น้าพาหลานสาวอายุไม่ถึง 18 ปี ร้องกองปราบ แจ้งจับสถานบันเทิง ราชาคาเฟ่ ย่านปทุมธานี บังคับเด็กค้าประเวณีครั้งละ 2,000 หักหัวคิว ค่าตัว ห่าห้องพัก เหลือเพียง 700 บาทต่อครั้ง หักหากขัดขืนจะมีแก๊งกะเทยร่วมทำร้ายร่างกายทั้งเตะจิกผม
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นางมนัสดา (สงวนนามสกุล) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.ส้ม (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.ท.มนัส ทองสีม่วง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ บก.ปคม. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ กรณีที่ น.ส.ส้ม ถูกล่อลวงไปค้าประเวณีที่สถานบันเทิง “ราชาคาเฟ่” ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นางมนัสดา กล่าวว่า น.ส.ส้ม เป็นหลานสาวของตน ก่อนหน้านี้ ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น โดยเคยไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ก๋วยเตี๋ยวด้านหน้าคาเฟ่ดังกล่าว ซึ่งครั้งแรกตนปล่อยให้ไปทำเพราะคิดว่าเขาจะได้หาเงินเลี้ยงดูตัวเองและรู้ว่าเงินทองหายากจะได้รู้ค่า ต่อมาหลานสาวกลับถูกเพื่อนที่รู้จักกันหลังจากไปเที่ยวเตร่ พาไปทำงานกับทางคาเฟ่ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่ทางเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้จะล่อลวงหลานสาว อ้างว่าให้เป็นเด็กนั่งดริ้งก์ ได้ค่าแรงและค่าทิป แต่กลับให้เงินแค่วันละ 100 บาท ที่สำคัญยังบังคับให้ค้าประเวณีกับแขก โดยให้ไปออฟ หรือให้บริการทางเพศ คิดเงินค่าบริการครั้งละ 2,000 บาท แต่ถูกหักค่าตัวและค่าห้องพักไว้ 1,300 บาท โดยให้กับหลานสาวเพียง 700 บาท
นางมนัสดา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา หลานสาวถูกบังคับให้ค้าประเวณีมาแล้ว 3 ครั้ง และพยายามหลบหนีด้วยการปีนหน้าต่างจากกันสาดชั้น 3 ออกมาจนตกพื้นศีรษะแตกและแขนหัก นอกจากนี้ ก็เคยหลบหนีแล้วถูกจับได้จนถูกทำร้ายร่างกายโดยตบหน้าและจิกผม ก่อนจะพาซ้อนท้ายจักรยานยนต์กลับไปที่คาเฟ่ จากนั้นก็พาไปส่งที่ห้องพักเพื่อรับแขกระหว่างก็มีสาวประเภทสอง รวมถึงเจ้าของคาเฟ่ เข้ามารุมจิกศีรษะตบและใช้เท้าเตะด้วย น่าจะเป็นเพราะโกรธที่หลานพยายามหนีออกมา กระทั่งในวันที่ 31 สิงหาคม หลานสาวจึงหลบหนีมาได้สำเร็จ แม้ตนจะสอบถามในรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่เหมือนหลานจะไม่ยอมพูดทั้งหมดคล้ายๆ กับกลัวว่าเพื่อนจะต้องรับผิดด้วย
นางมนัสดา กล่าวอีกว่า ต่อมาในช่วงที่หลานสาวได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ปทุมธานี จึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น และแจ้งญาติว่าถูกบังคับให้ค้าประเวณีที่คาเฟ่ดังกล่าว จากนั้นจึงรีบช่วยเหลือพากันเข้าร้องทุกข์ที่มูลนิธิปวีณาฯ ก่อนจะมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองปทุมธานี และมีการประสานเข้าร้องทุกข์ที่ บก.ป. ในครั้งนี้ เพื่อดำเนินคดีกับคาเฟ่ฉาวแห่งนี้และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับให้ค้าประเวณีและทำร้ายร่างกายหลานสาวตนอีกทางหนึ่งด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของหญิงสาวที่อายุไม่เกิน 18 ปี ก็มีผู้ปกครองพาเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ เบื้องต้นก็น่าจะมีประเด็นของการบังคับค้าประเวณี ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ข้อหานี้ก็ไม่ว่าหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็เป็นความผิด และเท่าที่ฟังแล้วทางสถานประกอบการแห่งนี้ก็น่าจะเข้าข่ายกระทำความผิดฐานค้าประเวณี ไม่ใช่สถานบริการตามปกติ เพราะเป็นทั้งคาเฟ่ด้วย แล้วมีห้องพักสำหรับหลับนอนแบบใช้ร่วมประเวณี และทางผู้เสียหายก็ถูกทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ดี ทาง บก.ป.ก็จะร่วมกับ ปคม.ดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งในเรื่องของการเยียวยาสำหรับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยสังคมโดยมีข้อมูลที่ทราบคือมีพนักงานในสถานบันเทิงที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี อีกหลายราย