xs
xsm
sm
md
lg

สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 6 

ทุกคนพร้อมที่โต๊ะอาหาร แต่ประภาพรรณยังไม่มานั่งร่วมโต๊ะด้วย ปทุมวดีเปิดฉากโจมตีทันทีกับปรีชาชาญ
 
“ดูสิ แม่สะใภ้คนเก่งของคุณน่ะ แค่มานั่งกินข้าวพร้อมกัน แค่เนี้ย ก็ยังทำไม่ได้”
“นั่นสิคะ ใช้ไม่ได้เลย ปล่อยให้พ่อสามี แม่สามีรออย่างนี้ได้ยังไง” ดวงแก้วผสมโรง
“นี่ไม่ใช่แค่วันนี้นะ ตลอดเวลาที่คุณไปดูงานเมืองนอกแม่นี่ก็ทำแบบนี้อยู่เรื่อย ให้หัวหงอกหัวดำนั่งรอไปเหอะ แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน แล้วยังจะ”
พันกรอึดอัดใจไม่อยากให้ปทุมวดีต่อว่าประภาพรรณอีก
“เดี๋ยวผมไปตามเองครับ”
ปทุมวดีสั่งเสียงเฉียบขาด
“นั่งลง แล้วกินกันได้แล้ว ฉันหิว”
บุหงายิ้มร้าย แล้วปรับสีหน้าเป็นอ่อนหวาน ชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าพันกร
“อุ๊ย จานนั้นของโปรดแพนเลยค่ะ”
“หนูแพนย้ายไปนั่งตรงนั้นเลยจ้ะ จะได้ตักสะดวก”
“จริงด้วยค่ะ แพนจะได้เทคแคร์พี่กรด้วย”
บุหงารีบลุกขึ้นไปนั่งข้างพันกรทันที พันกรลอบถอนใจอย่างอึดอัด บุหงาจะตักอาหารใส่จานให้พันกร แต่เปลี่ยนใจป้อนใส่ปากเขาแทน พันกรเบี่ยงตัวหนีอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณแพนตามสบายเลยครับ”
ประภาพรรณยืนดูอยู่อีกมุมด้วยความหึงหวง นึกถึงสิ่งที่คุยกับนิโรบล
“มิวเลือกคุณกรมาเป็นสามีก็เพราะเขาเข้าใจมิวไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้มิวต้องเสียคุณกรไปนะ”
ประภาพรรณตัดสินใจเดินเข้าไปตรงที่นั่งของตัวเอง
“คุณกรขา ภรรยามาแล้วค่ะ ใครไม่เกี่ยวช่วยลุกด้วย”
บุหงาสบตาปทุมวดีอย่างขอความเห็นใจ ปทุมวดีพูดกับบุหงาอย่างอ่อนโยน แต่เสียงโหดกับประภาพรรณ
“หนูแพนไม่ต้องลุกหรอกลูก หล่อนมาช้าเอง ตรงไหนว่างก็นั่งๆ ไปเถอะ”
“แน่ใจนะคะ คุณแม่สามี ได้เลยค่ะ”
ประภาพรรณลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ เบียดชิดกับปทุมวดี
“นี่หล่อน มานั่งข้างฉันทำไม”
“อ๊ะ ก็คุณแม่สามีบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าตรงไหนว่างก็ให้นั่งๆ ไปเถอะ”
พันกรสบตาปรีชาชาญอย่างอ่อนใจ ปรีชาชาญพยักหน้านิดๆ อย่างรู้กันกับพันกรว่าต้องเป็นคนสงบศึกครั้งนี้
“เอาล่ะๆ คุณหญิง ไหนว่าหิว ผมว่าเรากินกันเถอะนะ อะ นี่ของโปรดคุณ”
ปทุมวดีนั่งหน้าบึ้ง ไม่ยอมกิน ประภาพรรณเริ่มลุกขึ้นตักอาหารข้ามหน้าข้ามตาปทุมวดี
“ขอโทษนะคะ คุณแม่สามี”
ปทุมวดีขยับหนีประภาพรรณอย่างรังเกียจ แล้วตวาดขึ้นมา
“นี่ หล่อน ไปไกลๆ ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ หนูแพน หนูช่วยคืนที่นั่งให้แม่นี่ที ป้าไม่ไหวแล้ว”
“แต่คุณป้าคะ”
ประภาพรรณทำท่าจะตักอาหารเบียดผ่านหน้าปทุมวดีอีก
“ยี้ หนูแพน ลุกเร็วๆ เถอะนะ ป้าขอร้อง”
บุหงาลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ อารมณ์เสีย ประภาพรรณลุกขึ้น ยิ้มในหน้าอย่างผู้ชนะ

กลางคืน พันกรเคาะประตูหน้าห้อง เพราะประภาพรรณล็อกไม่ให้เข้าห้อง
“มิว มิวล็อกห้องทำไมครับ ผมง่วงแล้วนะ ขอเข้าห้องหน่อยสิครับมิว”
พันกรเคาะประตูหน้าห้องต่อ
“มิวจ๋า เมื่อเย็นยังกินข้าวกันดีๆ เลยนี่นา”
“ใครดีด้วย มิวแค่ไม่อยากให้ใครมันตีปีกดีใจที่เห็นเรางอนกันต่างหาก”
พันกรอมยิ้มที่ได้ยินว่าประภาพรรณเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย
“ถ้างั้นมิวก็ต้องเปิดประตูให้กรซิครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะ”
“ไม่ คืนนี้มิวจะนอนคนเดียว”
พันกรไม่ยอมแพ้เคาะประตูต่อ
“มิว เปิดประตูเถอะ มิว”
พันกรเรียกซ้ำๆ จนได้ยินไปถึงห้องบุหงาที่อยู่ติดกัน ประภาพรรณยิ้มสะใจ
“ไม่เปิดให้หรอก”
บุหงาเอาแผ่นมาสก์หน้ามาแปะก่อนนอน
“แพน แกดูแลตัวเองแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้สวยแซ่บกว่านังมิว”
“มิว ผมขอโทษแล้วไง”
สองแม่ลูกได้ยินเสียงพันกร มองหน้ากัน แล้ววิ่งไปเอาหูแนบประตูทันทีโดยไม่ต้องนัดหมาย
“แกได้ยินแล้วใช่มั้ย นังแพน เห็นความสำเร็จอยู่รำไรแล้วโว้ย”
“นี่ขนาดฉันไม่ค่อยได้เจอพี่กรนะ ยังร้าวฉานได้ขนาดนี้”
“แกก็รีบๆ เผด็จศึกคุณกรให้ไวเข้าล่ะ อย่าชะล่าใจนะ”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงซะบ้านหลังโตหลังนี้ก็ต้องตกเป็นของฉัน แล้วไหนจะที่ดินอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ขอดูให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”
บุหงาเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองที่สนาม เห็นพันกรเดินเล่นอยู่
“แม่ นั่นพี่กรนี่ ฉันต้องรีบไปตีท้ายครัวนังมิวแล้วล่ะแม่”
บุหงาจะวิ่งออกจากห้องทันที ดวงแก้วดึงชายเสื้อลูกสาวไว้ทัน แล้วชี้ที่หน้า
“แกจะไปอย่างนี้ได้ไงนังแพน”
“ว้าย จริงด้วย ขอใช้วิทยายุทธ์เปลี่ยนชุดของหางเครื่อง 30 วิ ละกัน”
บุหงารีบเอามาสก์ที่แปะหน้าออก แล้วทาแป้งทาลิปสติกอย่างเร็ว พร้อมเปลี่ยนเป็นชุดเต้นแอโรบิค สุดเซ็กซี่

พันกรนั่งเหม่อคิดโน่นนี่ ประภาพรรณเดินไปแง้มประตูห้องดู ไม่เห็นชายหนุ่มแล้ว ก็เลยเดินเล่นในห้อง แล้วมองลงไปที่สนาม เห็นพันกรนั่งห่อเหี่ยวอยู่ เธอเห็นแล้วก็นึกสงสารอยู่เหมือนกัน
บุหงาใส่ชุดออกกำลังกายรัดรูปเพื่อมาเต้นแอโรบิค เล็งหามุมเหมาะๆ ว่าพันกรต้องเห็น พันกรมองตรงไม่สนใจอะไร บุหงารีบขยับเข้ามาในรัศมีการมองของพันกรอีกนิด แล้วเต้นก้มๆ เงยๆ ประภาพรรณมองลงมาเห็นบุหงากับพันกรกำลังคุยกัน เธอหึง เดือดปุดๆ พันกรเห็นบุหงากำลังเต้นอยู่ก็เลยต้องทักทายตามมารยาท
“คุณแพนนี่เอง”
บุหงาทำทีเป็นเพิ่งเห็นพันกรแล้วสะดุ้งเบาๆ ด้วยความเขิน หยุดเต้น
“ว้าย พี่กร เขินจัง เห็นหมดเลยใช่มั้ยคะ”
“คุณแพนทำไมมาออกกำลังกายตอนนี้ล่ะครับ”
“ปกติแล้วแพนต้องไปยิมทุกวันค่ะ แต่พอมาอยู่บ้านนี้ แพนไม่ได้ไปไหน เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณหญิงป้าน่ะค่ะ”
“อ้อ ขอบคุณคุณแพนนะครับที่มีน้ำใจกับคุณแม่ผม”
บุหงาชม้อยชม้ายตาให้ดูหวานซึ้งที่สุด
“แพนเต็มใจเป็นที่สุดค่ะพี่กรขา แล้วนี่พี่กรมานั่งทำอะไรตรงนี้คะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าจะเข้าบ้านแล้ว”
บุหงาจูงมือพันกรไว้แล้วลากให้มาออกกำลังกายด้วยกัน
“อย่าเพิ่งไปสิคะ มาเต้นออกกำลังกายกันดีกว่า”
พันกรอิดออด ลำบากใจ พยายามแกะมือบุหงาออก แล้วขอตัวเดินออกมาทันที ประภาพรรณโล่งใจที่พันกรเดินออกมา
“แล้วไป นึกว่าจะคุยกันถึงเช้า”

ตอนเช้า พันกรแต่งตัวเสร็จออกมาจากอีกห้องซึ่งไม่ใช่ห้องนอนของเขา เห็นปรีชาชาญก็เลยทัก
“สวัสดีครับ คุณพ่อ”
“อ้าวเจ้ากร เมื่อคืนนอนห้องนี้เหรอ มีปัญหากับหนูมิวรึเปล่า”
พันกรหลบตาพ่อเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
ปรีชาชาญมองลูกด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรเล่าให้พ่อฟังได้นะ”
“ไว้ว่างๆ ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนะครับ พอดีวันนี้ผมรีบๆ”
ปรีชาชาญพยักหน้ารับรู้
“รู้มั้ยผู้หญิงน่ะ ต่อให้เป็นคนหนักแน่นแค่ไหนก็ทนไม่ได้หรอกที่ต้องเห็นผู้หญิงอื่นหมายตาสามีตัวเองขนาดนั้น”
“เรื่องนั้นมันไม่มีอะไรครับพ่อ ส่วนเรื่องผมกับมิวผิดใจกัน ที่จริงมันมีเรื่องอื่นอีกที่พ่อไม่รู้”
“ถ้างั้นคนที่รู้เรื่องดีที่สุดอย่างลูกก็ต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ เข้าใจมั้ย อย่าปล่อยเชื้อไฟไว้ จนไฟไหม้ลามหมดบ้าน”
“ครับพ่อ ผมจะทำให้ดีที่สุด”

ดวงแก้ว บุหงา เดินมาหน้าตายิ้มแย้ม เห็นปทุมวดีกำลังอ่านนิตยสารอยู่อย่างเบื่อๆ สองแม่ลูกรีบเข้าไปประจบ ดวงแก้วแสร้งทำหน้าไม่สบายใจอย่างหนัก
“เมื่อคืนคุณน้องไม่รู้ฝันไปรึเปล่านะคะ ฝันว่าได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน มันแว่วๆ เหมือนเสียงคุณพันกรค่ะ ไม่รู้เป็นลางอะไรรึเปล่านะคะ พี่หญิง”
“ไม่ได้ฝันหรอกค่ะ คุณแม่ เมื่อคืนพี่กรมานั่งปรับทุกข์กับแพนเรื่องคุณมิวด้วยนะคะ”
“ข่าวดีที่สุด ตากรว่ายังไงมั่งหนูแพน”
“พี่กรบอกว่าเหนื่อยใจกับคุณมิวเหลือเกินค่ะ คุณหญิงป้า นับวันคุณมิวก็ยิ่งไม่มีเหตุผล”
ปทุมวดีตบเข่าฉาดแล้วหัวเราะลั่น
“สะใจจริงๆ ในที่สุดตากรก็ตาสว่าง เราต้องร่วมมือกันนะคะ คุณดวงแก้ว หนูแพน ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานหรอก นังมิวต้องกระเด็นจากบ้านนี้แน่”
ดวงแก้ว บุหงายิ้มหวานให้ปทุมวดี

พันกรเดินมายืนหยุดที่หน้าห้องตัวเองยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู ประภาพรรณเปิดประตูออกมาพอดี ชายหนุ่มดีใจมากที่เห็นหน้าภรรยา
“มิว เรื่องเมื่อวานผมขอโทษจริงๆ นะ”
“มิวก็ขอโทษที่ใจร้อนแล้วก็ทำรุนแรงกับคุณกรนะ เจ็บมากมั้ย”
ประภาพรรณแตะหน้าพันกรด้านที่โดนตบ
“แอบห่วงผมเหมือนกันใช่มั้ย เมียจ๋า”
พันกรสวมกอดประภาพรรณไว้ด้วยความรักเต็มเปี่ยม
“คุณกร ปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ใครมาเห็นก็ดีสิ ทุกคนจะได้รู้ว่าผมรักมิวแค่ไหน”
“ไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวมิวลงไปส่งที่รถ”
พันกรยอมปล่อยตัวประภาพรรณออกจากอ้อมกอด แล้วจูงมือกันไป ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้ว เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นก็ชะงักทันที ปทุมวดีหันไปถามบุหงากับดวงแก้ว
“ไหนว่าสองคนนี้ทะเลาะกันไง”
ดวงแก้วหน้าเสีย แต่ก็ปรับท่าทีทันควัน
“นั่นสิคะ”
“อย่างนี้ต้องเจอฉัน”
ทั้งสามเดินมาที่ประภาพรรณกับพันกรยืนอยู่ ปทุมวดีพูดขอร้องแกมบังคับกับพันกร
“ตากร วันนี้แม่ฝากดูแลหนูแพนสักวันนะจ๊ะลูก พอดีเดี๋ยวแม่จะออกไปธุระกับคุณดวงแก้ว”
“คุณกรต้องทำงานนะคะ คุณแม่สามี”
“แพนขอแค่ติดรถไปทำผมที่ห้างก็พอค่ะ คุณหญิงป้า พอดีวันนี้กล้าไม่สบายลุกไม่ขึ้นเลยค่ะ”
เสียงแต้วดังมา
“อย่าหนีนะพี่กล้า มาให้แต้วทำโทษซะดีๆ”
แต้วยื่นหน้าทำปากเหมือนจะจูบกล้า
“กลัวแล้วน้องแต้ว ปล่อยพี่กล้าไปเถอะจ้ะ”
ทุกคนเห็นกล้ากำลังวิ่งหนีแต้วที่วิ่งไล่จับกล้าอยู่ ประภาพรรณยิ้มมุมปาก
“ไหนว่า กล้าไม่สบาย ลุกไม่ขึ้น แต่วิ่งปร๋อไล่จับสาวขนาดนี้”
บุหงาหน้าเสียคิดมุกแก้ตัวไม่ทัน
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังโกหก นี่ละนะเขาถึงว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ”
“ในเมื่อกล้าไม่ได้เป็นอะไร ให้กล้าไปส่งนะครับ ผมไปนะครับ ที่รัก”
พันกรหอมแก้มประภาพรรณก่อนขึ้นรถ ประภาพรรณหันมายิ้มเยาะบุหงา

ประภาพรรณมาหานิโรบลที่ร้านกาแฟ ดื่มกาแฟไป 5 แก้ว ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย นิโรบลพยายามคิดวิเคราะห์
“มาอยู่บ้านเขา ยังกล้าขโมยของในบ้านไปขาย แสดงว่าสองแม่ลูกเนี่ย ไม่เบาเลยนะมิว”
“มิวสังหรณ์ใจว่ามันจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลอีกแน่ๆ”
“แม่สามีมิวนี่ก็แปลกนะ ไม่รู้ไปคบกับสองคนนี้ได้ยังไง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนิด ถึงคุณแม่จะไม่ชอบหน้ามิว แต่มิวก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวเราแน่ๆ”
“แล้วจะทำยังไง คนมันจะขโมยซะอย่าง ยังไงมันก็หาช่องจนได้แหละ”
ประภาพรรณฟังคำพูดของนิโรบลแล้วคิดตามสักครู่ก็ยิ้มออก
“รู้แล้ว งานนี้หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ขอบใจมากนะนิด”
ประภาพรรณคว้ากระเป๋าแล้วรีบลุกออกจากร้านไป

“ต้องให้มันได้งี้สิ มิวตัวจริง”




สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 6 (ต่อ)  

บุหงา ดวงแก้ว เดินกรีดกรายในห้างหรู แล้วมาหยุดอยู่หน้าร้านแบรนด์เนมแห่งหนึ่ง
 
บุหงาจ้องมองกระเป๋าตาเป็นประกาย
“แม่ ดูกระเป๋าใบนี้สิ มันหรูเริดอลังการเหมาะกับฉันมากเลย แม่ว่ามั้ย”
ดวงแก้วไม่สนใจฟังเพราะมัวแต่ถูกใจกระเป๋าอีกใบเช่นกัน บุหงายิ้ม สะกิดเรียกดวงแก้ว
“แม่ ฟังฉันอยู่รึเปล่า”
“ฉันว่าฉันต้องรีบไปโกยเงินที่บ่อนเสี่ยเป้ให้เร็วที่สุด ไปกันเร็วอีแพน ก่อนที่กระเป๋าใบนี้จะโดนใครสอยไป”
“ไม่ต้องเลยแม่ ฉันขี้เกียจไปไถ่ตัวแม่อีก”
บุหงายืนคิดชั่วครู่
“จะไปบ่อนให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อเรามีบ่อเงินบ่อทองอยู่ใกล้มือ”
“ฉันรู้แล้วแกจะให้ไอ้กล้ามันขโมยของคุณหญิงไปขายอีกใช่มั้ย”
บุหงาพยักหน้าภูมิใจในความฉลาดของตัวเองแล้วหัวเราะ
“ฉลาดสมเป็นแม่ฉันเลย”
ดวงแก้วชอบใจในคำชมของลูก
“ระหว่างรอ เราก็เดินเล็งของกันไปเรื่อยๆ เนอะ”
บุหงายิ้มร้าย แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหากล้าทันที ดวงแก้วยืนลุ้นอยู่ข้างๆ

แต้วฟังเพลงจากมือถือเสียบหู เดินถือไม้ขนไก่เดินปัดฝุ่นและเต้นไปด้วย กล้าเดินดูลาดเลาและซ่อนตัวตามหลืบมุมเท่าที่มี ทำท่าเป็นนักสืบสุดเท่ สักพักก็นึกได้และบ่นกับตัวเอง
“กูจะซ่อนทำไม บ้านนี้กูเดินธรรมดาๆ ก็ได้นี่หว่า”
กล้าปรับท่าทีเดินปกติ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฮัมเพลงของแต้ว กล้าตกใจหาที่ซ่อนเหมือนเดิม แต้วปัดฝุ่นเสร็จเดินออกไป กล้าโล่งอก รีบมองสำรวจว่าจะขโมยอะไรดี แล้วก็เห็นแจกันใบโต แต่คิดว่าถ้าขโมยไปคงทุลักทุเล จึงไม่เอา มองไปที่โทรทัศน์ พยายามจะยก แต่ก็ยกคนเดียวไม่ไหว
“แพนนะแพน นี่ถ้าไม่รักไม่ทำให้หรอก”
กล้าค่อยๆ สำรวจตู้และตามซอกมุมอย่างละเอียด จนสะดุดตากับกล่องเครื่องประดับที่วางซุกอยู่ เขารีบเปิดกล่องดู เห็นสร้อยเพชร ต่างหูเพชร แหวนครบชุดอยู่ในนั้น กล้ารีบหยิบสร้อยเพชรและต่างหูออกยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง แล้วเดินออกไปทันที

ที่ร้านเพชร ดวงแก้วแกล้งทำเป็นยื้อสร้อยเส้นนั้นไว้อย่างทะนุถนอมและมองอย่างเสียดายอย่างที่สุด สองแม่ลูกพูดจาปรึกษากันเนิบนาบ
“หนูไม่อยากเก็บสร้อยโบราณที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเราเอาไว้จริงๆ เหรอจ๊ะ”
“คุณแม่ขา แบบมันเชยเกินไป หนูใส่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“งั้นก็ตามใจละกันจ้ะลูก”
ดวงแก้วยื่นสร้อยและต่างหูให้พนักงานอีกครั้ง
“ช่วยตีราคาให้หน่อยนะจ๊ะ”
พนักงานรับมาวางลงบนถาดกำมะหยี่ แล้วพิจารณาดูใกล้ๆ สองแม่ลูกขยิบตาให้กัน พนักงานยิ้มเพราะดูแล้วรู้ว่าเป็นของปลอม แต่ไม่อยากทำให้แม่ลูกหน้าแตก
“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ นี่ไม่ใช่สร้อยที่ซื้อจากทางร้าน เรารับซื้อไว้ไม่ได้ค่ะ”
“ของล้ำเลอค่าแบบนี้ ถึงไม่ได้ซื้อที่นี่ คุณก็น่าจะรับซื้อไว้นะคะ”
“นั่นซิคะ คุณแม่ ถ้าหนูเป็นเจ้าของที่นี่ หนูคงต้องเอาพนักงานคนนี้ออกเป็นคนแรก โทษฐาน”
พนักงานสวนขึ้นมาอย่างเหลืออด
“โทษฐานไม่ยอมซื้อของปลอมน่ะเหรอ ดิฉันว่าพวกคุณรีบออกไปจากร้านดีกว่าค่ะ”
ดวงแก้ว บุหงาหลุดมาดผู้ดีกรีดร้อง
“นังบ้า แกพูดบ้าอะไร”
“เชิญเถอะค่ะ ก่อนที่ดิฉันจะแจ้งจับว่าพวกคุณเป็นแก๊งต้มตุ๋น”
พนักงานทำท่าจะยกโทรศัพท์แจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัย สองแม่ลูกรีบวิ่งเตลิดออกจากร้าน
ด้านประภาพรรณเดินมาหยิบกล่องเครื่องเพชรที่ตัวเองแอบมาวางซ่อนไว้ เปิดดู เห็นกล่องว่างเปล่าก็ยิ้มเยาะ
“ไอ้พวกสกปรก ติดกับดักเร็วยิ่งกว่าหนูท่อซะอีก”

บุหงา ดวงแก้ว ยืนท้าวเอวรุมด่ากล้าที่ยืนหงออยู่
“ไอ้พี่กล้า พี่โง่หรือบ้ากันแน่เนี่ย ถึงได้ขโมยของเก๊มา”
“โธ่ เตง ใครจะไปรู้ว่าบ้านไฮโซนาดนั้น มันจะแอบมีของโลว์โซสอดไส้ไว้ล่ะจ๊ะ”
ดวงแก้วเขกหัวกล้าอย่างโกรธแค้น
“นี่แน่ะ ยังจะเถียง ไอ้กล้า ถึงจะเป็นขโมยก็ต้องใช้สมอง ไม่ใช่เอะอะก็โง่ๆๆๆ เห็นอะไรก็หยิบๆ มา”
บุหงาจ้องหน้ากล้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันกับแม่เกือบโดนจับเข้าซังเตแล้ว”
กล้ามองสองแม่ลูกด้วยความน้อยใจสุดขีด
“ใช่เซ่ ไอ้กล้ามันโง่ สมองน้อย ทำอะไรไม่เคยดี คราวหน้าอยากได้อะไรก็ไปขโมยกันเองละกันนะ”
“ไม่นะ ฉันเคยขโมยพระมาแล้วไง จำไม่ได้เหรอ”
“เออใช่ งั้นก็เหลือแต่”
กล้ากับบุหงาสบตากันแล้วหันไปมองที่ดวงแก้วพร้อมกัน ดวงแก้วโบกมือปฏิเสธพัลวัน
“พวกแกจะบ้าเหรอ ฉันแก่แล้ว ไม่คล่องแคล่วเหมือนพวกแกนะ เกิดอีนังคุณหญิงจับได้จะทำไง”
“เฮ้อ งั้นเราก็หาเงินวิธีอื่นแล้วกันนะแม่”
“เอาที่สบายใจก็แล้วกัน”
ทุกคนเซ็ง

บุหงาบีบนวดให้ปทุมวดีอยู่ ดวงแก้วคอยชี้กำกับให้นวดตรงโน้นตรงนี้ ราตรีเข้ามาหาปทุมวดีที่บ้านพร้อมหิ้วหม้อแปะก๊วยเข้ามา
“สวัสดีค่ะ พี่หญิงปทุม คุณดวงแก้ว หนูแพน”
บุหงายกมือไหว้ราตรีอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะ ป้าหญิงราตรี”
“สวัสดีจ้ะ หนูแพน”
ราตรีส่งหม้อให้ปทุมวดีอย่างภูมิใจ
“คุณน้องตุ๋นรังนกแปะก๊วยบำรุงสุขภาพมาฝากค่ะ พอดีตุ๋นให้สามีเลยแบ่งมาฝากคุณพี่ด้วยเลย”
ปทุมวดีรับหม้อมาเปิดดู
“น่ากินเชียว ขอบใจมาก คุณน้องราตรี”
“กินเยอะๆ นะคะ เห็นช่วงนี้พี่หญิงเครียดๆ เรื่องแม่ลูกสะใภ้ แล้วหมู่นี้เป็นไงคะ”
“พี่จนปัญญาแล้ว แม่นั่นน่ะมารยาแปดร้อยเล่มเกวียน ตากรทะเลาะกับมันไม่ทันข้ามวันก็กลับมาจูบปากกันแล้ว”
ราตรียิ้มร้าย
“ถ้างั้นเราก็ทำให้คุณกรไปจูบปากหนูแพนแทนสิคะพี่หญิง”
“พี่ไม่ใช่ไม่อยากนะคะ แต่มันไม่ได้ทำกันง่ายๆ นะคะ”
“ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ถ้าเรามีตัวช่วย”
ราตรีหยิบขวดยาปลุกเซ็กส์ออกมาจากกระเป๋า ทุกคนจ้องขวดยาแล้วตาโต มีเขียนคำว่า sex อยู่
“อย่าบอกนะว่านี่คือยาปลุก”
ราตรียิ้มพยักหน้าอย่างเขินๆ
“น้องหยอดให้สามีทุกวันค่ะพี่”
ดวงแก้วแสร้งทำเป็นห่วงลูกสาว
“จะดีเหรอคะคุณพี่ราตรี”
ราตรีส่งขวดยาให้บุหงา
“รับไว้เถอะหนูแพน ยาสวรรค์ขวดนี้ช่วยหนูได้”
บุหงารีบรับไว้แล้วทำเป็นเขิน
“ก็ได้ค่ะ”
“ดีแล้วหนูแพน ถ้าแผนนี้สำเร็จ ป้าจะได้บังคับให้ตากรรับผิดชอบหนูได้เต็มปาก รีบจัดการเลยนะจ๊ะ ป้าจะเขี่ยนังมิวให้พันทางหนูแพนเอง”
ปทุมวดียิ้มร้าย บุหงาเต็มไปด้วยความหวัง จากนั้นเธอก็ไปหากล้า วานให้เฉาะมะพร้าวให้ กล้าเฉาะมะพร้าว ปากก็บ่นไปด้วย
“อะไรๆ ก็ไอ้กล้าๆ”
บุหงายิ้มเอาใจกล้า แต่ไม่กล้าเข้าไปยืนใกล้มาก
“ก็พี่กล้าน่ารักที่สุดนี่นา”

อาหารเย็นมากมายเรียงรายวางอยู่บนโต๊ะอาหาร บุหงาเดินถือลูกมะพร้าวอ่อนเย็นๆ มาวางให้พันกร
“พี่กรขา มะพร้าวอ่อนสามพรานที่พี่กรชอบค่ะ”
ประภาพรรณมองอย่างหมั่นไส้ แล้วอดปากไว้ไม่ได้
“นั่งกันอยู่ตั้งหลายคนมีมาแค่ลูกเดียว เสียมารยาทที่สุด”
“แพนต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คุณหญิงป้า คุณลุงผู้ชาย คราวหน้าแพนจะซื้อมาเผื่อทุกคนเลยค่ะ”
ปรีชาชาญพยักหน้ารับรู้ยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร
“หนูแพน ไม่ต้องเผื่อป้าหรอกจ้ะ เผื่อเฉพาะพวกอดอยาก ชอบกินของฟรีก็พอ”
ประภาพรรณไม่ยอมโดนว่าฝ่ายเดียว แต่แทนที่จะพูดกับปทุมวดีกลับบอกบุหงาแทน
“เผื่อเอาน้ำมะพร้าวไว้ล้างหน้าตัวเองด้วยก็ดีนะคะ”
บุหงารู้ทันทีว่าประภาพรรณแช่ง แต่ก็จำต้องเงียบเล่นบทนางเอก ปทุมวดีไม่สนใจประภาพรรณ หันไปบอกพันกรด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ตากร กินซะสิ น้องเขาอุตส่าห์ซื้อมาฝาก”
พันกรก้มลงจะกิน ประภาพรรณเอามือป้องไว้ไม่ให้พันกรกิน
“คุณกร เดี๋ยวกินข้าวไม่ลงนะคะ”
ปทุมวดี ดวงแก้ว บุหงา มองประภาพรรณ เคืองมาก
“หล่อน ฉันเบื่อๆ อาหารยังไงไม่รู้ อยากกินโจ๊กร้อนๆ ไปซื้อมาให้ฉันหน่อย เอาร้านที่สามย่านนะ”
“ไปกลับคงได้กินพรุ่งนี้เช้านะคะ คุณแม่สามี เดี๋ยวมิวไปทำให้ดีกว่า”
“ก็ได้ย่ะ ทำให้มันพิถีพิถันหน่อยนะยะ”
ประภาพรรณรีบลุกออกไปในครัว ปทุมวดียิ้มกับดวงแก้วและบุหงาอย่างสมใจ พันกรจิบน้ำมะพร้าว ปทุมวดี ดวงแก้ว บุหงา เผลอปรบมือด้วยความดีใจ พันกร ปรีชาชาญ รู้สึกงงว่าสาวๆ เป็นอะไร ทุกคนเลยยิ้มหวานกลบเกลื่อน ประภาพรรณเข้ามาในครัว เทโจ๊กซองใส่หม้อต้มให้ปทุมวดีอย่างอารมณ์ดี
“นึกว่าไอ้มิวโง่นักรึไง ฝันไปเหอะ”
ประภาพรรณนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่เธอเดินผ่านห้องครัวมา เห็นบุหงายิ้มแย้มกับกล้าก็แอบมองเพราะดูแปลกๆ ไม่เหมือนแค่คนขับรถกับเจ้านาย
“อีกอย่างแพนไม่ไว้ใจให้ใครทำด้วย นอกจากพี่กล้า”
ประภาพรรณเบะปากหมั่นไส้
“กะอีแค่เฉาะมะพร้าวต้องใช้คนไว้ใจด้วยเหรอยะ หมั่นไส้”
กล้าเฉาะมะพร้าวลูกที่สองเสร็จ ก็วางมะพร้าวไว้แล้วจะไปล้างมือ บุหงามองกล้าแล้วร้องบอกอ้อนๆ
“พี่กล้าล้างมือสะอาดๆ นะ เดี๋ยวฉันให้พี่กล้ากินลูกหนึ่ง เป็นรางวัลที่ช่วยเฉาะ”
พอกล้าไปแล้ว บุหงาหยิบยาออกมา ด้วยสัญชาตญาณว่าบุหงาต้องไม่คิดทำเรื่องดีแน่ๆ ประภาพรรณเลยยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน บุหงาแอบเอายาที่เตรียมมาเทใส่มะพร้าวลูกขวามือ ประภาพรรณมองผ่านกล้องมือถือ ไม่รู้ว่าบุหงาแอบเทยาอะไรลงไป กล้าเดินกลับมา ประภาพรรณหยุดถ่าย แอบดูต่อ บุหงาเก็บยาทันที
“พี่กล้า เดี๋ยวฉันเอาแช่เย็นไว้ก่อนนะ ฝากบอกพวกขี้ข้าด้วยว่าห้ามแตะ เพราะมีไว้ให้พี่กรกับพี่กล้า โชเฟอร์คนขยันของแพนเท่านั้น”
บุหงายิ้มหวานเอาใจกล้า กล้าปลื้มมาก ที่เป็นคนสำคัญของบุหงา บุหงาเล็งหามุมในตู้เย็น แล้วเอาลูกมะพร้าวลูกซ้ายเข้าตู้เย็นแล้วบอกกล้า
“ลูกนี้ของพี่กล้านะจ๊ะ”
บุหงาแยกเอาลูกขวาที่ใส่ยาซ่อนไว้ด้านล่าง ยิ้มให้ลูกมะพร้าวเมื่อนึกถึงความสำเร็จ แล้วเดินนวยนาดออกไป กล้าเดินตาม ประภาพรรณแอบดูอยู่ก็เดินมาเปิดตู้เย็นแล้วสลับลูกมะพร้าว ยิ้มเยือกเย็นแล้วเดินออกไป

ประภาพรรณยกโจ๊กร้อนๆ หน้าตาน่ากิน มาเสิร์ฟปทุมวดี
“มาแล้วค่ะ โจ๊กร้อนๆ ร้านแม่ประภาพรรณเชียวนะคะ คุณแม่สามี ลองชิมดูซิคะ”
โจ๊กควันฉุยดูน่ากิน ปทุมวดีกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“แหยะ ใครจะไปกินลง หน้าตาอย่างกะอ้วกคนเมา”
ประภาพรรณยิ้มให้ปทุมวดีอย่างไม่ถือสา
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นมิวกินเองก็ได้”
ปทุมวดีมองตามชามโจ๊กอย่างเสียดาย ประภาพรรณนั่งลงกินโจ๊กอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่กล้าเดินเข้ามาหยิบมะพร้าวลูกที่บุหงาบอกจากในครัวออกไปกิน

บุหงา ดวงแก้ว ปทุมวดียังจดจ้องพันกรที่กินข้าวปกติ บุหงานึกถึงคำพูดของราตรี
“ยาตัวนี้เป็นตัวใหม่ออกฤทธิ์เร็วใน 5 นาที หนูแพนเตรียมรับมือคุณกรให้ดีละกัน”

บุหงายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วได้แต่ส่ายหัวที่ยาไม่เห็นจะได้ผล ประภาพรรณแอบยิ้มเยาะ




สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 6 (ต่อ)  

กล้านั่งอยู่ในห้องครัว พิจารณาลูกมะพร้าวหลังกินเสร็จ
 
“มันก็เย็นนี่หว่า แต่ทำไมยิ่งกินมันยิ่งร้อนวะ”
กล้าวางมะพร้าวลง ปาดเหงื่อบนหน้า เพราะรู้สึกร้อนมาก ยาเริ่มออกฤทธิ์ เขาหยิบหนังสือพิมพ์มาพัดๆ แต่ไม่หายร้อนสักที จนเริ่มทนไม่ไหว ถอดเสื้อออกจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ ป้าม้วนเห็นเข้า
“ไอ้กล้า ไอ้หน้าไม่อาย อยู่ต่อหน้าสาวๆ เอ็งถอดเสื้อได้ไงวะ”
“ก็ฉันร้อนนี่ป้าม้วน มันวูบวาบๆ ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก”
กล้าสะบัดตัวเล็กน้อย แล้วในภาพจินตนาการก็เห็นแต้วในชุดบันนี่กระต่ายสาวสุดเซ็กซี่ เต้นท่ายั่วยวนชูไม้ชูมือ กล้าถลาเข้าไปใกล้ๆ
“โอ้ว บันนี่เซ็กซี่จังเลยอ่ะ ชูแขนขึ้นสูงอย่างนั้นแหละจ้ะ ใช่เลย”
แต้วชูแขน โยกตัว ย้ายสะโพก ยักคิ้วหลิ่วตาให้กล้า กล้าปาดน้ำลายมุมปาก บันนี่ป้าม้วนกำลังยักย้ายส่ายเอวเต้นฮูลาฮูปอยู่
“ตัวนี้แก่ไปหน่อยแต่ก็พอได้อยู่ โอ้โห โดนใจพี่กล้าจริงๆ”
บันนี่ป้าม้วนเหวี่ยงสะโพกสุดตัว กล้าหลับตาเคลิ้ม แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เจอกับบันนี่ป้าบัวเผื่อน บันนี่ป้าบัวเผื่อนกำลังโพสต์ท่าเท้าโต๊ะด้วยลีลาสุดเซ็กซี่ ปาดซ้าย ป่ายขวา ในมือมีผ้าประกอบการโพสต์ด้วย กล้ามองทุกคนด้วยสายตาหื่นมาก
“สวรรค์ชัดๆ ที่นี่ มันสวรรค์ชัดๆ”
ภาพในความเป็นจริง คือ แต้วถือไม้ตีแมลงอยู่และชูไม้ชูมือเพื่อไล่ตีแมลงสาบในครัว แล้ววิ่งไล่ตามแมลงสาบไปตามจุดต่างๆ
“อย่าหนีนะ ไอ้พวกตัวเหม็นสาบ มาให้ฉันตีซะดีๆ”
กล้าตาลอยมองตามอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ได้สิจ๊ะ พี่กล้าพร้อมแล้ว มาตีพี่กล้าซิจ๊ะ”
กล้าตีก้นตัวเองเสียงดัง แต้วไม่สนใจ เพราะกำลังติดพันกับการตีแมลงสาบ ส่วนป้าม้วนกำลังถือกระด้งร่อนแมลงออกจากข้าวสารอยู่ กล้าโยกเอวตามจังหวะร่อนกระด้งของป้าม้วน
“ซ้าย ขวา ซ้าย อ๊ะ ซ้าย ขวา ซ้าย”
ป้าม้วนมองเห็นท่าทางแปลกๆ ของกล้า เลยด่าขึ้น
“ไอ้กล้า เอ็งเป็นบ้าอะไรวะ อย่ามาหื่นแถวนี้นะวะ ถึงข้าจะแก่ แต่ข้าก็เลือกนะโว้ย”
ส่วนป้าบัวเผื่อนกำลังถือผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะอยู่ กล้ามายืนใกล้ๆ โพสต์ท่าตามที่เห็นป้าบัวเผื่อนในจินตนาการของตัวเอง
“ว่างมากรึไง ไอ้กล้า ขวางทางอยู่ได้”
กล้าเดินไปหาแต้ว จินตนาการของกล้า เขากำลังจะโผเข้าใส่บันนี่แต้ว ทันใดนั้น จู่ๆ บันนี่น้อยก็เดินเข้ามาผลักบันนี่แต้วให้ออกไปห่างกล้า
“นังแต้ว แกกล้ากอดพี่กล้าของฉันเหรอ”
บันนี่แต้วไม่ยอมง่ายๆ ผลักไหล่บันนี่น้อยให้ถอยออกไปเหมือนกัน กล้าหัวเราะชอบใจ
“มาทั้งคู่เลยก็ได้จ้ะ ไม่ต้องแย่งกัน”
กล้าทำท่าจะถอดกางเกงออก ทั้งน้อย แต้ว ป้าม้วน ป้าบัวเผื่อน พร้อมใจกันกรีดร้องลั่นครัว
“อ๊าย”
สมหมายกับเดชได้ยินเสียงสาวๆ กรี๊ดสนั่นก็หันมาสบตากัน
“เสียงกรี๊ด ที่ไหนวะ”
“ในครัว”
สมหมายกับเดชพากันเดินแกมวิ่งไปทางครัว

ป้าม้วนเห็นกล้าทำท่าจะถอดกางเกง เลยหยิบเอาข้าวสารในกระด้ง แล้วทำปากขมุบขมิบเหมือนท่องมนต์แล้วซัดใส่กล้า
“นี่แน่ะ ไอ้บ้ากาม เอ็งจะหายบ้ารึยัง”
กล้าปัดข้าวสารออกอย่างไม่ใยดี น้อยกังวลมาก หันไปปรึกษาป้าบัวเผื่อน
“เอาไงดี ป้าบัวเผื่อน”
ป้าบัวเผื่อนสติดีที่สุด สั่งการป้าม้วนที่จดๆ จ้องๆ อยู่
“นังม้วนซัดข้าวสารใส่มันอีก นังน้อยเอ็งไปเอาน้ำเย็นๆ มาราดใส่มันดูซิ”
กล้าโดนป้าม้วนซัดข้าวสารใส่ น้อยเอาน้ำใส่กาละมังมาสาดโครม กล้าโกรธ สะบัดน้ำออก แล้วเดินเข้าหาป้าบัวเผื่อน ตาเชื่อมแต่เลื่อนลอย ป้าบัวเผื่อนเงื้อสากไม้ขึ้นจะฟาดเต็มเหนี่ยว
“มา เอ็งเข้ามาไอ้กล้า ข้าไม่กลัวเอ็งหรอก หนอย”
แต้วร้องเสียงหลง เพราะกลัวกล้าจะโดนตีหัว
“อย่า อย่าทำพี่กล้าของฉันนะ ป้าบัวเผื่อน ไป พี่กล้า หนีไปห้องฉันก่อน”
กล้าเบลอๆ ลื่นล้มเพราะพื้นเปียกจากน้ำที่น้อยมาราดใส่ กล้าลากแต้วล้มไปด้วย หัวฟาด หมดสติไปทั้งคู่ ป้าม้วน ป้าบัวเผื่อน และน้อย โล่งใจ เดชกับสมหมายวิ่งเข้ามาเห็น สองคนมองหน้ากัน

น้อยมาเล่าให้ประภาพรรณกับพันกรฟังเรื่องที่กล้าไล่ปล้ำสาวๆ ในครัว ข้อมูลที่ได้ฟัง ทำให้ประภาพรรณมั่นใจว่าบุหงาใส่ยาปลุกเซ็กส์ให้พันกร เธอยิ่งคิดยิ่งโกรธ
“ขอบใจที่น้อยมาเล่าเรื่องนายกล้ากินน้ำมะพร้าวนะจ๊ะ น้อยมีงานอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะ คุณมิว”
“คุณกร เข้าใจรึยัง ทำไมพวกเขาถึงอยากให้คุณกินน้ำมะพร้าวกันนัก”
พันกรพยายามจับต้นชนปลายกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่อยากเชื่อเท่าไร
“หมายความว่ามีคนใส่ยาปลุกเซ็กส์ให้ผมกิน แต่กลายเป็นนายกล้ากินแทนเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“มิวคิดมากไปรึเปล่าครับ”
“มิวเห็นคุณแพนใส่ยาในมะพร้าวกับตาค่ะ”
พันกรมองหน้าภรรยา ไม่อยากเชื่อ ประภาพรรณเลยเอาคลิปภาพที่แอบถ่ายตอนบุหงาเอายาใส่ลูกมะพร้าวให้ดู
“แค่คำพูดอาจจะไม่พอ คลิปนี้เป็นคำตอบค่ะ”
ปรีชาชาญกำลังเดินชมนกชมไม้อยู่ใกล้ๆ หยุดชะงัก ได้เห็นได้ยินเต็มๆ

ปทุมวดีนั่งอยู่บนเตียงหน้าตาหงุดหงิด กดมือถือหาราตรี
“คุณน้องราตรีคะ ยาที่ให้มาไม่เห็นจะได้ผลเลยนะคะ เอายาหมดอายุมาให้รึเปล่า”
“ใครจะกล้าเอาของหมดอายุให้พี่หญิงปทุมล่ะคะ ของดีแน่นอนค่ะ ไม่เชื่อมาดูกับตาที่บ้านน้องก็ได้นะคะ”
ขณะนั้นสามีของราตรีคลอเคลียเล่นปูไต่ตามแขนของราตรีอยู่ ทำให้ราตรีหัวเราะคิกคัก ปทุมวดีตัดบท เมื่อหันไปเห็นปรีชาชาญอาบน้ำเสร็จแล้วยืนมองจ้องอยู่
“แค่นี้ก่อนนะคะ คุณน้องราตรี”
ปทุมวดีทำหน้าเนียนๆ ยิ้มหวานถามกลบเกลื่อน
“คุณพี่มองน้องทำไมคะ”
“คุณหญิง ผมขอร้องอย่าวุ่นวายกับตากรอีกเลย ถ้าชีวิตคู่ของลูกจะพัง ขอให้พังด้วยมือลูกเอง ไม่ใช่พังด้วยมือแม่บังเกิดเกล้า”
ปทุมวดีเชิดหน้า ไม่สำนึกว่าตัวทำผิด ปรีชาชาญได้แต่ระอาใจกับความดื้อของภรรยา

ตอนเช้า ประภาพรรณยื่นขวดใส่น้ำส้มคั้นสดๆ ให้พันกรไปกินที่ทำงาน
“น้ำส้มค่ะ มิวคั้นเองสดๆ คุณกรจะได้ไม่ต้องกินของของคนแปลกหน้า เดี๋ยวนี้พวกไม่ประสงค์ดีมันมีเยอะ ใส่ยงใส่ยาอะไรให้กินเราก็ไม่รู้”
ปทุมวดีร้อนตัวแทนบุหงา
“หล่อนว่าใครยะ ใครใส่ยาให้ใคร”
“คุณหญิงป้าขา มันว่าคุณหญิงป้าค่ะ”
“มิวพูดกว้างๆ รวมๆ ไม่ได้ว่าใครนะคะ คุณแม่สามี เอ๊ะ หรือคุณแม่สามีเคยใส่ยาให้ใครกิน”
พันกรได้แต่ถอนใจที่สงครามจะเริ่มอีกแล้ว
“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับทุกคน”
แม่สามีลูกสะใภ้ยืนเขม่นกันอยู่อย่างนั้น

กล้าและแต้วงัวเงียตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงของกล้า ทั้งสองหันมามองสบตากันนิ่ง เริ่มงง ก้มลงมอง พบตัวเองในสภาพกึ่งเปลือยแล้วตกใจโวยวายลั่น
“เฮ้ย”
แต้วรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด ในขณะที่กล้าถลาลงจากเตียง วิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วยืนแอบอยู่ตรงนั้น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
เดชและสมหมายแอบฟังอยู่หน้าห้องกล้า หันมาหัวเราะคิกคักอย่างสะใจ
“เออเว้ย แผนเอ็งนี่ตลกดีว่ะ ไอ้เดช”
“ก็มันอยากไล่ปล้ำไอ้กล้าจนไม่ทำงานเองนี่ เจอจัดฉากเข้าไปแบบนี้ นังแต้วมันน่าจะหายคันขึ้นมาบ้างนะ”
เดชและสมหมายตีมือกันอย่างถูกใจแล้วเอาหูแนบแอบฟังทั้งสองคนต่อ แต้วคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วเข้าใจผิด บิดผ้าห่มไปมาอย่างเขินๆ
“แหม พี่กล้าล่ะก็ทำเป็นจำเมียไม่ได้ ที่เมื่อคืนพี่ยังไล่ปล้ำฉันในครัวอยู่เลย”
กล้าตกใจมาก รีบโวยวาย
“ไม่จริงอะ ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ เพราะชีวิตและหัวใจของฉันมีแต่ น้องแพนคนเดียว”
แต้วไม่สนใจที่กล้าพูด เลยไม่ทันคิดอะไร วิ่งถลาเข้ามาจะดึงกล้าออกจากประตูตู้เสื้อผ้า กล้าไม่ยอมพยายามยื้อประตูตู้ไว้สุดแรงเกิด เดชและสมหมายมองหน้ากันด้วยความสงสัย สมหมายพูดทวนคำกล้า
“เพราะชีวิตและหัวใจของฉันมีแต่น้องแพน นี่มันหมายความว่าไงวะ”
“ข้าว่าเรื่องไอ้กล้ากับคุณหนูแพนนี่มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ”
สมหมายกับเดชมองหน้ากันเครียด รู้สึกแปลกๆ กับความสัมพันธ์ของกล้าและบุหงา

ปทุมวดี ดวงแก้วและบุหงานั่งดูภาพจากนิตยสารแฟชั่นกันอยู่ ปรีชาชาญนั่งฟังเพลงอยู่อีกมุมห่างไป ราตรีนำทีม สายสมร รัตนา มารศรีเดินมาถึงหน้าห้องรับแขก
“พี่หญิงปทุมขา”
ปทุมวดี บุหงาและดวงแก้ว มองราตรีและผองเพื่อนอย่างแปลกใจ รีบเดินมาหา
“อ้าว สวัสดีค่ะ คุณน้อง มากันครบแก๊งแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“จะเรื่องอะไรได้ล่ะคะ ก็เรื่องนังมิว นังลูกสะใภ้”
ปทุมวดีรีบคลี่พัดออกมาปิดปากห้ามราตรีเอาไว้ เธอชะเง้อเข้าไปในห้องเห็นปรีชาชาญนั่งฟังเพลงไม่สนใจก็โล่งอก
“คุณพี่ว่าเราไปคุยเรื่องนี้ที่อื่นดีกว่าค่ะ ขืนคุยตรงนี้จะมีพ่อพระมาขัดขวางซะเปล่าๆ”
ปทุมวดีหันไปสั่งป้าม้วนเตรียมของว่าง
“เดี๋ยวแกยกของว่างตามพวกฉันเข้าไปในสวนด้วยนะนังม้วน”
“เจ้าค่ะ”
สักพัก ป้าม้วนยกขนมไปเสิร์ฟพวกปทุมวดีที่นั่งล้อมวงอยู่บนโต๊ะหินอ่อน แล้วถอยออกไปยืนหลบมุมคอยเงี่ยหูฟังเจ้านายด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัย
“โหย นังลูกสะใภ้ของคุณพี่หญิงนี่มันแสบจริงๆ เลยนะคะ” สายสมรยุ
“เห็นพวกคนใช้พูดกันว่าคนที่กินยาปลุกเซ็กส์เข้าไปคือ นายกล้า คนขับรถของดิฉันเอง”
“น่าสงสาร นายกล้าเลยต้องมารับเคราะห์” บุหงาทำเป็นเศร้า
“ทั้งรู้ทัน ทั้งซ้อนแผนแบบนี้ มันร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะคะ” รัตนาหงุดหงิด
“คุณพี่ถึงได้กลุ้มใจอยู่นี่ไงคะ นี่คุณพี่งัดสารพัดวิธีจะไล่มันออกจากบ้านแล้วนะคะเนี่ย เฮ้อ”
ปทุมวดีสะบัดพัดแรงอย่างกลุ้มใจ ราตรีเหมือนคิดอะไรได้รีบเสนอออกมา
“งั้นเราก็ต้องหาวิธีอื่นกำจัดมัน เรื่องกลั่นแกล้งขอให้บอก”
มารศรีตื่นเต้น
“คุณน้องราตรีคิดอะไรเด็ดๆ ออกอีกแล้วเหรอคะ”
ราตรียิ้มมีแผน ปทุมวดีและพรรคพวก ตั้งใจฟังด้วยความอยากรู้ บุหงาและดวงแก้วหน้าเหวอ ตกใจมากเมื่อรู้แผนของราตรี
“อะไรนะคะ”
“จะหลอกมิวไปคุ้มที่เชียงราย”
ราตรีฉีกยิ้มหวานพยักหน้ายืนยัน บุหงาและดวงแก้วหันมองหน้ากัน ร้อนใจ พยายามหาข้อแก้ตัว เพราะกลัวความลับจะเปิดเผย
“แต่ว่าตอนนี้คุ้มของน้องซ่อมแซมอยู่นะคะ”
“ไหนจะฝุ่น ไหนจะคนงานก่อสร้าง ตอนนี้ยังไม่พร้อมรับแขกหรอกค่ะ”
“แต่ป้าว่าเป็นความคิดที่ดีออกนะจ๊ะ หนูแพน เพราะนอกจากเราจะได้จิกหัวเล่นงานนังมิวโดยสะดวกแล้ว เราจะได้ใช้เรื่องต้นตระกูลของหนูจี้ปมด้อยมันด้วย”
“ใช่ค่ะ มันจะได้รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับเจ้านายตัวจริง มีเกียรติยศศักดิ์ศรีและชื่อเสียง” สายสมรเห็นด้วย
“ทีนี้มันก็จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมกับตากรมากที่สุด” รัตนายืนยันอีกคน
“แล้วอีกอย่าง พวกเราจะได้ถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนรับอากาศเย็นๆ ทางเหนือกันด้วยยังไงล่ะคะ” ราตรีสรุป
ปทุมวดีและผองเพื่อนต่างเห็นดีเห็นงามด้วย พากันหันมารบเร้าบุหงาและดวงแก้วด้วยแววตาคาดหวัง สองแม่ลูกมองหน้ากันไปมาเหงื่อแตก ต่างคิดไม่ออกว่าจะหาทางปฏิเสธพวกปทุมวดีได้อย่างไร
“งั้นก็ได้ค่ะ”
บุหงากลั้นใจรับปาก ดวงแก้วมองลูกเครียดๆ พวกปทุมวดีพากันปรบมือดีใจ หันไปนั่งเม้าท์กันเรื่องแผนการแกล้งประภาพรรณอย่างเบิกบาน

บุหงาเดินไปเดินมาในห้องนอนอย่างหัวเสีย
“โฮ้ย กว่าจะเป็นสะใภ้ไฮโซ ทำไมเรื่องมันเยอะนักวะ”
ดวงแก้วถลาเข้าไปหยิกแขนลูกสาวด้วยความหงุดหงิด จนบุหงาร้องโอดโอยออกมา
“แล้วแกดันไปรับปากนังแก๊งคุณหญิงจุ้นจ้านทำไมวะ ลืมไปแล้วรึไงว่าคุ้มเก่าเราก็ขายกินไปนานแล้ว”
ดวงแก้วทิ้งตัวนั่งชันเข่าบนเตียง กุมขมับด้วยความเครียด
“โอ๊ย แล้วจะไปหาคุ้มที่ไหนมาหลอกนังคุณหญิงได้ล่ะวะเนี่ย”
บุหงาได้ยินคำพูดของแม่แล้วคิดออก รีบหันมาบอกดวงแก้วด้วยความตื่นเต้น

“ฉันรู้แล้วว่าเราจะหาคุ้มมาได้ยังไง แม่คอยดูนะ คนอย่างอีแพนไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก”




สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 6 (ต่อ)  

บุหงามาหาลุงเกิดที่คณะลูกทุ่ง แสร้งทำหน้าสลด ลุงเกิดมอง ไม่ไว้ใจ
 
“คราวก่อนก็ให้ไอ้กล้ามาขโมยรถไปซิ่งที่ไหนก็ไม่รู้ คราวนี้ขอยืมคุ้มที่เชียงราย จะเอาไปตุ๋นเงินใครอีกรึ นังแพน”
บุหงายังฝืนทนยอมให้ลุงเกิดต่อว่าเพราะไม่มีทางเลือก
“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่แล้วๆ มานะจ๊ะ ลุงเกิดให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะจ๊ะ ฉันรับรองว่าจะทำงานให้ลุงเกิดคุ้มกับที่มารบกวนเลยล่ะจ้ะ”
ลุงเกิดส่ายหน้าไม่เชื่อ
“สตรอเบอรี่ตัวแม่อย่างเอ็ง ข้าเชื่อก็ออกลูกเป็นม้าแล้วล่ะวะ”
บุหงาเห็นลุงเกิดใจแข็ง ก็รีบเรียกคะแนนความสงสารต่อ
“โธ่ ลุงจ๋า ฉันก็แค่อยากจะกลับตัวเป็นคนดี ช่วยพี่กล้าตั้งใจทำมาหากิน แต่ถ้าลุงเกิดไม่ให้งานฉัน ฉันก็คงต้องไป”
บุหงาตั้งท่าจะเดินออกไป ลุงเกิดนึกถึงหลานชายขึ้นมาแล้วใจอ่อน
“เออๆ ก็ได้ ข้าให้เอ็งเต้นก็ได้ แล้วอย่าเม้มค่าทิปเหมือนเมื่อก่อนล่ะ”
“ขอบคุณมากจ้ะ ลุง”
บุหงาดีใจมาก ยกมือไหว้ลุงเกิด โล่งใจ ในที่สุดแผนการสร้างคุ้มปลอมๆ ไว้หลอกพวกปทุมวดีก็เริ่มขึ้น

บุหงาใส่ชุดหางเครื่อง กำลังซ้อมท่าเต้นกับเพื่อนๆ ในทีม มีเสียงโทรศัพท์แทรกเข้ามา เธอรีบวิ่งออกมารับสาย
“ฮัลโหล พี่กล้า”
กล้ายืนคุยกับบุหงาอยู่กลางคุ้มของลุงเกิด มีดวงแก้ววิ่งวุ่นทำความสะอาดไปทั่ว
“เตงอะ ไม่เห็นต้องกลับไปเต้นแลกบ้านแบบนี้เลย เขาหวงนะ”
บุหงาทำหน้าเมื่อย เพราะกล้าเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
“พี่กล้า นี่ไม่ใช่เวลามางอแงนะ ตอนนี้เราต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำเพื่ออนาคตของเราไง”
“แต่ว่า”
เพื่อนในทีมเดินมาตามบุหงาให้กลับไปซ้อม
“ฉันต้องไปแล้วพี่กล้า เดี๋ยวเสร็จงานแล้วฉันจะรีบขึ้นเครื่องตามไป อนาคตของเรา ท่องไว้นะพี่”
บุหงากดวางสาย รีบกลับไปซ้อมต่อ กล้ามองโทรศัพท์อย่างไม่สบายใจ นึกถึงคำพูดของบุหงา ดวงแก้วขนอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามาโยนโครมใส่กล้าด้วยความหงุดหงิด
“นี่เอ็งจะยืนบื้อเป็นสากกะเบืออีกนานมั้ย ช่วยๆ กันมั่งสิโว้ย เอาเปรียบข้าอยู่ได้”
กล้าท่องพึมพำ “อนาคตของเรา” อย่างที่บุหงาบอกจนฮึกเหิม หันมามองดวงแก้วด้วยสายตามุ่งมั่น
“มา ฉันจะทำเต็มที่ เพื่ออนาคต เพื่อน้องแพน”
กล้าเดินอาดๆ เข้าไปอุ้มดวงแก้วขึ้นพาดบ่า ดวงแก้วโวยวาย
“นี่เอ็งจะทำอะไร ปล่อยข้านะโว้ย”
กล้าไม่ฟังที่ดวงแก้วโวย วางดวงแก้วลงบนเก้าอี้ แล้วหันหยิบไม้กวาดไม้ถูพื้นขึ้นมา ประกาศอวดๆ กับดวงแก้ว
“น้าดวงแก้วอยู่เฉยๆ ไอ้กล้าลุยเอง”
กล้าหันไปตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดบ้านคนเดียว ดวงแก้วมองอาการของกล้าที่ทำเพื่อบุหงาทุกอย่างก็ยิ้มเหยียดๆ ให้
“ไอ้โง่”

พันกรคุยโทรศัพท์เสร็จ หันมาสั่งลูกทีมด้วยสายตามุ่งมั่น
“สายรายงานว่าเสี่ยเป้มันจะลำเลียงอาวุธข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน พวกคุณกลับไปเตรียมตัวได้ พรุ่งนี้ เราจะทำการสกัดจับ”
“เสียเป้เป็นเป้าหมายรายใหญ่ที่ทางการต้องการตัว ผู้กองจะไม่รายงานความคืบหน้าให้ท่านรองทราบก่อนเหรอครับ”
“เสี่ยเป้มันมีเส้นมีสายในวงการตำรวจของเรา ถ้าเราส่งรายงานขึ้นไปคราวนี้ มันก็อาจจะไหวตัวทันอีก ไว้เราออกไปจับกุมมันมา แล้วค่อยเขียนรายงานก็ยังไม่สาย”
ทีมงานรับคำสั่งของพันกรแล้วเดินออกไป พันกรยิ้มร้าย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับเสี่ยเป้ให้ได้คาหนังคาเขา
ตอนเย็น พันกร ประภาพรรณ ปทุมวดี และปรีชาชาญนั่งทานอาหารกัน ป้าม้วนและแต้วคอยรับใช้อยู่
“คุณพี่คะ พรุ่งนี้น้องปทุมว่าจะไปพักผ่อนที่เชียงรายกับเพื่อนๆ คุณหญิงนะคะ”
ปทุมวดีปรายตามองประภาพรรณกำลังตักกับข้าวใส่จานพันกรอย่างหมั่นไส้ แล้วตั้งใจกระแทกเสียงชวนออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เธอก็ไปเที่ยวด้วยกันสิ แม่มิว”
ประภาพรรณ พันกร ปรีชาชาญต่างงง หันขวับมามองปทุมวดีอย่างประหลาดใจ
“ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย คุณหญิง”
ปทุมวดีรู้สึกอึดอัด ไม่ชอบเป็นเป้าสายตา เลยแหวใส่ปรีชาชาญ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ก็คุณพี่อยากให้ปทุมเปิดใจกับแม่มิวไม่ใช่เหรอคะ”
พันกรเห็นปทุมวดียอมเปิดใจให้ประภาพรรณแล้วตื่นเต้น เพราะเขาอยากให้แม่และภรรยาดีกันมากที่สุด
“นั่นสิครับ ถ้าคุณแม่กับมิวได้ไปเที่ยวตามประสาผู้หญิงบ้าง อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ นะครับมิว ไปเป็นเพื่อนคุณแม่นะครับ”
ประภาพรรณยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้ารับคำพันกรทั้งที่ยังสงสัย
“ค่ะ คุณกร”
ปรีชาชาญลอบมองปทุมวดีอย่างไม่สบายใจ สงสัยว่าพวกปทุมวดีต้องแกล้วประภาพรรณอีกแน่ๆ ปทุมวดีตักอาหารเข้าปาก ยินดีปรีดามาก
หลังจากทานข้าวเสร็จ ปรีชาชาญทำลับๆ ล่อๆ พาประภาพรรณมายืนคุยอยู่มุมหนึ่ง
“คุณพ่อมีธุระอะไรกับมิวเหรอคะ”
“พ่อไม่สบายใจเลย การไปเชียงรายครั้งนี้ พวกคุณหญิงต้องหาทางแกล้งหนูแน่ๆ”
ประภาพรรณซาบซึ้งในความเป็นห่วงของปรีชาชาญมาก
“ขอบคุณมากนะคะ แต่คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ มิวดูแลตัวเองได้”
ประภาพรรณตอบไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับคิดว่า
“มิวยอมไปเพราะอยากจะสืบธาตุแท้ของสองแม่ลูกจอมปลอมให้ได้ต่างหากค่ะ”
ปรีชาชาญยังคงเครียด
“ถึงหนูจะพูดยังนั้น แต่พ่อก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี เอางี้ ถ้าพวกคุณหญิงแกล้งมิวเมื่อไหร่ รีบโทร.หาพ่อทันที โอเค.มั้ย”
“ตกลงค่ะ คุณพ่อ”
พันกรเดินเข้ามา เห็นและได้ยินว่าพ่อห่วงใยประภาพรรณก็สบายใจ
“ผมขอบคุณที่คุณพ่อห่วงมิวอีกครั้งนะครับ”
“พ่อเองก็ใช่จะชอบเรื่องที่แม่เขาทำ ในเมื่อห้ามไม่ได้ ก็คอยเป็นกองหนุนแล้วกัน”

แต้วนั่งหน้าจ๋อย ถอนหายใจเฮือกๆ อยู่ในครัว มีสมหมายและเดชนั่งล้อมวงกินข้าวอยู่ด้านหลัง น้อยเดินถือสำรับกับข้าวของปทุมวดีเข้ามาเห็น เซ็งอาการของแต้วมาก
“เป็นอะไรของเอ็งวะ นังแต้ว เอาแต่นั่งซังกะตายถอนหายใจเฮือกๆ ตั้งแต่เย็นแล้ว”
“คนไม่มีความรักอย่างเอ็งจะมาเข้าใจอะไร ฮือ เพิ่งจะได้ติ๊ดชึ่งกับพี่กล้าเมื่อคืน วันนี้ก็ต้องกลับไปนอนคนเดียวอีกแล้ว”
สมหมายและเดชมองหน้ากันแล้วขำพรืดออกมา แต้วและน้อยมองสองหนุ่มงงๆ ไม่เข้าใจ
“พวกเอ็งขำอะไร นี่ฉันเศร้าอยู่นะ”
“โอ๊ย นังแต้วเอ๊ย นี่เอ็งเชื่อจริงๆ เหรอว่าได้กับไอ้กล้ามันแล้ว”
แต้วมองหน้าสมหมายและเดช
“เอ็งพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
เดชและสมหมายมองหน้ากันยิ้มๆ แล้วหันมาบอกความจริงกับแต้ว
“ก็หมายความว่าเอ็งถูกหลอกน่ะสิ”
“ช่าย เพราะเมื่อคืนเอ็งกับไอ้กล้าหลับไม่ได้สติขนาดนั้น ใครมันจะไปมีปัญญาทำอะไร”
เดชและสมหมายขำหัวเราะเยาะแต้วขึ้นมาอีก แต้วทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกสองหนุ่มหลอกเลยหยิบมีดบนโต๊ะขึ้นมา
“เดี๋ยวนี้เล่นแกล้งกันขนาดนี้เลยเรอะ พวกแกตาย”
แต้วถือมีดวิ่งถลาเข้าไปหาสมหมายและเดช สองหนุ่มวิ่งหลบจ้าละหวั่น

หน้าคุ้มเรือนไม้ทรงไทยของลุงเกิดที่เชียงราย บุหงาและดวงแก้วมายืนรอต้อนรับแก๊งคุณหญิงอยู่หน้าเรือน ท่าทางทั้งสองคนดูอิดโรยมากเพราะช่วยกันทำความสะอาดบ้านทั้งคืน รถตู้ของปทุมวดีที่มีเดชขับเข้ามาจอด บุหงาและดวงแก้วฉีกหน้าปั้นยิ้ม เอ่ยทักทายเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ คุณพี่หญิง เป็นยังไงบ้างคะ คุ้มของดิฉันหายากหรือเปล่าคะ”
“แหม ก็นิดนึงนะคะ คุณน้องดวงแก้ว กว่านายเดชจะถามทางแล้วพามาถึงที่นี่ได้”
ราตรีเสนอหน้าออกความเห็นขึ้นมา
“ใช่ค่ะ พอบอกว่าจะมาคุ้มของเจ้า ณ น่านฟ้า ก็พากันส่ายหน้าดิกๆ ไม่มีใครรู้จักเลย พอเห็นแผนที่ก็บอกว่ารู้จักแต่บ้านวงดนตรีลูกทุ่งลุงอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะค่”
บุหงาและดวงแก้วหน้าเจื่อน ลืมไปเลยว่าสายสกุล ณ น่านฟ้าของตัวเองไม่มีอยู่จริง
“อ่อคือว่า ปกติดิฉันกับลูกแพนชอบอยู่กันแบบเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครน่ะค่ะ”
“เดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญคุณหญิงป้าคุณหญิงน้าเข้าไปข้างในดีกว่านะคะ”
บุหงาและดวงแก้วรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วพยายามต้อนพวกปทุมวดีเข้าบ้านไป ปทุมวดีนึกอะไรได้ หยุดเดินแล้วหันมาสั่งประภาพรรณด้วยสายตาเยาะหยัน
“เดี๋ยวหล่อนยกกระเป๋าของพวกฉันตามมานะ แม่มิว”
“ได้ค่ะ”
ปทุมวดีหันหลังเดินขึ้นบ้านไปพร้อมกับเพื่อนๆ ทิ้งให้ประภาพรรณขนกระเป๋าอยู่คนเดียวอย่างเซ็งๆ เดชจึงเข้าไปช่วยประภาพรรณขนกระเป๋าด้วย

ดวงแก้วและบุหงาพาพวกปทุมวดีเดินสำรวจไปรอบๆ เรือนไม้ ประภาพรรณเดินตามอยู่ห่างๆ
“คุ้มของคุณน้องดวงแก้วนี่ ถึงจะทรุดโทรมไปบ้างแต่ก็ใหญ่โตดีนะคะ”
“ใช่ค่ะ จริงๆ น้องก็คิดอยู่หลายครั้งนะคะว่าจะรื้อแล้วสร้างใหม่ให้ทันสมัย แต่ลูกแพนค้านเอาไว้ บอกว่ามันเป็นศิลปะน่ะค่ะ”
“แหม คุณแม่คะ ศิลปะล้านนาโบราณแบบนี้หาดูไม่ได้แล้วนะคะ อีกอย่างมันเป็นมรดกของคุณยายทวดด้วย มันมีคุณค่าทางจิตใจน่ะค่ะ”
คำพูดสร้างภาพของบุหงาประทับใจปทุมวดีและผองเพื่อนมาก ปทุมวดีอาศัยจังหวะนั้นเริ่มจิกกัดประภาพรรณทันที
“โอว ความคิดของหนูแพนนี่ดีงามเหลือเกิน”
“แหม คุณพี่หญิงคะ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับชาติกำเนิดและการอบรมสั่งสอนของครอบครัว” ราตรีรีบเสริม
“จริงด้วยนะคะ ยิ่งหนูแพนมาจากตระกูลสูงส่ง ก็ยิ่งเห็นชัดค่ะ” รัตนารับมุกต่อ
“ความคิดอ่าน การมองการณ์ไกลของหนูแพนดีเลิศขนาดนี้ ผิดกับใครบางคนแถวๆ นี้นะคะ” มารศรีว่ากระทบทันที
“ใช่ ใครบางคนที่ไม่มีสกุล พ่อกับแม่ก็ยังไม่รู้เป็นใคร ไร้รากจริงๆ นะคะ” สายสมรซ้ำเติมอีกคน
บรรดาคุณหญิงทุกคนพยักหน้าแล้วทำหน้าเยาะหยันจงใจมองไปทางประภาพรรณ ปทุมวดีเริ่มหัวเราะเยาะลูกสะใภ้ขึ้นมาคนแรก บรรดาเพื่อนก็พากันหัวเราะคิกคักตามกันอย่างสะใจ บุหงากับดวงแก้วหันมาสบตากัน มองเยาะเย้ยประภาพรรณ ประภาพรรณหน้าชาที่ถูกทุกคนเหน็บเรื่องครอบครัวจนอึดอัด แต่มีหรือจะยอมให้ว่าฝ่ายเดียว
“จะว่าไปแล้วคนล้านนานี่ก็แปลกนะคะ แขกมาบ้านทั้งที ไม่ยักกะเตรียมน้ำไว้รอท่า งั้นเดี๋ยวมิวขอตัวไปหาน้ำมาให้เอง เผื่อทุกท่านหัวเราะกันมากๆ แล้วขากรรไกรจะค้าง หมดลมซะก่อนน่ะค่ะ”
ประภาพรรณพูดแขวะสองแม่ลูก แล้วว่ารวบทุกคนจนหน้าเสียก่อนเดินสะบัดหายเข้าไปในครัว พวกปทุมวดีมองตามประภาพรรณไปอย่างเงิบๆ ไม่คิดว่า ประภาพรรณจะหาทางโต้กลับได้อย่างทันควัน
“มันแช่งพวกเราหรือเปล่าคะ พี่หญิงปทุม”
ปทุมวดีมัวแต่อึ้ง ส่งค้อนประภาพรรณ แต่ไม่อยากยอมรับเลยไม่ตอบราตรี

ประภาพรรณเดินปึงปังเข้ามาในครัวอย่างหงุดหงิด มือกำแน่นด้วยความโกรธ
“คำก็ไม่มีสกุล สองคำก็ไร้ราก เกิดเป็นลูกกำพร้ามันผิดตรงไหนรึไง พวกไฮโซนี่เขามองกันแค่นี้ใช่มั้ยเนี่ย”
ประภาพรรณสูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายที พยายามสงบสติ เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว เธอตั้งท่าจะเดินไปที่ตู้เย็น เท้าเกิดสะดุดชายผ้าอะไรบางอย่างจนเกือบจะล้ม
“โอ๊ย นี่มันผ้าอะไรเนี่ย”
ประภาพรรณหยิบขึ้นมาดู เดินตามชายผ้าไปที่ประตูบานหนึ่ง สงสัย จึงเปิดเข้าไปดู แล้วตกใจมาก
“นี่มัน”
ประภาพรรณอึ้ง

บุหงาและดวงแก้วพาพวกปทุมวดีมานั่งพักผ่อนในห้องรับแขก ประภาพรรณยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟ แววตาเปล่งประกาย รู้สึกสนุกที่จะไล่ต้อนบุหงาและดวงแก้ว
“จะว่าไป คุ้มของคุณดวงแก้ว คุณแพน นี่ใหญ่โตจังเลยนะคะ สมกับเป็นเจ้านายล้านนา”
สองแม่ลูกหลงเชื่อในคำพูดชื่นชมของประภาพรรณ นั่งหลังตรงหน้าเชิดอย่างภาคภูมิใจ
“แบบนี้ มิวก็ไม่สงสัยแล้วล่ะค่ะว่าทำไมคุณดวงแก้ว คุณแพน ถึงได้เอาเพชรประจำตระกูลมาขายคุณแม่สามี”
สองแม่ลูกหน้าซีดตกใจ ไม่คิดว่าประภาพรรณจะโต้ตอบตัวเองด้วยมุกนี้ ราตรีและผองเพื่อนได้ยินคำว่าเพชรก็สนใจ หันมาถามดวงแก้วและปทุมวดีด้วยสายตาคาดหวัง
“เพชรอะไรกันเหรอคะ คุณพี่หญิง”
“ก็เพชรประจำตระกูลของคุณน้องดวงแก้วนั่นแหละค่ะ เป็นเพชรล้านนาโบราณสีชมพู หายากสุดๆ เลยนะคะ”
รัตนาตื่นเต้นมาก
“โอ้ว เพชรล้านนาโบราณ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน คุณน้องคะ คุณพี่ขอชมเครื่องเพชรของคุณน้องเป็นบุญตาสักครั้งได้มั้ยคะ”
พวกปทุมวดีหันมามองดวงแก้วและบุหงาด้วยสายตาคาดหวัง สองแม่ลูกยิ้มแห้ง ลอบส่งสายตาให้กันเลิ่กลั่ก จะหาข้อแก้ตัวอย่างไรดี ประภาพรรณรีบรุกต่อ
“เป็นถึงเจ้านายทางเหนือแบบนี้ ถึงแม้จะตัดใจขายเพชรประจำตระกูลให้คุณแม่สามีไป แต่ก็น่าจะมีชุดอื่นๆ เหลืออีกเป็นกระบุงใช่มั้ยคะ”
บุหงาและดวงแก้วตวัดสายตากร้าวใส่ประภาพรรณ เจ็บใจมากที่ถูกประภาพรรณต้อนจนมุมแบบนี้
“นี่นังมิว หล่อนกล้าดียังไงมาพูดจาไม่สุภาพกับเพื่อนฉัน คุณดวงแก้วและหนูแพนกำลังคิดอยู่ต่างหากว่าจะเอาเครื่องเพชรชุดไหนออกมาโชว์ดี ใช่มั้ยคะ”
ข้อแก้ตัวของปทุมวดีทำให้สองแม่ลูกกลุ้มใจหนักกว่าเดิม
 
บุหงาและดวงแก้วพยายามหันมายิ้มแห้งให้พวกปทุมวดีอย่างเสียไม่ได้ ประภาพรรณมองท่าทางของสองแม่ลูกแล้วอมยิ้มสะใจ
 
จบตอนที่ 6 



กำลังโหลดความคิดเห็น