xs
xsm
sm
md
lg

รัตนาวดี ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัตนาวดี ตอนที่ 4

บริเวณหอไอเฟล ประเทศฝรั่งเศส ในเวลาเย็นจวนค่ำ ท่านหญิงรัตนาวดีเดินเข้ามาอย่างดีใจ ท่านดนัยแอบถ่ายรูปรัตนาวดี ไว้หลายรูป จนมีสร้อยเข้ามาถ่ายรูปด้วย...

รัตนาวดีนั่งมองหอไอเฟล ด้วยความสุขใจ
"ลา ตูค์ อิฟเฟล"

ท่านดนัยมองท่านหญิงอย่างพอใจ
"แปลว่าอะไรเพคะ" สร้อยถาม
"ท่านหญิงเรียกชื่อ หอไอเฟลเป็นภาษาฝรั่งเศสครับคุณสร้อย"
"นายเล็กรู้จักภาษาฝรั่งเศสด้วยเหรอจ้ะ" สร้อยถาม
ท่านหญิงรัตนาวดีมองท่านดนัยเหมือนกัน ท่านดนัยรู้ตัวว่าพลาด
"เอ้อ…ได้เรียนมาบ้างครับ...อยู่ยุโรป ท่านชายให้ผมเรียนรู้ไว้บ้างเพราะภาษาอังกฤษนอกจากที่อังกฤษแล้ว ประเทศอื่นใช้ภาษาฝรั่งเศสมากกว่า"
"นับว่าท่านดนัยคิดถูกค่ะ...นายเล็กต้องตามเสด็จตลอด ต้องเรียนรู้ไว้นะดีแล้ว"
"นายเล็กเล่าประวัติหอนี่ให้ป้ารู้หน่อยสิจ้ะ...ม้นใหญ่โตจริงๆ" สร้อยบอก
"หอไอเฟลเปรียบเสมือนสัญญลักษณ์ ของฝรั่งเศสเลยครับ..สร้างจากโครงเหล็กสูงถึง 300 เมตร…
สถาาปนิกผู้ออกแบบคือ กุสตาฟ ไอเฟล"
"ก็เลยตั้งชื่อหอนี้ตามคนออกแบบ"
"นอกจากออกแบบแล้วยังเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างด้วยครับ ได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ในการก่อสร้างด้วยเหล็กเลยครับ"
"คนที่ทำงานได้ขนาดนี้ก็สมควรได้รับการยกย่องจริงๆ" รัตนาวดีว่า
"ถ้าขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นเมืองปารีสได้ทั่วเลยครับ คุณป้าสร้อยอยากขึ้นมั้ยครับ "
"ไม่ละจ๊ะ สูงน่ากลัวซะขนาดนั้น"
สร้อย ทำท่านึกอะไรออก...
"นายเล็กจ้ะ...ป้าอยากไปโบสถ์อะไรก็ไม่รู้ ที่พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสแล้วบอกว่า เห็นวิวเมืองปารีสไม่แพ้บนหอไอเฟล"
ท่านดนัยยิ้ม
"บนเขามองมาร์ตครับ...ชื่อโบสถ์ซาเกรเกอร์ ถ้าจะขึ้นไป...ผมว่าเราน่าจะมาตอนเช้าๆ ดีกว่า...จะได้เห็นวิวเมืองปารีสได้หมด...ตอนนี้ผมพาท่านหญิง กับ คุณสร้อยไปทานอาหารดีกว่า….มีร้านอาหารฝรั่งเศสที่ท่านชายกำชับให้พาไปให้ได้"

รถแล่นมาในเวลาค่ำ เห็นบรรยากาศถนนหนทางที่ติดไฟสวยงามตระการตา ท่านดนัยขับรถมาจอดห่างจากร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งพอสมควร ทั้งสามคนเดินจะเข้าร้านมาอย่างช้าๆ เพราะตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆ
"ปารีสนี่สวยจริงๆ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของยุโรป ทุกแห่งเหมือนงานศิลปะไปหมด"
"หม่อมฉันว่าที่ลอนดอนสวยแล้ว...แต่ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามากกว่านะเพคะ"
รัตนาวดีมองไปรอบๆ เห็นร้าน และ ถนนสวยงาม ท่านดนัยแอบมองรัตนาวดีอย่างสุขใจ
"นี่เหรอร้านที่เราจะมาทาน.....ร้านสวยมาก"
"อาหารก็อร่อยมากหม่อม...กระหม่อมขอแนะนำก่อน...มีขากบทอดหอยเอสทาโก้อบ แล้วก็สมองวัวทอดกรอบ"
สร้อยทำท่าสยดสยอง
"อาไร้...คนฝรั่งเศสเค้ากินของพิลึกๆ อย่างนี้เหรอ"
"ป้าคะ...หญิงว่าต้องอร่อยแน่ๆ"
"เอาไว้คุณสร้อยลองชิมก่อนนะครับ"
สร้อยมองท่านดนัยอย่างจับผิด
"อย่าบอกอีกนะว่าเคยตามเสด็จท่านชายมาร้านหรูอย่างนี้นะ"
"เอ้อ…เคยตามเสด็จท่านชายครั้งหนึ่งครับ..แต่ร้านนี้ท่านชายรับสั่งกับผมว่า ต้องพาท่านหญิงเสด็จมาเสวยให้ได้"
สร้อยทำหน้าผิดหวังหน่อยๆ
"ท่านหญิงเพคะ...ถ้าร้านนี้เค้าขายแต่ของแปลกๆ พวกนั้น...หม่อมฉันคงจะทานไม่ลงแน่ๆ เพคะ"
สร้อยดึงรัตนาวดีเดินไป ท่านดนัยเดินตาม...

ทั้งหมดนั่งทานอาหารอยู่ในร้าน สร้อยเอร็ดอร่อยกับอาหารทุกอย่าง
 
รัตนาวดีหันมามองหน้ากับท่านดนัยแล้วยิ้มให้กันอย่างขำ สร้อยมองท่านดนัยเป็นเชิงปราม ทำให้ท่านดนัยต้องพยายามระวังตัวไม่ให้ยิ้มสนุกมากเกินไป

คืนเดียวกัน รัตนาวดีใส่ชุดนอนสวยเรียบร้อย ปล่อยผม ออกมายืนที่ระเบียงมองไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข

รัตนาวดีเดินกลับเข้ามาในห้อง สร้อยกำลังอ่านหนังสือ ไกลบ้าน หันไปมอง
"ทรงใส่เสื้อบางๆ ออกไปยืนข้างนอก..ระวังจะประชวรนะเพคะ"
"บางที่ไหน...เสื้อหญิงตัวนี้มีวูลซับข้างในนะคะ"
"ถึงอย่างนั้นก็ต้องอย่าทรงประมาทเพคะ...ถ้าจะเสด็จออกไปที่ระเบียง ต้องใส่เสื้อคลุมทับด้วยเพคะ"
รัตนาวดียิ้ม
"จ้า…นั่งอ่านไกลบ้านอีกแล้วเหรอ"
สร้อยเงยหน้ามายิ้มหวาน
"ท่านหญิงเพคะ....พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสถึงปารีสไว้ว่าเป็นเมืองบรมสุข เป็นเมืองที่งามที่สุดในโลก"
"เพราะเป็นเมืองที่มีศิลปมากมาย...เอาไว้พรุ่งนี้ให้นายเล็กพาไปดูสิจ้ะ...จะได้รู้ว่าสวยแค่ไหน"
สร้อยค้อน
"แหม…เดี๋ยวนี้ตรัสถึงนายเล็กบ่อยนะเพคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีหัวเราะ คิดว่าน้อยใจ
"แค่นี้ก็น้อยใจไปได้....ยังไงๆ ป้าก็เป็นที่หนึ่งของหญิงอยู่ดีละค่ะ รีบนอนกันดีกว่า...พรุ่งนี้เราจะไปลุยปารีสกัน"
รัตนาวดีเดินไปทางเตียงนอน ป้าสร้อยมองตามด้วยความเอ็นดู

วันรุ่งขึ้น ทั้งสามเดินขึ้นบันไดมาจากข้างล่าง ท่านดนัยคอยพยุงสร้อยอย่างระมัดระวัง เมื่อขึ้นมาสุดทางจะเห็นตัวโบสถ์ซาเกรเกอร์
"โบสถ์นี้คือวิหารซาเกรเกอร์ใช่ไหม นายเล็ก"
"กระหม่อม...ที่นี่คือจุดสูงสุดของเขามองมาร์ต...สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับทหารฝรั่งเศส ที่เสียชีวิตในสงครามระหว่างฝรั่งเศส กับ ปรัสเซีย สมาชิกคอมมูนแห่งปารีส หนีจากการถูกตามล่าขึ้นไปหลบอยู่บนเนินเขาแห่งนี้..ก่อนจะถูกจับกุม และสังหารอย่างทารุณ"
ท่านชายดนัย พารัตนาวดี กับป้าสร้อย เดินมาจนถึงโบสถ์ที่มีหอระฆัง..
"ทำไมสถานที่สวยๆ หลายๆ แห่ง ต้องมีเรื่องราวโหดร้ายชวนให้ขนลุกอยู่เรื่อยนะนายเล็ก" สร้อยถาม
รัตนาวดีบอก
"คนรุ่นหลังจึงควรจะนึกไว้เสมอว่ากว่าจะได้สิ่งเหล่านี้มาบรรพบุรุษต้องเสียสละสูญเสียมากมาย"
สร้อยมองรัตนาวดีอย่างชื่นชม โดยมีท่านดนัยที่ยืนฟังอยู่ด้านหลัง ก็มีสีหน้าชื่นชมเช่นกัน..เสียงระฆังจากโบสถ์ดังกังวาน
"ไม่เคยได้ยินเสียงระฆังที่ไหนดังกังวานอย่างนี้เลยมังคะ" สร้อยว่า
"ระฆังใบนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกใบหนึ่งครับ หนักถึง 19 ตัน"
รัตนาวดียิ้ม
"นายเล็กนี้รอบรู้จริงๆ" รัตนาวดีบอก
"กระหม่อมต้องขอสารภาพว่าอ่านหนังสือมาก่อนนำเสด็จ"
"นับว่ามีความพยายามดีจริง...ถ้าเป็นคนอื่นเค้าก็คงพามาเที่ยวอย่างเดียว...นี่นายเล็กยังอุตส่าห์ไปหาเรื่องราวสนุกๆ มาเล่าให้ฉันกับป้าสร้อยฟัง"
สร้อยมองรัตนาวดีอย่างไม่ค่อยพอใจหน่อยๆ

ถนนฌองเอลิเซย์ มองไปเห็นประตูชัย รัตนาวดีเดินเข้ามาอย่างร่าเริง
"บงชูร์"
"บงชูร์...มาดมัวแซลล์ กำมอง ตา เล วูร์ ?"
"เบียง....แมร์ซี่"
สร้อยงง มองคนโน้น คนนี้ที
"ท่านหญิง...รับสั่งอะไรกันเพคะชูร์..ชูร์...ซี..ซี"
"หญิงทักทายนายเล็กเป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ"
สร้อยค้อน
"แหม…นายเล็กก็พูดกับเค้าคล่องปรื๋อเชียวนะ"
"เป็นคำทักทายง่ายๆ ภาษาฝรั่งเศสนะครับ"
สร้อยเงยหน้ามองเห็นความสวยงามของถนนฌองเอลิเซย์
"โอ…สวยจริงๆ เพคะท่านหญิง"
"ป้าลองดูดีๆ สิคะว่าคุ้นตาถนนเส้นนี้ไหม"
สร้อยมองไปข้างหน้า
"หม่อมฉันยังนึกไม่ออก"
"สมมติว่าสุดถนนตรงโน้น ถ้าไม่ใช่ประตูชัย แต่เป็น พระบรมรูปทรงม้า กับ พระที่นั่งอนันตสมาคมล่ะครับ"
สร้อยนึกตาม...มีพระรูปทรงม้า กับ พระที่นั่งอนันต์สุดถนนฌองเอลิเซย์ สร้อยตาโตดีใจ
"ถนนราชดำเนิน...เหมือนถนนราชดำเนินบ้านเรา"
"ใช่แล้วค่ะ...พระพุทธเจ้าหลวงทรงนำแบบถนนฌองเอลิเซย์ ไปเป็นแบบอย่างถนนราชดำเนิน" รัตนาวดีบอก
สร้อยซาบซึ้ง..
"โอ…ทรงพระปรีชาจริงๆ เพคะ...เอาของดีๆ มาเป็นแบบอย่างให้บ้านเราได้มีจนทุกวันนี้"
"ถนนฌองเอลิเซย์ เป็นถนนที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลกครับ.. ที่เราเห็นสุดถนนนั้นคือ ประตูชัย...เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค"
"ตรงนั้นใช่ไหมที่เรียกว่าจัสตุรัสดวงดาว"
"กระหม่อม…ที่เรียกว่าจัสตุรัสดวงดาวเพราะเป็นที่บรรจบของถนน12 สาย…จัสตุรัสดวงดาว หรือชื่อเป็นทางการคือจตุรัส ชาลล์เดอโกลด์....ท่านหญิงก็พระปรีชารอบรู้"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"ฉันก็อ่านมาจากหนังสือก่อนมาเหมือนก้น"

ท่านดนัยเผลอยิ้มตอบรัตนาวดีอย่างแจ่มใส สร้อยจึงสังเกตเห็น
 
อ่านต่อหน้า 2

รัตนาวดี ตอนที่ 4 (ต่อ)

ที่ ปลาส เดอ ลา คองคอร์ด หรือ จตุรัส คองคอร์ด ท่านดนัยถ่ายรูปรัตนาวดี กับสร้อย หลายๆ รูป

"ที่นี่เค้าเรียกอะไรเพคะ"
"ปลาส เดอ ลา คองคอร์ดจ้ะ"
ป้าสร้อยฟังไม่ทัน
"อะ…อะไรนะเพคะ"
"ที่นี่เป็นจัสตุรัส คองคอร์ทครับป้าสร้อยmสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เกิดการนองเลือดกันที่นี่"
"ตายจริง...สถานที่สวยๆ อย่างนี้ไม่น่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอย่างนั้นเลย"
"เกิดการปฎิวัติครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ท่ี 16 ทำให้พระองค์กับพระมเหสี คือ พระนางมารี อังตัวเนต ถูกจับมาประหารด้วยกิโยติน ที่จตุรัสแห่งนี้ บริเวณที่ตั้งกิโยติน ต่อมา เป็นที่ตั้งของเสาหิน โอบิลิสก์ แห่งลุกซอร์ซึ่งนำมาจากประเทศอียิปต์"
"เหมือนที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงเล่าไว้ในหนังสือไกลบ้านเลยนายเล็ก ท่านหญิงเพคะ เห็นสวยๆ อย่างนี้ ถ้าให้ป้ามาตอนกลางคืนคนเดียวละก้อ..ป้าไม่เอาด้วยนะ"
ท่านดนัยหัวเราะ
"สมัยนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวสักหน่อย หญิงว่าที่นี่สวยมากด้วยซ้ำ"
"ในสมัยพระเจ้านโปเลียน ได้ทำการบุรณะจัสตุรัสนี้ คำว่าจตุรัสคองคอร์ทหมายถึง..."
สร้อยแย่งพูด
"จตุรัสแห่งความสมานฉันท์"
รัตนาวดีหัวเราะ
"หญิงรู้ละ...ที่ป้าเก่ง รู้ความหมายเพราะอ่านจากไกลบ้านใช่ไหมคะ"
"เพคะ...แหม..ป้าตื่นเต้นเหลือเกินจากตัวหนังสือที่พระองค์ท่านทรงบรรยายไว้...ป้ามีบุญได้ตามเสด็จท่านหญิงมาเห็นของจริง"
สร้อยมีความสุขมาก

มุมสบายๆ ในตำหนักศิลาขาว ประวิช หัวเราะชอบใจ
"คิดไว้ไม่ผิดจริงๆ ปริศนา ท่านดนัยนี่เก่งพอตัวทีเดียว อย่างนี้ละ...ถึงจะเหมาะสมกับท่านหญิง"
"ยังไม่เคยรู้จักท่าน...จะสรุปอย่างนั้นเลยเหรอคุณประวิช"
"ก็ท่านหญิงน่ะ...ท่านเป็นผู้หญิงนำสมัย ประเปรียว ท่านคงไม่โปรดอะไรๆ ที่มันจืดชืดหรอก
ถ้าจะโปรดชายหนุ่มสักคน ก็ต้องทั้งโก้ ทั้งฉลาดอย่างท่านดนัยนี่ละ"
"แล้วถ้าท่านหญิงรู้ว่า ท่านดนัยปลอมองค์เป็นมหาดเล็กตัวเอง ท่านจะกริ้วสักแค่ไหน"
ประวิชโบกมือห้าม
"ใจเย็นๆ ปริศนา….ตอนนี้ท่านหญิงแค่โปรดนายเล็ก แต่ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นความรักได้หรือเปล่า...เพราะท่านหญิงน่ะท่านไว้องค์นา"
"ปริศนาไม่ได้พูดถึงว่าท่านหญิงจะโปรดนายเล็กแบบนั้น แค่ท่านรู้ว่าท่านดนัยหลอกท่าน....ไม่ว่าจะเป็นฐานะอะไร ท่านก็ต้องกริ้ว"
"ปริศนาก็อย่าเผลอไปบอกท่านหญิงเชียวนา... ไม่อย่างนั้น ท่านดนัยเป็นพังแน่...เราแค่คอยเชียร์ก็พอท่านดนัยท่าจะหลงรักท่านหญิงแล้วแน่ แหม…เรื่องนี้ ไปๆ มาๆ สนุกกว่าที่คิดไว้นะปริศนา….ท่านดนัยจะเอาชนะทัยท่านหญิงในฐานะเป็นแค่นายเล็กได้ยังไง แล้วข้อสำคัญนะปริศนา...นายเล็กจะฝ่าด่านป้าสร้อยได้
ไง"
ประวิชหัวเราะสนุก ปริศนาค้อนไม่หัวเราะด้วย

วันใหม่ ณ มหาวิหาร นรอเทรอดาม (Nortre Dame) ท่านชายดนัยอธิบาย
"มหาวิหารนี้ใช้เวลาสร้างถึงสองร้อยกว่าปี"
"สองร้อยกว่าปี...โอ้โห" สร้อยอุทาน
"ความตั้งใจของเค้าน่านับถือนะคะ... เป็น ศิลปแบบโกธิกที่สมบูรณ์แบบ เป็นต้นแบบของวิหารหลายๆ แห่ง" รัตนาวดีว่า
"รวมถึงอาสนวิหารอัสสัมชัญ ที่กรุงเทพด้วยกระหม่อม"
"เล่าถึงประตูบานใหญ่สามบานให้ฉันฟังหน่อยซินายเล็ก"
"กระหม่อม…ทางด้านซ้ายมือ เรียกว่า ประตูพระแม่ ประตูตรงกลาง คือ ประตูแห่งคำพิพากษา และประตูทางด้านขวา คือ ประตูนักบุญอันนา โดยแต่ละประตู สลักเรื่องราวในพระคำภีร์ และ มีรูปแกะสลักของเหล่านักบุญ กระหม่อม"
"ฉันชอบพระแม่มารีนะ...ท่านดูมีเมตตา อ่อนโยนเสมอ... เวลาที่ได้มองท่าน จะรู้สึกสบายใจ"
"กระหม่อมจะพาท่านหญิงไปที่จุดเริ่มต้นของปารีส"
รัตนาวดีสงสัย

ณ บริเวณจุดอ้างอิงหลักกิโลเมตร ที่ลานมหาวิหารนรอเทรอดาม
"ตอนนี้ท่านหญิงประทับอยู่ที่ศูนย์กลางของปารีส เทียบได้กับหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ เป็นจุดอ้างอิงสำหรับวัดระยะทางไปยังเมืองต่างๆ ในฝรั่งเศส"
"แหม…ป้าคะ มายืนกับหญิงสิคะ เราจะได้ถ่ายรูปไปอวดเจ้าพี่ กับคุณปริศนาว่าเราได้มายืนอยู่ที่จุด
ศูนย์กลางของปารีสแล้ว"
สร้อยรีบเข้ามายืนใกล้ๆ
"ขอบทัยเพคะ แต่หม่อมฉันดีใจที่ได้มาอยู่กับท่านหญิงมากกว่าเพคะ"

ท่านดนัยถ่ายรูป รัตนาวดี กับสร้อย หลายๆ รูป

เวลาต่อมา รถวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้าพระราชวังฟงแตนโบล ท่านชายดนัย พารัตนาวดี และป้าสร้อยเดินมา

"ท่านหญิงกระหม่อม....ที่นี่คือพระราชวังฟงแตนโบล"
"พระราชวังฟงแตนโบล ฉันไม่ค่อยจะเคยได้ยินชื่อวังนี้ใหญ่โตสวยงามมาก" ท่านหญิงว่า
"เป็นวังหลวงแห่งหนึ่งกระหม่อม...ผู้คนโดยมากมักชอบไปดูแวร์ซายส์กัน แต่ที่นี่มีความสำคัญต่อคนไทย"
"วังนี้น่ะเหรอมีความสำคัญกับคนไทย...ยังไงนายเล็ก" สร้อยถาม
"เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เมื่อปี คศ.1861 พระเจ้าจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 โปรดให้ พระยาศรีพิพัฒน์
รัตนราชโกศาธิบดีเข้าเฝ้าในฐานะราชทูตจากกรุงสยามกระหม่อม"
สร้อย กับ รัตนาวดีแปลกใจมาก
"ฮ้า….โอ"
ท่านหญิงรัตนาวดี5ถาม "ในรัชสมัย รัชกาลที่ 4 ใช่ไหมนายเล็ก"
"กระหม่อม…พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ส่งคณะทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับ ฝรั่งเศส กระหม่อมจะพาท่านหญิงไปทรงดู าพวาด ที่จิตรกรฝรั่งเศสได้วาดการเข้าเฝ้าของราชทูตไทยในครั้งนั้น"
รัตนาวดีตื่นเต้นดีใจ
"มีภาพวาดด้วยเหรอ"
"กระหม่อม…นอกจากภาพวาด ยังมีเครื่องบรรณาการที่ส่งมายังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี"
"นี่ละคนไทยเราละ...เมื่อจะต้องทำอะไร...ก็จะทำได้ดีกะเขาเหมือนกัน...ไม่แพ้ไม่อายชาติไหนหรอกนะ"
สร้อยทำหน้าจริงจัง จนรัตนาวดีหันไปยิ้มกับนายเล็ก คราวนี้สร้อยเห็นจนได้....

ตอนค่ำ ในห้องนอนของโรงแรมที่ปารีส ท่านหญิงรัตนาวดีแต่งชุดสบายๆ อยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องพัก สร้อยอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินมาหา
"ยังไม่ทรงง่วงเหรอเพคะ"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"ทั้งง่วงทั้งเพลียเลยจ้ะ แต่หญิงอยากเขียนจดหมายถึงวิมลสักหน่อย เค้ากำชับนักหนาว่าให้เล่าเรื่องระหว่างมาเที่ยวให้เค้ารู้บ้าง"
"ถ้าแม่วิมลมากับเราด้วยก็ดีนะเพคะ"
"หญิงก็อยากให้เค้ามาค่ะ...แต่เค้าเรียนหนัก"
"ท่านหญิงว่าแม่วิมลนี่เค้าจะชอบๆ กับตานพไหมเพคะ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"ป้าคิดว่าอย่างนั้นเหรอคะ"
"หม่อมฉันก็เห็นเค้าสนิทสนมกัน...แต่แหม...ถ้าหากวิมลชอบกับตานพแล้วก็น่าเสียดายW
สร้อยแกล้งทำพูดเรื่อยๆ รัตนาวดีหยุดเขียน หันมาทำหน้าสงสัย
"เสียดายอะไรคะ"
"ก็….หม่อมฉันอยากจะแนะนำให้นายเล็กไงเพคะ."
รัตนาวดีอึ้งไป
"ทำไมป้าถึงคิดอย่างนั้นคะ"
"ป้าว่านายเล็กเค้าก็ดูดีใช้ได้...พอจะมีความรู้อยู่บ้าง... ได้แฟนแบบแม่วิมลก็ไม่น่าเกลียด...แหม...อยากให้วิมลมาด้วยจริงๆ."
"หญิงก็บอกวิมลเหมือนกันว่า อยากให้เค้ามาเที่ยวกับเรา.. แต่เรื่องกับนายเล็กน่ะ...เอ้อ...นายเล็กเค้าอาจจะมีผู้หญิงที่เค้าชอบอยู่แล้วก็ได้"
สร้อยทำไม่รู้ไม่ชี้
"จริงของท่านหญิงเพคะ. อย่างนายเล็กนี่น่ะ...เป็นแค่มหาดเล็กท่านดนัย ถ้าได้แฟนเป็นนักเรียนไทยซักคน หรือได้อย่างวิมลนี่ก็โชคดีมากแล้ว"
รัตนาวดีสีหน้าหม่นลง ป้าสร้อยได้ที
"อ้อ…ท่านหญิงเพคะ...ความจริงเราน่าจะส่งข่าวให้คุณประพัทธ์ตามมาเที่ยวกับเราบ้างนะเพคะ"
"ไหนป้าว่ารำคาญเค้าไง"
"มาคิดดูอีกที เค้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกเพคะ อาจจะน่าเบื่อบ้าง แต่ดูๆ แล้วเค้าก็ตามใจท่านหญิงอย่างกับอะไรดี ถ้าทรงอนุญาตให้เค้าตามมาเที่ยวบ้างคงดีใจมาก ยังไงๆ ก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูล คงไม่ทำให้เสื่อมพระเกียรติหรอกเพคะ"
สร้อยทำเป็นเดินไปอีกทาง แต่ก็หันกลับมาแอบมอง รัตนาวดีสีหน้าไม่สบายใจ...

จดหมายจากปารีสถึงลอนดอน วิมลนั่งอ่านจดหมายของรัตนาวดี
"อยากให้วิมลมาเที่ยวกับฉันจริงๆ บางครั้งมีบางเรื่องที่ปรึกษากับป้าสร้อยไม่ได้........ฉันไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรอก...ตรงกันข้าม การเที่ยวครั้งนี้ฉันมีความสุข และสนุกเหลือเกิน ก็เพราะว่ามีนายเล็กคอยนำคอยพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างวิเศษ นายเล็กช่างรอบรู้ไปหมด และไม่เคยทำอะไรให้ฉันไม่พอใจ วิมลคงยังไม่รู้จักนายเล็ก เขาเป็นมหาดเล็กท่านดนัย แต่ดูจากสง่าราศีแล้ว... ไม่แน่ใจว่าท่านดนัยจะสู้นายเล็กได้ไหม…..เสียดายว่าเค้าเป็นแค่นายเล็กเท่านั้น"
วิมลพับจดหมาย สีหน้าใช้ความคิด

"นายเล็ก"
 
อ่านต่อหน้า 3

รัตนาวดี ตอนที่ 4 (ต่อ)

ท่านหญิงรัตนาวดีนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่ร้านกาแฟน่ารักริมถนนในปารีส อ่านหนังสือนำเที่ยวของฝรั่งเศส สร้อยเหลียวมองหาท่านดนัย

"เอ้…นายเล็กหายไปไหนนี่"
รัตนาวดีตอบโดยไม่เงยหน้าจากหนังสือ
"เดี๋ยวเค้าก็มาค่ะ"
"แต่นี่มันชักจะสายแล้วนะเพคะ...น่าจะมาได้แล้ว...วันนี้จะไปไหนทำอะไรก็น่าจะมาทูลให้รู้เรื่อง"
รัตนาวดีเงยหน้าจากหนังสือ เห็นท่านดนัยเดินหอบของมาจากด้านหลังของสร้อย
"เค้ามาโน่นแล้วค่ะ...ป้าก็ถามเค้าเองก็แล้วกัน"
ท่านดนัยเดินมาถึงโต๊ะที่รัตนาวดีนั่งอยู่กับสร้อย โค้งนิดหนึ่งก่อนจะลงนั่งเก้าอี้ที่ห่างออกนิดหนึ่ง รัตนาวดีมองอย่างไม่พอใจ
"ฉันเคยบอกแล้วไงว่าระหว่างที่เรามาเที่ยว...ห้ามไม่ให้โค้งคำนับฉัน"
ท่านดนัยทำหน้าสำนึกผิด
"ขอประทานอภัย...กระหม่อมลืม"
"แล้วนี่หายไปไหนมา...ปล่อยให้ท่านหญิงทรงรอตั้งนาน"
"หญิงยังไม่ได้รอสักหน่อย...ยังทานของเช้าไม่เสร็จด้วยซ้ำ"
"ก็ถ้าเรารู้ว่าจะทำอะไรบ้าง จะได้เตรียมองค์ไงเพคะ"
"ผมเอารถไปเติมน้ำมันมาครับ...แล้วก็เลยแวะซื้อของกินนิดหน่อยเผื่อจะทานกลางทาง...เพราะวันนี้กระหม่อมตั้งใจจะพาเสด็จไปแวร์ซายส์"
รัตนาวดีสีหน้าพอใจ แต่เหมือนนึกอะไรบางอย่างก็ทำหน้าเฉย เก็บหนังสือหันมาพูดกับท่านดนัย ด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ
"แล้วนายเล็กเอาเงินที่ไหนไปจ่ายของ...ไหนจะค่าน้ำมันรถอีก"
"ท่านดนัยประทานไว้แล้วกระหม่อม....ท่านชายทรงกำชับให้กระหม่อมดูแลท่านหญิง กับ คุณสร้อยอย่างดีที่สุด"
"ถ้าทำอย่างนั้นฉันจะไม่สบายใจอย่างมาก"
รัตนาวดีเปิดกระเป๋าหยิบเงินมาพอสมควร ส่งให้ท่านดนัย
"รับเงินนี่ไว้...เอาไว้ใช้จ่ายแล้วแต่นายเล็กจะเห็นเหมาะสม ท่านดนัยท่านให้ยืมรถ กับให้ยืมนายเล็กมาแล้ว...ฉันไม่อยากจะรบกวนให้ท่านต้องมาหมดเปลืองทั้งค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายของนายเล็ก...ใช้เงินของฉันเท่านั้น"
ท่านดนัยตกใจ แต่ก็พยายามอธิบาย
"มิได้กระหม่อม ท่านชายทรงดีพระทัยที่ได้ดูแลท่านหญิง"
สร้อยได้ทีพูดเสียงเรียบๆ
"เธอจะไปรู้ดีแทนท่านได้อย่างไร....รับเงินนี่ไว้ ไม่อย่างนั้นท่านหญิงคงไม่สบายทัยมาก...และคงไม่กล้าทำ หรือกล้าเที่ยวอย่างที่ทรงต้องการ...เข้าใจไหม"
ท่านดนัยจำใจรับเงินมาจากรัตนาวดี
"ครับ"
ท่านชายดนัยนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วก็ยกมือไหว้รัตนาวดี สร้อยพอใจ
"ดีมาก...นายเล็กเป็นมหาดเล็กที่ดี...ต้องทำตามพระประสงค์"
"แล้วเงินนี่น่ะ...ส่วนนึงก็ถือเป็นเบี้ยเลี้ยงของนายเล็กนะจ้ะ"
ท่านดนัยยังงงกับท่าทางรัตนาวดี
"งั้นก็ไปกันเถอะเพคะ"
สร้อยพารัตนาวดีลุกไป ท่านดนัยมองเงินที่รับมาด้วยสีหน้ามึนๆ

เวลาต่อมา สร้อยกับท่านหญิงรัตนาวดีเดินดูรอบๆพระราชวังแวร์ซายส์อย่างเบิกบานใจ ท่านหญิงเปิดดูหนังสือเกี่ยวกับแวร์ซายส์เล่มเล็กๆ แล้วชี้ชวนให้ป้สร้อยดู ท่านดนัยเดินตามหลังด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ บางครั้งรัตนาวดีหันมามองท่านดนัยนิดหนึ่งแต่ก็รีบหันกลับไป หรือไม่อย่างนั้นก็โดนสร้อยดึงกลับไป แล้วเตือนว่า จะต้องวางตัวอย่างไรกับนายเล็กอย่างไร
ท่านชายดนัยพยายามยิ้มแย้ม แต่กHแอบมองรัตนาวดีด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ...

ท่านดนัยขับรถไปบนถนนชนบทฝรั่งเศส เป็นทางจากระราชวังแวร์ซายส์กลับฝรั่งเศส เมื่อแอบมองจากกระจกส่องหลัง เห็นรัตนาวดีสีหน้าเรียบเฉยใช้ความคิด สร้อยพยายามทำร่าเริงชวนพูดคุย
"ชนบทฝรั่งเศสก็สวยไม่แพ้ชนบทอังกฤษเหมือนกันนะเพคะ"

รัตนาวดียิ้มพยักหน้า สร้อยแอบมองอย่างเริ่มหนักใจ แต่ก็ยังพยายามชวนพูดคุย
"โอ…ท่านหญิงเพคะ...เค้าปลูกต้นอะไรกัน...ดูสิ"
รัตนาวดีมองไป
"น่าจะเป็นองุ่นนะคะ...ใช่ไหมนายเล็ก"
ดนัยดีใจ
"กระหม่อม…แถวๆ นี้ปลูกองุ่นทำไวน์กันมาก...ไวน์คุณภาพดีของฝรั่งเศสมาจากแถวนี้ก็มีกระหม่อม"
"โอ้ย...ไวน์...ดื่มแล้วก็เมาน่ะเพคะ"
"แล้วที่ป้าดื่มอยู่ทุกวันไม่ใช่ไวน์เหรอคะ"
สร้อยนิ่งไป
"หม่อมฉันนึกว่าน้ำผลไม้...แต่ทำไม...ไม่เมาเพคะ"
"ป้าไม่ได้ดื่มมากนี่คะ...ดื่มสองสามแก้วทำให้หลับสบาย"

หลังดื่มไวน์ สร้อยนอนหลับหมดสภาพ ในห้องโรงแรม รัตนาวดีมายืนมอง

ในรถ ... สร้อยทำท่าอายเหนียม

"มิน่า…หม่อมฉันก็ว่าทำไมถึงง่วงๆ มึนๆ หน่อยๆ"
"ไม่สังเกตเหรอคะว่าระยะหลังๆ นี่หญิงต้องปลุกป้าแทบทุกวัน"
ท่านดนัยพยายามกลั้นยิ้ม
"เอ้อ…ท่านหญิงอยากจะลองแวะไร่องุ่นสักหน่อยไหมกระหม่อม"
"เค้าจะยอมให้เราเข้าไปดูเหรอ"
"กระหม่อมจะลองเจรจาดู"

ท่านดนัยขับรถเลี้ยวเข้าไปในทางที่ไปสวนองุ่น เห็นทิวทัศน์ของไร่องุ่นดูสวยงาม รัตนาวดีหายซึม แต่เริ่มมีความสุข สร้อยก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย

รัตนาวดี กับสร้อย กำลังชื่นชมลูกองุ่นพวงใหญ่ สวยงามบนต้นที่เลื้อยเป็นเถาสวยงามไปสุดตา ท่านดนัยยืนคุยกับเจ้าของอยู่ไกลออกไปหน่อย...
"นายเล็กนี่เก่งจริงๆ พาเราเข้ามาที่นี่ได้....ทำอย่างกับรู้จักกับเจ้าของอย่างนั้น"
"หม่อมฉันว่านายเล็กนี่น่าจะหาอาชีพเสริมเป็นไกด์ได้นะเพคะ คงจะตามเสด็จท่านดนัยบ่อยก็เลยคล่อง"
ท่านหญิงรัตนาวดีเงียบไป สร้อยจึงพยายามชวนคุย
"ท่านหญิงเพคะ...ถ้าเราเด็ดองุ่นพวกนี้ทานบ้าง...เค้าจะว่าไหมมังคะ"
"แต่ถ้าแอบเก็บของเขาโดยที่เจ้าของเค้าไม่รู้..มันก็คือ ขโมยนะคะ...หญิงว่าอย่าเลยค่ะ"
ท่านดนัยเดินมาหารัตนาวดี มีตะกร้าใบเล็กๆ สองใบ กับคีมตัดต้นไม้มาส่งให้รัตนาวดีกับสร้อย
"เจ้าของสวนองุ่นใจดีกระหม่อม อนุญาตให้เราตัดองุ่นไปทานได้คนละตะกร้า เชิญเลยครับคุณสร้อย"
สร้อยดีใจรับตะกร้าไปโดยเร็ว
"ดีจริงนายเล็ก...เค้าให้เราตัดคนละตะกร้านี่เลยเหรอ"
"ครับ"
"เต็มตะกร้าเนี่ยะนะ" สร้อยย้ำ
"ครับ"
สร้อยก็ยังไม่แน่ใจ
"แล้วก็ไม่คิดตังค์ด้วย"
ท่านดนัยยิ้ม
"ไม่คิดแม้แต่สตางค์เดียวครับคุณสร้อย...แล้วก็ชิมได้ตามสบาย องุ่นพวกนี้เค้าปลูกโดยไม่มีสารเคมี หรือ ยาฆ่าแมลงอะไรทั้งนั้น เป็นองุ่นพันธุ์ดีสำหรับทำไวน์...เราเด็ดทานจากต้นได้อย่างสบายใจครับ"
สร้อยดีดนิ้วอย่างถูกใจจนลืมฟอร์ม
"วิเศษ….ไปเพคะท่านหญิง...หม่อมฉันหมายตาไว้แล้ว ตรงโน้นเพคะ"
สร้อยรีบเดินไป รัตนาวดีอดหันมายิ้มขำกับท่านดนัยไม่ได้ แต่แล้วก็ระวังตัวจะเดินตามสร้อย ท่านดนัยเรียกไว้เบาๆ
"ท่านหญิงกระหม่อม"
รัตนาวดีหยุดหันมา
"เจ้าของไร่เขารับจะทำอาหารเลี้ยงเราเย็นนี้...เป็นพวกขาแกะตุ๋นแล้วก็มีชีสหลายๆ อย่าง ทานกับองุ่น กับไวน์ของเขา"
"จะไม่รบกวนเขามากไปเหรอ"
"เขาเต็มใจกระหม่อม...เขาบอกว่า เวลามีคณะมาเที่ยวที่นี่ บางทีก็จ้างให้เค้าทำอาหารด้วยกระหม่อม"
รัตนาวดียิ้มสดชื่น
"ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลยจ้ะ...เราทานตามร้านมานานแล้ว ได้ทานอาหารแบบ home made นี่ละที่ฉันต้องการ"
รัตนาวดีหันหลังวิ่งออกไปหน่อยหนึ่ง แล้วก็หันกลับมายิ้มอย่างหวานกับท่านดนัย
"ขอบใจมากนะนายเล็ก"

ท่านดนัยมองตามยิ้มอย่างดีใจมากจนเจ้าของไร่เดินมาสะกิดจึงสะดุ้ง หันมาหัวเราะกัน ที่แท้...ท่านดนัยกับเจ้าของไร่สนิทสนมกัน รัตนาวดี กับสร้อย ตัดองุ่นใส่ตะกร้าผลัดกันชิมอย่างสนุก
 
อ่านต่อหน้า 4

รัตนาวดี ตอนที่ 4 (ต่อ)

ในเวลากลางคืน ท่านชายดนัยขับรถ สร้อยนั่งหลับ ท่านดนัยแอบมองรัตนาวดีทางกระจกส่องหลัง รัตนาวดีเห็นก็หันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ท่านดนัยไม่เห็นว่ารัตนาวดีแอบยิ้ม

ประวิชพับจดหมายส่งคืนให้ปริศนา...สีหน้ายิ้มๆ ที่ห้องนั่งเล่นในวังศิลาขาว
"ท่านชายกำลังอินเลิฟขนานหนัก"
ปริศนายิ้มๆ
"ก็นั่นสิ...ปริศนาอยากอยู่ด้วยจัง..จะได้แกล้งท่านดนัยซะให้เข็ด"
"โธ่…สงสารท่าน...แค่นี้ก็โดนป้าสร้อยกีดกันแย่แล้ว"
"ก็ท่านอยากแกล้งปลอมองค์เองนี่นา ช่วยไม่ได้"
ปริศนากับประวิช หัวเราะชอบใจ
"แล้วท่านพจน์รับสั่งถึงเรื่องนี้ว่าไงบ้างปริศนา"
"เรื่องที่ท่านดนัยปลอมองค์ หรือว่าเรื่องที่ท่านดนัยโปรดท่านหญิงW
"ก็ทั้งสองเรื่องน่ะแหล่ะ"
"เรื่องที่ท่านดนัยปลอมองค์ รับสั่งว่าไม่เข้าท่า เรื่องที่ท่านดนัยหลงรักท่านหญิงไม่รับสั่งอะไรเลย
ได้แต่ยิ้มๆ"
"ท่านชายก็ทรงงี้แหล่ะ..ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ก็ไม่รับสั่งว่าอะไรหรอก…แต่ถ้าท่านดนัยจะเสกสมรสท่านหญิงรัตน์ท่านก็คงพอทัย"
"ก็ไม่แน่นะประวิช...หนุ่มสาวที่ใช้เวลาดีๆ ด้วยกันต่างบ้านต่างเมือง...มันก็อาจจะนึกชอบพอไปได้เพราะบรรยากาศ แต่พอกลับมาแล้ว...อาจจะพบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เหมือนตื่นจากฝันไงประวิช ตอนนี้เร็วไปที่จะพูดเรื่องแต่งงาน"
"อื้อฮือ...ลึกซึ้ง..ลึกซึ้ง"
"อ้าวจริงๆ นะ…คนที่จะแต่งงานกัน...ไม่ใช่จะใช้แต่เวลาที่ดีเรียนรู้กันเท่านั้น...มันต้องมีเวลาที่ลำบากด้วยกัน ต้องมีคนอื่นมาเปรียบเทียบ....ปริศนารู้ทัยท่านพจน์ดีว่า อยากให้ท่านหญิง กับ ท่านดนัยได้พิสูจน์ใจตัวเองให้ดีก่อน"
ประวิชพยักหน้าเห็นด้วย
"ก็จริงนะ บางครั้งคิดว่าใช่ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ใครจะรู้"
ปริศนาใช้ความคิด.....

ยามเช้า ท่านหญิงรัตนาวดีใส่ชุดเสื้อคลุมสวยๆ ทานกาแฟอยู่ที่ระเบียงห้องพักของโรงแรมในปารีส มองไปรอบๆ สีหน้าสดชื่นมีความสุขเมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องพัก สร้อยกำลังจัดของ เงยหน้ามอง
"หม่อมฉันเก็บของจวนเสร็จแล้วเพคะ...เราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่"
"ไม่ต้องรีบหรอกจ้ะ...หญิงไม่อยากไปเร่งนายเล็ก...ให้เค้าได้สบายๆ บ้าง"
สร้อยแอบทำหน้าไม่พอใจ
"เค้าเป็นคนขับรถ...เค้าก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาถึงจะถูกนะเพคะ"
รัตนาวดีลงนั่งยิ้มสบายๆ
"นี่เรามาเที่ยวค่ะป้า ไม่ต้องเคร่งครัดนักหรอกจ้ะ"
"ถึงจะมาเที่ยวก็ตาม...หม่อมฉันว่า ท่านหญิงก็ออกจะทรงเอื้อเฟื้อนายเล็กมากพอแล้วเพคะ ทัยดีมากไปเค้าจะเหลิง สำคัญตัวผิด"
รัตนาวดีค่อนข้างตกใจ
"ป้า….เค้าคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ที่หญิงดีกับเขา ก็เพราะนายเล็กอาสามาพาเราเที่ยว ถ้าไม่ได้เขาเราก็คงไม่ได้มาแบบนี้ แล้วหญิงก็คิดว่านายเล็กน่ะรู้ควร ไม่ควรดีกว่าหลายๆคนด้วยซ้ำไป"
"แต่หม่อมฉันกลับคิดว่า ถึงไม่มีนายเล็ก ท่านดนัยก็ทรงต้องดูแลท่านหญิงอย่างดีเพคะ..แล้วก็ยังมีคนอื่นๆอีก…หม่อมฉันกลับคิดว่า นายเล็กน่ะโชคดีที่ได้มาเที่ยวฟรีๆ กับเรา"
รัตนาวดีถอนใจ
"แต่ตอนนี้เรามากับนายเล็กแล้ว หญิงก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทำไมจู่ๆ ป้าเกิดจะไม่สบอารมณ์นายเล็กขึ้นมา เค้าทำอะไรที่ไม่ดีเหรอคะ"
สร้อยอึดอัดพูดไม่ออก...
"หม่อมฉันไม่ได้ไม่สบอารมณ์นายเล็กหรอกเพคะ เพียงแต่..."

รัตนาวดีมองหน้าสร้อยนิ่ง..
"เพียงแต่หม่อมฉันกลัวเขาจะเหลิงว่าตัวเป็นคนสำคัญกับเราเท่านั้น ยิ่งทรงดีกับเขา...เขาก็อาจจะลืมตัวทำไม่ควร"
"ถ้าเค้าเป็นอย่างนั้น หญิงจะปรามเค้าเอง ป้าก็รู้ว่าหญิงก็ไม่ชอบให้ใครมายกตัวข่มหญิง แต่นี่เขายังไม่ได้เป็นอย่างนั้น"
สร้อยไม่สบายใจ...

ต่อมา ภายในรถ ท่านหญิงรัตนาวดีกับสร้อยนั่งมองวิวข้างทางอย่างมีความสุข
"วันนี้เราจะเดินทางกันไกลหน่อยกระหม่อม กระหม่อมจะพาเสด็จไปลุ่มแม่น้ำลัวร์"
รัตนาวดีดีใจ
"แหมดีจริง...ฉันอยากไปปราสาท Chambord"
"เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในในบริเวณนั้นกระหม่อม"
ท่านดนัยหยิบผ้าห่มผืนไม่ใหญ่ ส่งให้ป้าสร้อยกับรัตนาวดีคนละผืน
"ต้องนั่งรถนาน...เผื่อท่านหญิงกับคุณสร้อยจะหนาวครับ"
สร้อยรับผ้าห่มมา
"ขอบใจจ้ะ"

สร้อยส่งผ้าห่มให้ รัตนาวดีหันมายิ้มให้ท่านดนัยเป็นการแทนคำขอบคุณ

ณ มหาวิทยาลัยของนพ ลอนดอน ประพัทธ์เดินโอบไหล่จูนสบายๆ ตามถนน

"จูนดีใจจัง...พี่ประพัทธ์กลับมาเป็นคนเดิมของจูนแล้ว"
"แล้วพี่เปลี่ยนไปยังไงจ้ะ"
"ก็เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา....พี่ประพัทธ์ไม่เป็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะตอนที่ท่านหญิงอะไรนั่นมา"
ประพัทธ์พยายามกลบเกลื่อน
"อ๋อ….ก็ท่านเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย...พี่ก็ต้องดูแลท่าน"
จูนงอน
"แน่ใจนะคะว่าแค่นั้น"
ประพัทธ์เอาใจ
"แน่จ้ะ...แหม...ไม่มีใครสำคัญกว่าจูนหรอก"
จูนยังงอน แต่ก็ดีใจ
"ไม่ต้องมาปากหวานเลย...ถ้าท่านหญิงมาอีก...พี่ประพัทธ์ก็ไม่สนใจจูนอีก"
"ไม่มีทาง...สาบานเอ้า" ประพัทธ์ยกมือสาบาน "ถึงเจอท่านหญิงอีก..พี่ก็ไม่สนใจ คุยเรื่องของเราดีกว่า..อย่าไปพูดถึงคนอื่นเลย"
ประพัทธ์มองจูนอย่างมีความหมาย จูนยิ้มเอียงอายแล้วเอาหัวไปซบบ่าประพัทธ์
วิมลเดินหอบของพะรุงพะรังเดินมา ประพัทธ์เห็นหยุดพูดทันที มองอย่างดีใจ
"วิมล"
ประพัทธ์ทิ้งจูน รีบเดินไปหาวิมลทันที จูนหัวคะมำ หน้าเหรอหรามองตาม
"วิมล…วิมล"

วิมลหันมาเห็นประพัทธ์ก็ยิ้มให้
"อ้าว…สวัสดีค่ะพี่ประพัทธ์"
"มาหานพหรือครับ....พี่อยากเจอวิมลอยู่เหมือนกัน"
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ หรือไม่สบายจะให้พาไปหาหมอ"
ประพัทธ์รีบโบกมือ
"ไม่ใช่จ้ะ...พี่จะถามข่าวท่านหญิง...ท่านจะเสด็จมาลอนดอนอีกไหม"
จูนหน้าเสีย
"ยังไม่แน่ค่ะ...ตอนนี้ท่านอยู่ฝรั่งเศส จะเที่ยวไปทั่วๆ ก่อนแล้วจะไปสวิสต่อนี่คะ คงยังไม่เสด็จมาลอนดอน"
ประพัทธ์ทำหน้าผิดหวัง
"ถ้าอย่างนั้นพี่จะติดต่อท่านได้ไงล่ะ พี่อยากรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ถ้าพี่ตามไปได้พี่ก็อยากไป"
จูนมองประพัทธ์อย่างผิดหวัง วิมลยิ้ม
"ไม่ยากหรอกค่ะ....ท่านประทับแต่ละที่นานๆ จะเขียนจดหมายไปหาท่านก็ได้.. ถ้าได้ที่อยู่ท่านที่ฝรั่งเศสจะบอกให้นะคะ"
ประพัทธ์สีหน้ามีความหวัง
"ขอบใจมากวิมล...พี่ช่วยหิ้วของไปให้มั้ย"
"ไม่เป็นไรค่ะ...เพื่อนพี่ประพันธ์เดินไปโน่นแล้ว"
ประพันธ์หันไปเห็นจูนเดินไป ตะโกนเรียก
"จูน...จูน"
ประพันธ์วิ่งตามจูน หันมาโบกมือลาวิมล

มุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย นพนั่งอ่านหนังสือเรียนที่เก้าอี้ประจำ มีขนมกับเครื่องดื่มนิดหน่อย วิมลเดินเข้ามาหา นพลุกขึ้นรับของจากวิมล
"นี่ซื้อแบบอยู่ได้อีกหลายวันสินะ."
"อาทิตย์หน้ามีแล๊ปด้วยแทบทุกวัน...ซื้อตุนไว้ดีกว่าค่ะ เออ...คุณนพ...เมื่อกี้ฉันเจอพี่ประพัทธ์ด้วยนะ"
นพยิ้มๆ
"พี่ประพัทธ์นี่กิตติศัพท์เจ้าชู้น่าดูนะ วิมลอยู่ห่างๆเค้าไว้ล่ะ"
วิมลค้อน
"อย่างฉันนะไม่เข้าข่ายที่พี่ประพัทธ์จะสนใจหรอกค่ะ เค้ามาถามหาท่านหญิง อยากจะตามไปพบ"
"พวกมาเรียนทำเครดิตนี่ดีนะ วันๆ ไม่ต้องเรียนก็ได้.. จะไปตามท่านทำไมให้ท่านรำคาญ...หวังสูงไปหรือเปล่า"
"ฉันไม่เห็นท่านหญิงจะรำคาญพี่ประพัทธ์นี่...ทรงเคยชมซะด้วยซ้ำว่าเป็นรุ่นพี่มหาลัยที่มีน้ำใจ"
"มีแต่กับท่านหญิงน่ะซิ งานนักเรียนไทยไม่เคยมาช่วยสักครั้ง แต่วิมลก็ทูลท่านหญิงไปก็แล้วกัน ถ้าท่านอยากให้ตามเสด็จท่านก็ชวนเอง แต่ถ้าท่านไม่อยากให้ตาม"
"ท่านก็เฉยเอง"

นพยิ้ม เลื่อนจานขนมให้วิมล

มุมสวยของเมืองบลัวร์ (Blois) บริเวณสะพาน ถนนเลียบแม่น้ำ ท่านดนัยขับรถ ผ่านไปตามทางสวยๆ นั้น ท่านหญิงรัตนาวดีมองอย่างแจ่มใส มีความสุข

ต่อมา ที่ลานจอดรถในร้านอาหาร รัตนาวดี กับสร้อย กำลังลงจากรถ
"แวะทานอาหารรองท้องก่อนครับ ถ้าเราไปปราสาทแล้ว จะหาของทานยาก"
"ดีเหมือนกันนายเล็ก"
สร้อยดูท่าทางจะอ่อนเพลียจากการนั่งรถไกล... อีกมุมตึกห่างออกไป วิศาล กับ พุทธ กำลังจะเดินข้ามถนนมา พุทธเห็นคณะของรัตนาวดีก็ชะงัก ดึงวิศาลให้หันไปดู ทั้งสองคนจึงหลบเสียเพราะกลัวท่านดนัยเห็น
"ไหมล่ะ...บอกแล้วว่าต้องเจ" วิศาลบอก
"ท่าทางไอ้คนรถนั่นมันเอาเรื่องเหมือนกันนะ"
วิศาลมองหน้าพุทธ
"กลัวมันเหรอ...หน้ามันเหมือนญาติข้างไหนของแกเข้าหรือไง"
"ไม่ได้กลัว...แต่แกจะเข้าใกล้ท่านหญิง ถ้ามีมันคอยคุมงี้ก็ยาก ไหนจะยายแก่ปากมากนั่นอีก"
วิศาลทำท่ายะโส
"อะไรที่มันยากๆ อย่างนี้สิวะ ถึงจะสนุก...เราค่อยๆ แอบตามไปก่อนก็แล้วกัน"

วิศาล กับ พุทธ แอบมองคณะของรัตนาวดี
 
อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น