
“เอ่อ ได้ พรุ่งนี้ไปกัน”
“สรุปปิดประชุมมิวสิคข้าวหอม เราจะถ่ายที่BAAC โจกับจอยดำเนินการได้เลย”
ถั่วพูพูดสรุป แล้วเดินออกมาจากห้องประชุม หลบมาโทรศัพท์
“เรียบร้อยค่ะป้าสีวัง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
“ขอบใจมากนะจ๊ะแม่ถั่วพู”
“เรามันน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าค่ะป้า ต่างคนต่างก็ได้ผลประโยชน์”
“ย่ะหลอน ฉันแฮ็ปปี้ที่คอยเก็บกวาดนักร้องที่เธอไม่ชอบหน้า”
“ป้าได้สาวงาม ฉันกำจัดคนที่ไม่ชอบหน้า มันก็สมน้าสมเนื้อดีนี่ค่ะ”
“หลอนนี่ร้ายไม่เบาเลย ถ้าคุณเอ็มรู้ว่าหลอนคอยขัดขานักร้องหน้าใหม่ของเขามีหวังหลอนตายแน่”
“ป้าไม่พูด ฉันไม่พูด ใครจะรู้ แค่นี่นะคะเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย”
ถั่วพูกดโทรศัพท์อย่างสบายใจ เอกมาเรียก ทำให้ถั่วพูสะดุ้ง
“นี่คุณทำอีกแล้วเหรอ”
“ใช่ ฉันทำ นายจะทำไม ฟ้องคุณเอ็มเหรอ”
“คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น คุณเอ็มไม่ได้คิดเอามาเป็นเมียเก็บ แต่หวังเอามาเป็นลูกสะใภ้เชียวนะ”
“ฉันไม่สนสน แต่ว่าฉันไม่ชอบหน้านังข้าวหอม และเพื่อนๆ ของมัน”
“ระวังความริษยามันจะทำลายคุณนะถั่วพู”
“ก็รอให้มันฆ่าฉันก่อน เพราะฉันรู้ว่าสุดท้ายนายก็ไม่ปล่อยให้ฉันตาย”
ถั่วพูเข้าประชิดตัวเอก แล้วหอมแก้มเอกอย่างยั่วยวน ก่อนเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี เอกมองตามด้วยความเสน่หา เมฆและพวกแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง

เมฆปรึกษากับลูกน้องเรื่องที่ได้ยินมาจากถั่วพู
“เห็นหน้าสวยแต่จิตใจสกปรกชะมัดยัยถั่วเน่า”
“ลูกพี่จะเอายังไงต่อดี จะช่วยหรือไม่ช่วย”
“ช่วยซิวะคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นน้องข้าวหอมแล้วแม้ต้องตายลูกพี่ก็ต้องช่วย”
“ถูกของเอ็งไอ้ดุ๋ย เราจะยอมให้พวกคนกรุงมันมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนบ้านนอกอย่างเราไม่ได้ แต่ ลำพังแค่พวกเราคงไม่ไหวว่ะ”
“พวกไอ้เก่งไงพี่ ได้มันมาช่วยรับรองเราเหนือกว่าใสๆ”
ดุ๋ยตบหัวดุ่ย “ไอ้โง่ ถ้าบอกไอ้เก่งมันก็ได้ความดีความชอบ ข้าวหอมหายโกรธกันพอดี งานนี้ต้องพึ่งมือคนอื่น”
“ใช่งานนี้ต้องพี่งบารมีพ่อข้าแล้วล่ะ”
เมฆพูดอย่างมั่นใจ

เอ็มอยู่ที่โรงพยาบาลเตรียมตัวกลับบ้าน ทอมดูแลอยู่ เอ็มขอโทษลูกชายอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“ทอมทอมไม่โกรธพ่อแล้วใช่ไหมลูก พ่อทำไปก็เพราะ”
“ผมไม่อยากฟังเหตุผล แต่ผมอยากจะขอให้คุณพ่ออย่าทำแบบนี้อีก”
“ได้ซิลูก ได้ แต่ที่พ่อทำเพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้หนูข้าวหอมประสบความสำเร็จ ถ้าได้เพลงดีข้าวหอมดังแน่”
“ผมไม่รู้เรื่องธุรกิจของคุณพ่อหรอกครับ แต่ผมคิดว่าเราทำอะไรที่ตรงไปตรงมาด้วยความสามารถอย่างข้าวหอมเธอก็สามารถโด่งดังได้”
“พ่อขอโทษ ต่อไปพ่อจะทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา พอใจไหมลูก”
“ขอบคุณครับ ทุกอย่างก็เพื่อคุณพ่อเองทั้งนั้น เชื่อผมเถอะ”
เอ็มตั้งท่าจะพูดต่อ พยาบาลฟา เดินเข้ามาพร้อมรถเข็น เอ็มจึงหยุดพูด
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหมอ ยาที่สั่งเพิ่มฟาจัดให้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณมาก คุณอาที่มาเยี่ยมเมื่อเช้ายังอยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ แกว่าจะรอไปส่งคุณพ่อคุณหมอที่บ้านค่ะ”
“ใครเหรอลูก”
“เดี๋ยวคุณพ่อเจอก็รู้เองแหละครับ”
“ไปกันเลยนะคะ เดี๋ยวฟาจะเข็นไปส่งที่รถค่ะ”
ฟาเข็นรถเอ็มมาถึงทางเดิน เอ็มเห็นสมชายยืนรอยิ้มอยู่ ก็รีบถามทอม
“นี่มันอะไรกันลูกทอม จะให้พ่อกลับบ้านกับไอ้สมชายเนี่ยนะ”
“ครับ คุณพ่อกับคุณอาได้คุยกันไประหว่างทาง จะได้ปรับความเข้าใจกันเรื่องงาน”
“พ่อรับปากทอมแล้ว ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”
“ทำไมแกไม่กล้าเผชิญหน้ากับฉันเหรอ”
“คนอย่างฉันทำไมต้องกลัวคนอย่างแก”
“ไม่กลัวก็กลับด้วยกัน ฉันอุตส่าห์มารับถึงที่เชียวนะ”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คนของแกมารังควานฉันถึงบ้าน จนฉันต้องป่วย”
“เมื่อไหร่แกจะเลิกโทษคนอื่น แล้วหัดกลับดูความผิดพลาดขอตัวเองบ้างวะ”
“แก นี่แกอยากเห็นฉันตายใช่ไหม”
“ใช่ อยากเห็น แต่ก็กลัวไม่มีคู่แข่งทำค่ายเพลงที่สมน้าสมเนื้อกัน เลยต้องมาคอยดูแลตอนแกป่วยนี่ไง เดี๋ยวน้อยใจชิงตายไปก่อนหมดสนุกกันพอดี”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก อยู่เป็นมารแกไปอีกนาน”
“ดี งั้นก็ไปขึ้นรถกับฉัน หนูพยาบาลเดี๋ยวผมเข็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี่ไปที่รถต่อเองครับ”
ฟายิ้มให้ ปล่อยมือจากรถเข็น ทอมยิ้มๆ
“ฝากคุณพ่อด้วยนะครับอาสมชาย ขอบคุณมากนะครับ”
สมชายยิ้มรับแล้วเข็นรถเอ็มเดินจากไป ฟามองตามยิ้มๆ
“เพื่อนคุณพ่อหมอนี่น่ารักดีนะคะ ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ แต่ดูก็รู้ว่าเป็นเพื่อนรักกัน สงสัยจะสนิทกันตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ”
ฟาเดินออกไป ทอมคิดตามคำพูดของฟา

เก่ง คราม นั่งขอร้องมะขิ่นอยู่ที่ร้านกาแฟ
“นะๆๆ มะขิ่น ถ้ามะขิ่นไม่ช่วย ฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใครได้อีกแล้วอ่ะ”
“ไอ้ฉันก็อยากช่วยหรอกนะ แต่ถ้าข้าวหอมจับได้ฉันตายแน่ เพราฉะนั้นไม่เสี่ยงดีกว่า”
“ใจเย็นๆ ซิ มะขิ่น ช่วยคนรักคืนดีกันเนี่ยได้บุญมหาศาลเหมือนสร้างโบถส์สร้างวิหารเลยนะ”
“ใครบอกไม่เคยได้ยิน”
“มหาจันที่วัดบ้านเราไง แกพูดให้ฉันฟังบ่อย”
ครามช่วยพูด “มะขิ่นก็รู้ใช่ไหมว่าคนรักนะถ้าผิดใจกันไม่พูดกันไม่เจอหน้ากันมันทุกข์ทรมานขนาดไหน ขนาดมะขิ่นเป็นเพื่อนฉันนะฉันยังคิดถึงเลยตอนที่เราไม่เจอกันอ่ะ”
มะขิ่นเขินอาย “จริงเหรอ”
“จริงซิ”
“งั้น ช่วยก็ได้ พรุ่งนี้ข้าวหอมจะไปดูบัวถ่ายละครที่ BAAC ถ้าอยากเจอข้าวหอมก็หาทางเข้าไปเจอตอนทำหน้าแล้วกัน”
“ขอบใจมากมะขิ่น”
“งั้นฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
มะขิ่นลุกขึ้นแบบเขินๆ ทำให้ชนกับภูมิที่เพิ่งเข้ามา
“อุ๊ยขอโทษครับเอ่อ คุณมะขิ่นนี่ หายไปไหนมาตั้งนาน”
“ภูมิรู้จักมะขิ่นด้วยเหรอ” ครามแปลกใจ
“รู้จักซิ เมื่อก่อนเขาดังจะตาย”
มะขิ่นเสียงแข็ง “ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ กลับก่อนนะเก่ง คราม พรุ่งนี้เจอกัน”
มะขิ่นเดินออกไปอย่างหงุดหงิด บ่นกับตัวเอง
“ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้วะ โอ๊ย เมื่อไรฉันจะลบเรื่องเลวๆ นี้ไปได้สักทีนะ”
มะขิ่นโบกรถแท็กซี่กลับบ้านอย่างเซ็งๆ ครามมองตามมะขิ่นห่วงๆ
“มะขิ่นดูแปลกไปนะ เจอคนรู้จักแทนที่จะดีใจกับหงุดหงิดซะงั้น”
“จริงด้วย แล้วภูมิรู้จักมะขิ่นมานานแล้วเหรอ”
“นานแล้วครับ คงก่อนที่เธอจะหลบไปพักใจที่ปากช่องน่ะ”
“พักใจ มะขิ่นมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องเก่าน่ะ แล้วเจ้าตัวก็ดูท่าทางไม่อยากให้ใครพูดถึง”
“แต่พวกเราเป็นเพื่อนมะขิ่น มีอะไรก็ต้องช่วยกัน” ครามบอก
“ภูมิเล่าให้พวกผมฟังได้ไหมครับ เผื่อพวกผมจะช่วยอะไรมะขิ่นได้บ้าง” เก่งคะยั้นคะยอ
ภูมินิ่งตัดสินใจ
“ก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 ปี มะขิ่นเคยเป็นนักปั้นดารานางแบบชื่อดัง จนกระทั่งเกิดเรื่องเธอก็หายหน้าไป”

อ่านต่อหน้าที่ 2


สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภูมิเล่าเรื่องราวของมะขิ่นในอดีต มะขิ่นพาเปิ้ลมากราบป้าสีวัง แนะนำเปิ้ลอย่างอ่อนน้อม

“ต้องขอบคุณคุณป้ามากเลยนะคะที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในการดูแลความงามให้น้องเปิ้ลลำพังมะขิ่นไม่มีเงินมากขนาดนี้แน่”
“เรามันคนกันเองไม่ต้องเกรงใจ ฉันช่วยเพราะเธอยอมให้น้องเขามาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเพื่อนฉันหรอก”
“แหม คนอื่นเขาก็จ้างน้องไปทำงานแต่ไม่มีใครยอมลงทุนให้น้องขนาดนี้นี่คะ”
“ก็เด็กมันน่ารักมีสัมมาคารวะว่านอนสอนง่ายใช่ไหมเปิ้ล” อาร์มชม
“ค่ะคุณอาร์ม เปิ้ลเต็มใจช่วยคุณอาร์มกับป้าสีวังทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ”
เปิ้ลมองหน้าอาร์มกับป้าสีวังแบบมีแผน ป้าสีวังยิ้มเจ้าเล่ห์
“เธอนี่โชคดีนะมะขิ่นได้เด็กกตัญญูรู้คุณไว้ในสังกัด”
วันต่อมา เปิ้ลยืนร้องไห้ให้นักข่าวสัมภาษณ์ มะขิ่นยืนงงข้างๆ
“เปิ้ลไม่อยากพูดค่ะ แต่วันนี้มันเหลืออดจริงๆ”
“เรื่องอะไรคะน้องเปิ้ล เล่ามาเลยค่ะ”
“ใช่เรื่องอะไร ฉันเป็นผู้จัดการเธอยังไม่รู้เลยว่าเธอเหลืออดเรื่องอะไร” มะขิ่นรีบถาม
นักข่าวรุมถามเปิ้ลมากมาย อาร์มส่งซิกกับเปิ้ล เปิ้ลแกล้งร้องไห้หนักขึ้น
“บอกมาสิเปิ้ล ใครทำอะไรเธอ ฉันจะจัดการมันเอง” มะขิ่นซัก
“ก็มะขิ่นนั่นแหละ เธอบังคับให้ฉันไปเป็นเด็กเสี่ย ไม่งั้นเธอจะไม่ส่งเสริมฉันให้เป็นนางเอกช่อง ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันเป็นนักแสดงนะไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการ”
เปิ้ลปิดหน้าร้องไห้ วิ่งไปซบอกอาร์ม มะขิ่นงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น นักข่าวพากันถ่ายภาพมะขิ่น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันไม่เคยทำอย่างนั้น”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นเหลือบไรวงการบันเทิง น่าสงสารน้องเปิ้ลจริงๆ นะคะพี่ๆ นักข่าว” อาร์มเรียกร้องความเห็นใจ
“นังอาร์มพูดดีๆ นะฉันไม่ได้ทำ”
“ตอนทำไม่คิด พอมีเรื่องทำปฏิเสธ” นักข่าวตำหนิ
ป้าสีวังออกมาสบทบ โอบไหล่เปิ้ลอย่างเอ็นดู
“น้องๆ ช่วยกันทำข่าวตีแผ่ตามความจริงนะจ๊ะ หนูเปิ้ลมาอยู่กับป้า ป้าจะดูแลหนูเอง รับรองไม่มีใครบังคับหนูได้ ถ้าหนูไม่เต็มใจ”
ป้าสีวัง อาร์ม พาเปิ้ลเดินไป ทิ้งให้มะขิ่นยืนน้ำตาคลอที่ถูกหักหลังและยังถูกทำลายชื่อเสียง ถูกนักข่าวรุมด่า ด้วยความเจ็บใจ

เก่งกับครามนั่งฟังเรื่องมะขิ่นจากภูมิด้วยความเห็นใจ
“มะขิ่นถูกใส่ร้ายแน่ๆ เธอเป็นคนดีมีน้ำใจ คอยแต่ช่วยเหลือคนอื่น”
“ก็มีคนพูดเหมือนกันว่าคนที่ทำจริงน่าจะเป็นป้าสีวังมากกว่า แต่มะขิ่นถูกดาราในสังกัดตัวเองแฉถึงเรื่องไม่จริงเธอก็แก้ลำบากครับ” ภูมิอธิบาย
“น่ากลัวว่ะวงการนี้” ครามสยอง
“ไม่หรอกครับ คนดีๆ ก็มีถมไป คนแบบนี้เป็นส่วนน้อยครับ”
“แต่พ่อผมกับมะขิ่นดันไปเจอคนส่วนน้อยเข้าใช่ไหมครับ”
“ผมก็ไม่รู้ครับ เออ เกือบลืมไป ครูเพลงเก่าๆบอกผมว่ากล้า เสียงเพชร มีเพื่อนสนิทอยู่ 2 คนเป็นคนในวงการลูกทุ่งนี่แหละ”
“ใครครับ ภูมิรู้ไหมว่าเป็นใคร”
“ไม่ทราบครับ ท่านไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร”
เก่งนิ่งเงียบ ครุ่นคิด ครามเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวภูมิพาเก่งกลับบ้านด้วยนะ ผมจะเลยไปซ้อมมวย เย็นๆ ค่อยเจอกัน”
ภูมิพยักหน้ารับปาก เก่งยังคงนิ่ง คิดตามคำบอกของภูมิ

มะขิ่นเดินกลับเข้ามาบ้านอย่างเซ็งๆ เลยไปนั่งที่โต๊ะริมสระน้ำ น้ำตารื้นพูดกับตัวเองเรื่องของเปิ้ล
“เปิ้ลเอ๊ย แกมันโง่ที่หลงเชื่อคนเลว เหมือนกับฉันที่โง่หลงเชื่อแก”
เอกเดินมาหามะขิ่น
“คุณเอ็มกลับมาแล้วครับ ท่านอยากปรึกษาคุณมะขิ่นเรื่องงาน”
มะขิ่นรีบปาดน้ำตา ยิ้มเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
“ขอบใจนะเอก เดี๋ยวฉันตามเข้าไป”
เอกเดินกลับไป มะขิ่นรีบดูแลตัวเองให้อยู่ในสภาพที่ดี สูดลมหายใจสู้ต่อไป แล้วเดินกลับเข้าบ้าน

เสี่ยกำธรมาหาเรื่องครูยอดที่ค่ายมวย โดยมีวงษ์ ซึ่งเป็นโค้ชอยู่กับครูยอดด้วย
“ว่าไงครูยอด เป็นถึงครูมวยชื่อดัง กลับมาขโมยเด็กค่ายมวยต่างจังหวัด”
“พูดให้ดีๆ เสี่ย ใครขโมยเด็กใคร”
“แนะ ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกก็ครูยอดไง”
“พูดดีๆ นะเสี่ยอย่ามากกล่าวหามั่วๆ ครามเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็นต่างหาก” วงษ์เถียงแทน
“หนีร้อน ฮ่าๆๆ ใครทำอะไรมัน อย่ามาพูดเอาดีเข้าตัวดีกว่า ถ้าอยากได้ครามมันไป ก็ต้องซื้อตัวเป็นเรื่องเป็นราว”
“เสี่ย เด็กมีพรสวรรค์ เสี่ยทำแบบนี้ก็เท่ากับขวางทางเด็กมัน”
“หรือพูดแบบภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าแกล้งเด็ก” วงษ์ย้ำ
“ไม่สนโว้ย ขวางหรือแกล้งขอแค่ได้เงินค่าตัวที่มันทำฉันเสียหายไปหลายแสนคืนก็พอ”
“เสี่ยเล่นโกงแล้วจะไปเรียกเอาเงินกับเด็กเวลาถูกจับได้ มันถูกต้องที่ไหน” วงษ์โต้
“ก็บอกแล้วว่าไม่สน ถ้าไม่มีเงินก็เอาไอ้ครามขึ้นชกไม่ได้ เงินน่ะมีไหม”
“มี แต่ไม่ให้” วงษ์เถียงต่อ
“พอเถอะ ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาไป ถือว่าช่วยเหลือครามมัน”
ครามเดินเข้ามา
“ผมไม่ใช่สินค้าที่เสี่ยจะมาซื้อขายได้ อีกอย่างเสี่ยลืมไปหรือเปล่าผมไม่เคยเซ็นสัญญาเป็นเด็กในค่ายเสี่ย”
“แกชกมวยได้เพราะข้า ข้าก็มีสิทธิ์เรียกร้องโว้ย”
“เสี่ยหมดสิทธิ์ตั้งแต่เสี่ยคิดล้มมวยผมแล้ว เลิกยุ่งกับผมเถอะครับ”
“เสี่ยคิดเอาเองแล้วกัน ถ้าเรื่องมันดังและแดงขึ้นมาใครจะเสียหายมากว่ากัน” วงษ์ขู่
“เออ พวกเอ็งแน่มาก เก่งให้มันตลอดรอดฝั่งแล้วกัน ถ้าแกยังอยู่ในวงการมวย ระวังตัวให้ดีๆ แล้วกัน”
เสี่ยกำธรเดินกลับออกไปกับลูกน้อง ครูยอดเดินมาตบไหล่ครามให้กำลังใจ
“ผมทำให้ครูกับพี่วงษ์ต้องเดือดร้อน ไหนจะนาอีก”
“ถือว่าโชคดีไป นามันไปมหาลัย ไปซ้อมเถอะครามอย่าคิดมาก นักมวยห้ามกังวลเรื่องใดๆ ไป”
ครามยกมือไหว้แล้วเดินตามวงษ์ไปชกมวย

เสี่ยกำธรมานั่งดื่มกาแฟย้อมใจ รอพวกเมฆ เมฆมาถึงรีบอ้อนพ่อ
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนบังอาจมางัดข้อกับข้า”
“โถๆๆ ใครทำพ่อที่รักของเมฆหงุดหงิดได้”
“ทำไมมาช้านักวะ เพราะเอ็งมาช้าข้าเลยแวะไปที่อื่นจนทำให้หงุดหงิด”
“อ้าวพ่ออย่ามาโทษฉันซิ ใครทำพ่อก็ไปลงกับมันไม่ใช่ลงกับลูกชายตัวเอง”
“หนอย มาอยู่กรุงไม่เท่าไหร่ ต่อปากต่อคำเชียวนะเอ็ง”
“ผมว่าลูกพี่เมฆก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนะเสี่ย” ดุ๋ยบอก
“เสือก” สองพ่อลูกพูดพร้อมกัน
“คุณเอ็มเป็นยังไงบ้าง”
“วันนี้กลับมาพักที่บ้านแล้ว แกอยากให้พ่อมาช่วยงาน เลยให้ฉันโทรตามนี่ไง”
“เรื่องคุณเอ็มไม่มีปัญหา แต่ฉันดูออก แกต้องมีเรื่องให้ฉันช่วยอีกแน่”
“ลูกพี่อยากให้เสี่ยมาเป็นไม้กันหมาจ้า”
เมฆ ดุ๋ยรีบอุดปากดุ่ยไม่ให้พูดมาก
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อ ไอ้ดุ่ยมันก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย ไปพ่อ ฉันจะพาพ่อไปบ้านคุณเอ็ม พ่อจะได้คุยเรื่องงานกับท่านไง”
“ดีๆ ไม่มีแน่นะ”
“ไม่มีแน่จ้ะ”
“งั้นไป พ่อก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณเอ็มจะให้พ่อทำอะไร”

เสี่ยกำธรมาพบเอ็ม เอ็มจึงขอแรงให้ช่วยงาน
“ผมอยากให้เสี่ยมาช่วยคุมงานเด็กๆ มันหน่อย ช่วงนี้สุขภาพผมมันแย่ขึ้นๆ ลงๆ ลูกชายเขาอยากให้พักผ่อนเยอะๆ”
ทอมยกมือไหว้เสี่ยกำธร
“เผลอแป๊บเดี๋ยวเป็นคุณหมอไปเสียแล้ว ตอนเด็กๆ คุณทอมก็ชอบเล่นเป็นหมอผมจำได้”
“เรียกผมว่าทอมเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวไอ้พวกทโมนนี่มันจะพลอยลามปามไปด้วย”
เมฆกับพวกหุบยิ้มที่ถูกพ่อปรามไว้ ทอมยิ้มรับ
“งั้นเรียกผมว่าหมอทอมก็ได้ครับ”
“ข้าวหอมจะออกทัวร์คอนเสิร์ต มะขิ่นก็ต้องคอยดูแล หากไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปด้วยมันจะเละ”
“เรื่องแค่นี้เอง คุณเอ็มสบายใจได้ ผมจะอยู่ช่วยงานจนกว่าคุณเอ็มจะแข็งแรงครับ”
“ขอบใจเสี่ยมาก เสี่ยไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ”
“พรุ่งนี้บัวเขามีถ่ายละครที่ศูนย์สุขภาพเสี่ยไปดูงานเลยก็ได้นะครับ”
“จริงด้วยพ่อ คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น พ่อจะได้ช่วยดูแลกองถ่าย”
“ได้ครับคุณหมอ”
เสี่ยกำธรกับเอ็มต่างยิ้มให้กัน เมฆกับลูกน้องดีใจเพราะถ้าพ่อเป็นใหญ่ พวกเขาก็จะพลอยใหญ่ไปด้วย


เสี่ยกำธรทำตัวเป็นผู้กำกับ สั่งโน่นสั่งนี่ให้คนในกองถ่ายทำงาน รวมทั้งเอกก็ต้องวิ่งวุ่นเหมือนกัน
“เอ้าๆ มัวแต่ชักช้า นี่มันกี่โมงแล้ว กองละครนะโว้ยไม่ใช่สนามเด็กเล่น”
“ต้องอย่างนั้นพ่อ เคี่ยวให้หนัก”
“ใช้ 3 กล้องนะ สีแสงอย่าให้เพี้ยน ระดับเอ็มมิวสิคทุกอย่างต้องมาตรฐานเข้าใจไหม”
“เสียงด้วยเสี่ย นอกจากเสียงนักแสดงแล้วห้ามมีเสียงอื่นเจือปน” ดุ่ยบอก
“ใช่เสียงลมหายใจก็ห้ามมี ถ้ามีพ่อยิงไส้แตกเลย”
“ห้ามหายใจ งั้นดาราไม่ตายยกกองเหรอเสี่ย ออกคำสั่งที่มันเป็นไปได้หน่อยซิครับ” ดุ๋ยท้วง
“ไม่รู้โว้ย ข้าเป็นใหญ่ต้องทำตามที่ข้าสั่ง”
เอกพูดแบบเกรงใจ “เอ่อ เสี่ยครับ คือว่าเราแค่มาสังเกตการณ์ อันนี้มันกองของน้องบัว ยังไม่ใช่กองเราครับ”
“อ้าวเหรอ แล้วกองเรามาทำอะไรล่ะ”
“เรามาดูโลเคชั่นถ่ายมิวสิคข้าวหอมครับ”
“งั้นก็ไปทำสิ มายืนหาตะบักตะบวยอะไร”
เสี่ยเดินหนีไป เอกมองตามเซ็งๆ เมฆหันมาคุยกับลูกน้อง
“ฮ่าๆๆ สะใจข้าจริงๆ ต่อไปนี้ข้าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในกองถ่าย เพราะข้าคือลูกของ ของ ของอะไรวะตกลงพ่อข้าทำตำแหน่งอะไร”
“ใหญ่ที่สุดในกองถ่ายก็ต้องเป็นผู้กำกับซิลูกพี่เมฆ”
“ใช่แล้วลูกพี่คือลูกชายของผู้กำกับ”
เมฆยิ้มหวานพอใจ

เมฆเดินกร่างเต็มที่ ทำเป็นสั่งให้คนอื่นทำงาน
“นี่ๆ แก้วน้ำดารากินแล้วอย่าทิ้งเกะเกะเอาไปล้างซะ ดีมากพูดให้เชื่อฟังง่ายๆ”
คนในกองถ่ายเริ่มซุบซิบมองเมฆ จนผู้ช่วยผู้กำกับเดินผ่านมา
“มีอะไรกันเหรอ”
“ไอ้บ้านั่นไม่รู้ใครพี่ มันมาเดินสั่งงานพวกเราทั้งกองเลย”
ผู้ช่วยผู้กำกับหันไปมองเมฆ
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
ผู้ช่วยผู้กำกับเดินไปหาเมฆ
“ประทานโทษครับคือ พี่เป็นใครครับ พวกผมไม่เคยเห็นหน้า”
“ไม่เคยเห็นเหรอไม่เคยก็จำหน้าไว้ ข้าชื่อเมฆ”
“อ๋อพี่เมฆ แล้วพี่เมฆมาทำอะไรในกองถ่ายของพวกผมครับ”
“อ่ะๆ เริ่มพูดไม่เข้าหูข้าก็มาช่วยพ่อข้า ทำงานนะซิวะ”
“อึม คุณพ่อพี่เมฆท่านใหญ่มากไหมครับ”
“ใหญ่ซิ พ่อข้าใหญ่ที่สุดในกองถ่าย”
“ใหญ่ที่สุดในกองถ่ายงั้นพี่เมฆก็เป็นลูกชายผู้กำกับ”
เมฆยืดอกรับยิ้มแฉ่ง
“ดีครับดี พี่เมฆรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ อย่าหนีไปไหนนะครับ”
“ได้ๆ ข้าไม่ไปไหนหรอก เดินกร่างในกองถ่ายสนุกดี”
ผู้ช่วยผู้กำกับยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินจากไป เมฆยิ้มพอใจ สักพักผู้ช่วยผู้กำกับกลับมาพร้อมสาวทอมบอยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้กำกับ
“นี่นาย นายเป็นลูกชายผู้กำกับกองถ่ายนี้เหรอ”
“ใช่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“มี เพราะฉันคือผู้กำกับกองถ่ายนี้ แล้วแกคิดว่าหน้าอย่างฉันจะมีลูกชายโตเป็นควายเหมือนแกไหม”
“เอ่อ สงสัยจะผิดงานจ้า” เมฆเขินๆ
“ผิดก็ไปซิ ขืนมาอ้างแบบนี้อีกฉันจะเรียก รปภ.ไล่แกออกไป”
เมฆหันรีหันขวางมองเห็น ดุ่ย ดุ๋ยกวักมือเรียก เมฆรู้ตัวว่าเบ่งผิดกอง
“ผิดกองจริงๆ ด้วย ขอโทษจ้า”
เมฆรีบวิ่งกลับไปกองถ่ายของตัวเอง ผู้ช่วยผู้กำกับหันมาถามผู้กำกับ
“พี่โกรธเพราะมันอ้างว่าเป็นลูกพี่หรือเพราะมันโง่”
“สองอย่างโว้ย หนอย อ้างเป็นลูก ตูยังซิ
ปักตะไคร้ได้อยู่โว้ย ไปๆๆ ทำงาน เดี๋ยวนักร้องเขามาถึงจะได้ถ่ายทำกันเลย”

เก่งแต่งตัวเสร็จเตรียมจะออกไป ครูห่าน นก มด ปลามาขวาง
“จะรีบไปง้อข้าวหอมหรือจ๊ะเก่ง”
“ครับพี่ครูห่าน ผมไปหยั่งเชิงที่บ้านเขาก่อนแล้วค่อยไปกองถ่าย”
“ไปง้อสาวจะไปมือเปล่าได้ไงจ๊ะ” นกท้วง
มดยื่นช่อดอกไม้ให้ “นี่จ้ะ พวกพี่เตรียมไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ เพราะผมคนเดียว คนอื่นเลยต้องยุ่งยากไปด้วย”
“ยุ่งเยิ่งอะไรกัน เก่งรีบไปเถอะพวกพี่จะรอ”
“แล้วครามล่ะไปไหนแต่เช้า” มดถาม
“ไปค่ายมวยครับ เสร็จธุระมันจะตามไปทีหลัง”
“โอเค งั้นให้ดอกไม้แล้วรีบมาล่ะเดี๋ยวไปกองถ่ายสาย” ครูห่านย้ำ
“ครับ ผมจะรีบไปรีบมา”

ที่กองถ่ายบัว เมฆกลายเป็นเด็กกางร่มให้บัว ผู้กำกับกำลังเล่าเรื่องที่บัวจะถ่าย
“วันนี้จะเป็นฉากที่นางเอกทะเลาะกับพระเอกแล้ววิ่งหนีออกไปโดนคนร้ายฉุดนะครับ เราถ่ายฉากพระเอกนางเอกทะเลาะกันก่อน”
“ได้ค่ะ ฉากไหนก่อนก็ได้ บัวท่องบทมาหมดทุกฉากแล้วค่ะ”
“ดีครับ ดาราใหม่ขยันแบบนี้อนาคตไกล”
ผู้กำกับเดินสั่งงานต่อ บัวชวนเมฆเข้าที่ร่ม
“หลบแดดทางนู้นดีกว่าไอ้เมฆ ฉันจะละลายอยู่แล้ว”
“เออว่ะ ในกรุงร้อนกว่าบ้านเราอีกเนอะ”
บัวพยักหน้าแล้วเดินเข้าร่ม เมฆถือร่มเดินตาม ที่มุมห้องกระจก ป้าสีวัง อาร์ม นั่งมองบัวยิ้มๆ อย่างพอใจ

ช่อดอกไม้ยื่นเข้ามาตรงหน้าข้าวหอม ข้าวหอมมองเก่งซึ่งยิ้มหวานเอาใจ
“ดอกไม้สวยๆ จ้า”
“ก็สวยดี แต่เอามาให้ฉันทำไม”
“ดอกไม้สวยๆ ก็ต้องคู่กับคนสวยๆ สิจ๊ะ”
“คนสวยแต่ขี้ขโมยก็ไม่เหมาะกับดอกไม้ของพี่เก่งหรอกนะ”
“ทำไมพูดจารุนแรงแบบนั้นล่ะจ๊ะข้าวหอม”
“มันไม่เท่ากับพี่เก่งว่าฉันเมื่อวานนี้หรอก”
เก่งหุบยิ้มเพราะเขาผิดจริงๆ ข้าวหอมได้ที
“รู้ตัวก็ไปได้แล้ว คราวก่อนคุณเรยาบุกมาหา ว่าฉันขโมยเพลง วันนี้อาจจะบุกมาหาว่าฉันขโมยพี่มาอีกก็ได้ ใครจะรู้ แหมเห็นดูแลกันเหลือเกิน”
“หึใช่ปะ อ่ะๆ ข้าวหอมหึงพี่แน่ๆ เลย”
ข้าวหอมถูกจี้ใจดำเลยพาลโกรธ
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของพี่นะ นึกอยากจะด่าก็ด่า นึกอยากจะง้อก็ง้อ ส่วนดอกไม้เนี่ยมันไม่มีค่าสำหรับฉัน ถ้ามันมาจากพี่เก่ง”
ข้าวหอมเดินหนีไป เก่งจะตามแต่ทอมกับมะขิ่นออกมา เพราะได้ยินเสียงข้าวหอมโวยวาย ทอมเหยียบช่อดอกไม้เพราะไม่ทันเห็น มะขิ่นถาม
“เกิดอะไรขึ้นเก่ง”
“ฉันมาง้อข้าวหอมแต่ข้าวหอมไม่ยอม แถมยังเอาดอกไม้ที่ฉันให้ทิ้งลงพื้นอีก”
“ใจเย็น เดี๋ยวฉันเอาดอกไม้ไปให้เอง ข้าวหอมชอบดอกไม้จะตายเดี๋ยวก็อารมณ์ดี ไหนล่ะดอกไม้”
มะขิ่น เก่งช่วยกันมองหา เห็นดอกไม้เละที่เท้าทอม ทอมรีบยกเท้าขึ้นยิ้มแห้งๆ
“เอ่อ ฉันไม่เกี่ยว ขอตัวเข้าไปดูข้าวหอมก่อนแล้วกัน”
ทอมรีบเดินเข้าบ้าน เก่งมองอย่างหงุดหงิด มะขิ่นเก็บช่อดอกไม้ขึ้นมา
“ทำไงดีล่ะ เละแล้ว”
เก่งหน้าเศร้า “ช่างมันเถอะ มะขิ่น เดี๋ยวค่อยไปง้อที่กองถ่ายบัวก็ได้ ฉันไปล่ะนะ”
เก่งวิ่งออกไป มะขิ่นมองตามงงๆ
“อะไรกันวะ ลมขึ้นลมลงทั้งคู่ วัยทองมั้งเนี่ย”

เรยาเดินบ่นกับสาลี่ เรื่องเก่งยังไม่ออกมา
“ทำไมเก่งยังไม่มา ทุกอย่างพร้อมหมดจะถ่ายแล้วนะ”
“ลำพังเก่งคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ คงมีคนคอยถือหางถึงได้เหลวไหล”
เก่ง ครูห่าน นก มด ปลา เข้ามา
“เก่งเ ธอไปไหนมา”
“ไป เอ่อ”
“คงไปตามง้อแฟนเก่า และถ้าให้เดาสีหน้าอย่างนี้เขาคงไม่ดีด้วย เพราะเขามีเป้าหมายที่ดีกว่า”
“คุณสาลี่ ถ้าไม่รู้ก็อย่าพูด คนอื่นเขาเสียหาย”
สาลี่จ๋อยที่เก่งดุจริงจัง ครูห่าน นก มด ปลา ทำท่าจะเม้าท์ต่อ
“พวกเรา”
เรยารีบเปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ มาแล้วก็ไปทำงาน ใช้มือทำไม่ใช่ใช้ปาก”
“แล้วก็ทำแบบมืออาชีพกันหน่อย อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นใครจะรับผิดชอบ” สาลี่ต่อว่า
“ผมผิดเอง ถ้าจะโทษก็โทษผม พวกพี่ๆ เขาไม่เกี่ยว”
“ใครจะไปกล้าว่านักร้องอนาคตไกลอย่างเธอล่ะ ฉันให้เวลาทำผมแต่งหน้า 15 นาทีแล้วเจอกันหน้าเซ็ท”
เรยาสั่งเสร็จก็เดินออกไปกับสาลี่

เก่งแต่งหน้าเสร็จแล้วนั่งคุยกับครูห่านและ 3 สาว อย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษที่ทำให้ทุกๆ คนเดือดร้อน”
“เฮ้ยไม่เป็นไร พวกเรายินดีด้วย” ครูห่านบอก
“แหม วันนี้ยายเรยาทำตัวเป็นครูระเบียบไปได้ ถ่ายมิวสิคถ่ายตอนไหนก็ได้” นกเปรย
“ใช่ถ่ายตอนเย็นได้ยิ่งดีแดดไม่ร้อนตัวไม่ดำ” มดสนับสนุน
“แต่จะให้สวยถ่ายตอนกลางคืนเลยยิ่งดึกยิ่งดีออก ใส่สโมคนิดๆ หมาหอนหน่อยๆ” ปลาบอก
“นั่นถ่ายหนังผีแล้ว เราถ่ายมิวสิคทำเป็นเล่นไปได้” ครูห่านปราม
“พวกเราแค่ อยากให้เก่งสบายใจ”
“ถ้าอยากให้เก่งสบายใจ ไปหาข้าวหอมให้เจอ”
“ยังไงเดี๋ยวก็ต้องเจอกันเพราะกองถ่ายเอ็มมิวสิคถ่ายที่นี่เหมือนกัน” นกบอก
“กองถ่ายนะใช่ แต่ข้าวหอมไม่ได้ถ่ายด้วยนี่”
“โธ่ครู มันจะไปยากอะไร ผู้หญิงมาที่นี่ก็ต้องมาทำสวยซิ” มดบอก
“จริงด้วย งั้น สามสาวไปสืบมา ส่วนฉันจะพาเก่งไปถ่ายงานให้เสร็จ เมื่อทุกอย่างลงตัวเก่งจะได้ไปง้อข้าวหอมแล้วทุกอย่างก็”
“แฮปปี้เอนดิ้ง” สามสาวพูดพร้อมกัน
เก่งยิ้มมีกำลังใจในการทำงาน

นก มด ปลา เดินเข้ามาบริเวณหน้ากองถ่าย ด้อมๆ มองๆ
“แก 2 คนมองดูซิรู้จักใครบ้างรึเปล่า” ปลาถาม
“จะไปรู้จักใคร พวกเราไม่ถูกกับเอ็มมิวสิคที่เห็นๆ มีแต่ศัตรู” มดท้วง
“เราจะหาข้าวหอมเจอมั้ยนี่” นกกังวล
“เอาอย่างงี้ละกัน พวกเราจะมั่วเข้าไปในกองแล้วแยกกันไปหา” ปลาเสนอ
สามสาวแยกกันออกไปคนละทาง เมฆ ดุ๋ย ดุ๋ย เดินเข้ามา
“พวกนี้ท่าทางมีพิรุธ”
“หรือว่าไอ้เก่งมันจะส่งคนมาป่วน” ดุ่ยเดา
“นึกว่าเรื่องชั่วๆ เลวๆ แบบนี้มีแต่เสี่ยกับพี่เมฆที่คิดได้ นี่ไอ้เก่งมันพัฒนาคิดได้เหมือนกันหรือวะ” ดุ๋ยแปลกใจ
“ไม่ได้ข้ายอมไม่ได้ พวกเราตามไปดูมัน”
กลุ่มเมฆแยกกันออกตาม 3 สาวไป

มดเดินตามหาข้าวหอมไม่เห็น เลยแวะถามแม่ครัว
“พี่ ข้าวหอมมากองยัง”
“ยังไม่เห็นนะหนู เป็นเอ็กซ์ตร้าหรือเปล่า”
“เอ่อ จ้ะ”
“กินข้าวหรือยัง กองนี้เขากินข้าวเสมอภาคกัน ถ้าหิวก็มากินได้ไม่ต้องพึ่งบารมีหนูข้าวหอมหรอก”
“ขอบใจจ้ะฉันยังไม่หิว”
มดเดินเลี่ยงไป ดุ๋ยเข้ามาแทนที่ หยิบของกินใส่ปากไปพูดไป
“พี่หัวทองเดินหาใครวะ แบบนี้ต้องตามไปดู”
ดุ๋ยหยิบของกินเล่นแล้วเดินจากไป แม่ครัวบ่น
“คนทำงานล่ะก็ ไม่กิน ส่วนไอ้พวกขี้เกียจสันหลังยาวล่ะก็กินเอ๊ากินเอา”

นกเดินไปหน้าเซ็ตเห็นทุกอย่างยังไม่พร้อม บัวแต่งตัวอยู่ นกหงุดหงิด
“อยู่ไสว่ะ หาจนทั่วแล้วก็ยังบ่เห็นซักตั๋ว”
นกเดินหันหลังกลับ ดุ่ยเข้ามาขวาง
“หาอะไรหรือจ๊ะ น้องสาวคนสวย”
นกแกล้งมองไม่เห็น ทำเป็นดมกลิ่นใกล้ๆ ตัวดุ่ย
“กลิ่นอะไรวะ เหม็นเน่าๆ หรือว่าแถวนี้จะมีผีจริงๆ”
“ไม่ใช่ผี ฉันเป็นคน ตัวก็ไม่เหม็น”
นกดมแถวปาก “ โห ตรงนี้ยิ่งเหม็นใหญ่ อุ้ยขนลุก ไปดีกว่า”
นกแกล้งเดินเลยไปไม่สนใจ แล้วแอบยิ้มๆ ดุ่ยเริ่มงง
“ทำไมมันไม่เห็นเราวะ หรือว่าเราจะตายไปแล้วกลายเป็นผี พี่เมฆช่วยฉันด้วย”
ดุ่ยวิ่งร้องไห้ไป

ปลาเดินมองหาข้าวหอม เมฆเดินตามปลาไปทุกฝีก้าว ปลาหยุดเมฆก็หยุด เสี่ยกำธรเห็นเมฆเดินตามสาว ก็ร้องแซวลูกชาย
“ฮั่นแน่ไอ้เมฆ เข้ากรุงไม่ทันไรเดินตามสาวแล้ว แต่เสือกเดินตามสาวแก่เสียอีกลูก หนอย รุ่นนี้มันต้องพ่อเอง”
เสี่ยกำธรเดินเข้ามา เมฆพยายามส่งซิกให้พ่อไม่ให้เข้ามา
“แหนะๆๆ กันท่าพ่ออีกด้วย แบบนี้ยอมไม่ได้ คิดจะวัดรอยเท้าพ่อเหรอไอ้ลูกชาย”
เสี่ยกำธรขวางหน้าปลา
“มองหาอะไรอยู่หรือจ๊ะน้องสาว ลูกชายพี่มันแค่ไก่อ่อนต้องอย่างพี่เนี่ยถึงจะเรียกว่าพ่อไก่แจ้”
ปลาหันมองเมฆกับเสี่ยกำธร พอรู้ว่าเมฆสะกดรอยตามตัวเอง เลยคิดซ้อนแผน
“พี่ไก่แจ้ดูท่าทางกำยำกว่าลูกชายจริงๆ ด้วย ดูซิจมูกโด่งตาโตคมสัน แถมมีเคราแพะอีกด้วย เซ็กซี่ชะมัดเอกลักษณ์ของเอกบุรุษจริงๆ”
“อันนี้มันก็แก้ไขไมได้นะจ๊ะ ที่พี่ดันเกิดมาหล่อเกินห้ามใจ”
“อุ้ยตายว้ายกรี๊ด ฉ่าสมิหลาสงขลาปัตตานีแฟนตาซีภูเก็ต พี่ชายเคราแพะเริ่ดหล่อที่สุดหาชายใดในโลกาเทียบได้”
“จริงเหรอจ๊ะน้องสาวคนสวย”
เมฆพยายามสะกิดพ่อ แต่เสี่ยกำธรก็ไม่สนใจ ปลาเริ่มเห็นทางกำจัดเมฆ
“จริงจ้ะ แต่ลูกชายพี่น่ะตามติดฉันเป็นเงา ถ้าพี่จัดการไม่ให้เขาตามฉันได้ เราค่อยว่ากันนะจ๊ะ พี่เครางาม”
ปลาเดินเชิดออกไป เสี่ยกำธรมองตามด้วยความเสียดายแล้วหันไปโวยลูกชาย
“เอ็งจะสะกิดสะเกาไปถึงไหน เพราะเอ็งข้าเลยอดเห็นไหม”
“พ่อนั่นแหละทำฉันเสียแผน โอ๊ย ไม่คุยด้วยแล้ว”
เมฆเดินหนีไป เสี่ยกำธรบ่น
“ดูมัน ดูมัน จีบหญิงสู้พ่อไม่ได้ทำเป็นงอน จะว่าไปเราก็ยังไม่แก่เกินแกงนะเนี่ย”

นก มด ปลาเดินเข้ามาหากัน หลังจกาไม่เจอข้าวหอม
“หาเจอไหม”
มด ปลาส่ายหน้า
“แล้วป้าล่ะ” นกส่ายหน้า
“เหลือที่เดียว”
ทั้งสามมองเข้าไปด้านในแล้วยิ้มๆ เมฆและพวกตามมาขวางทาง
“พวกเธอมาทำอะไรที่นี่”
“มีพิรุธแบบนี้สงสัยจะเข้ามาขโมยของ ค้นตัวมันเลยลูกพี่”
เมฆ ดุ่ยมอง 3 สาวด้วยความหื่น อยากค้นตัว
“หยุด”
“แกไม่รู้จักพวกฉันหรือไง” นกบอก
“ฉัน มด นก ปลา 3 สาวแดนเซอร์สะท้านโลกันต์”
สามสาวเต้นใส่สเต็ปกันชุดใหญ่
“เป็นไงที่นี้รู้จักเราหรือยัง คุ้นแล้วใช่มั้ย”
เมฆสำรวจ 3 สาวแล้วหยุดที่นก
“คนนี้พอไหว คนนี้ก็กล้อมแกล้ม คนนี้ไม่ไหวแก่อ่ะ”
“ว้ายไอ้เด็กบ้า อย่างฉันน่ะระดับปรมาจารย์ย่ะ” ปลาโวย
“สรุปก็คือฉันไม่เชื่อ”
“บ่เชื่อก็บ่เชื่อ ไปเอื้อยไปซ้อมเต้นกันต่อเถอะ” นกบอก
“นี่น้องถ้าไม่เชื่อก็ตามมา” มดท้า
สามสาวหาเรื่องเดินหนี เมฆมองตามงง
“หรือว่าสามสาวเนี่ยจะพูดจริง” ดุ่ยเริ่มคล้อยตาม
“ขอ
แบบนี้ต้องพิสูจน์ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยลูกพี่ เป็นลูกผู้กำกับใหญ่โตอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร”
“ไปโว้ย ไปถามให้รู้ความจริงไปเลย”

ทอมและข้าวหอมกำลังปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความงาน มะขิ่นอยู่อีกด้าน นก มด ปลาเดินเข้ามาเห็นจะเข้าไปทัก แต่ป้าสีวังกับอาร์มแซงหน้าไปทักมะขิ่นก่อน
“ออกจากถ้ำแล้วหรือจ๊ะแม่มะขิ่น สบายดีมั้ย”
“สบายดีค่ะ จะไม่สบายก็ตอนนี้แหละ”
“อุ๊ย ถ้าไม่สบายจะกลับมาทำงานกับคุณป้าก็ได้นะคะ” อาร์มเยาะ
“มะขิ่นเคยทำงานกับคนพวกนี้ด้วยเหรอ” ข้ามหอมถาม
“ใช่จ้ะ เราคุ้นเคยกันดีหรือจะชวนน้องคนสวยเนี่ยย้ายค่ายมาก็ได้นะจ๊ะ” ป้าสีวังแหย่
“ไม่ล่ะค่ะขอบคุณมาก” มะขิ่นปฏิเสธ
“อย่ารีบปิดโอกาสให้กับตัวเองซิ”
“หรือว่าหวังไกลกว่าเป็นนักร้อง คงไม่ได้วางแผนให้น้องข้าวหอมนั่งแท่นสะใภ้เอ็มมิวสิคหรอกนะ” อาร์มยั่ว
ทอมเห็นอาร์มพูดไม่ให้เกียรติข้าวหอม จึงรีบปกป้อง
“พูดแบบนี้ผู้หญิงเขาเสียหายนะครับ ยังไงก็เป็นเพศแม่ ดูถูกเขาก็เหมือนด่าแม่ตัวเอง”
อาร์มค้อนวงใหญ่ “โอ๊ยแรงค่ะคุณป้า แรงเกย์อย่างหนูยังด่าได้ไม่เจ็บเข้าไปถึงกึ๋นขนาดนี้เลย”
“เก่งให้ตลอดก็แล้วกันแม่มะขิ่น อย่าต้องหลบลี้หนีหน้าไปอยู่บ้านนอกเหมือนเก่าล่ะ ไปนังอาร์ม”
ป้าสีวังชวนอาร์มเดินออกไป ทอมมองตาม
“ดูท่าทางเขาแปลกนะครับ”
“พวกมันแปลกตั้งแต่หัวจรดตีนยันจิตใจเลยค่ะ” มะขิ่นบอก
“คนพวกนี้แหละค่ะที่ทำให้เราต้องหนีเข้ากรุงเทพฯ” ข้าวหอมบอก
“ถ้างั้นมะขิ่นพาข้าวหอมไปทำสวยก่อน ผมขอไปธุระประชุมเรื่องยาตัวใหม่ก่อนเสร็จแล้วผมจะมารับกลับบ้านพร้อมกัน”
“ดีเหมือนกัน เจอยัยป้ามหาภัยแถวนี้ฉันไม่ค่อยสบายใจห่วงแกกับบัว”
ข้าวหอมเห็นด้วยยิ้มหวานให้ทอม สามสาวมองสถานการณ์
“สถานการณ์แบบนี้เก่งเป็นรองสุดๆ” นกบอก
“จริงอย่างนังนกมันว่านะป้า ขืนปล่อยเอาไว้รักแท้แพ้ความดีแน่” มดย้ำ
“งั้นเราต้องตัดหน้าให้เก่งชิงง้อข้าวหอมให้ได้ก่อน” ปลาสรุป
สามสาวมองหน้ากันอย่างมั่นใจ

รถเสี่ยสำราญเข้ามาจอดหน้าสถาบันความงาม เสี่ยสำราญเดินออกมาจากรถ 4 สาวมาเต้นเปิดตัวเสี่ยพร้อมโปรยดอกไม้ เสี่ยยืนยิ้มอย่างพอใจ
“พอแล้วจ้ะพอแล้ว เอาไปกินขนมกันนะจ๊ะ”
เสี่ยแจกเงินให้สาวๆ คนขับรถดีใจหายไปอย่างรวดเร็ว
“ไปพักก่อน เดี๋ยวพี่ทำหล่อเสร็จค่อยว่ากัน อ้าวหายไปไหนหมดนังพวกนี้ได้เงินที่ไรหายทุกที”
เสี่ยสำราญเซ็งเดินไปคนเดียว

อ่านต่อหน้าที่ 3


สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เสี่ยกำธรกำลังสั่งงานคนในกอง

“เอ้าเร่งๆ เข้า เดี๋ยวจะไม่ทันฉากต่อไป”
คนในกองถ่ายวิ่งทำงาน เสี่ยกำธรพอใจ เมฆพร้อมลูกน้องเข้ามาเสี่ยบ่น
“พวกเอ็งก็เหมือนกันช่วยงานกองถ่ายเขาบ้าง เอาแต่เดินไปเดินมา”
“โธ่พ่อ ฉันเป็นลูกคนใหญ่คนโตอย่างพ่อ ยังต้องให้ทำอะไรอีก”
“ในกองถ่ายเนี่ยไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินเสี่ยกำธรอีกแล้ว” ดุ๋ยบอก
เสี่ยยิ้มพอใจที่ถูกชมว่าเป็นใหญ่ แต่แล้วก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดต้อนรับเสี่ยสำราญ
“เสี่ยสำราญ”
เสี่ยกำธรและพวกเมฆหันมองตามเสียง
“ใครนะพ่อ ดูท่าทางยังกับผู้มีอิทธิพล”
“โหแจกเงินเป็นว่าเล่นเลย” ดุ่ยตาโต
“นั่นซิ เสี่ยยังเอาแต่รีดไถ่ชาวบ้านแต่นี่แจกเงินเป็นฟ่อนเลย”
เอกเดินเข้ามา “เสี่ยสำราญเจ้าพ่อตลาดหุ้นไง”
“ท่าทางรวยจัง” เมฆเปรย
“อภิมหารวยแต่เสียอย่างเดียว”
“อะไร”
“บ้าผู้หญิง” เอกบอก
เอกเดินไป เสี่ยกำธรมองเสี่ยสำราญเดินผ่านเลยไป
“ท่าทางมันรวยจริง”
“ตื้บมันเลยไหมพ่อ” เมฆถาม
“ตื้บบ้านแกน่ะซิ พ่อก็แค่อิจฉามันโว้ย”
เสี่ยกำธรมองอยากเป็นเหมือนเสี่ยสำราญ

เก่งกำลังถ่ายมิวสิคอยู่ ผู้กำกับสั่งให้เก่งยิ้มหวานให้เรยาต่อหน้ากล้อง เก่งพยายามยิ้มแต่ทำไม่ได้
“ยิ้มหวานซิครับเก่งเอาแบบยิ้มหวานสุดๆ หวานน้ำตาลเรียกพี่ อะไรทำนองนี้แหละ”
“หวานแบบที่พี่บอกผมทำไม่เป็นอ่ะ”
เรยาหงุดหงิด ครูห่านช่วยพูด
“เก่งนึกถึงหน้าข้าวหอมไว้แล้วยิ้มหวานให้ข้าวหอม”
“เอาใหม่อีกครั้งนะ 5-4-3-2 แอ็คชั่นจ้ะ” ผู้กำกับ
เก่งลองดูอีกครั้ง คราวนี้เก่งยิ้มหวาน ผู้กำกับพอใจมาก
“ใช่เลย ใช่แบบนี้รับรองแม่ยกตายยกเมือง คัท โอเคใช้ได้เตรียมซีนต่อไป”
“เก่งถ่ายเสร็จแล้วใช่ไหมผู้กำกับ” สาลี่ถาม
“เสร็จแล้วครับเหลือแต่คุณเรยา”
สาลี่รับทราบ ครูห่านยิ้มพอใจ

เก่งมาสุมหัวกับครูห่าน นก มด ปลารายงานทันที
“ตอนนี้ทางสะดวก น้องข้าวหอมกำลังทำสวยอยู่”
"ส่วนมะขิ่นก็แยกไปอบตัว” มดบอก
“ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาน 2 ชั่วโมง” นกพูดเสริม
“เก่งต้องใช้โอกาสนี้ง้อข้าวหอมให้สำเร็จ” ครูห่านให้กำลังใจ
“ในนั้นมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นฉันจะเข้าไปได้ยังไง”
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวครูห่านจัดให้”
เก่งยิ้มมีความหวัง

ข้าวหอมนอนอยู่บนเตียง ผู้เชี่ยวชาญอธิบายเรื่องความงาม
“หลังจากทำมาส์คตัวนี้จะทำให้ผิวชุ่มชื้นเหมาะกับคุณข้าวหอม รับรองค่ะแค่ 15 นาทีคุณจะสวยขึ้นผิดตา นอนนิ่งๆ นะค่ะ”
ผู้เชี่ยวชาญทำการมาส์คหน้า เก่งใส่เสื้อคลุมโพกผ้าที่ผม แอบฟังอยู่หน้าห้อง ผู้เชี่ยวชาญมาส์คหน้าข้าวหอมเสร็จก็เดินออกไป เก่งหลบ พอปลอดคนเก่งก็แอบเข้าห้องข้าวหอม รีบง้อทันที
“ข้าวหอมจ๋า”
ผู้เชี่ยวชาญเข้าห้องมา เก่งรีบโดดขึ้นไปนอนเตียงข้างๆ ผู้เชี่ยวชาญมาดู
“ขอประทานโทษด้วยนะค่ะที่ช้า นอนนิ่งๆ นะคะ”
ผู้เชี่ยวชาญไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดการมาส์คหน้าเก่งทันทีจนเสร็จ แล้วออกนอกห้องไป เก่งรีบพูด
“มองไม่เห็นกันแบบนี้ก็ดีเราจะได้ใช้ใจคุยกัน”
“มีอะไรต้องคุย” ข้าวหอมถาม
“เยอะแยะเลย จะเริ่มเรื่องไหนก่อนดีนะ”
“ไม่รู้ก็ไม่ต้องคุย”
“ไม่คุยข้าวหอมก็ไม่เข้าใจพี่น่ะซิ”
“งั้นว่ามา”
ข้าวหอมลุกออกไป มีคนเข้ามานอนแทนแต่เก่งไม่รู้
“ที่ผ่านมาพี่ขอโทษพี่เข้าใจผิดไปเอง พี่มันโง่ หึงไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้ก็รู้ว่าข้าวหอมมีใจให้พี่คนเดียวแต่พี่ก็ยังระแวง ยกโทษให้พี่นะจ๊ะข้าวหอม”
ข้าวหอมเงียบไม่ยอมตอบ เก่งลุกขึ้นเอาหน้ากากออกเดินไปหาข้าวหอม กุมมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มไว้
“ไอ้เก่งคนนี้ขอให้สัญญาว่ารักที่มีให้ยังมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้”
เก่งเห็นข้าวหอมเงียบนึกว่าได้ผล รีบพูดต่อ
“ต่อไปนี้พี่จะเชื่อใจ ไม่งี่เง่าอีก ยกโทษพี่แล้วกลับมารักกันเหมือนเดิมนะ”
เก่งยกมือขึ้นมาหอมแล้วรู้สึกว่ามือเหี่ยวๆ ป้าแก่ๆ ลุกขึ้นมา
“รักก็ได้จ้ะพ่อหนุ่มรูปหล่อ มามะมาให้กอดซะดีๆ”
เก่งรู้ตัวว่าง้อผิดคนเริ่มมองหาตัวช่วย แต่ถูกป้าล็อกคอกอด
“มามะมารักกับพี่ได้เลยน้อง”
“อ๊าก ปล่อย ผมเก่งถูกปล้ำ”

เสี่ยสำราญนั่งคุยกับป้าสีวังและอาร์ม
“ป้าสีวัง ไหนล่ะของดีที่เธอจะให้ฉันดู”
“นี่ไงคะท่าน”
ป้าสีวังชี้ให้ดูบัวกำลังถ่ายมิวสิคอยู่ข้างๆ เสี่ยสำราญเห็นแล้วตะลึง น้ำลายไหลจนอาร์มต้องเอากระดาษทิชชู่รองไว้
“สวย ดื้อ แก่น แถมมีเซ็กส์แอพพิวอีก อู้ย อยากได้อ่ะอยากได้”
ป้าสีวังเห็นเข้าทาง อาร์มสะกิดให้ดู ข้าวหอมกับมะขิ่นเดินหัวเราะผ่านไป
“แกเล่นแรงไปหรือเปล่า” มะขิ่นติงข้าวหอม
“แผนเยอะดีนัก ป่านนี้ถูกคุณป้าปล้ำไปถึงไหนแล้วก็ไมรู้”
สองสาวหัวเราะสะใจเรื่องเก่ง ป้าสีวังยิ้มรีบแนะนำเสี่ยสำราญต่อ
“คนนี้ชื่อข้าวหอมกำลังจะเป็นนักร้องค่ะเสี่ย”
“สวย ใส ซื่อ น่ารักสุดๆ คนนี้ยิ่งอยากได้น่ารักทั้ง2 คนเลย เค้าเอาหมดเลย ทุ่มไม่อั้นเสียเท่าไหร่ก็ยอม”
“ของล้ำค่าแบบนี้ก็ต้องมีการวางมัดจำนิดหน่อย”
“ได้ ฉันให้เธอฟรีๆ เลย 2 ล้านบาท และถ้าเธอทำให้น้องคนสวย 2 คนนี้มาอยู่ในคอลเล็คชั่นของฉันเอาไปอีก 10 ล้าน”
“ถ้าจ่ายงามขนาดนี้เดี๋ยวสีวังจัดให้ค่ะเสี่ย”

บัวเดินอยู่คนเดียว สตั๊นแมน 2 คนเข้าไปฉุด บัวต่อสู้ไม่ยอม
“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยๆ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที”
ครามเดินเข้ามาได้ยินเสียงบัวร้องให้ช่วย ตกใจรีบวิ่งไปช่วยบัว
“บัวฉันมาแล้วไม่ต้องกลัว ปล่อยเธอซะ”
สตั๊นแมน 2 คนกำลังจะพาบัวขึ้นรถ แต่ครามเข้ามาขวาง บัวพยายามจะบอกครามแต่เขาไม่ฟัง
“ครามคือว่า ไม่ใช่”
“ไม่ต้องกลัวมัน หลีกไป”
ครามเข้าต่อสู้จนสตั๊นแมน 2 คนสู้ไม่ได้กระเด็นไปคนละทิศละทาง ผู้กำกับสั่งคัท แล้วออกมาโวย
“เขาถ่ายหนังกันอยู่ เอ็งเป็นใครวะงานเสียหมดแล้วเห็นไหม”
ครามหน้าเสีย บัวเอาแต่อมยิ้ม เสี่ยกำธร เมฆ ดุ๋ย ดุ่ยตกใจที่เห็นครามอยู่ในฉาก
“ไอ้คราม”
ครามยิ้มเขินๆ

บัวเอาน้ำให้ครามกินแล้วขำชายหนุ่ม
“ยังจะมาขำอีก ใครจะไปรู้ว่าถ่ายละคร เห็นเล่นกันซะเหมือนเชียว”
ผู้กำกับเดินยิ้มเข้ามา
“เพื่อนบัวเก่งนะ เป็นสตั๊นแมนหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ผมเป็นนักมวย”
“ถึงว่า หน่วยก้านดี สนใจเป็นดารามั้ยล่ะ พอดีเรากำลังหาพระเอกคาแร็คเตอร์แบบนายอยู่พอดี”
“ไม่ล่ะครับผมชอบชกมวยมากกว่า”
“เอานามบัตรฉันไว้ แล้วว่างก็ลองมาแคสดูโปรเจคท์นี้ยังไม่รีบ”
“วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ขอโทษแล้วมันหายเหรอ เขาเสียเงินทองไปเท่าไร”
“ฉากที่เอ็งทำลายไปเมื่อกี้เกือบแสน” เมฆบอก
ครามหน้าเสีย ดุ๋ย ดุ่ยได้ทีเล่นงานด้วย
“กว่าจะเริ่มถ่ายใหม่ก็เสียเวลา เกิดวันนี้ถ่ายไม่หมดยกกองถ่าย”
“เอ็งมีปัญญารับผิดชอบหรือเปล่า”
ผู้กำกับรีบแทรก “รู้ดีจัง รู้หมดทุกเรื่อง งานจะเสียหายหรือไม่ฉันเป็นคนตัดสินใจ พวกคุณไม่ต้องมายุ่ง ดูอย่างเดียว”
“พ่อเป็นผู้กำกับไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” เมฆถามเสี่ยกำธร
“ไม่พูดข้ามันผู้กำกับ 2 ดูอย่างเดียวไม่ต้องพูดไปโว้ย”
ทุกคนมองเสี่ยกำธรอย่างเซ็งๆ

ครามนั่งคุยกับครูห่านและ 3 สาวเรื่องนามบัตรที่ครามได้มา
“น่าสนใจนะครามลองไปเทสต์ดู”
“ผู้กำกับคนนี้เขาดังมากๆ” ปลาย้ำบอก
“เผื่อครามดังพี่จะได้เปลี่ยนอาชีพ” มดบอก
“เจ๊จะไปทำอะไร” ปลาถาม
“ผู้จัดการส่วนตัวน้องคราม” มดบอกเต็มปากเต็มคำ
ทุกคนหัวเราะกัน เก่งเดินเข้ามาร่วมวง ผมเผ้ากระเซิง ทุกคนตกใจ
“ไอ้เก่งไปโดนอะไรมาวะ”
“ก็ข้าวหอมน่ะซิหลอกให้ฉันไปจีบสาวแก่ กว่าจะหนีออกมาได้เกือบตาย”
“แสดงว่ายังไม่สำเร็จ” ครูห่านถาม
เก่งพยักหน้าเศร้าๆ 3 สาวพูดให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วงพี่เก่ง โอกาสหน้ายังมี” นกบอก
“รักแท้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคหน่อย” มดให้กำลังใจ .
“พวกเราพร้อมจะช่วยน้องเก่งกับข้าวหอมให้คืนดีกันให้ได้” ปลาย้ำ
เรยาเดินผ่านมาได้ยินที่ครามพูด
“ช่วยมันหน่อยเถอะครับ ไอ้เก่งนะนอกจากน้าอรมันก็มีแค่ข้าวหอมนี่แหละ สาวๆ ในหมู่บ้านมันไม่เคยชายตามอง”
“เย็นเติ้นแมน สุภาพบุรุษสุดๆ รักเดียวใจเดียว” ครูห่านชื่นชม
“มันรักของมัน เมื่อก่อนเจ๊ลำไยไม่ให้เข้าบ้านมองหลังคามันยังมีความสุขเลย ครูห่าน” ครามเล่า
“ถ้ามีใครรักนกอย่างนี้นกรักตาย”
มดเห็นเรยาเลยแกล้งพูด
“ไม่รู้ว่าเข้าเมืองแล้วจะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า”
“ไม่ว่าผมจะเจอใครที่แสนดีสวยกว่าหรือรวยกว่าผมก็ไม่สน เพราะผมเกิดมาเพื่อรักข้าวหอมคนเดียว”
ทุกคนทำท่าจะอาเจียน มดแอบยิ้มที่เห็นเรยาทำหน้าเศร้า
“งั้นก็ง้อต่อไปเรื่อยๆ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน” ครูห่านให้กำลังใจ
“แต่หัวใจอ่อนๆ ของเธอทำด้วยอะไร” ปลาร้องต่อ
“จึงไม่สะทกสะท้านสะเทือนหัวใจ” มดร้องต่อด้วย
“จนไม่หวั่นไหวว่าใครเค้าเฝ้ารอ” นกร้องปิดท้าย
ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข เรยาเดินออกไปหน้าเศร้าๆ

เรยาเดินหม่อลอยคิดเรื่องที่เก่งพูด เธอมัวแต่คิดจนลืมดูทาง มีรถแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วเกือบชน ทอมกลับมาจากทำธุระพอดี เลยช่วยเรยาเอาไว้
“ระวังครับ”
“หมอทอม ขอบ”
“เหม่อลอยจนเกือบจะถูกรถชนแล้ว มีอะไรในใจหรือเปล่าถึงได้เหม่อแบบนี้”
“ตอนแรกกะจะขอบคุณแต่ตอนนี้คงไม่แล้ว”
“คนเราก็แปลก พอพูดถูกใจดำเข้าหน่อยก็รับไม่ได้”
“หมอ ฉันจะมีปัญหาอะไรมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยไม่ทราบ”
“ผมแค่เป็นห่วง ผมมองดูคุณผมรู้ว่าคุณพักผ่อนน้อยทำงานหนัก รักษาสุขภาพบ้างนะครับ ไปหาผมก็ได้นะผมตรวจให้ฟรี”
ทอมพูดกวนๆ แกล้งเรยา หญิงสาวยิ่งหงุดหงิด
“ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ฉันไม่ชอบของฟรี”
เรยาเดินหนีไป ทอมอมยิ้มแล้วรู้สึกใจเต้นแรง
“แปลก เจอกันที่ไรทำไมหัวใจเต้นแรง สงสัยเราต้องพักผ่อนมากขึ้นแล้ว”

ข้าวหอม บัว มะขิ่นเอาของมาเก็บที่รถตู้ บัวถามขึ้น
“ทำไมเราไม่กลับรถกองถ่ายล่ะจะได้ไม่ต้องรอหมอทอม”
“มะขิ่นเขาเจอยัยป้ามหาภัยเลยกังวล” ข้าวหอมบอก
“นี่มันตามพวกเรามาถึงที่นี่เลยเหรอ”
“มันไม่ได้ตามมา แต่เราเดินเข้าวงจรของพวกมันต่างหาก”
มะขิ่นพูดไม่ทันขาดคำ ลูกน้องเสี่ยสำราญก็เข้ามา 3 คน
“รบกวนคุณข้าวหอมและคุณบัวมากับเราซะดีๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“พวกแกนี่ตายยากจริงๆ พูดถึงไม่ทันขาดคำ เอาไอ้นี่ไปแทนแล้วกัน”
บัวเปิดฉากถีบลูกน้องกระเด็นไปโดนลูกน้องอีกคน หญิงสาวตั้งการ์ดสู้ ลูกน้องทั้งสามเข้าล้อมข้าวหอม มะขิ่นเห็นท่าไม่ดีตะโกนร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”
เก่ง คราม นั่งเล่นอยู่ที่กองถ่าย เก่งสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงข้าวหอมร้องขอความช่วยเหลือ
“เสียงข้าวหอมร้องนี่”
เก่งขยับจะเข้าไปช่วย ครามรั้งไว้
“ไม่ต้องไป เมื่อกี้ฉันโดนด่ามาทีหนึ่งแล้ว เขาถ่ายละครกัน”
“แต่ข้าวหอมไม่ได้ถ่าย”
เก่งไม่ฟังครามห้าม วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ครามค่อยๆ ลุกตาม
“เดี๋ยวก็เจอพวกไอ้เมฆมันโวยอีกจนได้”
เวลาเดียวกัน ทอมได้ยินเสียงข้าวหอมร้องให้ช่วยเช่นกัน
“ข้าวหอม เสียงข้าวหอม”
“นั่นไงคนที่อยากให้คุณช่วย ไปซิ” เรยาบอกประชด
ทอมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เรยางงที่ทอมไม่สนใจเธอ
“อะไรกัน ฉันแค่พูดประชดไปจริงเฉยเลย”

บัว ข้าวหอม มะขิ่นกำลังจะถูกลูกสมุนทั้งสามกระชากขึ้นรถ เก่งรีบวิ่งไปช่วยข้าวหอม เป็นจังหวะเดียวกับทอมวิ่งมาถึงพอดี ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้นะ ไอ้โจรห้าร้อย”
“ทำไมคุณต้องพูดเหมือนผมด้วย” เก่งถาม
“คุณน่ะซิพูดเหมือนผม”
“ไม่จริง ผมพูดก่อน”
“ขี้ตู่ ผมพูดก่อน”
ข้าวหอมทนไม่ได้โวยวาย
“มัวเถียงกันอยู่นั่นแหละ มาช่วยกันก่อนพี่เก่ง”
เก่ง ทอม รู้ตัว เลิกทะเลาะกันหันไปช่วยข้าวหอม
“ผมจะไปช่วยข้าวหอม ส่วนคุณช่วยมะขิ่นกับบัว” เก่งบอก
“ผมก็จะช่วยข้าวหอม”
“จะเอายังไง ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ หลีกไปซะอย่ามาขวาง”
“ไม่หลีก นายจะหาเรื่องฉันหรือไง”
“เออซิวะ เออ มาดิมา”
ลูกน้องเสี่ยสำราญงง
“ท่าทางพวกมันจะตีกันเองแล้วครับพี่ ไปเราไปกันดีกว่า”
ลูกน้องเสี่ยจะพาข้าวหอมขึ้นรถ ครามเข้ามา บัวรีบตะโกน
“ครามช่วยเราด้วยเที่ยวนี้ของจริง”
ครามไม่สนใจ เข้าไปอัดลูกน้องเสี่ยสำราญทันที เก่งกับทอมรู้ตัวเลิกทะเลาะกัน แล้วหันไปช่วยครามลุยกับลูกน้องเสี่ยสำราญ ลูกน้องเสี่ยสู้ไม่ได้จึงพากันเผ่นหนีกลับไป แต่ก่อนไปทิ้งหมัดตรงใส่ทอมล้มลงไปข้างถนน ข้าวหอมกำลังจะวิ่งไปหาเก่ง เห็นทอมล้มลงเลยวิ่งกลับไปดู เก่งมองตามเศร้าๆ
“หมอทอม เป็นอะไรเปล่าคะ”
“เขาเป็นหมอไม่ใช่คนที่โตมากับท้องไร่ท้องนาอย่างพวกเรา" ครามบอก
มะขิ่นปลอบ “เก่ง ข้าวหอมแค่ห่วงที่เขาต้องมาเดือดร้อนเพราะช่วยพวกเรา”
“พี่เก่ง ที่ข้าวหอมโกรธเพราะไม่เชื่อใจจะให้มันเป็นแบบเดิมอีกเหรอพี่” บัวเตือนสติ
“พี่เข้าใจ ทุกคนปลอดภัยก็ดีแล้ว ไปครามกลับ”
เก่งเดินกลับไป ครามจำต้องวิ่งตาม

เสี่ยสำราญ ป้าสีวัง และอาร์มแอบมองผลงานของตัวเองอยู่อย่างไม่พอใจ
“พลาดได้ไง น่าเจ็บใจจริงๆ สงสัยต้องจัดให้มันหนักกว่านี้”
“ของดีมันก็ได้มายากอย่างนี้แหละค่ะ” ป้าสีวังบอก
“ช้าหรือเร็วคุณป้าก็หาวิธีทำให้มันทั้งสองตกเป็นของสะสมเสี่ยได้อยู่ดีแหละค่ะ” อาร์มย้ำบอก
“ฉันไม่อยากรอนาน จะจ่ายแพงเท่าไหร่ไม่ว่า”
ป้าสีวังกับอาร์มยิ้มมีเลศนัย
“ได้ค่ะเสี่ย สีวังจัดเต็มให้เลยค่ะ”
“แบบนี้ต้องคุยกันยาว เอาของแก้ขัดมาก่อนนะส่งไปที่เดิม”
เสี่ยสำราญเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ป้าสีวังหนักใจ อาร์มบ่น
“มันหื่นได้ใจจริงๆ เลย นะคะ เสี่ยบ้ากามตัวจริง”

เอ็มกำลังคุยกับทีมงานเรื่องข้าวหอมกับบัวโดนฉุด
“มันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้อย่างในกองถ่าย”
“เรื่องแบบนี้ต้องถามคนโดนฉุดว่าทำอย่างไรถึงได้โดนฉุด คงอ่อยเขาไว้เยอะซิท่า” ถั่วพูบอกอย่างหมั่นไส้
“ถั่วพู ข้าวหอมกับบัวไม่ใช่คนอย่างนั้น” ทอมท้วง
ถั่วพูหน้าเสียลืมไปว่าทอมอยู่ด้วย
“ฉันตกใจก็เลยหงุดหงิด ขอโทษแล้วกัน”
บัวอธิบายต่อ “พวกมันจะพาเราไปพบใครบางคน”
“พวกเดิมที่เล่นงานพวกเราจนต้องหนีมาพึ่งใบบุญคุณเอ็มหรือเปล่ามะขิ่น” ข้าวหอมถาม
“เจ้าเดิมชัวร์ ยัยป้าสีวัง”
เอ็มรู้ทันทีว่าต้องมีคนส่งข่าวและต้องเป็นถั่วพูแน่ เขาหันไปมองถั่วพู หญิงสาวรีบหลบสายตา เอ็มหันมาพูดกับทุกคน
“พี่สีวังเข้าอยู่ในวงการมานาน ถึงเขาจะขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ทำรุนแรง ยิ่งกลางเมืองแบบนี้เขาไม่กล้าทำ”
“แต่ถ้ามีคนชี้ทางให้มันก็ไม่แน่ใช่ไหมค่ะ” มะขิ่นเปรย
เอ็มอึ้
ตอบไม่ถูก เอกช่วยพูด
“นายครับผมว่าอาจจะเป็นการจับผิดตัวก้อได้นะครับ”
“ผมสัญญาครับว่าต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก โจ จอย ส่งข่าวให้ทั่ว ข้าวหอม บัวเป็นคนของฉัน ถ้าใครกล้าแตะฉันเอาตาย”
“โปรโมททั้ง 2 คนให้ดังก่อนออกทัวร์คอนเสิร์ตรับรองพวกมันไม่กล้าเข้าใกล้ข้าวหอมกับบัวแน่” มะขิ่นเสนอ
“เป็นความคิดที่ดี โจ จอย ยิงเพลงข้าวหอมและมิวสิคที่บัวเล่นให้กระหน่ำ งบไม่อั้น”
“ขอบคุณนะคะ แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีที่จะทิ้งบัวแล้วไปเดินสายกับข้าวหอม” มะขิ่นกังวล
“ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมการไว้แล้ว” เอ็มบอก

เอ็มผายมือต้อนรับ เจ๊ลำไย อร และแหม่ม
“บ้านมณี ยินดีต้อนรับทุกคนนะครับ”
เจ๊ลำไยโอบกอดหลานทั้งสอง
“ผมให้คนไปรับเจ๊ลำไยและคุณอรมาให้อยู่เป็นเพื่อนบัวในช่วงที่ข้าวหอมออกคอนเสิร์ต”
บัวกับข้าวหอมดีใจกอดเจ๊ลำไยแน่น
“พอๆ กอดแน่นเดี๋ยวหายใจไม่ออกพอดี”
“ก็ฉันคิดถึงเจ๊นี่” ข้าวหอมย้ำบอก
“ยิ่งตอนเกิดเรื่องฉันกลัวมากที่สุดก็คือจะไม่ได้เจอเจ๊อีก” บัวย้ำ
“คุณเอ็มเล่าให้ฟังหมดแล้ว ขวัญเอ๊ยขวัญมา ไม่ต้องกลัวนะบัวต่อไปนี้เอ็งไปไหนเจ๊ไปด้วย ถ้าพวกมันมาเจ๊จะอัดมันเอง”
“ดีจังนะครับมีคนครอบครัวเดียวกันมาอยู่ด้วยจะได้ไม่เหงา” ทอมบอก
“แล้วแหม่ล่ะอุตส่าห์ทิ้งสามีมาเป็นเพื่อนไม่มีใครพูดถึงสักคน”
“มันใช่เวลาไหมนังแหม่ม น้าหลานเขาจะสวีทกัน”
“ก็รู้ว่าคิดถึงแต่ฉันอยากมีส่วนเกี่ยวข้องนี่ ทีพี่อรยังไม่เห็นอยากไปหาเก่งเลย”
อรนิ่งคิดตามคำพูดของแหม่ม

เก่งนั่งเศร้า ครามนั่งมองเซ็งๆ ภูมิเอาแก้วนมเข้ามาให้
“ทีต่อหน้าทำเป็นเก่งแต่พอลับหลังก็เศร้า” ครามกระเซ้าเก่ง
“ถึงจะเชื่อใจแต่มันก็อดหวั่นไหวไม่ได้นี่หว่า”
“คนอื่นเขากินเหล้าแก้กลุ้ม เก่งกินนมแก้เซ็งก็แล้วกันนะ”
“ภูมิเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนลองช่วยพูดกับไอ้เก่งมันทีซิ”
“ความรักแท้มันไม่ได้มาจากทรัพย์สินเงินทองแต่มันมาจากตรงนี้”
ภูมิชี้ที่หัวใจ เก่งเริ่มสนใจ
“เก่งรู้ดีอยู่แก่ใจว่าในทางกลับกัน เก่งจะเปลี่ยนใจหากเจอหญิง หญิงที่เหนือกว่าข้าวหอมไหม”
“ผมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ”
“เก่งยังไม่ทำ แล้วข้าวหอมจะทำเหรอ เขาเป็นผู้หญิง ยิ่งต้องรักนวนสงวนตัว”
“จริงของภูมิ ทำไมผมไม่คิดถึงข้อนี้ แต่เราจะไปทัวร์คอนเสิร์ตตั้งนานกว่าจะได้เจอกัน”
ภูมิยิ้มๆ “นี่ยังไม่มีใครบอกเก่งเหรอ ข้าวหอมร้องเพลงแก้ของเก่ง เธอต้องออกคอนเสิร์ตที่เดียวกับเราทุกโปรแกรม”
เก่งดีใจ “หมายความว่าผมจะได้เจอข้าวหอมทุกวัน”
ภูมิพยักหน้า เก่งยิ้มออก หยิบแก้วนมที่ครามกำลังจะกิน กินเองจนหมดแก้วอย่างสบายใจ
“สบายใจละ”
ครูห่านเข้ามา “เก่งมีคนมาหา”
เก่งมองคราม งงว่าใครกันมาหาตอนกลางคืน

เก่งวิ่งเข้าไปกอดหอมอรเหมือนอย่างที่เคยทำมา
“น้าอรสบายดีนะ ผมคิดถึงน้าอรที่สุดในโลก”
“เมื่อไหร่จะกลับบ้าน น้าคิดถึงเก่งเหลือเกิน”
“น้าอร คิดถึงก็มาอยู่กับเก่งที่นี่ซิ”
“เก่งกลับบ้านเราเถอะ”
“น้าอร เก่งไม่กลับจนกว่าเก่งจะลากไอ้เพื่อนทรยศของพ่อมาขอโทษกระดูกพ่อแม่ให้ได้”
“พอเถอะลูกมันอันตราย ดูซิขนาดข้าวหอมเป็นผู้หญิงยังมีภัยมาถึงตัวเล”
“ก็เพราะอย่างนี้ซิจ๊ะ ผมถึงกลับไม่ได้ น้าอรอดทนอีกนิดนะครับ”
“งั้นก็ตามใจ น้ากลับก่อนนะ”
“กลับยังไง นี่มันดึกแล้วนอนค้างกับเก่งนะ”
“ไม่ล่ะ น้ามากับเจ๊ลำไยและก็แหม่ม น้าขอพักอยู่ที่โน่นดีกว่า”
“โอ้โหมาครบเซ็ตเลย เหมือนอยู่บ้านนอกเลยนะ”
“รักษาตัวดีๆ นะลูก”
“น้าอรไม่โกรธเก่งแล้วเหรอครับ”
“ไม่หรอกลูก ถ้าเก่งคิดว่าสิ่งที่ทำมันดีน้าก็ยอม”
เก่งกอดน้าสาวอีกครั้ง ดีใจที่อรเข้าใจ เขาเดินไปส่งน้าที่หน้าบ้าน โบกมือให้อรอย่างมีความสุข อรเห็นสมชายยืนคุยอยู่กับครูห่าน เหมือนจะนึกอะไรได้ แต่ก็นึกไม่ออกจึงเดินหันหลังกลับไป

วันรุ่งขึ้น เก่งอยู่บนรถบัสอย่างเฮฮากับกลุ่มทีมงาน เขาร้องเพลงให้ทุกคนฟัง เรยา สาลี่ก็พลอยสนุกไปกับเขาด้วย เก่งร้องเพลงไปสักพัก เริ่มสีหน้าไม่ดี ภูมิสงสัย
“เก่งเป็นอะไรหรือเปล่า เมารถหรือไง”
“ไม่เมาครับ แต่สงสัยส้มตำเมื่อเช้ามันกำลังจะโจมตี”
“โอเคเข้าใจละ ทุกคนครับเดี๋ยวเราจะแวะกันที่ปั๊มข้างหน้าเผื่อใครจะเข้าห้องน้ำ”
เก่งกระซิบ “ขอบใจสุดๆ เลยครับ ใจเย็นไว้ลูกใจเย็นไว้”
นกเกาะแขนภูมิ
“ดีเหมือนกันค่ะพวกเราปวดจนจะราดบนรถอยู่แล้วค่ะ”
มดกับปลาเห็นนกเกาะแขนภูมิเลยจะลุกไปบ้าง แต่ครูห่านโผล่ขึ้นขวาง
“หยุด รู้นะพวกหล่อนคิดอะไร ไม่ต้องไปพัวพันกับเขาเลย รีบไปห้องน้ำแล้วมาหาฉันนี่ มีเรื่องจะปรึกษา”
“ดีหรือร้ายคะครูห่าน” ปลาถาม
“แหมป้า คนอย่างครูห่านปรึกษาทั้งทีเรื่องดีไม่มีอยู่แล้ว ใช่ไหมค่ะ” นกแซว
“ใช่ ไม่ใช่ย่ะ ไม่ต้องพูดมากเสร็จแล้วเจอกัน”
รถจอดพอดี ทุกคนรีบวิ่งลงจากรถ ครูห่านเห็นรถเอ็มมิวสิคเลี้ยวเข้ามาจอดเช่นกัน จึงยิ้มอย่างมีแผน
“อะไรมันประจวบเหมาะให้ทำชั่วได้ขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”
“ครูห่านไม่เข้าห้องน้ำเหรอครับ”
ภูมิเข้ามาเงียบๆ ครูห่านสะดุ้งแล้วรีบลงจากรถไป

รถของเอ็มมิวสิคจอดที่ปั๊ม เสี่ยกำธรวางกล้ามเป็นหัวหน้าวง
“เราจะพักรถกันที่ปั๊ม ขอให้ทุกคนทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย”
“ภารกิจอะไรเสี่ย” ดุ๋ยถาม
“อุวะก็ใครจะดื่มน้ำปัสสาวะก็ตามสบายโว้ย”
“กินน้ำเขียวน้ำแดงแทนไม่ได้เหรอพ่อ กินฉี่ตัวเองไม่ไหวนะ” เมฆท้วง
มะขิ่นขำ “ฮ่าๆๆ ลูกเสี่ยเนี่ยมันโง่เหมือนใครก็ไม่รู้เนอะ”
เอกหมั่นไส้ “ดูช้างให้ดูหาง ดูชายให้ดูพ่อ ดูให้แน่ก็ต้องดูถึงต้นตระกูล”
“ดีมาก รู้จักมีสัมมาคารวะผู้หลักผู้ใหญ่” เสี่ยกำธรชม
มะขิ่น ข้าวหอม และทอมอมยิ้มนิดๆ
“อ๋อรู้ละว่าเหมือนใคร ไปข้าวหอมเข้าห้องน้ำดีกว่า ขืนอยู่แถวนี้นานจะติดโรคโง่” มะขิ่นชวน
“หมอค่ะเดี๋ยวหมออาจจะได้คนไข้เพิ่มนะคะ”
“ผมกะมาเปิดศูนย์แพทย์เคลื่อนที่ใกล้ๆ คอนเสิร์ตข้าวหอมอยู่แล้ว”
“ดีค่ะ ไปข้าวหอมไปหาขนมกินด้วย ฉันหิว”
มะขิ่นดึงมือข้าวหอมลงจากรถ เอกผายมือให้ทอมอย่างเกรงใจ ทอมเดินลงจากรถ เอกเดินตามก่อนลงเอกหันมายิ้มเย้ยๆ ใส่เสี่ยกำธร เสี่ยงง ถามลูกน้อง
“เอกมันชมหรือด่าวะแยกแยะไม่ออก”
“คนกรุงมันก็พูดวกไปวนมาอย่างนี้แหละเสี่ย”
“ใช่ ใครจะกล้าด่าเสี่ยกำธรเพื่อนสนิทเจ้าของค่ายเพลง”
“จริงจ้ะ ถ้ามันด่าแล้วเราไม่รู้ตัว ควายก็เรียกพี่แล้วเสี่ย”
“เออๆ จริงว่ะ”
เมฆหน้าตาบิดเบี้ยว “พ่อตกลงฉันกินน้ำอื่นได้ไหมฉันไม่อยากกินฉี่อ่ะ”
“ไอ้ลูกโง่ เอ็งจะกินน้ำอะไรก็ช่างหัวเอ็งเถอะ ไป ลงไปกันได้แล้ว”
เมฆถูกพ่อไล่ตะเพิด รีบวิ่งลงจากรถพร้อมดุ่ย ดุ๋ย

กลุ่มเมฆวิ่งเข้าห้องน้ำชาย กลุ่มครูห่านออกมาจากห้องน้ำหญิง ครูห่านเรียกทุกคนมารวมตัวแล้วพากันหลบมุมคุย ชี้ให้ทุกคนดูรถเอ็มมิวสิค
“พวกแกเห็นรถคันนั้นไหม”
“เห็นซิครูพวกฉันไม่ได้ตาบอดนี่” ปลาบอก
“นังโง่ แหกตาดูซิมันรถของใคร”
สามสาวมองรถอีกที
“นั่นมันรถเอ็มมิวสิค” มดร้องบอก
“มันทัวร์คอนเสิร์ตประชันกับเรา” นกบอก
“ใช่ มันไปที่เดี๋ยวกับพวกเรา ที่สำคัญน้องข้าวหอมก็อยู่ในรถคันนั้น”
ทั้งสี่มองหน้ากันอย่างมีแผน นกระเบิดเสียงหัวเราะพูดภาษาอีสานที่มาดเหมือนจอมโจร
“เอาจั๋งซี่ เฮาวางระเบิดมันให้ราบเป็นหน้ากลองแล้วกระหนํ่ายิงเอ็ม 79 สมทบด้วยอาก้า อาร์พีจีน้อยหน่าลูกเกลี้ยง”
ปลาเขกหัวนก “ไอ้บ้า มันตายตั้งแต่วางระเบิดแล้ว”
“เราต้องหาวิธีแกล้งให้รถมันไปไม่ได้” มดบอก
“เป็นความคิดที่ดีมากแต่ว่าเราจะทำวิธีไหน” ครูห่านถาม
“บ่ต้องห่วงเอื้อย เดี๋ยวเฮาจัดการเอง”
นกทำหน้าเชื่อมั่นมากๆ

เก่ง ภูมิ เดินเข้าร้านขนมในปั๊ม พวกเมฆออกมาเห็นเก่ง เมฆรีบดึงลูกน้องหลบ
“นั่นมันไอ้เก่งนี่หว่า”
“ใช่เลยลูกพี่”
“นั่นไงลูกพี่เมฆ รถพวกมันจอดข้างๆ รถเราเลย”
“เราต้องหาทางให้มันไปเล่นคอนเสิร์ตไม่ทัน ไอ้เก่งจะได้เสื่อมความนิยม”
“โอ้โหเรื่องชั่วๆ เลวๆ เนี่ยพี่เมฆคิดได้ไวจริงๆ”
“เออซิวะ ก็ข้ามันลูกเสี่ยกำธรโว้ย สงสัยข้าต้องไว้เคราแพะแบบพ่อแล้ว”
ดุ๋ย ดุ่ย หันมามองหน้ากัน สยอง
“แล้วเราจะแกล้งมันยังไงดีล่ะ” ดุ่ยถาม
ทุกคนช่วยกันคิด ดุ๋ยปิ๊
ไอเดีย
“เราก็ทำให้รถมันไปต่อไม่ได้ซิลูกพี่”
“ทำไงวะ”
“ลูกพี่รอดูก็แล้วกัน เชื่อหัวเหม่งไอ้ดุ๋ยเถอะ”
เมฆยิ้มสะใจ

ข้าวหอมกับมะขิ่นนั่งกินขนมกันอยู่หน้าร้านในปั๊ม
“โอย ขนมติดคอ ข้าวหอมน้ำๆๆ”
“เฮ้ย ลืมซื้อน้ำ”
เก่งยื่นน้ำให้ ยิ้มหวาน
“นี่จ้ะน้ำ”
ข้าวหอมเห็นเก่งกับภูมิ ยังงอนไม่หาย ไม่รับน้ำ แต่มะขิ่นติดคอขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่เอาน้ำจากคนโลเล ขี้หึงไม่มีเหตุผลฉันไม่เอา”
“ถึงจะไม่มีเหตุผลแต่ก็จริงใจนะจ๊ะ รับไว้เถอะจ้ะ”
มะขิ่นดีใจที่จะได้น้ำ ภูมิมองมะขิ่นอย่างสงสารแต่ไม่มีจังหวะแทรก แต่ข้าวหอมยังไม่ยอม
“ไม่รับ แค่น้ำขวดเดียวหวังจะให้ยกโทษไม่มีทาง”
“รับเถอะนะข้าวหอมคนสวย ข้าวหอมคนดี”
“ไม่มี ไม่เอา ไม่รับ”
มะขิ่นทนไม่ไหว คว้าน้ำไปดื่มหน้าตาเฉย จนหายติดคอ
“โอยค่อยยังชั่ว มัวทะเลาะกันอยู่นั่นแหละเพื่อนจะตายแล้วเห็นไหม นายก็เหมือนกันทำไมไม่ช่วยฉัน นี่กะจะฆ่ากันเลยใช่ไหม”
มะขิ่นหันไปโวยวายภูมิ ข้าวหอม เก่ง จ๋อย หน้าเสีย ส่วนภูมิโดนไปด้วยโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เรยากับ สาลี่เข้ามาควงแขนเก่งกับภูมิ
“เก่ง แฟนเธอเขาไม่สนใจเธอก็ไม่เป็นไร แต่ฉันสน”
“เก่ง ภูมิ อย่าสนใจคนขี้แพ้ชวนตีเลย”
ทอมออกมาจากร้านค้า ซื้อของมาเต็ม จึงถามขึ้น
“ใครขี้แพ้ชวนตีครับ”
เรยามองทอมพูดไม่ออกที่ทำพ่อเขาป่วย
“ไปกันเถอะพวกเรา”
เรยา สาลี่ดึงเก่งกับภูมิออกไป มะขิ่นแซว
“สงสัยจะเขินที่มาโวยวายวันนั้น”
“ผมไม่ถือหรอกครับ เขาน่าสงสารมากกว่าที่จะโกรธลง”
ข้าวหอมหงุดหงิดที่เก่งไปกับเรยา ทอมยังมาพูดดีๆ อีก มะขิ่นกำลังจะคว้าขนมกินต่อแต่ข้าวหอมเอาขนมทิ้งลงถังขยะ
“หงุดหงิด ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว”
ข้าวหอมลุกเดินไปหน้าตาเฉย ทอมยืนมอง งงๆ
“ข้าวหอมโกรธอะไรเหรอมะขิ่น”
มะขิ่นมองขนมด้วยความเสียดาย
“ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าขืนสองคนนั่นทะเลาะกันนานกว่านี้ฉันต้องอดตายแน่ๆ”
ทอมมองข้าวหอมอย่างเศร้าๆ

อ่านต่อหน้าที่ 4


สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย ด้อมๆ มองๆ อยู่ภายในปั๊ม

“ลูกพี่เมฆทางสะดวกพี่” ดุ๋ยบอก
“ดีงั้นพวกเอ็งไปจัดการเลย”
“แล้วให้พวกผมทำยังไงอ่ะลูกพี่” ดุ่ยถาม
“ไอ้โง่นี่ จะไปยากอะไรล่ะพวกเอ็งก็ ก็ ทำยังไงวะไอ้ดุ๋ย”
“แอบไปปล่อยน้ำมันรถมันซิพี่ เอาแบบค่อยๆ หยด พอถึงกลางทางมีหวังกินข้าวลิง ฮิๆๆ”
“ดีๆๆ จัดไปอย่าให้เสีย”
“เคลียร์กันให้จบ”
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
ทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน เมฆดูต้นทาง ดุ๋ย ดุ่ย มุดเข้าใต้ท้องรถ ปฏิบัติการ

ครูห่านและสามสาวค่อยๆ ย่องไปที่รถเอ็มมิวสิค
“ปลอดคนแล้วเอายังไงต่อดี” ครูห่านถาม
“จะไปยากอะไรล่ะก็วางตะปูเรือใบมันเลย” นกบอก
“แล้วแกจะไปเอาตะปูเรือใบมาจากไหน มันไม่ใช่หาได้ง่ายๆ นะ” มดแย้ง
นกยิ้มๆ ส่งซิกให้ปลา ปลาหยิบตะปูเรือใบออกมา
“หาของแบบนี้ป้าจัดให้ไม่ยาก”
“ดีๆๆ มีเท่าไรวางมันให้หมดเลย”
“อ๊าก ไม่ได้ครูห่าน เดี๋ยวยางระเบิดได้ตายทั้งคันรถ” นกท้วง
“อ้าวแล้วจะทำยังไงล่ะ” นกถาม
“ก็ค่อยๆ วางนิดหน่อยยางมันจะซึมไปเรื่อยๆ พอถึงกลางทางพวกมันก็ไปไหนไม่รอด”
ปลาวางเรือใบที่ล้อรถของเมฆ ครูห่านปลื้ม
“พวกเราก็จะทำตัวเป็นคนดีรับข้าวหอมไปแสดงคอนเสิร์ต”
“เมื่อใกล้ชิดกันก็มีโอกาสปรับความเข้าใจกับเก่ง” มดปลื้ม
“พวกเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า” นกชวน
ทั้สี่รีบย่องๆ ออกจารถเอ็มมิวสิค

รถของสองบริษัท เคลื่อนออกจากปั๊มเวลาไล่เลี่ยกัน จุดที่จอดรถฝั่งเอสเคเร็คคอร์ดมีคราบน้ำมันหยดเป็นทาง ฝั่งเอ็มมิวสิคมีตะปูเรือใบวางอยู่ เก่งนั่งหน้าเศร้าอยู่ในรถ ไม่ร้องเพลงต่อ ภูมิมองอย่างเห็นใจ ครูห่านและสามสาวมองเก่งอย่างสงสาร
“น่าสงสารเก่งจังคงหมดกำลังใจ” ครูห่านเปรย
“คู่แข่งเป็นถึงหมอหล่อกว่ารวยกว่าเป็นฉันก็เครียด” ปลากลุ้ม
“แต่ฉันว่าข้าวหอมน่ะรักเก่งรักมากด้วย” มดย้ำบอก
“ใช่ๆ รักมากก็เลยโกรธมากที่แฟนไม่เชื่อใจ” นกพูดอย่างเข้าใจ
ทุกคนเห็นรถเมฆวิ่งผ่านเลยไป พวกเมฆโบกมือลาเย้ยหยัน ครูห่านและสามสาวหมั่นไส้
“ไอ้หน้ามน รถพวกแกวิ่งได้อีกไม่นานเดี๋ยวมันก็ยางแบน” มดเย้ย
“ใช่ๆ ความดีความชอบครั้งนี้ต้องยกให้กับพวกเราเลยนะเนี่ย” ปลาบอก
“นี่ถือว่าพวกเราทำเพื่อเก่งนะเนี่ย” ครูห่านสรุป
“เห็นแล้วก็สมน้ำหน้าพวกไอ้เมฆเนอะ” นกยิ้ม
"คนเลวก็ต้องโดนสี่สาวแองเจิลอย่างพวกเรานี่แหละ” ปลาเยาะ
“ว่าแต่ไอ้หนุ่มหน้ามนเนี่ยมันก็หล่อดีเหมือนกันนะ” มดตาวาว
นก มด ปลาหันขวับมองหน้ากันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ครูห่านไม่รู้เรื่องก็พลอยหัวเราะไปด้วย เก่ง ภูมิและทุกคนในรถหันไปมอง เก่งหันมาคุยกับภูมิ
“หัวเราะอะไรกันลั่นรถเลย”
“เสียงหัวเราะแบบนี้สงสัยเจอเป้าหมายที่ถูกใจ”
เก่งทำท่าสยอง “หวังว่าไม่ใช่เราสองคนหรอกนะ”
“คงไม่หรอก แต่เราก็ควรระวังวังตัว”
สองหนุ่มมองหน้ากันแบบต้องปกป้องซึ่งกันและกัน

ข้าวหอมนั่งข้างมะขิ่นเหม่อมองไปข้างนอกซึมๆ ทอมคอยแอบมองข้าวหอม มะขิ่นทำตัวกันสุดฤทธิ์ เสี่ยกำธรอ้าปากกรนหลับสบาย กลุ่มเมฆกลับหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“สะใจจริงโว้ย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอลูกพี่เมฆ”
“พี่นี่ชั่วได้ใจผมจริงๆ เลยนะพี่”
“ใช่ ไม่มีใครชั่วเกินพี่จริงๆ เลยนะ”
“อย่างนี้เขาเรียกว่าชั่วยันเงา”
“สรุปว่าชมใช่เปล่า”
“ชมซิลูกพี่เมฆ ใครจะกล้าด่าลูกพี่ตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็เลวยิ่งกว่าหมา ไม่สำนึกบุญคุณคนจริงมั้ยดุ่ย”
“โบร๋ว อุ๊ยลืมตัว”
“อย่างงั้นก็แล้วไป”
“แต่ก็สมน้าหน้าพวกไอ้เก่งมันนะลูกพี่”
“ก็ดีแล้ว ไอ้เก่งมันจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับน้องข้าวหอมของข้า”
“จริงด้วยลูกพี่ ลูกพี่นี้หัวแหลมจริงๆ”
“มันแน่นอนอยู่แล้วระดับข้าซะอย่าง”

รถสองคันวิ่งอยู่บนถนน รถคันที่เก่งนั่งน้ำมันหมด วิ่งต่อไปไม่ได้ ทุกคนตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น รถเป็นอะไรไปนะภูมิ” เก่งถามอย่างตกใจ
“ไม่รู้ซิ เดี๋ยวลงไปดูก่อน”
“รถมาตายกลางป่าแบบนี้ไม่เอานะ” เรยาอารมณ์เสีย
รถเมฆวิ่งผ่านเห็นรถเก่งเสียอยู่ก็ดีใจกันยกใหญ่ ครูห่านรีบถาม
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นรถเราไม่ใช่รถมัน”
“มันคงคิดเหมือนเรานะซิคะ” นกคิด
“แล้วทีนี้จะเอาไงดีล่ะ” มดกังวล
“ไม่ต้องห่วงพวกมันก็ไปไม่รอดเหมือนกันนั่นแหละ” ปลาบอก
เลยไปนิดเดียวรถเมฆก็จอดสนิทเพราะยางแบนอยู่ข้างหน้ารถเก่ง
“นี่มันอะไรกันวะ ทำไมรถวิ่งไม่ได้” เมฆถาม
ดุ๋ยชะโงกมองไปด้านนอกเห็นรถยางแบน
“รู้สึกเหมือนว่ารถเราจะยางแบนนะลูกพี่”
“ยางแบน ใครมันบังอาจทำแบบนี้วะ”
“หรือว่าเพราะเป็นฝีมือของไอ้เก่ง”
“ไอ้เก่งเหรอ”
เสี่ยกำธรค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
“เฮ้อ ถึงแล้วเหรอ”
“ยังไม่ถึงครับ”
“อุวะ ไม่ถึงแล้วจอดทำไม”
“พวกไอ้เก่งมันวางยารถเรานะซิพ่อ”
“เฮ้ยได้ไง แบบนี้ต้องเคลียร์”
เสี่ยกำธรและพวกลงจากรถ ทอมงง ข้าวหอมห่วงเก่ง
“เก่งทำอะไรหรือครับ”
“พี่เก่งไม่ได้ทำแน่ มะขิ่น”
“ฉันรู้ รีบลงไปดูเร็ว ไปหมอลงไปดูจะได้รู้สาเหตุ”
ข้าวหอม มะขิ่น ทอมตามลงมาจากรถ

ภายในป่า เสือโหยกับเสือหิวหงุดหงิดที่ไม่ได้ปล้นใคร
“อะไรกันโว้ย ทำไมไม่มาให้ข้าปล้นเล่นสักกลุ่มสองกลุ่มวะ”เสือโหยบ่น
“นั่นนะซิคันไม้คันมืออยากยิงทิ้งสักคนสองคน” เสือหิวรับลูก
ลูกสมุนของเสือโหยเสือหิววิ่งมาด้วยความเร็วเพื่อมาหาเสือทั้งสอง
“ลูกพี่ ฉันมีข่าวดีมาบอกจ้ะ”
“ข่าวดีของเอ็งมันเรื่องอะไรวะ”
“ขืนไม่ดีไม่เด็ด ข้ายิงเอ็งทิ้งแน่”
“เมื่อกี้น่ะสิพี่ ขณะที่ฉันกำลังออกเดินสำรวจป่า ก็ได้เจอกับรถของพวกนักท่องเที่ยวจอดเสียอยู่น่ะพี่”
“ดูท่าทางจะมีกันอยู่หลายคนเลยนะพี่”
“คนเยอะแบบนี้เงินทองมันก็ต้องเยอะด้วยน่ะสิวะ” เสือโหยคาด
“ดีๆๆ กำลังอยากปล้นอยู่พอดีแต่จะบาปหรือเปล่าก็ไม่รู้” เสือหิวบอก
“ไม่หรอก ถือซะว่าพวกมันเคราะห์ร้ายเองที่มาเจอกับเรา นี่เป็นการถ่ายกรรมให้พวกมันเชียวนะ”
ลูกสมุนและเสือหิวต่างปลื้มตามที่เสือโหยเทศนา ยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วพูดพร้อมกัน
“สาธุ อนุโมทนามิ”
“แล้วเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ดีละลูกพี่ทั้งสอง”
“ไม่น่าถาม มันก็ต้องเริ่มเลยนะสิวะ” เสือหิวบอก
“พี่น้องเสือของข้าทั้งหลายพร้อมมั้ยที่จะออกปล้น” เสือโหยร้องถาม
สมุนทุกคนรับคำ เสือหิวชักปืนออกมา
“งั้นพวกเราบุก”

เก่ง ข้าวหอม และทุกคนเดินลงมาจากรถ ดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆ รถมันถึงเสียได้ละ” เก่งถาม
ภูมิและคนรถเดินสำรวจ แล้วคนรถก็พบสาเหตุ
“ถังน้ำมันรั่ว มีคนแกล้งเจาะถังน้ามันแน่ๆ”
เก่งมองไปที่กลุ่มเมฆ เมฆอยู่กับลูกน้องมาดูความเสียหายของรถตัวเอง
“ไอ้ดุ๋ย ดุ่ย ทำไมรถของพวกเราถึงวิ่งไม่ไปวะ”
“ไอ้เก่งลูกพี่ มันแกล้งพวกเรา”
“ยางแบนแบบนี้เราจะทำยังไงละ" เสี่ยกำธรถาม
“ก็เปลี่ยนยางซิเสี่ย ลูกน้องเสี่ยก็มีตั้งเยอะรีบๆ เปลี่ยนเดี๋ยวก็ไปได้” มะขิ่นแนะ
“จริงด้วย เฮ้ยพวกเอ็งช่วยกันเปลี่ยนยางโว้ย เดี๋ยวจะได้ไปต่อ”
เสี่ยกำธรสั่งเสร็จ เดินกลับขึ้นรถพร้อมลูกน้อง ในขณะที่เมฆมองเก่งหาเรื่อง
“ไอ้เก่งนะไอ้เก่ง ทำให้พวกข้าต้องออกแรง”
“พี่เก่งไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก” ข้าวหอมออกตัวแทน
“ไม่รู้ไม่ชี้ สมน้ำหน้า รถมันน้ำมันหมด ไปต่อไม่ได้เหมือนกัน”
เก่ง ภูมิ นก มด ปลา และครูห่าน เดินเข้ามาหาพวกเมฆ
“พวกแกรู้ได้ไงว่ารถฉันน้ำมันหมด” เก่งถามทันที
“ไม่รู้ได้ไงก็ลูกพี่เมฆสั่งให้พวกฉันแกล้งแกเอ็งกับมือ” ดุ๋ยรีบเล่าอย่างอวดๆ
ทุกคนหันมามองหน้าเมฆ เมฆยิ้มแห้งๆ
“แหะๆๆ ก็แค่หยอกเล่นขำๆ ฐานเพื่อนเก่าอ่ะ”
“แค่ขำๆ เหรอ ทำแบบนี้มันไปต่อไม่ได้เลยนะ ทีพวกฉันยังแค่วางเรือใบยางแบนก็เปลี่ยนยางได้” ครูห่านต่อว่าอย่างลืมตัว
“ครูห่าน”
สามสาวร้องเตือนครูห่าน เรยา สาลี่เดินเข้ามาดูเหตุการณ์
“สรุปพอกัน ต่างแกล้งกันไปมา เพราะผู้หญิงคนเดียว” เรยาสรุป
สาลี่รีบทับถม “แล้วทีนี้จะเอายังไง พวกแกต้องรับผิดชอบ”
เสือโหยเสือหิวยิงปืนขึ้นฟ้า ทุกคนตกใจ เก่งพุ่งเข้าไปหาข้าวหอมเพื่อปกป้อง เรยาอยู่ใกล้ทอมกระโดดเกาะทอม ทอมก็แสดงความเป็นลูกผู้ชายดันเรยาไว้ด้านหลัง สาลี่ค่อยๆ ถอยออกไปด้านหลัง ภูมิกุมมือมะขิ่นไว้ มะขิ่นมองงงๆ แต่ก็ปล่อยไปก่อน เสือโหยพูดเหี้ยมๆ
“ไม่ต้องเกี่ยงกันรับผิดชอบ พวกข้ารับผิดและรับชอบให้เอง”
เมฆทำกร่างเดินเข้ามาจะหาเรื่อง ลูกน้องพยายามจะห้ามแต่ไม่ทัน
“พวกเอ็งเป็นใครวะ ส.สระเอือใส่เกือกมายุ่งทำไม”
“อยากรู้จริงๆ เหรอว่าพวกข้าเป็นใคร
“เออซิวะ ไม่อยากรู้จะถามเหรอ”
ทุกคนพยายามจะห้ามว่าไม่ต้องรู้ เสี่ยกำธรแอบอยู่บนรถบ่นสยองๆ
“ไอ้ลูกเวร ไม่ต้องอยากรู้ก็ได้”
เมฆเห็นทุกคนกลัวยิ่งทำตัวเป็นฮีโร่ สาลี่ย่องๆ ขึ้นไปแอบบนรถ
“ว่าไงพวกเอ็งเป็นใคร”
“ใครๆ เขาเรียกพวกข้าว่าจอมโจรเสือโหยเสือหิว ฉายาสองพี่น้องตระกูลไร้ความปราณี”
ครูห่านนึกได้ “พึ่งมีข่าวฆ่ายกครัวตายยกรังเผาเกลี้ยงไม่มีเหลือใช่ไหมจ๊ะ”
“ฮ่าๆๆ เอ็งนี่รู้จริง แบบนี้ต้องไว้ชีวิตเก็บไว้เป็นขี้ข้าแทน” เสือหิวพอใจ
ครูห่านทำหน้าจะร้องไห้ ทุกคนเริ่มสยอง เมฆโดดกลับเข้ากลุ่มอย่างรวดเร็ว
“เมื่อทำความรู้จักกันอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเราปล้น”
เสือโหยเสือหิวยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะลั่น ทุกคนตกใจมากพากันวิ่งหนีไปกันไปคนละทิศละทาง เก่งจับมือข้าวหอมวิ่งหนี ทอมจับมือเรยาวิ่ง ครูห่านและสามสาวสาววิ่งไปด้วยกัน เมฆและพวกวิ่งหนีไปทางเดียวกับครูห่าน ภูมิเห็นท่าไม่ดีฉุดมะขิ่นไปทางเดียวกับเก่งและข้าวหอม เสี่ยกำธรพร้อมลูกน้อง สาลี่ต่างแกล้งตายอยู่บนรถ ทุกคนหายไปหมดอย่างรวดเร็ว เสือโหยเสือหิว หยุดหัวเราะมองหาเหยื่อ
“อะไรวะมันหนีกันไปหมดเลยเหรอ” เสือโหยงง
“เอาไงดีพี่ พวกมันหนีเข้าป่าหมดแล้ว” เสือหิวถาม
“ไม่น่าถาม ตามล่าพวกมันซิวะไป”
เสือโหย เสือหิวนำทีมสมุนโจรกลับเข้าป่า เสี่ยกำธรค่อยๆ ลืมตาขึ้น พูดอย่างเสียใจ
“โธ่เป็นผู้จัดการวงวันแรกก็ถูกปล้นซะแล้ว”

เก่งจับมือข้าวหอมวิ่งหนีสุดชีวิต ข้าหอมสะดุดล้ม เก่งหยุดวิ่งถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างข้าวหอม”
“พี่เก่งฉันวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“อดทนอีกนิดนะข้าวหอม”
“ตอนนี้ขาฉันไม่มีแรงเลยพี่”
“มาพี่ช่วย เดี๋ยวพวกมันจะตามมาทันเอา”
เก่งประคองข้าวหอมแอบไปอีกทาง เสือโหยเสือหิวและลูกสมุนวิ่งตามมา
“พวกมันวิ่งหนีกันไปไหนหมดวะ เมื่อกี้ยังเห็นหลังไวๆ” เสือหิวบ่น
“คิดเหรอจะหนีพวกข้าไปได้ พวกเราค้นหาพวกมันจนกว่าจะเจอ” เสือโหยตะโกนสั่ง
ขณะเก่งพยุงข้าวหอม บังเอิญไปเหยียบกิ่งไม้เข้าจนเกิดเสียง เสือโหยเสือหิวมองตามเสียง
“พวกมันต้องอยู่ตรงนั้นแน่ๆ รีบไปดู”
สมุนตามมาทางเก่ง เก่งกลัวหนีไม่ทัน จึงรีบดึงตัวข้าวหอมกลับมาที่พุ่มไม้จนเจอกับภูมิและมะขิ่น
“มาอยู่นี่กันเองหรอ” เก่งถาม
“เงียบๆ ก่อน เดี๋ยวพวกมันได้ยิน” ภูมิเตือน
เสือโหยเสือหิวและลูกน้องตามมาแต่ก็ไม่พบใคร
“อะไรวะ หายอีกละ ยังไงข้าก็ต้องจับพวกแกให้ได้คอยดู”
เสือโหยเห็นพุ่มไม้เลยกำลังจะใช้มือแหวก พวกเก่งและภูมิกอดกันกลม เสือโหยหน้าเหี้ยมจะแหวกพุ่มไม้ ลูกสมุนโจรวิ่งมาบอก
“มีคนกลุ่มใหญ่วิ่งไปทางโน้นหัวหน้า”
เสือโหย เสือหิวรีบวิ่งออกไป กลุ่มเก่งต่างทรุดลง พากันถอนหายใจ

ทอมพาเรยาวิ่งหนีมาถึงกลางป่า เรยาสะบัดมือออก
“ไม่ไหวแล้ว นายจะไปก็ไปเถอะ”
“ทนอีกนิดหนึ่งเถอะ ถ้าไม่ไหวผมจะช่วย”
ทอมทำท่าจะอุ้มเรยา หญิงสาวรีบถอยห่าง
“จะทำอะไรอ่ะ ไหวหรือไม่ไหวอย่ามายุ่งได้มั้ย”
“นี่คุณ ผมจะช่วยคุณนะ อะไรกันขอบใจสักคำก็ไม่มี”
“ทำทุกอย่างก็ต้องมีผลประโยชน์ตอบแทน นายมันก็ไม่ต่างอะไรจากพ่อนาย”
“คุณเรยา”
เรยารู้สึกผิด “เราแยกกันเดินเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ใกล้นาย”
“ผมว่าเราควรอยู่ด้วยกันนะ มีอะไรจะได้ช่วยกันได้ และในป่าลึกแบบนี้น่าจะมีกับดักของพวกนายพรานอยู่ด้วย”
“ฉันไม่เชื่อนายหรอย่ะ คนอย่างนายมันไว้ใจไม่ได้”
เรยาเดินไปไม่สนใจทอม ทอมสังเกตเห็นกับดักพรานที่เรยาจะเดินไปเหยียบ เขารีบดึงหญิงสาวเพื่อไม่ให้โดนกับดักจนตัวเองโดนเสียเอง เรยาตกใจที่ทอมเข้ามาช่วยจนบาดเจ็บ
“นี่นายจะบ้ารึเปล่าอยู่ๆ ถึงไปเดินเหยียบกับดักเนี่ย”
“ยังจะมาพูดอีก ถ้าเมื่อกี้ผมไม่ช่วย ขาคุณคงขาดไปแล้ว”
เรยาทำอะไรไม่ถูก “แล้วนายเจ็บมากมั้ย”
“ถามได้ ก็ต้องเจ็บสิ”
“ฉันช่วยนายนะ แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง”
ทอมยิ้มๆ “คุณช่วยเปิดกระเป๋ายา เอายาฆ่าเชื้อมาล้างแผลก่อน แล้วค่อยทำแผลที่หลัง”
“ได้ๆๆ นายทนหน่อยนะ”
ทอมมองเรยาทำแผลอย่างคล่องแคล่ว
“ขอบคุณนะ”
ทั้งคู่มองหน้ากัน เรยาทำแผลแรงนิดหนึ่ง
“ไม่ต้องขอบคุณ ฉันทำก็เพราะนายช่วยฉัน เป็นอันว่าเราหายกัน”
เรยาทำแผลต่อไม่สนใจ ทอมมองยิ้มๆ

เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย วิ่งมาหยุดข้างแม่น้ำด้วยอาการหอบเหนื่อย
“ข้าว่าคงหนีพวกมันพ้นแล้วแหละ”
“นั่นสิลูกพี่ ฉันเองวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว” ดุ่ยบอก
“ฉันเองก็เหมือนกันจ้ะลูกพี่เมฆ ขาฉันเนี่ยแทบจะหลุดออกจากกันอยู่แล้ว”
“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดีวะ ป่านนี้พ่อข้าจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
กลุ่มเสือโหยเสือหิวเดินมาพร้อมกับยิงปืนขู่
“อยู่ไหนกันหมด ข้าบอกให้ออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออกจะยิงให้พรุนเลย”
กลุ่มเมฆได้ยินก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก
“เอายังไงดีล่ะลูกพี่เมฆ ท่าทางมันเอาจริง”
“นั่นสิลูกพี่ไปกร่างใส่มันไว้ด้วย”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าหนีไม่รอดเราตายแน่ๆ”
“งั้นเราลองพรางตัวกันมั้ยพวกมันจะได้มองไม่เห็น” ดุ่ยเสนอ
เมฆเห็นดีด้วย รีบหลบออกไปกับดุ๋ย ดุ่ย

กลุ่มเสือโหยเสือหิวมาถึงบริเวณที่กลุ่มเมฆอยู่เมื่อสักครู่ แต่มองหาใครไม่เห็น เสือโหยเดินผ่านหน้ากลุ่มเมฆที่พรางตัวเอาขี้โคลนมาละเลงใบหน้าจนทั่ว ปกปิดด้วยใบไม้ มองผ่านๆ เหมือนต้นไม้
“ไอ้พวกนี้มันหนีไวจริงๆ ยิ่งกว่าลิงซะอีก” เสือหิวบ่น
พี่น้องสองเสือเดินวนไปวนมา กลุ่มเมฆก็เหลือกตามองไปมาด้วยความกลัว เสือโหยหงุดหงิด
“หงุดหงิดโว้ย”
เสือโหยยิงปืนขึ้นฟ้าไปโดนรังมดแดง ตกใส่เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย ทั้งสามคันแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวถูกจับ
“บ่นไปก็เปล่าประโยชน์พวกเราไปหาตัวพวกมันทางโน้นดีกว่า” เสือหิวออกเดิน
“ไปก็ไป พ่อจับได้ล่ะก็จะถลกหนังมาทำรองเท้าเลย” เสือโหยคำราม
มดยังคงกัดกลุ่มเมฆ แต่คำพูดของเสือโหยน่ากลัวกว่า กลุ่มเสือเดินจากไป กลุ่มเมฆถึงได้กล้าที่จะปัดมดออกจากตัว
“ไม่ไหวแล้ว ไอ้มดบ้ากัดได้กัดดี”
เมฆ ดุ่ย ดุ๋ยช่วยกันปัดมดออกจากตัว
“ไม่ไหวแล้วโว้ยลงน้ำดีกว่า”
ทั้งสามพากันวิ่งลงน้ำ

ครูห่าน นก มด ปลาวิ่งหนีมาหยุดที่ริมบึงนํ้า
“โอ๊ย นี่ฉันหนีไม่ไหวแล้วนะเนี่ย” มดบ่น
“ฉันเองก็วิ่งหนีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” นกเห็นด้วย
“ฉันว่าเรามายอมให้พวกโจรจับกันเถอะ ดูโจรแต่ละคนสิ” ปลาเสนอ
“ใช่ แต่ละคนนะน่ากินมากๆ” นกตาเป็นมัน
“จะได้รวบหัวรวบหางทีเดียวยกซุ้มโจรไปเลย” มดสรุป
สามสาวพร้อมใจกันเดินกลับ ครูห่านดึงกลับมา
“แล้วพวกแกไม่กลัวมันจะจับไปฆ่ากันเหรอ เคยเห็นไหมข่มขืนแล้วฆ่านะ”
“บ่กลัว หล่อๆ อย่างซี่ตายเป็นตาย” นกบอก
“เชื่อฉันเถอะ ฉันว่ามันกลิ่นไม่ดี ถ้าพวกแกไปพวกแกตายแน่”
สามสาวมองหน้ากันอย่างชั่งใจ ปลาว่า
“ครูห่านเตือนต้องมีเหตุผล ฉันว่าไม่ไปดีกว่า”
ทุกคนเห็นด้วย ครูห่านโล่งใจ เสียงกลุ่มเสือตามมา
“อยู่ไหน ออกมมาให้พ่อฆ่าเล่นซะดีๆ” เสือโหยตะโกน
พวกนก มด ปลา และครูห่านได้ยินก็ตกใจกันลนลาน
“เอาไงดีพวกมันมากันแล้ว” นกใจไม่ดี
“นั่นน่ะสิเอาไงดี แถวนี้ไม่เห็นจะมีที่ซ่อนเลย” มดใจเสีย
“ถ้ามันเจอพวกเรามันต้องฆ่าพวกเราแน่เลย” ปลากลัว
“งั้นเราไปแอบอยู่ที่บึงน้ำนั่นกันมั้ย” ครูห่านเสนอ
เสือโหยเสือหิวเดินมายังบึงนํ้า
“อะไรวะ พวกมันหายไปไหนกันหมด” เสือหิวหงุดหงิด
“แถวนี้ก็ไม่เห็นจะมีที่ซ่อนตรงไหนสักหน่อย” เสือโหยแปลกใจ
“หรือว่าพวกมันจะลงไปแอบกันที่บึงน้ำ” สมุนท้วง
“ถ้าพวกมันแอบกันที่บึงน้ำจริ งพวกมันคงไม่รอดหรอก” เสือโหยบอก
“ใช่ แถวนี้ใครๆ ก็รู้ว่าบึงแห่งนี้จระเข้เยอะขนาดไหน” เสือหิวเห็นด้วย
“งั้นเราไปหาที่อื่นกันต่อเถอะ”
กลุ่มเสือเดินจากไป นก มด ปลา ครูห่านค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมากจากน้ำ
“พวกมันคงไปกันหมดแล้วแหละ” นกบอก
“พวกมันนี่โง่จริงๆ เลยนะที่หาพวกเราไม่เจอ” มดเยาะ
“นั่นน่ะสิ แค่พวกมันมาดูที่บึงก็เจอพวกเราละ” ปลาบอก
จระเข้ค่อยๆ ว่ายเข้ามาหาทั้งสามคน ครูห่านเห็นเข้าก็ตกใจ
“ฉันรู้แล้วทำไม่พวกมันไม่ตามลงมาหาเรา”
“ทำไมเหรอ” นกถาม
“นั่นไงเหตุผล”
ครูห่านสะกิดทั้งสามคนให้ดู พอเห็นก็ตกใจ ต่างว่ายนํ้าหนีจระเข้กันจนนํ้ากระจาย ทั้งสี่ว่ายไปเจอกับกลุ่มเมฆ ต่างก็ว่ายน้ำหนีจระเข้ ครูห่านทนไม่ไหวหยุดว่ายน้ำแล้วหันมาเผชิญหน้ากับจระเข้
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”
ครูห่านทุบที่หน้าอกเหมือนคิงคองพร้อมตะโกนแหกปากโวยวาย
“โห่หิโห่ อ๊ากๆๆ”
จระเข้ทนเสียงไม่ไหวจึงว่ายหนีไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองตาค้างด้วยความประหลาดใจ

เอ็มให้เจ๊ลำไยดูแบบเสื้อผ้าที่ข้าวหอมจะใส่ แหม่มตื่นตาตื่นใจกับเสื้อผ้าข้าวหอม อรนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยสนใจนัก เจ๊ลำไยส่งแบบให้อรดู
“ดูซิอร แบบสวยๆ ทั้งนั้นเลย คุณเอ็มเขาดูแลข้าวหอมดีเนอะ”
“ถ้าเขาดีจริงก็ถือว่าเจ๊ถูกหวยแล้วกัน”
“อ้าวนังอร เอ็งนี่ชอบชักใบให้เรือเสีย”
สมชายวิ่งเข้ามา
“เอ็มแกรู้เรื่องหรือยัง”
“รู้อะไร”
“นี่แกจะมาหาเรื่องอะไรอีกหา”
ถั่วพูตวาดเสียงดัง แต่สมชายไม่สนใจ
“เรื่องที่วงดนตรีถูกโจรปล้นน่ะซิ”
อรหูผึ่งรีบสอบถาม
“ใครถูกปล้นคุณสมชาย”
“เก่งกับพวกถูกโจรปล้นพร้อมกับข้าวหอมด้วย”
“หลานฉันด้วยเหรอ” เจ๊ลำไยตกใจ
“แล้วเราจะทำยังไงดี” อรร้อนใจ
เอ็มหัวเราะ “ใจเย็นๆ ครับ ข่าวโคมลอยสร้างสถานการณ์หรือเปล่า”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอ็มรีบรับสายจากเสี่ยกำธร
“ว่าไง”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ รถของพวกไอ้เก่งโดนปล้นครับ”
“ก็ดีน่ะสิวะ รถของพวกไอ้เก่งโดนปล้นข้าจะได้หมดคู่แข่งสักที”
อรมองขวับมามองเอ็ม เอ็มรู้ตัวพูดต่อ
“มันไม่เกี่ยวกับพวกเรานี่นาเสี่ย”
“ไม่เกี่ยวคงไม่ได้แล้วครับเพราะรถเราก็โดนปล้นไปด้วย”
“ว่าไงนะเราก็โดนด้วย”
ทุกคนตกใจ

อรกับเจ๊ลำไย แหม่ม นั่งกลุ้มใจเรื่องโจร ทั้งหมดจัดกระเป๋าเดินทางวางเตรียมพร้อม บัวเดินเข้ามาเห็นทุกคนทำหน้าเศร้าแถมเก็บกระเป๋าเรียบร้อยจึงเข้าไปถาม
“เป็นอะไรกันเจ๊ เก็บกระเป๋าด้วยเพิ่งมาจะไปไหน ลืมแล้วเหรอมะขิ่นสั่งให้ดูแลฉันแทนไง”
ไม่มีใครตอบ แต่อรกับเจ๊ลำไยกลับร้องไห้ออกมา บัวตกใจ
“บอกมาเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรน้า ฉันจะตื้บมันเอง”
“คือว่ารถที่ไปเดินสายของข้าวหอมกับเก่งถูกโจรปล้น” แหม่มเล่า
“ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง” เจ๊ลำไยฟูมฟาย
“คุณเอ็มกับคุณสมชายกำลังประสานงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พวกเราก็เลยเตรียมพร้อมที่จะเดินทางเก่งเอ๊ยเก่ง น้าน่าจะไปกับเอ็ง”
“ไปก็โดนจับไปด้วยพอดี ไม่มีใครช่วยข้างหลังกันพอดี” บัวท้วง
“เก่งมันยังเป็นผู้ชายแต่พี่สาวแกมันผู้หญิงข้าเลี้ยงมายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม”
“ถ้าโดนปล้นไปพร้อมๆ กัน พี่เก่งต้องปกป้องพี่ข้าวหอมสุดชีวิต”
“ถูกของบัวมันว่า พวกเราอาจจะหนีเข้าป่าแล้วโจรมันยังหาไม่เจอเรื่องถึงได้เงียบแบบนี้” แหม่มเดา
“ใจเย็นนะน้าอร เจ๊ ได้ข่าวจากป่าไม้เมื่อไรเราก็ลุยมันเลย”
“อย่าเลย พรุ่งนี้แกมีงานไม่ใช่เหรอแกอยู่ทำงานที่นี่เถอะแหม่มท้วง
“ไม่ได้หรอกพี่ข้าวหอมอยู่ในอันตรายใครจะไปทำงานลง”
“ถ้าอย่างงั้นรอให้บัวทำงานเสร็จก่อนแล้วค่อยตามพวกเราไปก็ได้ ถึงบัวรีบไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี” อรสรุป
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ บัว อย่างที่อรพูดก็ถูก ถึงแกไปเร็วก็ช่วยอะไรข้าวหอมไม่ได้ รอแกทำงานเสร็จแล้วค่อยตามไปก็ยังไม่สาย”
บัวมองออกไปนอกบ้านด้วยความเป็นห่วงข้าวหอม

ตอนค่ำ ครามกับบัวนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียด
“โทษนะที่ตามนายมาดึกดื่น แต่ฉันไม่รู้จะโทรหาใครนอกจากนาย”
“เธอโทรหาฉันน่ะถูกแล้ว เก่งกับข้าวหอม มะขิ่น ต่างก็เป็นเพื่อนของฉัน”
“ฉันเป็นห่วงทุกคน กลัวว่าพวกเขา”
บัวร้องไห้ ครามถอนหายใจเปลี่ยนเรื่องพูด
“อะไรกัน คนอย่างบัวร้องไห้ได้ด้วยเหรอ เอาอย่างนี้พรุ่งนี้ฉันจะไปรับบัวที่กองถ่ายแล้วเราไปตามหาเพื่อนๆ ด้วยกัน โอเคไหม”
“ถ้านายไปแบบนี้แล้วเรื่องชกมวยของนายล่ะ”
“เรื่องนั้นบัวไม่ต้องเป็นห่วงนะเพราะเดี๋ยวฉันจัดการเอง บัวสบายใจได้”
บัวปาดน้าตา ยิ้ม ครามจับมือให้กำลังใจ

ข้าวหอมนั่งผิงไฟกลางป่า มองท้องฟ้าอยู่ เก่งเห็นจึงเดินเข้าไปหา
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะข้าวหอม กลัวเจ๊ลำไยเป็นห่วงเหรอ”
ข้าวหอมเห็นเก่งเดินมาหาก็จะลุกหนี เก่งรีบจับมือหญิงสาวไว้
“จะไปไหนล่ะข้าวหอม ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่หายโกรธพี่อีก”
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันเป็นขโมยที่อยู่ร่วมกับคนดีๆ แบบพี่ไม่ได้ไง”
“พี่ขอโทษข้าวหอม”
“พี่จะมาขอโทษฉันทำไม พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ขอโทษที่พี่เข้าใจข้าวหอมผิดไป พี่ไม่น่าฟังคนอื่นมากกว่าข้าวหอมเลย”
“ฉันไปนอนก่อนนะฉันง่วงแล้ว”
เก่งดึงตัวข้าวหอมมากอดไว้
“ยกโทษให้พี่เถอะนะข้าวหอม”
มะขิ่นกับภูมิเดินเข้ามา
“ทำอะไรกันอยู่เหรอทั้งคู่”
ข้าวหอมรีบสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดเก่ง
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันกำลังจะไปนอนละ ไปนอนกันเถอะมะขิ่น”
ภูมิเดินเข้ามาหาเก่ง
“ใจเย็นๆ ผู้หญิงก็แบบนี้แหละต้องใช้เวลา”
“เขาคงโกรธฉันมากจริงๆ”
เก่งมองข้าวหอมอย่างอาลัยอาวรณ์

ทอมนั่งเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ตัวเอง เรยาปิ้งมันเสร็จแล้วส่งให้
“เอ้ากินซะจะได้กินยา”
“ไม่น่าเชื่อ นักร้องดังอย่างคุณเอาตัวรอดในป่าได้ด้วย”
“ฉันมันเด็กบ้านนอกมาก่อน เรื่องแค่นี้สบายมาก”
“คุณทำให้ผมทึ่งหลายเรื่องเลยนะ”
ทอมมองเรยาส่งสายตามีไมตรี เรยาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่มองหน้า
“วันนี้ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้”
“เป็นอันว่าเราหายกัน ผมช่วยคุณคุณก็ช่วยพยุงผมทั้งวัน”
“แล้วแผลนายจะเป็นอะไรมากมั้ย”
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอกเพราะบาดแผลไม่ได้ลึกมาก”
“อืม จริงซิ นายเป็นหมอ แล้วเราจะออกจากป่าได้ยังไง”
“เรายังเข้ามาไม่ลึก พรุ่งนี้ลองย้อนไปทางเก่า”
“แล้วพวกโจรล่ะ”
“ก็ต้องเสี่ยงเอา ดีกว่าไปไม่รู้จุดหมายแบบนี้”
“ฉันเห็นด้วย นายเฝ้ายามแล้วกันฉันจะไปนอน”
เรยาลุกขึ้นแล้วสะดุดกิ่งไม้เซถลา ทอมประคองไว้ได้ทัน เรยาตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“เอ่อ ขอบคุณ ฉันนอนก่อนสัก 3-4 ชั่วโมง แล้วนายค่อยปลุกฉันมาเฝ้ายามแทนแล้วกัน”
เรยาเดินเลี่ยงไปนอน ทอมมองตามแล้วจับที่หัวใจ
“แปลก ทำไมหัวใจเราเต้นแรงไม่เหมือนเวลาอยู่กับข้าวหอมเลย”
เรยานอนหันหลังให้อมยิ้มแล้วหลับไป

เมฆ ดุ๋ย ดุ่ยนั่งรอบกองไฟ ด้านบนต้นไม้มีนั่งร้านที่ครูกุ๊กไก่ นก มด ปลาขึ้นไปนอน เมฆบ่น
“ทำไมต้องมาเจอกับยัยพวกนี้แทนที่จะเจอกับข้าวหอมก็ไม่รู้”
“นั่นซิลูกพี่ ยิ่งยัยกะเทยตาโตนั่นหน้ากลัวกว่าโจรอีก” ดุ่ยเห็นด้วย
“อากาศแบบนี้บรรยากาศกลางป่า ถ้ามีสาวสวยหุ่นแจ่มๆ ล่ะก็หายเซ็งเป็นปลิดทิ้งเลย” ดุ๋ยฝันหวาน
เมฆมองเห็นบางอย่าง “ไอ้ย่ะ พูดถึงสาวสาวก็มา”
ดุ๋ย ดุ่ยมองตามสายตาเมฆ ทั้งสามเห็นหญิงสาวสวยทั้งสามส่งสายตาหื่นทันที สาวสวยกวักมือเรียก
“ฮั่นแนะกวักมือเรียกท้าทายๆ แบบนี้ต้องจัดเต็ม”
ดุ๋ยเดินตามหญิงสาวไป เมฆ ดุ่ยตามไปด้วย
“เฮ้ยได้ไงข้าเป็นลูกพี่ต้องข้าก่อน”
ทั้งหมดตามสาวสวยไป นกรู้สึกตัว เห็น 3 หนุ่มเดินตามอะไรไป เธอเพ่งมองเห็นสิ่งที่นำหน้า 3 หนุ่ม คือเสือตัวใหญ่ นกตกใจรีบเรียกทุกคน
“อะไรนังนก ปวดฉี่หรือไงเรียกอยู่ได้” ปลาต่อว่า
นกให้สัญญาณเงียบๆ มดเริ่มรู้ว่ามีบางอย่าง
“มีอะไรหรือแก แกเห็นผีอีกแล้วใช่ไหม”
ครูกุ๊กไก่ขนลุกกลัว “อยู่ไหนมันอยู่ไหน จุดที่แกสัมผัสได้ครูกุ๊กไก่ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
“เบาๆ ซิ เที่ยวนี้ไม่ใช่ผีธรรมดาแต่มันเป็นเสือสมิง”
“แล้วทำไง มันจะกินเราไหมเนี่ย” ปลากลัว
“แกต้องช่วยเรานะนังนกบ้านแกเป็นหมอผีทั้งบ้าน” มดบอก
“มันไม่เข้าใกล้ฉันหรอก มันรู้ว่าฉันมีของ แต่ไอ้ที่น่ากลัวคือไอ้ 3 ตัวข้างล่างนั่นตาหาก”
ดุ๋ยเข้าไปจีบสาวสวย
“จะไปไหนกันเหรอจ๊ะน้องสาว”
“หลงป่าแบบพวกพี่หรือเปล่า” เมฆระรื่น
“พวกพี่หลงป่าหรือจ๊ะ ฉันช่วยได้นะ”
“ดีจ้ะ พี่อยากไปให้พ้นๆ กะเทยหื่นกับ 3 สาวแก่จ้า” ดุ่ยบอก
กลุ่มครูกุ๊กไก่แอบซุ่มตามมา
“น่าช่วยพวกมันไหมเนี่ยปากเสียแบบนี้”
สามสาวพร้อมใจกันตอบว่าช่วย
“ไอ้เมฆมันโง่ดีฉันชอบ” นกพูดขึ้น
“ฐานะทางบ้านก็พอใช้ได้ฉันก็ชอบ” มดบอก
“พวกมันชอบอะไรฉันก็ชอบด้วย” ปลาสรุป
“เออตามใจ ถ้าชอบก็รีบช่วยมันก่อนที่จะโดนนังเสือนั่นลากไปกิน”
นกพยักหน้าแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ ทุกคนขยับตาม กลุ่มเมฆยังไม่รู้ตัว
“ช่วยพวกพี่หน่อยนะน้องสาวคนสวย” เมฆออดอ้อน
“พวกเราถูกเสือตามล่าเลยหลงป่าจ้ะ” ดุ๋ยกะล่อน
“เสือเหรอ เสือแบบไหน ตัวใหญ่หรือตัวเล็ก”
“ไม่ใหญ่มากหรอกจ้ะ แต่มันโหดแล้วก็เหี้ยม” ดุ่ยบอก
“ใหญ่ขนาดนี้ได้ไหมจ๊ะ”
สาวสวยกลายร่างเป็นเสือสมิงแยกเขี้ยวใส่ 3 หนุ่ม ทั้งสามร้องเสียงหลง นกดึงสายสิญจน์ออกบริกรรมคาถาแล้วปาไปที่เสือสมิง เสียงกรีดร้องดังแล้วเสือสมิงก็หายไป 3 หนุ่มรีบวิ่งมาเกาะแขนเกาะขากลุ่มครูกุ๊กไก่ นก มด ปลา ยิ้มพอใจ ครูกุ๊กไก่ก็พลอยยิ้มที่ดุ่ย ดุ๋ย มาซบหน้าที่อกด้วยความกลัว

ตอนเช้า ครามเดินมาหาครูยอดที่ค่ายมวย
“ว่ายังไงครามวันนี้มาซ้อมแต่เช้าเลยนะ”
“เปล่าหรอกครับครู วันนี้ผมไม่ได้มาซ้อมหรอกครับ”
“อ้าวแล้วมาทำอะไรแต่เช้าขนาดนี้ล่ะ”
“คือว่าผมจะขอสละสิทธิ์ในการชกวันพรุ่งนี้นะครับ”
“ว่ายังไงนะคราม มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“คือว่าพวกเพื่อนๆ ผมถูกโจรป่าปล้นน่ะครับ ผมเลยอยากจะไปช่วย”
“แต่ว่าการชกพรุ่งนี้ก็สำคัญนะ เพราะจะทำให้เธอนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากเลย”
“ชื่อเสียงมันแทนคำว่าเพื่อนไม่ได้หรอกครับครู”
“เธอเป็นคนดีจริงๆ เอาเถอะโอกาสหน้ายังมี ค่ายมวยครูพร้อมต้อนรับเธอเสมอ”
“ขอบคุณมากครับครู ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณของครูเลย”
“ขอให้เธอโชคดีนะ”
ครามยกมือไหว้แล้ววิ่งออกไป ครูยอดมองด้วยความเสียดาย

เจ้าหน้าที่ป่าไม้สองคนกำลังจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อที่จะเดินทางเข้าป่า เสี่ยกำธร สาลี่ยืนคุยอยู่ สมชาย เอ็ม อร เจ๊ลำไย แหม่ม ถั่วพูลงจากรถตู้ รีบเข้าไปหาอย่างใจร้อน
“ได้ข่าวพวกเขาไหมเสี่ย” อรถาม
"เสือโหยเสือหิวมันดักปล้นกลางทางแต่ทุกคนหนีรอดไปได้” เสี่ยกำธรเล่า
“พุทโธ ธรรมโม สังโฆ ขอให้ทุกคนปลอดภัยทีเถอะ” เจ๊ลำไยกังวล
“ลูกชายฉันล่ะเสี่ย” เอ็มถาม
“เข้าป่าพร้อมกับทุกๆ คนนั่นแหละครับ”
“ก็ออกตามหาซิ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของฉันนะ”
ทุกคนรวมทั้งเสี่ยกำธรเริ่มไม่พอใจเอ็ม สมชายรีบเข้าไกล่เกลี่ย
“เพื่อนผมมันรักลูกมาก อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่จริงๆ ก็ห่วงทุกคนแหละครับ ใช่ไหมเอ็ม”
ถั่วพูรีบช่วยแก้สถานการณ์ “จริงค่ะ ไปพักดีกว่านะคะ เดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบอีก ทางนี้พวกเราดูแลเอง”
“สันดอนนะขุดได้แต่สันดานนี่มันขุดยากนะคะ” แหม่มประชด
“ผมว่าเราเข้าไปปรึกษาหัวหน้าป่าไม้ดีกว่าว่าจะหาทางช่วยเหลือทุกคนได้ยังไง” สมชายบอกกับทุกคน

อ่านต่อตอนที่ 10

กำลังโหลดความคิดเห็น