xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 9

คุณหญิงเจริญเดินมาจากบ้านคุณหญิงเทพ จะขึ้นข้างบนเห็นเฉยยืนอยู่หน้าห้องเจ้าคุณสุทธา

"เจ้าคุณอยู่ในห้องหรือเปล่า"
"อยู่ขอรับ"
คุณหญิงเจริญทำเป็นไม่สนใจจะเดินต่อ แต่เหมือนนึกได้ หันกลับไปถามเฉยอีกครั้ง
"อยู่กับใครหรือเปล่า"
"เอ่อ....ท่านคุยธุระกับคุณตระกลอยู่ขอรับ"
คุณหญิงจริญเดินกลับลงมา แล้วเปิดประตูห้องพักเจ้าคุณสุทธาเข้าไป

คุณหญิงเปิดประตูห้องพักคุณหลวงเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เจ้าคุณเองก็แสดงความไม่พอใจทันทีเหมือนกัน
"ตระกล...ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเธอเดี๋ยวนี้"
"เรื่องอะไรของเธอนักหนา"
"คุณแม่ต้องการทราบว่า ตระกลเป็นธุระให้ท่านที่ให้ไปเชิญคุณอานนท์มางานโรงเรียนแม่นิต...ว่าไงตระกล คุณอานนท์รับปากแล้วใช่ไหม"
ตระกลขยับตัวทำท่าจะพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ แต่เจ้าคุณสุทธายกมือห้ามไม่ให้พูด
"ทำไมคุณแม่ถึงต้องการให้เพื่อนตระกลคนนี้ไปดูละครโรงเรียนเสาวนิต"
คุณหญิงเจริญพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกเรื่องที่จะจับคู่
"ท่านเจ้าคุณก็ไปเรียนถามคุณแม่เองสิคะ...ท่านสั่งดิฉันมาว่ายังไง...ดิฉันก็ต้องทำตามที่ท่านสั่ง"
เจ้าคุณเสียงดังถาม
"ก็เธอน่ะแหล่ะ เธอไปพูดยังไงกับคุณแม่ล่ะ ท่านถึงได้สั่งแบบนั้น"
คุณหญิงเจริญหันมาเถียง
"นี่ท่านจะมาโทษดิฉันอีกหรือไงคะ...เรื่องนี้น่ะคุณแม่ท่านออกหน้าเอง...คุณพี่ไม่เห็นจะต้องสนใจตรงไหน"
"เธอจะว่าฉันสอดหรือไงแม่เจริญ ก็ถ้าเธอไม่มาเคี่ยวเข็ญน้องของฉัน ให้เค้าต้องไปรบกวนเพื่อนเค้าให้มาดูแม่นิตเล่นละครน่ะ ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวเลย ฉันไม่เข้าใจ ทำไมพวกเธอถึงอยากให้คุณอานนท์เค้ามานักหนา...ตอบฉันสิ อย่าบอกฉันนะว่าเธอน่ะคิดบ้าๆ อยากจับคู่เสาวนิตให้คุณอานนท์"
คุณหญิงเจริญนึกไม่ถึงว่าเจ้าคุณจะพูดแทงใจดำ แต่ก็ยังทำถือดี
"ก็แล้วทำไม...ถ้าคุณแม่กับดิฉันต้องการอย่างนั้น...ไม่ดีหรือไงที่จะได้ลูกเขยดีๆ อย่างคุณอานนท์"
ตระกลตกใจตาโต เจ้าคุณสุทธาโกรธ
"เธอนี่มันคิดบ้าๆ....แม่นิตยังเรียนหนังสือไม่จบ จะจบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ผู้ชายสติดีที่ไหนเค้าจะมาเอา"
"อย่ามาดูถูกลูกสาวดิฉันนะ ยายนิตน่ะสวยอย่างกับเจ้าหญิง ผู้ชายที่ไหนจะไม่สนใจถ้ามันไม่ได้ตาบอด...ถ้าท่านเจ้าคุณไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องยุ่ง...เป็นเรื่องของคุณแม่กับดิฉันเอง ว่าไงตระกล...คุณอานนท์ว่ายังไง"
"อานนท์เค้ารับปากแล้วครับว่าจะมา"
คุณหญิงเจริญทำหน้าพอใจ
"แต่"
"แต่อะไร"
"แต่ถ้าอานนท์รู้ว่าคุณหญิงต้องการให้เค้าสนใจเสาวนิต ผมว่าเค้าคงอึดอัด" ตระกลบอก
"เธอไม่ใช่คุณอานนท์ไม่ต้องมาตอบแทนเค้าหรอก"
"ผมกับอานนท์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ...ผมรู้จักนิสัยเค้าดี...แล้วตอนนี้อานนท์ก็มีคนที่เค้ากำลังคบหากันอยู่แล้วครับ"
"ใคร...เธอรู้ไหมตระกลว่าคุณอานนท์คบหากับใคร"
"เอ้อ...เป็นลูกสาวเจ้าของสวนมะพร้าวที่อานนท์ไปติดตั้งเครื่องจักรที่คลองน้ำวนครับ"
คุณหญิงเจริญหัวเราะขำ
"ลูกชาวสวน....โธ่เอ๋ย...จะมาเทียบอะไรกับแม่นิต"
"พอทีแม่เจริญ ชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว เธอนี่มันฟุ้งซ่านมากหรือไง เธอควรจะสั่งสอนให้เสาวนิตสนใจเรื่องการเรียนถีงจะถูก ไม่ใช่เพ้อเจ้อเรื่องผู้ชาย ฉันจะขอทำนายไว้เลยว่า เธอจะเป็นคนทำให้ยายนิตใจแตก...แล้วเธอจะเสียใจภายหลัง"
"คนอย่างแม่นิตไม่มีวันใจแตกเสียคนอย่างที่ท่านเจ้าคุณพูดเด็ดขาด แม่นิตเป็นเด็กดี ตามใจแม่ทุกอย่าง..ท่านเจ้าคุณอย่ามาทำเป็นพูดว่าดิฉันเล คุณแม่ท่านสั่งมาว่าถ้าท่านเจ้าคุณไม่พอใจ ก็ไปคุยกับท่าน"

คุณหญิงเจริญสบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง ตระกลมองเจ้าคุณสุทธาอย่างเห็นใจ

บริเวณสวนมะลิ เสาวนิตนอนหนุนตักเทอด เทอดป้อนขนมผิงอันเล็กๆ ให้เสาวนิตกิน เสาวนิตมองตาเทอดอย่างหวานซึ้ง
"ขนมผิงย่าแววนี่อร่อยจริงๆ เทอดรู้ได้ยังไงว่านิตชอบขนมผิงมากที่สุด"
เทอดยิ้มดีใจโดยซื่อ
"คุณนิตชอบทานเหรอครับ มีคนมาว่าทำ ผมก็เลยแอบเก็บไว้ให้คุณนิต ถ้าคุณนิตชอบคราวหน้าผมจะเก็บไว้ให้อีก"
"ขนมของย่าแววน่ะอร่อยทุกอย่างละเทอด...นิตชอบทานขนมย่าแวว"
"ถ้าอย่างนั้นเวลามีคนมาว่าทำขนม...ผมจะเก็บไว้ให้คุณนิตทุกครั้งเลยดีไหมครับ"
เสาวนิตรีบลุกขึ้นนั่งจ้องตาเทอด
"ดีจ้ะ...เทอดน่ารักที่สุดเลย...เอ้า..อ้าปากซิ..นิตจะป้อนให้เทอดบ้าง"
เสาวนิตเอาขนมผิงป้อนใส่ปากเทอด เทอดจึงจับมือเสาวนิตไว้แล้วเอามาจูบอย่างทะนุถนอม
"ผมคิดถึงคุณนิตแทบจะตลอดเวลา...จนบางครั้งไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน"
"นิตก็เหมือนกัน...นิตก็คิดถึงเทอดใจจะขาด..คิดถึงจนเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเหมือนกัน"
เสาวนิตลงนอนตักเทอดอีก
"คุณนิตครับ"
เสาวนิตทำตาหวาน
"ว่าไงจ้ะเทอด"
เทอดดึงเสาวนิตขึ้นมาจูบ เธอทำเป็นดิ้นรน แต่ก็หัวเราะพอใจ เทอดยิ่งทำท่าฮึกเหิม ทันใดนั้น พลับก็เดินมาใกล้ๆ ร้องเรียกเทอด
"เทอด...เทอด...อยู่ที่ไหนน่ะ...เทอด"
เทอดรีบลุกพรวดด้วยความตกใจ ทิ้งเสาวนิตก้นกระแทก
"ครับป้า"
เสาวนิตเจ็บตัวที่กระแทก แต่ก็ต้องนอนหมอบนิ่ง เสียงพลับเดินเข้ามา เสาวนิตสีหน้าไม่ดี
"มาทำอะไรที่นี่ค่ำๆ มืดๆ ยุงหามตาย"
เทอดรีบเดินออกไป แต่ก็ยังหันมามองเสาวนิตอย่างเป็นห่วง
"เอ้อ...มาจับจิ้งหรีดคับ" เทอดพูดพลางหัวเราะแก้เก้อ
พลับหัวเราะ
"เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้... แทนที่จะอ่านหนังสือกลับมาจับจิ้งหรีด จะจับไปทำไมกัน น่าเกลียดจะตายเหมือนแมงสาบ..ไป...ไปช่วยป้าควั่นป่านหน่อยเร็วๆ จะเย็บถุงใส่บุหงา"
เทอดเดินไปกับพลับ แต่ก็ไม่วายคอยหันมาดูเสาวนิต พอสองคนป้าหลานเดินพ้นไป เสาวนิตก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งๆ

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า คุณหญิงเทพสีหน้าไม่พอใจ
"อะไรนะ...พ่ออานนท์เค้าไปชอบพอกับลูกชาวสวนยังงั้นเหรอ ใครเป็นคนบอกหล่อนกัน"
"ตระกลเจ้าค่ะ...นายตระกลเค้าว่าคุณอานนท์น่ะไปทำงานติดตั้งเครื่องจักรทีjสวนมะพร้าว...ก็เลยไปชอบพอกับลูกสาวเจ้าของสวน..ตอนนี้ก็คบหาดูใจกัน"
คุณหญิงเทพทำหน้าไม่เชื่อ
"มันพูดเอาเองหรือเปล่า...คนอย่างลูกเจ้าคุณพลรามจะไปริอ่านติดพันลูกชาวสวนได้ยังไง...เป็นไปไม่ได้"
"นั่นสิคะคุณแม่...เจ้าตระกลมันจะนึกอิจฉาเพื่อนละมัง"
"อิจฉาทำไมคะคุณแม่"
"ก็อิจฉาที่เพื่อนมันจะกลายเป็นลูกเขยบ้านสุทธากุล มีหน้ามีตาเกินมันน่ะซิ...ไอ้พวกลูกอีเมียน้อยมันก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ สันดานมันมีปมด้อย...อยากตะเกียกตะกาย แต่ทำไม่ได้"
คุณหญิงเจริญร้อนใจ
"ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดีล่ะคะคุณแม่...เกิดไอ้ตระกลมันไม่ยอมบอกคุณนนท์...แต่แกล้งผลัดผ่อนเราไปเรื่อยอย่างนี้...พอถึงวันจริงๆ คุณนนท์เกิดไม่รู้เรื่องไม่ได้มา"
"เธอก็ไปหาเจ้าคุณพลราม กับ คุณหญิงแนบเองซิ...ไม่ต้องไปอาศัยลูกอีเมียน้อยหรอก"
"เท่ากับเราไปเชิญอย่างเป็นทางการ...แหม..คุณแม่นี่ฉลาดจริงๆนะคะ"

พรรณถอนใจอย่างเบื่อหน่าย คุณหญิงเจริญหันมายิ้มกับคุณหญิงเทพอย่างมีความหวัง...

เวลาต่อมา คุณหญิงเจริญยกพานบัตรเชิญงานโรงเรียนให้เจ้าคุณพลราม

"คุณหญิงเทพให้ดิฉันมากราบเรียนเชิญท่านเจ้าคุณ กับคุณหญิงและคุณอานนท์ ไปชมละครโรงเรียนการเรือนค่ะ..คุณอานนท์น่ะรับปากแล้วว่าจะไป...คุณหญิงเทพท่านก็เลยให้ดิฉันมาเรียนเชิญท่านเจ้าคุณ กับ คุณหญิงด้วย"
เจ้าคุณพลรามมองหน้ากับคุณหญิงแนบอย่างงงๆ...แต่ก็รับบัตรไว้
"เรียนคุณหญิงเทพว่าขอบคุณมาก....แหม...ไม่ได้เจอกันหลายสิบปีแล้ว...ยังอุตส่าห์นึกถึง"
คุณหญิงเจริญยิ้มแย้ม
"พ่ออานนท์เป็นเพื่อนกับ..เอ้อ...น้องชายท่านเจ้าคุณสุทธาค่ะ เคยไปมาหาสู่กันเสมอ...พ่ออานนท์ยังเคยพาลูกสาวดิฉันไปเที่ยวดูหนัง เค้าดูแลแม่นิตอย่างดีเหลือเกิน...นี่จะเล่นละครโรงเรียน...แม่เสาวนิตลูกสาวดิฉันน่ะค่ะ... เค้าเล่นเป็นนางเอก"
"อ้อ..เหรอคะ...พ่อนนท์มีเพื่อนเยอะค่ะ...ปกติเค้าไม่ได้อยู่บ้านนี้ แต่อยู่อีกหลังที่บางกะปิกับลูกสาวคนรอง...นี่ฉันก็ไม่ได้เจอเขาหลายวันแล้ว...เห็นว่าต้องไปทำงานที่เมืองนนท์" คุณหญิงแนบบอก
"นั่นสิคะ...น้องชายท่านเจ้าคุณก็บอกเหมือนกันว่าคุณอานนท์ต้องเข้าไปทำงานในสวน แหม...ลูกไปไกลๆ ก็เป็นห่วงนะคะ ยิ่งหนุ่มโสดอย่างพ่ออานนท์ สาวๆ ติดกันเกรียว เดี๋ยวพวกสาวชาวสวนก็จะพากันมาติดใจ พวกนี้ไว้ใจไม่ได้นะคะ ชอบจะยกระดับตัวเองคอยจับหนุ่มๆ ลูกผู้ดี"
พระยาพลรามยิ้มๆ
"ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ...กลัวแต่นายนนท์จะไปหลอกเขามากกว่า...เอ..เมื่อกี้ที่คุณหญิงบอกว่านนท์เป็นเพื่อนกับน้องชายเจ้าคุณสุทธา...และเคยพาลูกสาวคุณหญิงไปดูหนังเหรอครับ"
คุณหญิงเจริญหัวเราะร่วนถูกใจ
"เค้าก็ไปด้วยกันหมดละค่ะ...พ่ออานนท์น่ะน่ารักมากนะคะ...คนในบ้านก็ชอบกันทุกคน"
"ขอประทานโทษครับ...ลูกสาวคุณหญิงคงยังเล็กอยู่ใช่ไหมครับ....เอ..ดูเหมือนยายนาลูกสาวคนเล็กของผมจะเป็นเพื่อนนักเรียนกับลูกสาวคุณหญิงนี่ครับ...ใช่คนนี้ใช่ไหมครับ."
แนบดีใจ
"อ๋อ...เคยมาวันเกิดแม่นาแล้วค่ะ"
คุณหญิงเจริญหน้าเสีย
"คนละคนค่ะ...คนที่เป็นเพื่อนกับลูกสาวท่านน่ะเป็นคนเล็กค่ะชื่อนิศา แต่คนที่รู้จักกับพ่ออานนท์นี่คนโตค่ะ... ชื่อเสาวนิตอายุจะสิบแปดแล้วค่ะ"
คุณหญิงเจริญยิ้มหวาน...

ต่อมา เจ้าคุณพลราม กับ คุณหญิงแนบ ออกมายืนส่งเจริญอยู่ที่เทอเรสหน้าบ้าน เจริญขึ้นรถแล้วคนรถขับออกไป คุณหญิงแนบหันมาพูดกับสามี
"จู่ๆ ก็มาชวนไปดูละครลูกสาว..ร้อยวันพันปีไม่เคยจะได้ติดต่อพูดคุยกัน...ยายนาเคยไปที่บ้านเจ้าคุณสุทธา ยังกลับมาเล่าว่าคุณหญิงเจริญนี่ดุว่านิศาต่อหน้าเพื่อน..ทำเหมือนรักลูกไม่เท่ากัน"
เจ้าคุณพลรามยิ้มๆ
"ไม่รู่ว่าเจ้านนท์ไปทำท่าก้อร่อก้อติกลูกสาวคนโตเค้าหรือเปล่า"
"เอ...แต่เด็กยังเรียนหนังสืออยู่นี่คะคุณ...พ่อนนท์คงไม่สนใจหรอกค่ะ"
เจ้าคุณพลรามหันมายิ้ม
"ยังเรียนไม่จบ...แต่แม่เค้าว่าลูกสาวน่ะสิบแปดใช่ไหม"
คุณหญิงแนบตกใจ
"จริงสิคะ...สิบแปดนี่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนี่...ยายนาของเราสิบสี่อีกไม่กี่ปีก็จะจบแปดแล้ว...แล้วคุณจะไปดูละครเค้าไหมคะ"
เจ้าคุณพลรามส่ายหน้ายิ้มๆ
"ไม่แน่ใจว่าเค้าอยากให้เราไปเพราะอะไร...แต่เค้าก็อุตส่าห์มาเชิญด้วยตัวเอง...ไม่ไปก็น่าเกลียด"
เจ้าคุณพลรามหันไปยิ้มกับคุณหญิงแนบ

โสภณนั่งอ่านเอาสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตวันเดินเข้ามาหา
"อ่านเอกสารของสิงค์โปร์อยู่เหรอจ้ะ"
โสภณหันมายิ้ม
"ครับ...เค้าออร์เดอร์มาหนึ่งพันโหล"
ตวันแปลกใจ
"หนึ่งพันโหล หรือ หนึ่งพันขวด"
"หนึ่งพันโหลครับ"
โสภณเอาเอกสารให้แม่ดู ตวันยิ้มพอใจ
"โอ..แม่อยากให้โสเรียนจบเร็วๆ จริง...ถ้าเรามีออร์เดอร์ขนาดนี้แม่กับ สุคงเต็มมือ"
"อีกเทอมเดียวครับแม่"
โสภณลุกมาหอมแก้มแม่ ตวันกอดลูกชายไว้
"สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของแม่คือลูกทั้งสองคนนี่แหล่ะ...สุล่ะลูก"

โสภณทำหน้าใช้ความคิด
"น่าจะคุยอยู่กับคุณนนท์ที่ไหนซักแห่ง"
ตวันพยักหน้าใช้ความคิด
"แม่ว่าคุณนนท์เค้ามาชอบสุไหมครับ"
"แม่แน่ใจว่าเค้าชอบสุมากทีเดียว...แต่เค้าก็วางตัวดี ไม่ทำน่าเกลียด"
"โสก็คิดอย่างนั้น...คุณนนท์น่ะเป็นเพื่อนที่ดี...แต่ไม่รู้จะเป็น..คู่ครองที่ดีหรือเปล่า"
ตวันถอนใจ
"ตอบยาก...บางคนตอนแรกๆ ก็ดี..อยู่ๆ ไปก็เปลี่ยน"
"เค้าถึงว่าผู้หญิงจะมีสามีก็เหมือนซื้อล็อตเตอร์รี่..แล้วอย่างนี้เราจะทำยังไงถึงจะเสี่ยงน้อยที่สุดล่ะครับ"
"ต้องดูกันนานๆ จะใจร้อนไม่ได้เลย แม่กลัวเหลือเกินที่จะเห็นลูกของแม่ต้องเจ็บปวดเพราะความรัก แม่ไม่อยากเห็นลูกมีความทุกข์"
"อย่ากลัวไปเลยครับแม่ ถ้ามันจะต้องผิดหวัง เราก็ต้องยอมรับ ต้องอยู่กับมันให้ได้ ถ้าเรามัวแต่กลัว"
"เราก็จะไม่ได้พบกับความรักที่แท้จริง"
"เรื่องสุ...โสไม่ค่อยห่วง เพราะเค้ามีวิธีจัดการทุกอย่างได้ดี คุณนนท์เองก็เป็นคนดี ถ้าคุณนนท์กับสุเค้าจะชอบกัน เค้าสองคนก็คงมีวิธีที่จะพิสูจน์ตัวเอง"
"มันมีหลายอย่างที่จะเข้ามาในชีวิตคู่...มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนหรอกลูก"
ตวันไม่สบายใจ...

กิจกรรมที่ลานเพลิน ชาวบ้านกำลังทำกิจกรรมต่างๆ บ้างก็ทำไม้กวาด บ้างก็สานใบมะพร้าว อานนท์กำลังช่วยลุงหมานขัดกะลาตาเดียว
"ทำไมมันถึงเรียกกะลาตาเดียวล่ะลุง"
"ก็กะลามันมีตาเดียว...นี่ไงดูซิ"
สุกำลังนั่งร้อยสายสร้อยอยู่ใกล้ๆ หันมาฟัง
"แล้วมันต่างกับกะลาอย่างอื่นยังไงลุง"
"ก็อย่างอื่นมันมีสามตา...ไอ้นี่มันมีตาเดียว"
"อ๋อ..มันตาบอด"
ลุงหมานชักจะหงุดหงิด
"พูดไม่รู้เรื่อง บอดอะไรที่ไหนล่ะ ก็มันเป็นกะลาตาเดียว ไม่ใช่กะลาตาบอด...เฮ้อ...คนกรุงเน้อ"
อานนท์หัวเราะ
"กะลาตาเดียวเวลาทำซอเสียงมันจะดีกว่ากะลาที่มีสามตา" สุชาดาบอก
"อ๋อ..รู้ละ...มันจะแน่นกว่าเพราะมีรอยเจาะแค่รูเดียว"
"คงงั้นมั้ง...ไม่รู้สิ...คุณนี่ช่างถามจริงนะ"
"เด็กฉลาดต้องช่างซักช่างถามสิครับ"
ลุงหมานหันมาค้อน
"นั่นน่ะมันเด็กน่าเบื่อ"

อานนท์หน้าเหรอหรา...สุชาดาหัวเราะชอบใจ..

อานนท์เดินคุยกับสุชาดาอีกมุมหนึ่งของลานเพลิน
"ผมชอบที่นี่จริงๆ...มิน่า..คุณถึงอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน"
"ฉันต้องสารภาพว่าบางวันฉันก็นึกเบื่อเหมือนกัน แต่พอเห็นสีหน้าชาวบ้านที่เค้าต้องการให้เราช่วย ฉันก็ต้องทำ"
"แล้วถ้าหากคุณไม่อยู่...จะมีใครมาดูแลแทนไหม"
สุทำท่าคิด
"ทุกคนเค้าก็มีหน้าที่ของตัวเองกันหมด...แต่ถ้าจะไม่อยู่ก็พอจะสั่งงานเอาไว้ได้"
"แล้วคุณจะไม่อยู่ได้นานแค่ไหน"
"ไม่น่าเกินสองอาทิตย์...ถามทำไม"
"อีกสองวันเครื่องจักรที่ซ่อมก็จะเสร็จแล้วนะ"
สุชาดารู้สึกใจหาย แต่หันมายิ้ม
"คุณก็ควรกลับบ้านได้แล้วซิ...นี่คุณไม่ได้กลับบ้านนานกี่วันแล้วล่ะ"
"ไม่รู้สิ...ไม่ได้นับ ที่ผมไม่กลับบ้านก็เพราะอยากอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด เพราะอีกหน่อยจะไม่ค่อยได้มา...ผมต้องทำงานทุกวัน จะมาได้ก็แค่เสาร์ หรือ อาทิตย์ แต่ถ้าต้องไปทำงานต่างจังหวัดหลายๆ วัน" อานนท์ถอนหายใจ
สุชาดายิ้มใจเย็น
"คุณก็จะได้พบกับคนอื่นๆ ได้พบเพื่อนใหม่ๆ เหมือนคุณมาทำงานที่นี่ไง...อาจจะสนุกน่าอยู่กว่าที่นี่ซะด้วยซ้ำ"
อานนท์มองนิ่ง
"ไม่เหมือนที่นี่หรอก...เพราะที่ไหนๆ มันไม่มีคุณ"

สุชาดารีบหันหน้าหนีทันทีเพราะไม่อยากให้อานนท์เห็นสีหน้าสะเทิ้นอาย
 
อ่านต่อหน้า 2

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ผ่านเวลา จนวันหนึ่งที่นงลักษณ์กำลังเตรียมตัวไปทำงาน สายใจกวาดลานสนามหญ้าอยู่ อานนท์แต่งชุดทำงานรีบลงมาจากข้างบน แทบจะไม่หยุดทักนงลักษณ์เลย นงลักษณ์มองแบบแปลกใจ

"พี่ไปทำงานก่อนนะจ๊ะ"
"คุณนนท์...รีบร้อนอะไรอย่างนั้นคะ"
"พี่จะรีบไปทำธุระจ้ะ"
นงลักษณ์ยืนงง แต่แล้วก็หันไปเห็นการ์ดเชิญที่ตระกลเอามาให้ จึงเรียกอานนท์ไว้
"เดี๋ยวก่อนค่ะคุณนนท์...แล้วเย็นนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า"
"ยังไม่แน่...น้องมีอะไรหรือเปล่า"
นงลักษณ์ยื่นการ์ดเชิญงานโรงเรียนเสาวนิตที่ตระกลมาฝากไว้ให้อานนท์
"คุณตระกลเอาการ์ดเชิญนี่มาฝากไว้ให้คุณนนท์...บอกว่าคุณนนท์รับปากจะไปงานนี้แล้ว"
อานนท์งง
"งานอะไร"
"ก็งานโรงเรียนของเสาวนิตไงคะ"
"อ๋อ...จริงซิ...บอกตระกลว่าไม่ต้องเป็นห่วง"
อานนท์รับการ์ดเชิญแล้วรีบออกไป นงลักษณ์มองตามยิ้มๆ...

เช้าต่อเนื่องมา พิศ เพริศ และ คุณหญิงเจริญวุ่นวายกับเสื้อที่ช่างเอามาส่งแล้ว พิศมองดูชุดของเพริศแล้วไม่พอใจ
"คุณวีณา...ทำไมเสื้อแม่เพริศปักเยอะกว่าของฉันล่ะ"
"ปักเหมือนกันละค่ะคุณพิศ"
"ไม่เหมือน...ดูซิ...ของฉันปักแค่ตรงนี้นิดเดียวเอง"
"นิดเดียวที่ไหน...ปักที่อกทั้งแผงยังจะว่านิดเดียวอีกเหรอ"เพริศบอก
คุณหญิงเทพถาม
"นี่..นี่...แม่พิศ...แม่เพริศ...ปูนนี้แล้วแค่ไหนก็พอแล้วจ้ะ ทำดัดจริตเป็นสาวๆ ไปได้"
"โธ่..คุณแม่ขา นานๆ จะได้ออกงานซักที ครั้งสุดท้ายไปงานภูเขาทองก็. เกือบแปดปีแล้วนะคะ จะไม่ให้ลูกตื่นเต้นได้ยังไง" พิศว่า
คุณหญิงเจริญมองดูชุดผ้าลูกไม้สีหวานที่ตัดให้เสาวนิต
"ชุดนั้นของแม่นิตใช่ไหม" คุณหญิงเทพถาม
"ใช่ค่ะ...แหม..คุณวีณาตัดสวยจริงๆ" คุณหญิงเจริญว่า
"คนใส่สวยด้วยนี่ค่ะ...รับรองค่ะว่าใส่ชุดนี้แล้วสวยเหมือนเจ้าหญิงเลย"
คุณหญิงเจริญหันไปยิ้มกับคุณหญิงเทพอย่างพอใจ...

เสาวนิตใส่ชุดสวยยืนอยู่หน้ากระจก หมุนไปหมุนมาด้วยความพอใจ ทำท่าพูดคนเดียวหน้ากระจก
"สวัสดีค่ะคุณอานนท์....โอ..." เสาวนิตยิ้มหวาน "ขอบคุณค่ะที่ชม คืนนี้คุณนนท์ก็โก้ที่สุดเลยค่ะ ไปสิคะ นิตยินดีจะไปทุกที่กับคุณอานนท์ค่ะ"
เสาวนิตทำเป็นยิ้มหวานส่งจูบในกระจก

เครื่องจักรเก่าของสวนตวันแก้เสร็จเรียบร้อย ตวันกับลูกยืนมองอย่างดีใจ ลูกน้องอานนท์ทั้งสี่คนแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมตัวเดินทางกลับ
"พวกคุณชุบชีวิตไอ้แก่ของฉันซะเหมือนใหม่เลย" ตวันบอก
ลูกน้อง 1บอก
"ต่อไปถ้ามีปัญหาเรียกพวกผมมาจัดการให้ได้นะครับ นายตวัน"
ตวันยิ้ม
"ขอบคุณมากจ้ะ...ถ้าไม่ได้พวกคุณฉันก็คงต้องทิ้งมันเป็นเศษเหล็กไปแล้ว"
ลูกน้อง 2 บอก
"พี่นนท์ไม่ยอมให้ทิ้งหรอกครับ...แกเคยบอกพวกเราว่า แกรักเครื่องจักรทุกตัว...แกต้องซ่อมจนได้"
"นี่เตรียมตัวจะกลับกันแล้วใช่ไหมครับ" โสภณถาม
"ครับ...กว่าจะกลับไปถึงบ้านก็คงเย็นพอดี"
ตวันหันไปพูดกับสุชาดา
"ของที่แม่ให้เตรียมไว้ล่ะ"
สุชาดายิ้ม
"เรียบร้อยแล้วค่ะ"
สุชาดาหันไปเรียกคนงานที่ยืนคอยอยู่หน้าโรงเก็บเครื่องจักร คนงานสามคนถือชะลอมที่สานจากมะพร้าวเป็นชะลอมใบใหญ่ใส่ของมาเต็มจำนวน 5 ชะลอม
"ฉันเตรียมของให้พวกคุณเอากลับไปฝากที่บ้าน...แล้วก็ นี่..."
ตวันหยิบถุงสีแดงใบเล็กๆ ออกมาแจกให้ทุกคน
"อันที่จริงฉันอยากจะตอบแทนพวกคุณด้วยเงิน เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง แต่กลัวคุณอานนท์จะไม่ยอม...โปรดรับสิ่งนี้ไว้ ถือว่าเป็นที่ระลึกจากนายตวัน"
ลูกน้องแกะถุงเล็กๆ นั้นหยิบของข้างในออกมา เป็นสายสร้อยทองพร้อมพระเลี่ยมทองให้กับทุกคน ลูกน้องพากันตกใจ
"เอาไว้ใส่คุ้มครองตัว...พวกคุณต้องไปทำงานไกลๆ กันเสมอๆ ถือซะว่าผู้ใหญ่ให้ลูกหลานไว้นะ"
ลูกน้องอานนท์ทั้งสามคนพากันปลาบปลื้มดีใจ ยกมือไหว้ ตวันยังถือถุงสีแดงเล็กๆ อีกถุงหนึ่งแล้วก็ยังมีชะลอมใบใหญ่สำหรับอานนท์วางอยู่
"แล้วคุณนนท์ไปไหนเสียล่ะจ้ะ"
ลูกน้องพากันมองหน้ากัน
"พี่นนท์กลับไปเมื่อสองวันที่แล้วครับ"
ตวันสีหน้าไม่ดี หันไปมองหน้าลูกทั้งสองคน
"อ้าว...ยังไม่ได้ร่ำลากันเลย"
ลูกน้อง 1บอก
"ผมเอาไปให้พี่นนท์เองก็ได้ครับ...วันจันทร์คงจะเจอกันที่บริษัท ผมจะบอกพี่นนท์ว่า นายตวันฝากของมาให้"
ลูกน้อง 3 บอก
"พี่นนท์คงมีธุระจำเป็นน่ะครับ"
มีเสียงคนงานเอะอะอยู่หน้าโรงเก็บเครื่องจักร ทุกคนหันไปมอง
"มีอะไรกัน" ตวันถาม
ทุกคนพากันเดินออกไปดู

ทุกคนเดินออกมาจากโรงเก็บเครื่องจักรเก่าด้วยสีหน้างงๆ คนงานหลายคนพากันวิ่งไปที่ท่าน้ำด้วยท่าทางตื่นเต้น มีกับสนม พลอยรีบเดินไปดูกับเขาด้วย ตวันเรียกมีไว้ สนมเดินมาหาสุชาดา
"มี อะไรกันน่ะ วิ่งไปดูอะไรกัน"
"เค้าว่านายช่างใหญ่ขับเรือลำใหม่มาครับนาย คนเลยอยากเห็น...วิ่งไปดูกันใหญ่"
"คุณอานนท์น่ะเหรอ...ขับเรือมา" โสภณว่า
ทั้งหมดรีบเดินตามไปดู เมื่อถึงท่าเรือ ก็เห็นอานนท์กำลังลงจากเรือที่เพิ่งซื้อมา คนงานหลายคนพากันมารับด้วยสีหน้าชื่นชม
มีบอก
"เรือสวยจังครับนายช่างใหญ่"
อานนท์ยิ้มกับมีอย่างแจ่มใส ตวันยิ้มให้
"เรือสวยนี่คุณอานนท์"
"ขอบคุณครับ...ถึงงานของผมที่นี่จะเสร็จแล้ว...แต่ผมขออนุญาตมาที่นี่อีกได้ไหมครับ"
"ได้สิคุณอานนท์...คุณเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเรานี่จ้ะ"
อานนท์ยิ้มดีใจ
"ผมกับแม่ยังคุยกันอยู่ว่าไม่อยากให้คุณอานนท์หายไปไหน อยากให้มาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ เห็นหายไปสอ'วันนึกว่าจะไม่มาแล้ว"

สุชาดาหันหลังเดินไป สนมเดินตามไปด้วย อานนท์มองตาม ตวันกับโสภณมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น....แล้วมองหน้ากัน

อานนท์เดินมาหาสุชาดาที่กระท่อมโสภณ เดินมาถึงด้านหน้า เห็นดอกกุหลาบสวยงามบานเต็มไปหมด
 
อานนท์ไม่เห็นใครก็เดินเข้าไปข้างในกระท่อม โต๊ะน้ำชาจัดไว้อย่างสวยงาม มีของว่าง และ ขนมจัดวางไว้ มีแจกันปักดอกกุหลาบแจกันใหญ่ สุชาดาเดินออกมาจากห้อง ใส่ชุดกี่เพ้าสวยงาม ผมขมวดไว้ง่ายๆ แต่ดูสวยน่ารัก อานนท์มองอย่างตกตะลึง
"สุ..."
สุชาดาพยายามไม่เขิน
"ชุดนี้แม่ซื้อมาฝากจากฮ่องกง...หาโอกาสเหมาะๆ ที่จะใส่มานานแล้ว"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"แปลว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษของเราซินะ สุ"
สุชาดายิ้ม
"ใช่... ใช่...วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะพบกัน...ฉันเลยอยากให้คุณจำฉันไว้ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง...ไม่ใช่ทอมบอย อย่างที่คุณคิดเมื่อเจอฉันครั้งแรก"
"ผมจะจดจำคุณว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และทำให้ผมประหลาดใจได้เสมอๆ แต่นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งสุดท้ายหรอกนะ"
"จะครั้งสุดท้าย หรือไม่สุดท้ายฉันจะไม่พูดถึงหรอก..แต่วันนี้เราจะกินเลี้ยงกัน ถือว่าเป็นการร่ำลา แล้วก็ขออโหสิที่เคยทำไม่ดีกับคุณ ทำคุณตกน้ำตกท่า คุณจะยอมตามนี้มั้ย"
อานนท์ยิ้ม
"ยอมซิสุ...คุณอยากให้ผมทำอะไรผมยอมทุกอย่าง"
สุพาอานนท์ไปนั่งโต๊ะที่จัดไว้ แล้วรินน้ำชาใส่ถ้วยใบเล็กๆ
"ชาอู่หลง...ดื่มแล้วสุขภาพดีนะ"
อานนท์ยกน้ำชาขึ้นจิบ
"หอมเหมือนดอกมะลิ"
"ใช่แล้ว...เค้าใช้ดอกมะลิอบกับใบชา"
อานนท์มองสุชาดาจิบน้ำชาด้วยสายตาพอใจ
"ชื่อคุณ...สุอะไร บอกได้ไหม"
"ไม่ได้"
"อ้าวทำไมล่ะ...ถามจริงๆ น่า...คุณชื่อสุอะไร"
"สุ...หยิน."
อานนท์ทำหน้าประหลาดใจ
"จริงเหรอสุ"
สุชาดาเราะชอบใจ
"ไม่จริงหรอก...ซูหยินก็นักประพันธ์ลูกครึ่งจีนน่ะซิ..ฮันซูหยินไงล่ะ ฉันจะไปชื่อเหมือนเขาได้ยังไงล่ะ...ฉันเป็นคนไทย..ก็ต้องชื่อไทย"
"นั่นสิ..ก็ชื่ออะไรล่ะ"
"ก็ชื่อสุเฉยๆ มันเป็นอะไรไปล่ะ...พี่ชื่อโส น้องชื่อสุ ก็ดีแล้วนี่..ทำไมถึงต้องเป็นสุโน่น สุนี่ยาวๆ ให้เรียกยากๆ เล่า"
"ไม่ใช่จะเรียกยาวๆ ยากๆ หรอก...อยากรู้เท่านั้น..รู้แล้วก็จะเรียกสุตามเดิมน่ะแหล่ะW
สุชาดาทำเป็นไม่สนใจ
"อยากรู้ไปทำไมกัน...ไม่เห็นจะได้ประโยชน์"
"จะเอาไปตั้งชื่อเรือของผมไง...เรือของผมยังไม่มีชื่อเลย เค้าบอกว่าเรือต้องมีชื่อ"
สุชาดาตาเขียว
"เออแน่ะ มีอย่างที่ไหน เรื่องอะไรจะเอาชื่อของฉันไปตั้งชื่อเรือของคุณ"
"ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงไม่มีเรือ...ที่ซื้อเรือก็เพราะจะเอาไว้ขับมาหาสุนี่แหล่ะ...เพราะฉะนั้นเรือจะชื่ออื่นไม่ได้ นอกจาก..."
สุชาดาชิงพูด
"นอกจากฉันจะตั้งชื่อให้งั้นหรือ"
"จะตั้งชื่อให้ก็ได้...แต่ผมอยากได้ชื่อคุณมาเป็นชื่อเรือ"
สุชาดาทำท่าคิด
"ก็ได้...ฉันจะตั้งชื่อเรือให้คุณ...ชื่อลิงลมเป็นไง"
อานนท์นิ่งอึ้งทำหน้าเหมือนอยากสำลักร้องเสียงดัง
"ไม่อาว...มีอย่างที่ไหนจะให้เรือชื่อลิงลม...มิต้องอมข้าวพองรึ"
สุชาดาหัวเราะชอบใจ
"ดีนะ..แปลกดี"
อานนท์ค้อน...

นงลักษณ์แต่งตัวสวย ยืนกระวนกระวายคอยหน้าบ้านด้วยสีหน้าร้อนใจ สายใจก็พลอยร้อนใจคอยชะเง้อมอง
"ทำไมป่านนี้คุณนนท์ยังไม่มาอีก"
สายใจบอก
"เดี๋ยวก็คงมาค่ะ"
ตระกลในชุดสูทขับรถเข้ามาจอด แล้วรีบลงจากรถเดินมาหานงลักษณ์
"คุณตระกล"
ตระกลมองหาอานนท์
"นายนนท์ล่ะครับ"
"ยังไม่มาเลยค่ะ."
ตระกลสีหน้าเป็นทุกข์ทันที
"ป่านนี้ยังไม่มา จะไปทันได้ยังไง นายนนท์ได้บัตรเชิญแล้วใช่ไหมครับ"
"ให้ไปแล้วค่ะ...เมื่อเช้าคุณนนท์รีบร้อนออกไป แต่ดิฉันให้บัตรไปแล้ว"
"หรือจะยังไม่ข้ามฟากกลับมา"
"ดิฉันก็สังหรณ์ใจอย่างนั้นค่ะ...งานคุณนนท์คงยุ่งจนกลับมาไม่ได้"
นงลักษณ์เห็นตระกลทำหน้าหนักใจมากก็นึกสงสัย
"คุณตระกลดูท่าทางไม่สบายใจมาก...เพราะคุณนนท์ไม่มาเหรอคะ"
ตระกลถอนใจ
"ช่างเถอะครับ" ตระกลหันมายิ้มกับนงลักษณ์ "เราไปกันดีกว่า"
"ไม่รอคุณนนท์อีกหน่อยเหรอคะ อาจจะกำลังมาก็ได้"
"ถ้ามาเค้าคงมาแล้วละครับ...แต่นี่เค้าคงติดธุระสำคัญจริงๆ"
ตระกลจะออกเดินพานงลักษณ์ไปขึ้นรถ นงลักษณ์หันมาสั่งสายใจ
"สายใจ...ถ้าคุณนนท์มาบอกให้รีบตามไปนะ"
"ค่ะ"
ตระกลพานงลักษณ์ขึ้นรถไป สายใจมองตามถอนใจ

ในกระท่อมโสภณ อานนท์นั่งหน้าบึ้ง สุชาดาพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่
"เรื่องมากจริงนะคุณอานนท์...จะเอาชื่ออะไรกันแน่ หนุมานก็ไม่เอา สุครีพก็ไม่เอา .เอ้าถ้างั้นเอาชื่อนี้ดีไหม ค่างโหน"
อานนท์ทำหน้าขัดใจ
"เอ๊ะ...ชื่ออะไรกัน ค่างโหน ชื่อเหล้านี่นา"
"อ้าว...ก็มันแปลกดี คิดดูซิ คนเค้าจะพากันสะกิดให้ดู ดูเรือลำนั้นซิ...ชื่อค่างโหน"
อานนท์ค้อน
"ไม่เอา...บอกว่าไม่เอา นี่มันเรือเร็วจ้ะ ไม่ใช่เรือแจว"
คราวนี้สุชาดาหัวเราะอย่างสุดกลั้น อานนท์มองอย่างสุขใจ
"อยากให้มีคำว่าสุด้วยเหรอ....สุ..ธน"
"ไม่เอาน่าเหลวไหล"
"เหลวไหลยังไง...เรือของคุณชื่อสุธนดีแล้วนี่..มีอย่างรึจะมาเอาชื่อฉันไปตั้งชื่อเรือ...ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ยอม"
อานนท์ยอมแพ้
"เอาละ...งานเลี้ยงเลิกแล้ว...กลับบ้านได้"
"ยังไม่อยากกลับนี่...ขออยู่ต่ออีกหน่อยนะ"
อานนท์ทำสีหน้าอ้อน สุชาดามองแล้วก็พยายามไม่ใจอ่อน..
"จะช้าจะเร็วคุณก็ต้องกลับอยู่ดี"
"วันนี้ผมอยากอยู่ให้นานๆ...นะ..อย่าเพิ่งไล่ผมกลับเลยนะ"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส สนมหน้าตื่นวิ่งเข้ามา
"คุณ...คุณ...ลูกคนงานโดนงูกัด"
อานนท์ กับ สุชาดาตกใจ

ทั้งคู่วิ่งมาที่บ้านคนงาน มีเด็กผู้ชายที่โดนงูกัด ทำท่าเหมือนจะหายใจไม่ออก นั่งโงนเงนจะลงนอน ที่ขามีรอยขันเชนาะเหนือรอยงูกัด
"งูอะไรกัดรู้ไหม" อานนท์ถาม
คนงานที่เป็นพ่อเด็กบอก
"งูแมวเซาครับนาย"
อานนท์เข้าไปจับตัวเด็ก
"อย่าหลับนะ...หนู..หนู..อย่าหลับนะ"
อานนท์เอามือจับหน้าเด็กไว้ แม่เด็กร้องไห้
"ช่วยลูกฉันด้วยค่ะนาย...ไอ้แดง..ไอ้แดง...อย่าหลับนะลูก"
อานนท์อุ้มเด็ก
"ต้องรีบเอาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย"
โสภณวิ่งเข้ามา
"โดนงูอะไรกัด"
"พ่อเด็กบอกว่างูแมวเซา...ผมว่าเอาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย"
"ไปครับ...ผมไปด้วย"
"สุไปด้วย"
โสภณหันมาเห็นสุชาดายังใส่กี่เพ้าก็แปลกใจ
"ใส่ชุดอะไรน่ะ"
"ผมจะไปกับโส แล้วก็พ่อเด็กน่ะ ไป..ไปด้วยกัน..คุณรออยู่ที่บ้านนี่ละ"

อานนท์อุ้มเด็กรีบเด็กเดินออกไป โดยมีโสภณตามไปด้วยกับพ่อเด็ก แม่เด็กนั่งเช็ดน้ำตา สุชาดามองตามอานนท์
 
อ่านต่อหน้า 3

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 9 (ต่อ)

บริเวณหน้าหอประชุมโรงเรียนการเรือน ตอนค่ำ คุณหญิงเจริญตื่นเต้นเต็มที่ ทุกคนแต่งตัวสวยประโคมเครื่องเพชร ผู้คนที่มาชมละครเดินไปมา คุณหญิงทักทายด้วยแทบทุกคน
 
พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์ยืนสีหน้าเบื่อหน่าย อยู่กับคุณหญิงเทพ ป้าทั้งสามยืนอยู่ด้วยกันมุมหนึ่ง ด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
คุณหญิงเทพถาม
"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะท่านเจ้าคุณ...ทำหน้าเหมือนบุญไม่รับ ออกมาดูลูกสาวเล่นละครทั้งที...ทำหน้าทำตาให้มันสดชื่นหน่อย"
คุณหญิงเทพยิ้มแย้มอย่างแจ่มใสกับคนที่มาทักทาย
"ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่เสาวนิตเล่นละครโรงเรียน"
"อ้าว...ทำไมล่ะ...อย่าเพิ่งมาคิดตอนนี้ซิท่านเจ้าคุณ...ดูซิ แขกเหรื่อเค้ามาเยอะแยะ...เค้าจะว่าทำไมพระยาสุทธายืนหน้าบึ้งอย่างนี้"
"เรียนหนังสือสอบตกทุกปี...มาเล่นละครแบบนี้ยิ่งพาให้แก่แดด"
"โอ้ย...เป็นผู้หญิง เรียนไปก็เท่านั้น แต่งงานไปก็เลี้ยงแต่ลูก" สุทธาไม่พอใจและไม่เห็นด้วย"แม่นิตน่ะสวย...เดี๋ยวก็มีผู้ชายดีๆ มาขอ"
"สมัยนี้ผู้หญิงเค้าทำงานเก่งๆ กันหลายคนนะครับคุณแม่"
"อย่ามาทำหัวสมัยกับแม่หน่อยเลย...ผู้หญิงโบร่ำโบราณ ใครเค้าจะมาทำงานแข่งกับผู้ชายกัน...ถึงทำก็ไม่เจริญ เชื่อแม่นี่ล่ะ...คอยดูนะ..พอแม่นิตแต่งงานเราก็หมดห่วงแล้ว แม่เจริญ ไหนล่ะคุณอานนท์"
"คงจะกำลังมาค่ะ"
"น่าจะมาได้แล้วนะ...ละครจวนจะเล่นอยู่แล้ว..วันนี้น่ะฉันตั้งใจเต็มที่ที่จะเจอพ่ออานนท์"
"ยายนิตยังเด็กมาก...คุณอานนท์เค้าคงไม่คิดอย่างที่คุณแม่ต้องการหรอกครับ"
คุณหญิงเทพตาเขียว
"เด็กอะไร...แม่มีแม่พรรณน่ะ สิบหกเท่านั้นละ...อย่ามาเถียงแม่หน่อยเลยน่า"
เจ้าคุณสุทธาขี้เกียจเถียง คุณหญิงเทพหันไปทักทายคนโน้นคนนี้ ตระกลเดินมากับนงลักษณ์
นงลักษณ์เดินเข้ามาไหว้ทุกคน
"นี่คุณนงลักษณ์...น้องสาวอานนท์ครับ"
คุณหญิงเทพรับไหว้ เจริญยิ้มแย้มรีบเดินมารับ
"ไหว้พระเถอะลูก...แล้วพ่ออานนท์ล่ะจ้ะ"
ตระกลมองหน้ากับนงลักษณ์
"คุณนนท์ติดธุระค่ะ...เกรงจะมาไม่ทัน"
คุณหญิงเทพ กับเจริญหน้าเสีย
"อ้าว...ตระกลไม่ได้บอกคุณนนท์หรอกหรือว่าละครเล่นวันนี้" คุณหญิงเจริญถาม
"บอกแล้วค่ะ...หนูเองเป็นคนส่งการ์ดเชิญให้คุณนนท์ แต่งานที่เมืองนนท์คงไม่เสร็จ"
คุณหญิงเทพผิดหวังมาก
"ตระกล...แกไม่ได้คอยเตือนคุณอานนท์ใช่ไหม...แกต้องคอยเตือนเค้าซี่ คนเค้างานเยอะ แกน่าจะรู้นะ อะไรกันนี่อาศัยไหว้วานแค่นี้ก็ทำไม่ได้"
คุณหญิงเทพตาลุกใส่ตระกลอย่างไม่อายใคร เจ้าคุณสุทธารีบสะกิดไว้ นงลักษณ์ตกใจ ตระกลพยายามข่มใจมาก
"คุณแม่ครับ...คนมองแล้วครับ"
"ใครจะมองก็ช่างมันเถอะ เจ้าคุณ นี่แม่โมโหไอ้ตระกลจริงๆ นะ"
"คุณอานนท์คงติดธุระสำคัญจริงๆ นะครับ..ไม่อย่างนั้นก็คงมาแล้ว...ตระกลเค้าก็ทำดีที่สุดแล้ว"
คุณหญิงเทพหันไปมองหน้าเจ้าคุณสุทธาอย่างโมโหมาก
"อย่ามาออกรับแทนมันนะ..คิดผิดจริงๆ ที่ให้มันช่วย"
มีคนเดินผ่านเริ่มพากันหันมามอง คุณหญิงเทพจึงหยุดพูด แต่ท่าทางก็ยังไม่พอใจ คุณหญิงเจริญมองตระกลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
"ผมว่าคุณแม่เข้าไปในหอประชุมดีกว่าครับ"
"คุณนนท์อาจจะตามมาก็ได้ค่ะ" นงลักษณ์ว่า
คุณหญิงเทพค้อนตระกล แล้วเดินเข้าไปในหอประชุมกับสุทธา คุณหญิงเจริญหันมาเล่นงานตระกล
"แกต้องรับผิดชอบ"
คุณหญิงเจริญสะบัดหน้าเดินเข้าหอประชุมไป พรรณ พิศ เพริศ เดินตามไปด้วย ตระกลยืนนิ่งพยายามข่มความโกรธ และ น้อยใจ นงลักษณ์มองตระกลอย่างเห็นใจมาก...ตระกลเดินหนีไป
"คุณตระกล"
นงลักษณ์ลังเลว่าจะเดินเข้าไปในหอประชุมตามพวกเจ้าคุณสุทธาดีไหม...แต่แล้วก็เดินตามตระกลไป..

ตระกลเดินหนีไปยืนสงบอารมณ์อยู่มุมหนึ่งของหอประชุม นงลักษณ์เดินตามมาด้วยความเป็นห่วง
"คุณตระกลคะ"
ตระกลหันมาพยายามยิ้มกับนงลักษณ์
"เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมผมถึงชอบอยู่ที่บ้านคุณ มากกว่ากลับไปที่บ้านคุณพี่"
นงลักษณ์ยิ้มปลอบใจ
"บ้านฉันยินดีต้อนรับคุณเสมอค่ะ"
"ขอบคุณครับ คนหลักลอยอย่างผม มีบ้านคุณเป็นทีjพึ่งพา ไม่อย่างนั้นผมคงออกจากบ้านคุณพี่ไปนานแล้ว"
"อย่าดูถูกตัวเองอย่างนั้นสิคะ คุณไม่ใช่คนหลักลอยนะคะ หน้าที่การงานคุณก็มี ท่านเจ้าคุณสุทธาก็รักคุณ ฉันดูก็รู้ค่ะ"
"จริงครับ คุณพี่ดีกับผมมาก ดูแลผมดียิ่งกว่าพ่อผมอีก แม่ผมเป็นเมียน้อย พอเจ้าคุณพ่อสิ้น แม่ก็ตัดสินใจออกจากบ้าน เพราะทนอยู่ไม่ไหว ผมเองก็คงจะทนต่อไม่ไหวเหมือนกัน"
"แต่ถ้าคุณไปจากบ้าน ท่านเจ้าคุณก็คงขาดเพื่อนนะคะ"
"แต่เราจะอยู่ให้เค้าเหยียดหยามดูถูกไปเรื่อยๆ ได้ยังไงครับ"

นงลักษณ์เดินมาใกล้ๆ
"ไม่มีใครมาเหยียดหยามดูถูกเราได้หรอกค่ะ...เรารู้ตัวของเราว่าเราเป็นยังไง...ใครจะพูดว่าอะไรก็ช่างเขา ถ้าเราไม่ให้ความสำคัญกับตัวเขา หรือคำพูดของเขา คนที่เป็นทุกข์มันก็ตัวเขาเอง คนที่อยู่กับโมหะจริต...ไม่มีความสุขหรอกค่ะ"
"แต่ผมว่าเค้าก็สะใจที่ได้พูดถากถางผมนะ"
"คำพูดไม่ดีที่ออกจากปากเขา มันเป็นวิบากกรรมให้กับเขาเอง ถึงเค้าจะคิดว่าเค้าพอใจที่ได้พูดไม่ดีกับคุณ แต่สุดท้ายเค้าก็ต้องรู้แก่ใจ ว่าสิ่งที่เค้าพูดมันไม่ดี มันทำร้ายจิตใจคนอื่น เค้าสร้างสิ่งไม่ดีให้กับตัวเอง"
ตระกลมองนงลักษณ์ที่พยายามปลอบโยนเพราะเดือดร้อนแทนเขา ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นงลักษณ์ก็พลอยยิ้มไปด้วย
"คุณนนท์ นะคุณนนท์ ป่านนี้ไปอยู่ที่ไหน...จะรู้ไหมว่าทำให้เพื่อนเดือดร้อน"
"ผมว่าดีแล้วที่นายนนท์ไม่มา...ผมรู้ว่าที่เค้ารับปากจะมาก็เพราะเห็นแก่ผม...คุณพี่เองก็ไม่อยากมา...ท่านว่าไมjอยากส่งเสริมให้เสาวนิตแก่แดด"
"ฉันรู้สึกว่าเสาวนิตทำตัวสาวเกินอายุนะคะ...เมื่อวันที่ไปดูหนังฉันก็สังเกตอยู่เหมือนกัน"
"เห็นคุณพี่ก็พูดเรื่องเสาวนิตไม่ค่อยสนใจการเรียนเหมือนกัน"
ตระกลมองนงลักษณ์อย่างหลงรักแล้ว...
"ผมดีใจที่วันนี้ผมมีคุณอยู่ข้างๆ...ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วยคืนนี้ ผมอาจจะเตลิดไปไหนต่อไหนแล้วก็ได้"
นงลักษณ์มองตระกลอย่างดีใจ...

เสาวนิตแสดงเป็นนางเอกบนเวที มองหาอานนท์ แต่ไม่พบ ... ทุกคนที่นั่งชมละคร ต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป จากเรื่องราวของชีวิตจริง หาใช่บทบาทของตัวละครที่โลดแล่นอยู่บนเวทีไม่

สุชาดาเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ เดินลงมาจากชั้นบน เจอแม่นั่งคอยอยู่ ตวันหันมายิ้มๆ
“แม่ว่าคุณอานนท์เค้าเป็นยังไงบ้างคะแม่”
“เท่าที่เห็นเค้าก็ดีจ้ะ แล้วสุล่ะ คิดว่าเค้าเป็นยังไง”
“สุไม่กล้าคิดกับเค้ามากไปกว่าเพื่อน”
“นั่นแหล่ะถูกแล้ว...แม่ดีใจที่สุคิดอย่างนั้น”
“แล้วถ้าคุณอานนท์เค้าไม่คิดอย่างนั้นล่ะคะ”
“สุต้องควบคุมตัวเองให้ดี...แม่ไม่อยากให้สุผิดหวัง ความรักไม่ใช่เรื่องยาก...แต่การใช้ชีวิตคู่เป็นเรื่อง
ไม่ง่าย ชีวิตคู่ที่ไม่พร้อม ไม่เหมาะสม มันก็ไปไม่รอด”
“หลังจากวันนี้ เค้าอาจจะไม่มาอีกก็ได้ค่ะ พอเค้ากลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เค้าเป็น...เค้าก็คงค่อยๆ ลืมไปเอง”
“หรือพ่อแม่เค้าอาจจะหาหมายตาผู้หญิงไว้ให้เค้าแล้ว”
สุชาดานิ่งไป
“ก่อนจะตัดสินใจรักใครต้องคิดให้ดีเสียก่อน แต่แม่เชื่อใจสุ...เชื่อว่าสุเข้มแข็งพอ”
สุชาดายิ้มกับตวัน
“สุจะไม่ยอมเจ็บปวดเรื่องความรักเด็ดขาด...สุกลัว”

โสภณเดินเข้ามากับอานนท์ ตวันรีบลุกขึ้นถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าแดงเป็นยังไงลูก”
“ปลอดภัยแล้วครับ...แต่คงต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสองสามวัน”
“หมอขอดูอาการให้แน่ใจก่อนครับ” อานนท์บอก
“คืนนี้คุณอานนท์พักที่นี่ดีไหมคะ...นี่ก็ดึกแล้ว..พักที่นี่ดีกว่า พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอคะ”
อานนท์ทำท่านึกขึ้นมาได้
“พรุ่งนี้วันเสาร์....วันนี้ก็วันศุกร์สิครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ...ทำไมทำท่าอย่างนั้นล่ะ” สุชาดาถาม
“ตายแน่ๆ”
“มีอะไร”
“ผมรับปากกับเพื่อนไว้ว่าจะไปดูหลานเค้าเล่นละคร นี่ผมมัวแต่ยุ่งเรื่องซื้อเรือจนลืมวันไปเลยเหรอนี่
ผมกลับเลยดีกว่า”
“อย่าเลยครับ...มันอันตราย..คุณนนท์ยังไม่คุ้นเส้นทาง”
“นั่นน่ะซิ...ฉันขี้เกียจตามไปลากเรือคุณกลับมานะ” สุชาดาบอก
“กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ...สู้พรุ่งนี้ไปแต่เช้าดีกว่า ฉันให้จูเหลียงจัดห้องพักให้คุณแล้ว”ตวันบอก
อานนท์ทำท่าคิดมาก
“ขอบคุณครับ”

สุชาดามองอานนท์อย่างใช้ความคิด...

รถบ้านเจ้าคุณสุทธาขับมาจอดหน้าตึก ทันทีที่รถจอดเสาวนิตก็รีบวิ่งลงจากรถเข้าบ้านไป เสาวนิตใส่ชุดสวยที่คุณหญิงเทพตัดให้ เสาวนิตวิ่งไปร้องไห้ไป คุณหญิงเจริญรีบลงจากรถ พยายามเรียก

"นิต...นิต...เดี๋ยวก่อนซิลูก"
เจ้าคุณสุทธาลงมาจากรถมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ จะเดินไปที่ห้องพัก คุณหญิงตามมาอาละวาด
"ก็เพราะน้องชายตัวดีของท่านเจ้าคุณน่ะแหล่ะ...ที่ทำให้ลูกผิดหวัง"
เจ้าคุณทั้งเบื่อ ทั้งโมโห
"เธอมันดีแต่โทษคนอื่นไม่เคยดูตัวเอง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ที่เธอพยายามจะยัดเยียดเสาวนิตให้คุณอานนท์... คิดอะไรบ้าๆ"
คุณหญิงเจริญอาย แต่ก็พยายามเถียง
"ดิฉันอยากให้ลูกมีคู่ดีๆ มันผิดตรงไหน...ดีกว่าเจ้าคุณที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรดีๆ ให้ลูกเลย"
"เธอคิดได้แค่นี้เหรอ...คิดว่าที่ทำนี่ดีแล้วเหรอ อย่าพูดกันเลยดีกว่า"
"ใช่สิคะ ดิฉันมันคนการศึกษาน้อย ไหนเลยจะสู้ลูกเจ๊กลูกจีนตะเกียกตะกายเรียนสูงๆ เชอะ...มีวิชาแต่เอาตัวไม่รอด"
เจ้าคุณสุทธาหันมาเสียงดัง
"หยุดนะ...อย่าเอาคนอื่นมาเปรียบกับเธอเลย...คนอย่างเธอน่ะ"
"ทำไม...คนอย่างดิฉันเป็นยังไง เจ้าคุณดีแต่ดูถูกดิฉัน ดิฉันทำอะไรไม่เคยถูกซักอย่าง มีลูกให้ท่านสามคน ท่านเคยเห็นดิฉันในสายตาบ้างไหม"
คุณหญิงเจริญร้องไห้ เจ้าคุณสุทธาไม่สนใจ เดินเข้าห้องพักไป

คุณหญิงเจริญเปิดประตูห้องเข้ามา สีหน้าหม่นหมอง เห็นเสาวนิตนั่งร้องไห้อยู่ในห้อง
"นิต"
เสาวนิตร้องไห้โผเข้ากอดเจริญ
"คุณแม่....ทำไมคุณอานนท์ทำอย่างนี้คะ"
"เค้าคงติดธุระสำคัญน่ะลูก...อย่าเสียใจไปเลย"
"อาตระกลไม่รักนิต ไม่อย่างนั้นอาตระกลต้องชวนคุณนนท์มาได้แน่ๆ นิตรู้ เค้าเป็นเพื่อนรักกัน ถ้าอาตระกลพาคุณนนท์มา คุณนนท์ก็ต้องยอมมา"
คุณหญิงเจริญสีหน้าโกรธขึ้นมาทันที
"ไอ้ตระกล เลี้ยงเสียข้าวสุก เลวจริงๆ พรุ่งนี้แม่จะเล่นงานมัน"
"อย่าเลยค่ะ คุณพ่อจะโกรธคุณแม่ คุณพ่อรักอาตระกลมาก รักมากกว่านิตด้วยซ้ำ คุณแม่อย่าไปว่าอาตระกลนะคะ นิตไม่อยากให้คุณพ่อมาดุคุณแม่เพราะนิต"
"จะดุก็ดุซิ...แม่ไม่สนใจ"
"ให้คุณย่าเป็นคนพูดดีกว่าค่ะ...คุณพ่อไม่กล้าเถียงคุณย่า"
เจริญยิ้มสะใจ
"ใช่...ต้องให้คุณย่าจัดการ คืนนี้นิตจะมานอนกับแม่ก็ได้นะลูก"
เสาวนิตอิดเอื้อน
"อย่าเลยค่ะ...คุณแม่เหนื่อยมากแล้ นอนให้สบายดีกว่า นิตจะกลับไปนอนที่ห้องเอง.."
เสาวนิตรีบลุกขึ้นเดินออกไป เพราะกลัวแม่จะเรียกไว้ คุณหญิงเจริญหงุดหงิด...

เสาวนิตออกมาจากห้องแม่จากสีหน้าที่เคยเศร้าร้องไห้ กลายเป็นสีหน้าดึใจแจ่มใส เดินผ่านห้องตัวเองกับนิศา ค่อยๆ ย่องลงไปข้างล่าง นิศาเปิดประตูห้องออกมาดู เห็นพี่สาวกำลังแอบย่องเดินลงไป นิศาสงสัย...

เสาวนิตเดินมาที่สวนมะลิ มองหาเทอด เห็นเทอดนอนหลับอยู่บนม้านั่งในสวน เสาวนิตค่อยๆ ย่องเข้าไป แล้วหอม เทอดลืมตา พอเห็นเสานิตก็รีบกอดไว้
"ผมคิดว่าคุณนิตจะไม่มาหาไอ้เทอดคนนี้ซะแล้ว"
เสาวนิตทำตาหวาน
"ทีแรกนิตก็จะไม่มา...แต่พอคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเทอดก็ทนไม่ได้"
เทอดมองเสาวนิต
"วันนี้คุณนิตสวยเหมือนนางฟ้า...เทอดคิดถึงคุณใจจะขาด...เมื่อคืนวานที่ไปดูคุณนิตรอบซ้อมใหญ่...ป้าพลับกับป้าแววยังชมว่าคุณนิตเล่นละครเก่งมาก"
"แล้วเทอดล่ะ...เทอดว่านิตเล่นละครเก่งไหม"
"เก่งมากครับ...ดีว่าคนที่เล่นเป็นพระเอกเป็นผู้หญิง เพราะถ้าเป็นผู้ชายแล้วเค้าได้กอดคุณนิตอย่างนั้น... เทอดทนไม่ได้แน่ๆขนาดรู้ว่าพระเอกเป็นผู้หญิง เทอดยังหึงเลย"
"ก็โรงเรียนการเรือนเป็นโรงเรียนสตรีนี่จ้ะ จะมีผู้ชายได้อย่างไร ถ้าเค้าเอาผู้ชายมาเล่นเป็นพระเอก นิดก็ไม่ยอมให้เค้ามาโดนตัวหรอก นิตยอมแต่เทอดคนเดียว"
เทอดได้ใจ หอมแก้มเสาวนิต
"ชื่นใจของเทอด...เทอดอยากจะกอดคุณนิตไว้อย่างนี้ทั้งคืนเลย คุณนิตวันนี้สวยเหมือนนางฟ้า สวยจนเทอดหลงรักจนแทบเป็นบ้า"
เสาวนิตเบี่ยงตัวออกมาจ้องตากับเทอดด้วยท่าทางที่คิดว่ายั่วยวนที่สุด
"เทอดจ๋า...เทอดอย่าหลอกนิตนะ ผู้ชายน่ะเค้าว่าปากหวาน แต่พอไปเจอผู้หญิงคนอื่นก็ลืม..เทอดอย่าเป็นผู้ชายอย่างนั้นนะ อย่าหลอกนิตนะ"
เทอดเอามือเสาวนิตมากุมไว้
"ไม่มีวัน..ชีวิตของเทอดเป็นของคุณนิตเพียงคนเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะมีผู้หญิงอื่นดีแค่ไหน...สวยแค่ไหน..เทอดก็ไม่มีวันไปสนใจคนอื่นเด็ดขาด"

เสาวนิตโผเข้ากอดเทอดไว้ด้วยท่าทางอ่อนระทวย...
 
อ่านต่อหน้า 4

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ปริศนาเดินเล่นอยู่ใกล้ๆ ท่าน้ำวังศิลาขาว สีหน้ามีความสุข แต่ยังไม่ใส่ชุดคลุมท้อง เอามือลูบท้องเบาๆ
 
สักครู่มีเสียงเรือแล่นเข้ามา ปริศนาหันไปมอง เห็นอานนท์ขับเรือเข้ามาจอดที่ท่าน้ำวังศิลาขาว ปริศนาหัวเราะเดินไปดูใกล้ๆ พอเห็นอานนท์ก็หัวเราะดีใจ
"คุณนนท์"
อานนท์เอาเรือเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว ลงมาหาปริศนา
"เป็นไงปริศนา...ชอบไหม"
"เรือของใครน่ะ"
"ของผมเอง...เพิ่งไปซื้อมาเมื่อสองวันนี้เอง"
"ทำไมจู่ๆ ก็ไปซื้อเรือมาน่ะคุณนนท์"
อานนท์ทำหน้าเจ้าเล่ห์
"เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน...เป็นไงเรือสวยมั้ย นี่ผมซื้อได้ราคาไม่แพงด้วยนา...เจ้าของเดิมเค้าใช้ได้แค่สองปี"
"แน่ใจเหรอว่าจะขับได้"
อานนท์หัวเราะ
"โธ่ปริศนา...นี่ผมก็ขับออกมาจากอู่เค้าเชียวนา..จะลองไปนั่งดูมั้ยล่ะ...รับรองว่าไม่ให้กระเทือนหลานผมในท้องหรอก"
"คุณนนท์รู้แล้วเหรอว่าปริศนาท้อง"
"สิรีบอก..ไปไหมปริศนา ไปลองเรือกัน"

อานนท์พาปริศนานั้งเรือเล่น อานนท์ลองให้ปริศนาขับเรือวิ่งไปในแม่น้ำ

นงลักษณ์กำลังจะออกไปทำงาน อานนท์ขับรถกลับมาพอจอดรถเดินลงมาจะทัก นงลักษณ์ค้อนอานนท์ยิ้มเก้อ..
"ทำไมวันนี้น้องสาวพี่หน้าบูดแต่วันล่ะจ้ะ"
"ไม่ต้องมาแหย่น้องเลย คุณนนท์ไปไหนมาคะ ไปโดนดอกบัวที่ไหนหุบเอาไว้"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"มีอุบัติเหตุนิดหน่อยที่โรงงาน เด็กโดนงูกัด พี่เลยต้องพาไปโรงพยาบาล...เดี๋ยวว่าจะรีบไปหาตระกลซะหน่อยจะไปขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ไปดูละครหลานเขา"
นงลักษณ์หน้าเสีย
"น้องเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณตระกลถึงมาเถลไถลบ้านเราแทบทุกวัน...ไม่อยากกลับบ้าน"
อานนท์สงสัย
"เพราะอะไรเหรอ"
นงลักษณ์ถอนใจ
"คนที่อยากให้คุณนนท์ไปดูละครน่ะ คือคุณหญิงเทพกับคุณหญิงเจริญ พอคุณนนท์ไม่ไป เค้าก็ต่อว่าคุณตระกล น้องไม่นึกเลยว่าผู้ใหญ่ที่เรานับถือสองคนนั่น จะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคุณตระกลได้ขนาดนั้น"
อานนท์ตกใจ
"อะไรกัน แค่เรื่องดูละคร เค้าต้องว่าตระกลขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ"
"นั้นน่ะสิคะ น้องสงสารคุณตระกลมาก ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู จะไม่นึกเลยว่าคุณหญิงเจริญ กับคุณหญิงเทพ...จะดูถูกดูแคลนคุณตระกลขนาดนั้น"
"แล้วท่านเจ้าคุณสุทธาว่าอย่างไร"
"ท่านเจ้าคุณก็พยายามช่วยพูดเข้าข้างคุณตระกล แต่กลับโดนคุณหญิงเทพหันมาเอ็ดให้ว่าเข้าข้างกันอีก"
อานนท์ถอนใจอย่างสะเทือนใจ
"พี่ไม่นึกเลยว่าคุณหญิงเจริญ กับ คุณหญิงเทพจะผิดหวังมากถึงกับต่อว่าตระกลที่พี่ไม่ไปดูละคร ถ้าพี่รู้ว่าเค้าตั้งใจที่จะให้พี่ไปขนาดนั้น...พี่คงรีบไปแล้ว"
"นั่นน่ะสิคะ...มันไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น...คุณตระกลเองก็งงว่า ทำไมคุณหญิงสองคนนั่นถึงอยากให้คุณนนท์ไปดูละครที่เสาวนิตเล่นนักหนา"
อานนท์ไม่สบายใจ...

คุณหญิงเทพนั่งคุยกับคุณหญิงเจริญอยู่บนตึกด้วยสีหน้าโกรธบึ้งตึง
"ไอ้เราอุตส่าห์ลงทุนค่าเสื้อผ้าไปไม่รู้เท่าไหร่..หวังจะให้พ่ออานนท์ประทับใจ...จะได้มีใจให้แม่นิต...กลับไม่มาซะนี่"
"ดิฉันไม่ว่าคุณอานนท์หรอกค่ะคุณแม่...เรื่องนี้น่ะต้องโทษตระกลคนเดียว เค้าไม่กระตือลือล้นกับเราเลย ตัวเองสนิทกับคุณอานนท์ขนาดนั้น ถ้าจะเอาตัวเขามาจริงๆ ก็ทำได้...แต่ไม่ทำ"
"หรือมันจะแกล้งเรา มันคงรู้ว่าเราเตรียมเนื้อเตรียมตัวกัน คงเห็นเราอยากให้พ่ออานนท์มามาก มันเลยแกล้งไม่ไปบอกเขาแน่ๆ มันต้องแกล้งเราแน่"
"ดิฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน น่าเจ็บใจนัก แทนที่จะช่วยหลานตัวเอง...กลับทำตัวขวางซะอย่างนั้น"
"เหมือนแม่มันไม่มีผิด...หัวแข็งดื้อด้าน อวดดี ฉันถึงเฉดหัวมันออกไปซะยังไง ท่านเจ้าคุณน่ะซิ ไปเอามันมาอยู่ในบ้านทำไมก็ไม่รู้"
"เจ้าคุณต้องทำตามที่เจ้าคุณพ่อสั่งไว้นี่คะคุณแม่...ลูกว่ารอฟังเหตุผลก่อนดีกว่า...อย่าเพิ่งไปโกรธใครเลยค่ะ" พรรณบอก

คุณหญิงเทพมองหน้าพรรณอย่างไม่ค่อยพอใจ
"เหตุผลอะไรมันจะเหนือกว่าคำพูดของแม่ฮึ..แม่พรรณ แม่น่ะอุตส่าห์ลงทุนเชิญเองเลยนะ แหม...คิดแล้วอยากจะไปเล่นงานไอ้ตระกลจริงๆ"
"ถ้าคุณแม่ทำอย่างนั้น...ท่านเจ้าคุณจะไม่พอใจนะคะ"
คุณหญิงเจริญค้อนประหลับประเหลือก
"อ๋อ...เค้าเข้าข้างกันแน่ๆ ค่ะ คุณพี่...ดิฉันน่ะแตะน้องท่านได้ที่ไหน...กลับมาว่าดิฉันไม่มีความคิด โง่เง่าที่คิด อยากจะจับคู่พ่ออานนท์กับเสาวนิต...ดูถูกดิฉันสารพัด ยังเอาดิฉันไปเปรียบกับแม่ลูกเจ๊กนั่นอีกนะคะคุณแม่..คงอยากจะว่าแม่นั่นฉลาดเรียนสูงกว่าดิฉัน"
คุณหญิงเทพโกรธจนนั่งไม่ติด คุณหญฺงเจริญพูดแล้วก็น้ำตาไหล
"เอ๊ะ...ท่านเจ้าคุณนี่ยังไงกัน จะไปพูดถึงมันทำไม จนลูกโตขนาดนี้ยังจะไปคิดถึงมันอีกเหรอ ยิ่งแก่ยิ่งเลอะ ต้องให้ฉันไปจัดการเองใช่ไหม"
"ดิฉันน่ะไม่อยากจะมาเอาพูดให้คุณแม่ต้องร้อนใจหรอกค่ะ..แต่ไม่พูดก็ไม่ไหว คุณแม่เป็นคนจัดการตบแต่งดิฉันกับท่านเจ้าคุณ ถ้าไม่เรียนให้คุณแม่ทราบ ดิฉันคงอกแตกตาย ต่อไปดิฉันจะมองหน้าใครได้ นายตระกลก็คงพลอยดูถูกดูแคลนดิฉันไปด้วย"
คุณหญิงเทพฮึดฮัดเต็มที่
"ไป...แม่เจริญ ไปพูดกับท่านเจ้าคุณ กับไอ้ตระกลให้มันรู้เรื่อง ฉันจะไม่ยอมให้บ้านนี้มายกย่องผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายตีนกับไอ้ลูกเมียน้อยไม่ได้เป็นอันขาด"
คุณหญิงเทพรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที โดยมีเจริญตามไปติดๆ พรรณหนักใจ

เจ้าคุณสุทธากำลังนั่งคุยกับตระกล ที่มุมสบายๆ บนตึกใหญ่
"เมื่อคืนตระกลกลับมาดึกมากเหรอ...พี่นั่งรออยู่พักใหญ่ ตระกลยังไม่กลับพี่ก็เลยนอนก่อน...ปวดหัว"
"คุณพี่ไม่สบายเหรอครับ"
เจ้าคุณสีหน้าเบื่อๆ
"ปวดหัวแม่เจริญน่ะซิ...ไม่เข้าท่า...พี่ว่าสักวันพี่ต้องเป็นโรคเป็นภัยก็เพราะแม่เจริญนี่แหล่ะ"
"เป็นเพราะผม...คุณพี่เลยต้องหนักใจไปด้วย"
"ไม่เกี่ยวกับเธอเลยตระกล...ทำไมถึงคิดอย่างนั้น"
"ก็เพราะมันน่ะแหล่ะ" เสียงคุณหญิงเทพดังมาก่อน
คุณหญิงเทพเดินขึ้นมาด้วยสีหน้าบูดบึ้งต้องการเอาเรื่องเต็มที่ คุณหญิงเจริญเดินตามมา
"ท่านเจ้าคุณอยู่ด้วยก็ดีแล้ว...แม่ขอชำระความไอ้ตระกลหน่อยW
เจ้าคุณรีบเดินมาหาคุณหญิงแม่
"คุณแม่ครับ...ใจเย็นๆ...ค่อยๆ พูดกันดีๆ นะครับ"
"จะไปพูดดีกับมันทำไม มันทำแม่ป่นปี้หมด เรื่องแค่นี้ก็ไม่ช่วยกัน เสียแรงบ้านนี้ขุนมันมา เจ้าคุณอย่ามาเข้าข้างมันนะ ครั้งนี้มันทำแม่สาหัส"
เจ้าคุณจูงคุณหญิงเทพมาลงนั่ง
"เอาละครับ...เรื่องตระกลทำไม่ถูกใจคุณแม่ยังไม่ต้องพูดถึง ผมอยากเรียนถามคุณแม่มากว่าว่าทำไมคุณแม่ถึงอยากให้เสาวนิตชอบพอกับอานนท์"
"เจ้าคุณเป็นพ่อแม่นิตจะมาถามแม่ทำไม...รู้ๆ กันอยู่ แม่นิตน่ะเรียนหนังสือก็ไม่เอาถ่าน ดีแต่สวยไปวันๆ ถ้าไม่..."เสาวนิตเดินผ่านมา แอบฟังอยู่"รีบจับให้มีผัวแต่งงานแต่งการไปซะ...สอบตกซ้ำตกซาก ขายขี้หน้า มันพลอยขายหน้าถึงเจ้าคุณด้วย"
ทั้งคุณหญิงเจริญ และเสาวนิตต่างก็หน้าเสีย
"แต่วิธีนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหานะครับคุณแม่...เสาวนิตเรียนไม่ดี ไม่สนใจเรื่องเรียนเราก็ควรกวดขันเรื่องเรียน... ไม่ใช่มาสนับสนุนเรื่องผู้ชาย ผมไม่เห็นด้วย"
คุณหญิงเทพเสียงดังขึ้นอีก
"ไม่เห็นด้วยได้ไง...แม่เจริญเค้ามาเล่าว่าพ่ออานนท์น่ะถูกใจแม่นิต...มีผู้ชายดีๆ อย่างนี้มาสนใจลูกหลานน่ะ... จะไม่สนับสนุนได้ไง ลูกผู้ดีมีสกุล ฐานะร่ำรวย ไม่รีบคว้ามาให้แม่นิต เดี๋ยวผู้หญิงคนอื่นมันก็มาคาบเอาไปซะเท่านั้น"
เจ้าคุณสุทธาหันมามองหน้าคุณหญิง
"เธอนี่เอง...เรื่องบ้าๆ นี่มาจากเธอ...ฉันนึกแล้ว"
คุณหญิงเจริญเห็นมีพวกก็ฮึดสู้
"ท่านก็ดีแต่มาว่าดิฉัน ถามน้องชายของท่านสิคะ ว่าจริงไหม วันที่คุณอานนท์มาพาแม่นิตไปดูหนัง แล้วพากันไปทานข้าวต่อที่บ้านคุณอานนท์น่ะ...เค้าเอาอกเอาใจแม่นิตขนาดไหน สิ่งที่เค้าทำ มันก็บอกโทนโท่อยู่แล้วว่าเค้าพอใจแม่นิต...บอกมาซิว่าจริงไหม"
ทุกคนหันไปมองหน้าตระกลที่นั่งสีหน้าอึดอัด
"เล่ามาตามจริงที่เห็นซิตระกล"
เสาวนิตที่แอบฟังตกใจ
"ผมไม่คิดว่าอานนท์จะชอบเสาวนิตอย่างชู้สาว."
คุณหญิงเจริญตาลุกวาวโกรธมาก
"โกหก"
เจ้าคุณสุทธาหันไปจ้องหน้าคุณหญิงเจริญด้วยสายตากร้าว
"หยุด...ให้ตระกลเล่าให้จบ...เล่าต่อตระกล"
"ครับ...ผมแน่ใจว่าอานนท์ให้เกียรติเสาวนิตเพราะเป็นหลานผม ไม่มีอะไรมากกว่านั้น อานนท์เป็นคนนิสัยดี ช่างพูดคุย ช่างเอาใจ...เสาวนิตอาจจะเข้าใจผิด"
"เอาไปคิดทึกทักว่ามาชอบตัว" เจ้าคุณว่า
"พอทีนายตระกล...ที่พูดมานี่จะให้ตัวพ้นผิดละซิ...ฉันว่าแกอิจฉาพวกฉันมากกว่า"
ตระกลเริ่มไม่พอใจ
"ผมจะไปอิจฉาใครทำไม"
"อิจฉาไม่อยากให้พวกฉันได้ดีไง ถ้าเสาวนิตแต่งงานกับคุณอานนท์ คุณอานนท์จะกลายเป็นลูกเขยพระยาสุทธา เสาวนิตก็เป็นลูกสะใภ้พระยาพลราม แกมันก็กลายเป็นคนละชั้นกับพวกเขา...ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนคุณอานนท์ แต่มันก็อยู่คนละระดับ แกทนไม่ได้ใช่ไหมเล่า"
คุณหญิงเทพเห็นด้วย

"จริงของแม่เจริญ...มันน่ะมีปมด้อยลูกอีเมียน้อยเต็มกะลาหัว มันไม่อยากเห็นใครได้ดี...มันถึงไม่ยอมบอกพ่ออานนท์"

สองคุณหญิงทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อตระกล เจ้าคุณสุทธากุมขมับ เฉยเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทุกคนหยุดมอง คุณหญิงเจริญหันไปต่อว่า

"แกเสือกเข้ามาทำไม"
เฉยหันไปพูดกับเจ้าคุณสุทธาและตระกล
"คุณอานนท์มาขอพบคุณตระกลครับ"
ทุกคนได้ยินชื่ออานนท์ คุณหญิงเทพ เจริญ เปลี่ยนสีหน้าทันที ตระกลกับเจ้าคุณสุทธาแปลกใจ
สุทธาเหมือนคิดอะไรได้ เสาวนิตดีใจ รีบวิ่งขึ้นไปแต่งตัว
"ไปเชิญมาที่นี่" เจ้าคุณบอก
เฉยเดินออกไป ทุกคนรอการเข้ามาของอานนท์ บรรยากาศเริ่มดีขึ้น ผ่านไปสักครู่ อานนท์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแจ่มใสพร้อมยกมือไหว้
"สวัสดีครับ"
ทุกคนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก เจ้าคุณสุทธาได้สติก่อนรับไหว้อานนท์
"คุณอานนท์....เชิญเลย"
"กำลังคุยอะไรกันครับ...ผมมารบกวนหรือเปล่า"
"ไม่รบกวนหรอก"
อานนท์เดินมาลงนั่งใกล้ๆ ตระกล
"นายมาได้เวลาพอดี"
อานนท์ยิ้ม
"กำลังคุยเรื่องละครเมื่อคืนหรือเปล่าครับ...ผมต้องขอโทษด้วยที่มาดูด้วยไม่ได้"
คุณหญิงเจริญพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่เสียงก็ยังสั่นเพราะยังไม่หายโกรธ
"นั่นสิ...พวกเราคิดว่าคุณอานนท์จะมาดูละครยายนิตเมื่อคืน"
"เป็นวันสุดท้ายที่ผมไปติดตั้งเครื่องจักรที่คลองน้ำวนครับ"
เจ้าคุณสุทธาได้ยินชื่อคลองน้ำวนแล้วสะกิดใจ
"คลองน้ำวน"
"ใช่ครับ...ผมต้องส่งมอบเครื่องจักร พอจะกลับมีเด็dโดนงูแมวเซากัด...ผมเลยช่วยเค้าเอาเด็กไปโรงพยาบาลเพิ่งได้กลับมาบ้านเมื่อเช้านี้เอง"
"แล้วเด็กรอดไหม" เจ้าคุณถาม
"ปลอดภัยแล้วครับ หมอขอกักตัวไว้ แต่ก็คงไม่มีอะไร"
คุณหญิงเทพทำหน้าปลาบปลื้ม
"อย่างนี้ละได้บุญจ้ะ...ช่วยชีวิตคนทั้งคน" คุณหญิงเทพบอก
"อานนท์ยังไม่เคยเจอคุณแม่ของพี่ละมัง...คุณหญิงเทพวิสุทธิ์"
อานนท์ลงไปนั่งที่พื้นไหว้อย่างสวย
"กราบสวัสดีอีกครั้งนะครับ...ผมเคยได้ยินชื่อท่านเพิ่งมาได้พบกัน...ท่านยังสาวอยู่เลย"
คุณหญิงเทพเขิน
"แหม...ปากหวานมาชมคนแก่ แม่นิตหายไปไหน พี่เค้ามา แม่เจริญไปตามแม่นิตมาซิ"
ณหญิงเจริญหน้าบาน
"ค่ะ..คุณแม่"

คุณหญิงเจริญรีบเดินไป
"สมัยท่านเจ้าคุณเทพของฉันยังอยู่ เคยไปมาหาสู่กับเจ้าท่านปู่ของคุณ ทั้งสองรับราชการรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอยู่ด้วยกัน"
อานนท์ยิ้มนั่งฟัง
"ครับ"
"ท่านเจ้าคุณพลรามน่ะอายุไล่เลี่ยกับท่านเจ้าคุณสุทธา... เอ้อ..ละครเมื่อคืนฉันก็ให้แม่เจริญเอาบัตรไปเชิญนะ แต่ก็ไม่ได้มา"
อานนท์แปลกใจ
"เหรอครับ...คุณพ่อกับคุณแม่ผมตอนนี้ไม่ค่อยออกไปไหนหรอกครับ หัวเข่าคุณแม่ท่านไม่ค่อยดี ผมต้องขอโทษแทนท่านด้วย"
คุณหญิงเทพหัวเราะอารมณ์ดีโบกมือ
"ไม่เป็นไร...เราคนกันเอง เอาไว้โอกาสเหมาะๆ ค่อยเจอกัน ฝากไปเรียนทั้งสองคนด้วยนะว่าคิดถึง"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"ครับ"
อานนท์ยิ้มมองหน้ากับตระกล คุณหญิงเจริญพาเสาวนิตแต่งตัวสวยเดินออกมา เสาวนิตมองตาหวานเยิ้ม ยกมือไหว้อานนท์อย่างน่ารัก อานนท์รับไหว้ มองหน้าเสาวนิตแล้วทำให้นึกว่า เสาวนิตหน้าตาเหมือนใครบางคน จึงมองหน้าเสาวนิตนิ่ง ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าอานนท์มองเสาวนิตอย่างสนใจ คุณหญิงเทพถึงกับหันไปสบตายิ้มกับคุณหญิงเจริญ เสาวนิตมานั่งใกล้ๆอานนท์.

อานนท์เดินคุยมากับตระกลด้วยท่าทางสบายๆ
"วันนี้นายมาช่วยชีวิตฉันไว้นะ"
อานนท์ยิ้ม
"นงลักษณ์เล่าให้ฉันฟังหมดแล้วที่นายโดนเค้าต่อว่า"
ตระกลถอนใจ
"ฉันอยากย้ายไปอยู่ที่อื่น...แต่คุณพี่ไม่ยอม"
อานนท์หันมามองตระกล
"นายควรจะรักษาสิทธิ์ของนายที่นี่...กับเจ้าคุณสุทธา เรื่องอื่นอย่าไปสนใจ"
ตระกลพยักหน้า
"ฉันจะพยายาม...นี่งานนายที่เมืองนนท์เสร็จแล้วใช่ไหมจะได้กลับมาเจอหน้าเจอตาเพื่อนฝูงซะที"
อานนท์ยิ้มแจ่มใจ
"งานน่ะเสร็จ...แต่มีบางอย่างที่กำลังเริ่มต้น"
ตระกลสงสัย
"อะไรที่กำลังเริ่มต้น"
"ก็เรื่องของฉันกับสุน่ะซิ...ฉันแน่ใจตัวเองแล้วว่าฉันชอบสุ ชอบมากซะด้วย ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนมาก่อน"
"นายแน่ใจหรือ"

อานนท์พูดหนักแน่น
"แน่ใจยิ่งกว่าแน่ใจอีกตระกล....เราคบกันเหมือนเพื่อน เราพูดกันตรงๆ ไม่มีอะไรอ้อมค้อม ทำฟอร์มใส่กัน มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ อุ่นใจที่อยู่ใกล้ๆ เขา พรุ่งนี้ ฉันว่าจะไปหาเค้า...ไปด้วยกันไหมล่ะ"
"อะไรกัน...เพิ่งจากกันมาแค่วันเดียวเอง"
"วันเดียวก็คิดถึงแล้ว"
อานนท์ตาเป็นประกาย แวววาว ตระกลมองยิ้ม
"ไอ้แววตาอย่างนี้ของนายไปมองผู้หญิงคนไหนก็เหมือนไปให้ความหวังเค้าซิ"
อานนท์งง
"ให้ความหวังอะไร"
"นายน่ะไม่รู้ตัว...อย่างเมื่อกี้ตอนที่เสาวนิตเดินเข้ามาไหว้ นายก็มองซะยายนิตเขินไปเลย...คนอื่นๆ ที่เค้ามองอยู่ เค้าต้องนึกว่านายสนใจยายนิตแน่ๆ"
อานนท์ทำหน้าเป็นทุกข์
"ฉันสาบานว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับหลานนายเลย...จริงอยู่ที่แรกๆ ฉันก็สนใจว่าเสาวนิตสวยดี แต่พอรู้สึกว่า เค้าออกจะแก่แดดเกินไปหน่อย ฉันก็เห็นเค้าเป็นแค่หลานนาย"
"เค้าไม่คิดอย่างนั้นกันน่ะซิ ยิ่งนายไปมองเค้าแบบเมื่อกี้"
อานนท์นิ่งคิด
"เออ...ที่ฉันมองเสาวนิตเมื่อกี้ก็เพราะฉันคิดว่าเสาวนิตหน้าตาคล้ายๆ ใครบางคน...แต่นึกไม่ออก เมื่อครั้งแรกที่เจอกันก็ยังไม่ได้คิด...แต่พอเห็นหน้าวันนี้...ฉันคิfว่าเสาวนิตหน้าเหมือนคนที่ฉันรู้จัก"
ตระกลถอนหายใจอย่างอึดอัด
"นายพยายามอย่าไปจ้องหน้าผู้หญิงคนไหนที่นายคิดว่าเหมือนใครต่อใครนักเลยนะ...อย่างน้อยเพื่อนนายอย่างฉันจะได้ไม่เดือดร้อน"
เสียงคุณหญิงเจริญเรียกตระกลมาทางด้านหลัง
"ตระกล...ตระกล"
ตระกลทำหน้าเบื่อหน่าย อานนท์หันไปยิ้มให้
"พาคุณอานนท์ไปที่ตึกคุณหญิงเทพก่อนซิ...จะได้ทานของว่างกัน"
"ขอบคุณมากครับ...พอดีผมนัดเพื่อนไว้ที่สโมสร" อานนท์หันไปแอบขยิบตากับตระกล "ขอไว้โอกาสหน้านะครับ"
อานนท์ยกมือไหว้ลาคุณหญิงเจริญ ที่รับไหว้อย่างเสียดาย
"อ้าว...จะไปเลยเหรอ"
"ครับ...ไปอยู่เมืองนนท์เสียนาน...เลยมีธุระที่ต้องไปทำหลายอย่าง...เดี๋ยวเจอกันที่สโมสรนะตระกล"
อานนท์โบกมือให้ตระกลแล้วรีบเดินไป ตระกลรีบเดินแยกไปอีกทาง คุณหญิงเจริญมองตามอย่างเสียดาย

เวลาต่อมา อานนท์แต่งชุดเทนนิส เดินถือแรคเก็ตออกมาจากห้องแต่งตัว พนักงานต้อนรับยิ้มแย้ม
"สวัสดีครับคุณอานนท์...ไม่ได้เห็นคุณซะนานนะครับ"
"ไปทำงานมาน่ะ จรัญ...สบายดีไหม"
พนักงานโค้งให้อย่างคุ้นเคย
"สบายดี ขอบคุณครับ...คุณอานนท์สบายดีนะครับ"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"ไม่เคยดีอย่างนี้มาก่อน"
อานนท์เดินเข้าไปด้านใน พนักงานยิ้ม

อานนท์เตรียมไป Knock bord ในสนามเทนนิส มีผู้หญิงสวยแต่งชุดเทนนิสเดินผ่าน หันมามองอานนท์อย่างสนใจ อานนท์ยิ้มๆ ให้นิดหน่อย โกศลเดินมาหา
"อานนท์"
โกศลดีใจที่เห็นอานนท์
"อ้าว...คุณโกศล มาออกกำลังหรือครับ..ดีเลย..กำลังหาคู่เล่นเทนนิสอยู่"
"อันที่จริงผมมาหาคุณต่างหาก"
"มาหาผม...อย่าบอกนะว่าจะให้ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว หรือจะให้ผมเป็นโฆษกงานแต่งของคุณ"
"ก็เรื่องแต่งงานนี้แหล่ะที่ผมจะพูดกับคุณ...ผมอยากเจอคุณหลายตั้งวันแล้ว"
อานนท์ยิ้ม
"แหม...ผมยังไม่เคยแต่งงานซะด้วย..จะให้คำปรึกษาคุณโกศลได้หรือเปล่าก็ไม่รู้"
"งานแต่งงานของผมคงไม่มีแล้วละครับ"
โกศลสีหน้าเรียบเฉย อานนท์ตกใจ
"อ้าว...ทำไมล่ะครับ"
"เพราะวนิดาเค้ามาสารภาพกับผมว่า...ผู้ชายคนเดียวที่เค้ารักและยังรักมากที่สุด...คือคุณอานนท์"

อานนท์นิ่งอึ้งไป จนเหมือนเซลงไปนั่งที่เก้าอี้...
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น