ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 1
เช้าวันหนึ่ง ในปี พุทธศักราช 2468
หลวงปกรณ์ราชกิจ เศรษฐี คหบดี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกองกษาปณ์ วัย 40 ปี กำลังยืนหันหลังแต่งตัวชุดราชการเต็มยศอยู่ภายในห้องนอน บนเรือนหลังใหญ่บ้านนพรัตน์ ผนังในห้องมีภาพถ่ายของหลวงปกรณ์ กับเหล่าข้าราชการอื่นๆ ประดับอยู่ บ่งบอกว่าเป็นที่รักใคร่นับถือของทุกคน
คุณหลวงสวมเสื้อราชประแตนสีขาว ติดกระดุมจนถึงคอ ก่อนจะติดเหรียญตราประจำตำแหน่งอย่างเรียบร้อย คาดแถบผ้าสีดำที่แขนข้างหนึ่งปิดท้าย หยิบหมวกมาสวมเป็นอันแล้วเสร็จ
ในชุดข้าราชการเต็มยศนั้น หลวงปกรณ์ราชกิจยิ่งดูภูมิฐาน ทรงอำนาจ ด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง ทำให้คุณหลวงดูน่าเกรงขามของผู้พบเห็น
เวลาผ่านไป หลวงปกรณ์ราชกิจ พาตัวเองมาอยู่บนเมรุเผาศพในวัดเล็กๆ ของบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร มีแขกแต่งดำมาร่วมงานประปราย คุณหลวงวางดอกไม้จันทน์ลงในเตา แล้วหันหน้ามาหยุดมองรูปถ่ายขาวดำของนายสำราญผู้ตายที่อยู่ในชุดเสื้อราชประแตนเหมือนกัน
"รับใช้ฉันมามากพอแล้ว ไปสู่สุขคตินะนายสำราญ อย่าได้ติด อย่าได้ห่วงสิ่งใดเลย"
เสียงเด็กผู้หญิงวัย 10 ขวบร้องไห้ดังขึ้น หลวงปกรณ์หันไปมอง นังแล่มวัย 42 ปี เมียของสำราญกอด เด็กหญิงดอกแก้ว ผู้เป็นลูกไว้ นางร้องไห้ไป ปลอบลูกไป คุณหลวงเดินเข้าไปหา
"เงียบซะ นิ่ง อย่าร้อง"
"หนูคิดถึงพ่อ"
"ลูกสาวนายสำราญหรอกหรือ"
หลวงปกรณ์ทรุดตัวลงนั่งมองหน้าเด็กหญิง แล้วส่งผ้าเช็ดหน้าให้
"นิ่งเสียนะแม่หนู พ่อของแม่หนูสร้างความดีความชอบไว้อย่างสมเกียรติสมยศ น้ำตาไม่เหมาะที่จะส่งพ่อไปสวรรค์หรอก"
ดอกแก้วไม่กล้ารับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น หลวงปกรณ์เลยลงมือเช็ดน้ำตาให้เอง
"ชื่ออะไรกันเล่า"
ดอกแก้วตอบเบายังมีสะอึกสะอื้น
"ดอกแก้วเจ้าค่ะ หนูชื่อดอกแก้ว"
"ช่างเป็นดอกไม้ที่บอบบางเสียเหลือเกิน" หลวงปกรณ์เช็ดน้ำตาให้ "ไม่ต้องกลัวนะต่อไปภายหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับดอกแก้วดอกนี้ ฉันจะปกป้องดูแลด้วยตัวฉันเอง ฉันให้สัญญา ขอให้เชื่อในสัญญาของฉัน"แล่มรีบบอกลูกสาว
"กราบท่านเสียสินังดอกแก้ว ท่านเมตตาเอ็งโขแล้วรู้ไหม"
ดอกแก้วก้มลงกราบแทบตัก หลวงปกรณ์ลูบหัวเด็กหญิงด้วยความเมตตา
"ร้องไห้เสียให้พอ ชีวิตภายภาคหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงอย่าร้องไห้อีก น้ำตาเป็นของผู้พ่ายแพ้เท่านั้น หนูต้องเป็นดอกไม้ที่เข็มแข็งเพื่อฉัน สัญญาสิ"
ดอกแก้วเงยหน้าขึ้นมอง สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความเมตตาของคุณหลวง
"เจ้าค่ะ...หนูสัญญา"
"อีกไม่นาน สิ่งนี้ก็คงไม่จำเป็นอีกแล้ว"
คุณหลวงมองผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนจะคลี่ผ้าเช็ดหน้าออกแล้วผูกเป็นโบว์ที่หางเปียให้ดอกแก้ว สบตาแล้วยิ้มอย่างเมตตาเอ็นดู
กิ่งตาลถูกลมพัดซู่ซ่าแกว่งไกวอยู่ในดงตาลกลางท้องทุ่งอย่างไม่รู้เหนื่อย
10 ปี ต่อมา ภายหลังประเทศไทย เปลี่ยนแปลงการปกครองได้เพียง 3 ปี ณ หมู่บ้านเล็กๆ ใน อ.บ้านแพ้ว สมุทรสงคราม
ลานใต้ถุนบ้านเป็นที่ทำขนม ทำครัว เต็มไปด้วยเตาและเครื่องครัว มุมหนึ่งมีทะลายตาลหลายทะลายกองอยู่ เหนือขึ้นไปเป็นกระบอกน้ำตาลสดพวงใหญ่
ผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน ถูกแปรมาเป็นการผูกผ้าคาดผมแสนสวย เธอเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดนิ่ง ที่หม้อเชื่อมลอนตาลเดือดปุดๆ มือบางของเธอเข้ามากวนๆๆ ก่อนหันไปเปิดซึ้งนึ่งขนมตาลออก ควันพวยพุ่งเป็นม่านกั้นจนไม่สามารถเห็นหน้าตาคนทำได้ชัดเจน ต่อมามือนั้นก็ฉวยเอากระบอกน้ำตาลสดพวงใหญ่ลงมา ถาดใส่ขนมตาลห่อด้วยใบตาลถูกวางลง แล้วโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด ลอนตาลเชื่อมสีเหลืองทองถูกเทออกจากหม้อ ใส่ลงในหม้อดินเผาสวยๆ ควันฉุย
ของแต่ละอย่างถูกจัดวางลงบนเรือที่ผูกไว้ท่าน้ำ เธอใช้มือปาดเช็ดเหงื่อ เห็นผ้าเช็ดหน้าที่ผูกแทนโบว์ชัดๆ
ดอกแก้วก้าวลงเรือ นั่งให้ถนัด แล้วพายออกไป
บริเวณตลาดชุมชนริมคลองบ้านแพ้ว ดูคึกคัก ชุมชนแห่งนี้มีผู้คนสัญจรไปมาตามลำคลอง แม่ค้า พ่อค้า พายเรืออยู่ในคลอง ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ขายของกับพวกลูกค้าบนฝั่ง
บ้างขายผลไม้ต่างๆ รวมถึงมะพร้าว ลูกตาล ของสด ของแห้ง บ้างก็เป็นเรือก๋วยเตี๋ยวเทียบท่าขายให้ลูกค้าที่นั่งกินอยู่ตรงชานบันไดท่าเรือ
ยายแม้นตะโกนขาย " ก๋วยเตี๋ยวจ้าก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวรสบ้านแพ้วแท้ๆ จ้า หากินที่อื่นไม่มีนะจ้ะ"
ยายเมี้ยน ตะโกนเช่นกัน "มะพร้าวน้ำหอมสดๆ ใหม่ๆ ขึ้นจากต้นเองทุกวัน ไม่มีเหลือไม่มีค้างจ้า
มะพร้าวไหมจ้ะมะพร้าว กินคู่กับก๋วยเตี๋ยวตัดเผ็ดตัดร้อนดีนะจ้ะ"
"อ้าว! อีเมี้ยน มึงจะขายมะพร้าวก็ขายไป เรื่องอะไรมาแขวะก๋วยเตี๋ยวกู"
"ขวงแขวะอะไรกัน มึงนี่หูหาเรื่อง"
"ก็มึงมาว่าก๋วยเตี๋ยวกูทั้งเผ็ดทั้งร้อน กูได้ยินมึงใส่ความเต็มรูหู"
"กูไม่ได้ใส่ความ กูชมว่าก๋วยเตี๋ยวมึงรสชาดเผ็ดร้อนถึงใจต่างหากโว้ย"
"แล้วไป"
อาแปะเรือกาแฟ ชงกาแฟไป ส่ายหัวไปด้วยความระอา
"คู่กัดประจำตลาดบ้านแพ้ว วันไหนมันไม่แขวะกัน วันนั้นฝนตก"
อาแปะส่งถุงกาแฟที่ชงไว้เป็นพวงหลายถุงให้ไอ้จุกวัย 7 ขวบรับไป
"เอาไปไอ้จุก รีบวิ่งไปเลยนะ แล้วไม่ต้องรับเงินเขามา บอกว่าอั๊วชงให้ฟรีๆ ตอบแทนที่พวกเขามาช่วยคนบ้านแพ้ว"
ไอ้จุกวิ่งตื๋อหายไปพร้อมกับถุงกาแฟ มันวิ่งลัดเลาะผ่านแผงขายของต่างๆ ไป ก่อนจะมีรถเข็นเข็นลังใส่ผักเข้ามา พอรถเข็นผ่านไป ไอ้จุกก็หายไปแล้ว
บริเวณศาลาริมน้ำ จัดเป็นสถานที่สำหรับหน่วยสุขาภิบาล ชาวบ้านทั้งชายหญิงและเด็กๆ ราว 10 คน ยืนออกันให้เต็มท่าน้ำไปหมด
ไอ้จุกวิ่งฝ่าคนเข้ามา
"ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย"
ชาวบ้านเอ็ดอึงด่าไอ้จุก
ชาวบ้าน 1 บอก"อะไรของเอ็งวะไอ้จุก เอ็งมาซนอะไรแถวนี้"
ไอ้จุกไม่ฟังแต่วิ่งซอกซอนฝ่าคนเข้าไปด้านในก่อนจะสะดุดหกล้มเสียงดังพลั่ก! แต่มือยังชูพวงกาแฟที่รักษาไว้ยิ่งชีวิต
"กาแฟจ้ะคุณหมอ"
เทพไทในชุดเสื้อกาวน์หันมามองแล้วยิ้มขำ
"ขอบใจนะหนู" เทพไทรับถุงกาแฟไปแล้วบอกคนไข้ตรงหน้า "เดี๋ยวหมอจะให้ยาไปกิน กินสามมื้อหลังอาหาร สักสี่ห้าวันก็น่าจะหายนะครับ"
ชาวบ้านหญิงยกมือไหว้ท่วมหัว
"ขอบใจจ้ะคุณหมอ น้ำใจงามจริงๆ มาตรวจมาช่วยรักษาชาวบ้านตาดำๆ"
จุกจะลุกออกไปแต่เทพไทเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อนหนู" เขาคว้าแขนไว้ "มานี่มา มาให้ดูแผลก่อน" เทพไทชี้ไปที่เข่าของจุกที่มีแผลแตกเลือดไหลจากการหกล้ม
"ไม่เอา ไม่ฉีดยา"
"ไม่ต้องฉีดยาหรอก แต่หมอจะทำแผลให้"
จุกพูดเสียงอ่อยๆ
"ไม่มีตังค์"
"ไม่คิดตังค์หรอก ถือว่าตอบแทนที่เอากาแฟมาให้ไงล่ะ"
จุกยิ้มออก นั่งลง เทพไททำแผลที่เข่าให้จุก ทำไปยิ้มไป
"เจ็บมากไหม"
จุกพยักหน้ารับหงึกๆ
"เดี๋ยวจะช่วยให้หายเจ็บนะ"
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่ง ทศกับโชคชัยพยักพเยิดให้มองมาทางเทพไท
"ท่าทางเจ้าเทพมันจะเป็นคุณหมอขวัญใจบ้านแพ้วซะแล้ว" ทศบอก
"ก็ตั้งแต่เช้ามา มีแต่คนไข้ไปเข้าคิวตรวจกับมัน ไม่เห็นมีใครสนใจเราเลย"
เทพไททายาให้เสร็จ เป่าพรวดๆ สามที
"โอมเพี้ยง หาย!"
จุกยิ้มร่า หัวเราะชอบใจ กระโดดโลดเต้น
"หายแล้ว หายแล้ว"
ยายแก่คนหนึ่งหิ้วกล้วยเครือยักษ์เข้ามา
"คุณหมอ ค่าหยูกค่ายาก็ไม่คิดยาย งั้นเอากล้วยไปแทนแล้วกันนะจ้ะ"
หญิงชาวบ้านอีกสองคนแบกเข่งใส่มะม่วงเข้ามา
"เอามะม่วงกลับไปกินที่พระนครนะจ๊ะ คุณหมอพ่อพระ" หญิง 1 บอก
หญิง 2ว่า "ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ แถมยังใจดีอย่างนี้ มีเมียรึยังจ้ะคุณหมอ"
เทพไทหัวเราะ
"วันๆ ก็อยู่แต่กับคนไข้ จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลใครล่ะครับ"
หญิง 1 บอกอีก "ป้าหาให้เอาไหม นางสงกรานต์บ้านแพ้วปีนี้งามหยาดงามเยิ้มสนใจไหมล่ะ คุณหมอ"
หญิง 2เสริม "หรือจะเอานางนพมาศปีกลาย"
"ไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมยังไม่มีเวลาให้เรื่องความรักหรอกครับ ขอทำหน้าที่หมอก่อนดีกว่า"
หญิง 1บอก "อุ้ย! ไม่รู้ล่ะ แต่ป้าจะทาบทามไว้ให้ ปีหน้าคุณหมอกลับมาจะได้แต่งกันเลย"
"อย่าๆ อย่าแซงคิวนางนพของฉัน"
"นางนพพยาธิของแกน่ะ คุณหมอเขาไม่ชอบหรอก มันต้องนางสงกรานต์ของฉัน"
หญิง 2บอก "แน่จริงก็มาแข่งกันไหมล่ะป้า ของใครดี ปีหน้าได้เป็นเมียหมอ"
"เออ เอาเลย มาแข่งกันเลย"บอกเทพไท "กลับมาปีหน้าเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวนะจ้ะ คุณหมอ"
หญิง 1กับ หญิง 2 เบียดกันออกไปสวนกับ ทศ โชคชัย ที่เข้ามา
"เนื้อหอมจริงนะคุณหมอเทพไท" ทศบอก
"มาแค่ไม่กี่ชั่วโมง มีคนจะหาเมียให้ซะแล้ว" โชคชัยว่า
เทพไทหัวเราะหึๆ เก็บข้าวของอุปกรณ์ลงกระเป๋า ไม่โต้ตอบอะไร
"ชาวบ้านเขาทำกับข้าวเลี้ยงพวกเรา ไปกินกันเถอะ ชักหิวแล้ว"
"ฉันยังไม่ค่อยหิว พวกนายไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยตามไป"
เทพไทคว้ากล้องถ่ายรูปติดมือแล้วเดินออกมา
ทศตะโกนไล่หลัง
"อย่ามัวแต่ถ่ายรูปสาวๆ บ้านแพ้วเพลินจนลืมสาวพระนครนะ"
ในวิวไฟน์เดอร์ เห็นภาพมุมสวยๆ ของตลาดน้ำ เสียงชัตเตอร์ดัง ก่อนที่เทพไทจะลดกล้องลง มองไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้ม ที่แม่น้ำ หมู่เรือแล่นสวนกันไปมา เทพไทยกกล้องขึ้นเล็งไปที่หมู่เรือกลางแม่น้ำอีกครั้ง ในวิวไฟล์เดอร์ ท่ามกลางเรือหลายลำที่ค่อยๆเคลื่อนออกไป เรือของดอกแก้วเข้ามาตรงกลาง กล้องโฟกัสไปที่เรือของดอกแก้ว ภาพของดอกแก้วค่อยๆ ชัดขึ้น ก่อนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดอกแก้วยิ้มให้ชาวเรืออื่นๆ อย่างเป็นมิตร สวยๆ ใจดีๆ
เทพไท ตายังมองวิวไฟน์เดอร์แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น กดชัดเตอร์หลายครั้ง
ดอกแก้วพายเรือใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมองตรงมาที่เทพไทเหมือนสบตากัน ดอกแก้วอายผินหน้าหนี ซ่อนรอยยิ้มอายๆ
เทพไทยิ้มอย่างพึงพอใจ
เรือของดอกแก้วเข้าจอดตรงหน้า เทพไทลดกล้องลง สบตากับเธอจริงๆ ตาสบตา
ดอกแก้วก้มหน้างุด หลบสายตา
"ถ่ายไปทำไมกันจ้ะ คนบ้านนอก ไม่สวยไม่งามหรอก"
"สวยสิครับ สวยมากด้วย สวยที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา"
ดอกแก้วหน้าร้อนวาบ รีบหลบหน้าหลบตา
"ขอโทษนะครับที่ถ่ายรูปคุณโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน"
"ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ แล้วก็ไม่ต้องขอด้วย ฉันก็แค่แม่ค้าคนหนึ่ง ในตลาดน้ำนี้เป็นเหมือนเรือ เหมือนสายน้ำ ไม่ได้สำคัญเลยแม้แต่น้อย" ดอกแก้วก้มหน้า หางเสียงอย่างคนน้อยเนื้อต่ำใจ
ยายเมี้ยนขายก๋วยเตี๋ยวเอาพายแตะๆยายแม้นขายน้ำมะพร้าว พยักพเยิดมาทางดอกแก้วกับเทพไท
"อะแฮ่ม!"
"นังแม้น ท่ามะพร้าวเอ็งจะหอมจะหวานสู้ไม่ได้เสียแล้วกระมัง"
"แหมๆๆ เพิ่งจะรู้ว่าดอกแก้วนี่มันกลิ่นแรงเตะจมูกคนพระนครเสียจริ๊ง ดู๊ ดูมันทำเข้า เขินอายตะบักตะบวยอะไรจะขนาดนั้น คุณหมอเขาก็แค่ถ่ายรูปไปรอบๆ ไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายมันคนเดียวซะที่ไหน"
อาแปะบอก
"อิจฉาเขาล่ะสิ นังเมี้ยนนังแม้น แก่ปูนนี้ยังไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้อง"
ยายเมี้ยนยายแม้นค้อนควั่บๆ แล้วชี้ชวนกันนินทาต่อ
ดอกแก้วส่งกระบอกน้ำตาลสดให้เทพไท...สัมผัสมือกันเล็กน้อย....ต่างฝ่ายต่างเขิน ดอกแก้วรีบดึงมือกลับแล้วก้มหน้างุดด้วยความอาย
เทพไทดมแล้วลองดื่ม
"ชื่นใจจริงๆ"
"ตาลบ้านแพ้วขึ้นชื่อเรื่องความหวานอยู่แล้วจ้ะ"
"ผมไม่ได้หมายถึงน้ำตาลสด"
ดอกแก้วงง ซื่อๆ ไม่เข้าใจ เทพไทหัวเราะเบาๆ
"ผมหมายถึงน้ำตาลก็ได้ครับ ขอเหมาทั้งหมดนั้นเลยได้ไหมครับ เพื่อนๆ ผมก็น่าจะชอบ"
ดอกแก้วยิ้มดีใจ หันไปคว้าพวงน้ำตาลสด....เทพไทมองขนมบนเรือ
"รวมทั้งขนมพวกนี้และน้ำตาลนี้ด้วยนะครับ ผมขอทั้งหมดเลย"
ดอกแก้วอึ้งๆ ไป ใจเสียเล็กน้อย
"ขนมหวานๆ ..มีแต่ผู้หญิงที่ชอบกิน"
"ครับ ผมจะซื้อไปฝากผู้หญิง"
ดอกแก้วใจแป้ว
"ถ้าคุณแม่ผมได้น้ำตาลหอมๆนี้ทำขนมใส่บาตรพระ ท่านคงดีใจแน่"
ดอกแก้วเผลอยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจโดยที่ไม่ทันได้เก็บกิริยา
เทพไทอมยิ้ม
"ผมทำให้คุณยิ้มได้เสียที"
ดอกแก้วรีบหุบยิ้มด้วยความเสียหน้าไปต่อไม่ถูก "...เอ่อ..."
"ยิ้มสวยซะขนาดนี้ ยิ้มไว้สิครับ คนอื่นจะได้ชื่นใจ"
"คนพระนคร....เขาว่าปากหวาน"
"แล้วคนบ้านแพ้วล่ะครับ"
ดอกแก้วหลบตา
"ดูไม่ออกหรอกหรือ"
"ออกครับ....แค่อยากได้ยินจากปาก" เทพไทยิ้มร้ายนิดๆ
ดอกแก้วทำอะไรไม่ถูก เนื้อตัวสั่นๆ
"ผมจะอยู่ที่บ้านแพ้วอีกหลายวันถึงจะกลับพระนคร"
ดอกแก้วทำท่าไม่สนใจ
"ใครอยากรู้"
"บอกไว้ เผื่อคุณอยากเจอผม ผมจะมาที่นี่ทุกวัน จนกว่าจะกลับ"
ดอกแก้วนิ่งไป ใจน่ะอยากให้มาแต่ปากไม่กล้าพูดออกไป
"ผมคงต้องไปแล้ว ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมได้ภาพสวยๆ"
เทพไทหยิบของแล้วลุกขึ้น หันหลังจะเดินออกไป......ดอกแก้วตัดสินใจพูดขึ้น
"พรุ่งนี้จะเอาน้ำตาลสดอีกไหมจ๊ะ"
เทพไทอมยิ้มแล้วหมุนตัวกลับมาสบตากับดอกแก้ว ดอกแก้วหลบตา หันไปมองทางอื่นเหมือนไม่สนใจ เทพไทมองดอกแก้วพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข
ดอกแก้วกำลังนั่งยิ้มเคอะเขินคนเดียว ได้ยินเสียงกระแอ่มของโอ่งทอง
" แก้ว...แก้ว...แก้ว"
ดอกแก้วตกใจตามเสียงโอ่งทองเรียก
" ข้าเรียกตั้งนานสองนาน มัวเหม่ออะไรอยู่"
"เปล่าจ๊ะ " ดอกแก้วกลบเกลื่อน "ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ...ว่าแต่พี่โอ่งได้ของครบยังจ๊ะ"
"ขาดแต่ของแห้งอีกนิดหน่อย"
โอ่งทองมองดูของที่ขายในเรือดอกแก้วหมดเกลี้ยง ตกใจร้องทัก
"เฮ้ยๆๆ อย่าบอกนะดอกแก้ว ว่าเอ็งขายของหมดแล้ว"
ดอกแก้วพยักหน้ารับยิ้ม
"คนพระนครเขามาเหมาไปน่ะจ้ะพี่โอ่ง"
"ผู้หญิง ผู้ชาย"
"ผู้ชายจ้ะ"
"หือ ผู้ชายเนี่ยนะมาเหมาขนม เขาจะมาจีบเอ็งซะล่ะมากกว่าม้าง"
ดอกแก้วหน้าแดง
"เอาจะซื้อไปให้แม่เขาทำขนมใส่บาตรน่ะจ้ะ"
"ไม่จริงอ่ะ เป็นข้ออ้างล่ะมากกว่า"
โอ่งทองมองดอกแก้ว แล้วนึกถึงความดีของดอกแก้ว
"แหม..ป้าแล่มนี่มันโชคดีจังเลยนะ มีลูกผู้หญิงทั้งที เหมือนมีนางกวักอยู่หน้าบ้าน กวักแต่สิ่งดีเข้ามา บุญของป้าแล่มจริงๆ"
ดอกแก้วยิ้มแบบ... แหมโอ่งทองนี่ช่างเปรียบเปรย
โอ่งทำหน้าจับพิรุธอมยิ้ม
"อะอะ เดี๋ยวๆๆ ข้ายังไม่ลืมนะโว้ย ข้าจะไปสืบดูว่าไอ้หนุ่มหน้าไหนมันมาเหมาขนมเอ็ง แล้วเจอกันที่บ้านเอ็งนะโว้ย...เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน...ชิชะ ชิชะ"
โอ่งทองทำท่าล้อเลียนแล้วเดินไปทำด้อมๆ มองๆ
ส่วนดอกแก้วยิ้มอายหน้าแดงอยู่คนเดียว
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ดอกแก้วพายเรือมาตามลำคลอง สีหน้าสดชื่นรื่นรมย์ เห็นช้อยพายเรือสวนมาพอดี
"ขายหมดแล้วหรือดอกแก้ว"
"หมดแล้วจ้ะป้าช้อย"
ดอกแก้วพายเรืออย่างมีความสุข ผ่านมาถึงทุ่งดอกซ่อนกลิ่นที่ปลูกอยู่ริมคลอง ก็หยุดมอง ตัดสินใจแวะ
ทุ่งดอกซ่อนกลิ่นสีขาวกระจ่าง ชูช่อไสวไปตามลม กลิ่นหอมของมันโชยออกมา แล้วพัดไปตามสายลม
จนฟุ้งไปทั่วบริเวณ ดอกแก้วยืนสูดกลิ่นของมันด้วยความชุ่มชื่นหัวใจ ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งประคองช่อซ่อนกลิ่นที่ชูช่อบทพื้นขึ้นมาสูดดม
เสียงโอ่งทองดังลอยมาในความคิด
"ดอกซ่อนกลิ่น กลิ่นมันหอมแรง คนเขาเลยใช้กลบกลิ่นศพ ชีวิตแกก็เหมือนดอกซ่อนกลิ่นนั่นแหละ มีไว้เพื่อหาทางกลบเรื่องเลวๆของแม่แกเหมือนกันไม่มีผิด"
ดอกแก้วทิ้งตัวลงนอนท่ามกลางดงดอกซ่อนกลิ่น....กำดอกซ่อนกลิ่นไว้ในมือ เงยหน้าขึ้นมองฟ้า
"ฉันจะต้องไม่อ่อนแอเหมือนดอกแก้ว จะต้องเข้มแข็งให้ได้เหมือนดอกซ่อนกลิ่น"
ดอกแก้วนึกไปถึงเทพไท
"คนพระนคร เขาจะรังเกียจดอกซ่อนกลิ่นไหมนะ"
ของทั้งหมดที่เทพไทซื้อมาวางอยู่เบื้องหน้า เพื่อนๆ กำลังชิมน้ำตาลสด
"เหมามาหมดตลาด ถึงว่าสิหายไปตั้งนาน"
"ถามจริง ที่ซื้อมาเยอะขนาดนี้ ติดใจรสชาติหรือแม่ค้าสวยกันแน่วะ" ทศถาม
เทพไทยิ้มๆ แต่ไม่ตอบอะไร...ทศ ชี้หน้าทันที
"อ้ะแน่ะ! ไม่ตอบอย่างนี้แสดงว่าต้องติดใจแม่ค้าแน่ๆ คงจะสวยมากล่ะสิ แกถึงเหมามาหมดอย่างนี้"
"ร้ายนะคุณหมอเทพไท ร้านไหนเหรอ พาฉันไปมั่งสิ" โชคชัยบอก
"เออ ฉันไปด้วย"
"พอเลย พอ ซื้อมาให้กินก็กินไป ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอก"
"อ้ะแนะ หวง หวงอย่างนี้แสดงว่าสวยจริง" ทศบอก
"สงสัยสาวพระนครจะอกหักกันหมดก็คราวนี้ล่ะวะ" โชคชัยว่าพลางหัวเราะชอบใจ
เทพไทยิ้มๆ นึกถึงดอกแก้ว
ดอกแก้วผูกเรือที่ท่าหน้าบ้าน แล้วหยิบเงินในกระป๋องขายของออกมานับ ด้วยสีหน้าแจ่มใส มีความหวัง เสียงแล่มดังลอยมาจากด้านใน
"นังดอกแก้ว"
ดอกแก้ว!!
แล่มเดินเตะข้าวของ ท่าทางโซซัดโซเซเข้ามาในบ้าน
"มันหายหัวไปไหนของมัน อีนี่ ปล่อยให้ออกไปขายของคนเดียวทีไร เถลไถลทุกที กลับมาจะตบให้คว่ำเลย" แล้วตะโกนดังขึ้นอีก "อีดอกแก้ว โอ๊ย !"
แล่มเดินเซแล้วสะดุดจะล้ม ดอกแก้ว ถลันออกมาเห็น รีบประคองไว้ทัน
"แม่ ! เป็นอะไรหรือเปล่า"
"โอ๊ย! มึงนี่ ทำไมไม่เก็บข้าวของให้ดี กูล้มปากแตกไปจะว่ายังไง"
ดอกแก้วประคองแล่มนั่ง แล้วก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายเพราะแล่มเตะระบายอารมณ์
"แล้วนี่ไปไหนมา เรียกจนปากจะฉีก"
"แก้วเพิ่งขายของเสร็จจ้ะ"
แล่มหูผึ่ง
"ขายหมดไหม ไหนดูซิ ได้มาเท่าไร"
แล่มพยายามจะล้วงเอาเงิน ดอกแก้วเบี่ยงไปมา ไม่ยอมให้ล้วงได้
"ว่ายังไง วันนี้ขายได้เท่าไร เอามาซิ" ครั้นเห็นดอกแก้วนิ่งก็หงุดหงิด "มัวแต่โยกโย้อยู่นั่นกูบอกว่าให้เอามา"
ดอกแก้วแอบล้วงเงินซ่อนไว้ชายพกด้านหลัง
"คือ...แก้วเอาไปจ่ายค่าของหมดแล้วจ้ะ"
"กูไม่เชื่อ จะหมดได้ยังไง มึงหลอกกูเพราะไม่ยอมให้กูใช่ไหม เอามา" แล่มยื้อแย่ง
"อย่าจ้ะแม่ แก้วไม่มี"
"อีแก้ว นี่มึงงกกระทั่งกับแม่กับเชื้อเหรอ"
แล่มตบหน้าดอกแก้วเต็มแรง จนล้มลงไป แล้วตามไปกระชากดูว่าดอกแก้วซ่อนเงินไว้ตรงไหน
"แม่ แม่จะเอาเงินไปซื้อเหล้าใช่ไหม อย่าเลยนะจ๊ะ"
"ทำไม!"
"ก็แม่เมาแล้ว แม่นอนพักดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวแก้วจะขึ้นไปปูที่นอนให้"
"ไม่ต้อง"
ดอกแก้วจะลุก แต่แล่มจิกหัวไว้ ดอกแก้วร้องวี๊ดเจ็บปวด โอ่งทองวิ่งเข้ามาเห็น ตกใจ
"ตายแล้ว ป้าแล่ม อย่า อย่าทำนังแก้ว !"
แล่มไม่สนใจ ยื้อยุดพยายามค้นหาเงินในเสื้อกับผ้าถุงของแก้ว โอ่งทองเข้ามาจับ
"ปล่อยกู อีโอ่ง !"
แล่มหันไปตบหน้าโอ่งทองจนกระเด็นหน้าหงายไปชนเสา แล่มหันมาค้นตัวดอกแก้วต่อ
"มึงไม่ให้ใช่ไหมอีแก้ว ไม่ให้ใช่ไหม"
แล่มเข้าไปจิกทึ้งตามเสื้อกับผ้าถุงจนห่อเงินที่ซ่อนไว้กระเด็นออกมา
ดอกแก้วแย่งไม่ทัน
"แม่ อย่า !"
แล่มแกะห่อดูเห็นเงินพอใจ
"ให้ง่ายๆ ซะตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว"
ดอกแก้วคลานไปกอดเข่าแล่มไว้
"ขอคืนเถอะนะจ๊ะแม่ แก้วต้องเก็บไว้เป็นทุนขายของ ไหนจะต้องไปจ่ายข้าวสาร"
"กูไม่ไปซื้อเหล้าหมดหรอกน่า แค่ขวดเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวที่เหลือจะเอาไปต่อทุนมาให้"
แล่มเก็บเงินเข้าพกตัวเองแล้วเดินออกไป ดอกแก้วตะโกนเรียก เพราะรู้ว่าแล่มจะไปไหน
"แม่จ๋า แม่อย่าไป แม่"
ดอกแก้วเรียกแล่มจนหมดแรง แล้วก้มหน้าเศร้าใจ โอ่งทองรีบเข้ามาประคอง
ดอกแก้วนั่งซึมที่ท่าน้ำ ใบหน้ามีรอยถูกตบสีแดงจางๆ โอ่งทองหน้าเยินไม่แพ้กันเดินเข้ามานั่งข้างๆ
"โธ่เอ๊ย ทำมาค้าขายได้เท่าไรก็โดนป้าแล่มไถไปหมด ข้าว่าเอ็งเลิกขายซะดีกว่ามั้ง"
"ถ้าไม่ขายของ แล้วฉันจะเอาอะไรกินล่ะพี่โอ่ง"
"ก็ไปรับจ้างที่อื่น ปล่อยป้าแล่มแกอยู่ที่นี่แหละ ทำงานแล้วก็ส่งเงินมา เดี๋ยวข้าจะดูแลให้"
"ไม่ได้หรอกพี่ ฉันจะทิ้งแม่ได้ยังไง เรามีกันอยู่สองคน"
"แต่อยู่กันไป เขาก็เลี้ยงเอ็งด้วยฝ่ามือ คอยรีดไถเงินที่เอ็งหามาด้วยความลำบาก มันใช้ได้เหรอวะ แบบนี้เมื่อไรจะตั้งตัวได้กัน"
ดอกแก้วถอนใจ
"เรื่องเงิน ฉันไม่เสียดายเท่าที่แม่เอาไปกินเหล้ากับเข้าบ่อนหรอกพี่โอ่ง"
บรรยากาศภายในบ่อนเสี่ยเฮงคึกคักได้ที่ เหล่านักพนันล้อมวงเล่นอยู่เป็นกลุ่มๆ
แล่มเข้ามาในบ่อน กวาดตามองว่าจะลงวงไหนดี แล้วควักเงินออกมากรีดนับ เสี่ยเฮงเห็นแล่ม ก็ตรงเข้ามาทัก
"แม่แล่ม นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะแล้ว"
แล่มค้อน
"รับปากไว้แล้วก็ต้องมาสิเสี่ย ลูกสาวเขาเพิ่งให้เงินมา"
"แหม!! ดีจริง งั้นวันนี้คนกระเป๋าหนักอย่างแม่แล่มต้องวงนี้เลย ขากลับจะได้เอากำไรกลับบ้านไปเป็นหีบ ฮ่าๆๆ"
แล่มทำท่าตื่นเต้น ตามเสี่ยเฮงไปร่วมวงกับพวกนักพนันขาใหญ่ด้วยกัน
เริ่มแรกแล่มเล่นได้ ยิ่งคึก รับเงินรอบวงด้วยอารมณ์คึกคัก ผ่านเวลาไป... แล่มเริ่มเสีย โวยวายเล็กน้อยแต่ก็ต้องจ่ายออกๆๆ แต่ยังเล่นต่อไม่เลิก
ดวงตะวันคล้อยต่ำลง ดอกแก้วยังรอแม่อยู่หน้าบ้าน ผุดลุกผุดนั่ง
ผ่านเวลาอีกที แล่มจ่ายจนเกือบหมดกระเป๋า ท่าทางเซ็ง แต่ยังจะเล่นต่ออีก
เสี่ยเฮงเดินมาดู ยิ้มมีนัยเล็กๆ แล้วพยักเพยิดให้ลูกน้องเตรียมตัว รู้ว่าแล่มจะต้องยืมเงินมาต่อทุนแน่
ดอกแก้วเดินกระวนกระวายไปมา โอ่งทองนั่งตบยุง มองอย่างห่วงๆ
ผ่านเวลาเป็นฟ้ามืด ดอกแก้วนั่งจุดตะเกียงอยู่หน้าบ้าน ชะเง้อมอง แต่ไม่เห็นวี่แวว เลยคว้าตะเกียงลุกขึ้น
ดอกแก้วถือตะเกียงเดินมาตามทางมืดๆ เพื่อจะไปดูแล่มที่บ่อน แต่เดินมาถึงกลางทาง ชิตกับพวกก็ออกมาขวางหน้า
"จะไปไหนเหรอจ๊ะแม่ดอกแก้ว"
ดอกแก้วตกใจ พยายามข่มความกลัว
"ฉันจะไปตามแม่ที่บ่อน"
"ดึกดื่นแบบนี้ สาวสวยอย่างดอกแก้วไม่น่าจะมาคนเดียวเลยนะ"
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
ดอกแก้วตกใจรีบสาวเท้าเร็วขึ้น ชิตเดินตามจับแขนไว้
"รังเกียจพี่หรือไง"
"ปล่อยนะ"
ชิตจับมือดอกแก้วแน่นกว่าเดิม แล้วดึงขึ้นมาแนบปาก
"มือนิ่มอย่างนี้ อยากจะจับไว้ตลอดคืนเลยมากกว่า"
ดอกแก้วโมโห ฟาดตะเกียงจะตบหน้าชิต ชิตหลบทัน ตะเกียงแตกกระจาย เธอตกใจรีบวิ่งหนี ชิตรีบวิ่งตามไป มีลูกน้องตามหลัง
"จะไปไหน" ชิตกระชากไว้ได้
"ปล่อยฉันนะ"
"อุตส่าห์พูดด้วยดีๆ แต่ก็ทำเล่นตัว นึกว่าข้าไม่รู้เหรอ ออกมาเดินล่อตะเข้ดึกๆ แบบนี้ ก็คงอยากเหมือนกันละวะ"
"ไอ้บ้า จะทำอะไร ปล่อยฉัน ปล่อย"
ชิตอุ้มดอกแก้วขึ้น จะเอาตัวไปปล้ำ ลูกน้องท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ
"งั้นฉันของสองคนขอต่อท้ายพี่นะ" ลูกน้องหัวเราะหื่น
"ต่อท้ายเหรอ นี่แน่ะ ต่อท้าย"
ลูกน้องหันไป โดนโอ่งทองเอาไม้ฟาดเปรี้ยงกลางหน้าผาก ชิตตกใจ
ลูกน้องพยายามสู้ โอ่งทองเอาไม้ฟาดซ้ำอีก 2 ที ร่วงผล็อยกันทั้งคู่
"อีโอ่ง"
"ปล่อยดอกแก้วเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ"
"หมูจะหามอย่าเสือกเอาคานมาสอด นังโอ่ง"
ดอกแก้วถือโอกาสตอนชิตหันไปพูดกับโอ่งทอง กัดมือชิตอย่างแรง ชิตร้องลั่น รีบปล่อยมือ
ดอกแก้วจะวิ่งไปหาโอ่งทอง ชิตคว้าแขนไว้อีก
"จะไปไหน"
โอ่งทองเอาไม้ตีแขนชิตอย่างแรง จนชิตร้องโอย โอ่งทองฟาดเข้าที่กลางหลังอีกที ชิตเซไป
"ไอ้พวกเศษสวะ วันๆ ไม่คิดทำตัวให้เป็นประโยชน์ ดีแต่คิดทำเรื่องเลวๆ มันต้องตีให้ตาย"
โอ่งทองเอาไม้ไล่ฟาดชิตที่ยังลุกไม่ขึ้น ดอกแก้วกลัวชิตตายแล้วจะวุ่นวาย รีบเข้าไปห้าม
"พี่โอ่งอย่า ! พอแล้วพี่ ไปกันเถอะ"
โอ่งทองหันมามองดอกแก้วขวัญเสีย ยอมชะงักมือ ไม่วายเอาไม้ชี้หน้าชิตที่นอนโอดโอย
"จำไว้นะไอ้ชิต อย่าให้กูเห็นมึงมายุ่งกับน้องกูอีก ไม่งั้นคราวหน้า กูจะเอามีดมาตอนมึง"
โอ่งทองรีบดึงดอกแก้วออกไป ชิตร้องครวญคราง มองโอ่งทองอย่างเจ็บใจ
โอ่งทองเดินโอบดอกแก้วที่ยังตัวสั่นๆ กลับมาที่บ้าน
"เป็นอะไรหรือเปล่าแก้ว ทีหลังจะไปไหนกลางค่ำกลางคืนก็เรียกพี่"
"แต่แก้วเป็นห่วงแม่น่ะจ้ะ แต่เห็นพี่ขึ้นบ้านนอนแล้วก็เลยเกรงใจ"
"ไม่ต้องเกรงใจ เรามันญาติกันนะแก้ว"
ดอกแก้วพยักหน้ารับคำ เดินมาถึงบ้านพอดี เห็นแล่มยืนโวยวายเอะอะอยู่หน้าบ้าน ท่าทางเมา
"อีดอกแก้ว มึงเปิดประตูให้กูสิโว้ย"
ดอกแก้วตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคอง แล่มหันมาเห็น เพ่งมองพอเห็นว่าดอกแก้วก็ผลักออก
"ไปไหนกันมา ! ริอ่านพากันหนีเที่ยวหรือไง ดึกดื่นแล้วเพิ่งเข้าบ้าน"
"ไม่ใช่จ้ะแม่" ดอกแก้วจะอธิบายแต่แล่มขัด
"มึงมีเงินออกไปเที่ยวข้างนอกตอนกูไม่อยู่ แสดงว่าเมื่อเย็นนี้ให้กูไม่หมดใช่ไหม อีแก้ว อีลูกไม่รักดี ไหนดูซิ เงินอยู่ไหน"
แล่มเมาๆ จะค้นตัวดอกแก้ว โอ่งทองทนไม่ไหว เข้าไปขวาง
"โอ๊ย! ถึงขนาดนี้แล้วยังจะห่วงเรื่องเงินอีกเหรอป้าแล่ม รู้ไหมว่านังแก้วมันออกไป ตามป้าจนเกือบจะโดนฉุดอยู่แล้ว หัวจิตหัวใจคนเป็นแม่มันไม่มีเลยหรือไง"
"อีโอ่ง มึงด่ากูเหรอ"
"เออ ! นี่ถ้าแม่ฉันยังอยู่คงจะด่าป้ามากกว่านี้อีกด้วย เป็นแม่คนภาษาอะไร ไม่เคยนึกถึงจิตใจลูก คิดถึงแต่ตัวเอง กรรมของอีแก้วมันแท้ๆ ที่มีแม่เห็นแก่ตัวอย่างนี้"
"อีโอ่ง"
แล่มสุดทนโผเข้าตบตี โอ่งทองไม่สู้เพราะเห็นเป็นป้า ได้แต่ปัดป้อง แล่มยิ่งไม่ยั้งมือ ดอกแก้วรีบเข้าไปห้าม พยายามจับตัวแล่มไว้
"อย่าแม่ พี่โอ่งกลับบ้านไปก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวแก้วดูแม่เอง"
แล่มอาละวาดอยู่ในอ้อมแขนดอกแก้ว ปากก็ร้องด่าไม่หยุด
โอ่งทองมองอย่างเซ็งๆ แล้วสะบัดตัวออกไป
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ดอกแก้วประคองแล่มขึ้นมาบนบ้าน แล่มคอพับคออ่อน แต่ก็ยังมีแรงด่างึมงำ
"มึงปล่อยให้อีโอ่งมันด่ากู มึงเป็นลูกประสาอะไรอีแก้ว"
"พี่โอ่งก็ห่วงแม่นั่นแหละจ้ะ วันนี้แก้วก็เป็นห่วงแม่มากถึงได้ออกไปตามที่บ่อน จนเกือบจะ..."
แล่มจิ้มหน้าผากดอกแก้ว
"มึงมันหาเรื่องใส่ตัว กูไปได้ กูก็กลับได้ ไม่เห็นต้องไปตาม"
"ก็แก้วรู้ว่าแม่จะเมากลับมา กลัวจะไปหกล้มที่ไหนเพราะมันมืด"
ดอกแก้วประคองแล่มลงนอน แล้วลุกขึ้นกางมุ้งให้ ปากก็พูดไปเรื่อยๆ
"แล้วนี่เงินที่แม่เอาไป แม่เล่นหมดเลยเหรอจ๊ะ"
ดอกแก้วเห็นแล่มนอนเงียบไม่ตอบ ซักพักก็มีเสียงกรนเบาๆ ออกมา เธอถอนใจ ทำใจอยู่แล้วว่าเงินคงไม่เหลือ แล้วกางมุ้งให้แล่มต่อไป
วันใหม่ บริเวณศาลาชุมชน เทพไท ทศ โชคชัย กับเพื่อนนักศึกษาแพทย์คนอื่นกำลังเก็บของ หลังจากตรวจสุขภาพชาวบ้านช่วงเช้าเสร็จแล้ว ทศเอ่ยขึ้นว่า
"พักเที่ยงนี้ไปกินข้าวบ้านผู้ใหญ่กัน แกจะเลี้ยงตอบแทนพวกเรา"
"ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะฉันเห็นลูกสาวผู้ใหญ่สวย ฮะๆๆๆ" โชคชัยหัวเราะร่า
ทศ กับโชคชัยกระดี๊กระด๊า แต่เทพไททำท่าลังเล
"แต่ฉันอยากไปตลาดมากกว่า"
"ทำไมวะ"
เทพไทอึกอัก นึกถึงดอกแก้ว แล้วทำเฉไฉ
"เอ้อ ก็ เกรงใจผู้ใหญ่น่ะ เรามากันตั้งเยอะ"
"แกอยากจะเลี้ยงตอบแทนที่พวกเรามาตรวจโรคให้ชาวบ้านฟรีๆ นะเว้ย" ทศบอก
"งั้นพวกนายไปเถอะ ฝากขอโทษผู้ใหญ่ด้วย เดี๋ยวบ่ายๆ ฉันจะกลับมา"
เทพไทเก็บของแล้วรีบออกไป ทศ กับโชคชัย งง
"เทพไทมันติดใจอะไรตลาดน้ำนักวะ เมื่อวานก็ไปมาแล้ว"
เทพไทรีบมาที่ตลาด มองเห็นคนพลุกพล่านเหมือนทุกวัน เทพไทพยายามมองหาเรือแม่ค้าขนมหวาน
ผู้คนเดินผ่านไปมาเต็มตลาด แม่ค้าพ่อค้าจอดเรือคึกคักเหมือนเดิม แต่ไม่เห็นเรือของดอกแก้ว
เทพไทพยายามมองหาไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ดอกแก้วจอดเรือเมื่อวาน
"มองหาอะไรคุณหมอ กินกาแฟมารึยัง นั่งๆ" อาแปะถาม
"ไม่เป็นไรครับ"
"ไม่เป็นไรไม่ได้ ต้องกิน มาถึงบ้านแพ้วไม่กินกาแฟอั๊ว อั๊วะถือว่าดูถูกกัน"
"เอ่อ...งั้นก็ได้ครับ"
อาแปะชงไปด้วย คุยไปด้วย
"อั๊วล้อเล่น แค่อั๊วะได้ตอบแทนคุณหมอด้วยกาแฟ ก็เป็นบุญของอั๊วแล้ว"
อาแปะชงกาแฟ เทพไทมองไปรอบๆ
"มองหาอะไรอยู่รึคุณหมอ"
"เอ่อ ป... เปล่าครับ คนเยอะ มองแล้วเพลินตาดีน่ะครับ"
"คิดว่ามองหาอาดอกแก้ว วันนี้ยังไม่เห็นมา ท่าจะเตรียมของมาเยอะเลยเสียเวลา"
เทพไทยิ้มๆ
เสียงโวยวายดังมาจากเรือก๋วยเตี๋ยว
"ไอ้ฉิบหาย! ช่วยด้วย ช่วยจับตัวมันไว้ที"
ทุกคนหันไปมอง เห็นโจรวิ่งหน้าตื่นออกมาจากจุดขายของยายแม้น
"เอาเงินกูคืนมานะ ไอ้เวรตะไล!"
ยายเมี้ยนเอาไม้พายไล่ฟาดดักหน้าไว้ โจรล้มลง ยายแม้นรีบเข้ามาดึงเงินคืนไป เมี้ยนเอาไม้ พายฟาดๆ
"นี่แน่ะ! ไอ้หัวขโมย ขโมยใครไม่ขโมย ดันมาขโมยของเพื่อนกู"
"เอามันเลยๆ"
"แหม!! นังสองคนนี้ถ้าไม่มีเรื่อง ไม่มีรักกัน..ไอ้คนพวกนี้ แหม... มันแย่จริงๆ ดีนะที่ดันมาเล่นกับเจ้าแม่ตลาดน้ำอย่างยายแม้น นึกไม่ออกถ้าเป็นดอกแก้ว จะไหวไหมหนอ"
โจรลุกวิ่งหนีไปทางหนึ่ง
"ดีนะดอกแก้วมันยังไม่มา ถ้ามามีหวังตกเป็นเหยื่อแน่ มันยิ่งดูละอ่อนอยู่"
เทพไทนึกห่วงดอกแก้ว
แล่มงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยอาการสร่างเมา พอลุกขึ้นนั่งได้ก็ท้องร้องทันที
"ดอกแก้ว ! นังดอกแก้ว ! มีอะไรให้กินบ้าง ข้าหิว"
แล่มเอามือลูบท้อง ลุกขึ้นอย่างงัวเงีย เดินตามหาดอกแก้วในบ้าน
"นังดอก..."
แล่มพูดไม่จบก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงเรียก
"แม่แล่ม อยู่หรือเปล่า"
แล่มสะดุ้งไม่กล้าตอบ ค่อยๆ ย่องไปดูตามรอยแยกฝาบ้าน
"แม่แล่ม ได้ยินไหม เปิดประตูหน่อย"
แล่มเพ่งจนแน่ใจก็สะดุ้ง เอามือทาบอก พอนึกได้ก็รีบปิดปากตัวเองไว้
เสียงเคาะประตูดังอีก
"แม่แล่ม ! รู้ใช่ไหมว่าพวกฉันมาทำไม ออกมาซะดีๆ"
แล่มเลิ่กลั่ก ตื่นกลัว พยายามหาทางหนีทีไล่
ลูกน้องเสี่ยเฮง 3 คนทุบประตูอยู่นาน แล้วมองหน้ากันอย่างรู้ทัน ก่อนจะแยกไปอีกทาง
ในบ้าน แล่มมองเห็นความเคลื่อนไหว รีบมองหาทางหนี เผ่นไปที่หน้าต่าง
ลูกน้องเสี่ยเดินอ้อมมาทางด้านข้างบ้านอีกด้าน อีกคนเคาะประตู
"ฉันรู้นะว่าแม่แล่มอยู่ในบ้าน ออกมา !"
แล่มกระวนกระวาย พยายามปีนหน้าต่าง แต่ผ้าถุงติด ดึงไปดึงมา
ประตูหน้าบ้านโดนเขย่า แล่มยิ่งตื่นกลัว รีบปีน ตัดสินใจกระตุกผ้าถุงขาดแคว่ก
แล่มตกโครมลงมาด้านนอก อ้าปากจะร้อง แต่เอามืออุดไว้ แล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น เจ็บก้นไม่หาย
แล่มวิ่งตุปัดตุเป๋ออกไปอีกทางหนึ่ง แต่พอโผล่มาก็เจอลูกน้องเสี่ยคนที่ 3 ที่ดักรออยู่
"ว้าย"
ลูกน้อง 3 ถาม"จะไปไหน"
แล่มตกใจพยายามผลักลูกน้อง3 แต่โดนฉุดไม่ให้ไป
"ปล่อยนะ ปล่อยกู๊ !"
แล่มโดนลูกน้อง 2 คนฉุดกระชากออกมายืนหน้าบ้าน แล่มดิ้นโวยวายไม่หยุด
ลูกน้อง 1ตะโกนเข้าไปในบ้าน "ว่าไงวะ! ถ้าไม่มีเงินก็เอาสร้อยแหวนอะไรของมันมาก็ได้"
ลูกน้อง 2 เดินออกมาจากในบ้านพร้อมกับกล่องเก็บสมบัติ แล้วเทลงกับพื้น
"ไม่มีเลยพี่ มีแต่ขยะ"
"ก็กูบอกแล้วว่ากูขายไปหมดแล้ว ฮือๆ"
ลูกน้อง 1บอก
"ไม่เชื่อโว้ย" ลูกน้อง 1 มองแล่มคิดๆ "จับมันแก้ผ้าดูซิว่ามันซุกเงินไว้หรือเปล่า"
"อย่านะ ปล่อยกู"
แล่มตกใจ พยายามดิ้น ลูกน้อง2 ย่างสามขุมเข้ามาหา แล่มถีบกระเด็น
"อีนี่ !"
ลูกน้อง1 ตบแล่มจนกระเด็นไป ดอกแก้วเข้ามาเห็นตกใจ ทิ้งของ
"แม่ ! อย่าทำอะไรแม่ฉันนะ"
"แม่แกเป็นหนี้บ่อนเสี่ยเฮง แต่คิดจะชักดาบ"
"ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่มี ฮือๆ"
"กูไม่เชื่อ"
ลูกน้องจะเข้าเล่นงานแล่มอีก ดอกแก้วรีบควักเงินที่พกอยู่ให้
"เอาไป ! เอาของฉันไปก่อน แต่อย่าทำแม่ฉัน"
ลูกน้อง 1นับเงินแล้วตะคอกใส่
"ไม่พอโว้ย ! แค่นี้ยังไม่พอดอกเบี้ยเสี่ยเลย"
"ฉันมีแค่นี้จริงๆ ขอเวลาหน่อยนะจ๊ะ ฉันจะไปหามาให้อีก ฉันกราบล่ะ"
ดอกแก้วก้มลงกราบลูกน้องเสี่ยตัวสั่น ลูกน้องเสี่ยสงบลง เพราะอย่างน้อยก็ได้เงิน
ลูกน้อง 1บอก
"ก็ได้ ฉันจะให้เวลาแกสองแม่ลูกอีก 3 วัน เสี่ยต้องได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด ถ้าไม่งั้น" ลูกน้องยื่นหน้าเข้าไปหาแล่ม พูดอำมหิต "เอ็งรู้ใช่ไหมนังแล่ม ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกหนี้ชั้นเลวของเสี่ยเฮง"
แล่มกลัวๆ หลบตา ลูกน้องมองหมั่นไส้ แล้วชวนกันกลับ ดอกแก้วมองตามโล่งอก
"แม่ไม่เป็นไรใช่ไหมจ๊ะ"
แล่มค่อยๆ หันกลับมามองดอกแก้ว สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นโมโห
โอ่งทองกับดอกแก้วประคองแล่มเข้ามานั่งในบ้าน
"แม่...แม่เป็นหนี้เขาเท่าไรจ๊ะ"
แล่มพูดไม่เต็มปาก แทบไม่ได้ยิน "สามพัน"
"เท่าไรนะจ๊ะ"
แล่มพูดดังขึ้น "สามพัน"
"ฮ้า!! สามพันเชียวเหรอแม่"
แล่มกระแทกเสียง ละอาย "เออ !"
"อกอีโอ่งแตก ป้าไปติดหนี้อะไรเขาตั้งสามพัน เงินขนาดนี้มันกินทั้งปีเชียวนะ"
แล่มอุบอิบ)
"ก็ข้านึกว่าจะถอนทุนคืนได้ จะได้เอามาต่อทุนขายของให้นังแก้ว" ครั้นนึกได้ หันไปผลักหัวโทษดอกแก้ว "เพราะเอ็งเลย ! ข้าเป็นหนี้ขนาดนี้ก็เพราะเอ็ง เอ็งต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นข้าตายแน่"
โอ่งทองช่วยดอกแก้วยกกระจาดขนมลงเรือ ท่าทางรีบร้อน
"เอ็งจะเอาปัญญาที่ไหนล่ะดอกแก้ว ของแค่นี้ขายยังไงก็ไม่ถึงพัน"
"วันนี้คงต้องขายเท่าที่มีไปก่อน แล้วรีบเอาเงินไปให้เสี่ยเฮง เผื่อจะผัดผ่อนไปได้บ้าง แล้วพรุ่งนี้ค่อยทำเยอะๆ หน่อย ได้ข่าวว่าที่วัดมีงาน ฉันจะเอาไปขายตอนกลางคืนด้วย"
"มันจะไม่หามรุ่งหามค่ำไปเหรอเอ็ง"
"ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ รอให้พวกมันมาทำร้ายแม่ ฉันยอมไม่ได้หรอกจ้ะพี่"
ดอกแก้วรับขนมวางใส่เรือ เตรียมจะออกไปขาย โอ่งทองได้แต่สงสาร
แก้วกาแฟที่ดูดน้ำหมดแล้วหลายแก้ววางเรียงๆกัน เทพไทหน้าตามึนๆ ก่อนหันไปบอกอาแปะ
"พอเถอะครับอาแปะ ผมกินไม่ไหวแล้วจริงๆ แค่นี้ก็คงไม่หลับไปหลายวันแล้วล่ะครับ"
"อั๊วก็กลัวว่าคุณหมอจะเหงา สายป่านนี้แล้วทำไมนังดอกแก้วยังไม่ออกมา ท่ามันจะไม่มาเสียแล้วละมัง หรือเอางี้คุณหมอ คุณหมอท่าทางมึนกาแฟอั๊ว กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า พอนังดอกแก้วมาถึง อั๊วจะให้ไอ้จุกมันวิ่งไปตามคุณหมอ ดีไหมครับ"
"ดีเหมือนกัน ขอบคุณมากนะครับอาแปะ"
"ไม่เป็นไร เพื่อคุณหมอ พวกเรายินดี"
เทพไทลุกออกไป
ดอกแก้วพายเรือมาตามคลอง มุ่งหน้าจะไปขายของที่ตลาด ผ่านมาถึงแถบที่ไม่ค่อยมีบ้านคนอยู่
โจรคนเดิมก็โผล่ออกมาจากท่า โบกมือเรียก ดอกแก้วเห็นเข้าก็พายเรือเข้าไปหา
"ซื้อขนมหน่อยหนู"
"ได้จ้ะพี่ เอาอะไรบ้างจ๊ะ"
ดอกแก้วกระวีกระวาด เตรียมจะหยิบขนมใส่ห่อ โจรมองไปที่กระป๋องใส่เงินตรงหน้า ชักมีดออกมาพลางขู่ตะคอก
"เอาเงินมาให้หมด"
ดอกแก้วตกใจ จะพายเรือหนี โจรก้มลงไปตะครุบกระป๋องเงิน
"อย่านะ เอาไปไม่ได้นะ !"
"ปล่อยสิวะ"
ดอกแก้วไม่ยอมปล่อย ลุกขึ้นยื้อแย่งกับชาย ส่งเสียงเอะอะ
เทพไทเดินคอตกผ่านมา เพราะกำลังเศร้าที่ไม่เจอดอกแก้ว แต่ได้ยินเสียงเลยหันไปมอง เห็นชายคนหนึ่งกำลังยื้อแย่งอะไรบางอย่างกับคนในเรือ
"เอาคืนมา"
"โธ่เว้ย นังนี่ !"
โจรกระชากกระป๋องเงินอย่างแรง แล้วผลักดอกแก้วออกไป ดอกแก้วเสียหลักตกน้ำตูม เทพไทเข้ามาพอดี
"แกทำอะไร"
โจรตกใจรีบซ่อนกระป๋องเงินแล้วจะวิ่งหนี เทพไทวิ่งเข้ามาขวาง โจรชักมีดออกมาจะแทง เทพไทหลบ เกิดการชกต่อยกัน เทพไทฉวยจังหวะเตะชโจรกระเด็น กระป๋องเงินและมีดหลุดกระเด็นไป โจรตกใจกลัวเทพไท พอลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีไป
เทพไทหันไปมองในน้ำ เห็นดอกแก้วทะลึ่งพรวดขึ้นมา พยายามตะเกียกตะกาย
"คุณ !"
ดอกแก้วดิ้น มีต้นไม้ใต้น้ำพันขาอยู่ ทำให้เคลื่อนไหวไม่ถนัด
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
เทพไทยังเห็นหน้าดอกแก้วไม่ชัด แต่ก็ตัดสินใจโดดตูมลงไปช่วย ดอกแก้วจมหายไปพอดี
ใต้แผ่นน้ำ ดอกแก้วหมดเรี่ยวแรง แถมยังถูกกิ่งไม้ในน้ำฉุดดึงลงไปข้างล่างลึกลงไปๆ
เทพไทดำดิ่งลงไป จนแลเห็นว่าขาดอกแก้วติดอยู่ ชายหนุ่มดำลงไปกระชากจนหลุด แล้วประคองร่างดอกแก้วมาขึ้นเหนือน้ำจนได้
อ่านต่อตอนที่ 2