หน้ากากนางเอก ตอนที่ 12
วันใหม่ หนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าว “ไฮโซแอ๊บแตก ต้องคดีพยายามฆ่า”
แม่ของพิมพิชชาแต่งตัวทรุดโทรม มอซอ ในสภาพเสื้อเก่าๆ นั่งอยู่ในห้องเช่าเก่าๆ พลางถอนหายใจ
เฮือกๆ ดวงตาเศร้า ที่ได้เห็นภาพลูกสาวในหนังสือพิมพ์
“จะเป็นไงบ้างนะ...พิมลูกแม่”
พิมพิชชาทำลายข้าวของในบ้านทุกอย่าง อาละวาดโกรธมาก อนงค์เดินมาเห็น ดุ
“พอได้แล้วคุณพิม...แค่นี้คุณก็ทำลายเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของท่านจนไม่มีเหลือแล้ว คุณยังจะมาทำลายข้าวของ ของๆท่านอีก พอค่ะพอ”
อนงค์เดินเข้ามาหานาง พยายามห้าม ดึงของในมือออก ไม่ให้ขว้างปาอีก แต่พิมพิชชากลับผลักอนงค์อย่างแรง จนล้มลง ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง
“โอ๊ย!”
นางชี้หน้าอนงค์
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน เอาตัวแกเองให้รอดก่อนเถอะ”
อนงค์ใจ พิมพิชชาเปลี่ยนไป ไม่แอ๊บเหมือนเดิม แถมด่าต่อ
“มองหน้าฉันทำไม? ถ้าไม่พอใจก็ไสหัวไป..ไป๊” นางจะปราดเข้ามาตบ
อนงค์ร้องลั่น
“ว้าย!” รีบผุดลุกขึ้น เดินขากระเผลกๆออกไป ทั้งที่เจ็บมาก
พิมพิชชายืนตาขวาง สบถ กร้าว ดวงตาบอกว่าไม่ยอมอีกต่อไป
“คิดว่าฉันจะยอมแพ้แกเหรอ”
วรรษชลในมือถืออาหาร-ผลไม้ เดินมาเคาะประตู เวฬุยาเดินไปเปิดประตู พอเห็นวรรษชลก็ทัก
ยิ้มเป็นมิตร
“อ้าว!คุณวรรษ เชิญค่ะ”
วรรษแทรกตัวเข้ามาพลางถาม
“เบอร์รี่เป็นไงบ้างครับ”
“อยู่ในห้องกับเอี๊ยมน่ะค่ะ”
วรรษชลยิ้ม จะเดินไปตามทางที่เวฬุยาชี้ แต่เธอกลับถามขึ้น
“คุณเป็นเพื่อนกับไอ้...เออ..คุณแทน นานหรือยังคะ”
“ผมดีใจนะครับ ที่คุณมะม่วงถามถึง นายแทน”
“อ๋อ ไม่ใช่สนใจหรอกค่ะ....แค่อยากจะรู้ว่าไปรู้จักมักจี่ กันได้ยังไงกับคนแบบนั้น”
วรรษชลสลด
“ผมไม่ทราบเรื่องลึกๆ ว่าคุณสองคนไปมีเรื่องอะไรกัน...แต่ผมรู้ว่า เพื่อนผมมีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป เมื่อเจอคุณ 2 คน...เชื่อเถอะครับ ถ้าเขาพยายามจะขอโทษ แสดงว่าเขาสำนึกผิดจริงๆ”
“แต่คงดีด้วยยาก นะคะ”
“เขาเห็นผู้หญิงเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้...ไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย”
เขารู้สึกผิดแทน
“เชื่อเถอะครับ....พวกเขาจะต้องทำทุกทางให้พวกคุณเห็นใจ และให้อภัยพวกเขาให้ได้”
“ไม่มีทาง”
เวฬุยาส่ายหัว ไม่มีทาง
วรรษชล โน้มน้าวไม่ได้ เดินจากไป
เบอร์รี่นอนอยู่บนเตียงของอรัญภัทร โดยมีดาราสาวดูแล คอยป้อนข้าวให้ วรรษชลเคาะประตูก่อนเดินเข้ามา พอเบอร์รี่เห็นวรรษชลปุ๊บก็ทำท่าออเซาะเจ็บระบม อรัญภัทรคุยบอก
“นี่หลายวันแล้ว ยังนอนเจ็บอยู่เลย บอกให้ไปหาหมอ ก็ไม่ไป... จริงๆหนูน่าจะไปนะ ให้หมอตรวจให้ละเอียด”
“อย่างที่บอกน่ะค่ะ หนูไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่น่ะค่ะ กลัวพี่พิมจะเดือดร้อน”
“เค้าทำขนาดนี้ น่าจะเอาเรื่องให้เข็ด”
วรรษชลเอาของฝากมาวาง
“จบแค่นี้ก็ดีแล้วนะเอี๊ยม ไม่งั้น จะยิ่งโกรธเกลียดกันเข้าไปอีก”
“โกรธก็ช่างสิคะ..คนอย่างนั้นจะไปแคร์ทำไม หรือคุณแคร์”
วรรษชลหน้าเจื่อนไป ยิ้มเฝื่อน
“เปล่า...แค่อยากให้เรื่องมันจบๆ ไป ต่างคนต่างอยู่ ยังไง ตอนนี้ พิมเค้าก็เสียชื่อไปมากพอแล้ว กับข่าวที่ออกไป”
“จริงค่ะ ให้เรื่องมันจบๆไปนะคะพี่เอี๊ยม”
เธอถอนหายใจ
“ก็เพราะมีคนแบบนี้ คนทำผิดถึงได้ใจ”
“ให้มันจบๆไปเถอะนะ...ตอนนี้ผมขอไปทำงานก่อน เดี๋ยวผมโทรฯหานะ”
วรรษชลมองเธออย่างห่วงใย เบอรี่แอบอิจฉา
“คะ...งั้นเดี๋ยวเอี๊ยมไปส่งคะ”
วรรษชลแตะด้านหลัง พาเธอเดินออกไป เบอร์รี่มองตามสองคนไปอย่างริษยา
“ซักวันคนที่อยู่ข้างๆพี่วรรษ ต้องเป็นฉัน”
อรัญภัทรเปิดประตูกลับเข้ามา เดินมาหาเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่
“ที่ยัยคุณพิม บอกว่ามีหลักฐานจะแฉเบอร์รี่นะ แล้วเธอไม่สังเกตเหรอ? ถ้าถูกผลักตกบันได ทำไมเบอร์รี่ดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย ถึงไม่มีบาดแผล แต่แรงกระแทก ก็น่าจะไปให้หมอตรวจดูอาการ แต่นี่เบอร์รี่เลี่ยงที่จะไปรพ. ไม่แจ้งตำรวจ และพยายามที่จะให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงเร็วที่สุด ไม่คิดว่ามันแปลกใช่ไม๊”
อรัญภัทรกับเขมปัญฑามองหน้ากัน ครุ่นคิดตาม
“แล้วฉันก็ไม่เชื่อด้วยที่เด็กนั่นบอก ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นห่วงยัยคุณพิม”
เขมปัญฑาท้วง
“แต่เบอร์นี่ยังเด็กมากเลยนะ จะคิดอะไรซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คนอยากจะเข้าวงการ..มันต้องมีเรื่องให้แทรกตัวเข้ามาได้ทุกทางแหละ.....ยังไง เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ” เธอมองอรัญภัทรพูดยิ้มๆแหย่ๆ ทุกคนมองหน้ากัน นางเอกสาวคิดหนัก
พิมพิชชาเดินฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด เดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน พยายามคิด ก่อนทำท่านึกออก
“เห้ย! กล้องวงจรปิด...เราลืมเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง”
พิมทำท่าหัวเสียอย่างมาก ก่อนหยิบมือถือ กดสายรวดเร็ว
วรรษชลจอดรถหน้าออฟฟิศพอดี เสียงโทรศัพท์ดัง วรรษรีบรับสายแบบไม่ทันได้ดู
“วรรษคะ”
วรรษชลทำหน้าแบบไม่น่ารับสายเลย ขณะที่พิมพูดรัวเร็ว
“คุณต้องช่วยพิมนะคะ พิมไม่ใช่ฆาตกร”
ในเวลาต่อมา วรรษชลยื่นแก้วกาแฟให้พิมพิชชา เธอพึมพำขอบคุณก่อนบอก
“ออฟฟิศคุณน่าอยู่ขึ้นทุกวันเลยนะคะ ดีแล้ว...ที่ตอนนี้ยัยเบอร์รี่ไปอยู่กับยัยเอี๊ยม ขืนหล่อนอยู่ที่นี่...บรรยากาศอย่างนี้ วรรษคงได้ดูแลหล่อนถาวรแน่ๆ”
วรรษชลหน้าดุ
“พูดธุระของคุณมาดีกว่าพิม”
“พิมไม่ได้เป็นคนผลักเด็กนั่นตกลงบันได หล่อนแกล้งตกลงไปเอง แล้วใส่ร้ายพิม แล้วหล่อนก็ยังขโมยเอามือถือของพิมไปด้วย”
วรรษชลถอนหายใจเฮือกๆ
“ขอโทษนะ..ผมมีถ่ายรายการ ขอผมไปเตรียมงานก่อน” เขาลุกขึ้นจะเดินไป
พิมพิชชาลุกพรวดขึ้น
“คุณไม่เชื่อพิม”
วรรษชลนิ่ง พิมพิชชาพูดต่อ
“แล้วคุณจะเสียใจ ที่เลี้ยงงูพิษไว้กับตัว” นางโกรธมากเดินออกไป
เขามองตามพิมพิชชาได้แต่ถอนใจ สายตาบอกระอา เหมือนผู้หญิงมีเรื่องกันเยอะจัง
ทีมงานวิ่งมาหา
“พี่วรรษ ได้เวลาประชุมกองแล้วครับ”
“โอเค” วรรษชลกอดคอทีมงานเดินเข้าออฟฟิศแบบสบายๆลืมความสนใจเรื่องพิมพิชชา ฝ่ายนางมองตามอย่างเจ็บใจที่วรรษชลไม่สนใจ
ขณะที่วรรษชลกำลังจะเดินเข้าไปในห้องประชุม ได้ยินทีมงานกำลังเมาท์กันอย่างเมามันส์ เขาหยุดฟัง
“รู้ประเด็นข่าวใหม่ของแฟนเก่าพี่วรรษรึเปล่าวะ”
“คืออะไรวะ?”
“ก็ในโซเชียลเค้าเม้นท์กันว่า ยายพิมทิ้งแม่ พวกมึงว่าจริงรึเปล่าวะ”
“ทิ้งแม่”
หน้าห้องประชุม วรรษชลชะงักฟัง
“เอ้อ!! ตัวเองรวยจะตาย ทำตัวไฮโซแต่แม่ยังอยู่สลัมอยู่เลย แล้วตอนนี้เหมือนจะป่วยอยู่ด้วย”
“โห๋...ทำไมใจดำจังวะ ถ้าทิ้งแม่ได้ นับประสาอะไรกับฆ่าคน กูว่าเค้าทำว่ะ”
อีกคนอารมณ์ดีแหย่เพื่อนๆ
“แหม!เรื่องชาวบ้านนี่เผือกกันเก่งจริงๆ...เรื่องงานเก่งอย่างนี้รึเปล่าวะ ทำงานๆ ไปเตรียมออกกองได้แล้วไป๊”
วรรษชลครุ่นคิด ท่าทางไม่สบายใจ
ภายในชุมชนแออัด บ้านเรือนทรุดโทรม วรรษชลเดินเข้ามา สายตาที่มองดูบริเวณนั้น เหมือนจะมีความหลังบางอย่าง ก่อนมุ่งหน้าเดินเข้าไปด้วยใจจดจ่อ เขาเดินเข้ามายังร้านของแม่พิมพิชชา เห็นท่าทางทรุดโทรมตรอมทั้งกาย ทั้งใจกำลังงกๆเงิ่นๆ จัดของ ดูก็รู้ว่าขายไม่ดี แม่พิมพิชชาโงนเงนทำท่าจะเป็นลม วรรษชลพุ่งตัวเข้าไปประคอง
“คุณน้า”
แม่เงยหน้าขึ้นมองวรรษชล แบบตะลึง “วรรษ”
เขาถามด้วยความอาทร
“ไหวมั้ยครับคุณน้า ไปรพ.มั้ย”
แม่น้ำตาคลอ
“น้าไม่เป็นไร”
“นั่งก่อนนะครับ” เขาประคองเข้าไปนั่งในโต๊ะด้านใน
เธอจับมือวรรษชลไว้ มองปลื้มชื่นชม
“วรรษเปลี่ยนไปมากเลยนะ... น้าเกือบจำไม่ได้เลย”
วรรษชลยิ้มน้อยๆ แม่ของพิมพิชชาพูดต่อ
“พิมมันไม่มีวาสนา...มันถึงทิ้งวรรษไป..มีชีวิตแบบนี้”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ...เราอย่าไปพูดถึงมันเลยนะครับ ผมลืมมันไปหมดแล้ว”
เธอร้องไห้น้ำตาไหล
“แต่น้าลืมไม่ลง” เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ “น้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ววรรษ ทุกอย่างมันตอกย้ำน้า เพราะน้าจน น้าให้ความสุขสบายกับลูกไม่ได้ พิม.....พิมมันถึงได้เลือกทางเดินอย่างนี้”
“อย่าคิดมากนะครับคุณน้า”
“น้าทำไม่ได้หรอก..น้าถึงได้ทุกข์อยู่ทุกวัน ยิ่งได้ข่าวของพิมน้าก็ยิ่งทุกข์ ทางเดียว...ที่น้าอาจจะลืมที่นี่ได้...นั่นคือ...”
แม่พิมพิชชาน้ำตาไหล ขณะบอก
“น้าต้องไปจากที่นี่”
วรรษชลได้แต่มองแม่ของพิมพิชชาอย่างเห็นใจมาก เธอน้ำตาไหลพรากๆ
ภายในห้อง เจ๊เต่า อรัญภัทร เบอร์รี่ นั่งด้วยกัน เจ๊เต่าถาม
“หายดีแล้วเหรอ ถึงจะกลับน่ะ”
เบอร์รี่แอ๊บน่าเอ็นดู
“หนูหยุดงานหลายวันแล้ว เกรงใจพี่วรรษน่ะค่ะ”
เธอสังเกตท่าทีของเบอร์รี่แล้วกลบเกลื่อนบอก
“พี่วรรษเค้าใจดี...เค้าไม่ว่าหรอก”
“ยิ่งใจดี....หนูยิ่งต้องเกรงใจพี่วรรษ อีกอย่างหนูก็รบกวนเจ๊ รบกวนพี่เอี๊ยมมา
หลายวันแล้ว ขอหนูกลับไปทำงานนะคะ นั่งๆนอนๆเฉยๆหนูรู้สึกตัวเองไม่มีค่า...เหมือนพี่พิมว่าค่ะ”
เธอพยักหน้า
“งั้นทำธุระเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
เบอร์รี่แกล้งแอ๊บยิ้ม น่าสงสาร
เจ๊เต่าบอกต่อเหมือนเวทนาเด็ก
“แล้วกลับไปอยู่คนเดียว หนูต้องระวังนะเบอร์รี่...ตอนนี้ข่าวหนูยังแรงมาก อย่าเผลอไปพูด ไปทำอะไรที่มันตีข่าวออกไปอีก”
“ค่ะเจ๊ หนูจะระวังตัว ขอบคุณเจ้กับพี่เอี๊ยมมากๆนะคะที่เมตตาหนู”
เบอร์รี่ยกมือไหว้เจ้เต่ากับเอี๊ยมน่าเอ็นดู เจ๊เต่ายิ้ม เธอยิ้มน้อยๆสายตาจับสังเกตเบอร์รี่ อยู่เหมือนกัน
วรรษชลยืนลังเลอยู่ครู่ ก่อนหยิบมือถือขึ้นมา ทางด้านหลัง อรัญภัทรพาเบอร์รี่เดินเข้ามา เขาไม่เห็น กดสายโทรหาพิมพิชชา ขณะนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่พิมพิชชากำลังเดินเข้าคอนโดเจ๊เต่า สายตามุ่งมั่นส่งเสียงห้วน...ไม่ได้สนใจวรรษชล รับสาย
“มีอะไรคะ....วรรษ”
“ผมมีเรื่องสำคัญ อยากจะคุยกับคุณ”
อรัญภัทรยืนด้านหลัง ได้ยินชัดเชน ตาวาวหน้าซีด โกรธ เบอร์รี่เห็นกริยาท่าทางนั้นก็ยิ้มร้ายแบบสะใจ มีเรื่องกันแน่ๆ
พิมพิชชาบอกเสียงเครียด
“แต่ตอนนี้...พิมมีเรื่องอื่นที่สำคัญ เกินกว่าที่จะคุยกับคุณ”
“ไม่ได้นะพิม... คุณต้องมาคุยกับผม”
อรัญภัทรยืนฟังโกรธมาก พิมพิชชาน้ำเสียงหงุดหงิด
“ไหนคุณบอกงานยุ่ง ก็ไปทำงานของคุณสิ มายุ่งกับพิมอีกทำไม”
“พิม...ผมขอร้อง...คุณมาหาผมเถอะ...นะ...พิม”
อรัญภัทรมองเสียใจ ก่อนจะผละออกไปโดยที่วรรษชลไม่รู้ เบอร์รี่ยิ้ม เดินตามออกไป ขณะที่พิมพิชชาตัดบท
“โอเคค่ะ ไว้พิมเสร็จธุระแล้ว จะแวะไปหาแล้วกัน แค่นี้นะคะ”
นางวางสายก่อนจ้องมองคอนโดฯสีหน้ามุ่งมั่น วรรษชลก็วางสาย ด้วยความไม่สบายใจ
อรัญภัทรเดินหน้าเครียด ทั้งฉุนทั้งโกรธ รู้สึกเหมือนโดนวรรษชลทรยศ และแพ้พิมพิชชา เบอร์รี่วิ่งตามมา เห็นสีหน้าท่าทางของนางเอกสาวก็ยิ้มสะใจ ก่อนแอ๊บ ถามแบ๊วๆ
“อย่างนี้ใช่มั้ยคะพี่เอี๊ยมที่เค้าพูดว่า ถ่านไฟเก่าคุ พี่วรรษยังรักพี่พิมอยู่”
เธอหันมามองเบอร์รี่ถามสงสัย
“รู้เรื่องคุณวรรษกับยัยพิม ด้วยเหรอ”
“ค่ะ” เธอทำหน้าแบ๊วๆ แต่ตั้งใจไซโคเต็มที่ “พี่พิมเคยเล่าให้ฟัง ว่าพี่วรรษรักพี่พิมมากๆๆ ตอนพี่พิมบอกเลิก พี่วรรษถึงกับจะเดินให้รถชนตายเลยค่ะ”
เธอฉุนโกรธมาก เบอร์รี่ยิ้มสะใจ ได้ทีเขี่ยบอล
“โอย..หนูสงสารพี่เอี๊ยมจัง แล้วนี่...ถ้าพี่วรรษยังรักพี่พิมอยู่....พี่เอี๊ยมจะทำยังไงคะ”
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง ตั้งสติบอก
“ไม่ต้องบอกพี่วรรษ ว่าพี่มาที่นี่นะ”
พูดจบเธอก็ก้าวฉับๆไปที่รถ เบอร์รี่แอบหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนทำหน้าสะใจเจ้าเล่ห์
“55555 โปรดติดตามตอนต่อไป”
พิมพิชชาเดินออกมากับเจ้าหน้าที่คอนโด ในมือนางมีซองเอกสาร นางบอกเจ้าหน้าที่คอนโดฯ พร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากๆนะคะที่กรุณาให้ข้อมูลกับพิม...อย่างที่บอก..พิมแย่มากๆที่ตกเป็นจำเลยสังคม” นางชูซองเอกสารขึ้น “ถ้ามีภาพจากกล้องวงจรปิดไปยืนยันว่าพิมไม่ผิด พิมก็สบายใจ” นางยกมือไหว้นอบน้อม “ ขอบคุณมากๆนะคะที่กรุณาพิม”
“เพื่อความถูกต้อง เรายินดีครับ” นางเดินเข้าไป
พิมพิชชาเงยหน้ามองคอนโดฯ ดวงตามีแต่ความเกลียดชัง พลางเคาะซองเอกสารกับมือยิ้มร้าย
“ฉันจะทำให้พวกแกพินาศ นังเบอร์รี่ นังเอี๊ยม”
พิมพิชชายิ้มพิมน่ากลัว ท่าทางของพิมบอก...ไม่ยอมวางมือแน่ๆ
ในห้อง อรัญภัทรกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ คิดถึงภาพที่เห็น วรรษชลคุยกับพิมพิชชา เธอตาวาว กัดริมฝีปากแน่นท่าทางโกรธมาก ก่อนลุกขึ้นมาอย่างกระฟัดกระเฟียด กระชากหมอนมาขยุ้มจนมือจิกเกร็งเธอเห็นบนหมอนเป็นหน้าวรรษชล เธอจ้องแล้วพูดเหมือนพูดกับวรรษชล
“ผู้ชายก็เหมือนกันทุกคน ไว้ใจไม่ได้ อึ๊ย!!”
เธอฟาดหมอนทิ้งก่อนคว้ามือถือขึ้นมา กดดูรูปภาพของพิมพิชชาที่อยู่ในมือถือ
“ต่อให้คุณวรรษมีเยื่อใยกับเธออยู่ ฉันก็จะแย่งเค้ามาให้ได้นังปลวก”
เธอโกรธแค้น มองภาพของพิมพิชชาในมือถือที่ยิ้มหวาน
วันใหม่ พิมพิชชาเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับโน้ตบุ๊กที่บ้าน ก่อนจะเปิดดู ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นคือ
เบอร์รี่ทิ้งตัวลงบันไดเอง โดยที่พิมไม่ได้ผลัก นางยิ้มเหยียด
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ แกจะตอแหลยังไง นังเขียว” นางหยิบมือถือขึ้นมา “สวัสดีค่ะ ดิฉันพิม....ภรรยาของท่านอานนท์ พิมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบค่ะ” นางยิ้ม แววตาบอกถึงความสะใจแฟลชไดร์ฟยังเสียบค้างอยู่ในคอมฯ
ภายในคอนโดฯ ป้าไก่กำลังพยายามประกอบร่างโทรศัพท์ พยายามซ่อมเอง บ่นกระปอดกระแปด
“นี่มันนางพญาปลวกหรือช้างพังวะเนี่ย”
ป้าไก่ประกอบมือถือจนได้ เสียงมือถือดังก็ดังขึ้นพอดี ป้าไก่รับสายแบบยากๆเพราะมือถือยังคงแฮ้งค์อยู่ “ว่าไง”
ป้าไก่ฟังแบบได้ยินไม่ชัด เพราะมือถือพัง
“ห่ะ อะไรนะ”
แต่พอจับใจความได้ สีหน้าท่าทางตกใจและตื่นเต้นสุดๆ
เวลาต่อมา ป้าไก่นั่งกับเบอร์รี่อยู่ในร้านกาแฟ ท่าทางของเบอร์รี่ตื่นเต้นตกใจ
“อะไรนะคะพี่ไก่....คุณพิมจะแฉเบอร์รี่ “
เบอร์รี่ทำตาแบ๊วๆแต่หลุกหลิกกังวล
“ใช่ วันพรุ่งนี้เค้าจะจัดแถลงข่าวเลย”
เบอร์รี่ทั้งง ทั้งตกใจ
“แถลงข่าว”
“คุณพิมเค้าบอกว่าเค้ามีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่มีภาพชัดเจนว่า หนูน่ะแกล้งตกลงบันไดไปเอง”
เบอร์รี่น้าซีดปากสั่นปฏิเสธแบบกลัวจริงๆ
“ไม่จริงค่ะไม่จริง พี่พิมผลักหนู”
“ถ้าเค้าผลักหนูจริง...เค้าจะกล้าออกมาแถลงข่าวได้ยังไง? หนูโกหกอะไรพี่หรือเปล่าเบอร์รี่”
เบอร์รี่รีบบอก “เปล่านะคะหนูไม่ได้โกหก” เธอยื่นมือมาจับมือป้าไก่ออดอ้อน “พี่ไก่ก็รู้มีอะไร หนูบอกความจริงกับพี่ไก่อยู่แล้ว ขนาดเรื่องที่พี่เอี๊ยมแอบมาหาพี่วรรษตลอด หนูยังเอามาบอกพี่ไก่เลย”
ป้าไก่ตาลุกวาว
“มาตลอดเลยเหรอ”
เบอร์รี่แอบทำตาเจ้าเล่ห์ แล้วแอ๊บ
“ค่ะ...บางที รุ่งเช้าถึงค่อยกลับ”
ป้าไก่ตาวาวตื่นเต้น แต่ออมเสียง
“หา!กลับรุ่งเช้าเลย”
เบอร์รี่แอบอมยิ้มก่อนใส่ไฟต่อ “ค่ะ... ขนาดความลับขนาดนี้ หนูยังเอามาบอกพี่ไก่ ทั้งๆที่พี่เอี๊ยมมีบุญคุณกับหนู แต่หนูโกหกไม่เป็น...พี่ไก่เชื่อหนูนะคะ”
ป้าไก่ยิ้มไม่เชื่อแต่ตอบ
“พี่น่ะพร้อมจะเชื่อหนูอยู่แล้ว แต่เรื่องแบบนี้มันต้องมีหลักฐานใช่มั้ย ถ่ายรูปเอี๊ยมตอนอยู่กับคุณวรรษมาให้พี่ดูหน่อยสิ...พี่จะได้มั่นใจ ว่าหนูไม่โกหก ทั้งเรื่องเอี๊ยมและเรื่องคุณพิม”
เบอร์รี่ยิ้ม
“ได้ค่ะ...หนูจะถ่ายมาให้ พี่เอี๊ยมมาขลุกอยู่กับพี่วรรษตลอด ยังไงต้องได้ซักรูปล่ะค่ะ แต่พี่ไก่ต้องเชื่อหนูนะคะ...ว่าหนูถูกคุณพิมแกล้งจริงๆ...พี่ไก่ต้องอยู่ข้างหนูนะคะ”
“จ้ะ”
สองคนยิ้มให้กันและกัน ก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์ ต่างเห็นกันและกันเป็นเหยื่อ หน้าร้านกาแฟ เวฬุยา จ้องมองทั้งคู่อยู่
อ่านต่อหน้าที่ 2
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในเวลาต่อมา เวฬุยาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ท่าทางเร่งรีบร้อนรน พลางร้องเรียก
“เอี๊ยมๆ”
เขมปัญฑาที่กำลังจัดห้องหันมาถาม
“เอี๊ยมออกไปข้างนอก”
เวฬุยาทำเสียงจิ๊จ๊ะแบบไม่สบอารมณ์ เขมปัญฑาบอก
“มีอะไรด่วน ทำไมไม่โทรฯเข้ามือถือเลยล่ะ”
“โทร. แล้วแต่เอี๊ยมไม่รับ เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด เอี๊ยมเลี้ยงงูพิษเอาไว้”
เขมปัญฑาเสียงอ่อนๆทำนองระอา
“อะไรอีกล่ะ”
“ยายเบอรี่ย่องไปคุยอะไรไม่รู้กับป้าไก่”
เขมปัญฑาดวงตาเบิกกว้าง คลาดไม่ถึงเหมือนกัน ขณะที่เวฬุยาหน้าหงิกสบถออกมา
“อย่างที่เค้าว่าจริงๆ วงการมายา คนมายา ไว้ใจอะไรไม่ได้ซักอย่างเลย”
ทางด้านเบอร์รี่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในบริษัท พร้อมสบถออกมาแบบเบาๆ
“ฉันจะเอาภาพจากกล้องวงจรปิดจากนังพิมมาได้ยังไง”
เบอร์รี่ได้แต่ฮึดฮัด คิดไม่ตก ก่อนจะทำตาวาวเหมือนคิดออก เบอร์รี่เดินลิ่วเข้าไปด้านใน
ออฟฟิศทันที
ด้านในอรัญภัทรนั่งป้อนผลไม้ให้ วรรษชลหัวเราะขำบอก
“ผมอิ่มแล้วครับเอี๊ยม..ผมอิ่มแล้ว”
“อีกคำนึงนะคะ...นะ...นะ” เธอขยับเข้ามาใกล้จงใจยั่ว ป้อนผลไม้ให้เขา
วรรษชลเห็นท่าทาง ยิ่งขำ เอามือดันมือเธอออกไป
“พอแล้วเอี๊ยม ผมอิ่มจริงๆ”
เธอแกล้งหน้างอกระเง้ากระงอด วรรษชลถาม
“เป็นอะไร...เอาใจผมตั้งแต่เช้า”
“ก็เอี๊ยมบอกแล้วไง ถ้าเปิดกล้องแล้วเอี๊ยมจะไม่มีเวลา” เธอขยับตัวเข้ามาใกล้เอามือกอดคล้องคอวรรษเอาไว้ บอกหวาน “เอี๊ยมเลยอยากดูแลคุณ”
ทั้งสองคนอยู่ในระยะใกล้ชิดกันมาก เธอจงใจหว่านเสน่ห์เปิดเผย โดยลืมคิดถึงความไม่เหมาะไม่ควรเบอร์รี่เห็น แว่บแรก ตาเปล่งประกายแห่งความไม่ชอบใจ ก่อนที่จะตาวาวยิ้มออก รีบเอามือถือมาถ่ายภาพอันสุดจะใกล้ชิดของทั้งสองเอาไว้
วรรษชลเห็นสายตาเชิญชวน หว่านเสน่ห์ ก็ไม่สบายใจ เป็นห่วง พลางขยับตัวออกบอกสุภาพ
“ขอบคุณมากเอี๊ยม”
อรัญภัทรเห็นท่าทีของวรรษชลก็ระแวง ไม่สบายใจ กลัวเขาจะมีเยื่อใยกับพิมพิชชา ลึกๆเธอกลัวจะแพ้แม่เลี้ยงของเธอ
“คุณรังเกียจเอี๊ยมเหรอ”
เขารีบบอกแสดงความอาทรจริงใจผ่านน้ำเสียง “เปล่าครับ”
เธอยิ้ม ขยับตัวเข้าใกล้วรรษชลอีก จนเขาต้องถอยออก
“มันไม่เหมาะนะเอี๊ยม...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...คุณจะเสียหาย”
เบอร์รี่ยิ้มปลื้ม ก่อนที่จะเบะปากใส่นางเอกสาว อรัญภัทรถอนหายใจบอก
“พูดอย่างนี้อีกแระ”
“ผมไม่อยากให้ใครมาว่าคุณได้”
เธอยิ้มหมิ่น “ก็นึกว่ารังเกียจ” เธอมองหน้าวรรษชลแบบหยั่งเชิงถาม “หรือไม่ก็มีคนอื่น” เธอยับตัวออก
วรรษชลหัวเราะ
“วันๆทำแต่งาน ผมจะมีใครที่ไหนล่ะ ..นอกจาก...คุณคนเดียว”
เธออมยิ้มนิดๆปนเขิน “จริงเหรอ”
วรรษชลน้ำเสียงจริงจัง “ ฮื่อ!”
เธอยิ้มแอบดีใจและสะใจ
“ขอบคุณมากนะค่ะ ที่ให้เกียรติเอี๊ยม” เธอตาเจ้าเล่ห์แบบอยากเอาชนะพิมพิชชา พูดหวานให้วรรษชลตายใจ “เอี๊ยมก็จะมีคุณคนเดียวเหมือนกัน”
“ปิดตัวเลยมั้ยล่ะ”
เธอรีบบอก ท่าทางอึกอัก
“ไม่..ดีกว่าค่ะ”
วรรษชลจ้องหน้า เธอรีบบอก
“เอี๊ยมไม่อยากให้คุณถูกจับตามอง...เอี๊ยมว่าคุณไม่น่าจะชิน เอี๊ยมเป็นห่วง”
เบอร์รี่เบ้ปากใส่ พูดในใจ
“ตอ มาก”
วรรษชลยิ้มให้
“เอาที่คุณสบายใจแล้วกัน..ผมยังไงก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ งั้นเอี๊ยมกลับก่อนนะคะ”
“ครับ...ปะ ผมเดินออกไปส่ง”
เธอยิ้มให้วรรษชลแล้วลุกเดินออกไป เขาจะเดินไปส่ง เอี๊ยมบอก
“ป้อมรออยู่ที่ห้องตัดนะคะ.....คุณไปทำงานต่อเถอะ แล้วเจอกันคะ”
เธอยิ้มให้เขาแล้วเดินออกไป วรรษชลมองตามเธอแล้วอมยิ้ม ท่าทางสบายใจ
เบอร์รี่ยิ้มตาวาว พออรัญภัทรเดินออกไปข้างนอกลับสายตาไป เบอร์รี่ก็ออกมาจาก
ที่ซ่อน ทำท่าจะแกล้งลื่นล้ม แต่ต้องชะงักเมื่อวรรษชลหยิบมือถือขึ้นมากด สายตาเขาไม่ได้มองมาทางเบอร์รี่เลย
พิมพิชชากำลังง่วนกับการเอารูปตัวเองไปวางอยู่ตามมุมต่างๆของบ้าน ทำมือทำไม้เหมือนกับเป็นช่างภาพ หน้าระรื่นยิ้มร้าย
“ไม่ว่าช่างภาพจะถ่ายตรงไหน จะต้องเห็นหน้าเราทุกมุม” สีหน้านางมีความหวังมาก
เสียงมือถือดังลั่น นางทำหน้าจิ๊จ๊ะ ก่อนเดินตรงมายังมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ น้ำเสียงบอกว่ารำคาญมาก
“เห็นมือถือแล้วเจ็บใจชะมัด แกทำให้ฉันต้องซื้อมือถือใหม่เลยนังเบอร์รี่” นางดูเบอร์มือถือ เห็นเป็นชื่อวรรษชล ก็กระชากเสียง รับสาย
“อะไรของคุณอีกคะวรรษ หมู่นี้โทร.มาเซ้าซี้พิมซะจริง ถ้าจะมาง้อขอคืนดี พิมยังไม่พร้อมที่จะคุยตอนนี้ค่ะ เพราะพิมยังจำภาพที่คุณเข้าข้างนังเอี๊ยมได้ คุณไม่เห็นหัวพิมแม้แต่นิดเดียว”
วรรษชลถอนหายใจยาว
“พิม..ฟังผมก่อนได้มั้ย”
เบอร์รี่ได้ยินชื่อพิม รีบควักมือถือออกมาถ่ายคลิปวรรษชลเอาไว้
“พิมไม่ฟังค่ะ คุณเข้าข้างนังเอี๊ยม คุณฉีกหน้าพิม ต่อหน้าทุกคน แล้วคุณจะมาขอโทษพิม มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคะ”
วรรษชลท่าทางอ่อนใจมาก
“พิม...คุณฟังผมก่อนได้มั้ย?ผมบอกแล้วไงมีเรื่องสำคัญ”
“ไม่!”
“นะพิมนะ....เรื่องนี้มันสำคัญกับคุณจริงๆ”
“รู้ค่ะ..ว่าพิมสำคัญกับคุณ ไม่งั้น คุณคงไม่โทร. มาหาพิมด้วยประโยคเดิมๆ คำพูดเดิมๆหรอก รู้มั้ยคะวรรษ...คุณเป็นคนน่าเบื่อ...ตรงที่ชอบทำอะไรเหมือนๆเดิม ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าจะกลับมาคืนดีกับพิม....ช่วยคิดอะไรให้มันเข้าท่ากว่านี้หน่อยค่ะ แค่นี้นะคะ...พิมยังไม่ว่างจะไปพบคุณค่ะ”
พิมพิชชาวางสาย วรรษชลวางสายแบบไม่เข้าใจปนขำเล็กๆว่าพิมคิดไปถึงไหนต่อไปได้ยังไง เบอร์รี่ยิ้มขำ ขณะที่วรรษจะเดินเข้าไปด้านใน เบอร์รี่เห็นก็รีบเก็บมือถือ แล้วปล่อยตัวทิ้งร่างลงกับพื้นร้องเสียงดัง
“ว้าย!”
วรรษชลตกใจหันมามอง
“เบอร์รี่”
เขารีบวิ่งมาประคองเบอร์รี่ทันที
ด้านหน้าบริษัทวรรษ อรัญภัทรเดินออกมาด้านนอก แล้วทำท่านึกได้ ได้แต่พึมพำถามตัวเอง
“ถ้าเรากลับไปแล้วคุณวรรษไปหานังพิมล่ะ”
คิดได้ดังนั้น เธอก็สาวเท้ากลับเข้าไปด้านในรวดเร็ว
ทางด้านใน วรรษชลประคองเบอร์รี่ที่แสดงอาการท่าทางเจ็บปวดให้นั่งลงบนโซฟา
“หนูขอโทษนะคะ...พอดี....อาการยังไม่ค่อยดีน่ะค่ะ เลยหน้ามืดนิดหน่อย”
“ไปให้หมอเช็กอาการหน่อยมั้ย”
เบอร์รี่แอ๊บหน้าหมองๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ...แต่วันนี้หลังจากที่หนูเตรียมอาหารกับของว่างไว้ให้พี่วรรษกับทีมงานในห้องตัดแล้วหนูจะขอตัวเข้านอนเลยนะคะ หนู..หนูไม่ไหวจริงๆค่ะ”
“เห้ย...ไม่ต้องเตรียมอะไรไว้ก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง เราไปพักเถอะ”
“ไม่ได้ค่ะ พี่วรรษมีบุญคุณกับหนู หนูต้องดูแลพี่วรรษให้ดีที่สุด ขอหนูได้ดูแลผู้มีพระคุณของหนูนะคะ”
อรัญภัทรเดินเข้ามาเห็นทั้งคู่ก็เหวอในทันที ผู้หญิงด้วยกันดูกันออกว่า เบอร์รี่คิดจะทำอะไร
วรรษชลพยักหน้ารับคำของเบอรี่แบบเจื่อนๆเพราะคำพูดของเบอร์รี่แบบละครมาก
“ขอบคุณมากค่ะพี่วรรษ” เบอร์รี่โน้มตัวมาใกล้ไหว้เข้าที่หน้าอกของวรรษชล
เบอร์รี่เหลือบมอง เห็นเท้าของอรัญภัทรเข้ามา ก็ผละจากเขาแอ๊บหน้าซื่อ
“หนูสัญญา....ว่าหนูจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ จะได้รับใช้พี่วรรษได้เหมือนเดิมค่ะ”
นางเอกสาวเริ่มหมั่นไส้เบอร์รี่ ถามยิ้มๆ
“ซ้อมละครเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ”
เบอร์รี่แกล้งทำเป็นหันมามอง สะดุ้งนิดนึงเหมือนเพิ่งเห็น ก่อนยกมือไหว้ ยิ้มเรียบร้อยเดินออกไป วรรษชลเห็นเธอก็ยิ้มเป็นปกติตอบกลับ
“เมื่อกี้น้องเค้าสะดุดจะล้ม ผมก็เลยเข้าประคองไว้ ว่าแต่คุณลืมอะไรไว้รึเปล่าครับ ทำไมถึงกลับเข้ามา”
“แอ๊คติ้ง...เล่นละครชัดๆ ผู้หญิงกับผู้หญิงดูกันออกค่ะ เอาเป็นว่า...คืนนี้เอี๊ยมอยู่ที่นี่ดีกว่า”
วรรษชลตกใจ
“เอี๊ยมครับ ผมต้องทำงาน แล้วคุณจะอยู่กับใคร”
เธอหัวเราะ
“คุณก็ทำงานของคุณไป....เอี๊ยมก็นั่งเล่นของเอี๊ยมไป ไปค่ะ” พูดจบก็ดึงมือวรรษชลจะพาเข้าไปข้างใน
“ผมว่า...คุณอยู่กับผมทั้งวันมันจะไม่เหมาะนะครับ ผมกลัวว่าถ้ามีข่าวออกไปมันจะไม่ดีกับตัวคุณนะเอี๊ยม”
เธอยิ้มหวาน
“ไม่มีอะไรไม่ดี และก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะคะ เพราะเอี๊ยมหวงคุณ...ไปค่ะ”
เธอดึงเขาเข้าไปด้านใน โดยที่วรรษชลยังมีอาการพะว้าพะวังเป็นห่วงภาพลักษณ์ของนางเอกอย่างเธออยู่ เบอร์รี่แอบมองอยู่เบ้ปาก ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์เดินออกไป
ป้าไก่ง่วนกับการพิมพ์งานในโน้ตบุ๊ก เสียงมือถือดัง ป้าไก่หยิบมาดู เห็นภาพอรัญภัทรป้อนผลไม้วรรษชล ป้าไก่ยิ้มแสยะปาก ยังไม่ทันทำอะไรเสียงมือถือก็ดัง
ป้าไก่รีบรับสาย
“ว่าไงหนู”
“พี่ไก่เห็นรูปของพี่เอี๊ยมกับพี่วรรษแล้วใช่มั้ยคะ”
“จ้ะ...อย่างนี้แหละ เป็นหลักฐานเล่นข่าวได้เลย” ป้าไก่น้ำเสียงหยามหยัน “ด่าผู้ชายเลวกว่าหมา...มาตอนนี้ อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่น ถึงขั้นมาขลุกอยู่กับผู้ชายทั้งวันทั้งคืน”
เบอร์รี่ยิ้มสะใจที่อรัญภัทรโดนด่าก่อนแอ๊บบอก
“แต่หนูก็กังวลใจ ถ้าพี่พิมรู้ จะเป็นเรื่องอะไรอีกรึเปล่า ก็ไม่รู้”
“อะไร?ยังไง คุณวรรษกับเค้าพิม เค้าไม่มีอะไรกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
เบอร์รี่อ้อมๆแอ้มๆแต่ยิ้ม
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ....แต่เหมือนช่วงนี้จะเห็นพี่วรรษโทร. หาพี่พิมอยู่บ่อยๆ สงสัย”
“เร้อะ?” ป้าไก่ยิ้มตื่นเต้น
เบอร์รี่เสี้ยมทันที
“นี่หนูยังลุ้นอยู่เลย...ว่าถ้าพี่พิมรู้...จะเป็นยังไง?...เอ๊!!หรือพี่ไก่ จะบอกพี่พิม คืนนี้เลยคะ?? พรุ่งนี้จะได้มีหลายๆข่าวในงานเดียว”
ป้าไก่หัวเราะแบบรู้ทัน
“จะให้พี่เบี่ยงเบนความสนใจเรื่องเรางั้นสิ.... งั้นเดี๋ยวพี่จะนัดคุณพิมออกมาคุย แล้วจำไว้นะเบอร์รี่...ที่พี่ทำทั้งหมดเพราะช่วยหนู...ได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมนักข่าวผู้มีพระคุณอย่างพี่ล่ะ”
“แน่นอนค่ะพี่ไก่ ต่อไป ถ้าหนูดัง พี่ไก่สั่งอะไร หนูยอมทั้งนั้นค่ะ”
“ดีมาก”
ป้าไก่และเบอร์รี่ต่างอมยิ้ม ต่างคนต่างหลอกใช้กันและกัน
ป้าไก่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าฉันรู้นะเบอร์รี่....ว่าเธอจะทำอะไร”
ในเวลากลางคืน เบอร์รี่ค่อยๆย่องออกไปด้านนอกของบริษัท โดยไม่มีใครรู้
ร้านกาแฟในเวลาเดียวกัน พิมพิชชาถามป้าไก่เสียงห้วน
“นัดฉันมาทำไมดึกดื่น”
ป้าไก่ยิ้มกวน
“แต่คุณก็มา...เพราะนักข่าวนัด ตามประสาคนอยากเป็นข่าว”
พิมพิชชาหน้าบึ้ง ตาเขียวก่อนจะยิ้ม
“ถ้าจะเรียกฉันมาเพื่อพูดเรื่องแค่นี้ ฉันขอตัว เพราะถึงยังไงพรุ่งนี้...ฉันก็ต้องเป็นข่าวอยู่แล้ว...อ้อ...หรือว่ามือถือพังยังไม่พอ อยากจะให้หน้าพังด้วย ฉันยินดีจัดให้”
ป้าไก่ทำตาเขียว เถียงไม่ทัน นางยิ้มทำหน้ายั่ว
“นี่...ถามจริงๆเถอะ ไม่รู้สึกอายบ้างเลยเหรอ กระหายข่าว อยากได้เงิน ทำได้แม้กระทั่งเอาศักดิ์ศรีของตัวเองแลกกับเรื่องของชาวบ้าน” นางตบโต๊ะค่อนข้างแรงแบบขู่
“อ้าว...พูดแบบนี้ ไม่คิดว่ากำลังกลืนน้ำลายตัวเองอยู่เหรอคุณพิม...คุณมันก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับการถูกเป็นข่าวเหมือนกัน...แต่น่าเสียดาย ที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่มีใครสนใจ”
“หยุดปากเสียได้แล้วนะ นี่ ถ้าฉันไม่แน่จริง...ฉันคงเอาตัวเข้ามาในแวดวงไฮโซไม่ได้หรอก วันนี้ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างป้าหรอกนะ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้เช้าก่อนแถลงข่าว ฉันจะกรวดน้ำมาให้แล้วกัน เผื่อป้าจะหยุดปากเสียลงได้บ้าง จะได้ไม่เป็นภาระกับลูกหลานต่อไป”
พิมพิชชาก็ลุกขึ้นยืน จะเดินออกไป ป้าไก่รีบเรียก
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“ตอนนี้ คุณเอี๊ยมอยู่กับคุณวรรษ”
พิมพิชชายิ้ม
“แล้วไง”
“คุณไม่อยากรู้เหรอ ....ว่าเค้าอยู่ลำพังกันสองต่อสองคนมันจะเป็นยังไง”
“ไม่อยากรู้...เพราะไม่ใช่ป้า ที่จะได้ตามแต่เผือกเรื่องชาวบ้าน”
พิมพิชชาสะบัดหน้าเดินออกไป ป้าไก่แทบเต้น
“นัง...นัง...นัง....โอ๊ย ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้ว ฮึ๊ย!”
ท่าทางป้าไก่โมโห ขัดใจพิมพิชชาสุดๆ
พิมพิชชาเดินมายังรถของตัวเองที่จอดอยู่ หน้าหงิก
“โทร.มาง้อเรา แต่เรียกนังเอี๊ยมไปอยู่ด้วย...วรรษเป็นคนอย่างนี้ได้ยังไง”
นางเดินมาขึ้นรถ ปิดประตูดังปัง ท่าทางไม่ยอม ก่อนขับรถปื้ดไป
ฝ่ายเบอร์รี่ลงจากมอเตอร์ไซค์วินตรงไปยังประตูรั้วบ้าน เห็นว่ารถของพิมไม่อยู่ เบอร์รี่ยืนลับๆล่อๆ มองเข้าไป...จะเข้าไปยังไงดี
อนงค์ที่เดินมาตรวจตราความเรียบร้อยตอนกลางคืนเห็น ก็เขม้นตามอง
เบอร์รี่รีบบอก
“พี่อนงค์..หนูเอง”
“อ้าว!เบอร์รี่ มีอะไร”
เบอร์รี่ยิ้ม
“หนูมาเอาของใช้ส่วนตัวน่ะค่ะ”
“เราขนเอาไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ของใช้ส่วนตัวของพี่เอี๊ยมน่ะค่ะ”
“แปลว่าอะไร”
“ตอนนี้...หนูอยู่กับพี่เอี๊ยมค่ะ”
“หา!” อนงค์ดีใจอย่างมากๆ
อนงค์เดินนำเบอร์รี่เข้าไปในบ้าน ตรงไปยังห้องเอี๊ยม พลางบอก
“ขนไปเยอะๆเลยนะ ทั้งเสื้อผ้า ข้าวของ รองเท้า เผื่อคุณเอี๊ยมอยากได้อะไร จะได้มีพร้อมให้เธอเลย”
เบอร์รี่แอ๊บทำซื่อ
“ค่ะ แต่พี่อนงค์อย่าบอกใครนะคะว่าหนูมาที่นี่...หนูกลัวเรื่องจะไปถึงหูพี่พิม แล้วพี่เอี๊ยมจะเดือดร้อน”
“เดือดร้อนทำไม ก็ในเมื่อบ้านนี้เป็นบ้านของคุณเอี๊ยม”
“หนูรู้ค่ะ แต่พี่พิมต้องโกรธแน่ๆ ที่หนูย้ายข้าง มาอยู่กับพี่เอี๊ยมน่ะค่ะ”
เบอร์รี่ทำตาแบ๊ว แอ๊บซื่ออย่างที่สุด อนงค์ถอนหายใจบอก
“ฉันไม่บอกหรอก...อ้อ!แล้วต่อไปไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่.....ไม่ต้องมาประจบ ฉันไมได้บ้ายอ ผมหงอกฉันมากกว่าผมดำแล้ว มาเรียกพี่ ...ฉันอาย” อนงค์เดินไป
เบอร์รี่เบ้ปากตามแล้วกระแทกเสียงประชด
“ค่ะป้า”
อนงค์หันมา ตาเขียว เบอร์รี่แอ๊บแบ๊วยิ้มซื่อให้ อนงค์ส่ายหน้าเดินออกไป ทันทีที่อนงค์ลับ
หายไป เบอร์รี่ก็มีท่าทีหลุกหลิก พูดเบาๆ
“นังพิมมันเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดไว้ไหนวะ”
พิมพิชชาขับรถมาจอดหน้าบริษัทวรรษชล ท่าทางถือดีเอาเรื่อง มองจ้อง
“ถ้าแกอยู่ที่นี่กับวรรษจริง ฉันจะส่งรูปแกให้นักข่าวเลย นังเอี๊ยม”
อรัญภัทรได้ยินเสียงรถมาจอดก็ชะโงกหน้ามอง ท่ามกลางความมืด เธอเห็นรถ พลางพึมพำ
“รถนังพิม! อย่าบอกนะว่ามันมาหาวรรษถึงที่นี่”
เธอลุกพรวดไปทันที
พิมพิชชากำลังจะเดินเข้ามาในออฟฟิศ แต่ต้องชะงัก เมื่ออรัญภัทรเดินออกไป สองสาวมองจ้องหน้ากันท่าทางเป็นศัตรูเปิดเผย เอี๊ยมยิ้มจ้องหน้าพิมบอก
“แหม... นึกว่าใคร ที่แท้ก็นางพญาปลวกนี่เอง”
“หึ...ทำเป็นปากดี...เก็บปากไว้ตอบคำถามนักข่าวดีกว่าไหมแม่ซุปตาร์ปากไม่มีหูรูด”
เอี๊ยมตาวาว ถูกพิมพิชชาย้อน
“แกมาที่นี่ทำไม”
“ที่นี่เป็นที่ที่ฉันเคยมา...ก่อนเธอ...ทำไมฉันจะมาไม่ได้”
คำพูดของพิมพิชชาเหมือนจี้ใจดำ เรื่องที่เธอกำลังระแวงวรรษชล พิมพิชชาหัวเราะบอกต่อ
“ไม่ต้องตกใจ ที่ฉันมานี่...ฉันไม่ได้มาเก็บรองเท้าที่ฉันถอดทิ้งไปแล้วหรอก...ฉันแค่มาดูคนหน้าด้าน” ว่าแล้วนางก็ยกมือถือขึ้นถ่ายหน้าเอี๊ยมทันที
“อะไรของเธอ”
เธอจะปัดมือถือแม่เลี้ยงออก นางเบี่ยงหลบอย่างเร็วบอก
“ปากก็ด่าผู้ชาย แต่เอาเข้าจริงเธอก็คันชนิดคาราไมล์ยกโหลยังช่วยไม่ได้”
เธอตาวาวโกรธ พิมบอก
“พรุ่งนี้งานแถลงข่าวของฉัน ฉันจะแฉนังสตรอเบอร์รี่ รวมทั้งแฉเธอด้วย นังเอี๊ยม”
เธอสะบัดหน้าเดินออกไปเลย ไม่ได้สนใจวรรษชล อรัญภัทรได้แต่ยืนหงุดหงิดในใจที่สุด
ทางด้านเบอร์รี่กวาดสายตาและรื้อค้นหาภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมบ่นพึมพำ
“นังพิมมันเอาไปไว้ไหนวะเนี่ย”
บนโต๊ะมีแต่คอม ที่ปิดหน้าจอ แต่มีแฟลชไดร์ฟคาอยู่
“ร้านเกมส์ ร้านคอม น่ะ ที่สิ่งสถิตของฉันโว้ย”
เบอร์รี่ กดคอมฯ
“สาธุ ขอให้ใช่”
ภาพก็ปรากฏ เบอรี่ กำลังร้องโวยวาย ในที่สุด เธอก็พบหลักฐานชิ้นสำคัญที่กำลังตามหา เบอร์รี่ยิ้มร้ายก่อนจะจับเมาส์ และคลิกลบภาพวงจรปิดจากแฟลชไดร์ฟทั้งหมด หัวเราะออกมาเบาๆพลางว่า
“พรุ่งนี้แกต่างหากที่จะเป็นฝ่ายอับอายขายขี้หน้า ไม่ใช่ฉัน นังพิมพิลาจัญไร !!555W
อ่านต่อหน้าที่ 3
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 12 (ต่อ)
วันใหม่ ในบ้านของอานนท์ พิมพิชชากำลังนั่งให้ช่างหน้าช่างผมแต่งตัวให้ นางมองกระจกติโน่นตินี่
“เติมตรงนี้หน่อยดีมั้ยคะ? นี่ค่ะๆๆรอบๆดวงตา ไม่แรงๆร้ายๆเลย อย่างนี้เวลาแถลงข่าว เดี๋ยวจะกลายเป็นพิมดูไม่มีพลัง” นางเอียงซ้ายเอียงขวามองไปเรื่อย พูดไปเรื่อย
“เอ๊...ทำไมดูแก่ๆ ไม่แบ๊วเลย แต่งหน้าให้พิมดูแบ๊วๆหน่อยสิคะ เดี๋ยวเสียคอนเซ็ปต์พิมหมด”
ช่างหน้างง
“คือคุณพิมจะเอาอะไรกันแน่คะ แรงๆร้ายๆหรือ แบ๊วๆ”
ช่างผมบอก
“นั่นน่ะสิ...สรุปมาซักแบบ นี่ทั้งหน้าทั้งผม ทำมาตั้งแต่ตี 5 ยังไม่เสร็จซักที”
พิมพิชชามองนาฬิกา
“นี่มันแค่ 9 โมงเอง กว่าจะแถลงข่าวตั้งบ่าย 3 เรายังมีเวลาอีกเยอะค่ะ”
เธอลุกเดินไปคุยอีกฝั่งที่มีเสื้อผ้ามากมาย เลือกชุดพลางถามคอสตูมทีละชุด
“ชุดนี้เป็นไงคะ? /ชุดนี้ดีมั้ยคะ? /ชุดนี้ล่ะ? /ชุดนั้นล่ะ ถ้ารวมกับเสื้อผ้าหน้าผมโอเคมั้ยคะ”
คอสตูมถาม
“หรูไปมั้ยคะ”
“ก็พิมอยากเด่น อยากหรู”
“ตกลง...งานอะไรกันแน่คะ”
“ก็แถลงข่าวไง”
คอสตูมยิ้มแหยๆ
“เลือกชุดซะนึกว่าคุณพิมจะแต่งงานใหม่ งานแถลงข่าว เอาแบบเก๋ๆเท่ๆ casual สบายๆ”
“ไม่ได้ พิมเสียเงินจ้างนักข่าวมางานนี้ตั้งเท่าไหร่ พิมต้องเยอะ”
นางหน้างอ ช่างหน้าผม คอสตูม ได้แต่มองตากันปริบๆ
บริเวณที่นั่งเล่นในคอนโดฯ ป้าไก่กำลังจะไปงานแถลงข่าวพิมพิชชา ขณะเดินออกไป แต่ต้องชะงักที่เห็นอรัญภัทรหน้าหงิกแบบกลุ้มใจมาก ขณะที่เจ๊เต่าก็หน้างอไม่แพ้กัน เจ๊เต่ายื่นหนังสือพิมพ์แทบจะชนหน้าอรัญภัทร เธอเบนหน้าออก เหมือนไม่สนใจ แต่เจ๊เต่าไม่ยอม
ป้าไก่ยืนมองทันที เจ๊เต่าว่า
“ไหนเอี๊ยมบอกไม่มีอะไรกับคุณวรรษ แล้วปล่อยให้มีภาพแบบนี้หลุดออกมาได้ยังไง”
เธอยังไม่ดูภาพแต่เถียง
“มันจะเป็นอะไรคะเจ้ ก็แค่ไปหาคุณวรรษ นังพิมมันก็ถ่ายได้แค่หน้าเอี๊ยมกับออฟฟิศคุณวรรษก็เท่านั้น”
เจ๊เต่าน้ำเสียงเยาะๆ
“เหรอ?...ถ่ายได้แค่หน้าเอี๊ยมกับออฟฟิศคุณวรรษเหรอ แต่รูปนี้มันไม่ใช่นะจ้ะ”
เธอหันมามองเจ้เต่าแบบงงๆ เจ๊เต่าเสือกหนังสือพิมพ์ให้
“อยากรู้ก็ดู...แล้วที่นสพ.เค้าจะเอาขึ้นหน้า 1 ก็ไม่ต้องไปโกรธเค้าล่ะ เพราะเอี๊ยมทำตัวเอง”
เอี๊ยมยิ่งงง รีบคว้านสพ.มาดู เป็นภาพที่เธอป้อนผลไม้วรรษชลอย่างใกล้ชิด คือดูก็รู้ว่าสองคนคบหากัน เธอตกใจมาก
“เฮ้ย!ใครแอบไปถ่ายตอนไหน เนี๊ยะ”
ป้าไก่ยืนมองอยู่นาน เดินยิ้มเข้ามา
“ใครถ่ายอะไรตอนไหนยังไง อย่าไปรู้เลย รู้แค่ว่า...ป้าเป็นคนเอารูปพวกนี้ไปลงเอง” ป้าไก่ยิ้มทำหน้าตาเยาะเย้ย
“ป้า” เธอผุดลุกขึ้นแบบโกรธจัด
ป้าไก่หน้าดุไม่ยอม
“ดึงสติกันนิ้ดนึงนะจ้ะเอี๊ยม อย่าเพิ่งโกรธ ก็เอี๊ยมเป็นคนท้าป้าทุกครั้งไม่ใช่เหรอ? เอี๊ยมเป็นคนท้าทายนักข่าว ด่าผู้ชายอยู่ตลอด แล้วทีนี้...จะกลัวอะไรกับการเป็นข่าว ในเมื่อ เอี๊ยมทำจริงๆ”
เธอโกรธป้าไก่จนกำมือแน่น ป้าไก่มองหน้าเธอ พูดต่อ
“หน้าตาดีไม่ใช่ปัญหา แต่ปากหมาควรรักษาให้หาย จะได้เป็นดาวค้างฟ้า ไม่ใช่พลุที่ดังแค่ข้ามคืน แล้วพอหล่นลงมาก็มีคนเหยียบซ้ำ” ป้าไก่เดินไป
เจ๊เต่ารีบเรียกอ้อนวอน
“ป้าไก่...เดี๋ยวก่อน”
ป้าไก่หันมามองเจ๊เต่าจริงจัง
“เต่า...ฉันกับเธอเป็นเพื่อนกันมานาน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยเหลือกันมาก็เยอะ สร้างข่าว เพื่อสร้างเด็กกันมาก็เยอะ ฉันไม่เคยคิดจะเอาเรื่องเธอ แต่เด็กของเธอก้าวร้าว ด่าคนอื่นเค้าไปทั่ว พูดก็พูดเถอะ หลุดจากตำแหน่งนางเอกเมื่อไหร่ จะมีปัญญาที่ไหน ทำอะไรกิน และฉันก็จะทำให้เด็กของเธอ หลุดจากตำแหน่งนางเอก วันนี้แหละเต่า....เจอกัน งานแถลงข่าวคุณพิม อ้อ!แล้วถ้าไม่ไป จะดูออนไลน์ก็ได้นะ ช่องฉันถ่ายทอดสดออนไลน์เลยจ้า” ป้าไก่เดินออกไปเลยไม่สนใจ
อรัญภัทรหน้าซีด เจ๊เต่าก็หน้าซีด หันไปดุ
“เอาสิเอี๊ยม...ปากดีต่อไปสิ...เห็นผลแล้วใช่มั้ย เป็นศัตรูกับคนเค้าไปทั่ว ผลมันเป็นยังไง ไม่มีใครคิดจะปกป้อง มีแต่คนเหยียบซ้ำ ไม่ใช่ป้าไก่คนเดียวนะ ยังมีคุณพิมอีกคน ที่เค้าจ้องจะเล่นเธอ” เจ๊เต่าพูดแบบโกรธสุดๆเอี๊ยมหน้าหงิก เครียดมาก
ภายในบ้าน พิมพิชชาแต่งตัวเริ่ดหรูอลังการ เกินกว่าจะเป็นงานแถลงข่าวทั่วไป นักข่าวมากัน
เยอะแยะ พิมพิชชายิ้มแก้มแทบแตก บอก
“ก่อนอื่นพิมต้องขอบคุณพี่ๆน้องๆนักข่าวทุกท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่า มาฟังเรื่องของพิม”
ป้าไก่พูดออกมาแบบขำๆแต่ตั้งใจฉีกหน้า
“ที่พวกเรามา เพราะคุณพิมบอกว่า จะแฉน้องเอี๊ยมน่ะค่ะ เรื่องไม่ฮอต ไม่ดัง...พวกเราก็ไม่มา
หรอก”
“ไหนๆก็มากันแล้ว..ช่วยฟังพิมก่อนนะคะ ที่พิมเชิญพี่ๆน้องๆทุกคนมาในวันนี้เพราะข่าวมันแรงมาก ที่มีข่าวว่าพิมถูกจับกุมข้อหาพยายามฆ่า มันไม่เป็นความจริงนะคะ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น น้องเบอร์รี่เค้าทำตัวเองค่ะ...รับรองใครเห็นคลิปนี้ จะต้องได้ข่าวใหญ่แน่นอน”
ป้าไก่แอบเบ้ปาก นักข่าวฮือฮากันยกใหญ่ ถามพิมทำนองเดียวกันเสียงเซ็งแซ่
“จริงเหรอคะ-ครับคุณพิม”
นางยิ้มหวาน
“จริงค่ะ...ส่วนเรื่องของคุณเอี๊ยม พิมไม่ยุ่งดีกว่า เพราะตอนนี้ทุกคนคงได้เห็นภาพหลุดคุณเอี๊ยมกันไปหมดแล้ว”
“งั้นหลักฐานที่ว่าหนูเบอร์รี่ทำตัวเอง เอามาแฉเลยค่ะ”
“ได้เห็นกันแน่นอนค่ะ.” นางยิ้ม ขณะกดคลิกไฟล์ให้ดู
ขณะนั้น เบอร์รี่ที่ดูออนไลน์อยู่ ยิ้มแบบไม่ยี่หระ เช่นเดียวกับพิมพิชชาที่ยิ้มหวาน
“ถ้าพร้อมแล้ว....ดูกันให้ชัดๆเลยนะคะ...ว่าใคร...ทำตัวเอง”
เบอร์รี่หลุดหัวเราะคิกคักออกมา นักข่าวหัวเราะเสียงดัง
ป้าไก่ร้องลั่น แกมหัวเราะถาม
“นี่คุณพิมเปิดไฟล์ผิดหรือว่าจะให้พวกเรามาดูหนังตลกคะ”
นางงง
“หนังตลกอะไร” นางหันไปดูที่หน้าจอตกใจ “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้...อร้าย”
นางพยายามจะกดหาไฟล์นั้น แต่ก็ไม่มีคลิปอื่นแล้ว
“ใคร...ใคร...ต้องมีใครแกล้งฉันแน่ๆ”
เบอร์รี่หัวเราะก๊าก
คืนนั้น นอกจากเบอร์รี่ลบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ยังโหลดหนังเอวีใส่ลงแทน
ป้าไก่หัวเราะขำอีก
“ใครจะแกล้งคุณพิมคะ? ก็คุณพิมเป็นคนเตรียมงานเองทั้งนั้น”
พิมพิชชาหน้าซีด ตรวจดูแฟลชไดร์ฟก็เห็นเป็นอันเดิม นางเถียงหน้าซีดปากสั่น
“ฉันมีภาพเด็กนั่น แกล้งตกบันไดเองจริงๆนะ แล้วเรื่องที่มันทำนมหลุดทั้งเต้า มันก็เหยียบชายกระโปรงตัวเอง ฉันถ่ายคลิปมันไว้ด้วย”
“ก็แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“ก็มันขโมยมือถือฉันไปแล้วไง”
ป้าไก่หัวเราะเยาะ
“โอ๊ย! ทำไมทุกอย่าง มันจงใจที่จะทำร้ายคุณพิมจังเลยคะ? เอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ดู ก็กลายเป็นหนังตลกแทน...หลักฐานที่น้องเบอร์รี่เหยียบชายกระโปรง มือถือก็ถูกน้องเบอร์รี่ขโมยไป โลกช่างไม่เข้าข้างคุณพิมจริงๆ เอ๊ะหรือว่าเป็นมุขใหม่ของการอยากเป็นข่าวเหรอคะ? เพราะที่ผ่านมา คุณพิมจะทำยังไงก็ไม่มีคนสนใจ เอาเป็นว่าคราวนี้ ได้เป็นแน่ๆค่ะ....แต่ข่าวจะออกมายังไง คุณพิมก็รออ่านเองแล้วกัน”
ป้าไก่ยิ้มเย้ย พิมพิชชาได้แต่หน้าซีด อยากจะกรี๊ดแต่ไม่กล้า !
เวลาต่อมา พิมพิชชาปิดประตูห้องนอนดังโครมแล้วเดินไปกระชากอาละวาดทำลายข้าวของทุกอย่างใน
ห้อง ท่าทางหัวเสียมาก
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย แอร้ย” นางหัวฟูคิดหนัก ก่อนคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “หึ...ถึงไฟล์นี้จะหายไป แต่ไฟล์ต้นฉบับ...ยัง...อยู่...หึ” นางยิ้มร้าย
ป้าไก่เดินอยู่กับนักข่าว นักข่าวรุ่นน้องบอกป้าไก่
“แต่ละเรื่องแซ่บขนหัวลุกเลยนะป้า”
ป้าไก่หัวเราะ
“เค้าถึงได้เรียกว่า วงการบันเทิงยังไงล่ะ มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นให้ผู้คนที่ตามข่าว ได้บันเทิงตลอด” ป้าไก่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “และคิวต่อไป...ก็จะเป็น....” ป้าไก่ยิ้มร้าย
ต่อมา พิมพิชชากำลังโวยวายให้เจ้าหน้าที่คอนโดฯ
“พิมขอร้องเถอะนะคะ ถ้าไม่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดไปยืนยันความบริสุทธิ์ ชีวิตพิมต้องพังแน่ๆเลยคะ ขอให้พิมอีกซักครั้งเถอะนะคะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ มันเป็นกฏระเบียบที่กำหนดไว้ว่าห้ามนำภาพจากกล้องวงจรปิดออกเผยแพร่ หากใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษด้วยการให้ออก คราวที่แล้วที่ผมให้คุณไป ผมต้องถูกติดทัณฑ์บนแถมโดนหักเงินไปอีกต่างหาก คราวนี้ผมถึงให้ไม่ได้จริงๆครับ”
พิมพิชชายกมือไหว้อย่างน่าสงสาร
“ให้ภาพนั้นกับพิมเถอะนะคะ จะให้พิมจ่ายเท่าไหร่พิมก็ยอม พิมขอร้อง ขออีกแค่ครั้งเดียวเอง นะคะ”
“ไม่ได้จริงๆครับ ยังไงก็ไม่ได้ครับ อย่าให้ผมต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้อีกเลยนะครับ ผมขอตัวก่อนครับ”
เจ้าหน้าที่เดินไป พิมมองตามอย่างเจ็บใจ
“เดี๋ยวก่อนสิคะ เดี๋ยวก่อน....ปัดโธ่เว้ย...ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้นะ...อร้าย”
ตอนกลางคืน ในห้องนอน อรัญภัทรหน้าเครียดมาก เสียงมือถือดัง เอี๊ยมรีบรับ ใจคอไม่ดี
“คุณวรรษ”
วรรษชลอยู่ที่ออฟฟิศ หน้าเครียด
“ไม่มีอะไรนะเอี๊ยม ใจเย็นๆ”
“แต่ภาพที่หลุดออกมา แปลว่า...ต้องมีคนตั้งใจที่จะแอบถ่ายเอี๊ยม ทำลายเอี๊ยม”
เจ๊เต่าผ่อนลมหายใจแบบเบื่อมาก ขณะที่วรรษชลบอกเอี๊ยม
“น้องๆทีมงานผม ไว้ใจได้ทุกคน ไม่มีใครทำเรื่องนั้นแน่ๆ”
เธอหน้ายุ่ง
“แล้วใคร?...ใครเป็นคนทำ”
“มันไม่สำคัญหรอกเอี๊ยมว่าใครเป็นคนทำ ประเด็นมันอยู่ที่เราจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
“เอี๊ยมไม่รู้ แค่นี้ก่อนนะคะ เอี๊ยมปวดหัว” เธอวางสายไม่มีมารยาท ไม่ได้คิดถึงใจเขาเลย
วรรษชลอึ้ง รู้สึกแปลกๆกับท่าทีของเธอแต่ก็อดห่วงไม่ไดอยู่ดี
อรัญภัทรหน้าเครียด เวฬุยาเดินมาลงนั่ง บอก
“เรื่องนี้ไม่เห็นต้องคิดอะไรเยอะเลย”
เขมปัญฑานั่งดมยาดม
“แปลว่าอะไรมะม่วง”
“ก็คนที่ทำคือยัยเด็ก เบอรี่ นั้นไง”
เธอเริ่มคิดตาม
“จริงเปล่าล่ะ เธอเพิ่งรู้จักกับยัยเบอรี่ไม่กี่วันก็มีเรื่อง และที่สำคัญ...ฉันเห็นแม่เบอรี่นั่นนั่งคุยกับป้าไก่ในร้านกาแฟ ....ฉัน โทร.หาเธอ เธอก็ไม่รับ”
ทุกคนอึ้ง พอฟังเวฬุยาเล่า เข้าใจความรู้สึกเวฬุยาเลย
เจ๊เต่าอึ้ง เวฬุยาทำเสียงอ่อนใจมาก
“เจ๊..เจ๊อยู่วงการนี้มากี่ปี ...เจ้ยังจะเชื่อใจ คนในวงการมายาอีกเหรอ ฮึ”
“เชื่อ...เพราะเจ๊ไม่อยากด่าอาชีพของตัวเอง คนดี คนเลว มันก็มีทุกกลุ่มอาชีพนั่นแหละ”
“งั้น..อย่างแรก เจ๊ไปขอดูกล้องวงจรปิดวันเกิดเรื่องเลยมั้ย จะได้รู้ ยัยเด็กมิกซ์เบอร์รี่ มันจะสตรอเบอร์รี่ อย่างที่คุณพิมให้ข่าวหรือเปล่า”
ทุกคนมองหน้ากัน ท่าทีเห็นด้วย เขมปัญฑาเดินเข้ามาพอดี มองทั้งสามคนแบบสงสัย
“กล้องวงจรปิดอะไรกันเหรอคะเจ๊”
ทั้งสามมองหน้าเขมปัญฑาแบบว่า เดี๋ยวก็รู้ว่าวงจรปิดอะไร
ภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นเป็นเบอร์รี่พลัดตกบันไดเองจริงๆแล้วก็เห็นเป็นภาพเบอร์รี่กำลังควานเอามือถือของพิมมาเก็บเอาไว้
ทุกคนตะลึง คาดไม่ถึง ยกเว้นเวฬุยา
“เป็นอย่างที่คุณพิมให้ข่าวจริงๆด้วย” เจ๊เต่าบอก
“เชื่อรึยึงล่ะว่าเด็กเบอรี่นั่นมันงูพิษชัดๆ”
“เอ่อ...ถ้าเราจะขอภาพได้มั้ยคะ” อรัญภัทรถาม
“เห็นทีจะไม่ได้ครับ ที่นี่มีกฎห้ามนำภาพจากกล้องวงจรปิดออกเผยแพร่ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ซึ่งถ้าหากใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษด้วยการให้ออกครับ ต้องขอโทษจริงๆ”
ทั้งสี่คนหน้าซีด เรื่องฉาวๆ เหมือนถูกด่ากลายๆ
ทั้งสี่คนเดินออกมา หน้าตาของทุกคนเสียความรู้สึก ยกเว้นเวฬุยาที่ชิลล์ๆ เขมปัญฑาว่า
“สงสารคุณพิมเหมือนกันนะ ถูกใส่ร้ายขนาดนี้”
“ทำไม...เราไม่คิดถึงกล้องวงจรปิดตั้งแต่แรก” เจ๊เต่าว่า
“เป็นธรรมดา ไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่เดือดร้อน เราเลยไม่ได้นึกถึง แต่คุณพิมเค้าเป็นคนเดือดร้อนไง เค้าเลยต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องตัวเอง”
“แล้วเรื่องที่เบอร์รี่เหยียบชายกระโปรงตัวเอง จน...นมหลุด” เขมปัญฑาว่า
เวฬุยายืนยัน
“นาทีนี้ฉันเชื่อคุณพิม”
อรัญภัทรอึ้ง ครุ่นคิด ผิดหวังกับความไว้ใจที่ให้กับเบอร์รี่
“อย่าให้อคติบังตาตัวเอง ไม่อย่างนั้น ซักวันเธอต้องเดือดร้อนเพราะเด็กมิกซ์เบอร์รี่แน่ๆ” เวฬุยาว่า
“งั้นต่อไป...เราคงเลี้ยงเบอร์รี่ไม่ได้” เจ๊เต่าบอก
เวฬุยาทำหน้าเย้ยหยัน
“เค้าคงอยากจะให้เจ้เลี้ยงหรอก...หนูเดาได้เลย ต่อไป ป้าไก่จะต้องพายัยเด็กมิกซ์เบอร์รี่เข้าวงการ ดูท่าก็รู้...เด็กนั่นมันอยากจนตัวสั่น ตัวแม่ทั้งหลายในโลกมายา เตรียมแพ้ทางหล่อนได้เลย”
อรัญภัทรหน้าเครียด
ต่อมา เบอร์รี่อยู่ที่บริษัทของวรรษชล แต่ถูกนักข่าวรุมถาม
นักข่าว1ถาม“จริงหรือเปล่าครับ เรื่องที่คุณพิมบอก น้องเบอร์รี่ทำตัวเองทุกอย่าง”
เบอร์รี่ยิ้มหวาน
“ก็อย่างที่พี่ๆเห็นนั่นแหละค่ะ ไม่มีคลิปอะไรที่เกี่ยวข้องกับหนู”
นักข่าว2 ถาม“แล้วเรื่องที่หนูขโมยมือถือคุณพิม”
“หนูไม่ได้อยู่กับคุณพิมแล้วนะคะ..หนูจะไปขโมยของของคุณพิมได้ยังไง”
ป้าไก่กรุยทางให้
“แล้วพอจะรู้สาเหตุมั้ย..ทำไม คุณพิมถึงได้สร้างเรื่องว่าหนูขนาดนี้”
“คงเป็นเพราะเข้าใจว่าหนูมาอยู่กับพี่เอี๊ยมน่ะค่ะ....พี่พิมก็เลยโกรธ หาว่าหนูเป็นนกสองหัว แต่จริงๆไม่ใช่เลยนะคะ หนูมาทำงานกับพี่วรรษ รับเงินเดือนจากพี่วรรษ หนูไม่ได้รับเงินจากพี่เอี๊ยมค่า”
นักข่าว1ถาม“ตกลง..ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด”
“เรื่องจริงเป็นอย่างที่หนูพูดค่ะ เพราะถ้าไม่จริง หนูคงไม่กล้าพูด”
ป้าไก่บอกกับนักข่าว
“น้องเค้าน่ารัก น้องเค้าเป็นคนจริง ตอบทุกคำถาม...แล้วคุณวรรษอยู่มั้ยคะ?..พี่อยากจะสัมภาษณ์คุณวรรษเรื่องภาพที่หลุดออกมา”
“พี่วรรษงานยุ่งมากเลยค่ะ หนูไม่กล้ารบกวน ต้องขอโทษมากๆๆๆนะคะ”
วรรษชลเดินออกมาพอดี ป้าไก่กับนักข่าวรีบกรูเข้าไปหาและยิงคำถาม วรรษชลทำตัวไม่ถูก จะหนีก็ไม่ทัน
“คุณวรรษมาพอดีเลยคะ ป้าอยากรู้ว่าภาพที่หลุดออกมานี่มันยังไงกันคะ ที่น้องเอี๊ยมนั่งใกล้ชิดสนิทเนื้อกับคุณวรรษจนแทบจะจูบปากกัน”
“เอ่อ” วรรษชลถอนหายใจไม่รู้จะตอบยังไง
เบอร์รี่ลุ้นว่าวรรษจะตอบยังไง
“นี่ถ้าบอกว่าป้อนผลไม้ให้กันหวานฉ่ำขนาดนั้นไม่มีอะไร บอกเลยนะคะว่าน้องเอี๊ยมเสียเต็มๆเลย” ป้าไก่บอก
เขาชักครุ่นคิดหนัก “เอ่อ...”
“เอ๊ะ...ที่อึกอักๆไม่กล้าตอบแบบนี้คงไม่ใช่ว่า...กลับมาอีกทีนี่งัดทะเบียนสมรสออกมาโชว์เลยนะคะ”
“เรื่องระหว่างเราสองคนยังไม่มีอะไรถึงขั้นนั้นหรอกนะครับ”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นแล้วมันขั้นไหนละคะ ในเมื่อภาพออกมาจะๆขนาดนั้นน่ะ ถ้าคุณวรรษยังจะยืนยันว่าไม่มีอะไรละก็ป้าว่า งานนี้คุณเอี๊ยม”
วรรษชลไม่อยากให้นักข่าวว่าอรัญภัทรอีกต่อไปจึงตัดสินใจพูด
“ผมยอมรับว่ากำลังคบกับคุณเอี๊ยมจริง...เราคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรเสียหายอย่างที่ใครๆคิด ผมหวังว่าทุกคนคงเข้าใจ”
ป้าไก่ดวงตาลุกวาว ได้ข่าวใหญ่อีกแล้ว วรรษชลหนักใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 12 (ต่อ)
เอี๊ยมเดินลงมาจากคอนโดฯ จะออกไปข้างนอกกับเจ๊เต่า แต่ถูกนักข่าวเข้ามารุมถาม
นักข่าวถามเซ็งแซ่ทำนองเดียวกัน
“ไหนบอกผู้ชายเลวกว่าหมา แล้วที่พี่เอี๊ยมทำกับคุณวรรษหมายความว่ายังไงคะ”
อรัญภัทรหน้าซีดลำบากใจ เจ๊เต่ามากันเอาไว้
“เอี๊ยมกำลังจะไปคุยงานละคร ไว้เดี๋ยวคุยกันนะคะ … นะคะๆๆ”
นักข่าว1บอก“ไม่มีอะไรตอบยากเลยเจ้เต่า พี่เอี๊ยมตอบมาว่า เรื่องระหว่างคุณวรรษเป็นยังไงก็จบ”
นักข่าว2 บอก“นั่นน่ะสิ..จะหลบจะเลี่ยงไปถึงไหน”
“คราวนี้หลักฐานชัดเจนเลยค่ะ ...หวังว่าพี่เอี๊ยมจะไม่ตอบว่าเป็นเพื่อนกันนะคะ”
นักข่าว3 บอก“หรือกลัวว่าจะถูกด่าเหรอคะ เพราะที่ผ่านมา พี่เอี๊ยมเสียงแข็งใส่นักข่าวตลอดว่า อย่ามโนไปเอง คิดไปเอง”
ป้าไก่แหวกนักข่าวออกมาอยู่ตรงหน้า
“ถึงคุณเอี๊ยมจะตอบยังไง แต่คราวนี้คงไม่ต้องมโนไปเองคิดไปเองอีกแล้ว เพราะคุณวรรษออกมายอมรับกับนักข่าวแล้ว ว่ากำลังคบหาอยู่กับคุณเอี๊ยมจริงๆ” ป้าไก่ยิ้มๆอย่างมั่นใจ
อรัญภัทรมองป้าไก่อย่างตกใจ คาดไม่ถึง แต่สายตาไม่ได้แสดงความยินดีกับคำตอบของวรรษแต่อย่างใด เจ๊เต่าตกใจที่วรรษออกมายอมรับแบบนั้น
ภายในร้านกาแฟ เบอร์รี่นั่งอยู่กับป้าไก่ ท่าทางเหมือนไม่สบายใจ
“คุณวรรษเป็นสุภาพบุรษมาก ที่ออกมาแอ่นอกรับว่ากำลังคบยัยเอี๊ยม ทั้งที่ยัยเอี๊ยมออกโรงปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น”
เบอร์รี่ทำหน้าเจ็บใจ
ป้าไก่บอก
“นี่เบอร์รี่...ถ้าหนูได้เข้าวงการจริงๆ หนูต้องชิงตำแหน่งนางเอก จากยัยเอี๊ยมมาให้ได้นะ”
เบอร์รี่ตาวาว
“แปลว่าอะไรคะพี่ไก่...มีคนอยากให้หนูเล่นละครเหรอคะ”
ป้าไก่ยิ้มๆ
“ไม่มีหรอก ....แต่เป็นเพราะพี่นี่แหละ พี่เป็นคนเสนอชื่อหนู...ตอนเอารูปหนูให้ผู้จัดเค้าดู เค้าก็ไม่รู้จักหรอกนะ.. แต่เค้าคงเกรงใจบารมีของพี่ เค้าเลยจะพิจารณาดูอีกที”
เจอด่าอ้อมๆเบอร์รี่หน้าเจื่อนไป แต่รีบยิ้มประจบป้าไก่
“หนูต้องขอบคุณพี่ไก่มากๆเลยนะคะที่เมตตาหนู หนูสัญญาจะเป็นเด็กดีของพี่ไก่ค่ะ”
“ดีบ้าง แอ๊บบ้างก็ได้...ไม่ว่ากัน...แต่อย่าแว้งกัดพี่....เหมือนที่แว้งกัดคุณพิม แล้วก็เอี๊ยมแล้วกัน”
ป้าไก่จ้องหน้าเบอร์รี่บอกแกมขู่
“พี่เชื่อ ว่าที่คุณพิมพูด เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง และหนูเองก็คงไม่ธรรมดา ถึงได้เปลี่ยนหลักฐาน จากดำกลายเป็นขาว จากผิด กลายเป็นถูก ได้ขนาดนั้น แต่...อย่ามาทำกับพี่ จำไว้...พี่สร้างหนูได้...พี่ก็เหยียบหนูจนจมดินได้เหมือนกัน”
ป้าไก่มองเบอร์รี่สายตาดุดัน ขู่ ไม่มีเลยความเมตตา ดวงตาเบอร์รี่ รับสภาพแบบคนจำยอม แต่ก็พร้อมแปรสภาพเป็นงูพิษได้ทุกเมื่อเหมือนกัน
ผ่านเวลา ไปยังสถานที่ต่างๆ คนอ่านข่าว จากอินเทอร์เนต
หนังสือพิมพ์ในร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นภาพ อรัญภัทรแทบจะนั่งตักวรรษ พร้อมพาดหัวข่าว “จวกเละ หนุ่มนักอนุรักษ์ วรรษชล สร้างภาพ หลังแอ่นอกรับเป็นแฟนเอี๊ยม”
มิกซ์เบอร์รี่ทะลุทุกมิติ คุณค่าที่เอี๊ยมคู่ควร
คู่รัก ฉาว หลังมีภาพหลุด ชาวเน็ตจวกเละ ประมาณว่า ดาราก็เงี้ยะ เห็นคนดูกินหญ้า ส่วนตัวเองกินสะตอแทนข้าว
รายการข่าวบันเทิงของป้าไก่ ที่กำลังออกอากาศ
“ไม่มีค่ะไม่มี จะเอาอะไรอีก ตอนนี้ขยับไปไหนไม่ได้เลย อย่า จับผิด ขอร้องอย่าจับผิด อย่าคิดอะไรกันไปเอง ถ้ามีอะไรเอี๊ยมบอกอยู่แล้ว ไม่ปิดบัง”
2 พิธีกรร่วมในรายงาน
ป้าไก่ ในฐานะพิธีกร 1 หัวเราะมองพิธีกรคู่ พูดแบบเย้ยๆ
“แล้วเป็นไง สุดท้าย โป๊ะแตก”
พิธีกรคู่เมาท์ๆ บอก “ตอนนั้นคุณผู้ชมเค้าก็เชื่อนางเอกนะป้า ด่านักข่าวใหญ่เลย”
“เพราะคำว่านางเอกไง หน้ากากนางเอก ภาพพจน์ต้องทำดี แสนดี เรียบร้อย ไม่โกหก ไม่ตอแหล เพราะฉะนั้นต่อไปคุณผู้ชมต้องแยกให้ออกนะคะ ระหว่าง คำว่าหน้ากากนางเอก กับตัวตนจริงๆของนักแสดง มันต่างกันยังไง”
พิธีกรคู่หัวเราะเข้าขากัน
“จะได้ไม่...โป๊ะแตก”
“จะได้ไม่ด่าเราด้วย ว่านักข่าวนิสัยไม่ดี ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แหม...มันเป็นงานนะคะคุณผู้ชม ขึ้นชื่อว่าดารา ก็คือคนของประชาชน ดารานักแสดงคนไหนเป็นคนดี ทำดี เราก็ชม เราก็เชียร์ แต่คนไหน หน้าอย่างหลังอย่าง ก็ต้องจัดหนักจัดเต็มกันหน่อยล่ะ แต่ที่สุดแล้ว วงการบันเทิงกับวงการมายา มันก็แยกกันไม่ออกฉะนี้แล จบปิ้ง!”
วันใหม่ อรัญภัทรยืนหน้างอ ขณะที่วรรษชลพยายามขอโทษ ท่าทางน่าสงสาร
“ผมขอโทษนะเอี๊ยม ...ไม่คิดเลยจริงๆว่าข่าวจะออกมาแบบนี้”
เธอหน้าหงิก
“ไม่ใช่ ไม่คิด แต่คุณคิดน้อยไปต่างหาก”
วรรษชลคาดไม่ถึง เธอว่าแรง
“ หรือมันไม่จริงคะ”
เขาพยายามอธิบาย
“ข่าวที่ออกมามันคือเรื่องจริง ผมก็ต้องพูดความจริง”
เธอระเบิดอารมณ์ใส่
“ความจริงบ้าบออะไร คุณทำลายเอี๊ยมต่างหาก คุณทำให้เอี๊ยมถูกด่า ว่าโกหก เอี๊ยมตอแหล”
เขางงไปใหญ่ ตามไม่ทัน เธอย้ำอีก
“แต่ผมพูดความจริงนะ”
เธอเสียงเขียวไม่พอใจมาก
“ก็บอกแล้วไง ความจริง มันกำลังทำลายเอี๊ยม”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”
“อยากรู้ใช่มั้ยคะ? คุณก็พูดไปสิ ว่าเรื่องที่เอี๊ยมกำลังคบกับคุณ มันไม่ใช่เรื่องจริง คุณกำลังทำรายการใหม่ ภาพที่หลุดออกมา เป็นภาพที่เอี๊ยมไปแคสงานกับคุณวรรษเท่านั้นเอง...ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
วรรษชลมองเอี๊ยมผิดหวังอย่างที่สุด
“คุณโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ไม่ได้โกหกค่ะ แต่เอี๊ยมรู้ว่าสถานการณ์ตอนไหน ควรพูดยังไง เอี๊ยมเพิ่งบอกไป ไมได้รู้จักอะไรกับคุณ...จู่ๆจะให้เอี๊ยมยอมรับว่าคบกับคุณ คนก็ด่าเอี๊ยมว่าตอแหลน่ะสิ”
เขาแค่นหัวเราะผิดหวังมาก
“คุณก็เลยให้ผมเป็นตัวตลกแทน”
“คุณเลือกที่จะทำตัวเองต่างหาก เพราะถ้าคุณให้เอี๊ยมจัดการปัญหาตั้งแต่ทีแรก เรื่องแบบนี้ก็ไม่เกิด”
“แต่การโกหก มันเป็นจุดแรกที่ทำลายความศรัทธาของประชาชน”
เธอหน้าหงิกหน้างอไปใหญ่
“แล้วเค้าจะรู้ได้ยังไงว่าเราโกหก”
“ถึงไม่มีใครรู้...ตัวเราเองย่อมรู้ แล้วผมก็ได้รู้...เอาเข้าจริง คุณแคร์คำว่านางเอกมากกว่าความรู้สึกของผม”
วรรษชลยิ้มขมขื่น มองเสียใจก่อนเดินออกไป เธอยังคงโกรธเขา
เวลาต่อมา อรัญภัทรหน้าหงิกแบบคนที่เอาใจตัวเอง เขมปัญฑาเดินเอากาแฟมาวางไว้ให้ ก่อนบอก
“เขมว่า คุณวรรษเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะที่ปกป้องเอี๊ยมอย่างนั้น แล้วเขมก็ไม่เข้าใจว่าเอี๊ยมจะโกรธคุณวรรษทำไม”
“ก็เค้าทำให้เอี๊ยมถูกด่า เขมไม่ได้ดูเหรอ ว่าในข่าวพูดถึงเอี๊ยมว่ายังไง”
“คุณวรรษเค้าก็ถูกด่านะ ภาพพจน์เค้าเสียหมดเลย แต่เค้าแคร์เอี๊ยมมากกว่า”
“ภาพพจน์เสีย หมายความว่ายังไง? มาคบเอี๊ยมแล้วมันเสียหาย มันไม่ดีตรงไหน”
“มันทำให้คุณวรรษถูกมองว่าโกหกไปด้วยยังไงล่ะ”
เวฬุยานั่งฟังอยู่ เตือนอีกที
“สิ่งที่เธอทำมันไม่ได้รักษาภาพพจน์ของคำว่านางเอก แต่มันกำลังทำลายคำว่านางเอก เพราะความโง่ของเธอนะ เอี๊ยม”
เธอมองเพื่อนแบบโกรธ เวฬุยาบอกอย่างระอา พูดตอกหน้าแบบไม่แคร์
“อย่าไปหลงเชื่อ พวกคำพูดที่อวยเธอแบบไม่ลืมหูลืมตานักเลยเอี๊ยม คุณวรรษเค้ารับเธอไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าคนทั้งโลก เค้าจะยอมรับเธอได้”
เวฬุยาสะบัดหน้าลุกขึ้นเดิน ออกไป เขมปัญฑาหัวเสียเหมือนกัน เดินตามออกไป
พิมพิชชาหน้าหงิกคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“เชื่อพิมหน่อยสิคะ...พิมถูกแกล้ง เด็กเบอร์รี่มันเป็นนกสองหัว มันเข้าข้างคุณเอี๊ยมทุกอย่าง เพราะตอนนี้มันเลียคุณเอี๊ยมอยู่”
นักข่าวบอก
“มันเรื่องส่วนตัว ไว้คุณพิม เคลียร์กับคุณเอี๊ยมเองดีกว่านะคะ” แล้วก็วางสาย
พิมพิชชากรี๊ด
“อย่าให้ฉันดังนะ ฉันจะไม่ให้พวกแกสัมภาษณ์ฉันแม้แต่คนเดียว”
นางคว้าไวน์มากรอกใส่ปาก ท่าทางหัวเสีย อนงค์เดินเข้ามา เห็นสภาพ ก็ไอ้แต่ถอนหายใจ พิมยินเสียงคนก็หันมามอง ก่อนสบถด่า
“ฉันไล่ออกตั้งนาน ก็ไม่ยอมไปแล้วยังจะมายืนทำหน้าโง่ๆวอนถูกด่าอีก”
“ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคนที่จ่ายเงินเดือนให้ฉันไม่ใช่คุณ”
พิมพิชชามองอนงค์ตาเขียว อนงค์ย้อน
“หรือไม่จริงคะ”
“แต่ฉันเป็นเจ้าของบ้าน”
“เจ้าของบ้านคือท่านค่ะ ไว้ท่านไล่ดิฉันออกเมื่อไหร่ดิฉันจะไปนะคะ แต่ถ้าไม่ฉันก็จะอยู่ที่นี่ รอจนกว่าท่านกับคุณเอี๊ยมจะกลับมา”
“นังเอี๊ยมคงจะกลับมาหรอก”
“คุณเอี๊ยมกลับมาแน่ค่ะ ถ้าไม่มีคุณ”
“นังอนงค์”
“คุณนี่หยาบคายทั้งวาจาและจิตใจ ขนาดเด็กเบอร์รี่ที่คุณเก็บมาเลี้ยง ยังทนไม่ไหว ต้องไปพึ่งใบบุญคุณเอี๊ยม”
พิมพิชชามองหน้าอนงค์ สงสัย
“รู้ได้ยังไง”
อนงค์พูดแบบนิ่งๆแต่น้ำเสียงเยาะเย้ย
“วันก่อนเบอร์รี่มาที่นี่ มาขนเสื้อผ้าข้าวของไปให้คุณเอี๊ยม ขนาดอยู่ด้วยกันไม่เท่าไหร่ แต่ท่าทางเบอร์รี่รักคุณเอี๊ยมนะคะ...อย่างนี้แหละที่เค้าเรียก พระคุณ ไม่ใช่พระเดช เที่ยวข่มขู่เค้าไปทั่ว”
พิมพิชชาไม่ได้สนใจที่อนงค์พูด ถามอย่างเดียว
“ว่าไงนะ วันก่อนเบอร์รี่มาที่นี่”
“ค่ะ”
“นังเบอร์รี่” ฃ
พิมพิชชากำมือแน่น เล็บแทบจิกเนื้อทะลุ ตาเขียวปั้ด
ต่อมา เบอร์รี่แต่งตัวสวยน่ารักเกินกว่าทุกวัน เดินจะเข้าออฟฟิศ พลางโทรศัพท์
“นี่หนูลงทุนอัพหน้า อัพผมใหม่ เสื้อผ้าก็ใหม่ เพื่อให้ป้าไก่พาหนูไปเป็นดาราเลยนะคะเนี่ย ค่ะ...แล้วเจอกัน”
เบอร์รี่วางสายจะเดินเข้าไปในออฟฟิศ พิมพิชชาเดินลิ่วเข้ามาบอกเสียงเขียว
“อย่าเพิ่งไปนังเบอร์รี่” นางตรงเข้าจิกกระชากผมจากด้านหลังอย่างแรง
เบอร์รี่ร้องลั่น “โอ๊ย”
“วันนี้ฉันจะเอาเอาเลือดหัวแกมาล้างเท้าฉันให้ได้ นังสารเลว” พิมพิชชาตบอย่างแรง
“โอ๊ย” เบอร์รี่ร้องลั่น ร่างถลาลงกับพื้น “ทำหนูทำไมพี่”
นางตามไปจิกหัวเบอร์รี่ขึ้นมา “ยังจะกล้าถามนังคนทรยศ”
“โอ๊ย” เบอร์รี่หน้าหันก่อนสะบัดหน้ามามอง
“ฉันรู้แล้วว่าแกเข้าไปทำอะไรในบ้านฉัน แต่แกยังไม่รู้ใช่มั้ย ว่าคนที่ทรยศฉันมันจะเจออะไร”
เบอร์รี่ถอยหลังกรูด กลัวจริงๆ
“อย่าทำอะไรหนูนะ ไม่งั้นหนูจะเรียกให้พี่วรรษมาช่วย”
“ถ้าวรรษอยู่ แกคงไม่กล้าหนีงาน ออกไปแร่ดข้างนอกอย่างนี้หรอก!”
เบอร์รี่สะอึก พิมพิชชารู้ทัน ท่าทางของเบอร์รี่กลัวพิมพิชชาเข้าไปใหญ่ นางเดินมาจับคางบีบ
“อย่าได้คิด ว่าแกจะใช้ความเจ้าเล่ห์ของแกเอาชนะฉันได้อีก...มาช่วยฉันคิดดีกว่าว่า ฉันจะจับหัวแกโขลกลงกับฟุตบาท หรือ ตบแกเลือดกบปาก หรือถีบแกออกไปให้รถมันทับดี”
เบอร์รี่กลัวพิมพิชชาสุดๆ นางหัวเราะเยาะสะใจ
“นี่ถ้าเป็นรายการเรียลลิตี้ถ่ายทอดสด ฉันว่าคนทั้งประเทศ คงจะเชียร์ให้ฉันถีบแกออกไปกลางถนน แล้วให้รถมันเหยียบ”
“อย่านะพี่พิม อย่า”
“กราบเท้าฉันสินังเขียว กราบเท้าฉัน อุ้ย! แต่เท้าคงจะสุภาพไปสำหรับคนอย่างแก อย่างแกมันต้อง” ว่าพลางกดหัวเบอร์รี่ลง “กราบตีนกูซะอีเขียว กราบ”
“โอ๊ย”
“บอกให้กราบ”
เบอร์รี่ฝืน..ไม่ยอม ร้อง
“อย่า ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนูยอมแล้ว พี่พิมหนูยอมแล้ว”
เบอร์รี่หมอบกราบขอชีวิต พิมพิชชาจิกหัวเบอรี่ขึ้นมา
“แกจำไว้นะ ถ้าแกคิดจะทำอะไรที่เป็นการหักหลังฉันอีกละก็ ฉันจะไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่”
พิมพิชชาเหวี่ยงอย่างแรงจนเบอร์รี่ล้มไป แล้วพิมพิชชาก็เดินออกมา เบอรี่มองตามอย่างเจ็บใจ
อ่านต่อตอนที่ 13