พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน หนุ่มรักสนุก
ภายในห้องรับแขก บ้านเจ้าคุณศรีวิศาล วันใหม่ เจ้าคุณประสิทธิ์และคุณหญิงกำลังมาทาบทามขอยาใจให้กับพล ทั้งสองนั่งบนเก้าอี้รับแขก เจ้าคุณศรีวิศาลนั่งตรงข้าม สาวใช้คนหนึ่งนำหมากพลูบุหรี่กระโถนมาให้
"ท่านเจ้าคุณมาหาผมวันนี้คงมีเรื่องสำคัญ"
"ครับ เรื่องของเจ้าพล บุตรชายกระผมเอง"
"มีอะไรหรือครับ"
"คืออย่างนี้ค่ะ ตั้งแต่วันนี้ที่เจ้าพลมันมางานเลี้ยงที่นี่ มันก็กลับไปรบเร้าให้เราสองคนช่วยมา
ทาบทามแม่หนูยาใจให้หน่อย พลมันว่ามันรักลูกสาวท่านเจ้าคุณตั้งแต่แรกเจอเลย"
"ไม่ทราบ เจ้าคุณหรือหนูยาใจจะมีอะไรขัดข้องหรือไม่ครับ"
"คือ ว่าที่จริง พลเป็นลูกจ้าคุณก็เหมือนกับลูกหลานของผม" ศรีวิศาลว่า
"อุ๊ย งั้นก็ดีเลยสิคะ ดิชั้นจะได้ไปหาฤกษ์หายาม" วาดบอก
"เพียงแต่ว่า อือม์"
วาดและประสิทธิ์มองหน้ากันอย่างสงสัย
"อือม์"
เวลาเดียวกัน พลและนิกรในชุดกีฬาเดินอยู่ที่สนามนอกคอร์ทแบด
"ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไปทาบทามสู่ขอยาใจให้กันสำเร็จ กันว่าจะแต่งงานปีนี้ล่ะ"
"กันก็เหมือนกัน ถ้าคุณหลวงสำเร็จพ่อของแน่งน้อยไม่ขัดข้อง เราสองคนก็มาแต่งงานพร้อม
กันเลยนะ"
"แกแน่ใจหรือว่าว่าวันนี้ยาใจมาที่นี่"
"แน่ใจสิวะ กันสืบมาเรียบร้อยแล้ว แอบฟังพี่นันคุยโทรศัพท์นัดหมายกับเพื่อน รู้สึกว่าแน่งน้อยจะมาด้วยนะ"
ภายในคอร์ทแบด ยาใจกำลังตีอยู่กับชายคนหนึ่ง นันทานั่งอยู่กับเพื่อนๆคือ พิสมัย ยุพดี แน่งน้อย นันทารีบเดินเข้าไปหาพลและนิกร
" มาทำไมยะ"
"ไม่ได้มาหาพี่นันแล้วกันละ"
"แล้วมาหาใคร"
"อยากจะมาตีแบดเล่นบ้าง ไม่ได้หรือไง"
"ไม่เชื่อ"
"ไม่เชื่อบอกความจริงก็ได้ พลมันอยากจะมาหายาใจต่างหาก ยังไงก็ไม่มาหาพี่นันหรอก กุ๋ยๆ"
นันทาหน้าเสียไปนิดนึง
"ไอ้บ้า แล้วแกละ มาหาใคร"
"ไม่บอก"
"ไม่บอกชั้นก็รู้ย่ะ"
นิกรทำสะบัดสะบิ้ง
" รู้ก็รู้ไปสิยะ"
นิกรเดินส่ายสะโพกไปหากลุ่มผู้หญิง นันทามองตามด้วยความหมั่นไส้
พลกับนันทาเดินแยกไปอีกทาง ไปที่ขอบสนาม
ภายใน คอร์ทแบด บริเวณที่ผู้หญิงนั่ง เวลาต่อเนื่องมา นิกรเดินมาแน่งน้อยและพิสมัยค้อนให้
"ดีใจมากเลยครับที่เจอพวกคุณโดยมิได้นัดหมายจริงๆเลยให้ตายสิ"
"แถวนี้คงไม่มีงูนะคะ" แน่งน้อยบอก
นิกรสะดุ้ง
"เอ้อ ที่นี่ไม่ใช่ในสวน คงไม่มีสัตว์ร้ายหรอกครับ"
"ดีแล้วค่ะ เพราะถ้ามีดิชั้นจะกระทืบให้ตายคาตีนเลย"
นิกรสะดุ้ง รีบทรุดตัวลงนั่งข้างๆแน่งน้อย
ยาใจตีลูกสุดท้ายพอดี แล้วหันมาเห็นพลและนันทายิ้มหวานให้ ยาใจพูดอะไรบางอย่างกับคู่เล่น แล้วทั้งสองคนเดินมาหาพล
"พล ดีใจที่ได้เจอค่ะ งั้นเดี๋ยวพักสักนิดแล้วเรามาเล่นด้วยกันสักเกม จะรังเกียจมั้ยคะW
พลเขิน
"ไม่เลยครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากกว่า"
"ดีเลยค่ะ งั้นเดี๋ยวพลคู่กับนันนะ ดิชั้นจะคู่กับ ... อุ๊ย ลืมแนะนำเลยค่ะ นี่ร้อยตารวจโท ไสว
เสาวลักษณ์ คู่หมั้นดิชั้นเอง"
พลหน้าซีด เข่าอ่อน นันทารีบเอามือยันไว้
"เป็นอะไรคะพล" ยาใจถาม
"ดีใจแทนคุณจนเข่าอ่อนเลยครับ"
ยาใจควงแขนไสว
"ขอบคุณมากค่ะ"
สองคนเดินไป นันทามองด้วยความสมเพช
" เดินไหวมั้ยพล หรือจะให้นันเอาควายมาลาก"
"พอไหวจ้ะ"
ภายใน ห้องรับแขก บ้านพัชราภรณ์ ตอนกลางวัน คุณหญิงวาด เจ้าคุณประสิทธิ์ เจ้าคุณวิจิตรกำลังคุยอยู่ด้วยกัน
"เป็นยังไงบ้างละ วันนี้ที่ไปทาบทามแม่ยาใจให้ตาพลล่ะ" วิจิตรถาม
ประสิทธิ์และวาดมองหน้ากัน "อือม์"
"แปลว่าอะไรหรือ"
"แปลว่า เหลวค่ะ คุณพี่ แม่ยาใจมีคู่หมั้นเสียแล้วเป็นนายตำรวจ"
"อ้อ งั้นรึ"
"แล้วทางคุณพี่ ที่ไปทาบทามแม่แน่งน้อยให้ตานิกรละครับ เป็นอย่างไรบ้าง คงจะมีข่าวดีกว่า
ผมเป็นแน่"
"อือม์"
วาด/ประสิทธิ์ "อือม์"
ภายใน คอร์ทแบด อีกมุมหนึ่ง ยาใจและไสวยืนจู๋จี๋กันอยู่ ทางด้านนิกร ซึ่งมีพล นันทา แน่งน้อย พิสมัย ยุพดี นั่งอยู่ด้วย
" คุณยาใจมีคู่หมั้นแล้วหรือครับ"
นิกรเห็นเพื่อนคอตก
"ก็ใช่น่ะซีคะ เค้าก็จะแต่งงานกันเร็วๆนี้แหละ"
"คุณไสวคู่หมั้นยาใจน่ะ แกเป็นญาติของผัวดิชั้นเองค่ะ"
"เป็นญาติกับผ..หา! คุณแน่งน้อย คุณมีผัวแล้ว"
แน่งน้อยอายแต่ยอมรับ " ค่ะ"
บรรดาสาวๆหัวเราะกันใหญ่ นันทาหัวเราะดังทีสุด นิกรหันมาค้อนทาปากขมุบขมิบ นันทาจึงหยุด
"แต่ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ที่เราเจอกันงานท่านเจ้าคุณศรี คุณยังไม่มีผัวนี่ครับ"
"ตอนนั้นยังไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้วค่ะ"
"ไม่รู้เรื่องเลย คุณมีพิธีแต่งงานเมื่อไรกันครับ"
"ไม่ได้มีพิธีหรอกค่ะ เพราะคุณพ่อดิชั้นไม่เห็นด้วยที่จะแต่งงานกับคนที่ท่านเห็นว่าไม่คู่ควร ดิชั้น
ก็เลยให้พี่เค้าปีนรั้วมารับไปตอนดึกน่ะค่ะ"
นิกรสะดุ้ง
"คุณหนีตามผู้ชาย"
"ถ้าไม่ทำอย่างนั้น คุณพ่อไม่มีวันอนุญาตค่ะ เข้าใจใช่มั้ยคะ" เธอเอามือมาจับนิกรไว้ ขอความเห็นใจ
"นั่นไงคะ ผัวแน่งน้อย มาแล้ว"
ชายรูปร่างล่ำสันกล้ามเป็นมัดเดินมา
"พี่เค้าเป็นนักกล้ามค่ะ พี่จวบจ๋า ทางนี้จ้ะ"
นิกรสะดุ้งเฮือก ปัดมือแน่งน้อยออก แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆไหว้
"กระผมนิกร การุณวงศ์ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
พลและนิกรมองหน้ากัน
เพลง กีฬาหัวใจ
(คำร้อง ศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
ยาใจ แน่งน้อยไปจู๋จี๋กับแฟน "โลกของความสุขเรียกร้องเราลุกเดินหน้า เล่นเหลิงเริงร่ากีฬาหัวใจ"
พิสมัยมองทั้ง 2 คู่อย่างหมั่นไส้ "แข่งขันกันหนัก เร่งเร้าเอารักเอาใคร่"
นันทา เยาะเย้ย พล นิกร "สู้เขาไม่ได้ พ่ายไปซิเรา" (หัวเราะ)
ยุพดี "อย่าทาใจยากเย็น แพ้ชนะจะเป็นตายเอา"
พล นิกร "เมื่อเล่นเริงเชิงอ่อนเยาว์ โอ้ปราชัยเขาน่ะซี"
หมู่หญิง "แข่งขันกันใหม่ ฝึกซ้อมใจไว้เต็มที่ เพื่อรักเรานี่ได้มีหวังครอง"
ผ่านเวลามา พวกผู้หญิงเดินออกมาก่อน พลนิกรเดินตามมา
"แกคงเสียใจมากสิ กร" พลถาม
"ฮึ คนอย่างเราก็เป็นนักสู้ที่ทรหดอดทน ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก ตราบใดที่เรามีอัฐใช้ ตราบนั้นเราก็หาคนรักใหม่ได้"
"ถูกของแก คนอย่างเรา ไม่มีอะไรจะทาให้เศร้าหมองได้เด็ดขาด"
พล "โลกของความสุขเรียกร้องเราลุกเดินหน้า เล่นเหลิงเริงร่ากีฬาหัวใจ"
นิกร "แข่งขันกันหนัก เร่งเร้าเอารักเอาใคร่สู้เขาไม่ได้ พ่ายไปซิเรา"
พล "อย่าทาใจยากเย็น แพ้ชนะจะเป็นตายเอา เมื่อเล่นเริงเชิงอ่อนเยาว์ โอ้ปราชัยเขาน่ะซี"
นิกร "แข่งขันกันใหม่ ฝึกซ้อมใจไว้เต็มที่ เพื่อรักเรานี่ได้มีหวังครอง"
วันใหม่ ห้างพัชราภรณ์อยู่บนถนนเจริญกรุงเป็นตึกแถวสามคูหา ชั้นล่างขายเครื่องสำอาง และ ของต่างๆที่สั่งมาจากต่างประเทศ ชั้นบนเป็นออฟฟิศที่ทำงานของผู้จัดการห้าง คือ พล พัชราภรณ์
หน้าห้องทำงานเป็นโต๊ะเลขา ประตูห้องทำงานผู้จัดการมีบังตาไม้ครึ่งหนึ่ง มีป้ายติดว่า ผู้จัดการ ขณะที่เลขากำลังทำงานอยู่ นิกรเข้ามา
"แม่ศรีนวลคนสวย คุณพลอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ"
"อยู่ค่ะ แต่ว่า"
"ทำไมนับวันศรีนวลก็ยิ่งสวยขึ้นๆ"
"เอาอีกแล้ว คุณนิกรน่ะ มาเกี้ยวดิชั้นอีกแล้ว"
"ก็จริงนี่จ๊ะ ดูสิผิวพรรณเปล่งปลั่งเป็นน้ำเป็นนวลเชียว"
"คงเป็นเพราะดิชั้นท้องกระมังคะ"
"หา ท้อง!"
ศรีลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน ทำให้เห็นว่า กำลังตั้งท้องอยู่
" ค่ะ ได้สี่เดือนแล้วค่ะ"
"เอ้อ มิน่าละ ผมไปหาเจ้าพลดีกว่า"
"แต่ว่า... เจ้าคุณประสิทธิ์กับคุณหญิงท่านอยู่กับคุณพลนะคะ"
นิกรกำลังจะเดินไปเปิดประตูเข้าไปในห้องพล ก็ชะงัก
"คุณอามาเหรอ มาทำไม"
"ศรี คือ" เสียงเจ้าคุณประสิทธิ์ลอดบังตาออกมา
"ทำไมแกไม่เอาถ่านอย่างนี้ ฮึ พล"
นิกรรีบย่อตัวไปแอบดูจากใต้บังตาห้อง
ในห้องพล เจ้าคุณประสิทธิ์กำลังตำหนิพลอยู่ โดยมีคุณหญิงวาดนั่งอยู่ด้วย พลนั่งบนพื้น ในมือประสิทธิ์ถือซองสีน้ำตาลจากทางการ "ทำไมไม่เอาเงินไปชาระภาษีการค้า นี่เห็นมั้ย อำเภอเค้ามีจดหมายมา ให้เอาเงินไปเสียค่าปรับเป็นทวีคูณ จะต้องเสียค่าปรับตั้งหลายร้อย"
วาดเข้าข้างลูก "แหม ไม่ต้องเสียงดังอย่างนั้นก็ได้ค่ะ"
"ไม่ต้องมาเข้าข้างลูก ชั้นกำลังจะดุมัน"
"ก็เอาสิคะ แต่อย่ามากเกินไป ไม่งั้นสวย"
ประสิทธิ์สะดุ้ง เสไปด่าพลต่อ
"แกจะว่ายังไงหา แกจะว่ายังไงW
พลจ๋อยบอก "ไม่ว่าหรอกครับ มีแต่คุณพ่อจะว่าผม"
วาดหัวเราะกิ๊ก
"หัวเราะอะไร คุณหญิง ชั้นไม่เห็นมีอะไรน่าขบขันซักหน่อย"
วาดเบรกพรืด
"พิลึกแท้ๆ เจ้าคุณไม่ขัน ดิชั้นขันนี่
"อย่ายุ่งหน่อยเลยคุณหญิง ชั้นจะพูดกับลูกชั้น"
" แต่ดิชั้นเป็นผู้อุ้มท้องมา เพราะฉะนั้นเจ้าพลลูกดิชั้น"
"ลูกชั้น"
"ลูกดิชั้น"
"บ๊ะ คุณหญิงนี่ยังไงนะ"
"ยังงี้ล่ะค่ะ"
"คุณพ่อคุณแม่อย่าเถียงกันเลยครับ ผมเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองคนW
วาดลูบหัวพล หัวเราะลั่น
"นิ่งเสียลูก อย่าพยายามชี้แจงกับท่านเลย เรารู้กันแล้วว่า เจ้าน่ะเป็นลูกสุดสวาทขาดใจคนเดียวของแม่ และแม่ก็เป็นแม่คนเดียวของเจ้า"
"เอางั้นใช่มั้ย ดี ให้มันรู้ไปว่าชั้นไม่มีลูก ชั้นจะได้จัดการหาลูกไว้สักคน"
วาดผุดลุกขึ้นทันที
"ก็ลองดูสิคะ ถ้าไม่บ้านแตกสาแหรกขาด ก็คงมีหัวล้านใครแตกบ้างละ"
เจ้าคุณประสิทธิ์สะดุ้ง ลูบหัวล้าน คุณหญิงค้อนขวับแล้วนั่งลงใหม่
นอกห้องนิกรลงไปดิ้นด้วยความขำ ศรีนวลหัวเราะจนท้องกระเพื่อม
ภายในห้องทำงานพล ประสิทธิ์บอกว่า
" แกสองคนกับเจ้านิกรมันลิงเราดีๆนี่เอง คิดแล้วแค้นไม่หายที่แกมาหลอกชั้นให้นึกว่าแกโง่ ที่
ไหนได้ ฮึตั้งแต่นี้ต่อไป แกจะเที่ยวเตร่ไม่ได้เป็นอันขาด เข้าใจมั้ย"
พลน้อยใจ)
"ก็ได้ครับ ผมจะไม่ไปไหนแล้ว ให้มันโง่ตายอยู่กับบ้านนี่ละ"
"เอ๊ะ ไอ้นี่ประชดชั้นเหรอ อย่ามาจองหองนะ ไม่งั้นชั้นจะอับเปหิแกออกจากบ้าน"
"พอได้แล้วค่ะ เจ้าคุณ พล แกก็ไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงมากนัก จะยั่วคุณพ่อแกไปถึงไหน คน
หัวล้านยิ่งใจน้อยอยู่"
"ผมไม่ได้ยั่วเลยครับคุณแม่ ให้พระแก้วพระกาฬหักคอ ให้ผมก้าวไปนี่ธรณีสูบ ให้.."
"พอ พอ พอ แกจะเสียเด็กใหญ่แล้ว พูดคำต้องสาบานคำ แม่ละเกลียดจริงๆให้ตายห่าสิ...อุ๊ย"
"พอกันทั้งแม่ทั้งลูก ไป ไปได้แล้ว ไปจัดการเสียภาษีซะด้วย" เจ้าคุณประสิทธิ์พูดพลางส่งซองให้
วาดและประสิทธิ์ลุกขึ้น เดินออกไป
อ่านต่อหน้า 2
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน หนุ่มรักสนุก (ต่อ)
เจ้าคุณประสิทธิ์และคุณหญิงวาดเดินผ่านไป นิกรหลบอยู่ใต้โต๊ะ
"อ้ายนิกรอีกตัว อ้ายลิงหลอกเจ้า เจอเมื่อไรต้องเจอลูกถีบ"
ศรีกับนิกรสะดุ้ง ศรีลุกขึ้นไหว้
"เดี๋ยวดิชั้นเดินไปส่งท่านเจ้าค่ะ"
ศรี วาด ประสิทธิ์เดินออกไป พลเดินถือซองออกมาจากห้อง
"พล"
"เอ้า เฮ้ย ทำไมไปอยู่นั่น"
นิกรคลานออกมาจากใต้โต๊ะ
"หลบบาทาคุณอา"
"กลุ้มใจเว้ย คุณพ่อห้ามกันไปเที่ยวแล้วW
"เมื่อเช้านี้กันก็คุณพ่อถูกเรียกไปเทศน์เรื่องนี้ละ แทนที่พี่นันจะช่วย ดันซ้ำเติม"
"ยังไงกันก็ไม่ยอมให้มากักขังกันเหมือนนักโทษ แล้วเราจะทำยังไงกันดีละ"
เงียบไปครู่ สองคนใช้ความคิด เสียงนาฬิกาเดิน ติ๊กต่อกๆ จู่ๆนิกรก็หัวเราะลั่น
"คิดออกแล้วเหรอ"
"ยัง"
"แล้วเสือกหัวเราะทำไม ไอ้เวร"
นิกรคิดออก
"เอาอย่างนี้ คิดออกแล้ว"
"ยังไงวะ"
เช้าวันใหม่ พล นิกร ทั้งสองอยู่ในชุดกางเกงแพรสีฟ้า เสื้อชั้นนอกแพรสีไข่ไก่ มีกระเป๋าเดินทางคนละใบ
"แกแน่ใจหรือที่เราสองคนคิดหนีออกจากบ้านนี่"
"คิดดีแล้ว คราวนี้ละทุกคนจะต้องเดือดเนื้อร้อนใจที่เราหายไป เราหนีไปสักสองเดือน พอเรากลับมา ท่านก็จะต้องโอ๋ แล้วปล่อยให้เราเป็นอิสระตามเดิม"
"แล้วจะไปอยู่ทีไหน จะเอาอัฐที่ไหนใช้"
"กันเอาติดตัวมาร้อยกว่า แกละ"
"ร้อยกว่าเหมือนกัน"
"เราสองคนรวมกันสองร้อยกว่า ถมเถ"
"แล้วจะพอใช้เหรอ"
"ฮึ ปัญญามีกับตัวกลัวอะไร เดี๋ยวหมดค่อยคิด ลองเป็นคนจนกับเค้าดูบ้างไม่เสียหลาย"
นิกรเรียกรถสามล้อ
"น้า พาชั้นสองคนไปหาบ้านเช่าหน่อย"
ในตรอกแถวสี่พระยา ตอนเช้า เป็นบ้านเรือนโกโรโกโส มีห้องแถวให้เช่าเก่าๆอยู่ ป้ายติดว่า ให้เช่า
รถสามล้อคันหนึ่งแล่นมา พลนิกรนั่งอยู่บนรถ
คนขับสามล้อบอก
" ตรงนี้ก็เป็นบ้านให้เช่าครับ คุณจะดูมั้ย"
"ตระเวนดูมาตั้งแต่เช้าแล้ว ที่นี่ดูดีสุด กันว่าเอาที่นี่ละ"
สองคนลงมาจากรถ
"ค่ารถเท่าไร น้า"
"บาทนึงครับ"
พลล้วงกระเป๋าหยิบเงินให้
บริเวณหน้าห้องเช่า ลุงเหน่งชายชรากำลังแกะเม็ดบัวอยู่ เพื่อจะเอาไปขาย มีคนเดินไปมาประปราย
"คุณลุงครับ ใครเป็นเจ้าของห้องเช่านี้ครับ" พลถาม
ลุงเหน่งชี้มือ
"ทางโน้นครับ บ้านท่านอยู่ทางโน้น ท่านชื่อคุณนายอิ่ม เป็นแม่ม่ายครับ"
"งั้นเดี๋ยวผมจะไปพบท่านเอง อ้อ ไม่ทราบที่นี่เค้าคิดค่าเช่าเดือนละเท่าไรครับ"
"หกบาทกับหนึ่งสลึงครับ"
"เอ๊ะ ทาไมมีเศษหนึ่งสลึงด้วย"
"อ๋อ นั่นเป็นค่าส้วมครับ"
"อ้าวแล้วถ้าผมไม่ใช้ส้วมละ"
ลุงเหน่งวางมีดแกะเม็ดบัวลง
"ไม่ใช้ส้วมแล้วจะไปส้วมที่ไหน ที่นี่มีแห่งเดียวต้องใช้รวมกัน"
"ผมใช้ห่อกระดาษ"
ลุงเหน่งสะดุ้ง มองพลตื่นๆ
"มันไม่ทุกลักทุเลหรือคุณ"
"ก็เป็นบ้างลุง แต่ถ้าใช้เศษกระดาษหลายชั้นห่อให้เรียบร้อย หาริบบิ้นผูกหน่อย แล้วเอาไปวาง
หน้าห้อง คนที่เห็นเข้าก็จะนึกว่าเป็นลาภของตัวแล้วเก็บเอาไป"
"อือม์ แยบคายดีเหมือนกัน"
"ผมก็ว่างั้นละ ไม่ทราบคุณลุงอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือครับ"
"ผมเพิ่งย้ายมาสองเดือน"
"แต่ก่อนอยู่ที่ไหนละครับ"
" หน้าคุกครับ"
"อ้อ จากหน้าคุกมาอยู่ที่นี่" นิกรว่า
"เปล่าครับย้ายจากหน้าคุกเข้าไปอยู่ในคุก ออกจากคุกก็มาอยู่ที่นี่"
สองคนสะดุ้ง
"เอ ..ดูเหมือนผมจะจำคุณคนนี้ได้คลับคล้ายคลับคลา"
"เอ๊ะ เห็นผมที่ไหนคุณลุง"
"ก็ในตะรางนะซีครับ"
พลนิกรแทบล้มทั้งยืน
"ให้ตายโหงตายห่าซีเอ้า ผมสาบานได้ไม่เคยเข้าคุกเลย"
"งั้นผมเห็นจะจำผิดแล้วละครับ แหม แต่มันช่างเหมือนจริงๆ ไม่ใช่แน่หรือครับ"
"บอกว่าไม่ใช่ ไปเว้ย นิกร อยู่นานๆเดี๋ยวเตะคนแก่" อ
พลหันมาค้อนขวับแล้วเดินไป นิกรตามไป
บ้านคุณนายอิ่มเป็นเรือนปั้นหยาไม้สองชั้น มีบันไดหน้าบ้านและระเบียงหน้าบ้าน พลและนิกรนั่งอยู่บนขั้นบันได คุณนายอิ่มในวัย 40 ปีอยู่ที่เก้าอี้หัวบันได รูปร่างเจ้าเนื้อ ผิวขาวผ่อง ใส่สายสร้อยทองห้อยจี้ทอง
รูปหนู ท่าทางเจ้ายศเจ้าอย่าง ข้างหลังคุณนายมีสาวใช้พัดให้
" ค่าเช่าเดือนละหกบาท ค่าส้วมหนึ่งสลึง ถ้าตกลงจ่ายล่วงหน้าหนึ่งเดือน"
"กรุณาลดให้เราบ้างเถอะครับ ผมทั้งสองคนเป็นคนจนหาเช้ากินสาย หาบ่ายกินค่ำ"
"เป็นกรรมกรแบกหามรึ"
"หามิได้ครับ ผม..เอ้อ ผมชื่อประชา มีอาชีพรับจำนำของ"
"อ้อ แล้วนายคนนี้ละ"
พลทำเสียงเหน่อ
"ผมชื่อกำแหง ผม ..ง่า... เป็น"
พลโกหก คุณนายอิ่มว่า เป็นหมอดู
เพลงหมอดูแม่นๆ (คำร้อง - ทำนอง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ)
....โอละหนอ...
ข้อยเป็นหมอดูมาจากอีสาน
ข้อยมีตำนานในการทายแม่น
การทายบ่แม่นคือการทายบ่ถูก
คนมีลูกคือคนตั้งท้อง
คนเป็นน้องก็บ่ใช่เป็นพี่
คนเป็นหนี้คือคนชอบยืม
คนขี้ลืมคือคนจำบ่ได้
คนจับไข้คือคนตัวฮ้อน
คนปากบอนคนปากอยู่บ่สุข
คนเป็นทุกข์ บ่สบายใจ
คนที่ตายก็หายใจบ่ออก
ระหว่างเพลง นิกรราป้อรับไปเรื่อย สาวใช้ก็ขยับตาม คุณนายพยักพเยิดว่าแม่นๆ ถูกทุกข้อ
" แหม ทายแม่นจริงๆ ถูกหมดเลย" อิ่มว่า
" อย่าให้ผมต้องยอตัวเองเลยครับ ให้คุณนายลองถามเจ้านายหรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ดูเถอะครับW
"เอ้อ ไม่ทราบคุณนายรู้จักคุณพระเศวตมั้ยครับ"
"คุณพระเศวต สร้อยว่ากระไร"
"คุณพระเศวต คชเดชดดิลกน่ะครับ เป็นใหญ่เป็นโตที่สุดในสานักพระราชวัง"
"ที่ตัวโตๆน่ะครับ ท่านเดินไปไหนทีแผ่นดินสะเทือน" นิกรว่า
"อ๋อ เอ้อ รู้จักๆ ท่านมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ"
พลและนิกรสะดุ้ง แทบจะหัวเราะก๊ากออกมา
" แหม ที่จริงชั้นก็ชอบดูหมอดูมาก แต่ชอบเจอหมอเดามาหลอกลวงชั้น"
" เอาอย่างนี้ครับ สาหรับคุณนาย ผมยินดีทายก่อนสามข้อ ถ้าไม่ถูก ผมยอมให้คุณนายชี้หน้าด่า
ผม"
นิกรมองหน้าพล แต่พลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พลเพ่งมองคุณนาย
"ข้อที่หนึ่ง คุณนายเป็นคนมีทรัพย์ แต่ไม่มีความสุขใจเป็นชะตาของคนปีชวดครับ"
อิ่มสะดุ้ง
"ทำไมคุณหมอรู้ว่า ดิชั้นเกิดปีชวด"
นิกรสะดุ้งงงว่า พลรู้ได้ยังไง
"ถ้าไม่รู้ผมจะเป็นหมอดูได้ยังไง"
"ตายแล้ว แม่นราวกับตาเห็น ลองอีกข้อสิคะ"
"ได้ครับ คุณนายน่ะอาจปากร้ายแต่ มีใจเมตตากรุณามาก ชอบทำคุณให้คนอื่น แต่คนอื่นไม่
ค่อยรู้จักบุญคุณเลย"
" อุ๊ยต๊าย คุณหมอขา แม่นจริงๆ"
ข้อสุดท้ายที่ผมจะทายให้คุณนายวันนี้ คือ คุณนายกำลังมีความรัก
อิ่มอายม้วน
อุ๊ย คุณหมอทายใจดำอย่างนี้ ดิชั้นอายแย่เลย"
"คุณนายครับ ตกลงพวกผมสองคนจะเช่าบ้านได้เลยใช่มั้ยครับ"
คุณนายอิ่มเสียงเขียว
"เดี๋ยวก่อนซียะนาย คุณหมอกำลังจะดูโชคชะตาให้ชั้น ... คุณหมอดูต่อให้หน่อยนะคะ จะคิดเท่าไรดิชั้นจะสนองพระคุณให้"
พลลุกขึ้นเดินไปที่หน้าบ้านมองออกไป
"ได้ครับ ฤกษ์ตอนนี้เป็นเกณฑ์แม่นพอดี เอ้อ ผมขอค่ายกครูหกบาทหนึ่งสลึง ชาเย็นสองแก้ว"
"อุ๊ยค่ายกครูเท่าค่าเช่าห้องเลยค่ะ"
"มันบังเอิญครับคุณนาย ส่วนชาเย็นนี่ ผมเอามาให้ผีกินครับ พรายกุมารสองตัวของผมชอบกิน
ชาเย็นมาก"
"คุณเลี้ยงผี"
"ไม่ต้องตกใจครับ ไอ้สองตัวนี่มันอยู่ในอำนาจผม ... อะไรนะ ไอ้กร ไอ้พล หิวชาเย็นมากเหรอ"
"ชื่อกุมารทองหรือคะ"
"ครับ จะเอาอะไรอีกลูก หา ชะชะ หนักไปละเว้ย จะเอาขนมปังชุบไข่สองแผ่นด้วย อย่าตะกละนักสิลูก ร้องไห้อยากกินมากเชียวเหรอ"
อิ่มรีบลุกขึ้น เอาเงินออกมาจากชายพก ส่งให้สาวใช้
"น่าสงสารจริง นังแต้ม เอาเงินนี่ไปซื้อชาเย็นที่ร้านเจ็กตง ขนมปังชุบไข่ด้วยสองแผ่นนะ"
นังแต้มจะรีบวิ่งไป
"ค่ะ คุณนาย"
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป อะไรนะลูก .... อือม์ จะดีหรือ เกรงใจคุณนายท่าน"
"อุ๊ย ไม่เป็นไรจ้ะ หนูพล หนูกร จะกินอะไรเป็นเครื่องเซ่นอีก เดี๋ยวดิชั้นจัดหาให้ค่ะ"
"มันบอกถ้าได้เดวิดสันซักขวดจะดีมากเลยครับ"
"เอ๊ะ กุมารทองกินเหล้าด้วยหรือคะ"
"แหม ชอบเลยครับ เจ้ากุมารที่ชื่อไอ้กรนี่กินเป็นไฟ ถ้าได้กินเหล้าแล้วจะให้ไปตายที่ไหนก็ไป
ครับ"
"อ้อ งั้นเรียนเชิญคุณหมอข้างบนบ้านดีกว่าค่ะ"
คุณนายอิ่มเดินไป พลหันไปยิ้มให้นิกร สองคนดินตาม
"ทำไมแกรู้ว่ายายคุณนายเกิดปีชวด" นิกรซัก
"โธ่ ก็เหรียญห้อยคอเป็นรูปหนู ไม่เห็นเหรอ"
"เออ จริง แกเก่งมาก แล้วทำไมแกรู้คุณนายมีความในใจ"
"อ้าว แล้วคนไม่มีความในใจจะอยากดูหมอเหรอ แกเป็นม่าย ท่าทางบอกชัดเจนว่าอยากมีผัว
อีก"
"อือม์ จริงของแก"
ทั้งสองเดินเข้าบ้านไป
ภายในบ้านเช่า คุณนายอิ่ม มีชุดรับแขกชุดนึง คุณนายอิ่ม นิกรและพลนั่งอยู่ด้วยกัน แต้มเอาจานขนมปังชุบไข่ และ ชาเย็นมาวาง ตามด้วยเหล้าหนึ่งขวด
พลหลับตาพูด
"เอ้า กินเสียซีลูก คนละแก้ว นั่งให้เรียบร้อย อ้ายกร ทำไมมึงแย่งพี่ละ ใจคอมึงจะกินสองแผ่นเชียวเหรอ"
นิกรทำคอย่น เอาศอกถองพลดังปั้ก คุณนายอิ่มมองแก้วชาเย็น แต่ไม่เห็นปาฎิหาริย์อะไร
"คุณนายมองไม่เห็นหรอกครับ แต่ผมเห็นว่าเด็กของผมกาลังดื่มชาและกินขนมปังอย่าง
เอร็ดอร่อย"
"แหม ดิชั้นอยากเห็นเหลือเกิน แกคงเป็นเด็กผีที่น่ารักมาก"
นิกรทนไม่ไหว
"อะไรครับคุณนาย ไอ้พลเหมือนโจรห้าร้อย ทั้งตะกละทั้งซน"
พลยิ้มเจื่อนๆ
"เฮ้ย อย่าไปว่ามันน่า ... อิ่มแล้วหรือลูก อ้ายกรบอกขอบพระคุณครับ"
"อุ๊ย บอกแกเถอะค่ะ ไม่เป็นไรหรอก"
พลรีบเลื่อนแก้วชาเย็นมาให้นิกร ทั้งสองดูดหลอดจ๊วบๆ แล้วคว้าส้อมจิ้มขนมปังใส่ปาก
คุณนายมองตาค้าง
"เออ.. ระอาจริงๆครับ ผมต้องกินเป็นเพื่อนมันตลอด ไม่งั้นมันร้องห่มร้องไห้ว่าไม่รักมัน"
"อ้อ แต่เค้าว่าของเหลือจากผีมันจืดชืดไม่ใช่หรือคะ"
"ครับ ก็รับประทานเป็นพิธีเท่านั้น"
พลรีบถลึงตาให้นิกรที่จิ้มขนมปังคราวละสองชิ้นควบ
"เอาละครับ ผมจะดูชะตาราศีให้คุณนายละ คุณนายอยากถามเรื่องเนื้อคู่ใช่มั้ยล่ะ"
อิ่มเขินอาย
"ค่ะ ตั้งแต่สามีตาย ดิชั้นก็ไปมาหาสู่กับผู้ชายคนนึง แต่ตอนนี้เค้าหายไปค่ะ นี่ก็จะ
เดือนแล้ว"
"เอ้อ เขาชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน จะได้ใช้กุมารมองไปดูเขาที่บ้าน"
"เค้าชื่อ โกมล กาญจนรัตน์ค่ะ บ้านอยู่รองเมืองซอยสี่"
พลและนิกรสะดุ้งเฮือกมองหน้ากัน
"รูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณสี่สิบเจ็ดปี รับราชการกรมรถไฟหลวง อยู่บ้านเรือนปั้นหยาสีเขียวสองชั้น"
"ว้าย คุณ คุณรู้ได้ยังไงคะ"
นิกรบอก
" รู้สึกชอบไปแฮปปี้ฮอลล์เป็นประจำ"
"ไอ้พลกับไอ้กรมันบอกครับ มันเจอบ่อยๆที่แฮปปี้ฮอลล์ แทบทุกอาทิตย์" พลหลับตาบอก "เก่งมากลูก ไหนว่าต่อสิลูก" แล้วเขาก็ลืมตา "กุมารบอกว่า นายโกมลมีเมียใหม่ครับ"
"หา!"
เมียใหม่คนนี้นายโกมลพาหนีมาจากสำเพ็ง
อ่านต่อหน้า 3
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน หนุ่มรักสนุก (ต่อ)
หลายวันก่อนหน้านี้ เวลากลางคืน โกมลควงสาวจีนมาในแฮปปี้ฮอลล์ และ แนะนาให้พล นิกรรู้จัก ท่าทางของพลและนิกรสนิทสนมกับนายโกมลดี
"ผู้หญิงชื่อกิมฮวย อายุราว 18 รูปร่างขาวท้วม สวยมากเชียวครับ"
ทักทายเสร็จสองคนก็เดินจู๋จี๋กันออกไป
เจ้ากรกับเจ้าพลเห็นนายโกมลกำลังหยอกล้อกับเมียใหม่อย่างเพลิดเพลิน
อิ่มร้องไห้กระซิกๆเมื่อถูกทายทัก
"โถ คุณโกมล ไม่น่าจะเป็นแบบนี้"
"มีอะไรจะถามมั้ยครับ"
"ไม่มีค่ะ ดิชั้นต้องขอตัวไปนอนร้องไห้ที่ชั้นบนก่อน .. เชิญคุณไปพักที่ห้องได้เลยนะคะ เดี๋ยวดิ
ชั้นให้นังแต้มไปเปิดห้องให้"
อิ่มร้องไห้กระซิกๆออกไป
"โชคดีจริงๆที่เรารู้จักนายโกมลอยู่แล้ว"นิกรบอก
"นั่นสิ ไม่งั้นกันก็ไม่รู้จะหาเรื่องโกหกยังไงต่อเหมือนกัน"
สองคนหัวเราะกิ๊กกั๊ก
พลและนิกรเดินกลับมาจากบ้านคุณนายอิ่ม ในมือถือกระเป๋าและหิ้ววิสกี้เดวิดสันมาด้วย ลุงเหน่งนั่งกะเทาะเม็ดบัวอยู่
"คุณตกลงเรียบร้อยแล้วเหรอ"
"ใช่ เอ้อ นี่ ลุง ลุงชื่ออะไรนะ"
"ผมชื่อเหน่งครับ"
"ลุงอยากได้เงินใช้มั้ยW
ลุงเหน่งกระโดดผลุง
"ถ้าผมไม่อยากได้เงิน ผมคงบ้าเท่านั้น"
"เดี๋ยวผมสองคนจะออกไปหาซื้อของแล้วเลยไปเที่ยวหน่อย ลุงช่วยทาความสะอาดห้องให้
หน่อยนะ ผมให้บาทนึง"
ลุงเหน่งนั่งยองๆยกมือไหว้
"ขอบพระคุณครับ"
ระดับสายตาของลุงเหน่งตรงกับเหล้าพอดี ลุงเหน่งแลบลิ้น
"ท่าทางลุงจะอยากเหล้านี้ เอางี้ชั้นอนุญาตให้ครึ่งขวด"
ลุงเหน่งเข้ามากอดขาทันที
"เทพยดาฟ้าดินดลบันดาลให้ผมมาเจอคุณสองคนแท้ๆ ผมขอฝากตัวเป็นเด็กของคุณด้วยนะ
ครับ"
พลทำหน้าบอกไม่ถูก
10 วันผ่านไป ภายในบ้านพัชราภรณ์ ตอนกลางคืน เจ้าคุณประสิทธิ์ คุณหญิงวาด เจ้าคุณวิจิตร นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขก นันทานั่งที่พื้น วาดร้องไห้
"ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของท่านเจ้าคุณคนเดียว"
ประสิทธิ์สะดุ้ง
"ถ้าไม่ดุลูกมัน มันก็ไม่หนีไป ฮือๆๆๆ"
"อ้าว ทำไมมาโทษชั้นละ คุณหญิงเองก็เลี้ยงลูกไม่ดี ตามใจจนเสียคน"
"เจ้าคุณนั่นละตามใจ"
"คุณหญิงนั่นล่ะ"
"เจ้าคุณนั่นละ"
"พอๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ไอ้เจ้าสองคนนั้นน่ะมันไม่รักดีเอง ชิชะ หนีจากบ้าน นี่มันหายไปกี่วัน
แล้วนะ"
"สิบวันค่ะ " นันทาบอก
"ฮือๆๆๆ เอาลูกดิชั้นคืนมา เอาลูกดิชั้นคืนมา"
"แล้วจะไปเอามาจากไหนละ"
"นี่แม่วาด จะร้องไห้ทำไม ป่านนี้ชั้นว่ามันคงเมาหัวราน้ำอยู่ที่ไหนสักแห่ง" วิจิตรว่า
นันทาคิดออก
"คุณพ่อคะ พลกับนิกรชอบไปเที่ยวที่แฮปปี้ฮอลล์ หากเราลองโทร.ไป อาจจะได้รู้เรื่องก็
ได้"
วิจิตรเห็นด้วย
"เออจริง อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่ามันยังไม่ตาย"
วาดร้องไห้ "ฮือๆๆ"
"เบาหน่อย ทาไมต้องร้องเสียงดังลั่นบ้านอย่างนั้น"
"ดิชั้นร้องเตรียมไว้ก่อนเผื่อมันตายค่ะ คุณพี่"
"พอได้แล้วแม่วาด ให้มันตายแล้วค่อยร้องใหม่ ฟังมากๆแล้วเวียนประสาท"
คุณหญิงเบรกทันควันเพราะเกรงใจพี่ชาย
ภายใน แฮปปี้ฮอลล์ กลางคืน ทุกอย่างสนุกสนานคึกคัก วงดนตรีบรรเลงเพลง ที่โต๊ะเรณู มีชายหนุ่มสามคน ซึ่งมีกิมหงวนด้วยคนหนึ่ง
เพลง ไม่รักใครเลย
(คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
เรณู " พบคุณๆแสนยินดีเหลือประมาณ วันนี้พากันมามากมายจริงเออ ฉันมีความร้อนในใจถามเธอๆ เจอะกันเสมอแต่ยังเผลอลืมไป"
กิมหงวน ถามอะไรจ๊ะ
เรณู "เกิดมาทุกคนต้องเคยพบความรักเชยชื่นในหัวใจ แต่ตวามรักนี่เป็นไฉน ไม่เคยรู้ใจเป็นอย่างไรกันนา
รักเค็มๆ หรือมันๆ หวานยังไง เย็นร้อนเพียงใดคงไม่ขมปานยา รักซมเซาถึงมึนเมาเหมือนสุรา บอกทีเถิดหนาอย่ามัวช้าเกินความ ได้ยินเขาว่าผู้ชายรักจริงทุกรายถ้าใครงดงาม อย่างตัวฉันนี่ไงใคร่ถามจะงามไม่งามเชิญท่านตามปองเอย"
กิมหงวนและชาย "สวยแท้ๆนะแม่ทรามวัย สวยแท้ๆนะแม่ทรามวัย รับรักไว้ในดวงใจสักคน รับรักไว้ในดวงใจสักคน"
เรณู " รัก รัก ทุกคนจะฝากรัก มากนักฉันจะรักใครกัน รัก รัก ทุกคนจะฝากรัก มากนักฉันจะรักใครกัน"
ระหว่างนี้ พลและนิกรในชุดสูทสากล กาลังเดินเข้าประตูมา ผู้จัดการโค้ง ดวงเดือนและสายใจไปต้อนรับและพาไปที่โต๊ะ
ดวงเดือนบอก
"เชิญทางนี้เลยค่ะ เสี่ย"
"เรณูอยู่ไหนจ๊ะ" พลถาม
"อยู่กับเสี่ยกิมหงวน โน่นค่ะ"
"ไอ้หมอนี่อีกแล้ว ท่าทางมันจองหองมาก" นิกรว่า
หมู่ชาย "รักจริงๆ รักจริงๆ รักจริงๆ"
กิมหงวน " เธอสวยจริงๆ งามเพริศพริ้งเทียมจันทร์"
หมู่ชาย "รักจริงๆ รักจริงๆ เหมือนชีวัน"
กิมหงวน "เมื่อคืนฉันฝันว่างูรัดกายา"
เรณู "ตกใจ ฝันดีอย่างไร"
กิมหงวน "ฉันครวญคิดไปแล้วจับยามสามตาว่าได้พบคู่งามหนักหนา นี่แหละบุญหนุนพา เจอะเรณูนะดังปอง"
"แหม เสี่ยอ่ะ" เรณูว่า
ช.1 - "ฉันมีเงิน"
ช.2 - "ฉันมีเงิน"
กิมหงวนควักเงินแบ๊งค์สิบออกมา "ฉันก็มีเงิน"
เรณูตาโตรีบหยิบเงินมายัดอกเสื้อไว้ "ตัวชั้นคงเพลินคนเก็บเงินมากอง"
ช.1 "ฉันมีทอง"
ช.2 "ฉันก็มีทอง"
กิมหงวนกระชากเสื้อออกให้เห็นสายสร้อย "ฉันก็มีทอง"
นิกรกับพลมองกิมหงวนแบบไม่ถูกชะตาอย่างแรง
เรณู "โปรดจงให้น้องเก็บเอาไว้เป็นไร"
กิมหงวนกระชากทองให้ เรณูเอามาเก็บที่อกเสื้อ ทุกคนตะลึง
กิมหงวน " ชั้นน่ะมีรถยนต์ตั้งสิบคัน แหม เพชรพลอยตั้งร้อยตั้งพัน โอ๊ย ของฉันมีออกแยะไป"
เรณู "ไม่เคยเห็นมั่งมีแค่ไหน ปากโวโม้ไปโอ้กระไรใจคน"
กิมหงวน "เอ้า สิบบาท" กิมหงวน เอาเงินให้อีกสิบบาท ทุกคนตะลึง
หมู่ ช. "ฉันรักแท้นะแม่ทรามวัย ฉันรักแท้นะแม่ทรามวัย รับรักไว้ในดวงใจสักคน รับรักไว้ในดวงใจสักคน"
เรณู "รัก รัก ทุกคนจะฝากรัก มากนัก เอ๊ะรักกันได้ยังไง ร้ายนัก ทุกคนจะหลอกรัก มากนักฉันไม่รักใครเลย"
เรณูแกล้งเดินสะบิ้งไป
"อ้าว เรณู จะไปไหนละ" กิมหงวนถาม
วงดนตรีบรรเลงเพลงอื่น
เรณูเดินไปที่โต๊ะ พล นิกร
"มาทำไมจ๊ะ เรณู ทางนี้ไม่ใช่อาเสี่ย"
"โถ คุณกำแหงน่ะ พูดอย่างนี้อีกแล้ว มา ดิชั้นรินเหล้าให้นะ"
เรณูรินเหล้าให้ กิมหงวนมองอย่างโมโห เขาคิดว่าสองคนนี้จะต้องเป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนไม่เกินร้อยบาท แกล้งเป็นอาเสี่ยเฉพาะต้นเดือน กิมหงวนฮึดฮัด แล้วเดินมาด้วยท่าทางจองหอง มาที่โต๊ะพล นิกร
"เรณู อนุญาตให้ชั้นเต้นรากับเธอสักเพลงเถอะ"
"เสียใจคุณ ผมชวนเรณูไว้ก่อนแล้ว"
กิมหงวนมองพลหัวจรดเท้า
"ชั้นไม่ได้พูดกับแก"
พลหัวเราะ
"ไอ้เบื๊อก พูดจาให้มีสัมมาคารวะหน่อย ชั้นเรียกแกว่าคุณนะเว้ย"
กิมหงวนชี้หน้า
" แก แกพูดแกกับชั้น แกรู้มั้ยชั้นคือใคร"
"แกจะเป็นใครก็ตาม ไม่ใช่ลูกชายชั้นแน่ๆ" นิกรว่า
กิมหงวนขบกรามแน่น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โดนสบประมาท
" แก ดูถูกชั้น ไอ้กุ๊ยสารเลว"
"อู๊ย แกน่ะผู้ดีมาจากไหน มา มาชกกับข้า"
"ข้าไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรอก เก๋าเจ๊ง"
"มันว่าเราเว้ย แปลว่าอะไร ฮึ"
"แปลว่าขอบใจ"
"ฮ่ะๆๆๆๆ อั๊วก็เก๋าเจ๊งลื้อเหมือนกัน ถ้าลื้อโมโหมากๆ ลื้อก็เตะอั๊ว อั๊วก็สู้ลื้อไม่ได้ อาเสี่ยเว้ย เจ๊ยะจิ๊วกับอั้วน่อ ฮ่ะๆๆๆๆ แน่จริงมาสิ มาเลียะกัน" นิกรตั้งท่ามวยจีน
กิมหงวนทำปากหมุบหมิบด่าว่าไอ้บ้า แล้วหันหลังกลับไปที่โต๊ะ
แต่ทันใดนั้น สาวเสิร์ฟร้องกันกรี๊ดกร๊าด วงดนตรีหยุดเล่น นิกรเอาถาดคลุมหัวมุดไปใต้โต๊ะ พลหยิบขวดเหล้ามาถือเป็นเครื่องป้องกันตัว
"นี่ลื้อจะเลียะอั๊วจริงๆเหรอ"
"พวกแก พวกแกดูถูกชั้นมาก ขั้นจะต้องแสดงให้แกรู้ว่า ชั้นนายกิมหงวน ไทยแท้ เป็นลูกของเตี่ย
ที่มีแม่เป็นไทยเหมือนแก และชั้นร่ารวยที่สุดในประเทศไทย ไม่ใช่อาเสี่ยต้นเดือนอย่างพวกแก"
กิมหงวนหยิบธนบัตรปึกใหญ่ออกมาจากกระเป๋าล่างของเสื้อแพรจีนที่สวมอยู่ แบ่งออกมาครึ่งหนึ่ง ที่เหลือใส่กลับไปตามเดิม ชูธนบัตรขึ้น
วงดนตรีทำเพลงรับ กิมหงวนแล้วฉีกธนบัตรใบละสิบบาทปึกหนึ่งป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทุกคนฮือฮา ตบมือ ขนลุกขนชันไปตามกัน
"คุณรู้จักหรือยัง นายกิมหงวนกล้าฉีกเงินเล่นอย่างกับเป็นกระดาษฟาง"
กิมหงวนหัวเราะ นิกรหน้าเจื่อน ก้มลงหยิบเศษธนบัตรขึ้นมาพิจารณาว่าจริงหรือเก๊
ทันใดนั้น พลเกิดความคิดแวบขึ้นมา เขามองไปที่กระเป๋าเสื้อด้านล่างที่กิมหงวนเก็บเงินไว้ แล้วย่องเข้าไปด้านหลัง และค่อยๆล้วงมือไปหยิบเงินออกมา
"ธนบัตรดีๆทั้งนั้นล่ะ คุณ ไม่ต้องสงสัย"
นิกรทำท่าจะร้องไห้ พูดอ้อมแอ้ม
"ก็ดีจริงๆแหละ"
กิมหงวน เท้าเอว เงยหน้าดูเพดานแล้วหัวเราะลั่น
"คุณกล้าทำแบบนี้มั้ยละ แสดงให้ดูหน่อยเถอะน่า"
พลปราดเข้าไปทันที
พลชูธนบัตร
"เมื่อกี้คุณฉีกกี่ใบ"
"เจ็ดใบ"
"อ้าว งั้นดูนี่ 20 ใบ สองร้อยบาท"
วงดนตรีรับเหมือนเดิม พลฉีกเงินเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทุกคนตะลึง
พลหัวเราะลั่น
"นายกำแหงไม่เคยเสียตำแหน่งที่หนึ่งในทางมั่งมีให้ใคร นี่แน่ะ อาเสี่ย พูดแล้วจะหาว่าคุย เมื่อเช้าผมเอาใบละร้อยมาผูกคอหมาเล่น ตอนสายแจกขอทานไปคนละสิบบาท ตอนบ่ายฉีกเล่นโก้ๆอีกสองพัน เมื่อก่อนจะมานี่ขับรถชนจักรยานสามล้อให้ไปอีกหนึ่งพัน เห็นหรือยังว่ารวยขนาดไหน ถ้าคุณมีเงินอีก ก็เอามาฉีกอวดอีกซี"
กิมหงวนจะยอมแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด เขาล้วงมือไปในเสื้อจะเอาเงิน แต่แล้วก็สะดุ้ง
"เอ๊ะ เงินผม หรือว่า เมื่อกี้หล่นจากกระเป๋า"
กิมหงวนก้มลงหาที่พื้น พลหัวเราะลั่น
"อย่าไก๋เลยอาเสี่ย คุณมีซุ้ยติดมาเท่านี้ก็สารภาพมาเถอะ"
ทุกคนทำท่าเยาะเย้ย หรือยิ้มกันแบบขันๆ กิมหงวนโมโหมาก ยกเท้าเตะเก้าอี้เต็มแรง แล้วสูดปากเพราะเจ็บ จากนั้น จึงใช้มือทั้งสองจิกผมตัวเอง ทำหน้ายู่ยี่ กระโดดตัวลอยสูงจากพื้น 3-4 ครั้ง แล้วทำตาถลน ตะโกนลั่น
"ผมไม่แพ้! ผมจะกลับไปบ้าน เอาแบงค์พันมาฉีกให้ดูสักสองใบ"
" มาสิ ไปเอามา มาฉีกกันเล่นให้หนำใจ ใบละพันผมก็มีจะควักให้ดูเดี๋ยวนี้ก็ได้ แต่มันอยู่ใน
กางเกงใน ไปซีครับ รีบไปเร็วๆ ชวนเตี่ยคุณมาด้วยก็ยิ่งดี"
"ไม่ต้องท้า เดี๋ยวจะกลับมาฉีกใบละพันให้น้ำลายไหลทีเดียว ขอเวลาครึ่งชั่วโมง คุณสุภาพบุรุษ
สุภาพสตรีทั้งหลาย โปรดสละเวลาคอยดูให้ได้"
กิมหงวนผลุนผลันออกไป
"เฮ้ยๆ อย่าเอาแบงค์เก๊มานะเว้ย" นิกรว่า
ทุกคนตบมือฮาลั่น พล นิกรโผเข้ากอดกัน เต้นแร้งเต้นกา ผู้จัดการเดินมา
"คุณประชาครับ"
"ว่าไงครับผู้จัดการ"
"เมื่อสักครู่ท่านเจ้าคุณวิจิตร บรรณาคารโทรศัพท์มาถามว่า คุณสองคนอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ"
สองคนสะดุ้งเฮือกร้อง "หา"
"แล้วคุณบอกว่าอะไร" นิกรถาม
"ผมโกหกไม่เป็นครับ"
"ใส่ตีนหมาเถอะ ขืนช้ากบาลคงแยกแย่ ป่านนี้คงนั่งรถมากันแล้ว"
พลเอาเงินส่งให้ผจก. 20 บาท
"ฝากจ่ายด้วยครับ ขาดเหลือพรุ่งนี้ผมมาจ่ายนะ"
สองคนวิ่งไป พลผ่านเรณู รีบคว้าเรณูมาจูบทีนึง แล้วยัดเงินของกิมหงวนให้ 20 บาท
เรณูมองแบ๊งค์ยิ้มชอบใจ
สองคนวิ่งออกมาจากแฮปปี้ฮอลล์
" แกเอาเงินมาจากไหนวะ"
"ก็ล้วงมาจากกระเป๋าไอ้เสี่ยนั่นล่ะ ว่าแต่ว่าตอนนี้เหลือเงินอยู่กี่บาท"
นิกรหยิบเงินมานับ
"ห้าสิบบาท"
"อะไรวะ เราออกจากบ้านมาแค่สิบวันใช้เงินไปร้อยกว่าบาทเชียวหรือ"
"ก็เราไปกินไปเที่ยวทุกวัน ฮ่ะ ๆๆ ช่างมันเถอะ เงินหมดหาใหม่ได้"
"ได้ยังไงวะ"
"ไม่รู้ว่ะ แต่ถ้าหมดจริงๆ เราคงหาวิธีได้"
สองคนหัวเราะกันอย่างครื้นเครง
อ่านต่อหน้า 4
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอน หนุ่มรักสนุก (ต่อ)
หลายวันต่อมา พล นิกร และลุงเหน่งยืนค่อคิวอยู่ในโรงจำนำ กับชาวบ้านชายอีกสามสี่คน แต่ละคนถือของมาจำนำ เช่น ครก สาก ที่นอน เตาอั้งโล่
พลและนิกรถอดนาฬิกามาจำนำ คนละเรือน ให้ลุงเหน่งจัดการให้
เพลงทรัพย์จาง
(คำร้อง - ทำนอง มีศักดิ์ นาครัตน์ - วงสุรพล โทณะวณิก)
เหน่ง "เรามันจนเข็ญใครๆจะแลเห็น ตรมอุราเช้าเย็นไม่ค่อยจะวายจะเว้น เพราะเราเป็นคนทรัพย์จาง"
หมู่ "ทรัพย์จาง ทนจำนำสียจนแทบจะสิ้นคนแล้ว เดินโซๆเหมือนแมวดูมันหน้าตาบ้องแบ๊ว คล้ายแมวเพราะเราทรัพย์จาง"
หมู่ "ทรัพย์จาง ทรัพย์จางจึงต้องอ้างว้างฤดี จนกว่าเงินในกระเป๋าฉันมีเงินฉันมี"
พล นิกร "ยามมีเงินแสนเพลินไม่ต้องเที่ยวเดินและหิว ตัวมันปลิวต้านลมน่าชื่นน่าชมราศี เสียทีเพราะเราทรัพย์จาง"
หมู่ "ทรัพย์จาง"
หนึ่งเดือนต่อมา เถ้าแก่ตง จีนไหหลำกำลังเดินหน้าบูดบึ้งมาทวงเงินค่าข้าวปลาอาหารจากพลและนิกร
ภายในห้องเช่า พลนอนอยู่บนฟูก เอาผ้าคลุมโปง ลุงเหน่งเข้ามา
"คุณกำแหงครับ เจ๊กตงกาลังเดินมุ่งตรงมาทางนี้"
"หา มาทวงเงินแน่เลย ชั้นติดค่าเหล้าค่าอาหารไว้นานแล้วยังไม่จ่ายเลย ตอนนี้ก็ไม่มีด้วยเหลือแค่บาทกว่าเอง แล้วประชาละ"
"ออกไปแต่เช้าครับ บอกว่าจะไปแอบดูผู้หญิง ที่บ้านแถวสีลม"
"ไปอีกแล้วเหรอ เฮ้อ"
เสียงเจ๊กตงดังขึ้น
"อาคุงกำแหง อยู่ในห้องใช่มั้ย"
พลรีบเอาผ้าคลุมโปง
"บอกว่าชั้นไม่ตื่น"
ช้าไปเสียแล้ว เจ๊กตงเปิดประตูห้องเข้ามา
"อาคุงกำแหงเอ๊ย อาคุงกำแหงอ่า ผงมาเอาซาตังที่ติดผงอยู่ยี่สิบสามบาก นอนหลับทำมาย
ทำตาปิบปิบ"
พลทำเป็นงัวเงียตื่น ลุงเหน่งรีบหลบไป
"อ้อ เถ้าแก่ เดี๋ยวค่อยมาเอาซี ประชากาลังเอาใบละพันไปแลก"
ตงไม่เชื่อ ทรุดตัวลงนั่งขวางประตู หน้าบูดบึ้ง
"ผงนั่งคอย"
"เสียเวลาเปล่าๆ เดี๋ยวเค้ามาแล้วชั้นเอาไปให้"
เจ๊กตงค้อนขวับไม่สนใจ นั่งต่อไป พลค่อยๆลุกขึ้น เสเดินไปที่โต๊ะ หยิบหนังสือพิมพ์กรุงเทพวารศัพท์ขึ้นมา
"อ่านหนังสือพิมพ์ก่อนมั้ย เถ้าแก่"
"อ่างไม่ออก"
"อ่านไม่ออก" พลเหมือนคิดอะไรออก
พลเอาหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านข้างๆเจ๊กตง
"ไม่เห็นมีข่าวอะไรเลยนอกจากจีนรบกับญี่ปุ่น"
ตงเริ่มสนใจ
"เครื่องบินญี่ปุ่นปะทะฝูงเครื่องบินจีนกลางหาว ญี่ปุ่นตายหมด"
ตงยิ้มทันที
"ข่าวว่ายังไงอีกคับคุง"
"เวลาแปดนาฬิกาเศษ ฝูงเครื่องบินญี่ปุ่นประมาณห้าสิบเครื่องบินเข้าโจมตีประเทศจีน
เครื่องบินจีนเพียงเก้าเครื่องได้ขึ้นต่อสู้อย่างทรหด นายร้อยโทน่าแซยิงเครื่องบินญี่ปุ่นตกสี่สิบ
สองเครื่อง นาวาอากาศตรีอายิโนะโมะโต๊ะถูกยิงไส้ไหล หลบหนีไป"
ตงตบมือตบเท้าชอบใจมาก
"ฮ่ะๆๆๆ ญี่ปุ่นสู้เจ๊กไม่ได้"
"โอ๊ย สู้ได้สิ เจ๊กไม่ใช่หมูนะ...นี่มีอีกข่าวนึง วานนี้กองทัพจีนได้เข้าตะลุมบอนกับกองหน้าญี่ปุ่น
ปรากฏว่ากองทัพมีดอีโต้จีนตัดคอทหารญี่ปุ่นได้หลายสิบคน ทหารจีนไม่มีใครบาดเจ็บหรือตายเลย"
ตงตบมือ
"ฮ่ะ ๆๆ"
"นอกจากคนนึงที่ร้องเลียะ!จนเสียงแห้งคอแตกตาย"
ตงสะดุ้งื พลรีบเปลี่ยน
"แต่ตอนนี้แพทย์กาลังช่วยเหลือให้ฟื้นอยู่"
"ฮ่ๆๆๆ ต้องอย่างนั้น ! เลียะ"
"เลียะ!"
เดี๋ยวๆ คุงกำแหง อย่าเพิ่งๆ อ่านข่าวนานเดี๋ยวคอแห้ง รอแป๊บ ตงลุกขึ้นเรียกลุงเหน่งที่นั่งแอบฟังอยู่ด้านนอกที่ระเบียง
"อาลุงเหน่ง"
"อะไรรึเถ้าแก่"
"ช่วยไปบอกเด็กที่ร้านว่าอั๊วให้เอาเดวิดสันกับโซดามานี่หน่อย"
"ได้ๆ" เหน่งหันมาพูดกับเจ๊กตง "แหม เจ๊กนี่รบเก่งจริงๆ ญี่ปุ่นหรือจะสู้อะไรได้"
"ถูกๆทีเดียว อาลุงเหน่งอยากกิงอะไรเอามาด้วยนะ
"จ้ะๆ ขอยาเนื้อสักจานแล้วกัน"
เหน่งรีบวิ่งไป
"เอามาทำไมเถ้าแก่ ชั้นไม่กินหรอก ต้องชาระหนี้เก่าก่อน"
"โอ๊ย ไม่เป็งไร ผมเลี้ยงคุงเอง เงิงที่ติกไว้ยกให้"
เวลาต่อมา นิกรกาลังนั่งรถสามล้อมาลงที่หน้าห้องเช่า ได้ยินเสียงหัวเราะร่าแบบเมาแล้ว จาก พล เจ๊กตงและ ลุงเหน่ง
นิกรค่อยๆโผล่หัวเข้าไปในห้องเพราะกลัวเจ๊กตงทวงหนี้ รู้สึกแปลกใจที่เห็นการสันถวไมตรี
พลรีบส่งซิกแนล
"อ้อ มาพอดีเลย ประชา เรากำลังเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของจีนตามข่าวหนังสือพิมพ์นี่เลย"
พลส่งหนังสือพิมพ์ให้ นิกรมองเห็นว่าไม่ได้มีข่าวออะไรเลย จึงรู้ทันที
"นั่นสิ ญี่ป่นจะมาสู้จีนได้หรือ กันอ่านแล้วละ ทหารจีนฆ่าทหารญี่ปุ่นราวกับเสือไล่ตะครุบกวาง
ให้ตายซี ทำไมเจ๊กถึงเก่งอย่างนี้ แหม ยิ่งจีนไหหลำยิ่งเก่งใหญ่"
"ฮ่ะๆๆๆ ไหหลำเก่งจิงๆ นั่งเลยๆคุงปะชา วังนี้กิงเล่าให้ซาหนุกซักวาน"
"ชั้นมีอะไรจะบอกนะเถ้าแก่ ชั้นกับพลจะเดินทางไปสมัครเป็นทหารจีนรบกับญี่ปุ่นเร็วๆนี้ละ" นิกรว่า
"หา...โอ ผงดีจายจิงๆ ผงจะให้เงิงคุงใช้จงกว่าคุงจะไปเมืองจีง"
"ไม่เป็นไรมั้ง มันจะรบกวนมากไป แค่ยกหนี้สิ้นให้ชั้นสองคนก็เป็นบุญคุณแล้ว"
"คุงพูกอย่างงี้ไม่รักโพ้ม โพ้มคงต้องร้องไห้ ถ้าคุณไม่ยอมเอาเงิงผมใช้"
"โธ่ อย่างนั้นเราสองคนคงไม่ยอมให้เถ้าแก่ร้องไห้เป็นอันขาด"
"ช่ายๆ"
ทุกคนส่งเสียงไชโยๆ
ทันใดนั้นร่างของแม่ฮุ้น ผู้เผด็จการของเจ๊กตงปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
"อ้อ อย่างนี้เอง ดันไถลมาแดกเหล้าที่นี่ อ้ายตง"
เถ้าแก่ตงหันมาหน้าซีดยิ่งกว่าเจอญี่ปุ่น
"มึงจะไม่ขายของหรือ อ้ายไหแตก ประเดี๋ยวแม่เตะกระเด็น"
"ค่อยๆพูกเถอะน่า แม่ฮุ้ง"
"กูไม่ด่ามึงน่ะดีแค่ไหนแล้ว ถ้าไม่เกรงใจคุณทั้งสอ งแม่จะลำดับตั้งแต่ก๋งมึงลงมาทีเดียว ไป ไป
ร้านซี มัวแต่ร่ำไรเดี๋ยวแม่..."
แม่ฮุ้นตบฉาดเข้าที่ก้านคอ เจ๊กตงร้องลั่น ทุกคนคอย่นสะเทือนแทน
วันใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศคนเดินไปมา มีนังแต้มไปจ่ายตลาดถือร่มให้คุณนาย
พลนิกรเดินออกมาจากห้องเช่าในชุดอยู่บ้านคือเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น
"ไหนบอกมาสิว่าแกมีวิธีหาเงินยังไง"
" จำผู้หญิงที่กันไปเจอแล้วเกิดติดใจได้ใช่มั้ย"
"แม่สุพัตราอะไรที่แกไปเที่ยวตามไปแอบดูเค้าทุกเช้าน่ะเหรอ"พลว่า
"นั่นละ กันไปสืบความจากคนแถวนั้น เค้าบอกว่า เจ้าคุณชำนาญ พ่อสุพัตราน่ะ กำลัง
ต้องการคนรถพอดี"
"นายกร อย่าบอกนะว่าแกจะไปสมัครเป็นคนรถ จะได้ใกล้ชิดผู้หญิง"
"ถูกแล้ว กะว่าจะไปวันนี้ล่ะ แกไปเป็นเพื่อนกันนะ"
"หา ไปวันนี้เลย แกจะบ้าเหรอ"
"ถ้าไม่รีบไป เดี๋ยวเจ้าคุณท่านจะได้คนรถไปซะก่อน"
"เออ ก็ได้วะ แล้วเงินละ กันน่ะมีเหลือติดตัวสองบาทเอง"
"เดี๋ยวซิวะ เงินกำลังมาโน่นแล้ว"
ลุงเหน่งเดินถือหนังสือพิมพ์มา พร้อมเศษตังค์อีกไม่กี่บาทในมือ
"นี่ครับ เงินค่าจำนำชุดสากล หักค่าหนังสือพิมพ์กรุงเทพวารศัพท์แล้ว"
"อะไรตอนซื้อมาตั้งแพง ทำไมจำนำแล้วมันได้แค่สามบาท" นิกรว่า
"เป็นธรรมดาครับคุณ คนเราหากไม่อับจนจริงๆคงไม่ต้องไปจำนำหรอก และเมื่ออับจนแล้วก็จะ
ถูกเค้ากดขี่โดยง่าย"
พลเอาหนังสือมาอ่านแล้วสะดุ้ง
"ประชา! อ่านข่าวนี่เร็ว คุณพ่อลงแจ้งความติดสินบนห้าสิบบาทแก่ผู้ที่นำตัวเราไปบ้านหรือชี้ที่
อยู่ของเราให้ท่านทราบ" พลบอก
นิกรรีบดึงหนังสือพิมพ์มาอ่าน ลุงเหน่งแอบดูอยู่ข้างหลัง
"เรากลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้คุณพ่อคงเป็นห่วงเรามาก" พลว่า
"ไม่ ถ้าไม่ครบสองเดือนกันไม่กลับ"
เหน่งสอดรู้สอดเห็น
"เอ้อ ประกาศนี่ไม่ได้บอกชื่อคุณนี่ครับ"
"ถูกแล้วละลุงเหน่ง กำแหงกับประชาเป็นนามสมมุติของเราเอง ที่จริงเราสองคนรวยมาก แต่เรา
เบื่อน่ะ อยากจะออกมาผจญภัยนอกบ้านบ้าง"
"มิน่า หน้าตาผิวพรรณคุณสองคนถึงต่างกับผมราวฟ้ากะดิน"
"ลุงอย่าไปบอกใครนะ ที่สำคัญอย่าต้มเราละ" นิกรว่า
"ยังไงหรือครับ"
"อ้าว ก็เผื่ออยากได้เงินห้าสิบบาทก็ไปพาคุณอาของชั้นมาที่นี่น่ะซี"
"โอ๊ย ผมไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก บุญคุณคุณทั้งสองท่วมหัวท่วมหูผม รับประกัน ผมไม่บอกใครแน่ครับ อินชัวร์เลย"
บริเวณสนามหญ้า บ้านเจ้าคุณชำนาญ เจ้าบ้านกำลังอ่านหนังสือพิมพ์และกินกาแฟอยู่กับสุพัตรา บุตรสาว
พลและนิกรนั่งอยู่ที่พื้น ในชุดกางเกงแพรและเสื้อชั้นนอกแพรเรียบร้อย ทั้งสองกราบท่านจ้าคุณ นิกรคนเดียวกราบถึงสามครั้ง
"จะมาสมัครทั้งสองคนหรือ"
"เปล่าครับ ผมมาเป็นเพื่อนน้องครับ"
"อ้อ แล้วเธอมีใบอนุญาตขับรถยนต์หรือ"
"มีครับ"
"นอกจากขับรถแล้วมีความรู้อะไรอีก"
นิกรบอก
"อ้อ กระผมทำได้หมดครับ เช็ดรถ กวาดรถ ล้างรถ"
"ไม่ใช่ ชั้นถามถึงความรู้วิชาสามัญ"
"กระผมตอนเด็กเรียนอยู่เทพศิรินทร์ แล้วก็ย้ายไปอยู่สวนกุหลาบ"
"แล้วต่อจากนั้น"
"ย้ายไปราชินีครับ" นิกรบอก
เจ้าคุณสะดุ้ง สุพัตราหัวเราะกิ๊ก
"โรงเรียนราชินีมันโรงเรียนผู้หญิงนาเว้ย"
"กระผมไปเป็นภารโรงที่นั่นครับ"
เจ้าคุณและสุพัตราหัวเราะ
"แล้วพี่ชายละ ทำอะไร" เจ้าคุณชำนาญซักต่อ
"กระผมก็เรียนมาน้อยเช่นกันครับ เรียนจบมัธยมหกจากเทพศิรินทร์"
"แล้วไปอยู่โรงเรียนราชินี" ชำนาญดักคอ
"มิได้ครับ ย้ายไปอยู่โรงเรียนซินหมินครับ" พลบอก
สองคนหัวเราะลั่น สุพัตรารีบเอาผ้าปิดปากด้วยความอาย
"ดีๆ ไหนลองพูดภาษาจีนให้ฟังหน่อยสิ"
พลหน้าซีด
" เอ้อ เป็นสุภาษิตขงจู๊นะครับ เท้ยเฉียเท้ยบ๊วย เท้ยจาโบ้เท้ยอาม้า เท้ยหอฮ้อ เท้ยอาเปอาก๋งแฮ่ะ"
ชำนาญตบมือชอบใจ
"ไม่เลวๆ มันแปลว่าอะไร หือ"
"จะดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ จะดูให้แน่ต้องดูถึงพ่อและปู่ด้วย"
" ฮ่ะๆๆๆๆ ตกลงชั้นรับเธอทั้งสองคนไว้แล้วกัน ดีมั้ยลูกสุพัตรา"
"ดีค่ะ"
สาวใช้คนเดิมวิ่งเข้ามา ทรุดตัวนั่ง
"เจ้าคุณประสิทธิ์นิติศาสตร์มาหาท่านเจ้าค่ะ"
พลและนิกรสะดุ้งเฮือก แล้วพลก็ลืมตัวคว้าแขนสาวใช้เขย่า
"ใครนะ บอกชั้นมาสิ เจ้าคุณประสิทธิ์ วิทยาศาสตร์หรือประสิทธิ์กลศาสตร์หรือประสิทธิ์ กระยาสารท"
สาวใช้สะบัด
"พิลึกคน มาจับแขนชั้นทำไม"
สาวใช้ออกไป
"อะไร ทำไมลุกลี้ลุกลน"
"ใต้เท้า.. ใต้เท้าครับ กระผมขออนุญาตปีนรั้วออกไปทางนี้นะครับ" พลบอก
ชำนาญคว้าแขนไว้
"อะไรกัน เธอขโมยของเจ้าคุณประสิทธิ์มากระมัง"
"มิได้ครับ มิได้.. กระผมเป็นลูก เจ้านี่เป็นหลานครับ เร็ว กร เดี๋ยวหัวแตก"
พลกับนิกรรีบลุกขึ้น จะวิ่งออกไป เจ้าคุณประสิทธิ์เข้ามาพอดี
"เฮ้ย ไอ้สองคนนั่นน่ะ อย่าหนี กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ไอ้ลูกไม่รักดี จับมันๆ"
พลนิกรวิ่งหนีไป เจ้าคุณวิ่งตาม สุพัตราร้องลั่น เสียงเอะอะเอ็ดตะโร
"คุณพ่อรู้ได้ไงวะ ว่าเราอยู่นี่"
ทันใดนั้นลุงเหน่งวิ่งสวนเข้ามาหน้าตาตื่น
"อะไรกันครับ"
พล/นิกรโพล่งพร้อมกัน "ไอ้เหน่ง!"
"เราถูกไอ้เหน่งต้มซะแล้ว" พลบอก
"เตะเลย หักหลังเราได้"
ลุงเหน่งวิ่งหนี พลนิกรไล่ เจ้าคุณประสิทธิ์วิ่งไล่พลนิกร เจ้าคุณชำนาญวิ่งตาม
"อย่าครับอย่า" เหน่งร้อง
ประสิทธิ์เงื้อตะพด
"อย่าหนีเว้ยอย่าหนี"
"ใจเย็นๆครับ ใจเย็นๆ" ชำนาญบอก
อ่านต่อตอนต่อไป ทุกวัน อังคารและพุธ