xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 8

คุณหญิงเทพสีหน้าพอใจ กำลังดูการ์ดโรงเรียนของเสาวนิตที่เชิญไปดูละครโรงเรียน โดยบริจาครายได้เข้าการกุศล

"ไม่ได้ไปดูละครโรงเรียนนานแล้ว...นี่แม่นิตเล่นเป็นนางเอกซะด้วย"
เสาวนิตกับคุณหญิงเจริญ นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ คุณหญิงเทพนั่งอยู่ที่ day bed เจริญยิ้มหน้าบาน คุณป้าทั้งสามนั่งปั้นธูปอยู่มุมหนึ่ง ส่วนเจียมนั่งอยู่ไกลออกไป
"เจ้าค่ะคุณหญิงแม่...ดิฉันก็ชักชวนพรรคพวกสนิทๆ ให้มาดูกันหลายคนเจ้าค่ะ"
"แล้วบอกให้ท่านเจ้าคุณรู้หรือยัง"
"บอกแล้วค่ะ...แต่ท่านเจ้าคุณก็ไม่ค่อยสนใจ ขนาดดิฉันจะให้ตระกลพาเพื่อนมาดูยังจะมาขัดดิฉันด้วย"
คุณหญิงเทพขมวดคิ้วทันที
"จะไปชวนไอ้ตระกลมันทำไม...อย่างพวกมันเอาไปก็ขายขี้หน้า"
เสาวนิตสีหน้าร้อนใจ เจริญรีบกลบเกลื่อน
"ก็...ตระกลเค้ามีเพื่อนเป็นลูกชายท่านเจ้าคุณพลรามวิทยาธร กับคุณหญิงแนบ ชื่อพ่ออานนท์...และก็เคยพายายนิตไปดูหนัง ดิฉันเห็นว่าพ่ออานนท์เค้าดีกับแม่นิตก็เลยอยากให้เขาไปดูแม่นิตเล่นละคร...ถึงต้องให้ตระกลไปด้วยเจ้าค่ะ"
"ลูกชายท่านเจ้าคุณพลรามเหรอ...เออ..ก๊กนี้น่ะผู้ดีทั้งขี้ทั้งขน ไม่อยู่หรูหรา แต่ที่ทางตั้งแต่สีลมไปติดแม่น้ำน่ะของเขาทั้งนั้นละ"
ป้าทั้งสามรีบสนใจ เสาวนิตตาโต สบตากับเจริญ หันไปยิ้มเยาะกับเจียม
ป้าพิศบอก "อะไรกันแม่นิต...มีลูกพระยามาติดแล้วเหรอนี่น่ะ"
"ก็คนของเรามันสวยหยอกที่ไหน...แม่เจริญ...ลูกยังไม่จบ จะมีเขยมาเคาะประตูบ้านแล้วเหรอยะหล่อน" ป้าเพริศบอก
คุณหญิงเจริญหน้าบาน เสาวนิตอายตกใจที่เรื่องที่ตัวเองอยากกุขึ้นมาเหมือนกลายเป็นที่สนใจแม้แต่ คุณหญิงเทพก็สนใจมาก
"คุณพี่เจ้าขา...เค้ายังไม่มาสู่มาขอ..ดิฉันยังไม่กล้าพูดค่ะ"
"รอให้เรียนจบซะก่อนค่อยคิดเรื่องนี้ไม่ดีเหรอแม่เจริญ"
คุณหญิงเทพโบกมือห้ามพรรณ
"ของอย่างนี้ใครเค้าจะรอ...ฉันน่ะมีผัวอายุ 16 เท่านั้นละย่ะ..ไม่งั้นจะมีลูกแก่ทันฉันอย่างพวกแกได้ไง..แล้วไงแม่เจริญ แน่ใจเหรอว่าลูกเจ้าคุณพลรามน่ะมาชอบแม่นิต"
"นี่แม่นิตจะสิบแปดแล้วนี่...มิน่า..." ป้าพิศบอก
"เค้าพาแม่นิตไปดูหนัง...แล้วก็พาไปทานข้าวที่บ้าน..ให้น้องสาวเค้าทำกับข้าวให้แม่นิตกิน...เอาอกเอาใจสารพัด"
คุณหญิงเทพหันไปจ้องหน้าเสาวนิต
"จริงเหรอแม่นิต...แล้วที่เขามาพาไปดูหนังน่ะไปกับใคร"
มั่งล่ะ

เสาวนิตยิ้มอายม้วนพอใจมากที่ทุกคนสนับสนุน พยายามให้ทุกคนรับรู้เห็นดีด้วยกับเรื่องที่
กุขึ้น...
"มีอาตระกล กับ คุณนงลักษณ์ น้องสาวคุณอานนท์ไปด้วยค่ะ...เขาพานิตไปที่บ้าน บ้านเขาสวยมากเลยค่ะคุณย่า เอ้อ...เขา...เอาใจนิตทุกอย่าง...เอ้อ...เค้ามานั่งข้างๆ นิด คุยแต่กับนิด..ถามถึงคุณพ่อ..คุณแม่ นิตก็เล่าเรื่องพวกเราให้เขาฟัง..เขาก็บอกว่าเขาอยากมาบ้านเรา"
ป้าพิศบอก "นั่นแหล่ะเขาทำถูก...เค้าให้เกียรติเราเพราะเค้าสนใจเรา"
ป้าเพริศขัด "เธอไม่เคยมีผู้ชายพาไปดูหนังแล้วรู้เรื่องกับเขาด้วยเหรอ"
ป้าพิศทำเชิดหน้า
"ฉันรู้ก็แล้วกัน...เธอน่ะแหล่ะไม่รู้อะไรซักอย่าง"
ป้าพรรณหันมาดุ
"จะมาเถียงเรื่องบ้าๆ บอๆ อะไรกันน่ะ"
คุณหญิงเทพยังอยากซักเสาวนิต
"ฟังๆ ดูแล้วพ่ออานนท์นี่ก็สนใจแม่นิตไม่น้อยละ"
"นิตก็ไม่รู้ว่าคุณอานนท์จะคิดยังไงค่ะ.. แต่เค้าดีกับนิตมาก...เค้าบอกว่าให้ถือว่าบ้านเค้าเป็นบ้านนิตค่ะ อยากมาได้ทุกเมื่อ...แล้วเค้าก็อยากพานิตไปเที่ยวกับเขาอีกค่ะ"
เสาวนิตโกหกหน้าตาเฉย คุณหญิงเทพ กับ พวกป้าสามคนตบอกผาง
"อย่าไปกับเขาสองต่อสองเชียวนะแม่นิต" ป้าพิศบอก
ป้าเพริศบอก
"ชักจะไม่ได้การแล้วซิ..มันต้องหมั้นหมายตบแต่งก่อนซิจ้ะ ถึงจะไปไหนมาไหนกันสองคนได้"
"ถ้าจะรักจะพอใจก็ให้เจ้าคุณพลราม กับคุณหญิงแนบมาคุยกัน"
เสาวนิตรีบห้าม
"นิตยังไม่อยากคิดเรื่องนี้หรอกค่ะ...นิตอยากเรียนให้จบก่อน"
"ย่าชักอยากจะเจอพ่ออานนท์แล้วเหมือนกัน...ให้เขาไปดูละครที่ยายนิตเล่นจะได้เจอกัน...แม่เจริญไปกำชับไอ้ตระกลให้พาพ่ออานนท์มาให้ได้นะ...ปะเหมาะเคราะห์ดี แม่จะได้บอกพ่ออานนท์ให้ไปพาท่านเจ้าคุณพลรามมาคุยกันบ้าง"
เจริญดีใจมาก เสาวนิตพยายามที่จะไม่แสดงความดีใจออกมามากเกินไป...
"ดีเจ้าค่ะคุณแม่...ดิฉันจะรีบบอกตระกลว่าคุณแม่สั่งมา"
"ป้าว่านะ...ถ้าคุณอานนท์นั่นได้เห็นแม่นิตเล่นละครละก็ รีบยกขันหมากมารุ่งขึ้นเลยละ" ป้าพิศบอก
เจริญหน้าบาน
"แหม...คุณพี่...ยังไงๆ ก็ต้องเจรจาสู่ขอกันก่อนละค่ะ... สินสอดค่าน้ำนมยายนิตน่ะ...ไม่ใช่น้อยๆ นะคะ"
เจริญกับ ป้าพิศ ป้าเพริศ พากันหัวเราะสนุก เสาวนิตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนป้าพรรณมองอย่างหมั่นใส้มาก

เสาวนิตเดินกลับไปตึกเจ้าคุณสุทธา เป็นเวลาค่ำแล้ว สีหน้าเสาวนิตมีความสุขพอใจ
"เจียมไม่นึกเลยว่าคุณท่านจะเห็นดีด้วยเรื่องคุณอานนท์"
"นั่นน่ะซิ...คุณแม่พูดถึงคุณนนท์ทีแรกฉันใจคอไม่ดี นึกว่าจะโดนคุณย่าด่าเปิงซะอีก"
"เจียมว่าเป็นเพราะคุณอานนท์น่ะรวยน่ะซิคะ..คุณท่านถึงอยากได้เป็นหลานเขย"
เสาวนิตหน้าเป็นทุกข์
"นั่นน่ะซิ...ป้าพิศ กับ ป้าเพริศก็พลอยสนับสนุนกันใหญ่... ฉันจะต้องทำให้คุณนนท์แต่งงานกับฉันให้ได้"
"จะทำยังไงล่ะคะคุณนิต...หนูเห็นคุณพิศ กับ คุณเพริศตื่นเต้นเรื่องคุณอานนท์หนูละงงจริงๆ สงสัยแกไม่ค่อยได้เจอะเจอกับเรื่องแบบนี้ วันๆ เอาแต่ควั่นธูป"
"ต้องให้คุณนนท์มาดูฉันเล่นละครให้ได้...เค้าทำท่าสนใจ ฉันเหมือนกัน...ถ้าเขาเห็นว่ามีผู้ใหญ่สนับสนุนแบบนี้"
"คุณนนท์ก็คงต้องมาขอคุณนิตแน่ๆ...แหม..คุณนิตนี่ฉลาดจริงๆ นะคะ"
ทั้งสองคนเดินผ่านเรือนคุณนายพลับ เสาวนิตรีรอมองหาเทอด
"เจียม...แกกลับไปตึกใหญ่ก่อน...ถ้าใครถามก็บอกว่าฉันท่องหนังสืออยู่บนห้อง ถ้ายายตุ๊ถามก็บอกว่าฉันอยู่กับคุณแม่"
เจียมหัวเราะเจ้าเล่ห์ทำหน้ารู้ทัน
"บอกแล้วว่าอย่าอ่านหนังสือปกขาวมาก...มันจะฟุ้งซ่าน"
เสาวนิตถลึงตา
"ทะลึ่ง...อย่าใส่กลอนประตูหลังบ้านล่ะ"

เจียมรีบเดินไป เสาวนิตมองไปทางเรือนคุณนายพลับยิ้มพอใจ

เทอดนั่งเอนสีหน้าหม่นหมองอยู่ที่ม้านั่งในสวนมะลิ เสาวนิตเดินเข้ามาเห็นก็ยิ้มพอใจ เทอดได้ยินเสียงเดินก็รีบหันมา พอเห็นเสาวนิตก็ดีใจมาก

"คุณนิต"
เทอดรีบผวาไปหาเสาวนิตที่ยืนยิ้ม พามานั่งที่ม้านั่งพลางตัดพ้ออย่างน้อยใจ
"ผมมารอคุณนิตทุกวัน...จนผมคิดว่าคุณนิตคงลืมเทอดคนนี้เสียแล้ว"
เสาวนิตส่งตาหวานจับมือเทอดไว้
"ฉันจะลืมเทอดได้ยังไง...ฉันคิดถึงเทอดใจจะขาด...แต่คุณแม่คุมฉันอย่างกับอะไรดี นี่ฉันหนีท่านมาได้ ก็รีบมาหาเทอดทันที"
เทอดจับมือทั้งสองของเสาวนิตมาจูบเนิ่นนาน จนสะเทิ้น
"ชื่นใจของไอ้เทอด...คุณนิตเหมือนกับดอกฟ้า ไอ้เทอดมันก็เหมือนหมาวัด ไม่มีวาสนาที่จะหมายปองดอกฟ้าหรอกครับ"
เสาวนิตมองเทอดด้วยสายตาหวานฉ่ำ
"แล้วถ้าดอกฟ้าจะโน้มกิ่งลงมาล่ะจ้ะ"
เทอดตัวสั่นด้วยแรงปราถนา
"คุณนิต...ชีวิตของเทอดเป็นของคุณนิต"
"จริงๆ นะ"
"เทอดขอสาบาน...ชีวิตของเทอด...เป็นของคุณนิตคนเดียว"
เสาวนิตทำท่าอ่อนระทวยในอ้อมกอด เทอดกอดเสาวนิตแน่นแล้วช้อนตาขึ้นมองเทอดๆ ก้มลงจูบ เสาวนิตยอมให้เทอดจูบหน่อยหนึ่ง แล้วก็ดิ้นรนลุกขึ้นหัวเราะแล้ววิ่งหนีไป เทอดแทบจะคลั่ง
"คุณนิต...คุณนิต"
เสาวนิตที่เดินหนีไป แต่สีหน้าพอใจมาก...

เสาวนิตวิ่งกลับเข้ามาในห้องนอน นิศากำลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ สีหน้าเสาวนิตมีความสุขมาก นิศามองอย่างสนใจ
"ไปทำอะไรมาพี่นิต...หน้าระรื่นเชียวนะ"
เสาวนิตหันไปมองนิศาตาเขียว
"ยุ่งน่า...ทำไมยังอยู่ในชุดนอนอีก"
เสาวนิตเดินมาดูนิศาอย่างอยากจะจับผิด
"แล้วนั่นอ่านหนังสืออะไร"
"ก็หนังสือเรียนน่ะซิ"
"อ่านทำไม เพิ่งเปิดเทอมไม่เท่าไหร่ ยังไม่สอบซักหน่อย"
เสาวนิตเดินมาลงนั่งหน้ากระจกด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ นิศามองค้อนๆ
"ถึงยังไม่สอบก็ต้องอ่านทบทวนที่เรียนมา"
เสาวนิตแปรงผมอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทางที่คิดว่าสวยเหลือเกิน
"อ่านทำไม...เสียเวลา"
"ก็เพราะพี่นิตคิดอย่างนี้ถึงได้สอบตกทุกปี...ทบทวนที่เรียนเมื่อวาน...จะได้จำได้แม่นขึ้น"
เสาวนิตหันมาทำตาเขียว
"จะอ่านก็อ่านไปซิทำไมต้องปากเสียมาว่าพี่อยู่เรื่อยนะตุ๊ ตัวเองเป็นน้องน่ะไม่ควรจะมาว่าพี่แบบนี้นะ...ทำไมต้องมาพูดว่าเรื่องนี้อยู่เรื่อย...นิสัยไม่ดี"
นิศาปิดหนังสือ
"ที่ตุ๊พูดก็เพราะหวังดี...ถ้าพี่นิตไม่ฟังก็ตามใจ"
"หวังดีหรืออยากจะพูดว่ากันแน่...ตัวเองน่ะรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด.....ไม่มีอะไรเทียบเขาได้สักนิด...
เลยต้องเอาเรื่องเรียนมาเป็นปมเขื่องอยู่ได้...น่าสมเพช"
นิศาลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวหันมามองเสาวนิตตาเขียวแล้วเดินออกไป เสาวนิตรีบไปหยิบหนังสือโป๊ใต้เตียง เอาหนังสือเรียนมาซ้อนไว้ด้านหน้า ลงนอนอ่านด้วยสีหน้ามีความสุข...

มุมสวยๆ ในร้านอาหารหรู โกศลนั่งอยู่กับวนิดา ทั้งสองคนทานอาหารเสร็จแล้ว บ๋อยเอากาแฟมาเสิร์ฟ
"คุณวนิดาทานอาหารนิดเดียว"
"นิดไม่ค่อยหิวค่ะ...ปวดหัวนิดหน่อย"
"ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเลยดีไหมครับ"
"คุณโกศลทานกาแฟก่อนเถอะค่ะ...นิดไม่ได้เป็นอะไรมาก"

วนิดาเหม่อมองไปทางอื่น โกศลมองอย่างใช้ความคิด...
"ปกติเวลาว่างคุณนิดชอบทำอะไรครับ"
"ก็ไม่แน่ค่ะ...ส่วนมากก็จะไปซื้อของกับคุณป้า."
โกศลยิ้มๆ
"ผู้หญิง กับการ shopping นี่แยกกันไม่ออกจริงๆ"
"แล้วคุณโกศลล่ะคะ...เวลาว่างชอบทำอะไร"
"อยู่ที่โน่น ถ้าว่างผมก็จะไปเล่นกีฬา...ตีกอล์ฟ ตีเทนนิส.. บางทีก็ไปขี่ม้า...แต่กลับมาที่นี่ได้แต่ตีกอล์ฟอย่างเดียว"
"ฉันมีเพื่อนที่ชอบเล่นกีฬาเหมือนกัน...คุณโกศลน่าจะรู้จักนะคะ ชื่อคุณอานนท์"
โกศลทำหน้าดีใจ
"ใช่อานนท์ วิทยาธร...หรือเปล่าครับ"
"ใช่ค่ะ"
วนิดาดูสดชื่นเมื่อพูดถึงอานนท์
"โอ้...ดีจริงๆ เราสนิทกันมากครับ"
"นั่นสิคะ...คุณนนท์ก็บอกอย่างนั้น" สีหน้าโกศลสงสัย "เอ้อ...ฉันเล่าให้คุณนนท์ฟังน่ะค่ะว่ากำลังจะหมั้นกับคุณโกศล..เค้าก็เลยบอกดิฉันว่ารู้จักกับคุณ"
"ผมอยากเจออานนท์มาก...จะเจอเขาได้ที่ไหนครับ"
"ตอนนี้เค้าไปทำงานอยู่ที่เมืองนนท์ค่ะ...ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ ถ้าคุณโกศลอยากไป...ฉันจะบอกทางไปให้ค่ะ"
โกศลยิ้ม
"ไม่ไปเที่ยวด้วยกันหรือครับ"
วนิดาคิดอยู่นิดหนึ่ง
"ไม่ละค่ะ....คุณนนท์คงอยากเจอคุณมากกว่าเจอดิฉัน"
วนิดาปิดอาการน้อยใจไม่มิด โกศลมองท่าทางวนิดาอย่างพิจารณา....

วันใหม่ โกศลนั่งเรือหางยาวมาจอดเทียบท่าคลองน้ำวน ก้าขึ้นมาบนฝั่ง มองไปรอบๆด้วยท่าทางสบายใจ

บริเวณลานเพลิน อานนท์ทำเครื่องขัดกะลาเล็กๆ ให้สุที่สามารถเอากระดาษทรายใส่ลงไปได้ เครื่องขัดกะลาเรียบเสมอดี อานนท์ใช้ใบเลื่อยตัดกะลาเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วมาขัดให้สุดู สุดีใจมาก
"เห็นไหมว่าเครื่องนี้ทำได้เร็วขึ้น...ลองจับดูซิ"
สุเอามือลูกขอบกะลาที่ขัดจนดีแล้วด้วยสีหน้าพอใจมาก
"เรียบลื่นมือดีจริงๆ"
สุยิ้มให้อานนท์อย่างดีใจ
"ขอบคุณมากนะคะ ไม่น่าเชื่อเลย...เอาเศษอะไหล่ที่ไม่ใช้มาทำเครื่องขัดกะลาให้ฉันได้...คุณเก่งมากคุณอานนท์"

สุชาดาพูดอย่างมีความสุข
"อีกหน่อยผมจะทำเครื่องปอกมะพร้าว เครื่องเจาะกะลา เครื่องร้อยสายสร้อยให้คุณอีกเอาไหม"
สุหัวเราะชอบใจ
"คุณทำเครื่องให้ฉันเยอะแยะ...ฉันกับชาวบ้านจะทำอะไรล่ะ พอดีเป็นง่อยกันพอดี"
"ถ้าคุณเป็นง่อย...ผมก็จะทำรถเข็นวิ่งได้ให้คุณ"
สุชาดาหยุดหัวเราะตาเขียว
"เรื่องอะไร...อย่ามาแช่งกันนะ"
"คนอย่างคุณไม่มีวันเป็นง่อยหรอก...ผมเห็นคุณมีเรื่องทำเยอะแยะ....อีกอย่างนะ ผมอยากให้คุณทำอาหารอร่อยๆ ให้ผมทานบ่อยๆ"
สุชาดาหรี่ตามองอานนท์
"เรื่องอะไรคุณจะมาใช้ฉัน"
"ไม่ได้ใช้...จะขอร้องน่ะ ขอร้องให้ทำอาหารให้ผมทานไง"
"ฉันทำไม่เป็น ไม่เคยทำ และไม่คิดอยากทำ มีแต่คนทำให้กิน"
อานนท์นิ่งไป....สนมเดินเข้ามาหา
"มีแขกมาพบนายช่างจ้ะ"
อานนท์กับสุชาดา หยุดหัวเราะแทบไม่ทัน หันมามองหน้ากัน
"ใคร"
โกศลเดินเข้ามาเห็นอานนท์ก็ยิ้มดีใจ อานนท์เห็นโกศลก็ดีใจมาก

"คุณโกศล..."
 
อ่านต่อหน้า 2

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 8 (ต่อ)

อานนท์นั่งคุยสบายๆ กับโกศล ที่เฉลียงด้านหลังกระท่อมโสภณ

"ผมต้องขอแสดงความยินดีกับคุณ และ วนิดาด้วยจริงๆ"
อานนท์จับมือแสดงความยินดีกับโกศล
"ขอบคุณมาก....แล้วคุณล่ะ...เมื่อไหร่จะมีข่าวดี"
อานนท์ทำหน้ากรุ่มกริ่ม
"กำลังรอให้แน่ใจอีกนิดหนึ่ง"
"ดีใจด้วยนะ...ที่ตามหาหัวใจตัวเองเจอ"
"คุณกับวนิดาแต่งงานกันแล้วจะไปอยู่ญี่ปุ่นใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับ...เทอมหน้าผมต้องไปประจำโตเกียว...แต่ไม่รู้ วนิดาเค้าจะอยากไปด้วยหรือเปล่า"
อานนท์ทำหน้าแปลกใจ
"วนิดาควรจะต้องไปด้วยนี่ครับ"
"เราพูดเรื่องนี่กันไปแล้ว แต่ดูเหมือนวนิดายังลังเลอยู่"
"ผมว่าคุณโกศลต้องอธิบายเหตุผล ความจำเป็นให้เธอฟัง"
โกศลยิ้มๆ
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณนนท์ ถ้าวนิดาไม่อยากไปผมก็คงไม่บังคับใจเขา"

น้ำเสียงโกศลไม่ได้สนใจเท่าไหร่จนอานนท์อดรู้สึกไม่ได้ สุชาดาเอาชุดน้ำชาเข้ามา
"ทานขนมกันก่อนนะคะ...มาสวนมะพร้าว แต่วันนี้มีกล้วยไข่เชื่อมให้ทาน"
สุชาดาจัดของว่างกับชุดน้ำชา อานนท์มองตามอย่างชื่นชม
"ที่นี่สวยมากนะครับ"
อานนท์พูดอย่างภูมิใจ
"สุเค้าจบอินทีเรียร์ครับ...เค้าเป็นคนแต่งที่นี่"
"ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกค่ะ...ส่วนใหญ่แม่ฉันเป็นคนออกแบบ"
"คุณโกศลนี่ไง ที่จะแต่งงานกับวนิดา"
"คุณสุรู้จักวนิดาแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ...คุณวนิดาเคยมาหาคุณนนท์ที่นี่"
"ผมมาทำงานที่นี่นาน...เพื่อนฝูงเลยตามหากันว่าหายตัวไปไหน แต่ผมมาอยู่ที่นี่แล้วไม่ทำให้คิดถึงกรุงเทพนี่ครับ"
"นั่นน่ะซิ....นี่ถ้าผมไม่เตือนตัวเองว่าอยู่เมืองนนท์ ผมคงคิดว่าตัวเองอยู่แถวๆ ตาฮิติ...เว้นแต่ไม่มีทะเล"
"แหม...ถ้าที่นี่มีทะเลผมคงเล่นสกีแล้วครับ..เสียดายไม่มี"
"แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าที่นี่ไม่มีสกี"
โกศลมองหน้ากับอานนท์ อานนท์ยิ้มสนุก
"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก"
"ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่"
อานนท์แปลกใจ

สุเปิดประตูห้องเก็บของขนาดใหญ่เข้ามา มีอานนท์กับโกศลเดินตามมาด้วย ในห้องมีอุปกรณ์สกีครบชุดวางไว้อย่างเรียบร้อย ผู้ชายทั้งสองตื่นเต้นมาก
"ผมเดินผ่านที่นี่ตั้งหลายหน ไม่รู้เลยว่าเก็บอุปกรณ์ไว้เยอะอย่างนี้"
โกศลเดินไปลูบคลำสกี
"โส กับ ฉันเล่นสกีกันบ่อย...เรามักจะไปเล่นที่แม่น้ำด้านหลัง" สุชาดาบอก
"ของฝรั่งเศสด้วยนะอานนท์ ดีที่หนึ่งเลย...อย่างนี้จะมีคนขอมาเล่นด้วย หวงไหมครับ"
สุชาดาหัวเราะ
"ไม่หวงหรอกค่ะ...เล่นหลายๆ คนสนุกดีซะอีก"
อานนท์มองสุชาดาอย่างพอใจ
"คุณเล่นสกีเป็นด้วยเหรอก...จะมีอะไรให้ผมแปลกใจอีกไหมนี่"
สุชาดายิ้มๆ
"มีอีกเยอะเลยละ"
อานนท์หัวเราะ
"คุณสะดวกวันไหนล่ะคุณโกศล...วันอาทิตย์หน้าดีไหม"
"วันอาทิตย์ดีเลย"
อานนท์หันไปมองหน้าสุชาดา
"คุณว่าไงล่ะ"
"ได้เลย...คุณโกศลชวนคุณวนิดามาด้วยสิคะ"
โกศลนิ่ง
"จะลองชวนดูก็ได้ครับ...แต่ไม่แน่ใจว่าเค้าจะมาหรือเปล่า"
อานนท์คิดอะไรขึ้นมาได้
"ผมคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง...ผมอยากชวนคุณไปรู้จักกับเพื่อนๆ ของผมบ้าง"
สุชาดาคิดนึดหนึ่ง
"จะดีหรือ...ฉันมันคนบ้านนอก เข้าสังคมคนกรุงของเพื่อนๆ คุณไม่เก่งหรอก"
อานนท์มองจริงใจ
"ถ้าคุณได้เจอเพื่อนๆ ผม คุณจะรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด...คุณเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครทั้งนั้น...ผมให้สัญญาว่าถ้าคุณได้พบพวกเค้า...คุณจะได้เพื่อนที่ดีๆ อีกหลายคน"
โกศลหัวเราะ
"น่าสนใจ...อย่างนี้ผมขอร่วมวงด้วยจะขัดข้องไหมครับ"
"ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ"
อานนท์ กับ โกศล ยิ้มให้กำลังใจสุชาดา

เวลาต่อมา วนิดาสีหน้าเฉยๆ
"ไม่ไหวค่ะ ฉันเล่นสกีไม่เป็น ไม่ไปดีกว่า"
"ผมก็บอกอานนท์ไว้อย่างนั้นเหมือนกัน...แต่คุณสุบอกว่าให้ชวนคุณมาให้ได้...ถึงไม่เล่นสกีก็มีอย่างอื่นที่น่าสนใจ"
วนิดาเชิดหน้านิดหน่อยอย่างถือดี
"คุณสุที่เป็นลูกสาวเจ้าของสวนมะพร้าวน่ะเหรอคะ"
"ครับ...ดูท่าคุณนนท์จะติดใจคุณสุ"
วนิดาหันขวับมา พยายามควบคุมตัวเองให้เป็นปกติทั้งๆ ที่กำลังไม่พอใจคำพูดโกศล
"คุณโกศลแน่ใจเหรอคะ"
โกศลนิ่งคิด แล้วก็พยักหน้า
"คุณนนท์บอกว่ากำลังดูใจกับใครคนหนึ่ง...ผมเลยเดาว่าเป็นคุณสุ...เพราะท่าทางเค้าสนิทสนมกัน"
วนิดาหัวเราะ
"คุณนนท์น่ะช่างคุย...สนิทกับคนง่าย...ไม่แน่หรอกค่ะที่คุณนนท์สนิทกับใครแล้วแปลว่าชอบคนนั้น"
โกศลยิ้มๆ
"อย่างนั้นเหรอ...สมัยอยู่เมืองนอกเค้าก็มีผู้หญิงมาสนใจ ตัวเค้าก็ไปสนใจผู้หญิงหลายคน...แต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกัน...อาจจะจริงอย่างที่คุณดาพูดก็ได้"
วนิดาตัดสินใจ)
"ฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ...ฉันจะไปเมืองนนท์กับคุณโกศลด้วย"
โกศลนิ่งนิดหนึ่ง
"ดีครับ...ผมว่าคุณคงไม่เบื่อหรอกที่ต้องเป็นคนนั่งดูเท่านั้น"
ประภาเดินมา
"หนูดา...ช่างนวดตัวมาแล้วลูก ป้าให้เขาจัดห้องไว้แล้ว"
"อย่าลืมจุดเทียนหอมด้วยนะคะ...คราวที่แล้วไม่ได้จุดน่ะพอนอนนวดนานๆ แล้วมันอึดอัด"
ประภายิ้มเอาใจ
"ป้าไปเตรียมให้หนูดาเองเลยลูก...คุณโกศลนั่งเล่นไปก่อนดีไหมคะ...หนูดาน่ะนวดตัวซักชั่งโมงกว่าๆ...เสร็จแล้วคุณโกศลจะได้พาน้องไปทำผมที่ประตูน้ำ"
วนิดาลุกขึ้นเดินไป โกศลทำหน้าเก้อๆ
"ถ้าคุณดามีงานเย็นนี้ผมมาใหม่ก็ได้ครับ"
"ไม่ได้มีงานอะไรหรอกจ้ะ...หนูดาเค้าก็ทำของเค้าอย่างนี้มานานแล้ว...ต่อไปคุณโกศลจะได้ดูแลน้องถูกไงจ้ะ"
"อ๋อ..ครับ..แล้วพอทำผมที่ประตูน้ำแล้วคุณดาต้องไปไหนอีกครับ"
"ก็พากันไปดูข้าวของนิดๆ หน่อยๆ สำหรับเอาไปใช้เมืองนอกดีไหมล่ะ...ตอนนี้ป้าก็เตรียมเสื้อผ้าหนูดาบ้างแล้วนะ"
โกศลยิ้มไม่ค่อยออก
"เอ้อ...ครับ"
"ซื้อของแล้วก็พากันไปทานข้าวโฮเต็ล...ดีไหมคะ...หนูดาเค้าใช้ชีวิตแบบนี้ละค่ะ ง่ายๆ พ่อโกศลน่ะ..จำเป็นนะ..จำเป็นต้องรู้ว่าน้องกินน้องอยู่ยังไง...อีกหน่อยอยู่กินกันไปจะได้รู้ใจน้อง"
"ครับ"
ประภาเดินกลับไป โกศลรู้สึกเหนื่อย

สามคนแม่ลูกนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น ตวันยิ้มๆบอก
"แม่คิดว่าคุณอานนท์เค้าหวังดีกับเรานะ"
"โสก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน อันที่จริงตอนนี้คุณอานนท์ก็ไม่ได้เป็นแค่วิศวกรที่เราจ้างมาทำงานเท่านั้น...โสว่าเค้าเป็นเพื่อนของเราไปแล้วด้วย"
สุชาดาเดินไปมาอย่างใช้ความคิด ตวันพยักหน้าเห็นด้วยกับโสภณ
"แม่ก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน...อาจเป็นเพราะอายุเค้าก็ไม่ได้ห่างจากโส กับ สุ มากนัก"
"แม่คิดว่าเพื่อนของนายอานนท์เค้าจะยอมรับโสกับสุเหรอคะ"
โสภณยิ้มสบายใจ
"เรื่องนั้นโสไม่ห่วงหรอก...อย่างที่คุณนนท์เค้าบอกสุน่ะแหล่ะ เราจะได้เพื่อนอีกหลายคนซะด้วยซ้ำ...ถ้าเป็นอย่างนั้น โสจะได้เพื่อนเล่นกีฬาอีกด้วยนา"
"แม่แน่ใจว่าใครก็ตามที่ได้รู้จักโสกับสุ จะต้องดีใจที่ได้เพื่อนอย่างนี้เหมือนกัน แต่ถ้าไม่ดี เราก็กลับบ้านเรา ไม่ต้องไปสนใจพวกเค้าอีก ถือซะว่า...เราได้เรียนรู้คนมากขึ้นดีไหม"

ตวันเดินมาจับหัวสุชาดาโยกเบาๆ อย่างให้กำลังใจ สุชาดายิ้มกับตวัน...

วันใหม่ ตระกลขับรถโดยมีอานนท์นั่งอยู่ข้างๆ

"อานนท์...ฉันมีเรื่องปรึกษานายเรื่องหนึ่ง"
อานนท์หยุดหันมา
"เรื่องอะไรหรือ"

ตระกลอึดอัด
"ฉันมีเรื่องจะต้องรบกวนนาย"
อานนท์หัวเราะ
"บอกได้เลย...ทำไมท่าทางนายต้องเครียดด้วยล่ะ"
ตระกลถอนใจ
"คือ...คุณหญิงเจริญ เค้าอยากให้ฉันชวนนายไปดูละครโรงเรียนยายนิต"
"เอาซิ...เมื่อไหร่ล่ะ"
ตระกลหนักใจ
"ฉันก็ลืมดูวันที่ในการ์ด...พรุ่งนี้ฉันจะเอาการ์ดเชิญไปให้ที่บ้านนายก็แล้วกัน"
"ฝากนงลักษณ์ไว้ได้เลย"
ตระกลทำท่าโล่งใจ
"ขอบใจมากนะนนท์...คุณหญิงเจริญแกคาดคั้นฉันให้ชวนนายไปให้ได้ ยายนิตเค้าอยากตอบแทนที่นายพาไปดูหนัง ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง พยายามหลบแล้วแต่แกคอยคาดคั้นแทบทุกวัน"
อานนท์หัวเราะ
"ที่ฉันไปก็เพราะนายจะได้ไม่ต้องคอยหลบหน้าใครอีกหรอก"
อานนท์ตบบ่าตระกล
"สบายใจได้...ไปบอกคุณหญิงเจริญเลยว่าฉันจะไป"
ตระกลโล่งอกที่ได้บอกอานนท์
"แล้วนี่นายเปลี่ยนใจที่จะอยู่ทานข้าว ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ของกันหรือเปล่า"
"เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ กันนัดผู้ใหญ่ไว้หลายคน คุยเรื่องสวนยางทางใต้น่ะ"

ประวิช กับ สมศักดิ์เล่นเทนนิสเพิ่งเสร็จจะเดินเข้ามาในห้องอาหารของสโมสร อานนท์เดินเข้ามาพอดี ประวิชมองอย่างไม่แน่ใจ แต่พอเห็นอานนท์ก็ดีใจ
"เฮ้ย...อานนท์"
ประวิชดีใจรีบเดินมาหา
"hello ประวิช"
"หายหน้าหายตาไปไหนมา"
"ฉันไปทำงานที่เมืองนนท์"
"งานเสร็จแล้วใช่ไหมถึงได้มาได้"
"เหลืออีกนิดหน่อย...เจอนายสองคนก็ดีแล้ว..ฉันอยากให้พวกนายได้รู้จักใครบางคน"
"ใครบางคน...หางเสียงแบบนี้แปลว่าไม่ธรรมดา"
"ผู้หญิงแหงๆ"
"Yes sir"
"นึกแล้ว"
"เข้าไปนั่งข้างในดีกว่า...นายน่ะหายไปซะนาน มาเล่าอย่างละเอียดหน่อยนะ"
ทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องอาหารของสโมสร...

โสภณ กับ สุชาดาลงจากรถสามล้อรับจ้างหน้าสโมสร สุชาดาแต่งตัวสวย แต่สีหน้ากังวล
"โส...โส...กระโปรงสุยับไหม"
"ไม่หรอก...มองไม่ค่อยเห็นหรอกสุ"
"แล้วผมสุล่ะ...ยุ่งไหม"
โสภณยิ้ม
"สวยแล้วจ้ะ ทำไมสุดูตื่นเต้นจัง แค่มาทานข้าวกับคุณนนท์ เราก็เคยทานข้าวด้วยกันมาตั้งหลายครั้งแล้วนี่"
"ไม่ได้ตื่นเต้นสักหน่อย...แค่อยากให้ดูดีเท่านั้นเอง"
สุชาดาเดินนำไป มีพนักงานออกมาต้อนรับ ด้วยสีหน้าเฉยเมย
"ขอโทษครับ...มาพบใครครับ"
"เรานัดกับคุณอานนท์ไว้ครับ"
พนักงานยิ้มแย้มอย่างดีทันที
"คุณโสกับคุณสุใช่ไหมครับ"
"ครับ"
"เชิญทางนี้เลยครับ"
พนักงานเดินนำโสภณ กับ สุชาดาเข้าไป สองพี่น้องยิ้มมองหน้ากัน

พนักงานพาทั้งสองมาที่ห้องอาหารสโมสร อานนท์ดีใจมาก รีบลุกขึ้นมา พนักงานเดินกลับไป เพื่อนๆ อานนท์พากันมองสองพี่น้องอย่างสนใจ
"ดีใจจริงๆ ที่คุณมา"
"รับปากว่าจะมาก็มาสิครับ"
อานนท์มองสุชาดาด้วยสายตาพึงพอใจ จนเธอรู้สึกเขิน
"เชิญเลยครับ...มารู้จักกับเพื่อนๆ ผม"
อานนท์พาทั้งคู่ไปที่โต๊ะ เพื่อนๆ อานนท์ยืนรอรับอยู่ที่โต๊ะอาหาร
"ขอแนะนำให้รู้จักเพื่อนๆ ของผมนะครับ...นี่ประวิช คุณสมศักดิ์...เอ้อ..ขอแนะนำให้พวกนายรู้จัก คุณโส และคุณสุ...เจ้าของสวนมะพร้าวที่คลองน้ำวน"
เพื่อนๆ พากันมองทั้งคู่อย่างเป็นกันเอง
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"เชิญนั่งเลยครับ...ดีใจที่ได้รู้จักครับ" สมศักด์บอก
"นายนนท์ไปก่อเรื่องที่สวนของคุณบ้างหรือเปล่าครับ" ประวิชถาม
"ไม่หรอกครับ...คุณนนท์ช่วยเหลือพวกเราไว้มาก"
"จริงเหรอครับ...ไม่น่าเชื่อ"
"อย่าเผากันซิประวิช"
อานนท์หัวเราะชอบใจกับประวิช
"นายไปทำอะไรที่สวนมะพร้าว"
"ไปติดตั้งเครื่องจักร"
"แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ"
"ก็จวนแล้ว"
สมศักดิ์บอก
ไสั่งอาหารกันดีกว่า...คุณสุ กับคุณโสคงหิวแล้วละ"
สมศักดิ์เรียกบริกร อานนท์มองหาโกศลกับวนิดาที่ยังไม่มา
"นายนัดใครไว้อีก" ประวิชถาม

อานนท์มายืนคอยโกศลที่ด้านหน้าของสโมสร เป็นจังหวะเดียวกับที่โกศลพาวนิดาเดินเข้ามาพอดี
"คุณโกศล วนิดา...ผมนึกว่าคุณโกศลจะไม่มาเสียอีก"
"ต้องขอโทษที่มาช้าครับ"
วนิดาเห็นอานนท์ก็ดีใจมาก
"นี่ก็ยังไม่ช้าเกินไปหรอก"
แล้วอานนท์ก็หันไปหาวนิดา
"วันนี้คุณสวยมากครับ...มารู้จักกับเพื่อนๆ ผมดีกว่าครับ"
อานนท์พาโกศลกับวนิดามาที่โต๊ะเพื่อนๆ
"สวัสดีครับ...วันนี้เป็นวันรวมญาติของนายเหรออานนท์" ประวิชว่า
"ก็นานๆ จะได้มาเจอเพื่อนก็เลยนัดพร้อมๆ กันซะเลย"
วนิดาสะดุดสายตาที่สุชาดาซึ่งนั่งที่โต๊ะ
"วนิดาจำคุณสุได้ไหม...เคยพบกันแล้วที่คลองน้ำวนไง" อานนท์ถาม
สุชาดายิ้มให้วนิดาอย่างมารยาทดี วนิดายิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง
"จำแทบไม่ได้เลยค่ะ...ถ้าคุณนนท์ไม่บอกดาจำคุณสุไม่ได้แน่นอน"
"ทำไมล่ะจ้ะ..เพิ่งไปพบกันไม่นานนี่นา" โกศลบอก
"ก็คุณสุวันนั้น กับคุณสุวันนี้แตกต่างกันเหลือเกินนี่คะ"
อานนท์พูดอย่างภูมิใจ
"จะบอกว่าสวยขึ้นใช่ไหมวนิดา"
วนิดาแอบอึ้งนิดหนึ่ง
"ใช่ค่ะ...วันนี้คุณสุสวยมาก"
สุไม่เขิน มองวนิดายิ้มๆ
"ขอบคุณค่ะ"

โกศล กับ วนิดาลงนั่งที่โต๊ะอานนท์ กับเพื่อนๆ อานนท์นั่งติดกับสุ ยิ้มให้สุอย่างให้กำลังใจ วนิดารู้สึกหึงหวงอานนท์ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้...
 
อ่านต่อหน้า 3

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 8 (ต่อ)

ผ่านเวลา ...ภายในห้องอาหารสโมสร บริกรกำลังเก็บอาหาร อานนท์นั่งติดกับสุชาดาคอยเอาใจ วนิดาแอบมองอย่างน้อยใจ

"วันนี้กลับเมืองนนท์เลยหรือเปล่าครับ"
"ครับ" โสภณบอก
"ถ้าอย่างนั้นผมจะไปส่งคุณสองคนที่ท่าเรือเอง"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ฉันกับโสอาจจะไปเดินเล่นแถวๆ นี้กันก่อน"
"ถ้าอย่างนั้นขอผมไปเดินเล่นด้วยนะ"
"ใจคอจะคุยกันสามคนหรือยังไง...อยู่ที่โน่นก็คุยกันไม่พอเหรอ" ประวิชว่า
โสภณหัวเราะ แต่สุอายหน่อยๆ วนิดาหันหน้าหนี...บริกรเอาไอศครีมมาเสิร์ฟให้สุชาดา กับโสภณ และอานนท์
"ไอศครีมลิ้นจี่...ลองชิมสิครับ"
สองพี่น้องตักไอศครีมทาน
"อร่อยครับ...อย่างนี้ที่สวนไม่มีทาน" โสภณหัวเราะ
"ผมจะหากระติกดีๆ ซื้อใส่ไปฝากคุณแม่พวกคุณ" อานนท์ว่า
"ลองดูก็ได้ค่ะ...แต่ฉันกลัวมันจะละลายซะก่อน"
"คุณแม่พวกคุณเก่งนะคะที่ทำสวนมะพร้าวซะใหญ่โต" วนิดาบอก
สุชาดามองวนิดายิ้มๆ
"ทีแรกมันก็ไม่ได้ใหญ่อย่างนี้หรอกครับ...ทำไปทำมา ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้"
"แล้วคุณพ่อล่ะคะ...วันที่ฉันไปไม่พบคุณพ่อพวกคุณ"
สองพี่น้องมองหน้ากัน
"คุณพ่อไม่อยู่ครับ"
วนิดายังอยากซักต่อ
"อย่างนี้ก็แปลว่าคุณพ่อพวกคุณทำงานที่อื่น...ท่านพักอยู่ที่ไหนหรือค่ะ ท่านชื่ออะไรคะ เผื่อบางทีพวกผู้ใหญ่อาจรู้จักกันก็ได้"
อานนท์สังเกตุเห็น สุชาดาสีหน้าไม่ดี
"อาจจะไม่รู้จักก็ได้นะ" อานนท์บอก
"คุณนนท์คะ...คุณก็รู้นี่ว่าคุณพ่อของพวกเราน่ะรู้จักกันหมด..คุณพ่อคุณก็เคยรู้จักคุณพ่อดา คุณพ่อประวิชก็รู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน ดาว่าคุณพ่อของคุณสุ กับคุณโสต้องรู้จักคุณพ่อพวกเราแน่ๆ ถ้าไปบอกชื่อคุณพ่อคุณสุกับคุณพ่อคุณนนท์ คุณพ่อคุณประวิชต้องร้องอ๋อทันที"
ประวิชก็รู้สึกถึงท่าทางผิดปกติของสองพี่น้องเหมือนกัน
"ทำไมต้องอ๋อล่ะครับ...อาจจะอ๋อ ไม่รู้จักหรอก"
ทุกคนหัวเราะ สองพี่น้องพยายามยิ้มๆ โกศลต้องการเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วเรื่องเล่นสกีว่ายังไงครับ"
ประวิชสนใจทันที
"สกีอะไร"
"ที่บ้านคุณสุมีสกีครบชุด เล่นในแม่น้ำที่เมืองนนท์...ผมเลยนัดกับคุณนนท์ว่าจะไปสกีกันวันอาทิตย์หน้า...มีใครสนใจไหมครับ ขออนุญาตถามแทนเจ้าของบ้าน...เพราะคุณสุบอกว่าเล่นกันหลายๆ คนสนุกดี"
โสภณยิ้มสนุก
"เชิญครับ...สกีต้องเล่นหลายๆ คน...ผมกับสุก็ไม่ได้เล่นนานแล้ว"
"ผมก็ไม่ได้เล่นสกีมาเป็นชาติแล้วครับ...แหม..เสียดาย ปริศนาเล่นไม่ได้เสียแล้ว"
"จริงสิ...ปริศนาเล่นสกีเก่งมาก...ทำไมจะเล่นไม่ได้"
ประวิชยิ้ม
"ปริศนาท้อง...ท่านชายรับสั่งไม่ให้ซนทุกอย่าง"

อานนท์ กับ โกศลดีใจ
"ปริศนาท้อง...เป็นข่าวดีจริงๆ"
โกศลบอก
"ไปพบกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อน...ยังไม่เห็นพูดถึงเลย"
"อ้าว...คุณโกศลรู้จักปริศนาด้วยเหรอครับ"
"ครับ...คุณนนท์ลืมไปเหรอครับว่าผมเป็นผู้ช่วยของคุณหลวงวิรัชที่ ดีซี"
อานนท์หัวเราะ
"จริงสิครับ...แต่ผมไม่ยักเคยเจอปริศนาที่นั่น...มาเจอกันที่เมืองไทยเลย"
"แหม...โลกมันกลมจริงๆ"
โสภณกับสุชาดาฟังทุกคนคุยถึงปริศนา อานนท์หันมา
"ปริศนาเป็นเพื่อนของผมกับประวิช...อาของปริศนาคือ หลวงวิรัชทูตที่ดีซี...ตอนเด็กๆ ปริศนาอยู่กับคุณหลวง... เค้าแต่งงานกับท่านพจน์..แล้วผมจะแนะนำคุณสุให้รู้จักกับปริศนา...น่าจะถูกคอกัน...จริงไหมประวิช"
"แหงอยู่แล้ว"
สุชาดายิ้ม
"ดีจังเลยนะคะเป็นเพื่อนกันหมด"
"ก็นั่นน่ะสิคะ...พวกเรามักจะรู้จักโยงใยกันอย่างนี้เพราะเป็นระดับของพวกเรา" วนิดาบอก
"แต่ตอนนี้เรามาดื่มฉลองที่พวกเราได้รู้จักกันในวันนี้ดีกว่าครับ...แล้วก็ดื่มฉลองให้นายนนท์ที่ได้มาหาเพื่อนหลังจากหายหัวไปนานมาก"
ทุกคนเอาแก้วมาชนกัน "เชียร์"

ตอนค่ำ ตระกลกลับมาถึงบ้าน กำลังเดินขึ้นไปบนตึก ตุณหญิงเจริญนั่งถอดไพ่รออยู่ เจียมคอยเอาพัดโบกไล่ยุง พอคุณหญิงเห็นตระกลกลับมาก็หน้าบึ้ง
"ทำไมกลับมาป่านนี้"
ตระกลชะงัก สีหน้ายุ่งยากใจ
"ผมก็กลับของผมอย่างนี้ทุกวัน"
คุณหญิงเจริญรวบไพ่เก็บ หันมาจ้องหน้าตระกล
"แล้วว่าไงเรื่องพ่ออานนท์...บอกเค้าหรือยังว่าฉันเชิญให้เขาไปดูละครโรงเรียนยายนิต..นี่คุณหญิงเทพท่านก็กำชับมานะว่าให้ชวนพ่ออานนท์ไปให้ได้"
ตระกลแปลกใจ
"ทำไมคุณหญิงเทพถึงอยากให้อานนท์ไปดูละครด้วยครับ"
คุณหญิงลุกพรวดขึ้นแสดงฤทธิ์ทันที
"มันไม่ใช่เรื่องของเธอ...ในเมื่อคุณหญิงท่านสั่งเธอก็ต้องทำตามได้ยินไม๊"
ตระกลคิดนิดหนึ่ง ไม่บอกว่าอานนท์รับปากแล้ว
"แล้วถ้าอานนท์เค้าไม่ว่างล่ะครับ"
"ฉันถึงได้บอกให้รีบไปบอกพ่ออานนท์เค้าไง...บอกเค้าด้วยว่าคุณหญิงเทพวิสุทธิ์เชิญเขา...ลองว่าผู้ใหญ่ขนาดนี้เชิญให้เขามา ถ้าเขาไม่มามันก็เสียมารยาทเกินไปละ"
"ผมยังไม่กล้ารับปาก"
คุณหญิงเจริญตาลุก
"นี่...เรื่องแค่นี้ไม่กล้ารับปากเหรอ นึกไว้ซะบ้างซิ มาอยู่ที่นี่น่ะ เคยทำประโยขน์อะไรให้ที่นี่บ้าง นิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ที่นี่แล้ว"
เจริญสะบัดหน้าเดินขึ้นไป เจียมรีบก้มหน้าก้มตากลับไปด้านหลัง จบหน้าตระกลโกรธมาก...

เจ้าคุณสุทธาอยู่ในห้อง ถือการ์ดงานโรงเรียนของเสาวนิตไว้ในมือ สีหน้าใช้ความคิด
"แปลกจริงๆ ทำไมแม่เจริญ กับ คุณแม่ถึงอยากให้เพื่อนของตระกลมาดูเสาวนิตเล่นละครโรงเรียน"
"ถ้าลำพังคุณหญิงเจริญผมก็พอจะเข้าใจว่า เสาวนิตอยากตอบแทนที่อานนท์พาไปดูหนัง...แต่พอคุณหญิงเทพ"
"นั่นน่ะสิ...แม่เจริญไปเกลี้ยกล่อมคุณแม่ทำไมก็ไม่รู้...นี่ก็เห็นว่าจะยกขโยงกันไปดูทั้งบ้าน"
ตระกลยิ้มๆ
"มันก็นานทีปีหนบ้านเราถึงจะมีเรื่องสนุกๆ อย่างนี้กระมังครับคุณพี่...แต่ผมบอกอานนท์ไปแล้วเค้าก็รับปากจะไป"
เจ้าคุณสุทธาถอนใจ
"เด็กรุ่นเดียวกับเสาวนิตเค้าก็จบแปดกันไปหมดแล้ว... ลูกพี่แต่ละคน คิดแล้วมันหนักใจจริงๆ"
"ทำไมคุณหญิงเทพถึงเอาไพจิตรไปเลี้ยงเองล่ะครับ"
"คุณแม่น่ะมีความคิดที่ว่าลูกผู้ชายสำคัญกว่าลูกสาว อยากจะเอาไปอบรมสั่งสอนเอง ผลที่ได้...ไพจิตรกลายเป็นเด็กขี้กลัวไม่กล้าแม้แต่มองหน้าพี่...ลนลานไปหมด มีลูกชายกับเค้าคนนึง...แทนที่จะปราดเปรียวแจ่มใส...กลายเป็นเด็กขี้โรคมีปัญหา"
ตระกลพยายามปลอบใจ
"แต่ยายตุ๊ก็ดีนี่ครับ...ขยันเรียน...เห็นว่าจะสอบแข่งกับเพื่อนจะเอาที่หนึ่งให้ได้"
เจ้าคุณสุทธาพยักหน้า
"ยายตุ๊เอาตัวรอดเรื่องเรียน แต่ก็เหมือนเด็กมีปัญหา ดูว่าติดจะก้าวร้าวชอบอวดเบ่ง...จะดีก็แต่บางคนที่เขาพอใจเท่านั้น แต่จะนับไปในบรรดาลูกทั้งสามคน ยายตุ๊ก็ดูจะได้เรื่องได้ราวกว่าพี่ๆ"
ตระกลคิดอยู่นิดหนึ่ง แต่ก็พูดอย่างเกรงใจมาก
"ผมคิดว่า...เอ้อ...ถ้าเด็กๆ ได้มาใกล้ชิดคุณพี่...อาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะครับ"
เจ้าคุณสุทธามองหน้าตระกลนิ่ง
"มันติดอยู่ที่แม่เจริญนี่แหล่ะ คุณแม่ให้ท้ายแม่เจริญมากไม่เคยถามความเห็นพี่ซักคำ แม่เจริญเค้าเห็นพี่แยกห้องลงมาเค้าก็โวยวายว่าต่อแต่นี้ถึงจะร่วมบ้าน แต่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับกับเขากับลูก พี่เบื่อจริงๆ นะตระกล"
"ไม่น่าเชื่อนะครับ...คนเคยรักกันแต่งงานกัน...จะหมางเมินกันได้ขนาดนี้"
เจ้าคุณสุทธามองหน้าตระกล
"พี่ไม่เคยรักกับเจริญ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณแม่เป็นคนจัดการทั้งหมด...พี่มันก็บ้าที่ยอมให้เค้าบังคับ...พี่วินิจมาเสียไป วิรัชก็หนีไปเมืองนอก...เหลือพี่คนเดียวที่โง่ยอมให้คุณแม่บังคับ"
"แล้ว....เอ้อ...คุณพี่....เคยชอบผู้หญิงคนอื่นมาก่อนหรือเปล่าครับ"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าหม่นหมอง
"อย่าไปพูดถึงเลย...ชีวิตพี่มันตายไปตั้งแต่วันที่แต่งงานกับแม่เจริญแล้ว"
เจ้าคุณสุทธาเอามือปิดหน้าถอนใจแล้วลุกเดินไป ตระกลมองอย่างเห็นใจ

"โธ่...คุณพี่"

เช้าวันใหม่ คุณหญิงเทพนั่งกินอาหารเช้า มีเจริญมานั่งใกล้ๆ พรรณนั่งปอกผลไม้ใกล้ๆ

"ดี...กำหราบมันอย่างนั้นซะบ้างละดี...เลี้ยงเสียข้าวสุก มันนึกว่าเป็นวิศวกรมีงานทำแล้วจะทำมาคอแข็งที่นี่เหรอ ยังไงๆ มันก็ลูกอีเมียน้อยวันยังค่ำ...ถ้ามันเอาตัวพ่ออานนท์มาไม่ได้...ฉันนี่ละจะเฉดหัวมันออกจากที่นี่"
"ท่านเจ้าคุณไม่ยอมแน่ๆ เจ้าค่ะ...ท่านรักน้องของท่านคนนี้ยังกับอะไรดี เอาอกเอาใจให้เกียรติ แหม..
เวลาต้องร่วมโต๊ะทานข้าว ดิฉันกินแทบจะไม่ลง"
คุณหญิงเทพตาโต
"ท่านเจ้าคุณให้มันมานั่งกินข้าวด้วย...เอเจ้าคุณนี่ยังไง อย่างมันน่ะกินในครัวก็ดีถมไปแล้ว...มิน่า มันถึงกำเริบ ไอ้พวกนี้มันห่างมือห่างตืนมากไป...นังพลับ นังแววก็เหมือนกัน...หมู่นี้ไม่มีส่งมาละ ขนูกขนม"
พรรณบอก
"ก็คุณแม่ตัดเงินเขาหมด...พวกเขาต้องหาเงินใช้กันเอง หมู่นี้เห็นว่าไม่ค่อยสบายกัน ทำของขายไม่ไหว"
"ดี...ให้มันตายๆ กันไปซะ อยู่ไปก็รกบ้าน แม่เจริญคอยกำชับไอ้ตระกลไว้นะ...อีกไม่กี่วันก็ถึงวันงานแล้ว"
"ดิฉันละกลัวท่านเจ้าคุณจะมาเล่นงาน ที่ดิฉันไปเคี่ยวเข็ญน้องชายเขา"
คุณหญิงเทพเลิกทานอาหาร สีหน้าขึงขัง
"ก็ลองดูสิ...ท่านเจ้าคุณจะเห็นลูกอีเมียน้อยดีกว่าแม่ ก็ให้มันรู้ไป"
พรรณหนักใจ...

ภายในห้อง วันเดียวกัน วนิดากำลังค้นตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มไปหมด ประภาเดินเข้ามาดู
"ทำอะไรลูกหนูดา...ค้นเสื้อผ้าเต็มไปหมด"
วนิดาก้มหน้าค้นไปตอบไป
"หาชุดว่ายน้ำค่ะ...ตัวที่เป็นของฝรั่งเศส.....นี่ เจอแล้ว"
วนิดาหยิบชุดว่ายน้ำออกมากางให้ประภาดู
"สวยไหมคะ"
"ป้าว่ามันจะโป๊มากไปนะลูก"
วนิดาเอาชุดว่ายน้ำใส่กระเป๋าใบเล็ก
"สมัยนี้เค้าก็ใส่อย่างนี้ละค่ะ...ฝรั่งน่ะเค้าใส่บีกินี่นะคะ"
"แต่เราคนไทยนะจ้ะ...หนูจะเอาไปใส่ที่ไหน...จะไปเที่ยวกับคุณโกศลเหรอ"
"คุณโกศลเค้าจะพาหนูไปเล่นสกีค่ะ"
"เล่นสกี...ตายจริง..อันตรายนะลูก หนูอย่าเล่นเลย"
"หนูไม่เล่นหรอกค่ะ...แต่หนูอยากโชว์ให้คนบางคนเห็น"
"คุณโกศลจะไปเล่นสกีที่ไหน"
วนิดาลงนั่งสีหน้าดูถูก
"คุณนนท์เค้าชวนคุณโกศลไปเล่นสกีที่...ก็ที่สวนคลองน้ำวน ก็ที่สวนมะพร้าวของพวกบ้านนอกนั่นละค่ะ"
ประภามองวนิดาอย่างพิจารณา
"แล้วไอ้ชุดว่ายน้ำชุดนี้...หนูจะใส่ไปอวดคุณโกศล หรือว่านายอานนท์กันแน่"
"ไม่ใช่ทั้งสองคนนั่นหรอกค่ะ...หนูอยากไปใส่อวดแม่สาวชาวสวนที่คุณนนท์ไปสนใจต่างหาก...สาวบ้านนอกอย่างนั้นอย่างดีก็คงใส่แค่กระโจมอก"
วนิดายิ้มสะใจ...

อานนท์กับโกศล เล่นสกีบนแม่น้ำใกล้ๆ คลองน้ำวน อานนท์สีหน้ามีความสุขมาก

บริเวณเรือนริมน้ำสำหรับนั่งพักจากเล่นสกี สองหนุ่มเดินขึ้นมาจากสกี ประวิชนั่งทานขนม
"เป็นไงประวิช...ชอบที่นี่ไหม"
"ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองนะ...ใครไปบอกก็ไม่เชื่อว่า จะมีบ้านแบบนี้อยู่ในคลองน้ำวน"
"ถ้าอย่างนั้นก็มาบ่อยๆ นะครับ" โสภณเชิ้อเชิญ
ประวิชหัวเราะ
"ต้องไปถามภรรยาสุดที่รักของผมก่อนละครับ"
โสภณหัวเราะ
"พามาด้วยกันเลยครับ"
โกศลเดินไปหาวนิดาที่ทำเป็นนอนอ่อนระทวยโชว์ชุดว่ายน้ำ
"เบื่อไหมครับน้องดา...ไหนๆ ก็ใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว..ลงน้ำซะหน่อยดีไหมล่ะ"
"น้ำอย่างนี้ดาไม่ลงหรอกค่ะ...ดูมันขุ่นๆ สกปรก..ถ้าจะลงน้ำพวกนี้ต้องใส่กระโจมอกตีโป่งค่ะถึงจะเหมาะ...แต่ไม่ใช่ดา"
"สกปรกที่ไหน...ผมมาอยู่ที่นี่ก็อาบน้ำคลองนี่แหล่ะ.. สะอาดนะ"
"มิน่า...ตัวนายดำไปเยอะเลย"
วนิดาค้อนไม่สนใจ
"แล้วคุณสุล่ะคะ...ยังไม่เจอคุณสุเลย"
"พูดถึงก็มาพอดีครับ"
ชาดาเดินมาถึงพอดี นุ่งกระโจมอกมีผ้าเช็ดตัวคลุมไหล่ไว้ แต่ใส่หมวกว่ายน้ำสวย วนิดาเห็นก็หัวเราะข่มขวัญ หันไปยิ้มกับอานนท์ที่ชายตามองสุชาดา
"อย่างนี้ล่ะค่ะ...จะเล่นน้ำคลองต้องใส่กระโจมอกแบบคุณสุนี่ละค่ะ แต่แหม...ผ้าถุงไม่เข้ากับหมวกนะคะ"

วนิดาหันไปพยักหน้ากับโกศล สุชาดายิ้มใจเย็นๆ
"ถ้าเล่นน้ำในคลองฉันก็ชอบกระโจมอกจริงๆ ค่ะ เพราะจะได้ตีโป่ง...แต่ถ้าเล่นสกีกระโจมอกได้ไง...ผ้าถุงจะได้หลุดน่ะซิคะ"
วนิดาเห็นอานนท์หันไป สีหน้าอานนท์เหมือนคนตกใจที่ได้เห็นสิ่งที่คิดไม่ถึง อานนท์ยิ้มส่งสายตาไปให้สุชาดาที่เอาผ้าถุงที่กระโจมอกออก กลายเป็นชุดว่ายน้ำที่สวยงามเข้ากับหมวกคลุมผมด้วยท่าทางเขินๆ แต่กลับถูกใจอานนท์เหลือเกิน วนิดาหันหน้าหนี ไม่อยากมองรู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้น...

โสภณกับสุชาดาเล่นสกีคู่กันในแม่น้ำ ชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำ โบกมือให้ด้วย... พอทั้งคู่เล่นสกีผ่านหน้าบริเวณที่อานนท์กับคนอื่นๆ นั่งดูอยู่ อานนท์สีหน้าชื่นชมมาก วนิดาแอบมองอย่างหมั่นใส้
"มีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกนะที่จะเล่นสกีได้อย่างนี้" ประวิชบอก
"อย่าว่าแต่ผู้หญิงไทยเลยครับ...ผู้หญิงฝรั่งก็ยังเล่นได้เป็นบางกลุ่มเท่านั้น" อานนท์บอก
"ดาว่าสกีมันสำหรับผู้ชายมากกว่านะคะ...มันผาดโผนเกินไปสำหรับผู้หญิง"
"มันเป็นกีฬาสมัยใหม่ที่เล่นได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชายแหล่ะ วนิดา…..ผู้หญิงที่เล่นสกีได้ต้องแข็งแรงมากๆ...ผมแปลกใจนะที่สุเล่นสกีเก่งเพราะเค้าตัวนิดเดียว" " อานนท์บอก
"รู้สึกจะชื่นชมออกนอกหน้าไปหน่อยนะอานนท์" ประวิชว่า
อานนท์หัวเราะเขินๆ
"อ้าว...ก็คนเค้าเก่งเราก็ต้องชมสิ"
"ชมอย่างเดียวหรือเปล่า...หรือว่าชมแล้วชอบด้วย"
โกศลหัวเราะ
"เรียกว่านิยมชมชอบใช่ไหมครับ"
อานนท์ยิ้มไม่ตอบ
"แล้วชอบมากไหมอานนท์"
อานนท์มองตามสุชาดาด้วยสายตาที่มีความหมาย วนิดามองอานนท์อย่างรอคำตอบจนโกศลสังเกตุ
"ไม่บอก"
ประวิชหัวเราะ
"นายไม่ต้องพูดก็ได้...ฉันเห็นแววตานายที่มองสุฉันก็รู้แล้วว่านายคิดอะไร"
อานนท์หันมาหัวเราะกับประวิช
"ทำเป็นมารู้ใจฉันเหรอประวิช"
"แน่ใจแล้วเหรอ"

อานนท์พยักหน้ายิ้มๆ วนิดาหน้าเสีย โกศลสังเกตโดยวนิดาไม่รู้ตัว...
 
อ่านต่อหน้า 4

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 8 (ต่อ)

เวลาต่อมา โสภณพาโกศลเดินดูรอบๆบ้าน สุชาดานั่งอยู่กับตวันและวนิดา อานนท์ยืนดูทิวทัศน์รอบๆ กับประวิช ประวิชดื่มกาแฟแล้วหันมายิ้มกับอานนท์

"มิน่าล่ะ...นายถึงไม่ค่อยกลับบ้าน" ประวิชบอก
"นายว่าถ้าเราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานๆ ...จะเบื่อไหม"
อานนท์สีหน้าใช้ความคิด
"เบื่อแน่นอน...มาอยู่ประเดี๋ยวประด๋าวน่ะ...มันก็สนุกดี แต่ถ้ามาอยู่ที่นี่เลย...ฉันไม่รู้ว่านายจะอยู่ได้นานแค่ไหน"
"ฉันเห็นด้วยกับคุณประวิชนะคะ...คุณนนท์น่ะเคยแต่สุขสบายใช้ชีวิตในสังคมหรูหรา...จะมาอยู่ที่แบบนี้ทำไม แล้วคุณนนท์ทำไมถึงมีความคิดแปลกๆ ที่คิดอยากจะมาอยู่ในที่ที่แบบนี้คะ" วนิดาถาม
"ผมก็คิดของผมเล่นๆ"
"ไม่ทราบว่านายตวันมีบ้านอยู่ที่กรุงเทพมั้ยครับ"
ตวันยิ้มและส่ายหน้า แสดงว่าไม่มี
"น่าจะมีไว้นะครับ เวลาเข้าเมืองจะได้ไม่ต้องรีบกลับ"
"ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน...แต่โส กับสุไม่เห็นด้วย"
วนิดายิ้ม
"แปลว่าพวกคุณไม่ต้องการใช้ชีวิตในกรุงเลยเหรอคะ"
"เรามีความสุขที่จะอยู่ที่นี่มากกว่าค่ะ" สุชาดาบอก
วนิดามองอานนท์ที่สายตาอยู่ที่สุชาดา
"แล้วถ้าคุณสุต้องแต่งงานล่ะคะ...จะเลือกเจ้าบ่าวแบ[ไหน เลือกผู้ชายในกรุง หรือเลือกหนุ่มหล่อๆ ชาวสวนแถวๆ นี้คะ"
สุชาดายิ้มใจเย็น
"ฉันยังไม่เคยคิดเรื่องนี้...แต่ถ้าต้องคิด ฉันแน่ใจว่าคนที่ฉันเลือกต้องเป็นคนที่เค้ารักฉันจริง..ไม่สำคัญว่าเป็นคนกรุงหรือเป็นคนบ้านนอก"
อานนท์ยิ้มตาเป็นประกาย วนิดาหน้าเสีย แต่ก็พยายามรักษาฟอร์มไว้
"แหม...ฟังแล้วซึ้งจริงๆ ค่ะ ฉันขออวยพรให้คุณสุได้พบคนคนนั้น เหมือนอย่างที่ฉันโชคดีที่ได้พบคุณโกศล"
โสภณเดินเข้ามากับโกศล วนิดาลุกขึ้นมาจับแขนโกศล
"ผู้ใหญ่เราทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเราสองคนเหมาะสมกันทุกอย่าง"
ตวันยิ้มเย็น
"ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งค่ะ ครั้งก่อนคุณวนิดามาคนเดียว วันนี้คุณโกศลมาด้วย ดิฉันขออวยพรให้คุณทั้งสองรักกันมั่นคงนะคะ คู่รักคู่ไหน ที่ผู้ใหญ่จัดการให้ คงจะแน่ใจแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป...เพราะคู่ไหนที่ฝืนอยู่กันไปโดยผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ...มันก็ไม่มีความสุขไปตลอดรอดฝั่งหรอกค่ะ"
เสียงของตวันตอนท้ายดูจะสั่นขึ้นมา เธอจึงหยุดพูดและพยายามยิ้มแย้ม สุชาดาและอานนท์รู้สึกได้ ต่างหันมามองตวัน ประวิชที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดเบาๆกับอานนท์
"เอ..คุยเรื่องความรักหวานชื่นอยู่ดีๆ...ทำไมบรรยากาศมันเหมือนจะเศร้าๆ ยังไงไม่รู้"
อานนท์ทำไม่รู้ไม่ชี้ เอาข้อศอกกระทุ้งประวิชเบาๆ เป็นเชิงให้เลิกพูด
"กลับกันเถอะค่ะ...ดูซิคะ..ยังไม่ทันค่ำเลยยุงก็มาแล้ว...อยู่ในไร่ในสวนเนี่ยะแมลงเยอะเหลือเกิน...คุณนนท์ทนได้ยังไงคะ" วนิดาว่า
โกศลยิ้มใจเย็น
"ผู้ชายเค้าไม่กลัวหรอกครับแมลงตัวเล็กๆ ผู้หญิงผิวบาง อย่างคุณดาถึงจะไม่ถูกกับแมลง"
วนิดาเอามือตบยุงไปเรื่อย...
"ไปได้แล้วนะคะ...ดาอยากกลับบ้านแล้วค่ะ"

วนิดาทำเป็นหัวเราะสนุก อานนท์หันไปมองสุชาดาที่แกล้งหันไปคุยกับโสภณ แต่เมื่อสุหันมามอง ก็เห็นอานนท์ยิ้มอบอุ่นมาให้

ภายในร้านตัดเสื้อ นงลักษณ์ รับบัตรเชิญจากอานนท์มาถือไว้
"ฝากให้อานนท์ด้วยนะครับ...บัตรเชิญไปชมละครโรงเรียนของเสาวนิต" ตระกลว่า
นงลักษณ์ยิ้มแย้ม
"โอ..เสาวนิตจะเล่นละครโรงเรียนเหรอคะ"
"ครับ...เขาเล่นเป็นนางเอก..ผมบอกกับนายนนท์แล้ว... วันงานคุณนงลักษณ์ จะให้ผมมารับ หรือว่าจะไปกับนายนนท์"
นงลักษณ์ดีใจ
"ให้ดิฉันไปด้วยเหรอคะ"
"ไปด้วยสิครับ...ผมอยากให้คุณนงลักษณ์ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง"
"ขอบคุณมากค่ะ...แหม..ไม่ได้ออกงานแบบนี้นานแล้ว"
"วันนี้นายนนท์จะกลับจากโรงงานหรือเปล่าครับ"
"น่าจะกลับนะคะ...เห็นว่าวันนี้นัดกับคุณโกศล คุณประวิชไปเที่ยวที่คลองน้ำวนด้วยกัน"

บนตึกคุณหญิงเทพ เวลาเย็น พรรณ พิศ เพริศ กำลังเลือกผ้าที่วางกองอยู่หลายชิ้น
"ฉันเอาชิ้นนี้ละนะ...สีส้มนี่น่ะ..เหมาะกับฉันที่สุด" พิศบอก
"จ้า...ดำอย่างเธอใส่สีส้มน่ะแหล่ะดีแล้ว" เพริศว่า
"พูดอย่างกับตัวเองขาวนักนี่...แล้วนี่ใจคอจะใส่ไอ้สีเขียว นกกะลิงนี่จริงๆ เหรอ"
เพริศค้อน
"เค้าเรียกเขียวฝรั่ง เชยนะนังแก่ สีนี้น่ะเค้ากำลังนิยมรู้ไว้ด้วย"
"นิยมเมื่อสี่สิบปีที่แล้วมั้ง ปูนนี้แล้วจะใส่สีสดขนาดนั้นได้ไง"
เพริศค้อน
"มันก็แก่เหมือนกันละวะ"
พรรณเดินถือผ้าเข้ามาวางอีกหลายชิ้น
"เลือกผ้าแค่นี้ก็ต้องเถียงกัน...แก่จะลงโลงกันแล้วยังเถียงกันเป็นเด็กๆ ไปได้"
"เอามาอีกหรือนี่แม่พรรณ...โอโห...ทำไมคราวนี้คุณแม่ลงทุนตัดเสื้อผ้ากันขนาดนี้ล่ะ"
"ไม่รู้แม่เจริญกล่อมท่าไหน...คุณแม่ถึงได้เออออ..ขนาดนี้" เพริศว่า
พรรณหยิบผ้าหลายชิ้นมาวางเรียง ปากก็พูดแบบเบื่อๆ
"ก็เค้ารู้ใจกัน...พูดจี้จุดเข้าหน่อยคุณแม่ก็เต้นเหยงๆ"
"แม่เจริญเค้ามาว่ายังไง" พิศถาม
"ก็เค้าจะนัดผู้ชายมาดูแม่นิตไง...ถ้าพวกเราที่ไปด้วยซอมซ่อก็จะอายเขา...ทุกคนที่จะไปดูละครแม่นิตเลยได้ชุดใหม่หมด" พรรณบอก
เพริศหัวเราะชอบใจ
"สงสัยงานนี้ได้งัดเครื่องเพชรชุดใหญ่ออกมาใส่อวดแน่ๆ"

พรรณทำหน้าเบื่อ คุณหญิงเทพกับเจริญเดินเข้ามา เสาวนิตเดินตามมาด้วย พอเสาวนิตเห็นผ้าที่กองอยู่หลายชิ้นก็รีบถลาเข้ามาดู
"โอ้โห...ผ้าที่ไหนคะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย"
"ย่าให้คุณวีณาเค้าเอามาให้ดู...แม่สามคนนี่เลือกได้หรือยังล่ะ"
"คุณแม่ตัดให้คนละชุด หรือ สองชุดล่ะคะ" พิศถาม
"คนละชุดซิแม่พิศ...ผ้าพวกนี้มันแพงนะจ้ะ...จะตัดไปทำไมสองสามชุดล่ะ"
เพริศบอก
"อ้าว...ก็วันซ้อมใหญ่ล่ะคะ...ถ้าไปวันซ้อมใหญ่ก็ต้องมีอีกชุดค่ะ"
"จะไปทำไมวันซ้อมใหญ่...ไปวันจริงซิมันถึงจะครบชุดเค้า..วันซ้อมใหญ่นะให้นังพวกหลังบ้านมันไป"
เสาวนิตหันขวับมา
"คุณย่าให้ย่าพลับ กับย่าแววไปดูวันซ้อมใหญ่เหรอคะ"
"วันซ้อมใหญ่มันไม่เสียค่าดู...ใครอยากจะไปก็ให้มันไป"
"แหมคุณแม่ใจดีจริงๆ คราวนี้ทำบุญใหญ่เลยนะคะ" คุณหญิงเจริญบอก
"แม่เจริญก็ไปเลือกผ้าสักขิ้นสิ...รีบๆ เอาไปตัดจะได้ใส่ทันวันงาน"
"จะตัดทันเหรอคะคุณย่า...อีกแค่อาทิตย์เดียว"
"ทันสิจ้ะ...ช่างของคุณย่าน่ะเร่งได้อยู่แล้ว"
เสาวนิตอ้อน
"คุณย่าขา...ขอนิดตัดเสื้อด้วยชุดนึงนะคะ"
"เราเป็นคนแสดงไม่เห็นต้องใช้ชุดสักหน่อย แม่นิต" พิศบอก
"คุณพี่คะ...แม่นิตแสดงเสร็จก็ต้องออกมาหาพวกเรา...ก็ต้องมีชุดสวยๆ ใส่เหมือนกันนะคะ"
คุณหญิงเทพเห็นด้วย
"เออ..นั่นสิ...ถ้าแม่เจริญไม่พูดก็ลืมไปแล้วนะ...วันนั้นย่าอยากให้แม่นิตสวยที่สุด แม่เจริญกำชับตระกลแล้วใช่ไหม"
เจริญหันมายิ้มดีใจปลาบปลื้ม
"เจ้าค่ะ..คุณแม่"
เสาวนิตดีใจมาก เลือกผ้าตัดเสื้อกับแม่อย่างมีความสุข

เวลาต่อเนื่องมา เสาวนิตเดินมาทางบ้านพลับ ชะเง้อมองหาเทอด แต่ได้ยินเสียงคนพูดกันที่ใต้ต้นไม้ที่ลับตา พอเดินไปดูก็เห็นเจียม นั่งพลอดรักอยู่กับคนงานผู้ชาย เสาวนิตตกใจ
"อุ๊ย"
เจียมตกใจ ผละออกจากคนรัก คนงานผู้ชายหุ่นล่ำรีบลุกขึ้นมองเสาวนิตด้วยสายตาพอใจแล้วเดินไป เจียมลุกขึ้นขยับผ้านุ่งให้เข้าที่
"แหม...คุณนิตมาขัดซะได้"
"แกนี่มันอุบาทว์จริงนังเจียม...กลางวันแสกๆ...แอบมานั่งทำบัดสีกับผู้ชายที่นี่"
เจียมหัวเราะไม่สะทกสะท้าน
"แหม..คุณนิต ดีแต่ว่าเจียม ในสวนมะลิน่ะ อย่านึกว่าเจียมไม่เห็นนะคะ"

เสาวนิตรีบเอามือปิดปากเจียม
"อย่ามาทำปากสว่างนะ...เดี๋ยวฉันจะฟ้องคุณแม่"
"ถ้าเจียมโดนไล่ออก...แล้วใครจะหาหนังสืออย่างว่ามาให้คุณนิตอ่านล่ะคะ"
เสาวนิตทำเป็นไม่สนใจ
"หนังสือบ้าบอของแกฉันไม่อ่านหรอก..มีแต่เรื่องลามก"
เจียมหัวเราะชอบใจ เสาวนิตมองหาเทอดที่บ้านพลับ
"คุณเทอดยังไม่กลับหรอกค่ะ...ต้องเย็นๆ"
"คุณย่าจะให้ย่าพลับ กับย่าแววไปดูละครที่ฉันเล่น เทอดก็ได้ไป"
"แล้วคุณอานนท์ก็จะมา...อย่างงี้ก็มาชนกันน่ะสิคะ"
"ใครบอกแก...เทอดเค้าไปกับย่าพลับย่าแวววันซ้อมใหญ่ แต่คุณอานนท์น่ะมาวันจริง...โอ..ฉันอยากให้ถึงวันงานเร็วๆ จังเลยเจียม"

เสาวนิตมีความสุขอย่างมาก

ภายในกระท่อมโสภณ สุชาดากำลังจัดดอกกุหลาบใส่แจกัน อานนท์เดินเข้ามา ทำเสียงกระแอมเบาๆ สุชาดาหันมามองแล้วหันกลับไปจัดกุหลาบต่อ

"เสียดายผมวาดรูปไม่เก่ง...ไม่อย่างนั้นจะวาดรูปคุณกับดอกกุหลาบตอนนี้"
"ลูกน้องคุณบอกฉันว่างานซ่อมเครื่องจักรเก่าจวนจะเสร็จแล้วนี่...อันที่จริงคุณไม่ต้องอยู่ก็ได้"
"ผมไม่เคยทิ้งงานไปก่อนลูกน้องครับ...ต้องอยู่จนเสร็จงานจริงๆ เราถึงจะกลับด้วยกัน...ที่คุณพูดนี่อยากให้ผมไปเหรอ"
สุชาดายิ้มๆ
"จะอยู่จะไปมันก็เรื่องของคุณ"
อานนท์ยิ้ม เดินมานั่งใกล้ๆ
"ช่วยง้อให้ผมอยู่อีกไม่ได้เหรอไง"
"ฉันไม่ชอบง้อใคร...คุณน่าจะกลับไปกับเพื่อนคุณตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้วนะ"
"ไม่ต้องไล่ผมหรอก...ยังไงๆ ผมก็ต้องไปอยู่ดี"
สุชาดาเงยหน้ามองนิดหนึ่ง เห็นอานนท์ยิ้มแจ่มใสก็ทำเป็นเมินหน้าหนี
"แต่ถึงงานเสร็จผมก็จะมาอีก ผมกำลังคิดว่า..."
อานนท์หยุดพูดเหมือนคิดอะไร เดินมาใกล้ สุชาดานิ่งมอง
"ถึงงานของผมที่นี่จะเสร็จเรียบร้อยก็ตาม...แต่ผมอยากจะมาที่นี่อีกได้ไหม...คุณจะอนุญาตให้ผมมาที่นี่อีกได้ไหม"
"ได้ไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่ฉันจะอนุญาตหรือไม่ คุณคิดให้ดีก็แล้วกัน เพราะหากคุณไม่มาที่สวนนี่สักเจ็ดวัน คุณก็คงลืมพวกเรากันหมด"
อานนท์พูดจริงจัง
"อย่าพูดเหลวไหลไปหน่อยเลยน่าสุ...คุณรู้ดีว่าผมไม่มีวันลืมพวกคุณเป็นอันขาด...อยากจะมาหาเสมอซะด้วยซ้ำ ผมชอบที่นี่ ชอบครอบครัวคุณมาก"
"คุณไม่เหมาะกับที่นี่หรอก...อย่างที่เพื่อนคุณพูดนั่นแหล่ะถูกแล้ว"
"พวกเค้าไม่ได้รู้จักที่นี่ดีอย่างผม"
"แต่เค้ารู้จักคุณดี ว่าคุณชอบใช้ชีวิตแบบไหน หนุ่มเจ้าเสน่ห์นักเรียนนอก ลูกพระยาอย่างคุณ ชอบใช้ชีวิตหรูหรามีสาวๆ ห้อมล้อม ฉันพูดถูกไหม"
อานนท์ยิ้ม
"ถูกต้องที่สุด...แต่มันเป็นเมื่อก่อนที่ผมจะมารู้จักที่นี่...คุณรู้จักเรื่องของผมดี...แต่ผมยังไม่เคยรู้เรื่องของคุณเลย"
"คุณอยากรู้เรื่องราวของชาวสวนบ้านนอกคอกนาไปทำไมกัน"
อานนท์มองสุชาดานิ่ง...

ทั้งคู่ยังคงยืนคุย สบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืน
"คุณอ่อนกว่าโสกี่ปี"
"ฉันอ่อนกว่าโสสิบนาที"
อานนท์หัวเราะ
"คุณกับโส เป็นฝาแฝดกัน..หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกัน"
"เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเหมือนแล้วละ...ตอนเด็กๆ ซิ เหมือนกันมาก ฉันเคยแกล้งใส่เสื้อผ้าของโส แล้วให้โสใส่กระโปรงของฉัน...ดูผ่านๆ ไม่มีใครจำได้เลย...คุณยายยังเรียกผิดคนเลย..มีแต่แม่คนเดียวที่จำได้..สนุกชะมัด เคยสลับตัวกันไปโรงเรียนด้วย...ครูจำไม่ได้..เพื่อนก็จำไม่ได้"
สุชาดาหัวเราะมีความสุขเมื่อพูดถึงอดีต อานนท์ก็พลอยหัวเราะมีความสุขไปด้วย
"เออ...สนุกนี่..ผมเคยอยากมีพี่หรือน้องฝาแฝดแล้วเล่นสนุกแบบนี้บ้าง"
สุชาดาหัวเราะ อานนท์มองอย่างชอบมาก... เธอมองแล้วก็หลบตา
"ถ้าคุณอารมณ์ดี พอผมอยากจะถามอะไรคุณได้ไหม"
"เรื่องอะไร"
"คุณเคยบอกผมว่า คุณคิดว่าคุณเข้าใจผม...ที่ผมเลิกกับลีน่า"
"คุณคิดว่าฉันพูดอย่างนั้นเพราะจะเอาใจคุณหรือยังไง"
"ผมไม่ได้คิดแบบนั้น...เพราะผมเองยังไม่รู้จะพูดยังไงดีเลย...ทำไมคุณถึงเข้าใจความรู้สึกของผม"
สุชาดาเดินไปอย่างใช้ความคิด
"คุณอานนท์..ที่ฉันพูดว่า ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ฉันเข้าใจทีเดียวที่คุณไม่อยากพบเห็นลีน่าอีก เพราะคุณอธิบายความรู้สึกของคุณออกมาไม่ได้...อธิบายไม่ถูก...มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรือของลีน่า..แต่เป็นเพราะบางอย่างที่ทำให้ม่านดำหนาๆ ซึ่งกั้นสายตาคุณอยู่หลุดออกมา เผยให้เห็นสิ่งที่คุณทนไม่ได้ในตัวลีน่า... ที่คุณไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นมาก่อน..เป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเอือมจนไม่สามารถจะใช้ชีวิตกับลีน่าได้"
อานนท์พยักหน้าน้อยๆ
"ถูกแล้วสุ...คุณเข้าใจผมถูกทีเดียว...คุณเก่งกว่าผมอีกที่สามารถอธิบายความรุ้สึกบ้าๆ นั้นออกมาได้...ผมพูดไม่ถูก คิดไม่ออกรู้แต่ว่าไม่ได้...ต้องหนีไปไกลเท่านั้น...ถ้าอยู่ต่อมันคงมีเรื่องร้ายแรงจนผมแก้ไม่ไหวไปตลอดชีวิต"
อานนท์มองสุชาดาอย่างรู้สึกดีมากๆ
"เมื่อวันนั้นผมเคยขอบคุณที่คุณบอกว่าเข้าใจผม... วันนี้คุณไม่รู้หรอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่ผมมีใครซักคนที่มายืนข้างๆ ผมที่นี่"

เธอพยายามไม่หวั่นไหว
"คุณรู้ไหมคุณอานนท์ ว่าทำไมฉันถึงเข้าใจคุณเรื่องลีน่าดีนัก...เพราะฉันเองเคยมีความรู้สึกอย่างนั้นมาก่อน"
"คุณน่ะเหรอสุ"
"ถูกแล้ว...ฉันนี่ละ...สมัยที่ฉันอยู่เค.แอล"
"กัวลาลัมเปอร์"
"ที่มลายูเราเรียกกัวลาลัมเปอร์ว่า เค.แอล...ฉันเคยรู้จักเด็กหนุ่มคนหนึ่ง บ้านเขาอยู่ใกล้ๆ บ้านฉัน...เค้าเป็นนักกีฬา เป็นคนเก่ง...ฉันเห็นเขาเป็นเทพบุตรทีเดียว ฉันมีความสุขมากที่ได้เดินไปกลับโรงเรียนกับเขาทุกวัน"
อานนท์ยิ้มๆ สุชาดาก็เล่าต่อ
"วันนึงเราพบคนตาบอดจะเดินข้ามถนน..รีรอไม่กล้าข้ามอยู่นาน ฉันเลยวิ่งไปช่วยคนตาบอดคนนั้นข้ามถนน แต่พอฉันเดินกลับมาเขากลับไม่รอฉันอยู่ที่นั้น...ฉันวิ่งตามไปจนทัน ถึงได้รู้ว่าเขาไม่พอใจที่ฉันทิ้งเขาไปพาคนตาบอดข้ามถนนโดยไม่ถามเขาก่อน...เขาบ่นมากมายว่าทำให้เขาเสียเวลาที่จะไปซ้อมกีฬากับทีมเขา...ทีแรกฉันไม่คิดว่าเขาจะโกรธฉันจริงๆ...แต่พอเค้าพูดว่าฉันซ้ำไปซ้ำมาหลายหน...ฉันเลยแน่ใจว่าเค้าโกรธฉันแน่"
อานนท์เอามือเท้าคางฟังอย่างตั้งใจ
"ตอนนั้นแหล่ะที่ม่านหนาๆ ดำๆ ที่มันปิดตาฉันอยู่...มันหลุดออกไป...ฉันไม่เห็นเค้าเป็นเทพบุตรอีกต่อไป...กลับเห็นเป็นตัวอะไรซักอย่างที่เต้นดุบดิบๆ ซึ่งฉันขยะแขยงไม่อยากพบเขาอีกต่อไป"
"แล้วคุณทำยังไง"
"ก็ทำเหมือนๆ กับคุณน่ะแหล่ะ...ฉันวิ่งหนีเขากลับบ้านอย่างสุดกำลัง...กว่าจะถึงบ้านเหนื่อยแทบตาย"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"ผมว่าไอ้หมอนั่นคงคิดได้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์"
"ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่เคยยอมพบเค้าอีกเลย...เค้าก็พยายามมาของ้อคืนดีหลายหน...แต่ฉันก็ไม่รู้สึกดีได้อีก...เทอมต่อไปแม่ย้ายฉันกับโส ไปเข้าโรงเรียนประจำ ปีแรกๆฉันยังได้จดหมายจากเขาหลายฉบับ... ฉันไม่ติดต่อกลับไป…เราก็ไม่ได้ติดต่อหรือพบกันอีกเลย ฉันไม่รู้จะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ยังไงว่า ความรู้สึกดีๆที่ฉันเคยมีให้เขามันหายไปแล้ว…เพราะเค้าคงไม่มีวันเข้าใจว่า สาเหตุเล็กน้อยแค่นั้นทำให้ฉันตัดเขาออกไป
จากชีวิตได้เชียวหรือ…แต่คุณเข้าใจใช่ไหมคุณอานนท์"
อานนท์จับมือสุชาดาบีบอย่างตื่นเต้น
"เข้าใจสุ...เข้าใจดีทีเดียว...โธ่สุ...ผมหาคนที่จะเข้าใจผมอย่างนี้มาตลอดชีวิต...พึ่งจะมาพบคุณเข้านี่แหล่ะ"
สุยิ้มแจ่มใส
"ฉันก็เหมือนกัน...ถึงฉันจะมีพี่แฝด แต่เขาไม่ยักเข้าใจฉันในเรื่องอย่างนี้เหมือนกับคุณ"
"เพราะฉะนั้น...ถึงงานของผมที่นี่จะเสร็จไปเมื่อไหร่ก็ตาม เราจะต้องพบกันอีก...เราจะปล่อยให้มิตรภาพของเราต้องจบไปพร้อมกับงานไม่ได้เป็นอันขาด...จริงไหมสุ"
"มิตรภาพเหรอ....เกือบจะสายไปกว่าจะได้พบกับมิตรภาพ"
อานนท์ยิ้มดีใจ
"อะไรสาย...วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของเราต่างหา"
ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างรู้สึกอุ่นใจ...

ค่ำวันเดียวกัน เจ้าคุณสุทธานั่งคุยกับตระกลอยู่ในห้องพัก สีหน้าเจ้าคุณหม่นหมองบอกเล่าเรื่องราวแต่หนหลัง
"พี่เคยมีเมียมาก่อนที่จะแต่งงานกับแม่เจริญ"
ตระกลตกใจ อึ้งไป
"คุณแม่ไม่ชอบเค้า....เพราะเค้าเป็นลูกสาวพ่อค้าคนจีน"
"คนในรูปนี้ใช่ไหมครับ"
เจ้าคุณสุทธาหยิบรูปถ่ายสีซีเปียเก่าๆ เป็นรูปสาวน้อยน่ารักขึ้นมาดู แล้วยิ้มกับรูปอย่างมีความสุข
"ใช่...เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาก จนกระทั่้ง..."
ตระกลสีหน้าร้อนรนอยากรู้
"อะไรครับ"
"พี่มันโง่เอง...ที่ไปยอมคุณแม่ทุกอย่าง...ชีวิตครอบครัวของพี่พังหายไป เค้าหนีหายไปจากชีวิตพี่ จนบัดนี้...พี่เหลือแค่รูปเค้าใบนี้เท่านั้น"
"อย่าโทษตัวเองเลยครับ...คุณหญิงเทพท่านเป็นแม่...คุณพี่จะไม่ทำตามที่ท่านต้องการได้อย่างไร"
"ได้ซิ...ถ้าเรายึดมั่นในความถูกต้องเหมาะสม...คุณแม่ท่านคิดแต่เรื่องหน้าตาในสังคม...อันที่จริงเจริญน่ะไม่ได้เรียนหนังสือซะด้วยซ้ำ...แต่พ่อแม่เขาเป็นพวกข้าหลวงเก่าที่เคยอยู่ในวังกับคุณแม่เมื่อตอนยังเด็ก"
"คุณพี่เคยออกตามหาภรรยาเดิมของคุณพี่ไหมครับ"
สุทธาถอนใจ ลุกขึ้นเดินไปมาอย่างยุ่งยากใจ
"พี่ไปตามหาทุกที่ๆ คิดว่าเค้าจะไป...แม้แต่บ้านพ่อเค้าที่มาเลย์แต่ก็ไม่พบ พี่ตามหาเค้าจนพี่ไปติดไข้ป่านอนเจ็บหลายเดือน ช่วงนั้นน่ะแหล่ะที่คุณแม่ให้แม่เจริญมาคอยดูแล พี่ก็พยายามที่จะลืมเมียเก่าของพี่...แต่ทำไม่ได้...ยิ่งแม่เจริญแสดงนิสัยออกมาแต่ละอย่างที่พี่รับไม่ได้ พี่ก็อดที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับเค้าไม่ได้เลย ความรู้สึกผิดมันติดตัวพี่ตลอดเวลาไม่รู้ว่าป่านนี้เค้าจะเป็นยังไงบ้าง"

เจ้าคุณเหม่อมมองหน้าเศร้า
 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น