ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 1
หม่อมหลวง จันทรกานต์ ทัศนัย บุรุษหนุ่มรูปงาม นามเพราะ อยู่ในชุดสูทหรูหล่อเนี้ยบ เพิ่งเดินทางกลับต่างประเทศ มาถึงเมืองไทย ขณะที่นายช้าง ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงมาตั้งแต่จันทรกานต์ยังเด็ก และมารอรับที่สนามบิน ก็ปราดเข้ามารับ พลางเข้ามาสวมกอดด้วยความดีใจ
วรางค์ สาวสวย บุคลิกดี แต่งตัวเปรี้ยว สไตล์สาวโฆษณา กำลังพรีเซนต์งานโฆษณาให้ที่ประชุมของลูกค้าฟัง ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว
“มันเป็นเรื่องความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาว พระจันทร์กับดวงดาว ท่ามกลางราตรีมืดมน พระจันทร์ผู้เยือกเย็นมองออกไปเห็นหมู่ดารามากมาย ดาวดวงไหนจะส่องแสงมาที่เขากันแน่นะ”
ด้วยรสนิยมเรื่องการแต่งตัวที่ดูดี บุคลิกสง่างาม เหนือกว่าชายอื่น จึงไม่แปลกที่ทุกก้าวย่างในสนามบินของ จันทรกานต์ หรือ คุณจันทร์ ของคนมักคุ้น จะเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวๆ รอบข้าง ที่ต้องมองจนเหลียวหลัง ทั้งผู้โดยสารคนอื่นๆ แอร์โอสเตส เจ้าหน้าที่สนามบิน ไม่เว้นแม้กระทั่งการ์ดหญิงท่าทางทอมบอย ทุกคนมองจันทรกานต์ที่เดินผ่านไปด้วยความชื่นชม หากจันทร์กานต์กลับเดินผ่านเลยไป โดยไม่ว่อกแว่ก
ดาริกา สาวสวยวัยทำงาน หน้าตาน่ารัก แต่งตัวออกสไตล์พั้งค์ในชุดเสื้อยืดลายหัวกะโหลก ซึ่งเป็นลายโปรด อาจเพราะความคุ้นชินที่มีตาเป็นสัปเหร่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของหญิงสาว ที่ไม่เคยคิดจะปิดบังอาชีพของตากับใครๆ นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งตุ้ยๆ เสียบหูฟังเพลงลูกทุ่งอมตะ เชื่อมต่อจากโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถ ปอ. แม่บ้านที่นั่งเบาะติดกันลอบมองสไตล์การแต่งตัวของเธอแล้วแอบวิจารณ์ในใจ
จันทรกานต์ ที่จากเมืองไทยไปนาน ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบข้าง ที่เต็มไปด้วยรถราแน่นขนัด จนอดที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเก็บภาพตลอดทางไม่ได้
“เวลาเปลี่ยนคนที่เกลียดให้กลายเป็นคนที่รัก เวลาเปลี่ยนหัวใจที่ต่างให้กลายเป็นหัวใจเดียวกัน”
วรางค์ยืนยิ้มอย่างมั่นใจ ระหว่างพรีเซนต์งานโฆษณานาฬิกาหรู ท่ามกลางกลุ่มลูกค้าสี่คนนั่งฟังอย่างสนใจ ข้างตัวมีสตอรี่บอร์ด ที่วาดอย่างสวยงาม โดยมีอาร์ตี้ ครีเอทีฟ , บ๊วย ผู้ช่วย และอาร์ท เออี ร่วมด้วยช่วยกันกันพรีเซนต์
“เรื่องราวมันก็ชาร์มมิ่งตรงนี้แหละค่ะ คุณขา” วรางค์ติดพูดไทยคำอังกฤษคำ ตามสไตล์สาวโฆษณา “คนที่ต่างกันมาก ๆ จะมา แอทแทร็คกันได้ยังไง ได้ซิคะคุณขา ด้วยนาฬิกาเลิฟ ไดมอนด์ของเรานี่แหละค่ะ เวลาที่ตรงกัน แม้หัวใจที่แตกต่าง ก็เป็นหัวใจเดียวกันได้”
ลูกค้าทั้งสี่ฟังแล้วยิ้มปลื้ม อาร์ตี้และอาร์ท พากันโล่งใจ
“และบัดนาว เราจะนำเสนอดีวีดีตัวอย่างให้ได้ชมกันค่ะ อาร์ตี้คะ Let’ show ค่ะ”
อาร์ตี้มองวรางค์อย่างงงๆ “อะไรนะครับ”
“ดีวีดี ฉายโชว์ซีคะ”
อาร์ตี้หันไปมองบ๊วย บ๊วยส่ายหน้า ทำเอาอาร์ตี้ถึงกับหน้าซีด แต่ยังทำใจดีสู้เสือ
“ อ๋อ สักครู่นะครับ พี่วรางค์เชิญข้างนอกเดี๋ยว ขอโทษนะครับ”
อาร์ตี้ดึงวรางค์ออกจากห้อง ขณะที่บ๊วยหน้าเสีย ลูกค้ามองตามอย่างสงสัย อาร์ท ในฐานะคนที่ดูแลลูกค้า ต้องเข้าไปคุย แก้สถานการณ์
อาร์ตี้จับแขนวรางค์ออกมาคุยนอกห้อง
“มีอะไร ดีวีดีอยู่ไหน”
วรางค์หันมาถาม อาร์ตี้ส่ายหน้า ขณะที่บ๊วยเดินตามออกมาพอดี
“บ๊วยบอกว่าไม่มีครับ”
“หา ไม่มีได้ไง” วรางค์โวยวาย “ไอ้บ๊วย ฉันสั่งแกไปแล้ว อยู่ในธัมพ์ไง ฉันเอามาจากบ้าน”
“ผมหาทั้งห้องพี่แล้วละครับ หาไม่เจอเลย แล้วลูกค้ามาพอดี ผมแลยลืมบอก”
“ฉันเอามาจากบ้านแน่ ๆ” วรางค์ยืนยัน
“ผมว่าพี่ลืม”
วรางค์ส่ายหน้า“ฉันไม่เคยลืม”
“พี่ลืมประจำนะครับ” อาร์ตี้ท้วง
“อย่ามากล่าวหาฉัน ฉันไม่เคยลืมเรื่องสำคัญแบบนี้”
อาร์ตี้มองหน้าวรางค์ ก่อนจะสาธยายประสบการณ์การลืมของวรางค์ยาวเหยียด
“อย่าลืมนะครับ พี่ลืมพาสพอร์ทตอนไปถึงสุวรรณภูมิ พี่ลืมตั๋วคอนเสิร์ทตอนไปถึงงานแล้ว แม้แต่กุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางกุหลาบ พี่ยังลืม”
วรางค์ หน้าเสีย แต่ไม่ยอมรับ
“ไม่จริง ฉันไม่เคยลืม แล้วตอนนี้ฉันนึกออกแล้วว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ที่ไหนครับ” บ๊วยกับอาร์ตี้ถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ฉันวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวที่บ้าน นี่ไง เห็นไหม ฉันจำได้ ไม่ลืม”
บ๊วยกับอาร์ตี้หันมามองหน้ากัน แล้วส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ขณะที่วรางค์ปล่อยโฮ
“ว่าไงพี่ตี้ อะไรนะคะ พี่วรางค์ ลืมไฟล์หนังไว้ที่บ้าน ค่ะ ค่ะ จะรีบไปเอามาให้เดี๋ยวนี้เลย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ ดาว สามารถค่ะ”
ดาริกกดตัดสัญญาณมือถือ แล้วรีบลุกขึ้นทันที
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ พี่ๆจอดด้วยค่ะ”
“จอดนอกป้ายไม่ได้” กระเป๋ารถ ปอ. โวยวายกลับมา
ดาริกามองไป เห็นโรงพยาบาล ก็ปิ๊งไอเดีย
“โอ๊ย จะรีบไปโรงพยาบาลค่ะ ใกล้คลอดแล้วค่ะ”
กระเป๋ามองท้องแบนราบของดาริกา พลางส่ายหน้า
“แหม ท้องแรกซีนะ ท้องแบนเชียว ลุงจอดเข้าป้ายหน่อย น้องคนนี้จะคลอดกุมารทอง”
คนในรถหัวเราะครืน ดาริกามองค้อน และเมื่อรถจอด ดาริกาก็รีบพุ่งลงจากรถทันที
ม.ล.จันทรกานต์ เอาแต่เหม่อบรรยากาศรอบตัว จึงไม่ทันเห็นดาริกา ที่กึ่งเดิน กึ่งวิ่งผ่านหลังรถ ไปโบกมอเตอร์ไซค์วิน ที่จอดอยู่หน้าปากซอยข้างๆ
วังทัศนัย อันใหญ่โต หรูหรา ทว่าวันนี้กลับปิดประตูเงียบ จันทรกานต์มองบรรยากาศภายในวังอย่างนึกแปลกใจ พลางเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก
ดาริกาลงรถมอเตอร์ไซค์ จ่ายเงินแล้วรีบวิ่งมาที่ประตู แต่ก็เปิดไม่ออก เพราะมีแม่กุญแจล็อกอยู่ พลางมองซ้ายขวา แล้วตัดสินใจปีนรั้ว
จันทรกานต์ออกแรงกระแทก จนประตูเปิด หากภายในบ้าน ยังเงียบสนิท
“ทุกคนไปไหนกันหมด ไม่มีใครรู้เหรอว่าฉันกลับมา”
จันทร์กานต์พึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้น วิวิทธ์ พิชญา ม.ล.จักรพัฒน์ รวมถึงคนอื่นๆ ก็ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน
“เซอร์ไพรซ์”
ครู่หนึ่ง ม.ร.ว. จันทร ผู้เป็นบิดา ก็พาดาราราย ผู้เป็นมารดา ลงมาจากบันได พลางปรบมือต้อนรับ จันทรกานต์
ดารารายปราดเข้าไปกอดลูกชายด้วยความคิดถึง ขณะที่คุณชายจันทร เพียงแค่ยิ้มนิดๆ
“ลูกรักของพ่อ บ้านเรายินดีต้อนรับ”
จันทรกานต์คลายความตกใจ เปลี่ยนเป็นยิ้ม ดีใจที่ได้เจอทุกคน
“ลูกชายของแม่ เราไม่ต้องจากกันแล้ว”
ดารารายยีแก้มจันทร์ ซึ่งเป็นท่าประจำ ตั้งแต่จันทรกานต์ยังเด็ก
“แม่ครับ พอเถอะ อายคนน่ะครับ”
“ก็แม่คิดถึงนี่นา ลูกแม่ ทำไมหล่อล่ำสันอย่างนี้”
พูดพลางก็โน้มคอลูกชายมาหอมแก้มซ้ายขวา
เมื่อปีนเข้ามาในบ้านได้ ดาริกาก็หยิบกุญแจ ที่ซ่อนใต้ต้นไม้ พลางไขจะเปิดเข้าไปในบ้าน แต่เสียงหมาเห่าดังขึ้นมาก่อน ดาริกาตกใจ วิ่งปรู๊ดกลับเข้าไปที่รั้ว
ป๊อป น้องชายของวรางค์ ได้ยินเสียงหมาเห่า ก็เดินออกมาดู
“ใครน่ะ” ป๊อบตะโกนถาม
“อ้าว ไอ้ป๊อป หมาแกเหรอ”
ป๊อปเห็นว่าเป็นดาริกา ก็ยกมือไหว้
“หวัดดีครับพี่ดาว เรคคอร์ท มานี่ลูก” พลางตะโกนถาม “มีอะไรเหรอพี่”
“พี่วรางค์ลืมของเอาไว้ ให้พี่มาเอา แต่ไม่เห็นบอกว่ามีหมาด้วย”
“เออ ลูกผมเองครับ เชิญครับพี่”
ดาริกา ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะรีบเข้าไปในบ้าน หยิบหยิบธัมป์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้ววิ่งออกไปทันที
ภายในห้องขนาดใหญ่ที่ปิดไฟมืด ภาพบนวิดีโอบนจอขนาดใหญ่ เป็นภาพวัยเด็กของ ม.ล.จันทรกานต์ ไล่ตั้งแต่อยู่วัยอนุบาล ประถม มัธยม ทุกภาพบ่งบอกว่าจันทรกานต์ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี จาก ม.ร.ว. จันทร และดาราราย ผู้เป็นบิดา และมารดา
จันทรกานต์ มองภาพที่ฉายบนจอ ด้วยความเขินอาย ติดจะอึดอัดหน่อยๆ ขณะที่คุณชายจันทร นั่งดูนิ่งๆตามสไตล์ จะมีก็แต่ดาราราย ที่ดูไปนั่งซับน้ำตาไป เมื่อได้ฟังบทบรรยาย อันซาบซึ้ง
“ม.ล. จันทรกานต์ ทัศนัย เกิดมาจากความรักอย่างสุดหัวใจของคุณชายพ่อ ม.ร.ว.จันทร และแม่ คุณดาราราย วัยเด็กของจันทรกานต์ มีแม่ครัวเฉพาะ พี่เลี้ยงเฉพาะ มีครูเฉพาะวิชา คุณชายพ่อและคุณแม่ ตั้งปณิธานไว้ว่า จะมอบสิ่งที่ดีที่สุด ให้จันทรกานต์เท่านั้น”
จันทรกานต์เอียงหน้าไปกระซิบมารดา
“ปิดเถอะครับแม่ ผมขอร้อง”
แต่ดารารายกลับทำเป็นไม่ได้ยิน
“ดูสิ ม้าโยกตัวนั้น ที่คุณชายพ่อเขาต่อให้ลูก จำได้ไหม แม่ไม่เคยลืม ตอนเด็กๆ ลูกน่ารักแค่ไหน เรื่องพวกนี้เหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน”
จันทร์กานต์ดูไป ก็ก้มหน้าไป เพราะอายเพื่อน พลางเหลือบมองไปที่วิวิทธิ์ที่ยิ้มให้อย่างคนรู้จักคุ้นเคย
แต่พอมองเลยไป กลับเห็นเพชร ที่มองจอภาพอย่างหยันๆ พลางเม้าท์กับยุพา ที่นั่งอยู่ติดกัน
วรางค์พรีเซ็นต์งานไป ก็ซับเหงื่อไปด้วย เพราะสิ่งที่ต้องการยังเดินทางมาไม่ถึง ขณะที่ลูกค้ายังนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“หากยังไม่ถึงเวลา หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ แต่เมื่อถึงเวลาของมัน คนๆนั้น จะมาอยู่แทบเท้า ดาวจะโคจรมาส่องแสงแก่ดวงจันทร์และดวงจันทร์จะส่องแสงแก่ดวงดาว และเวลาที่ว่าก็คือ กราฟฟิกวิ่งชแว้บเข้ามาจากด้านซ้าย วิ่งเป็นสีทองๆมาที่ด้านขวา นาฬิการือนคู่ love diamonds แทม แทม แท้บ “
วรางค์เล่ายาวเหยียด พลางทำมือเลื่อนจากซ้ายมาขวา พร้อมทำเสียงประกอบยิ่งใหญ่ด้วยปากขัดตาทัพระหว่างรอดีวีดี จนลูกค้าเซ็ง
“วันนี้เรานัดดูวิดีโอตัวอย่าง จะมานั่งเล่าทำไมครับคุณ วรางค์ เปิดเสียทีสิ”
วรางค์ทำหน้าจะร้องไห้
“เอ้อ คือว่า”
“คุณไม่ได้เอามาใช่ไหม ถึงมาเล่าปากเปล่าแบบนี้ ดิฉันขอคอมเพลนหน่อยนะคะ ที่คุณเล่ามามัน โนกิมมิค โนครีเอทีฟ โซสมอล”
ลูกค้าตำหนิคำโต จังหวะนั้นดาริกาก็มาถึงพอดี
“เต็มไปด้วยกิมมิคต่างหากค่ะ เพียงแต่พี่วรางค์ อยากเล่าปากเปล่า เพื่อกระตุนต่อมอยากดูของทุกท่านค่ะ”
วรางค์ ลอบถอนหายใจโล่งอก แล้วรีบรับมุขทันที
“ถูกต้องค่ะ และตอนนี้ต่อมอยากดูของทุกท่านทำงานแล้วใช่ไหมคะ เรามาดูกันเลย”
บ๊วยรีบรับธัมพ์ไปปฏิบัติการ วรางค์พยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณดาริกา
จันทรกานต์เดินทักทายแขกที่มาร่วมงานทั่วสวน ครู่หนึ่ง ม.ล. จักรพัฒน์และพิชญาก็เดินเข้ามา
“น้องชาย”
พลางโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง
“พี่จักรพัฒน์ ดูดีเหมือนเดิมนะครับ พิชยา คุณก็สวยเหมือนเดิม”
พิชยามองค้อนจันทรกานต์
“เราเป็นเพื่อนเก่าแก่ เรียกแบบนั้นห่างเหินจัง ชาย่าไงคะ ที่คุณเคยเรียก”
“จริงซี ผมลืมไป”
“แหม พอชาย่าแต่งงานก็หมดความหมายไปเลยนะคะ”
“ชาย่า คุณเมารึเปล่า”
จักรพัฒน์ หันมาถาม พิชญาส่ายหัวปฏิเสธ แล้วหันไปสนใจจันทร์กานต์ต่อ
“คุณจันทร์ขา สมัยเรียนก็ว่าหล่อแล้ว กลับมาจากเมืองนอก ยิ่งหล่อกว่าเดิมอีก อย่างนี้สาว ๆ ในออฟฟิศคงคลั่งคุณเป็นแถว”
จันทรกานต์ส่ายหน้า แล้วพูดอย่างถ่อมตัว
“เออ คงไม่ถึงขนาดนั้นมังครับพี่จักร ผมรอฟังข่าวดีของพี่กับชาย่าอยู่นะครับ ผมอยากมีหลาน”
“คงอีกนานมังคะ หรือไม่ก็หมดหวังเสียแล้ว”
พิชญาพูดทีเล่ยทีจริง เล่นเอาจักรพัฒน์หน้าเจื่อนไป จันทร์กานต์มองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอึดอัด พลาง มองเลยไป เห็นวิวิทธิ์คุยกับน้อยเรื่องงาน ก็เลยขอตัวพลางเดินตรงไปหาทั้งคู่
“คุณไม่น่าพูดอย่างนั้นต่อหน้าน้องชายผม เห็นแก่หน้าผมบ้าง”
จักรพัฒน์หันมาตำหนิพิชญา ทันทีที่จันทร์กานต์คล้อยหลังไป
“อายเหรอคะ ไม่ต้องอายหรอก เพราะเดี๋ยวคุณจันทร์เขาก็ต้องรู้เองละ ว่าหม่อมหลวงจักรพัฒน์ ทำงานเก่งทุกอย่างแต่ ไร้น้ำยา”
“ชาย่า”
พิชยายิ้มหยัน แล้วเดินแยกไปทันที
จันทรกานต์เดินตรงเข้ามาหาวิวิทธิ์ ที่เป็นคนช่วยน้อยจัดงานในวันนี้ พลางจับมือในฐานะเพื่อน ขณะที่ วิวิทธิ์ มีท่าทีเคารพ และยำเกรงอยู่ในที
“ขอบคุณมากที่ยอมมาทำงานนี้”
วิวิทธิ์ก้มศรีษะเล็กน้อย พลางยิ้มรับคำ
“แม่คุณเสนอเงินให้ผมสองเท่าจากงานเก่า แฮะ ๆ เป็นเลขาดูไม่แมนเลย ถ้าไม่ใช่คุณผมคงไม่ทำ”
“ผมรู้ คิดว่าเพื่อนช่วยเพื่อนนะ ผมต้องการคุณจริงๆ ยังจำได้ที่คุณพ่อให้คุณมาดูแลผมอย่างดี ระหว่างฝึกงานที่บริษัท ก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อ”
วิวิทธิ์ยิ้มอย่างเกรงใจ “ยินดีครับ”
จังหวะนั้น คุณชายจันทร ก็เดินไปที่ไมโครโฟนที่ตั้งอยู่กลางงาน พลางประกาศให้ทุกคนรับรู้
“ขอบคุณทุกคนที่สละเวลามางานต้อนรับจันทรกานต์ในวันนี้นะครับ ทุกคนที่นี่เป็นคนใน
ครอบครัว บางคนเป็นญาติ เพื่อนจันทรกานต์ตั้งแต่เด็ก บางคนก็เป็นคนสำคัญที่ช่วยให้ห้างแกรนด์ ของเราเป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่คู่คนไทยมานาน อย่างคุณเพชร เอ็มดีคนเก่ง ของเราวันนี้ผมมีเรื่องน่ายินดีเกี่ยวกับคุณจันทร์ที่เราจะได้รู้พร้อมกัน”
ดารารายเดินมาหาจันทรกานต์ สีหน้าไม่สบายใจ พลางกระซิบบอก
“แม่พยายามบอกพ่อแล้วว่าเร็วเกินไป นี่นะถ้า”
ดารารายยังพูดไม่ทันจบ คุณจันทร ก็ทำเสียงจุ๊ๆ พลางมองภรรรยาปรามๆ ดารารายค้อนให้สามี แต่ก็ยอมหยุดพูด
“ถึงเวลาที่เราจะต้องมีผู้บริหารคนใหม่ แผนของผมคือแต่งตั้งให้จันทรกานต์ดำรงตำแหน่งเอ็มดี คนต่อไปของห้างแกรนด์”
ทุกคนดีใจปรบมือ ยกเว้นเพชร ที่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจอย่างแรง
วิวิทธิ์หันไปมองคุณชายจันทร์อย่างเข้าใจ ขณะเดียวกันคุณชายจันทรยังคงประกาศต่อหน้าแขกเหรื่อต่อ ด้วยความภูมิใจในตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ผมทราบดีว่าจันทรกานต์ยังเด็ก ตัวเขาเองก็อึดอัด เขากลัวที่สุดกับคำว่าเด็กเส้น ผมบอกว่าไม่ต้องกลัว แกเป็นลูกพ่อ เป็นเด็กเส้นเต็มตัวอยู่แล้ว ผมเลยบอกเขาว่า พ่อจะให้แกพิสูจน์ตัวเองสองปี ถ้าแกทำให้ห้างของเรายังมีกำไรต่อเนื่องอยู่ได้ ผมจะให้เขาทำต่อ แต่ถ้าไม่ ตัวเขาจะหลีกทางลาออก เพื่อไปเรียนเพิ่มเติมจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เขาบอกว่าโอเค ยุติธรรมดีไหม”
ทุกคนขานรับ ยกเว้นเพชรที่ยืนนิ่ง วิวิทธิ์หันไปมอง แต่ก็โดนเพชรถลึงตาใส่ วิวิทธิ์แอบยิ้มเยาะ ก่อนจะจงใจตะโกนเสียงดัง
“คุณจันทร์ของพวกเราทำได้อยู่แล้ว เชียร์”
คุณชายจันทรยิ้มให้กับแขกเหรื่อที่ส่งเสียงยินดี
“ขอบคุณวิวิทธิ์ ขอบคุณทุกคนมากครับ สิ่งที่คุณจันทร์ต้องการที่สุดในเวลานี้ คือคำแนะนำและกำลังใจ ใช่ไหมครับคุณเพชร”
เพชรอึดอัด แต่ก็จำเป็นต้องยิ้มรับ
“ได้เลยครับ ผมเคารพคุณชายเป็นนายมาตลอด คุณจันทร์ก็เหมือนนายน้อยของผม ยินดีด้วยครับ”
จันทรกานต์ถอนหายใจกับภาระอันหนักอึ้งตรงหน้า ขณะที่วิวิทธิ์ ได้ยินคำพูดสอพลอของเพชรแล้วก็ส่ายหน้าขำ
วรางค์ชวนดาริกา อาร์ตี้ บ๊วย อาร์ท มาทานข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการขอบคุณที่ทุกคนร่วมมือกันทำให้การพรีเซ้นต์งานผ่านฉลุย
ดาริกาอดที่จะหันมาถามวรางค์ไม่ได้
“พี่คะ ตกลงเนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณา ลูกค้าซื้อแล้ว งานนี้ก็คงสำเร็จลุล่วงไปอีกเรื่อง”
วรางค์ ส่ายหน้าเบาๆ
“ยัง ไม่มีอะไรลุล่วงง่าย ๆ หรอกสำหรับงานนี้ ลูกค้าเรียกร้องนายคนนี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้เรา”
พูดพลางวรางค์กดมือถือ โชว์ภาพแม็กซ์ ซูเปอร์สตาร์หนุ่ม หุ่นล่ำ ให้ทุกคนดู ดาริกาเห็นรูป ก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
“ซุปตาร์แม็กซ์ อ๊าย หล่อทะลุขุมขนออกมาเลย อยากร่วมงานด้วยเป็นที่สุดเลยค่ะ”
อาร์ตี้หันมายิ้มให้ดาริกา
“งั้นดีเลย ติดต่อเจ้านี่ให้ได้ เพราะพี่โทรตามเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย ลูกค้าขอคำตอบในสามวัน เสียด้วย”
“เป็นหน้าที่หนู ?”
ดาริกาย้อนถาม วรางค์พยักหน้า
“ถูกต้อง เอ้า กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงตามล่านายนี่”
ดาริกามองรูปแม็กซ์ แล้วฮึดสู้
ดาริกา มาดักรอแม็กซ์ที่หน้าสตูดิโอถ่ายภาพ ท่ามกลางกลุ่มแฟนคลับวัยรุ่น ที่วิ่งไปกรี๊ดไปตามรถตู้คันหนึ่ง ที่มีแมกซ์อยู่ในนั้น
“ขนาดนี้เลยเหรอ เอ้า เอาบ้าง พี่แมกซ์ กรี๊ด”
แมกซ์เดินทางมางถ่ายแบบนิตยสารในสตูดิโออีกแห่งหนึ่ง ขณะที่ดาริกาและแฟนคลับ ยืนล้อมอยู่รอบนอก
ครู่หนึ่งดาริกา ก็ถอยออกมา โทรศัพท์
“ซุปตาร์แมกซ์อยู่ที่สตูถ่ายแบบจริงๆพี่อาร์ตี้ จะอยู่ถึงสี่โมงเย็น เพราะมีสัมภาษณ์ด้วย หนูนัดประชุม ไว้แล้วค่ะ”
“ ดีมาก พี่จะไปเดี๋ยวนี้” อาร์ตี้ที่อยู่ทางปลายสายกดตัดสัญญาณ พลางหันมาบอกวรางค์
“เรานัดซุปตาร์แม็กซ์ได้แล้วพี่”
วรางค์ยิ้มดีใจ
“งานนี้ต้องสำเร็จแน่ๆ”
ทั้งสองคนตีมือกัน อาร์ตี้จับมือวรางค์เอาไว้
“เมื่อไรจะเอามือแข็งๆ ออกจากมือนุ่มๆสักที”
“ก็จนกว่าจะพอใจ”
บ๊วยเดินมาจากด้านหลังเห็นเข้า ก็ตะโกนแซว
“ทำไรกันนะ”
อาร์ตี้ กับรางค์ตกใจ รีบปล่อยมือ
อ่านต่อหน้า 2
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 1 (ต่อ)
แมกซ์ นั่งประชุมไป ก็ชำเลืองมาที่ดาริกาเป็นระยะ โดยไม่สนใจเอกสารที่วรางค์จัดมาให้ ขณะที่จ๋าซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัว วางหน้าเชิดหยิ่ง ตั้งใจจะโก่งราคาเต็มที่
“คุณแมกซ์ไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ใครง่ายๆ คิวงานเดือนนี้ก็เหลือไม่เยอะ อาจจะลำบากหน่อย”
จ๋าพูดกลางวงประชุม ที่มีแมกซ์นั่งตรงกลาง ขวามือเป็นวรางค์และจ๋าตามลำดับ ซ้ายมือเป็นอาร์ตี้ ถัดไปจึงเป็นดาริกา
อาร์ตี้สังเกตเห็นแมกซ์ชอบลอบมองดาริกา ก็เอียงตัวมาบัง จนแมกซ์หงุดหงิด
“ลูกค้าดิฉันสู้ค่ะ คุณต้องการราคาเท่าไหร่ แจ้งมาได้เลย”
วรางค์หันมาถามจ๋า อย่างรู้เจตนา พลางนำเสนองานต่อ
“นี่ค่ะ หนังตัวอย่าง นาฬิกาเลิฟไดมอนด์ของเรา ไม่ใช่แค่นาฬิกานะคะ แต่คืออัญมณีที่บ่งบอกคลาสของผู้ใส่ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว”
วรางค์เปิดคอมพิวเตอร์ให้จ๋าดู ขณะที่แมกซ์หันมาบอกอาร์ตี้
“นาย หยิบหนังสือให้ที”
อาร์ตี้ลุกไปหยิบหนังสือแม็กกาซีน ที่อยู่ตรงมุมห้องแบบงงๆ พอหยิบได้จะเดินกลับ แมกซ์ก็ออกคำสั่งต่อทันที
“นั่งตรงนั้น ตรงนั้นแหละ นั่งไปเลย”
อาร์ตี้ลงนั่งตามสั่ง
“ดีดี ยกขึ้นอ่านด้วย”
อาร์ตี้ยกหนังสือขึ้นระดับอก
“สูง สูง บังหน้าไว้”
อาร์ตี้ยกหนังสือบังหน้าตัวเอง
“ดี ดี อย่างนั้นละ”
แม็กซ์มองดาริกาเต็มตา แล้วยิ้มให้อย่างกรุ้มกริ่ม
“นอกจากค่าตัว พูดตรงๆเลยนะคะ ถ้าคุณสนใจอะไร ให้ได้ก็จะให้”
วรางค์พูดพลาง เอียงตัวมาซบ
“จริงนะครับ ให้ผมทุกอย่างได้นะ”
วรางค์ตาวาว รีบขานรับ
“จริงซิคะ”
แมกซ์ขยับตัวออก วรางค์ที่ยื่นหน้ามาใกล้ เอนลงหัวเกือบทิ่ม แมกซ์ขยับเข้ามาใกล้ดาริกา พลางมองอย่างพอใจ จากนั้นก็จับมือ พร้อมยัดนามบัตรใส่มือ
“ไปทานข้าวกับผม ศุกร์หน้า บ่ายสอง”
ดาริกาตกใจ ขณะที่แมกซ์รีบตัดบทด้วยการลุกขึ้น
“ส่วนเรื่องเงิน สำหรับผมต้องสูงที่สุด ทุกเรื่องทุกอย่าง คุยกันเสร็จแล้วนะ ผมจะไปซ้อมดนตรีต่อ”
พูดจบก็เดินออกไปทันที จ๋ารีบวิ่งตามไปแทบไม่ทัน
“สมปรารถนาแล้วยายดาว เธอจะได้กินข้าวกับซุปตาร์ ทำไมไม่เป็นฉันนะ”
วรางค์ทำหน้าเซ็ง
“นั่นน่ะซีคะ ทำไมไม่เป็นพี่ ทำไมมาเป็นหนู”
“อ้าว ไม่ชอบหรอกหรือ” อาร์ตี้ย้อนถาม
ดาริกาส่ายหน้า
“ตอนแรกก็ปลื้มนะคะเพราะหล่อ แต่เห็นนิสัยแล้ว ห่วยทะลุสิวออกมาเลย แล้วพี่วรางค์ พี่จะยอมให้หนูไปออกเดทกับเจ้านั่นเหรอคะ”
วรางค์พยักหน้า “เพื่องาน เธอต้องทำ”
“พี่ไม่ห่วงหนูเลยนะ”
“ใช่ พี่ไม่ห่วงหนูเลย พี่ห่วงงานมากกว่า”
ดาริกาส่ายหน้า เซ็งๆ
แสงแดดยามสายส่งมาจนถึงเตียงนอน เสียงนาฬิกาปลุกลั่น ดาริกา ที่นอนหลับอุตุอยู่ รีบปิดเสียงแล้วหลับต่อ แต่ยังไม่ทันไร เสียงมือถือ ก็ดังขึ้นตามมา
“โอ้ย พี่ วรางค์ขา จะกวนหนูไปถึงไหน”
บ่นพลางคว้ามือถือที่วางอยู่ใกล้ๆ มากดรับสายโดเยไม่ทันมองชื่อคนโทร.
“พี่วรางค์ ว่าไงคะ”
ที่ปลายสาย พุดตาน ที่อยู่ที่คอนโดของตัวเอง รีบท้วง
“วรงค์ วรางค์ อะไรกันยะ นี่ฉันเองพุดตาน”
ดาริกาผุดลุกขึ้นนั่ง ในสภาพหัวเป็นกระเซิง
“อ้าว พี่พุดตาน ว่าไงคะ”
“มีเรื่องจะขอร้องน่ะ แวะมาคุยกันหน่อยได้ไหม อยากให้เธอมาเฝ้าห้องให้ฉันสัก 6 เดือน ได้มั้ย ฉันจะไปต่างประเทศ”
ดาริกาตาโต
“ตั้ง 6 เดือน เลยเหรอพี่ ค่ะ ได้ค่ะ เอางี้ พรุ่งนี้หนูกลับจากบ้านแม่ เราเจอกัน ค่ะ”
ดาริกาเลิกสาย พลางพึมพำกับตัวเอง
“ให้ไปเฝ้าคอนโดเหรอ จะไปตั้งหกเดือน เฮ้อ นอนต่อดีกว่า”
ดาริกาล้มตัวลงนอนต่อ แต่แล้วก็กลับกระเด้งตัวขึ้นมาใหม่
“วันนี้วันเซลส์”
จากนั้นก็รีบกระโจนออกจากเตียงทันที
วิวิทธิ์พาจันทรกานต์เดินไปตามโถงในส่วนสำนักงาน เห็นพนักงานเดินขวักไขว่ พลางแนะนำชื่อพนักงานให้จันทร์กานต์รู้จักอย่างละเอียดยิบ ทั้งเรื่องตำแหน่งลามไปถึงเรื่องส่วนตัว
จันทรกานต์พยักหน้า
“แบบนี้ไง ผมถึงต้องมีคุณ แล้วคุณเพชร กับสาวคนนั้นล่ะ”
“นี่ละครับ ที่คุณต้องระวังที่สุด”
ขาดคำเพชร ก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับยุพา ที่มองจันทรกานต์ แบบกระลิ้มกระเหลี่ย
“คุณจันทรกานต์ครับ ขอต้อนรับการมาทำงานวันแรกของคุณ ให้ผมพาทัวร์ก่อนไหมครับ”
จันทรกานต์ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะวิวิทธิ์ ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว”
“ผมอาจให้ข้อมูลเบื้องลึกกับคุณจันทร์ได้มากกว่า ถูกต้องและแม่นยำกว่าบางคนนะครับ”
เพชรจงใจพูดกระแทก แต่วิวิทธิ์ยักไหล่นิดๆ แบบไม่เกรงกลัว
“เอาไงดีครับคุณจันทร์ จะเลือกอดีตเอ็มดี หรือเลขาคู่ใจครับ”
“ตอนนี้ผมเลือกเลขาก่อนดีกว่านะครับ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินแยกไป เพชรมองตามอย่างหมั่นไส้
จากนั้นวิวิทธิ์ก็พาจันทรกานต์มาที่ห้องกล้องวงจรปิด ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดนับร้อย ล้วนเป็นภาพขาวดำ ทำให้เห็นหน้าคนไม่ชัด
ภาพในกล้อง เห็นแต่ละประตู มีคนมาออรออยู่หลายคน แต่ประตูด้านหลังที่ไม่มีใครสนใจ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เห็นหน้าไม่ชัดยืนรอคนเดียว
“ทำไมคนนี้มารอตรงนี้”
วิวิทธิ์และร.ป.ภ.มองตาม
ที่แท้ผู้ญิงในกล้องวงจรปิด ก็คือดาริกา ที่ยืนสะบัดแขน หมุนข้อเท้า พลางมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย พอนาฬิกาบอกเวลา 10 นาฬิกาตรงเผ็ง ดาริกาก็วิ่งจู๊ดเข้าไปทันที
ภาพที่จันทรกานต์เห็นในกล้องวงจรปิด ก็คือภาพของดาริกา ที่วิ่งมาที่กระบะเสื้อหนาวผู้ชายก่อนคนอื่น อย่างรวดเร็ว จันทรกานต์ยิ้มขำ
“ประตูนี้ถึงก่อน ผู้หญิงคนนี้วางแผนมาอย่างดี ผมอยากไปดูใกล้ชิดสักหน่อย เคสนี้น่าสนใจมาก”
จันทรกานต์และวิวิทธิ์ ลงมาในพื้นที่เซลล์ในช่วงนาทีทองพอดี สาวนักช็อปกรูเข้ามาเลือกของกันจ้าละหวั่น
จันทร์กานต์มองหาดาริกา เห็นเธอกำลังง่วนกับการรื้อราวเสื้อลดราคา โดยมีเจ๊อีกสามสี่คนกำลังรุมอยู่ ดาริกาหยิบเสื้อแนวผู้ใหญ่ขึ้นมาดู แต่พอจะดึงจากราวแขวน เจ๊คนหนึ่งก็แย่งไว้ ดาริกาไม่ยอม เกิดการยื้ดยุดและโต้เถียงกันขึ้น จนนักช้อปคนอื่นเริ่มหันมามอง
จันทรกานต์กับวิวิทธิ์เดินมาดูอยู่วงนอก ขณะที่ยัยเจ๊คว้าเสื้อได้ ทำท่าจะแยกไป ดาริกาตะโกนขึ้นทันที
“ท่านผู้มีอุปการคุณขา นาทีทองค่ะ เสื้อตรงนี้ ลด 70% ค่ะ แค่สิบนาทีเท่านั้น”
บรรดาหญิงช็อปร้องกรี๊ดพร้อมกัน แล้วกรูกันเข้ามาที่ราวเสื้อ แย่งยื้อกันชุลมุน จันทรกานต์กับวิวิทธิ์ ยิ้มขำในความเจ้าเล่ห์ของดาริกา
ดาริกาฉวยจังหวะเบียดเข้าประชิดตัว พลางแย่งเสื้อกลับมา ยัยเจ๊ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย อีฟันยาวคนนี้มันขโมยของอั้ว”
ดาริกาหลบลงที่พื้นทันที แต่ขณะที่กำลังคลานออกมาจากกลุ่มนักช็อปอย่างบากลำบาก จนจันทรกานต์ต้องเข้าไปช่วยดึงตัวขึ้นมา
“เป็นอะไรไหมครับ”
ดาริกาส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่โดนฝ่าเท้าสองสามที ขอบคุณนะคะที่ช่วย”
“ยินดีครับ จะช็อปอีกไหมครับ”
“ไม่แล้วค่ะ เท่านี้ก็จราจลพอแล้ว ฉันรีบจ่ายเงินดีกว่า เดี๋ยวยัยเจ๊นั่นตามมาแย่งเสื้อฉันอีก”
ดาริการีบไป พร้อมๆกับที่วิวิทธิ์ตรงรี่มาหาจันทรกานต์
“คุณจันทร์ ไม่จัดการละครับ เธอทำให้ลูกค้าเราเข้าใจผิดนะครับ ลด 70% ขาดทุนป่นปี้”
“เอาน่า นายดูแลตรงนี้ก่อน ฉันขอตามดูสาวคนนี้สักหน่อย เคสนี้น่าสนใจจริง ๆ”
จันทรกานต์เดินตามดาริกามาที่เคาน์เตอร์ส่วนลด
“เดี๋ยวนะคะ”
ดาริกาบอกกับพนักงาน พลางเปิดกล่องเหล็กที่พกมาในกระเป๋าถือ ที่มีทั้งซองบัตรสมาชิก และคูปองต่างๆ มากมาย จัดหมวดหมู่อย่างดี จากนั้นก็เลือกจนได้ใบที่ต้องการ แล้วยื่นให้พนักงาน
“เดี๋ยวค่ะ” พลางเปิดซองบัตรสมาชิก “สมาชิกลดอีกสิบเปอร์เซนต์ “
ตามด้วยบัตรเครดิต “ใช้บัตรเครดิตใบนี้ สะสมแต้มสองเท่า ถึงสิ้นเดือน ห้างคุณแจกบัตรชิงโชคไปเกาหลี อย่าลืมหยิบมาให้ฉันด้วยนะคะ”
พนักงานพยักหน้า แล้วเดินไปอย่างเพลีย ๆ ดาริกายิ้มกระหยิ่ม พลางหันมาเห็นจันทรกานต์ แล้วก็ถึงกับตะลึงในความหล่อ
“พนักงานใช่ไหมคะ”
จันทรกานต์รับสมอ้าง “ครับ”
“เซลส์แบบนี้บ่อย ๆ นะคะ ฉันชอบ”
จันทรกานต์ยิ้ม
“ครับ แต่ทางห้างเราคงไม่ชอบแน่ ถ้าคุณเล่นประกาศว่าขายเสื้อลด 70 % อย่างเมื่อกี๊ เพราะเราขาดทุน”
“ขาดทุนกำไรนิดหน่อยเป็นไรไป คืนกำไรให้ลูกค้าบ้าง ได้บุญนะ”
จันทรกานต์ไม่เถียงต่อ แต่กลับเปลี่ยนเรื่อง
“มาช้อปตอนเซลล์แบบนี้บ่อย ๆ เหรอครับ”
ดาริกาพยักหน้า
“ไม่ค่อยพลาดหรอกค่ะ บางทีก็ไปสาขาแคราย บางทีก็บางกะปิ แต่ที่นี่ของคุณภาพสุด พนักงานก็ดีโดยเฉพาะพนักงานชาย หล่อทุกแผนกเลยค่ะ น่าช้อปเป็นที่สุด”
ดาริกายิ้มกวน ๆ ก่อนแยกไป ทิ้งให้จันทรกานต์บ่นงึมงำกับตัวเอง
“ผู้หญิงอะไร”
ดาริกาหิ้วกระเป๋าลงจากรถสองแถว เพราะคืนนี้ต้องมานอนค้างที่บ้านแม่ ซึ่งจะต้องเดินเข้าวัด ผ่านไปทางสุสาน ในบรรยากาศ ที่ดูวังเวง
แต่ดาริกาเดินอย่างไม่สกสะท้าน ด้วยความคุ้นชิน
บ้านของดาริกา เป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ดูร่มรื่น รอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยให้ความเย็นสบาย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวขึ้นบ้าน ก็ได้ยินเสียงซุบซิบอยู่ที่มุมหลังบ้าน
เมื่อเดินอ้อมมาดู ก็เห็นแก๊งวินมอเตอร์ไซต์ 4 หนุ่ม มีสุดหล่อ แอล เน และตี๋ กำลังทำการขูดฝาเรือน มีธูปปักที่กระถางวางที่พื้นเหมือนกำลังทำพิธี
“ขอให้หวยงวดนี้ถูกด้วยเถอะ
“เฮ้ย นี่ไง ผีฝาโลงให้เลขแล้วโว้ย”
ทั้งสี่รุมดูที่ขูด เห็นเป็นเลขมั่ว ๆ ดาริกาแกล้งทำเสียงผี
“หก หาย ตายโหง”
“หกเหรอ ใครพูดวะ”
“เสียงผู้หญิง”
ดาริกากลั้นหัวเราะ แล้วแกล้งพูดเสียงผีต่อ “ตายโหง”
สี่หนุ่มหันขวับมามอง ดาริกาเอาผ้าคลุมเตียงที่เพิ่งซื้อมาคลุมทั้งร่าง เอาผมยาวมาปรกหน้า
แล้วทำยิ้มแสยะ เห็นฟันดำ
“อ๊าก ผีฟันจอบ”
สี่หนุ่มวิ่งหนีกระเจิง เข้าไปในสวนป่าหลังบ้าน ดาริกาเปิดผ้าหัวเราะร่า กุสุมาและตาทศวิ่งลงเรือนมาดู
“ใคร ใครเป็นอะไร อ้าว ยายดาว”
ดาริกายกมือไหว้แม่ กับตา
“หวัดดีค่ะแม่ หวัดดีค่ะตา”
“ว้าย ทำไมฟันดำปี๋อย่างนั้น”
กุสุมา ถามลูกสาว
“หนูใส่ฟันปลอมหลอกผีพวกไอ้สุดหล่อน่ะ วิ่งหนีกันกระเจิงเลย”
ตาทศส่ายหน้า “ไปแกล้งเด็กมันทำไม้ มันมาขูดขอหวยน่ะ”
“ไม่ได้หรอกตา เดี๋ยวไม้กระดานพังกันพอดี พวกไอ้สุดหล่อนี่แหละ ตัวดี ไปลือนักว่าบ้านเรามีสิงอยู่ในไม้กระดาน แค่เอาฝาโลงมาทำฝาบ้านรีไซเคิล ลือกันอยู่ได้ ตั้งแต่หนูเป็นเด็กยันหนูเป็นสาวสวยขนาดนี้ ยังไม่เลิกอีก”
“ยิ่งไปแกล้งเขาแบบนี้ เขาก็ยิ่งเอาไปลือสิ”
กุสุมาปรามลูกสาว ดาริกายักไหล่
“สมน้ำหน้า”
กุสุมากำลังตำน้ำพริกอยู่มุมครัวที่นอกชาน ดาริกาหยิบเสื้อที่ซื้อให้แม่ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ รวมทั้ง
หมวกของตาทศ และของใช้ในบ้านอีกหลายอย่างมาวางกอง
“ตา ในเมื่อฝาบ้านเรา เป็นต้นเหตุของข่าวลือ ไม่คิดจะเปลี่ยนฝาบ้านใหม่เหรอตา”
ดาริกา หันมาถามตาทศ ซึ่งมีอาชีพเป็นสัปเหร่อ ขณะที่กำลังนั่งขัดเครื่องทองเหลืองของวัด ข้างตัวมีวิทยุเก่ามีเพลงลูกทุ่งเก่าเปิดคลอเบาๆ
“เปลี่ยนทำไม รู้ไหมไม้ฝาโลงพวกนี้เป็นของเก่า ไม้สักทั้งนั้น ทั้งดีทั้งแพง คนเรานี่มันแปลก ชอบกลัวคนตาย ทั้ง ๆ ที่ไอ้ที่น่ากลัวกว่ามันคือคนเป็นนี่แหละ”
ดาริกาพยักหน้าเห็นด้วย
“จริงจ๊ะตา งานที่หนูทำทุกวันนี้ เจอคนหน้าตาดี ๆ เยอะ แต่นิสัยเลวกว่าหน้าไปไหนๆ”
ขณะที่กุสุมานั่งดูข่าวภาคค่ำ ดาริกานั่งจดอะไรยุกยิกอยู่ที่โต๊ะ แล้วเดินไปที่กระดานดำ
บนนั้นมีกรอบเขียนว่า “เพื่อบ้านใหม่” พลางลบตังหนังสือเดิม ...สองแสนกว่าบาท...ออก แล้วเติมเข้าไปตัวเลขใหม่...เกือบสามแสนแล้ว...
ตาทศเดินผ่านมาจากห้องด้านในมายืนดู ดาริกาหันมายิ้มให้ตา
“จะครึ่งหนึ่งแล้ว อีกห้าปี ก็จะเก็บเงินซื้อที่ตรงนี้ให้เป็นของเราสักที จะได้ไม่ต้องอาศัยวัดอยู่ เกรงใจวัดนะตา สุสานมีแต่ขยายออก”
“ตาเป็นสัปเหร่อ ทำงานให้วัดทุกอย่าง พระท่านไม่ไล่เราหรอกน่า เก็บเงินไว้ซื้อของกินบ้าง ผอมไปไหมเรา”
“เตรียมไว้ค่ะตา เผื่อฉุกเฉินขึ้นมา จะได้มีทุนสำรองไว้ขยับขยาย”
ตาทศลูบหัวดาริกาด้วยความเอ็นดู ขณะที่ดาริกามองตัวเลขในกระดานอย่างภูมิใจ
จันทรกานต์นั่งอ่านเอกสารบริษัทไป พลางตักอาหารเข้าปากไปพลาง ดารารายเดินมาเจอ ก็รีบปรามลูกชาย
“ไม่เอาคุณจันทร์ อย่าทานไปทำงานไปสิลูก มันจะไม่ย่อยนะคะ อุ๊ย สเต็กสุกไป น้อยให้เขาทำมาใหม่ บอกหลายครั้งแล้ว สเต็กที่ดีต้องสุกข้างนอกก็พอ แล้วนี่ ทานยาจ๊ะ”
“ยาอะไรครับแม่” จันทร์กานต์ย้อนถาม
“แก้โรคกระเพาะไง เราเป็น ๆ หาย ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ”
จันทรกานต์แอบส่ายหน้าเซ็งๆ ที่แม่ยังมองเห็นเขาเป็นเด็กอยู่เสมอ
จันทรกานต์ในชุดนอน นั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่บนเตียง ครู่หนึ่งดาราราย ก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมถือแก้วนมมาด้วย
“ แม่ครับ ไม่เคาะประตูก่อนเหรอครับ”
ดารารายมองลูกชายด้วยความเอ็นดู
“ลูกก็ไม่ได้ล็อกประตูนี่นา แหม กลัวว่าทำอะไรส่วนตัวอยู่ใช่ไหมล่ะ คราวหลังจะเคาะประตูนะ ทานนมก่อนนอนนะลูก”
จันทรกานต์ รับแก้วนมมาดื่มอย่างไม่เต็มใจนัก
“ยังจะอ่านหนังสืออีกนอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ แปรงฟันหรือยัง เปิดแอร์ขนาดนี้ ผิวแห้งหมด เอ .ห้องน้ำมีเครื่องใช้ครบไหมเนี่ย”
ดารารายเดินเข้าห้องน้ำไป จันทร์กานต์แอบถอนใจ เริ่มอยากออกไปอยู่คนเดียวเสียแล้ว
ดาราราย น้อย และป้าเรียม เข้ามาในห้องนอน เห็นจันทรกานต์นอนคว่ำหน้าหลับสนิท เสื้อยืดบาง ๆ เลิกไปครึ่งตัว ท่อนล่างอยู่ในผ้าห่ม
“ว่าแล้วเชียว นอนดึกเลยไม่ยอมตื่น”
ป้าเรียมสังเกตว่ากางเกงนอนหล่นมาอยู่ข้างเตียง ขณะที่ดารารายเดินมาหยิบผ้าห่ม ป้าเรียมร้องห้าม แต่ไม่ทัน ดารารายดึงผ้าห่มออก พบว่าจันทร์กานต์นอนเปลือยท่อนล่างอล่างฉ่าง
ดารารายกับน้อยร้องกรี๊ดสุดเสียง จันทรกานต์ลุกพรวดขึ้น หันมาโดยไม่รู้ว่าท่อนล่างเปลือย ดารารายและน้อยมองจุดสงวนตะลึง จันทรกานต์ก้มลงมองตาม พลางรีบดึงหมอนมาปิดส่วนล่าง
“แม่เข้ามาทำไม ไหนบอกจะเคาะประตูก่อน”
“แม่ แม่เคาะแล้ว ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่ไปละ เดี๋ยวจะไปล้างตา เอ๊ย ไปทานข้าว”
ดารารายรีบออกไป ดึงน้อย กับป้าเรียมที่ยังตะลึงอยู่ออกไปด้วย
“โอ๊ย แม่นะแม่ จะมองหน้ากันได้ไหมเนี่ย”
จันทรกานต์บ่นอุบ พร้อมกับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะย้ายออก!
อ่านต่อหน้า 3
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 1 (ต่อ)
ขณะนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน ดารารายกลับไม่ยอมมองหน้าสามี จนคุณชายจันทรสงสัย
“เป็นอะไรคุณ เบื่อหน้าผมเหรอ ไม่ยอมสบตาผมเลย”
ดาราราย หน้าเครียด “คุณคะ มีเรื่องจะปรึกษา อย่าพูดไปนะ เมื่อกี๊ฉันเห็นลูกนอนแก้ผ้า”
คุณชายจันทรวางช้อนส้อมทันที
“ไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะ”
“เออ ก็ ฉันเข้าไปในห้องลูกอย่างที่เคยทำน่ะ ลูกนอนผ้าหลุดไม่รู้ตัว”
“เฮ้อ คุณดาว ลูกโตแล้ว ทำไมทำกับลูกเหมือนยังเด็กๆ”
“ก็ฉันยังเห็นลูกเป็นเด็กอยู่นี่ เอ๊ะ ไม่เด็กแล้วนะ ว้าย…น่าอายที่สุดเลย”
ครู่หนึ่ง จันทร์กานต์ก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะ สีหน้าเคร่งขรึม ดารารายสะดุ้ง พลางยกมือปิดหน้าชั่วครู่จึงค่อย ๆ ลดมือลง
“ขอโทษนะจ๊ะ แม่ไม่นึกว่าลูกจะนอนให้กางเกงมันหลุดขนาดนั้น”
“ผมนอนดิ้นครับ กางเกงหลุดประจำ เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้แม่ห้ามเข้าห้องผม โดยที่ผมไม่ได้อนุญาตนะครับ”
จันทร์กานต์ยื่นคำขาด ดารารายพยักหน้าหงึก แตก็ยังไม่กล้ามองลูกชายเต็มตา
“เออ แม่อิ่มแล้ว ไปดูในครัวหน่อยดีกว่า”
ดารารายรีบออกไปทันที คุณชายจันทรกลั้นหัวเราะ
“พ่อครับ ผมซีเรียสนะครับ แม่ยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของผมเหลือเกิน ทำเหมือนผมเป็นเด็ก
ห้าขวบ”
คุณชายจันทรมองหน้าลูกชายคนเดียว แล้วส่ายหน้าเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“แม่ทุกคนก็คิดว่าลูกเป็นเด็กทั้งนั้นแหละ ต่อไปนี้ก็ล็อกห้องทุกครั้งก็แล้วกัน”
“ไม่ละครับ ไม่ล็อกอะไรทั้งนั้น ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะย้ายไปอยู่คอนโดครับ”
คุณชายจันทร เห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของลูกชาย ก็ถึงกับอึ้ง
ดาริกายืนอยู่กลางห้องคอนโดหรู ที่ตกแต่งแบบไฮเอ็นด์ของพุดตาน ในชุดยีนส์ขาสั้นขาด เสื้อยืด
เปื่อยๆ รองท้าแตะแบบเดียวกัน แต่คนละสี
“พี่คิดดีแล้วเหรอ จะให้คนชุ่ย ๆ อย่างหนูมาอยู่ห้องสวีทราคาเรือนล้านของพี่ตั้งหกเดือน”
พุดตานพยักหน้า
“คิดดีแล้ว เพราะฉันหาใครไม่ได้นอกจากเธอ เธอคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุด เธอไม่ขโมย เธอไม่สะตอ และเธอไม่ใช้ร่างกายเปลือง”
ดาริกาฟังแล้วถึงกับสะดุ้ง “หา หมายความว่ายังไงคะ”
“หมายถึง เธอจะไม่พาผู้ชายมาฟีเจอร์ริ่งในห้องฉันแน่ ๆ”
ดาริกายิ้มขำ
“ก็ไม่แน่นะคะ หนูอาจจะพาผู้ชายมาทานข้าวเหนียวส้มตำในห้องพี่ก็ได้”
จากนั้นพุดตาน ก็เดินนำไปที่ระเบียงห้อง ดาริกาตามมา
“นี่ เรื่องสำคัญที่สุดอยู่ที่ระเบียงนี่ นี่....พุดซ้อน ปีโกเนีย ลินลี่ พุดพิชญา”
พูดพลางชี้ไปที่แถวต้นไม้กระถางที่วางอยู่ริมระเบียง
“รดน้ำเช้าเย็น และปิดผ้าคลุมกันแดดบ่าย ห้ามเฉา ห้ามตาย ถ้าคุณนายฉันตาย เธอตายตกไปตามกัน เอ้า ตามมาดูในห้องน้ำของฉัน เธอต้องให้แม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ห้ามชื้น ห้ามเชื้อรา และจะแนะนำเครื่องใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งโถฉี่ ฉีดหน้า ฉีดกลาง ฉีดหลัง”
ดาริกาสะดุ้งโหยง
ดารารายโวยวายเสียงดัง เมื่อได้ฟังเจตนาของลูกชายคนเดียว
“แม่ไม่ยอมนะคะ คุณจันทร์ คุณจันทร์จะย้ายออกไปอยู่คอนโดตามลำพังได้ยังไง”
“ทำไมครับแม่” จันทรกานต์ย้อนถาม
“ใครจะดูแลอาหารการกินให้ลูก ใครจะดูแลเรื่องเสื้อผ้า ทำไม อยู่บ้าน มีคนรับใช้เยอะแยะ มันไม่ดีตรงไหน”
จันทรกานต์อึกอัก แต่ก็ตัดสินใจพูดตามตรง
“ไม่ดีตรงที่ วันดีคืนดีก็มีคนมาเห็นผมแก้ผ้ามั้งครับ”
ดารารายพูดอะไรไม่ออก คุณชายจันทรเบือนหน้าไปกลั้นหัวเราะ
“ถ้าคุณไม่อยากตาเป็นกุ้งยิง ก็ปล่อยลูกไปเถอะ”
“แม่ครับ อย่าห้ามผม วันนี้ผมนัดวิวิทธิ์ไปดูคอนโดแล้ว ผมย้ายออกแน่นอนครับ ผมไม่อยากเป็น ชีเปลือยให้ใครมาเห็นอีก”
พุดตานสอนวิธีการใช้เครื่องใช้ในมุมครัว ดาริกาฟังแบบเซ็งๆ
“กระทะพวกนี้เวลาใช้แล้ว ต้องล้างด้วยโฟมชนิดนี้นะ อย่าใช้น้ำยาล้างแบบขูดมะพร้าว เพราะกระทะพวกนี้ไฮโซ เคลือบด้วยสาร”
“พี่คะ ไม่ต้องอธิบายค่ะ หนูจะไม่แตะต้องภาชนะไฮโซของพี่แม้แต่นิดเดียว”
พุดตานมองหน้าดาริกาแบบงงๆ
“อ้าว แล้วเธอจะทำครัวยังไง”
“ง่ายนิดเดียวค่ะ พี่รอหนูแค่หนึ่งชั่วโมง หนูขอตัวกลับห้องเช่ารูหนูของหนูแว้บเดียว”
อีกห้องหนึ่งภายในคอนโดเดียวกัน เรอเน่ ผู้จัดการสาวท่าทางหรูดัดจริต กำลังพาจันทร์กานต์ กับ วิวิทธิ์มาดูมุมต่างๆ ภายในห้อง
“วิวสวยมากนะคะ ตอนนี้มีเหลือแค่ห้องเดียวนะคะ และมีคนหมายตาอยู่หลายคนเลยด้วย ตัดสินใจเลยไหมคะ”
“ห้าสิบล้านแพงมากเลย เราคงต้องคิดดูก่อน ที่นี่ไม่มีให้เช่าหรือครับ”
วิวิทธฺมองไปรอบๆ ห้อง พลางหันกลับมาถาม
“แหม คอนโดระดับเรา ขายขาดอย่างเดียว เพื่อรับประกันว่าเราจะได้ลูกค้าที่มีระดับไฮเอนด์ สังคมที่มีระดับ พรีวิเลจ พูดง่าย ๆ ศิวิไลซ์ค่ะ”
จันทร์กานต์คร้านที่จะฟัง เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ผมขอดูฟิตเนส กับสปาหน่อยได้ไหม”
“เรอเน่ ยินดีค่ะ เชิญชั้นล่างคะ”
พูดพลางยิ้มหวานให้สองหนุ่ม
รถสามล้อเครื่อง แล่นเข้ามาที่ด้านหน้าคอนโด ผู้โดยสารคือดาริกา ที่ใส่หูฟังเพลงเพลงลูกทุ่งที่คุ้นชิน ปากก็เคี้ยวหมากฝรั่งตุ้ยๆ บนรถและตัก เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ในการทำครัว และกระเป๋าเสื้อผ้า
จันทร์กานต์ออกมาหน้าคอนโด ขณะที่รถสามล้อเบรกเอี๊ยดอย่างแรง จนข้าวของร่วงลงมา ทั้งหม้อไห กระเด็นเกลื่อนพื้น จันทร์กานต์รีบกระโดดหลบ
สากเล็กๆกลิ้งไปตามทาง จนไปแทบเท้าของจันทร์กานต์ ดาริกาวิ่งตามลงมาเก็บของ ปากก็บ่นคนขับรถ พลางวิ่งไปตามพื้น เพื่อเก็บสาก พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นจันทร์กานต์ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งสองมองหน้ากัน อย่างตะลึงงัน
“อ้าว เจอกันอีกแล้ว คนขายของ”
“เธอ สาวนักช้อป”
จันทร์กานต์ก้มลงช่วยเก็บของ หยิบสากส่งให้ดาริกา ที่ยืนถือข้าวของพะรุงพะรัง
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“จะย้ายเข้ามาอยู่ค่ะ”
จันทร์กานต์ปรายตามองสภาพของดาริกา แล้วนึกแปลกใจ
“หืมม์ ย้ายเข้ามาอยู่ ?”
ดาริกายักไหล่
“ทำไมละค่ะ อย่างฉันจะเข้ามาอยู่คอนโดหรูแบบนี้ไมได้เหรอ แล้วคุณล่ะ อยู่ที่นี่เหรอ”
จันทร์กานต์พยักหน้า
“คิดว่าจะเข้ามาอยู่ครับ”
“ดีจัง งั้นช่วยแบกสัมภาระฉันเข้าตึกหน่อย”
จันทรกานต์ช่วยดาริกาขนสัมภาระเข้ามาในตึก เรอเน่หันมาเห็นก็ถลาเข้ามาทันที
“สต็อป ไรท์ นาว หยุดค่ะ หยุด ขนหม้อข้าวหม้อแกงจะไปไหนไม่ทราบ”
ดาริกาจ้องหน้าเรอเน่ ก่อนจะตอบ
“ขนขึ้นไปอยู่บนห้องน่ะซีคะ”
ขณะเดียวกัน วิวิทธิ์ก็เดินเข้ามาสมทบ พร้อมด้วย รปภ. 2 คน
เรอเน่เชิดใส่ดาริกา แล้วหันมายิ้มหวานให้จันทร์กานต์
“อ้อ ตกลงคุณตัดสินใจซื้อห้องแล้วใช่ไหม ถึงให้เด็กขนของมาแบบนี้”
จันทร์กานต์ส่ายหน้า
“เออ เปล่าครับ นี่ไม่ใช่เด็กของผม ผมแค่ช่วยเขาถือของ”
เรอเน่ ตีหน้ายักษ์ใส่ดาริกาทันที
“แหมอย่างที่คิด จะไปไหนไม่ทราบคะคุณนาย”
ดาริกาเชิดหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
“จะขึ้นไปอยู่บนห้องค่ะคุณพี่”
“ห้องไหนไม่ทราบคะ ถ้าจะมามั่วละก็ เชิญออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
ดาริกาเบ้ปาก “ไม่ไปค่ะ เพราะฉันอยู่ที่นี่ และจะอยู่ไปอีกตั้งหกเดือน ไม่มั่วด้วย”
“เสียใจค่ะ พวกชายขอบรากหญ้าที่นี่ไม่ต้อนรับ รปภ. จัดการ”
รปภ. 2 นาย เข้ารวบร่าง ดาริกาทันที
“นี่ยายเจ๊ อย่าคิดเองเออเอง ฉันอยู่ห้องพี่พุดตาน โทรขึ้นไปถามได้”
เรอเน่ไม่ฟังเสียง “ลากออกไป ลากออกไป”
“เดี๋ยวครับ” จันทร์กานต์ท้วงขึ้นมา “ผมคิดว่าคุณคนนี้เขาพูดเรื่องจริงนะครับ คุณอย่าเพิ่งตัดสิน
คนแค่รูปลักษณ์ภายนอกซีครับ”
ดาริกาก้มมองสภาพตัวเอง
“จำเป็นค่ะ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกย่อมบอกตัวตนที่แท้”
จันทร์กานต์มองเรอเน่ แล้วตัดสินใจ
“อย่างนั้นเหรอครับ งั้นผมก็คงปฏิเสธซื้อคอนโดที่นี่แล้วละครับ เพราะถ้าคุณมองคนแค่เปลือก ที่นี่ก็ไม่ควรจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนระดับศิวิไลซ์ อย่างที่คุณอ้างถึง วิวิทธิ์กลับ”
เรอเน่หน้าจ๋อย
“เดี๋ยวค่ะคุณ เรอเน่ขอโทษค่ะ”
“ไม่จำเป็นครับ เพราะคนที่คุณควรขอโทษคือ คุณคนนี้มากกว่า”
เรอเน่ปรายตามองดาริกา ที่ยืนทึ่งในคำพูดของจันทร์กานต์
“ขอโทษนะคะคุณ”
“แล้วคุณก็ควรจะให้โอกาสคุณคนนี้ โทร.หาคุณพี่ของเธอด้วย ชื่ออะไรนะครับ”
“พุดตานค่ะ”
ดาริการีบกดมือถือทันที
“พี่ตาลขา ลงมาเจรจาที่ล็อบบี้หน่อยค่ะ คุณ...เออ ชื่ออะไรนะคะ”
“เรอเน่ค่ะ”
ดาริกาแอบเบ้ปากพลางบอกว่า
“คุณเรอเน่เขาไม่ให้หนูขึ้นไป เขาคิดว่าหนูเป็นเมียเช่าฝรั่ง”
เรอเน่พูดพลางยกมือไหว้พุดตานปลกๆ
“ขอโทษจริงๆ นะคะ คุณตาล น้องเขาแต่งตัวแบบนั้น เรอเน่ก็เลยเข้าใจผิด”
“ทีหลังก็อย่าเข้าใจผิดบ่อยนักนะคะ เพราะต่อไปนี้น้องเขาจะมาอยู่ที่นี่หกเดือน”
จังหวะนั้น จันทรกานต์และวิวิทธิ์ เดินออกมาจากลิฟท์พอดี พุดตานเห็นแล้วตาค้าง
“เรอเน่ขอตัวก่อนนะคะ”
พลางเดินเข้าไปหาสองหนุ่ม
“ตกลงว่ายังไงคะคุณจันทร์ ถ้าตกลงซื้อวันนี้ ลดสิบเปอร์เซนต์ แถมเครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น และสิทธิพิเศษเพียบค่ะ”
พุดตานมองทั้งสองตาค้าง แล้วรีบเข้าห้อง ตรงไปหาดาริกาด้วยความตื่นเต้น
“เห็นแล้ว เห็นแล้ว พ่อพระเอกของเธอ หล่อน่ารับทานมาก”
“นิสัยดีด้วยนะคะ ช่วยพูดจนยายเรอเหม็นเปรี้ยวนั่นหงายเงิบไปเลย ไม่งั้นหนูคงไม่ได้โทรเรียกพี่ให้เจรจากับแม่นั่น”
“เขาเป็นใคร ไปรู้จักกันตอนไหน” พุดตานเริ่มซักประวัติ
“พนักงานขายของห้างแกรนด์ค่ะพี่ เจอตอนหนูไปช็อปของเซลล์”
พุดตานยิ่งฟังยิ่งแปลกใจ
“เธอบอกว่าได้ยินเขาพูดว่าจะมาซื้อห้องที่นี่ไม่ใช่เหรอ พนักงานอะไร มีเงินมาซื้อคอนโดหรูขนาดนี้”
“นั่นซีคะ หรือว่ามีคนเลี้ยง หล่อขนาดนี้ไม่น่าจะรอดสาวแก่แม่ม่าย”
พุดตานส่ายหน้า “ฉันกลัวพวกสาวที่เป็นอาเสี่ยมากกว่านะ”
จันทร์กานต์นั่งเป็นประธานในห้องประชุม ขณะที่วิวิทธ์ ทำหน้าที่แจกเอกสารให้ทุกคน
“เราเริ่มประชุมได้เลย พ่อกับแม่ขอให้ผมดูงานนี้”
เพชรขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“งานฉลองห้าสิบปีของห้างสรรพสินค้าแกรนด์ มีแขกผู้ใหญ่มากันเยอะ ให้คุณทำคนเดียวหรือ ผมว่า”
แต่พอเห็นจันทร์กานต์จ้องหน้าแบบเอาจริง เพชรเลยรีบหุบปาก
“ผมไม่ค่อยชอบรูปแบบเดิมๆที่ห้างเราจัดงานฉลองกันมา ปีนี้อยากให้เปลี่ยนใหม่”
จันทร์กานต์บอกในห้องประชุม ขณะที่ยุพาเอียงหน้าไปกระซิบเพชรเบาๆ
“เริ่มแล้ว รื้อระบบเก่า สร้างระบบใหม่ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผลลูกคนรวย ดีอย่างเดียวหล่อ”
จันทร์กานต์ไม่รู้ตัวว่าโดนนินทา รีบพูดต่อ
“จากสถิติ เรามีแต่กลุ่มลูกค้าชั้นสูง กลุ่มลูกค้าชนชั้นกลางของเรามีจำนวนลดลงต่อเนื่องห้าปีแล้ว”
“ห้างแกรนด์เกิดขึ้นเพื่อชนชั้นสูง เราไม่ควรลดระดับลงนะครับ”
เพชรไม่วายพูดขัด
“แต่เราก็หาเพิ่มไม่ได้ ตัวเลขนิ่งมาสามปีแล้ว คู่แข่งเรามากขึ้น อีกหน่อยลดลงแน่ ผมอยากเพิ่มกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลาง วิธีนี้ จะทำให้ยอดขายเพิ่ม กำไรเพิ่ม ผมขอแรงสนับสนุนจากทุกคนด้วยครับ”
กรรมการทุกคนยกมือสนับสนุน จันทร์กานต์รีบสรุป
“ตกลงตามนี้นะครับ ผมจะได้คุยกับบริษัทที่จัดงาน”
เพชรกับยุพามองหน้ากันเซ็ง ๆ
“คงสำเร็จหรอกงานนี้”
จันทร์กานต์เดินนำวิวิทธิ์มาดื่มน้ำกันระหว่างพักประชุม
“ถ้าคุณได้ตำแหน่งเอ็มดี เขาก็จะกลายเป็นที่ปรึกษาอาวุโส มีเกียรติแต่ไม่มีอำนาจ เค้าถึงยอมไม่ได้ที่คุณมาทำงานแทนเค้า”
ทั้งคู่ไม่รู้ว่าดารารายแอบฟังอยู่ที่ประตู
“นี่ผมต้องมารบรากับคนทำงานอีกเหรอเนี่ย”
“แน่นอนครับ”
ระหว่างนั้นวิวิทธิ์ก็ได้ยินเสียงดังโครกครากดังอยู่ใกล้ๆ
“เสียงอะไรครับ”
จันทร์กานต์หน้าเจื่อน
“ท้องผมน่ะ กรดในกระเพาะอีกแล้ว พอเครียด ๆ เป็นทุกที”
จันทร์กานต์หยิบยาออกมากิน
ดารารายแอบมองลูกชายด้วยความสงสาร พลางขยับจะเดินเข้าไปปลอบ แต่โดนคุณชายจันทร ลากตัวออกไปก่อน
อ่านต่อหน้า 4
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 1 (ต่อ)
หม่อมราชวงศ์จันทร ลากผู้เป็นภรรยาเข้ามาในห้องทำงาน
“แอบฟังลูกคุยงาน ลูกรู้เข้า จะว่าเราไม่ไว้ใจนะ”
ดารารายบอกสามีด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“เขายังเด็ก เขาเป็นโรคกระเพาะ ถ้าเขาเครียด เขาจะปวดท้อง แล้วเมื่อกี๊เขาก็ปวดท้อง”
“จะช้าหรือเร็ว เขาก็ต้องทำ ทำเร็ว ผิดพลาดเร็ว ผมยังอยู่แก้ไขให้ได้”
“ห้างแกรนด์ไม่ได้มีไว้ผิดพลาดนะคุณ ธุรกิจของครอบครัวคุณชายสร้างมาสามชั่วอายุคนแล้ว จะให้ผิดพลาดได้ยังไง”
คุณชายจันทรมองหน้าภรรยา ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง
“ธุรกิจผิดพลาดไม่ได้ แต่คนผิดพลาดได้ เพราะการผิดพลาดคือการเรียนรู้ ปัญหาอยู่ที่เราเลือกคนหรือธุรกิจ”
“เลือกทั้งสองอย่าง”
ดารารายตอบโดยไม่ต้องคิด คุณชายจันทรส่ายหน้า
“เราต้องเลือกคนเพราะธุรกิจจะอยู่ต่อไปได้ ถ้าเรามีคนที่เก่ง แต่ถ้าคนไม่เก่ง ต่อให้ซื้อเวลาได้ในวันนี้ วันข้างหน้าธุรกิจก็พังอยู่ดี”
ดารารายทำหน้างอน
“ลูกแม่ ลูกแม่มีพ่อใจร้าย แม่ขอโทษ”
ดาริกามาถึงคอนโดหรูของแมกซ์ พลางมองหา แล้วกดมือถือโทร.หาวรางค์
“ดาวมาถึงแล้วค่ะพี่วรางค์”
ขณะที่วรางค์นั่งรอประชุมอยู่ ที่ห้างแกรนด์
“ยังไม่ได้เริ่มประชุมเลย รอมาสองชั่วโมงแล้ว นี่พักเที่ยง เปลี่ยนคนดูแลงานใหม่ เป็น ม.ล.คนลูก เลยต้องรอ ฮือ ! ใกล้วันงานแล้วมาเปลี่ยนตอนนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
วรางค์ทำเสียงเหมือนจะร้องไห้
“อย่าเพิ่งร้องค่ะพี่ พูดเรื่องหนูก่อน ให้หนูกินข้าวกับคุณแมกซ์คนเดียวหรือคะ”
“ช่วยตัวเองไปก่อนนะ เจอกันตอนเย็นที่ออฟฟิศ”
วรางค์ตัดบทฉับ
ดาริกาเดินมามาติดต่อที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ พนักงานต้อนรับรีบบอก
“คุณแมกซ์ให้ขึ้นไปทานบนห้อง เชิญครับ”
พลางจะพาไปที่ลิฟต์ ดาริกาอึกอัก
“บนห้องหรือ เอ้อ ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ดาริกาเดินหลบออกมา แล้วรีบกดโทร. มือถือทันที แต่ไม่มีคนรับสาย
“เฮ้ย พี่วรางค์ไม่ยอมรับสาย น้องไม่อยากเสียพรหมจรรย์ตอนนี้นะ”
ดาริการีบใช้มือถือเข้าเว็บไซต์ หน้าจอขึ้นรูปแมกซ์กับผู้หญิงสองสามคน กับข่าวเมาท์เรื่องแฟน ดาริกาเริ่มคิดแผน
ขณะที่วรางค์โวยวายขึ้นทันทีเมื่อรู้จากเพชรว่าจันทร์กานต์จะเปลี่ยนแผนการจัดงานของห้างแกรนด์ แต่พอได้เจอหน้าจันทรกานต์จริงๆ ก็กลับตะลึงในความหล่อ จนพูดไม่ออก
“คุณจันทรกานต์เหรอคะ”
จันทรกานต์ยิ้มรับ
“ครับ ผมจันทรกานต์ คุณวรางค์ใช่ไหมครับ”
วรางค์ ที่แอบนินทาจันทร์กานต์ลับหลังไปหลายดอกหน้าซีด เหมือนจะร้องไห้
“สวัสดีค่ะ คุณจันทร์ สมกับที่เขาร่ำลือจริง ๆ ทั้งหล่อ ทั้งสามารถ ทั้ง....”
“คับแคบ เห็นคนอื่นเป็นขี้ข้า กินหญ้า กินฟาง”
จันทร์กานต์ประชด เพราะแอบได้ยินที่วรางค์นินทาเต็มสองหู
“คุณจันทรกานต์ขา วรางค์หมายถึงข้อตำหนิทั้งหมดที่ว่ามา ไม่มีอยู่ในตัวคุณจันทร์เลยต่างหากละคะ สมเป็นคนรุ่นใหม่ น่าร่วมงานเป็นที่สุด”
จันทร์กานต์ถอนใจ เดินนำเข้าห้อง วิวิทธิ์เดินตาม ขณะที่วรางค์หันมาแว้ดใส่เพชรและยุพาทันที
“ทำไมไม่เตือนละคะคุณเพชร คุณยุพา”
“เตือนไม่ทันครับ คุณวรางค์พ่นออกมาเสียก่อน”
ดาริกา กำลังตั้งอกตั้งใจดูข้อมูลของสองแฟนสาวของแมกซ์ จนไม่ทันสังเกตว่าแม็กซ์เดินมาข้างหลัง
“สวัสดีครับ”
“เดี๋ยวยาม แป๊บหนึ่ง”
ดาริกามัวแต่วุ่นวายกับการพิมพ์ข้อความบนเครื่อง เลยไม่ทันได้มอง
“ผมลงมาตาม”
พอรู้ตัวว่าไม่ใช่ยาม ดาริกา ก็รีบปิดมือถือ เงยหน้ายิ้มแห้งๆ
“คุณแมกซ์นั่นเอง มาตามเองเลยหรือคะ”
แมกซ์ยิ้มให้
“ขึ้นห้อง เออ ขึ้นไปกับผมได้แล้ว”
“ทำไมเราไม่ทานกันสองต่อสอง ที่ร้านข้างล่างนี่ละคะ” ดาริกาพยายามเลี่ยง
“ผมทานอาหารตามร้านไม่ได้ คนจะเข้ามาขอถ่ายรูปตลอด กินไม่อร่อยเหตุผลง่ายๆแค่นี้ เข้าใจนะครับ”
ดาริกาจำใจต้องพยักหน้า “เข้าใจค่ะ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ภายในห้องของแมกซ์ตามลำพัง
“อาหารอยู่ทางโน้น เขาเพิ่งมาส่ง”
ดาริกาปรายตามองไป เห็นอาหารมีฝาครอบวางอยู่เรียบร้อย พลางยิ้มหวาน และหยิบเอกสารออกมา
“เซ็นเอกสารรับเป็นพรีเซ็นเตอร์นาฬิกาก่อนดีไหมคะ”
“ได้ราคาตามที่ตกลงไหม”
ดาริกาพยักหน้า “ไม่ขาดสักบาทค่ะ”
แมกซ์หยิบปากกามาเตรียมจะเซ็น แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจวางปากกาลง
“ผมอยากอาบน้ำ ไปอาบน้ำด้วยกันก่อน”
ดาริกาตาเหลือก “อาบน้ำด้วยกัน “
แมกซ์ดึงดาริกาเข้ามาชิด
“คุณนี่น่ารักดีนะ ระหว่างเรา คงเป็นรักแรกพบ ผมหยุดตัวเองไม่ได้จริงๆ”
พูดพลางก็คว้ามือลากดาริกาไปที่ห้องน้ำทันที ดาริกาตาหน้าซีด แต่แกล้งทำทีเป็นยิ้มยินดีให้ตายใจ
“เอ้อ เดี๋ยว ๆ อาบน้ำอุ่นๆ แช่ตัวฟองนุ่มๆ ใช่ไหม”
“ตื่นเต้นล่ะสิ หน้าซีดเชียว”
แมกซ์ก้มลงจะหอม ดาริกาเอากระดาษสัญญามาปะหน้าแมกซ์ยันไว้
“เซ็นก่อน แล้วจะทำอะไรก็ได้ คืออาบน้ำแล้ว เดี๋ยวมือเปียก”
แมกซ์ยิ้มพอใจ แล้วรีบเซ็นชื่อให้ในกระดาษ
“เซ็นเสร็จแล้ว เย้ๆ อาบน้ำๆได้ งั้นเดี๋ยวรอตรงนี้สักครู่จะไปตีฟองให้นุ่มๆ”
ดาริกายัดสัญญาใส่กระเป๋า แล้วรีบเดินออกไปทันที แต่จงใจเดินไปที่ประตูออก แมกซ์รีบดึงผมไว้ “ห้องน้ำมาทางนี้ แล้วก็อยู่ในห้องนอน”
ดาริกายิ้มแห้งๆ ปล่อยให้แมกซ์ลากตัวไป ขณะที่แอบหยิบมือถือออกมาถือกดอัดเสียง
แมกซ์ดึงดาริกามากดเข้าไปไว้กับผนัง พลางซุกหน้านัวเนีย
“เอ้อ คุณมีแฟนแล้ว คุณยังมายุ่งกับฉัน คุณคงไม่ใช่คนรักเดียวใจเดียวแบบเพลงที่คุณแต่ง อันนั้น แค่โกหกผู้หญิงไปวันๆใช่ไหม”
แมกซ์มองดาริกาตาเยิ้ม “ความรักเป็นเรื่องสวยงาม”
“เจอกันครั้งเดียวเนี่ยนะ คุณบอกว่าระหว่างเราเป็นความรักแล้วเหรอ”
“ความรักไม่ต้องการเวลา”
ดาริกาพยายามพูดถ่วงเวลา
“ผู้หญิงที่คุณคบด้วย เขาคงจะโกรธ ถ้ารู้เรื่องฉัน”
“ก็อย่าบอกเขาสิ ผมมีอิสระ ไม่มีใครบังคับผมได้หรอก”
ดาริกาแกล้งพยักหน้า ทำทีว่าเข้าใจ “อ้อ เข้าใจแล้ว”
ก่อนที่จะฉวยจังหวะทีเผลอ ซัดเปรี้ยงเข้าไปที่หว่างขา จนแมกซ์ตัวงอลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็รีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้องทันที
แมกซ์วิ่งตามออกมาจนทัน พลางคว้ามือดาริกาไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปปล้ำกันที่พื้น ดาริการ้องลั่น แมกซ์ก้มลงจะจูบ แต่จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก
“พี่แมกซ์ อะไรกันนี่”
แมกซ์ หน้าซีด ตกใจ “น้องพิม”
“มีคนเขียนบนทวิตเตอร์ด่าหนู” พลางหยิบมือถือขึ้นมากดอ่านดังๆ
“นังชิลิโคน แฟนหล่อนกำลังจะคั่วกับหญิงสวยไฮโซที่คอนโดตอนนี้เลย”
แมกซ์งง ขณะที่ดาริกาแอบยิ้ม ที่แผนได้ผล
“คนนี้ใช้มั้ย ไม่เห็นจะสวย ฟันอย่างกับจอบ”
“น้องพิมอย่าเข้าใจผิด เขาเข้ามาหาพี่เอง”
ดาริกาฉวยจังหวะขณะที่แมกซ์กับพิม กำลังยืนเถียงกันอยู่ รีบหลบมาที่ประตู แต่พอเปิดประตูออก ก็เจอสาวใหญ่ ชื่อแน็ท ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่
“ว้าย”
ดาริกาตกใจ ร้องเสียงหลง ขณะที่แน็ทถลึงตามองดาริกาอย่างสงสัย
“แกเป็นใคร”
พิมและแมกซ์ได้ยินเสียง ก็หยุดทะเลาะ แล้วหันมามองที่ประตู
“แมกซ์” แน็ทร้องเรียกเจ้าของห้อง แต่พอเหลือบตามองเห็นพิม ก็ตกใจ “ยายพิม”
“แกมาทำไม” พิมลอยหน้าถาม
“จะมาดึงหนังหัวแกน่ะซี แกเขียนบนเฟสบุ๊คด่าฉันใช่ไหม”
พลางหยิบมือถือมากดอ่าน
“อีแก่ ไอ้แมกซ์นอกใจแกแล้ว ไปดูเร็วเข้า ทั้งสวยทั้งสาว ไฮโซฝุดๆๆ ”
จากนั้นแน็ทก็ปรี่เข้ามาผลักพิม ทั้งคู่ผลักกันไปมา
“ไหนบอกนังพิมไม่มีคีย์การ์ดแล้วไง” แน็ทหันมาโวยวายกับแมกซ์
“นี่พี่บอกมันหรือว่า พี่เลิกกับหนู”
แน็ทพยักหน้า “เออ มันบอกฉันว่าเลิกกับแกมาเป็นปีแล้ว นังชะนีเน่า”
“อีพี่แมกซ์ มึงตาย”
สองสาวต่างรุมเข้ามารุมตบแมกซ์เป็นพัลวัน ดาริกาได้ที รีบหลบออกจากห้องทันที
“ขอโทษนะครับที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของงานกะทันหัน”
จันทร์กานต์บอกกับวรางค์ต่อหน้าทุกคนในห้องประชุม วรางค์ยิ้มแห้งๆ มองเอกสารยาวเหยียด
“นอกจากรายละเอียดพวกนี้ ผมอยากให้งานเลี้ยง 50 ปีของห้าง เป็นอะไรที่ฮือฮา มีความตื่นตาตื่นใจ เช่นมีสลิง มีพลุ อะไรสักอย่าง”
เพชรกับยุพามองหน้ากัน แล้วยิ้มเหยียด
“พูดเหมือนว่า คุณจันทร์ จะลงทุนเขียนสคริปต์เองเลย”
จันทร์กานต์พยักหน้า “ได้ครับ ผมเขียนเอง ตอนเรียน ผมเคยเขียนบทละครเวที งานแค่นี้สบายมาก”
วรางค์ อ่านเอกสารแล้วก็ถอนหายใจ
“ในโชว์เนี่ย ระบุว่าต้องการนายแบบที่มีชื่อ ระดับดารานักร้องที่กำลังอยู่ในกระแสเลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้จักดารานักร้องคนไหนเลย”
เพชร ได้ที รีบท้วง
“พวกซุปตาร์อีกแล้วเหรอครับ ผมว่ามันน่าเบื่อมากเลยนะ เรื่องมากก็เท่านั้น ต้องเอาใจกันอย่างกับเป็นพระเจ้า แถมค่าตัวสูงติดเพดานผมว่านะ ค่าตัวระดับนี้จ้างนายแบบนอกมาดีกว่า ทั้งหล่อ ทั้งมืออาชีพ”
“ยังไงผมก็ยืนยันครับว่าต้องการ...อะไรนะ”
จันทร์กานต์หันไปถามวิวิทธิ์
“ซุปตาร์คนไทย ค่าตัวเท่าไหร่ก็สู้ครับ”
วรางค์อ่านรายละเอียด พลางเงยหน้ามาถามต่อ
“ต้องโหนสลิงลอยลงมาจากชั้นสองเลยนะคะ จะเอาใครเล่นดีเนี่ย”
เพชรรีบบอกอย่างเอาหน้า
“ผมนึกออกแล้ว ตอนนี้กระแสนแรงสุด คงไม่มีใครเท่าคนนี้แล้วละครับ ซุปตาร์แม็กซ์ไงครับ”
วรางค์อ้าปากค้าง วิวิทธิ์โชว์รูปในไอแพดให้จันทร์กานต์ดู
“ผลสำรวจความนิยม เขาได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้หญิงชนชั้นกลาง เป้าหมายเราพอดี”
“งั้นก็ตกลง ฝากด้วยนะครับ”
วรางค์ ที่ยังไม่รู้เรื่องของดาริกายิ้มแห้ง พลางรีบพยักหน้ารับคำ
ดาริกากลับมาถึงออฟฟิศ ก็รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อาร์ตี้ฟัง
“นึกแล้ว ไอ้นี่มันต้องไม่ใช่คนดี แจ้งตำรวจเลยไหม”
ดาริกาส่ายหน้า “เฮ้อ ใครจะไปเชื่อ คนเลวอย่างนั้น คงหาว่าดาวน่ะอยากดัง”
จังหวะเดียวกับที่วรางค์กลับมาถึงพอดี ดาริกากับวรางค์พูดออกมาพร้อมกัน
“อย่าให้ดาวไปเจออีตาแมกซ์อีกเลยนะ”
“ช่วยไปเจราจากับอีตาแมกซ์ให้ที”
จากนั้นทั้งคู่ก็หยุด เพื่อให้อีกฝ่ายพูดก่อน
“ลูกค้าอยากได้นายแมกซ์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์”
ดาริกาพรวดคอตกลงไปที่โต๊ะ ทำท่าอยากตายขึ้นมาทันที
ดาริกาเดินหน้าเศร้า เพราะคิดว่าวรางค์ห่วงแต่งาน ไม่ห่วงเธอ แต่เมื่อเดินผ่านห้องทำงานของวรางค์ขณะกำลังคุยโทรศัพท์กับจ๋า ผู้จัดการของแมกซ์ ดาริกาก็เปลี่ยนความคิด
“คุณจ๋า เด็กฉันเกือบโดนนายแม็กซ์มันข่มขืนเอา ทำอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าเราจะร่วมงานต่อ อย่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกนะคะ ไม่งั้นฉันเอาเรื่องออกสื่อแน่ เพราะฉันรู้ว่ามีคดีแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงหลายคนแล้ว ค่ะ คงเข้าใจนะคะ”
วิวิทธิ์เปิดประตูห้องในคอนโด เพื่อให้คนงานขนของเข้ามา โดยมีช้างตามมมาช่วยดูแลอยู่ด้วย ขณะที่จันทร์กานต์ในฐานะเจ้าของห้อง คอยยืนกำกับอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าช่างทำอะไรไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจ ก็บ่นอุบด้วยความที่เป็นคนละเอียดละออ อันเป็นนิสัยที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดาโดยตรงนั่นเอง
ช่างที่ขนของมาแอบส่ายหน้า ขนาดวิวิทธิ์กับช้าง ยังแอบกระซิบกันว่า....เยอะ
ระหว่างที่คุณชายจันทรกำลังง่วนกับการตรวจตราเอกสาร ที่เลขาฯ นำเข้ามาให้เซ็น ดารารายก็เดินไปมา ด้วยความกลุ้มใจ เป็นห่วงลูก พลางตั้งท่าจะกดโทรศัพท์ แต่โดนคุณชายจันทรขัดขึ้นมาก่อน
“ลูกสั่งของไปแล้ว สั่งทุกอย่าง มีทุกอย่าง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาหารร้านข้างล่างก็มี อร่อยมีคุณภาพ ผมเคยไปทาน เสื้อผ้าข้าวของ คุณบอกให้นายช้างเอาไปส่งแล้ว คุณตรวจเองไม่ใช่หรือ”
ดารารายเริ่มหงุดหงิดเพราะโดนพูดขัดไปซะทุกเรื่อง
“ลูกโตแล้ว ย้ายบ้านแค่นี้ เขาจัดการได้ ไม่ต้องโทรหรอกคุณดาว”
ดาริกานั่งง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดดูโปรโมชั่นลดราคาต่างๆ พลางปรินท์คูปงออกมาตัดเก็บไว้ในกล่องเหล็ก พลันเสียงปึงปังก็ดังมาจากห้องข้างๆ
ดาริกามองไปอย่างหงุดหงิด
“ตั้งแต่บ่ายแล้วนะ ทำอะไรกัน”
เสียงปึงปังดังตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำ ซึ่งดาริกาอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว
“นี่กลางคืนแล้วยังไม่เลิก ฉันให้เวลาอีกสิบนาทีเท่านั้นนะ”
ในที่สุดวิวิทธิ์ก็ช่วยจันทรกานต์จัดข้าวจัดของในห้องจนเรียบร้อย พลางขอตัวกลับบ้าน
“วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
จันทรกานต์อึกอัก
“เอ้อ เดี๋ยว ถ้าไม่ว่าอะไร คืนนี้นอนเป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม ก็แบบมันแปลกที่ จะได้แน่ใจว่า ไม่มีอะไรที่...แบบว่า”
“กลัวผี ว่างั้น”
วิวิทธิ์ดักคอ จันทรกานต์ยิ้มแห้งๆ
จันทรกานต์กับวิวิทธิ์ล้มตัวลงนอนพร้อมกันบนเตียง
“กู๊ดไนท์นะครับ”
จันทร์กานต์ทำตาหลุกหลิก เมื่อรู้สึกถึงความไม่ปกติ
“วิวิทธิ์ผมว่า เตียงไม่เท่ากัน”
วิวิทธิ์อ้าปากค้าง
ดาริกา ที่หลับไปแล้ว ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อได้ยินเสียงกระแทกที่ฝาห้อง
“เฮ้ยอะไรอีกเนี่ย ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”
ขณะที่จันทรกานต์กับวิวิทธิ์กำลังช่วยกันย้ายเตียง เสียงเคาะประตูดังขึ้น วิวิทธิ์ไปเปิดประตู
“อ้าว คุณนั่นเอง อยู่ห้องนี้เหรอคะ”
วิวิทธิ์พยักหน้า “ครับ ตกลงเราซื้อห้องนี้”
“แหม ติดกับห้องฉันเลยนะคะ ขอบ่นหน่อย คุณทำเสียงกึงกังมาตลอดบ่าย นี่ค่ำแล้วยังกึงกังไม่เลิก ทำอะไรกันไม่ทราบ”
จันทรกานต์โผล่หน้ามามอง
“อ้าว คุณขายของ เออ อยู่ด้วยกันเหรอคะ”
“ขอโทษที่รบกวน เราเพิ่งย้ายเข้ามาน่ะ ทุกอย่างยังไม่เข้าที่ เสียงเลยดังไปหน่อย”
จันทรกานต์อ้อมแอ้มๆ อย่างรู้สึกผิด
“ก็เข้าใจค่ะ ก็ช่วยทำให้ทุกอย่างเข้าที่ด้วยเสียงเบาๆ หน่อยก็แล้วกัน”
“ขอแค่สิบนาทีเท่านั้น เดี๋ยวเราก็เสร็จ ใชไหมวิวิทธิ์”
วิวิทธิ์พยักหน้า
“เสร็จแน่นอนครับ ไม่ไหวแล้วครับ ผมปวดหลังมาก”
จันทรกานต์ยิ้มให้ ดาริกา แล้วปิดประตู ดาริกาทำหน้าสยอง
“เสร็จในสิบนาที กล้าพูดนะ”
พอกลับไปถึงห้อง ก็อดที่จะบ่นกับตัวเองไม่ได้
“เสียดายจัง หล่อทั้งคู่เลย”
แต่ด้วยความอยากรู้ ที่มีมากกว่า ก็เลยแอบเงี่ยหูฟัง
ทางด้านวิวิทธิ์กำลังเขย่าที่นอนเพราะมันไม่ลงล็อก เลยเป็นเสียงสั่นเอี๊ยดอ๊าด เขย่าไปเขย่ามาข้อต่อก็หลุดออกมา วิวิทธิ์ก้มลงไปดู
“ปัดโธ่ ข้อต่อหลุด”
ทั้งคู่ช่วยกันจับข้อต่อให้มาลงล็อก เป็นจังหวะที่ดาริกาเอาหูแนบฟังได้ยินพอดี
“เอ๊า หลุด ไม่เป็นไร อึ้บ ๆ กำลังจะได้แล้ว ใกล้เข้าแล้ว อึ้บๆๆ คุณเอียงมานี่หน่อย โอว อา สุดยอด”
ดาริกาสะดุ้งโหยง “เฮ้ย”
ขณะที่ในห้องของจันทรกานต์ ทั้งคู่ก็ล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ
“อ๊า สบายยย ได้ออกกำลัง หลับสบายแระ”
ดาริกาล้มตัวลงนอน พลางถอนหายใจเฮือก
“เฮ้อ...เสียดาย สุดหล่อของฉัน”
อ่านต่อตอนที่ 2