xs
xsm
sm
md
lg

แม่นาก ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่นาก ตอนที่ 5

ทุกคนเหวอ หมอคงชะงัก นอกนั้นโดดไปรวมกันที่หลังหมอคง

"เฮ้ย พวกเอ็งจะกลัวอะไรกัน ตอนเป็นคนมันยังต้องกลัวข้า นับประสาอะไรกับตอนเป็นผี"
เพลิงบอก "ไม่เอาโว๊ย ข้าไม่กลัว แต่ไม่อยากยุ่ง"
เพลิงหันหลังเดินหนีทันที หมึกกับเก่งมองหน้ากัน
"พ่อหมอ ฉันก็เหมือนกัน นายว่าขี้ข้าต้องพลอย ใช่มั๊ยไอ้เก่ง" หมึกว่า
"ใช่ กูเห็นด้วยกับมึงทู๊กอย่าง แล้วแต่พ่อหมอแล้วกัน" เก่งว่า
หมึกกับเก่ง รีบแจ้นไปทันที หมอคงองตามแล้วส่ายหน้า
"ไอ้พวกตาขาว ใจเป็นปลาซิว กลัวอะไรกับซากผีวะ"
หมอคงบริกรรมคาถาต่อ แล้วแทงมีดซ้ำลงไป
ผีนากก้มลงมองแล้วเงยหน้าจ้องด้วยความแค้นหมอคง
หมอคงชะงัก
"ขยับได้ด้วย แหมเอ็นมันคงยึดได้ที่"
นากค่อยๆยื่นมือไปที่คอ หมอคงชะงัก ลืมตา เห็นผีนากจ้องมอง หมอคงชะงัก

เพลิงเดินเร็วออกมาตามทาง หมึกกับเก่งวิ่งตามมา
"พี่เพลิง รอฉันด้วยสิ" หมึกบอก
"มึงก็เดินให้ไวหน่อยสิ"
เก่งกับหมึกวิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าเพลิง
"พี่ไม่อยากได้น้ำมันพรายเหรอ" เก่งถาม
เพลิงชะงักนิดนึงลังเล
"ไว้กลับหัวตะเข้ค่อยเอาก็ได้ ถ้าไอ้หมอนั่นมันกลับไปได้นะ"
"ฮึ้ย พี่รู้ป่ะ เอาสดๆนี่มันชะงัดนักแล คิดดูนะ พี่จะเชื่อใจได้ไงว่ามันไม่เอาน้ำมันหมูมาให้พี่"
หมึกชะงักมองหน้าเก่ง
"จริงของเอ็งว่ะ พี่เพลิงว่าไง อีกนิดเดียวก็ของดีไว้ครอบครองแล้วนะพี่"
เพลิงนิ่งคิดแล้วส่ายหน้า
"ไม่เอาดีกว่า กูบอกแล้วไง กูไม่กลัว แต่ไม่อยากยุ่ง"
"เอางี้มั๊ยพี่ เราไปรอที่เรือ พอไอ้หมอคงกลับมาเราก็ฉวยน้ำมันพราย กินสองต่อเลย"
"แหม ไอ้หมึก มึงเนี่ย เลวได้ที่จริงๆ สมกับเป็นลูกน้องพี่เพลิง เนอะพี่เนอะ" เก่งบอก
เพลิงนิ่งคิดเริ่มคล้อยตาม
"ก็ได้ งั้นเราไปรอที่เรือ ท่าไม่ดีเราก็แจวหนี"
ทุกคนเห็นดีด้วยแล้วไป

หมอคง หยิบข้าวสารเสกในถุงย่ามออกมาซัดไปที่แม่นาก
"กูไม่กลัวมึงหรอก กูเพิ่งได้วิชามาหมาดๆ ลองกับมึงเนี่ยแหละ"
แม่นากถูกซัดด้วยข้าวสารเสกชะงักไปนิดนึง
"เอ็งเป็นใคร ทำไมต้องมายุ่งกับข้าด้วย"
"ข้าเป็นหมอผี ไม่ยุ่งกับผีอย่างเอ็งแล้วข้าจะยุ่งกะใคร หุบปากแล้วให้ข้าทำพิธีซะดีๆ อย่าให้ข้าต้องเล่นโหดนะโว๊ย"
"ไอ้คนใจบาป เวรกรรมจะต้องตามสนองเอ็ง"
แม่นากเดินทื่อเข้าหาหมอคง หมอคงเริ่มฝ่อ
"อีนาก มึงอย่าเข้ามานะ กูมีพระ"
หมอคงแบะอกเสื้อออก เห็นพระแน่นตัว แม่นาก เลื่อนตัวเข้าหาหมอคงอย่างรวดเร็ว หมอผีงง
"มึงไม่กลัวพระหรือ อีผีนอกรีต"
"พระของมึงปลอมทั้งนั้น กูไม่กลัวหรอก"
แม่นากเอื้อมมือไปที่คอหมอผี หมอคงเริ่มลนค้นหาข้าวของในย่าม
แต่ไม่ทัน มือนากมาถึงคอแล้ว หมอคงตกใจแหกปากร้องลั่นแล้ววิ่งหนีกระเจิง
แม่นากจะเลื่อนตัวตามไปแล้วชะงัก ก้มมองที่ท้อง มีมีดปักอยู่ แม่นากหยิบมีดออกจากท้อง แล้วปาออกไป
มีดหมอขว้างออกมาบินเฉียดหัวไปปักที่ต้นไม้
หมอคงชะงัก หันไปมองแม่นาก คราวนี้สติแตกวิ่งร้องโวยวายออกไป

ที่ท่าน้ำ หมึกกับเก่ง ชะเง้อคอมองหาหมอคง
"อะไรวะ แค่นี้ทำไมมันนานนัก" เพลิงว่า
"หรือว่า อีนากมันหักคอไอ้หมอคงไปแล้ว"
เพลิงกับหมึกหันไปเขกหัวเก่งพร้อมกัน
"ไอ้ปากเสีย มันใช่เวลามั๊ยเนี่ย"
"ฉันเห็นด้วยกับพี่เพลิงทุกอย่าง ไอ้เก่งมึงปากเสียจริงๆ"
เก่งบอก
"แหม ไอ้หมึก เอ็งเลียพี่เพลิงซะเปียกเชียวนะ ไม่แสบลิ้นมั่งหรือไงวะ"
หมึกไม่สนใจ ทำท่าสอพลอเพลิงเต็มที่ แล้วชะงัก เมื่อหันไปมองอีกทาง
หมอคงวิ่งหกล้มหกลุกมาตามทาง มีร่างของนากเลื่อนตามมาช้าๆ
เพลิงติดอ่างทันที
"กูว่า เราไปกันเหอะ"
เพลิงวิ่งจู๊ดไปลงเรือทันที หมึกเก่งรีบตามไป พอลงเรือได้ก็เรือพายออกไปอย่างรวดเร็ว
เรือของเพลิงพายขึ้นไปบนกอสวะที่ลอยมาตามน้ำ พายยังไงก็ไม่ไป...

หมอคง วิ่งมาหกล้มหกลุกที่ใกล้ตลิ่ง แม่นากเลื่อนตัวมาใกล้
"กูกลัวแล้วมึงอย่าทำกูเลย อีนาก"
"จำไว้ อย่ามายุ่งกับกูอีก เข้าใจมั๊ย"
แม่นากจ้องหมอผี...แค้นมาก
"ถ้ากูเห็นหน้ามึงอีก คราวนี้กูจะไม่ละเว้นมึง"
หมอคงกลัวสุดขีดลุกลนวิ่งออกไป สะดุดกับรากไม้ตรงหน้าล้มคว่ำ ไปทับตอไม้อย่างแรง
หมอคงพลิกตัวขึ้นมา เห็นแผลใหญ่ที่หน้าอก หมอคงกระอักเลือดแล้วแน่นิ่งไป

นากมองร่างหมอคงอย่างปลง

เพลิงกับพวกผงะ

"มึงรีบจ้ำเข้าสิวะ เร็วเข้า จะรอมันมาหักคอมึงหรือ" เพลิงบอก
"ฉันพายสุดชีวิตแล้ว หรือว่า" หมึกว่า
"มึงจะพูดอะไรก็รีบพูดสิวะ" เก่งบอก
"ผีมันดึงเรือไว้"
"กูไม่ได้ดึง"
ทุกคนมองหน้ากันร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเสียงแม่นาก จ้ำพายกันสุดชีวิต
เพลิงตาค้าง เห็นแม่นากมายืนอยู่ที่หัวเรือ เอื้อมมือมาที่เพลิง
เพลิงทำอะไรไม่ถูกหลับหูหลับตาชูพระในคอขึ้น แม่นากร้อนทันที
เพลิงดีใจ
"มันกลัวพระว่ะ อย่าเข้ามานะมึง กูเอาจริง"
เพลิงมองไป แม่นากหายไปแล้ว หันไปมองทีท้ายเรือ แม่นากไปยืนอยู่ท้ายเรือ
"อย่าบอกนะว่า" หมึกบอก
เพลิงพยักหน้า เก่งกับหมึกพายสุดชีวิต หลุดจากกอสวะไปได้
ทุกคนมองไปที่ริมตลิ่ง เห็นแม่นากยืนอยู่
"ซักวัน เวรกรรมต้องตามสนองพวกเอ็ง"
แม่นากยืนมองเรืองของเพลิงพายห่างสายตาออกไป

นอกหน้าต่างเรือนมั่น ฟ้ามืด มีฟ้าแล่บแปล๊บๆ ไกลๆ
ในเรือน มั่น ทุ้ย เท้ง โพล้งนอนก่ายกันระเกะระกะ
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง ลงยอดไม้ มั่นสะดุ้งกับเสียงฟ้าผ่าลุกลืมตาตื่นขึ้น มั่นหันไปมองเห็นทุกคนนอนกันเละเทะ มั่นส่ายหน้า
"ฟ้าจะผ่าลงหัวอยู่แล้ว ไม่มีใครรู้สึกเลย"
มั่นลุกขึ้นมาเดินไปปิดหน้าต่าง
นอกหน้าต่าง ฟ้าแล่บแปล๊บ มั่นชะงัก เห็นนากยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้
"นาก"
มั่นกระพริบตาไม่แน่ใจ มองอีกที ร่างของนากหายไปแล้ว
"อะไรกัน หรือว่าตาข้าจะฝาด"
มั่นหันกลับมาสะดุ้งเฮือก โพล้งลุกขึ้นมายืนด้านหลัง
"ไอ้โพล้ง โอ๊ย หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม"
"อะไรของมึงไอ้มั่น แหม ทำเป็นขวัญอ่อน เห็นผีหรือไง"
"ก็..เอ่อ"
"อะไรของเอ็ง ไอ้มั่น มายืนมองอะไร"
"ไม่มีอะไรหรอก ข้ารู้สึกเหมือนกับเห็น..เอ่อ แม่นาก"
โพล้งสะดุ้งเฮือก เอามือปิดปากมั่นทันที
"ไอ้มั่น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดตอนนี้ กูจริงจังนะโว๊ย นังนากมันตายแล้ว เป็นผีไปแล้ว มันไม่มาให้เอ็งเห็นหรอก"
"แต่ว่าข้า..."
"ไม่ๆๆๆๆ ไม่มีแต่ กูขอร้อง กูกลัว กูจริงจัง มึงเข้าใจมั๊ย"
โพล้งทำหน้าจริงจัง มั่นพยักหน้า
"เออ เข้าใจ ไม่พูดก็ได้ แต่ว่า..."
"กูบอกว่าห้าม ห้ามเด็ดขาดเข้าใจมั๊ย"
โพล้งส่ายหน้าแล้วรีบไปแทรกนอนตรงกลาง มั่นมองตามสีหน้าไม่มั่นใจ
"หรือว่าเราจะตาฝาดวะ"

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ชาวบ้านเดินกระซิบกระซาบมาตามทางเดิน ชี้ชวนกันเดินไปทางป่าช้า
มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้ง เดินถือพร้า ถือจอบ เตรียมตัวไปนา เดินสวนมาเห็นพฤติกรรมชาวบ้าน ทุ้ยรีบสะกิด
"พี่ๆ ดูสิ ฉันว่ามันต้องมีเรื่อง" เค้งบอก
"เรื่องอะไรของเอ็ง ไอ้เค้ง ขี้สงสัยนะเอ็งเนี่ย" โพล้งว่า
"อ้าว เอ็งไม่รู้หรือไอ้โพล้ง เรื่องชาวบ้านน่ะงานถนัดของไอ้เค้งมัน" ทุ้ยบอก
สองคนหัวเราะขำ หันไปไปอีกที เค้งหายไปแล้ว
"อ้าว ไอ้เค้งมันหายหัวไปไหน" โพล้งว่า
"โน่น มันไปหาข่าวโน่น" มั่นบอก
เท้งเดินไปถามชาวบ้านแบบสนใจมาก สักพัก เค้งวิ่งหน้าตื่นกลับมา
โพล้งถาม
"ไงล่ะเอ็ง ได้เรื่องมั๊ย"
"เกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่ เขาว่า มีคนตาย" เค้งว่า
"ใครตายวะ หมู่นี้ชักจะถี่นะเนี่ย" มั่นว่า
"เขาว่าเป็นพวกแอบขุดศพน่ะสิพี่"
มั่นชะงัก
"อะไรนะ พวกขุดศพหรือ"
มั่นวิ่งออกไปทันที ทุกคนวิ่งตามไป
"อ้าว ไหนว่าไม่อยากรู้ไง"

ทุ้ยรีบวิ่งตามไป
 
อ่านต่อหน้า 2

แม่นาก ตอนที่ 5 (ต่อ)

เช้าต่อเนื่อง ที่ป่าช้า หมอคงนอนตายตาเหลือก สัปเหร่อปิดตา ดึงผ้าขาวขึ้นมาคลุมศพ

มั่นวิ่งแหวกกลุ่มชาวบ้านที่ยืนคุยกันเข้ามา ทุ้ย เค้ง โพล้งตามเข้ามา
"พวกไหนกันหรือลุงสัปเหร่อ" มั่นถาม
"พวกหมอผี คงเป็นคนบางอื่นแอบมาขุดศพนั่นแหละ ไอ้พวกนี้มันร้อนวิชา"
มัคนายกบอก "เฮ้อ ก่อเวรสร้างกรรม มารบกวนกระทั่งคนตาย สุดท้าย มันต้องตายเพราะผีนั่นแหละ"
มั่นสงสัย
"ลุงรู้ได้ยังไงว่าพวกนี้มันเป็นพวกหมอผี"
มัคนายกชี้มือไปที่ ข้าวของที่หล่นตรงพื้น มั่นมองตาม
" นี่มีดลงอาคม ข้าวสารเสก มีครบสูตร" มัคนายกประชด "คงไม่ใช่พ่อครัวมาแวะ
ทำกับข้าวกินในป่าช้าหรอกมั๊ง"
ทุ้ย เค้ง โพล้งขยับเข้าไปชิดกัน
"แสดงว่า ผีหักคอใช่มั๊ยลุงปลอด" ทุ้ยถาม
"กูไม่รู้ กูไม่เห็นกะตา กูไม่กล้าพูดว่าใช่"
เค้งถาม"แล้วพวกมันมาทำอะไรในป่าช้าล่ะลุง"
สัปเหร่อบอก
"ไอ้พวกนี้ มันคงมาหาน้ำมันพราย หากุมารทอง ไอ้พวกใจบาป"
เค้งสะกิดโพล้งยิกๆ
"พี่ๆ น้ำมันพรายมันต้องเอาจากผีผู้หญิงไม่ใช่หรือ แล้วกุมารทองมันต้องเอาจาก..เอ่อ ผี"
"ต้องผีตายทั้งกลมสิวะ ไอ้โง่" โพล้งว่า
ทั้งสามมองหน้ากันแล้วโพล่งออกมา
"ผีนังนาก!"
มั่นหันขวับไปมองทันที ทุกคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ต่อมา มั่น กำลังโกยดินกลบหลุมแม่นาก ทุ้ย เค้ง โพล้ง ช่วยโกยด้วย แต่มองซ้ายมองขวาตลอด
"ไอ้คนใจบาป ไม่ละเว้นแม้กระทั่งคนตาย"
ทุ้ยบอก "ไอ้มั่น เอ็งเร่งมือเข้าเหอะ ข้าใจคอวับๆหวิวยังไงชอบกล"
มั่นหยิบไม้ขึ้นปักทำเครื่องหมายอีกครั้ง
"กลับเหอะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย" เค้งว่า
"เป็นโรคปอดแหกล่ะสิเอ็ง ไอ้เค้ง" โพล้งว่า
"จ๊ะ ฉันมันคนปอดไม่แข็งแรง"
"เสร็จแล้วพี่ ไปกันเถอะ" มั่นบอก
ทุกคนไป มั่นหันกลับไปมองหลุมศพอีกครั้ง
"นากเอ๊ย ข้าสงสารเอ็งจริงๆ"
"ขอบใจพี่มั่นมากนะจ๊ะ"
มั่นชะงักหันไปมองรอบตัว
"พวกเอ็งได้ยินเหมือนข้าหรือเปล่า"
ทั้งสามคนหันกลับมามองหน้ากันเลิกลัก
"พี่ได้ยินอะไร พี่มั่น" เค้งถาม
"ข้าได้ยินเสียงเหมือนคนพูด บอกขอบใจ"
เค้งทำหน้าตาเหรอหราแล้วเป็นลมไปในอ้อมกอดทุ้ยกับโพล้งทันที
มั่นสีหน้าแปลกใจ

ทุ้ย โพล้ง ช่วยกันประคองเค้ง เดินมา มั่นเดินตามมาห่างๆ
อีกทางหนึ่ง สัปเหร่อกับมัคนายก ยืนคุยกันอยู่ พอเห็นมั่นมา มัคนายกกวักมือเรียก
"ไอ้มั่น ข้ามีเรื่องไหว้วานหน่อย ... อ้าว ไอ้เค้งมันเป็นไรนั่น ต้องแบกต้องหามกันเชียวหรือ"
"จู่ๆมันก็เป็นลม กลัวอะไรไม่รู้"
"เออ เอามันไปส่งเรือนก่อน ไอ้มั่น ข้าจะวานเอ็งช่วยพายเรือไปหัวตะเข้กับข้าหน่อย ข้าต้องไปแจ้งเรื่องคนตาย น่าจะเป็นคนหัวตะเข้"
"คนหัวตะเข้งั้นหรือ ทำไมไม่ให้พ่อใหญ่ไปหัวตะเข้ล่ะ มันใช่หน้าที่ของลุงปลอดหรือ"
"แหม ไอ้มั่นเอ็งก็พูดซะ พ่อใหญ่ไม่อยู่ ก็ต้องช่วยกันหน่อยสิวะ"
มั่นสีหน้าอึดอัด

ที่เรือนของขุนเพชร พิมเดินออกมาจากห้อง แล้วชะงัก เห็นบ่าวเดินอุ้มพระองค์ใหญ่ ออกจากห้องพระ
"หยุดเดี๋ยวนี้ ใครใช้ให้ขนพระออกมา"
"คุณเพลิงเจ้าค่ะ สั่งให้ขนพระไปไว้ที่ห้อง"
"ขนไปทำไม เดี๋ยวพระก็เสื่อมหมดหรอก เข้าไปอยู่ในห้องพี่เพลิงน่ะ"
"บ่าวไม่กล้าขัดค่ะ เดี๋ยวคุณเพลิงอาละวาด"
บ่าวรีบขนพระเลี่ยงพิมไป พิมแปลกใจมาก
"พี่เพลิงนี่จะบ้าหรือไง"

พิมรีบเดินไปทันที

ในห้อง เพลิง หมึก เก่ง คลุมโปงนั่งตัวชิดติดกันในห้อง มองซ้ายมองขวาหวาดๆ มีพระองค์เล็กองค์ใหญ่ ของขลังวางรายรอบตัวเต็มห้องไปหมด

บ่าวเดินขนพระเข้ามา
"เอามาอีก เอามาให้หมดเลย วางไว้ตรงหน้าต่างด้วย" เพลิงบอก
พิมพรวดพราดเข้ามา เห็นภาพตรงหน้า พิมชะงัก
"พี่เพลิง พี่เป็นบ้าอะไรไป ขนพระมาทำไม"
"เอ็งไม่ต้องยุ่ง เอาอันนี้ด้วย"
เพลิงคว้าสร้อยคอจะกระตุกมา พิมหลบแว๊บ
"จะบ้าหรือ อันนี้ของฉัน ไม่ให้หรอก"
"นังขี้งก พระองค์กระติ๊ด หวงพี่หวงเชื้อ"
พิมงง
"พี่เพลิง พี่จะทำอะไร ขนพระมาเต็มห้องแบบนี้ ประเดี๋ยวพ่อเห็นก็โดนหวายหลังลายหรอก
ดีไม่ดีโดนขังลืมด้วย จะหาว่าฉันไม่เตือน"
"ดี ๆ บอกให้พ่อส่งคนไปเฝ้าที่หัวสะพานด้วยนะ อย่าให้มันเข้ามาได้"
พิมงง
"ใครเข้า ใครมันจะเข้ามาบ้านเราได้"
"กูไม่ได้กลัวคน กูกลัวผี"
"ผี ผีที่ไหนกัน บ้าไปกันใหญ่แล้ว"
หมึก/เก่งโพล่ง"ผีอีนากไง"
เพลิงหันขวับไปมองหน้า หมึกกับเก่งหุบปากก้มหน้าทันที
"พี่เพลิง พี่ไปทำอะไรมา บอกมาเลย ไม่อย่างนั้น ฉันจะฟ้องพ่อ"
"พ่อกูก็ไม่กลัว ตอนนี้ กูอยากจะบ้าเพราะผีอีนากกับเอ็งนี่แหละนังพิม"
พิมจ้องหน้าเพลิงแล้วยิ้มเยาะ
"นั่นไง อีตอนรังแกเขาไม่กลัว ตอนนี้โดนเข้าบ้าง รู้สึกแล้วใช่มั๊ย"
เพลิงตวาด
"กูไม่กลัว แต่กูไม่อยากยุ่ง ทั้งกับเอ็ง ทั้งอีนากนั่นแหละ"
เพลิงผลักไสพิมกับบ่าวออกไป
"ออกไปให้พ้นๆ ไป๊"
พิมโวยวาย เพลิงไม่สน ปิดประตูห้องหันไปรวมกลุ่มกับหมึกและเก่งมองซ้ายมองขวาอย่างวิตก

พิมเดินกระแทกเท้าลงมา หงุดหงิด
"ไอ้พี่บ้า หาแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน มันต้องมีเรื่องอะไรสิน่า ถึงได้ขี้หดตดหายขนาดนั้น"
"เฮ้อ เวรกรรม ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ"
พิมชะงักหันไปมอง เห็นมั่นนั่งตรงหัวสะพาน พิมเชิดทันที
"มาที่นี่ทำไม ใครเขาเชิญ"
"ไม่ได้อยากมา ถ้าพ่อใหญ่ไม่ไหว้วาน ตายก็ไม่มา"
สองคนต่อตากัน
"เชอะ ก็ไม่ได้อยากต้อนรับ เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับไปซะ"
"อ้าว แม่หนูนี่"
พิมชะงักหันไปปั้นหน้ายิ้มกับมัคนายก
"อ้าวลุงปลอด มาธุระหรือจ๊ะ"
"ใช่ มาแจ้งข่าวแทนพ่อใหญ่ ขุนเพชรไปไหนซะล่ะ"
"พ่อไปประชุมที่กรมวังจ๊ะ มีอะไรฝากบอกฉันไว้ก็ได้"
"เออ มีคนหัวตะเข้ไปตายที่พระโขนงน่ะสิ มีคนคุ้นๆว่าชื่อไอ้คง เป็นหมออะไรทำนองนี้แหละ" มัคนายกเห็นพิมอึ้งนาน "แม่หนูพิมรู้จักหรือ"
พิมชะงัก
"ใครกันหรือจ๊ะลุงฉันไม่รู้จักเลย คนหัวตะเข้มีตั้งมากมาย จะไปรู้ได้ยังไง"
"เห็นเอ็งทำหน้าเหมือนเห็นผี ก็คิดว่ารู้จักกัน"
พิมเสียงสูง
"เปล๊า ไม่รู้จักเลย"
"อ้าว แล้วรู้จักกับไอ้มั่นแล้วหรือ เห็นยืนคุยกันตั้งนานสองนาน"
มั่น/พิมรีบตอบ "รู้จัก/ไม่"
สองคนมองหน้ากัน ตอบอีกครั้ง
"ไม่/รู้จัก"
มัคนายกงง
"เอาให้แน่"
มั่นกระแอม
"เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับเหอะ เดี๋ยวน้ำลง ฉันขี้เกียจพายเรือทวนน้ำมันเหนื่อยนะ"
"บ่นเป็นตาแก่เชียวนะไอ้มั่น ... กลับก็กลับ ลุงไปนะหนู"
" จ๊ะลุงปลอด แล้วฉันจะไปทำบุญที่วัดนะ"
"บุญน่ะไม่ต้องทำมากหรอก แต่ทำบาปให้น้อยลงหน่อยก็พอ"
พิมมองมั่นแค้นๆ แต่ไม่พูด มัคนายกมองหน้ามั่นกับพิมแล้วส่ายหน้า
"ไอ้สองคนนี่มันอะไรกันวะ พูดจาแปลกๆ"
มัคนายกไป พิมกับมั่นมองหน้ากันแค้นๆ แล้วไป พึมพำ
"ไอ้คนปากเสีย บ้าชะมัดเลย ... ไอ้คงหรือ"

พิมนิ่งคิด
 
อ่านต่อหน้า 3

แม่นาก ตอนที่ 5 (ต่อ)

หมึกกับเก่ง กำลังประคองอ่างน้ำมนต์เดินมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง พิมเดินออกมาขวางสองคนชะงักตกใจ อ่างน้ำมนต์ตกแตกกระจาย

"ตายละกู น้ำมนต์หลวงพ่อ" หมึกบอก
"พี่เพลิงเอากูตายแน่" เก่งว่า
"พี่เพลิงจะเอาน้ำมนต์ไปทำไม สายสิญจน์อีก"
"เอ่อ..พี่เพลิงสั่งว่า..."
"ว่าอะไร"
"ให้พวกฉันไปเอามาอาบล้างซวยน่ะ หมู่นี้เห็นว่ามีแต่เรื่องไม่ดี ก็เท่านั้น" เก่งบอก
"งั้นหรือ แต่เมื่อกี้ พี่เพลิงบอกข้าว่า ให้พวกเอ็งไปตามหาไอ้คง"
สองคนมองหน้ากันชะงัก
"ไอ้คงมันตายที่พระโขนงแล้วจะให้ไปหาได้ยังไง"
"นั่นสิ ก็พี่เพลิงเห็นกะตาว่านังนากมัน" เก่งว่า
หมึกกระทืบเท้าเก่งอย่างแรง เก่งชะงักหุบปากทันที
พิมจ้องหน้ารู้ทัน
"บอกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะฟ้องพ่อกำนัน เอ็งหลังขาดแน่"
หมึกกับเก่งขาอ่อนทรุดตัวลงนั่งไหว้พิมทันที
"อย่านะ อย่าบอกพ่อกำนันฉันกลัวแล้ว"
"ไม่บอกก็ได้ เปลี่ยนเป็นส่งเอ็งสองคนไปอยู่พระโขนงแทนดีมั๊ย"
"อย่าๆๆ ฉันเล่าทุกเรื่อง แม่พิมอยากรู้เรื่องอะไรถามมา"
พิมจ้องหน้าทั้งสองคนนิ่ง

เพลิงซุกตัวอยู่ที่มุมห้องหนึ่ง ได้ยินเสียงที่ประตู เพลิงชะงัก พิมเปิดประตูพรวดเข้ามา เพลิงร้องเสียงหลง
"พิมเอ็งจะพรวดพราดเข้ามาทำไม นังน้องคนนี้ ทำกูตกใจตายแน่"
"พี่เพลิง รู้มั๊ยเกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
"กูไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ"
"พี่เพลิง ตอนนี้มีคนตายแล้วนะ ไอ้คงมันตายแล้ว พี่ก็รู้ มันตายเพราะพี่นั่นแหละ"
"มันไม่ได้ตายเพราะกู มันตายเพราะผีอีนากต่างหาก"
"พี่เพลิง อย่าบอกนะว่าพี่เป็นต้นเหตุ"
"กูไม่รู้ นังนั่นมันหกล้มเองช่วยไม่ได้ มันเสือกดีดดิ้น ทำเป็นโดนตัวไม่ได้"
พิมชะงัก
"นี่พี่ไปฉุดเขาหรือ เขามีลูกมีผัวแล้วนะ ไปทำเขาทำไม"
"กูไม่สนใจ ถ้ากูอยากได้กูก็ต้องได้"
"พี่เพลิง นี่พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง รู้มั๊ยมันบาป"
"พิม เอ็งเป็นน้องพี่นะ เอ็งต้องเห็นใจพี่สิ ไม่ใช่เห็นใจคนอื่น แล้วไอ้คงมันตายน่ะ ก็เพราะ ผีอีนังนากมันทำต่างหาก พี่เปล่า"
"แล้วพี่เอาหมอผีไปทำไม"
" ก็แค่กันไว้ ไอ้หมึกไอ้เก่งมันแนะนำว่าให้ทำพิธีสะกดวิญญาณ ข้าก็เห็นดีด้วย แต่ไอ้หมอคงมันดันอยากได้น้ำมันพราย ลูกกรอกบ้าบออะไรนั่น ... เอ็งต้องช่วยพี่นะ ถึงพี่จะชั่วจะเลวยังไง พี่ก็เป็นพี่ของเอ็ง"
เพลิงเว้าวอน พิมมองหน้าเพลิงหนักใจ
"แล้วไม่คิดจะบอกพ่อกับแม่หรือ"
เพลิงส่ายหัวดิก
"ไม่เด็ดขาด เอ็งก็รู้ ว่าถ้าพ่อกับแม่รู้ เรื่องจะใหญ่ขนาดไหน เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือพ่อกับแม่หรอก ทำเงียบๆไปซะ ประเดี๋ยวคนก็ลืม ถ้าเอ็งไม่รักพี่คนนี้ ก็ตามใจเอ็งแล้วกัน ถึงทีของเอ็งแล้วนี่ อยากจะทำอะ ไรข้าก็เชิญเลย"
เพลิงทำน้อยใจ พิมมองหนักใจ

มั่นพายเรือมาส่งมัคนายก ที่หัวสะพานพระโขนง
"เออ ไอ้มั่นเอ็งว่ามั๊ย แม่หนูพิมนั่นก็หน้าตาจิ้มลิ้มไม่หยอกนะ"
มั่นทำหน้าแหวะ
"ผู้หญิงอะไร เปรี้ยวเป็นมะดันเดือนแล้ง เข็ดฟัน"
"ฮั่นแน่!!!พูดแบบนี้แสดงว่ารู้จักกันมาก่อนล่ะสิ"
" แล้วมันเรื่องอะไรของลุงล่ะ"
"แหม ไอ้มั่นเอ็งมันปากแบบนี้แหละ ผู้หญิงที่ไหนเขาจะทนเอ็งไหว ชาตินี้เอ็งจะหาเมียลำบาก"
"ไม่มีก็ไม่ตายไม่ใช่หรือ ลุงปลอดก็ยังไม่มีเลย เห็นอยู่เหนียว เหี่ยวทนนี่นา"
"นั่นไงๆ ไอ้มั่น ประเดี๋ยวข้าเตะทั้งๆที่เหี่ยวๆอย่างนี้หรอก หนอย ข้าหวังดีนะโว๊ย ข้ารอรักแท้ที่ยังมาไม่ถึงโว๊ย"
"ใช่ ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า รอหน่อยนะลุง"
มัคนายกชี้หน้า
"เออๆ ระวังไว้เหอะ เกลียดยังไงมันจะได้อย่างนั้นแหละ ยังไงก็ขอบใจนะโว๊ย"
มัคนายกไป มั่นมองตามแล้วส่ายหน้า
"เป็นมัคนายกยังยุ่งไม่พอหรือ จะเป็นแม่สื่อด้วยเชอะ ฝันไปเหอะ"
มั่นผูกเชือกเรือไว้กับหัวสะพานแล้วเดินตามไป

ที่ลานวัด ชาวบ้านยืนคุยกัน วิจารณ์เรื่องการตายของหมอคง สัปเหร่อยืนมองอย่างอ่อนใจ
ชาวบ้าน 1ถาม
"เป็นผีมือผีนังนากใช่มั๊ย"
สัปเหร่อบอก "ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ใช่"
ชาวบ้าน 2 "ก็ไอ้หมอผีนั่นมันไปขุดหลุมนังนากนี่ เขารู้กันทั้งบางว่ามันตายทั้งกลม"
"แล้วเอ็งรู้ได้ยังไงว่าเป็นผีนังนากทำ ห๊า ข้าไม่รู้โว๊ย โน่น มัคนายกมาแล้ว ไม่เชื่อเอ็งไปถามดูเลย"
มัคนายกกับมั่นเดินเข้ามา ชาวบ้านเดินเข้าไปรุม
"มาก็ดีแล้ว สรุปแล้วนังนากมันหักคอไอ้หมอคงใช่มั๊ย มัคนายก"
"ถ้าอย่างงี้จับมันใส่หม้อถ่วงน้ำซะเลยสิ ไม่งั้นชาวบ้านจะเดือดร้อน"
มัคนายกงง ทุกคนรุกถามแบบจริงจังมาก
"พอซะที ถ้าใครพูดว่าเป็นผีมือแม่นากอีก ฉันจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดูสิ"
มั่นโมโห ทุ้ย เค้ง โพล้งเห็นท่าไม่ดีรีบขวางลากตัว มั่นออกมา
ชาวบ้านชี้หน้ามั่น อย่างไม่พอใจ
สัปเหร่อกับมัคนายกมองหน้ากัน หนักใจ
"ใจเย็นๆ ทุกคน อย่าเพิ่งโวยวาย ผีไม่มีหรอก มีแต่คนตายพระท่านว่า คนตายแล้ว จิตก็ออกจากร่างไป เหลือแต่ซากเท่านั้น เป็นซากแล้วจะไปทำอะไรใครได้อีกเล่า"
"สรุปแล้ว ไอ้หมอคงมันตายเพราะอะไรกันแน่"

มัคนายกกับสัปเหร่อมองหน้ากันพูดไม่ออก

ทุ้ย เค้ง โพล้ง ลากมั่นออกมา มั่นสะบัดหลุดโวยวาย

"พวกพี่ห้ามฉันทำไม ปล่อยให้ชาวบ้านใส่ร้ายแม่นากได้ยังไง"
"ไอ้มั่น เอ็งช่วยใจเย็นนิดนึงได้มั๊ย ชาวบ้านนั่นเป็นสิบนะโว๊ยคนนึงก็สองขา เอ็งรับแรงถีบไหวหรือ" โพล้งบอก
"ฉันไม่กลัว มันจริงที่ไหน แม่นากน่าสงสาร ตายแล้วยังไม่พ้นคำนินทาว่าร้าย"
เค้งถาม
"แล้วเอ็งแน่ใจหรือว่า ไม่ใช่ฝีมือมัน ก็เห็นกันชัดๆว่า ตายแล้วตามันยังไม่หลับเล๊ย"
มั่นอึ้งไปนิดแต่ยังเถียง
"แต่มันตายเพราะตอเสียบทะลุกลางอกไม่ใช่หรือ แล้วเกี่ยวกับแม่นากตรงไหน"
ทุ้ยบอก "เอ็งมันก็เห็นดีเห็นงามกับนังนากไปซะทุกอย่างนั้นแหละ มันตายไปแล้วนะโว๊ย ตัดอกตัดใจบ้างเหอะไอ้มั่น"
"ข้าไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือผีแม่นาก ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด"
"ไอ้มั่น กูขอร้อง เอ็งจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ตอนนี้ไม่สำคัญ แต่คนทั้งหมู่บ้านเขาเชื่อ ถ้าเอ็งพิสูจน์ไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งแหกปากพูดไป มันจะเดือดร้อน เข้าใจมั๊ย" โพล้งว่า
"แล้วเอ็งจะให้ข้าทำอย่างไร ยืนเฉยๆให้เขาใส่ร้ายแม่นากงั้นหรือ"
"ใช่ มึงควรจะยืนเฉยๆ รอไอ้มากมันกลับมา มึงเอาสมองน้อยๆของมึงไปคิดดีกว่า ว่าตอนไอ้มากกลับมา มึงจะบอกมันยังไง ให้มันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ตามนังนากมันไปอีกคน"
มั่นนิ่งฟัง
"แล้วตอนนี้ไอ้มากไปอยู่ซะที่ไหนล่ะ โธ่เว๊ย"
มั่นหงุดหงิด ทุกคนมองอย่างเห็นใจ

บรรยากาศโพล้เพล้ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เรือชาวบ้านลอยลำหาปลา ปล่อยลอยมาตามกระแสน้ำเอื่อยๆ
ชาวบ้าน 1 ถือแหที่หัวเรือจ้องมองดูปลา ชาวบ้าน 2 มองรอบๆตัว บรรยากาศมืดลงทุกที
"กูว่า พอดีมั๊ย มันมืดแล้วนะมึง"
"ขออีกที ตะกี้กูเห็นลูกครอก แม่มันต้องอยู่แถวๆนี้แหละ เมียกูเขาอยากได้ปลาช่อนไปทำห่อหมก"
ชาวบ้าน 2 มองไปที่ ท่าน้ำบ้านนากแบบใจคอไม่ดี
"นั่นไง เสร็จกู"
ชาวบ้าน 1 เหวี่ยงแหออกไปทันที ชาวบ้าน2 หันไปดูไม่ทันระวัง พายหล่นจากมือตกน้ำไป
"มึงว่ายน้ำไปเอาพายมาก่อนสิวะ เดี๋ยวมันติดกอสวะลอยไปไกลเร็วเข้า ประเดี๋ยวกูสาวแหเอง"
ชาวบ้าน 2 ลังเล มองไปที่ท่าน้ำอย่างไม่แน่ใจ แล้วจำใจกระโดดลงน้ำว่ายไปทันที
พายถูกแรงกระเพื่อมของน้ำ ลอยไปติดที่ท่าน้ำบ้านนาก
ชาวบ้าน 2 ว่ายน้ำมาเกาะที่หัวสะพาน คว้าไม้พายไว้ได้ พอเงยหน้าขึ้น ชะงักร้องลั่นไม่เป็นภาษา "อะ..อะ ..อีนาก"
ชาวบ้าน 1 กำลังดึงปลาออกจากแหตกใจได้ยินเสียงร้องของเพื่อน ปลาหลุดมือตกน้ำไป ชาวบ้าน 2 ว่ายน้ำกลับไปที่เรือพอดี
"มึงร้องทำไมวะ ปลากูหลุดน้ำเลย"
"กูเห็น ... ผะ..ผะ ..ผะผี"
"ไอ้ตาขาว ผีใคร นังนากหรือ มาให้กูเห็นสิ กูจะปล้ำซะเลย"
ชาวบ้าน2 ชี้มือไป ชาวบ้าน 1 หันไปมองแล้วชะงัก เห็นแม่นากอุ้มลูกยืนอยู่ที่หัวสะพาน
ชาวบ้านทั้ง 2 คนร้องไม่เป็นภาษา เอามือแทนพายวักน้ำกลับไปอย่างรวดเร็ว
แม่นากมองอย่างเศร้าสร้อย
"ทำไมคนต้องรังเกียจเราแม่ลูกด้วย เราไม่เคยทำอะไรให้คนเดือดร้อนเลย"
เสียงหมาหอนโหยหวน

มากกำลังนอนอยู่ในมุ้ง .... ภาพในอดีตเข้ามาในฝัน
มากกับนากขี่ควายอยู่ด้วยกัน นากเอนกาย มากโอบนากไว้ สองคนสีหน้ามีความสุข
นากกับมาก วิ่งหนีฝนมาหลบใต้ต้นไม้ เอาใบกล้วยบังฝน นากขยับตัว หลบฝนเบียดชิดมาก สองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม มากยืนกอดนากไว้ใต้ละอองฝน
มากกับนากยืนเคียงกันที่ริมหน้าต่าง ฝนตก มากหยอกล้อกับนากแบบข้าวใหม่ปลามัน มากแอบฉกหอมนาก นากเอียงอายสองคนกอดกัน
นากยืนอยู่ที่ท่าน้ำ ซับน้ำตามองมากที่พายเรือห่างออกมา
"พี่มากจ๋า...พี่มาก กลับมาหานากเถอะนะจ๊ะ"

มากกระสับกระส่าย ตื่นขึ้น เหงื่อเต็มหน้า
"นาก"
มากลุกขึ้นตลบมุ้งออกมาข้างนอก
"นอนไม่หลับหรือโยม"
"ขอรับ ผมคิดว่า คงจะต้องกลับบ้านเสียที"
"ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถิด พักผ่อนซะก่อน"
มากนิ่ง ค่อยๆหันกลับเข้ามุ้งไป
อีกมุมหนึ่ง เณรกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ ค่อยๆลืมตาขึ้น ร่างเหมือนวิญญาณของเณรเดินขึ้นทิ้งร่างไว้ ออกจากห้องไป

กายทิพย์ของเณรเดินออกมาที่หน้ากุฏิ เห็นร่างของแม่นากนั่งอยู่ที่พื้นดิน และเหมือนมีวิญญาณคอยรบกวนแม่นากอยู่
"อย่าไปรบกวนสีกานากเลย เราจะคุยกับเขาเอง"
วิญญาณที่วนเวียนรอบๆ ค่อยๆ ล่าถอยไป
"อิชั้นมาตามผัว เณรอย่ารั้งเขาไว้เลย"
"หน้าที่ของข้าคือรักษาให้พ่อมากหายดี โยมกลับไปซะเถิด ข้าจะปล่อยเขากลับไปแน่นอน"
แม่นากเงยหน้าขึ้นมองเณร แล้วก้มลงกราบ ก่อนสลายร่างหายไป

เณรมองตามนิ่ง แล้วหันหลังเดินทะลุประตูเข้าห้องไป
 
อ่านต่อหน้า 4

แม่นาก ตอนที่ 5 (ต่อ)

กลางคืนต่อมา มั่นนั่งหน้าเครียด ทุ้ย เค้ง โพล้ง นั่งลับมีด ลับเคียวอยู่

ทุ้ยบอก
"ไอ้มั่นนี่มันเป็นเอาหนัก ใครว่าก็ไม่ฟัง"
"มึงไม่เข้าใจมันหรอก มึงไม่เคยรักใครนี่หว่า" โพล้งว่า
"แล้วเอ็งเคยมีคนรักแล้วหรือไง" ทุ้ยถาม
"นั่นสิ ที่พูดน่ะเข้าใจหรือเปล่า" เค้งว่า
"กูกำลังรอรักแท้ที่ยังมาไม่ถึงโว๊ย ไม่ใช่ไม่มี หุบปากได้แล้ว ปล่อยให้เวลารักษาใจไอ้มั่นมันเหอะ ไม่ใช่เรื่องของพวกเอ็ง"
ทุ้ยกับเค้งมองโพล้งแล้วค้อน
มั่นรำพึง
"เป็นไปไม่ได้ แม่นากต้องไม่ทำอะไรแบบนี้แน่นอน"
มั่นนิ่งคิดหนัก

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ไก่ขัน ในกุฏิเณร มากกำลัง เก็บข้าวเก็บของ พอก้มตัวมากเจ็บ แต่พยายามเก็บอาการ
"ยังเจ็บอยู่ใช่ไหมโยม"
มากหันไปมองเห็นเณรยืนถือชามยาอยู่
"ดีขึ้นแล้วขอรับเณร แต่ถ้าเอี้ยวตัวเร็วๆ ก็เจ็บบ้าง"
"กินยาเสียก่อนสิ"
มากรับยาจากเณรไปดื่มแล้วทำหน้าแหย
"หวานเป็นลม ขมเป็นยา หวานทำให้หลง ขมทำให้หาย"
มากยิ้มรับแข็งใจดื่มจนหมด
"ผมขอลา ขอบใจพ่อเณรที่ช่วยดูแลรักษา"
"ไม่รักษาให้หายขาดก่อนหรือ เดินทางอีกหลายวัน ร่างกายก็ยังอ่อนแอ"
"ผมคงรอไม่ไหวหรอกพ่อเณร ใจมันร้อนห่วงลูกกับเมีย ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง"
เณรนิ่งมองมาก แล้วพยักหน้า หยิบสร้อยพระส่งให้ มากรับไป
"สวมติดตัวไว้ อย่าให้ห่าง ยังไม่หมดเคราะห์ ต้องรักษาตัวให้ดี เดินทางให้ห่างไม้ใหญ่ ค่ำมืด ให้หยุดพัก อย่าฝืนเดินต่อ มันอันตราย"
"ขอรับเณร ผมจะระวังตัว"
"สติจะรักษาผู้ครองไว้ สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ความจริงนะโยมจำไว้"
มากฟัง ไม่เข้าใจ นิ่งคิด เณรเดินไปแล้ว
"หมายความว่ายังไง"

เดินไปเดินมาในห้องนอนใช้ความคิด
"ถึงพี่จะชั่วจะเลวยังไง พี่ก็เป็นพี่เอ็งนะพิม"
ถอนหายใจหนักอก
"จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ..บ้าจริง อีตอนทำไม่รู้จักคิด"
บ่าวของพิมคลานเอาเสื้อผ้าเข้ามาวางเก็บเข้าที่ พิมไม่ทันมองเดินไปเตะบ่าวที่คลานเข้ามา จนตัวเองเกือบล้ม บ่าวตกใจลนลาน
"ขอโทษเจ้าค่ะคุณพิมอิชั้นซุ่มซ่ามเอง"
"ขอโทษหรือ เอ็งคิดว่าขอโทษแล้วหายหรือ"
บ่าวตกใจกลัว "หายสิเจ้าคะ"
" อย่าถือโทษโกรธบ่าวเลยนะเจ้าคะ บ่าวกราบขอโทษจริงๆ บ่าวไม่ได้ตั้งใจจะขวางทางคุณพิมเจ้าค่ะ"
"งั้นหรือ ข้ายกโทษให้เอ็ง"
บ่าวงง แล้วรีบลนลานถอยออกไปทันที พิมมองตามสีหน้าครุ่นคิด

มั่นผลุนผลันลงบันไดมา เค้งโดดเกาะคอไม่ให้ไป
"อย่ามาห้ามเลย ถ้าพวกพี่กลัว ก็ไม่ต้องไป"
"กูไม่ได้กลัว แต่กูไม่อยากให้มึงไปเสี่ยงไอ้มั่น" โพล้งว่า
"เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ จริงมั๊ยพี่ทุ้ย"
"กูเห็นด้วยกับไอ้เค้ง"
"ตามใจ แต่ฉันต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เรื่องที่ชาวบ้านลือว่าผีแม่นากอาละวาด ไม่จริง"
มั่นเดินไปทันที โพล้งอึ้ง
"เอาไงดีอ่ะพี่" เค้งถาม
"จะปล่อยให้มันไปคนเดียวหรือ ถ้ามันเป็นไรไป ไอ้มากกลับมามิหักคอเราหรือ" ทุ้ยว่า
"กูไม่กลัวไอ้มากมันหักคอกู แต่กูกลัวนังนากมันหักคอไอ้มั่นตะหากเล่า ไป ไปดูให้เห็นกะตา ไงเราก็เลือดพระโขนงไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว"
โพล้งไป ทุ้ยอิดออดเล็กน้อยแล้วตามไป เค้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ทุ้ยวิ่งกลับมาลากหูเค้งไป

มั่นยืนอยู่หน้าเรือนแม่นาก ทุ้ย เค้ง โพล้ง ค่อยๆโผล่ออกมาจากทางด้านหลัง
เรือนแม่นากดูทรุดโทรมรกร้าง มีต้นไม้ขึ้นรกเรื้อ มั่นเดินไป
"ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย ดูสิ มีแต่เรือนร้าง คนก็พูดไปเอง คิดไปเอง"
"ก็มันดูน่ากลัวแบบนี้แหละ" โพล้งบอก
"ถ้าเราช่วยกันถางให้เตียนๆ มันก็ไม่น่ากลัวหรอก มาช่วยกันคนละไม้ละมือ ประเดี๋ยวก็หายรก"
มั่นกระชับผ้าขาวม้า เดินไปฟันเถาวัลย์ที่รกๆข้างบ้าน
ทุ้ย กับเค้งมองหน้ากัน แล้วหันไปมองโพล้ง
"เอาไงดีพี่"
โพล้งบอก
"จะเอาไง ก็ช่วยกันสิวะ ถ้ามันทำคนเดียว คงย่ำค่ำกว่าจะเสร็จ ถึงเวลานั้นน่ะ น่ากลัวกว่านี้เยอะ"
โพล้งรีบเดินไปช่วยมั่นอีกแรง ทุ้ยกับเค้งถอนหายใจเฮือก หยิบเครื่องมือไปช่วยกันฟันหญ้าที่รกๆ

"อย่างไรก็อย่างกันวะ ไวเลยไอ้เค้งเอ็งอย่ากินแรงเพื่อน"

มั่นถางหญ้าที่รกๆจนเตียนเรียบร้อย

ทุ้ยเค้งโพล้ง ช่วยกันฟันต้นไม้ข้างๆบ้านที่ขึ้นรกเรื้อออกจนสะอาดเอี่ยม
มั่นตัดแต่งกิ่งไม้ เถาวัลย์ที่เลื้อยขึ้นไปบนหลังคา หอบเอาไป ทิ้งห่างออกมา
พระอาทิตย์ตรงหัว ร้อนเปรี้ยง มั่นหันไปมองบนเรือน เห็นเงาแม่นากแว๊บที่ชานเรือน มั่นขยี้ตา แม่นากเลือนหายไปแล้ว
"บ้าแล้วเรา กลางวันแสกๆ สงสัยแดดเข้าตาแน่เลย"
ทุ้ย เท้ง โพล้งเดินเข้าหลบแดด
โพล้งบอก "เรียบร้อยแล้ว ดูไม่น่ากลัวเหมือนตอนแรกแล้ว"
"ที่นี้เอาไงต่อ เอ็งพอใจหรือยังวะไอ้มั่น" เท้งว่า
"พอใจแล้ว อีกหน่อยชาวบ้านก็คงเลิกลือกันไปเอง"
เค้งบอก "ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ กลับกันเหอะ ฉันคิดถึงบ้าน"
"ไอ้ปอดแหก"
ทุ้ยบอก "ฉันก็คิดถึง กลับเหอะ นะนะ"
"กลับก็ดี วันนี้ข้าเปรี้ยวปากอยากจะกินต้มโคล้งปลาช่อน ไปทอดแหที่หลอดวังกุ้งกันดีกว่าว่ะ"
"ฉันก็อยากกิน" เค้งบอก
ทุกคนเฮ หันหลังเดินกลับไป มั่นหัวเราะหันกลับไปมองที่เรือนอีกครั้งแล้วยิ้ม
เดินไปลงเรือที่หัวสะพาน
บนเรือ แม่นากยืนอุ้มลูกมอง
"ขอบใจพี่มั่นมากนะจ๊ะ"

เพลิงอารมณ์เสีย พิมพยายามจะดึงเพลิงออกจากห้อง เพลิงสะบัด
"ไม่ไป ยังไงกูก็ไม่ไป"
"ถ้าพี่ไม่ไป เขาจะรู้สึกได้ยังไงล่ะว่าพี่สำนึกผิดจริงๆ"
"ไม่ได้ ถึงจะสำนึกยังไง คุยกับผีมันไม่มีเหตุผลหรอก"
"พี่เพลิง พี่ไม่ไป แล้วจะทำยังไง"
"เอ็งก็ไปแทนพี่ไม่ได้หรือ เอ็งเป็นน้องสาว ขอโทษแทนพี่ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา"
"จะบ้าหรือ ฉันไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว เขาจะฟังฉันหรือ"
"ไม่รู้ละ ส่งเอ็งไปเป็นทูต เขาคงไม่ฆ่าเอ็งหรอก เหอะน่า ไหนๆจะช่วยแล้วก็ช่วยให้เต็มที่ไม่ได้หรือ"
"โธ่พี่เพลิง จะบ้าตาย"
"เอาน่า สัญญาว่าถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ พี่จะบวช จะทำตัวเป็นพี่ที่ดี"
"จริงหรือ พี่จะบวชจริงนะ สัญญา"
เพลิงพยักหน้าแบบขอไปที
"จริงๆ พี่สัญญา เอ็งต้องช่วยพี่นะ"
พิมนิ่งคิดมองหน้าเพลิง เพลิงแอบเบือนหน้าแหวะ

มากเดินมากลางแดดร้อนเปรี้ยง มีเพิงของชาวบ้านตั้งอยู่ ในเพิง มีป้ากำลังทอผ้า
มากปาดเหงื่อเดินเข้าไป
"ป้าจ๋า ฉันเดินทางมาไกล ขอพักหลบแดดสักหน่อยนะจ๊ะ"
"ได้สิพ่อหนุ่ม ดูท่าทางไม่ใช่คนที่นี่ ไปไงมาไงล่ะ"
"ฉันไปเป็นทหารเพิ่งปลดประจำการจ๊ะ จะกลับบ้านซะที"
ป้านิ่งคิด แล้วยิ้มแย้ม
"เป็นทหารหรือ คงได้เบี้ยหวัดมาโขอยู่สินะ"
"ไม่เท่าไหร่หรอกจ๊ะป้า จริงสิ ฉันจะไปบางพระโขนงจ๊ะ จากนี่ต้องไปอีกไกลมั๊ยจ๊ะป้า"
"ไม่ไกลดอก ข้าจะบอกทางลัดให้ ไปทางนี้จะใกล้กว่า เดินอีก สักครึ่งวัน ก็จะถึงแล้ว คืนนี้พักค้างเสียที่นี่ก็ได้นะ บ้านข้ามีที่มีทางพอให้พัก เดินทางกลางคืนมันลำบาก"
มากลังเล แล้วตัดสินใจส่ายหน้า
"ไม่ดีกว่าจ๊ะ ใจฉันมันอยากจะถึงบ้านไวๆ ฉันไปดีกว่า"
"เดี๋ยวก่อนสิ เอานี่ ผ้าผืนนี้ เอาไปฝากเมียเอ็ง ข้าทอกับมือเองเลยนะ"
มากลังเล ป้ายัดเยียด
"เอาไปเถอะ ข้าให้"
มากยกมือไหว้
"ขอบใจจ๊ะป้า"
มากเอาผ้ามัดไว้กับห่อ สีสันสดใส แล้วไป
ป้ามองตามมากไปอย่างมีนัยยะ

แสงตะวันเริ่มบ่ายคล้อย มากตัดสินใจพักใต้ร่มไม้ รอบๆตัว ป่าเริ่มทึบมากขึ้น
"ทำไมมันถึงได้รกเรื้อแบบนี้ สงสัยเป็นทางลัดคนไม่ค่อยจะรู้กัน"
มากนิ่งคิด แล้วหยิบผ้าสไบออกมามองแล้วยิ้ม
"โชคดีจัง เจอแต่คนดีมีน้ำใจ อีกไม่นานเราจะได้เจอกันแล้วนะ พี่คิดถึงนากกับลูกที่สุด"
มากนั่งยิ้ม มองผ้าในมือใจลอย หยิบถุงใส่เงินมีเงินนิดหน่อยขึ้นมากำไว้
"ป้าเงินคงจะพอใจ"
มากม้วนถุงใส่ไว้ในชายพกอย่างแน่นหนา

ทางด้านหลัง เสียงกิ่งไม้หักดังเป๊าะ มากรู้สึกตัวหันขวับกลับมา เห็นปลายมีดดาบคมวับ พุ่งเข้ามาหา มากจวนตัวหลบไม่ทัน เอาผ้าแพรสีแดงรับไว้ ผ้าแพรขาดเป็น 2 ท่อน สร้อยพระที่เณรให้มาขาดกระเด็นไปตกที่พื้น
 
มากล้มลงไปกองที่พื้นแน่นิ่ง
 
อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น