เพื่อน แพง ตอนที่ 5
ศพของคนใช้ในบ้านเถ้าแก่เส็งที่ถูกพวกมิ่งฆ่าตายนอนเรียงอยู่ที่พื้นในสภาพน่าสยดสยอง
เพื่อนกับเรืองและพวกลูกวงคณะปี่พาทย์ ถูกพวกลูกน้องมิ่งต้อนล้อมวงให้รวมตัวและขู่อย่างดุดัน
“หุบปากเอาไว้ ถ้าใครส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว ได้เป็นศพอย่างพวกนั้นแน่”
เรืองหน้าซีดตกใจกลัว ตัวเบียดอยู่กับเพื่อนและพวกลูกวงของพ่อ
“แม่เพื่อน พวกเราเสร็จแน่ ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้เลย โธ่เอ๊ย ไม่น่าเลย”
“เฮ้ย ข้าสั่งว่าให้หุบปาก อยากลองโดนเชือดคอใช่มั้ย”
ลูกน้องมิ่งเข้าไปกระชากคอเรืองขึ้นมา เพื่อนรีบร้องห้าม
“อย่าทำมันเลย ฉันขอล่ะ พวกฉันเป็นแค่คณะปี่พาทย์จากบ้านสร้าง เขาจ้างมาให้รำแก้บน ทรัพย์สินมีค่าก็มีแต่เครื่องดนตรีเท่านั้น”
“จะขอชีวิตมันเหรอนังนางรำคนสวย งั้นเอ็งก็ต้องแลกด้วยของดีที่เอ็งมีอยู่ติดตัว”
ลูกน้องมิ่งมองเพื่อนหัวจรดเท้าอย่างสนใจในเรือนร่างและหน้าตา ผลักเรืองล้มลงแล้วกระชากแขน เพื่อนจะลากตัวออกไป แต่ระหว่างนั้นเสียงมิ่งแทรกเข้ามา
“หยุดได้แล้วเว้ย ถอยไป พวกเอ็งมาจากบ้านสร้างทั้งหมดเหรอวะ”
มิ่งลากแสงเข้ามา แล้วโยนลงไปกองรวมกันกับพวกที่เหลือ
“ครู เป็นยังไงบ้างจ้ะ”
แสงพยักหน้ารับไม่เป็นอะไรมาก เรืองรีบคุยกับมิ่งอย่างอ้อนวอน
“ใช่จ้ะ พวกเรามาจากบ้านสร้าง มารับงานรำแก้บน อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะ พวกเรา ไม่มีพิษมีภัยอะไรจริงๆ”
มิ่งนิ่งมองเรืองกับเพื่อนและพวกคณะปี่พาทย์อย่างครุ่นคิด
“ฉันว่าพี่จะใจดีกับพวกมันเกินไปแล้ว รีบๆ ลงมือจัดการให้เสร็จเถอะ”
“ข้าเป็นลูกพี่เอ็ง ข้าเท่านั้นที่ออกคำสั่งเว้ย”
มิ่งผลักลูกน้องจนเซแล้วหันมามองเพื่อน
“เอาตัวนังนางรำนี่มากับข้า ส่วนเอ็งจับพวกที่เหลือมัดเอาไว้ ปิดปากให้มันเงียบ ถ้าใครยึกยัก ฆ่าได้เลย”
ลูกน้องลากตัวเพื่อนออกไปกับมิ่ง คนอื่นถูกข่มขู่ให้เงียบ
มาดถูกวีระถีบให้เข้าไปรับมือกับลอ มาดโดนลอยันโครมแล้วซัดไป 2-3 หมัด จนมาดลงไปนอนร้องโอดโอย ลอเดินเข้าไปอย่างไม่ลดละจะเอาแหวนคืนให้ได้
“เอาแหวนทองของข้าคืนมา”
“แหวนทองอะไรของเอ็งวะ ข้าไม่รู้เรื่องเว้ย”
“ข้าไม่ได้โง่ให้เอ็งหลอกง่ายๆ หรอกนะไอ้วี ข้ารู้ว่าพวกเอ็งไม่ใช่พวกเสือมิ่งตั้งแต่แรกแล้ว”
“เอ็งรู้ได้ไงวะ”
“อย่างพวกเสือมิ่งถ้าลงมือจริงๆ ไม่มีวิ่งราวชาวบ้านกระจอกๆ แบบนี้หรอก วิธีการแบบ นี้มันมีแต่พวกไอ้โจรกระจอกเท่านั้น”
“หมายความว่าไง เอ็งรู้จักไอ้เสือมิ่งเหรอไงวะ”
“จะคืนแหวนทองข้ามาดีๆ หรือจะให้ลากคอเอ็งกับพวกส่งตำรวจ”
“ไอ้นี่เขาไม่ได้เรียกว่าแหวนทอง ก็แค่ลวดชุบทองกระจอกๆ ข้าไม่ให้เอ็งเอากลับไปหมั้นแม่เพื่อนหรอก เพราะข้าจะหาวงที่มันใหญ่กว่า ที่มันเหมาะกับแม่เพื่อนไปให้แทน”
วีระโยนแหวนทองทิ้งไปในกองข้าวเปลือก ลอเห็นแบบนั้นก็อึ้งและเปลี่ยนเป็นความโกรธจนพลุ่งพล่าน
ไม้พุ่งตัวเข้ามาสู้กับลอ แต่เจอลอประเคนทั้งหมัดเข่าศอกเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง รุนแรง จนไม้โงนเงน วีระเริ่มใจเสีย
บริเวณประตูหน้าห้องโถงบ้านเถ้าแก่เส็ง มิ่งกระชากแขนใช้มีดจี้คุมตัวเพื่อนเข้ามาอย่างเงียบเชียบ แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องเตรียมอาวุธให้พร้อม ซุ่มแฝงตัวรออยู่นอกตัวบ้าน
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ชู่วว์ อย่าส่งเสียง ถ้าพวกลูกน้องไอ้เถ้าแก่เส็งรู้ตัวล่ะก็ แกนี่แหละที่จะไม่รอด”
เพื่อนชะงักอึ้งเมื่อมิ่งจับให้มองเข้าไปในบ้าน เห็นลูกน้องเถ้าแก่เส็งเดินไปเดินมาอยู่ในนั้น
“ฟังให้ดีนังนางรำ ข้าไม่อยากทำร้ายคนบ้านสร้าง แต่ถ้าเอ็งไม่ทำตามที่สั่ง ข้าก็เปลี่ยนใจได้เหมือนกัน”
“หมายความว่ายังไง แกเคยเป็นคนบ้านสร้างเหรอ”
“อย่าถามเซ้าซี้ ทำตามที่สั่งก็พอ แล้วไอ้พวกบ้านสร้างที่เหลือจะรอด ว่าไง”
“ได้ จะให้ฉันทำอะไร”
“ไล่ให้ไอ้พวกลูกน้องเถ้าแก่เส็งออกมา แล้วข้าจะจัดการพวกมันเอง”
“ฉันจะทำได้ยังไง”
“หน้าอย่างเอ็งนอกจากจะสวยแล้ว ดูยังไงก็ไม่ใช่คนโง่ ไป”
มิ่งผลักเพื่อนออกไป เพื่อนยืนละล้าละลังอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน ลูกน้องเถ้าแก่เส็งเห็นก็ถามขึ้น
“เข้ามาทำไม”
“เอ่อ คือ คือ เถ้าแก่สั่งให้ฉันเข้ามารับเงินพิเศษ”
“เหรอ เถ้าแก่รออยู่ข้างในห้องทำงาน เดี๋ยวพาไป”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้ พวกแกช่วย ช่วยออกไปข้างนอกได้มั้ย”
“ทำไม”
“ก็ ก็ เถ้าแก่บอกว่าอยากอยู่กับฉันสองต่อสอง ไม่อยากให้มีใครมารบกวน แล้วฉันก็ไม่ ชอบให้มีใครมาแอบดูเวลาฉันเอาใจเถ้าแก่”
พวกลูกน้องเถ้าแก่เส็งยอมเดินออกไป ทิ้งเพื่อนเอาไว้คนเดียว เพื่อนรีบเดินเข้าไปข้างในห้องทำงาน
พวกลูกน้องเถ้าแก่เส็งพากันเดินออกมาอย่างไม่ระวัง พวกมิ่งรอจังหวะอยู่แล้ว พอได้โอกาสพวกนั้นเผลอก็ตรงเข้าไปเล่นงานจับเชือดคอ กระซวกแทงเรียงคนอย่างง่ายดาย มิ่งยิ้มพอใจอย่างร้ายกาจ
“ให้มันได้แบบนี้สิวะพวกบ้านสร้าง สมแล้วที่ข้าเลือกที่กบดานมาอยู่ใกล้ๆ เอ็ง ไอ้ลอ หึๆๆๆ”
ไม้พยายามฮึดโต้ตอบกลับลอ ซัดหมัดเข้าหน้าลอจนหน้าหัน แต่ก็แค่หยุดจังหวะของลอไปชั่วครู่เท่านั้น เพราะเมื่อลอหันมาจิกหน้าเอาจริง ไม้ก็เจอลอกระหน่ำหมัดใส่เป็นพายุ วีระเห็นท่าไม่ดี ลูกน้องจะโดนลอเล่นงานอีกตามเคย จึงคิดจะชิ่งหนี แต่จังหวะนั้นแพงก็โผล่มาพร้อมกับ ท่อเหล็กแทงกระสอบข้าวชี้ไปที่หน้าวีระ
“ตกลงเอ็งอยากเล่นบทโจร หรืออยากเล่นบทไอ้ขี้ขลาดตาขาวกันแน่ ไอ้วี”
“อีแพง น้ำหน้าอย่างเอ็งไม่กล้าหรอก”
แพงยิ้มกวนแล้วตวัดเหล็กแทงข้าวทีเดียวชายเสื้อวีระขาด แถมมีเลือดซิบๆ อีก
“อีแพง”
“เอ็งท้ามาข้าก็ชอบลองซะด้วย อยู่เฉยๆ เลย ไว้พี่ลอจัดการกับไอ้ไม้เสร็จ ข้าจะให้พี่ลอ ลากคอเอ็งส่งตำรวจ ทีนี้แหละ เอ็งจะได้เป็นโจรจริงๆ เลิกดูถูกพี่ลอว่าเป็นลูกโจรซะที”
วีระหน้าเสียไม่กล้าขยับเพราะเจอแพงเอาเหล็กแทงข้าวชี้หน้าขู่ ลอกำลังรับมือรับไม้อย่างติดพัน ก่อนที่จะสั่งสอนจนร้องลั่นเพราะโดนบิดแขน แพงเลยร้องบอก
“พี่ลอ ฉันได้ตัวไอ้วีระแล้ว ไม่ต้องห่วงทางนี้”
ลอชะงักหันมาทางแพง เลยเสียจังหวะทำให้ไม้สะบัดตัวหลุดแล้ววิ่งหนี แพงเห็นไม้หนีไปก็พลอยเสียสมาธิเลยเปิดโอกาสให้มาดเข้าไปผลักแพงกระเด็นแล้วช่วยลูกพี่หนี ออกไปได้หวุดหวิด แพงเจ็บใจจะตาม
“อย่าหนีสิวะไอ้ขี้ขลาด เอ็งอยากเป็นโจรเอ็งต้องได้เป็นสมใจ”
“ไม่ต้องตามพวกมันหรอกอีแพง”
“ทำไมล่ะพี่ลอ นี่มันโอกาสลากคอพวกมันเข้าตะรางเลยนะ”
ลอไม่พูดอะไร เข้าไปที่กองข้าวเปลือกเพื่อควานหาแหวนทอง
“พี่ลอ”
เพื่อนเปิดประตูห้องทำงานเถ้าแก่เส็งเข้ามา เจอแรมกำลังนั่งตักเอาอกเอาใจเถ้าแก่เส็งหนุงหนิง
“อ้าว มาแล้วเหรออานางรำคนสวย”
เถ้าแก่เส็งรีบลุกโดยไม่สนใจแรม ทำให้แรมเกือบจ้ำเบ้า เถ้าแก่เส็งรีบเข้าไปโอบไหล่เพื่อน
“อั๊วรอลื้ออยู่ตั้งนาน มามะ เดี๋ยวอั๊วจะให้รางวัลพิเศษลื้อ”
เพื่อนรีบปัดมือไม่สนใจเถ้าแก่เส็ง แล้วตรงไปที่แรม
“พี่แรมไปจากที่นี่กันเถอะ อยู่ไม่ได้แล้ว”
“แกอย่ามาขัดลาภฉันตอนนี้สินังเพื่อน โอกาสที่ฉันไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านสร้าง เป็น แค่ลูกครูปี่พาทย์จนๆ กำลังรอฉันอยู่”
“ไม่ได้นะพี่แรม เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วจริงๆ เชื่อฉันเถอะ”
“เอ็งอิจฉาข้าเหรอไง เห็นข้ากำลังจะได้เป็นเมียเถ้าแก่ ส่วนเอ็งก็เป็นได้แค่เมียไอ้ลอ”
“พี่แรม ฉันกำลังช่วยชีวิตพี่นะ”
“เอ็งไม่ต้องมาปั้นน้ำเป็นตัวหาเรื่องหลอกข้า ข้าเห็นเอ็งข้าก็รู้จักนิสัยเอ็งดี เอ็งมันทะเยอ ทะยานอยากไปให้พ้นบ้านสร้างซะยิ่งกว่าข้าอีกนังเพื่อน”
“งั้นก็เรื่องของพี่แล้วกัน ฉันไม่ยุ่งกับพี่แล้ว"
“พวกลื้อคุยอะไรกัน ช่วยคุยให้อั๊วรู้เรื่องด้วยได้มั้ย อัณวจะได้พาลื้อสองคนขึ้นเตียงไปคุยกับอั๊วพร้อมกันเลยไง”
“ไอ้แก่ลามก ไปตายเลยไป”
“อ้าว มาแช่งให้อั๊วไปตายแบบนี้ ลื้อหาเรื่องเจ็บตัวแล้วอานางรำ”
เถ้าแก่เส็งโมโหจิกกระชากผมเพื่อนอย่างแรงจนร้องลั่น จังหวะนั้นเองที่เถ้าแก่เส็งสะดุ้งเฮือกเพราะถูกมิ่งใช้มีดแทงจากข้างหลัง มีดทะลุอก เลือดกระเซ็นเปรอะหน้าเพื่อน ส่วนแรมก็ตกใจร้องลั่น
“ดันมายุ่งกับสาวๆ บ้านสร้าง วันนี้ก็เลยกลายเป็นวันดวงซวยของเอ็ง ไอ้เถ้าแก่เส็ง ฮ่าๆ”
มิ่งกระซวกแทงอีกทีจนเถ้าแก่เส็งตายคาที่ แรมกับเพื่อนตกใจกอดกันกลม มิ่งหันมายิ้มร้าย
บริเวณสนามหญ้าที่พวกแสงกับเรืองถูกพวกลูกน้องมิ่งคุมตัวเอาไว้
“พ่อ พ่อว่าพวก พวกมันจะฆ่าเรารึเปล่า”
“พวกมันเป็นโจร ลองถ้าปล้นเสร็จแล้ว มันจะปล่อยพวกเราเอาไว้ทำไม”
“หา งั้นเราก็จะตายกันหมดนี่ แล้วพ่อไม่กลัวเหรอ”
“เรื่องตายข้าไม่กลัว ให้ข้าตายคนเดียวซะยังดีกว่าให้พวกมันฆ่าเอ็ง ฆ่าลูกศิษย์ของข้า”
“พ่อ พ่อจะสู้พวกมันเหรอ”
“ข้าจะไปสู้อะไรมันได้วะ ข้าจะขอร้องพวกมันต่างหาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า เอ็งต้องรับ ปากว่าจะสืบทอดวิชานาฏศิลป์ของครูบาอาจารย์ให้อยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน”
“พ่อ”
แสงตบบ่าเรืองแล้วลุกขึ้นเข้าไปที่ลูกน้องของมิ่ง
“ไอ้แก่ คิดจะทำอะไร บอกให้อยู่เฉยๆ ไง”
“ข้าขอแลกชีวิตข้ากับลูกศิษย์ ทรัพย์สมบัติข้ามีไม่มาก แต่ถ้าพวกเอ็งอยากได้ ข้าก็จะให้หมด อย่างน้อยก็คงทำให้พวกเอ็งพอใจได้บ้าง”
“ไอ้แก่ เอ็งนี่มันกล้านัก”
“ว่าไงล่ะ จะตกลงรึเปล่า”
“ชีวิตแก่ๆ กับไอ้สมบัติเครื่องดนตรีเก่าๆ กระจอกๆ พวกข้าไม่อยากได้ เสียเวลาชะมัด อย่าอยู่ให้รำคาญเลย”
ลูกน้องเงื้อดาบจะจัดการแสง เรืองร้องลั่นกลัวพ่อตายรีบโผเข้าไปกอดพ่อแล้วเอาตัวกันไว้
“ไม่ พ่อจะตายไม่ได้เด็ดขาด ฉันต่างหากที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ ฉันมันลูกไม่เอาไหน พ่อ สอนอะไรก็ไม่เคยจำ ให้ฉันแลกชีวิตฉันเพื่อให้พ่อได้อยู่ต่อเถอะ”
“ไอ้เรือง”
แสงกับเรืองมองหน้ากันอย่างซาบซึ้งใจ ระหว่างนั้นมิ่งพาตัวแรมกับเพื่อนเข้ามา
ลูกน้องคนอื่นๆ ที่ตามมาด้วยต่างก็แบกถุงใส่ข้าวของและสมบัติมีค่าของเถ้าแก่เส็งมาเต็มสองมือ
“เฮ้ย ปล่อยพวกมันให้หมด ข้าสั่งก็รีบๆ ทำสิเว้ย จะอยู่รอให้ตำรวจบุกมาก่อนเหรอไง เร็ว”
ลูกน้องรีบทำตามคำสั่ง แก้มัดเชือกพวกคณะปี่พาทย์ มิ่งหันไปบีบแขนเพื่อน
“ขอบใจมากที่ช่วยให้ข้าไม่ต้องออกแรงปล้นไอ้เถ้าแก่เส็งให้เหนื่อย เอ็งชื่ออะไร”
เพื่อนไม่ยอมตอบ มิ่งต้องบีบแขนแรงๆ ตะคอกขึ้นเสียง
“ข้าถามก็ตอบมา”
แรมรีบตอบให้แทน
“ชื่อนังเพื่อนจ้ะ”
“นังเพื่อนเหรอ หึๆๆ ข้าจะจำชื่อไว้ คนสวยแห่งบ้านสร้าง สักวันเราต้องได้เจอกันอีกแน่”
มิ่งยิ้มให้กับเพื่อนด้วยสายตามีเลศนัย แล้วพากันออกไปกับพวกลูกน้อง เพื่อนมองมิ่งด้วยความสงสัย
ลอคุ้ยกองข้าวเปลือกจนกระจุยกระจายเพื่อหาแหวนทอง แพงเองก็ช่วยค้นหาแต่ก็ไม่เจอ
“พี่ลอ ฉันว่าพอเถอะ หายังไงก็ไม่เจอหรอก”
“ไม่ ข้าจะไม่หยุดหาจนกว่าจะเจอ ข้าต้องเอาแหวนไปหมั้นแม่เพื่อนให้ได้”
“แต่ถ้าไอ้วีมันไปพาพวกมันย้อนกลับมาอีก พี่รับมือมันไม่ไหวหรอกนะ”
“คนอย่างไอ้ลอไม่มีทางตายเพราะคมดาบของพวกมัน อย่างเดียวที่จะฆ่ามันให้ตายได้ก็คือ แม่เพื่อนไม่รักมันแล้ว ถอยไปอีแพง”
ลอดันแพงให้หลบเพราะยืนเกะกะอยู่ตรงกองข้าวเปลือก แพงได้แต่ยืนดูอย่างเวทนาจนทนไม่ไหว
“พี่ลอ แค่แหวนทองวงเดียวกับคำมั่นสัญญาของพี่ ถ้าพี่เพื่อนเขาจะเลือกพี่เพราะสมบัตินอกกายล่ะก็ ฉันว่าพี่อย่าไปแต่งกับพี่เพื่อนเลยดีกว่า”
“อีแพง เอ็งพูดอะไรออกมา”
ลอเข้าไปกระชากแขนแพงมาบีบแรง
“ฉันพูดเพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันเห็นมาทั้งชีวิต คำพูดของพี่ลอเชื่อถือได้เสมอ ยิ่งเป็นเรื่องความสุขของฉันกับพี่เพื่อน ไม่ต้องมีคำสาบานอะไรก็เชื่อได้หมดหัวใจว่าพี่จะทำให้เราสองคนได้จริงๆ”
“เอ็งยังเด็ก เอ็งยังไม่ถึงเวลามีผัว เอ็งยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อีแพง”
ลอปล่อยมือจากแขนแพงแล้วก้มลงไปคุ้ยหาแหวนทองต่อ
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่ลอ ฉันโตแล้ว ฉันเข้าใจทุกอย่าง คนเราถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย มันต้องรักกันอย่างที่ไม่คิดจะผลาญความรักของอีกคนให้หมดลงไปทุกวันสิจ๊ะ”
แพงระบายออกมาน้ำตาคลอ มองแผ่นหลังของลอที่ก้มๆ เงยๆ รื้อค้นกองข้าวเปลือก
“ฉันอยากเห็นคนที่เขารักพี่ลอ รักพี่ทวีคูณขึ้นทุกๆ วัน ไม่ใช่เพราะพี่ปรนเปรอเขาด้วยสมบัตินอกกาย แต่รักเพราะหัวใจซื่อๆ ของพี่ต่างหาก”
แพงน้ำตาไหลเมื่อได้พรั่งพรูออกมา แต่เหมือนลอจะไม่สนใจฟัง เพราะอยู่ๆ ลอก็หันขวับกลับมาพร้อมกับ แหวนทองที่ค้นเจอในกองข้าวเปลือกจนได้
“ข้าเจอแล้ว แหวนหมั้นแม่เพื่อน”
ลอดีใจจนไม่ได้สนใจความรู้สึกของแพง โผเข้าไปกอดแพงด้วยความดีใจ
“รีบกลับเถอะอีแพง ไปเร็ว”
ลอรีบถือแหวนวิ่งออกไปอย่างลิงโลด แพงได้แต่มองตามลออย่างเจ็บลึกในหัวใจ และนี่ก็คือความเจ็บ ปวดที่ทนมานาน และต้องทนต่อไปอย่างไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
แสงและทุกคนพากันกลับเข้ามาบ้าน เรืองกับผาดช่วยกันพยุงแสงเข้ามานั่ง ส่วนลูกวงก็แยก ย้ายไปตามมุมพักกัน ล
“ขอบใจนะไอ้ผาดที่ช่วยเป็นธุระจัดการพาพวกข้ากลับมา”
“ข้าน่ะตกใจแทบแย่ตอนที่ตำรวจมาตามข้าแล้วบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเอ็ง”
“อาผู้ใหญ่แค่ตกใจ แต่พวกฉันสิ นึกว่าจะไม่รอด เกือบกลายเป็นผียกคณะแล้ว”
“จะว่าไปพวกเอ็งก็ดวงดีจริงๆ ชื่อเสียงของเสือมิ่งมันโหดไม่มีใครเปรียบ ตำรวจเขายังงง เลยว่าทำไมคราวนี้มันถึงไม่ฆ่าพวกเอ็ง แต่กลับปล้นฆ่าพวกเถ้าแก่เส็งยกบ้าน”
“ข้าก็แปลกใจเหมือนใจ พอมันรู้ว่าพวกข้ามาจากบ้านสร้าง มันก็สั่งลูกน้องไม่ให้ทำอะไรพวกข้า ข้าก็เลยสงสัย”
“สงสัยอะไรเหรอจ๊ะพ่อ”
แสงนิ่งไป แล้วมองหน้ากับผาดด้วยสีหน้าที่คิดไปทางเดียวกัน ผาดหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เรื่องมันก็นานมาแล้ว มันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันอย่างที่เราคิดก็ได้ไอ้แสง”
“ตกลงอาผู้ใหญ่กับพ่อสงสัยอะไร บอกให้ฉันรู้หน่อยสิ อย่าให้ฉันงงอยู่คนเดียว”
“เอ็งไม่ต้องเสือก ไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง มันไม่ใช่เรื่องของเอ็ง ไปเลย ดูพี่สาวเอ็งกับนังเพื่อน ป่านนี้หายตกอกตกใจกันรึยัง”
“แม่เพื่อนเขาไปแล้วจ้ะพ่อ มาถึงบ้านสร้างปุ๊บ ก็รีบแจ้นไปหาไอ้ลอทันที”
เพื่อนรีบวิ่งมาตามคันนาด้วยความรีบร้อนอยากเจอหน้าลอ แรมรีบเดินตามหลัง
“เดี๋ยวก่อนสินังเพื่อน เอ็งยังไม่หมดธุระกับข้านะ”
“ฉันไม่มีธุระอะไรกับพี่แล้ว ไม่ต้องมาตามฉันอีก”
“เอ็งอย่ามาขึ้นเสียงกับข้าแบบนี้สิวะ มันไม่ใช่ความผิดของข้าสักหน่อยที่พวกเราเกือบ ต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่บ้านเถ้าแก่เส็ง”
“พี่ยังกล้าปฏิเสธความรับผิดชอบอีกเหรอ”
“ก็มันจริงนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ ไอ้เสือมิ่งจะบุกไปปล้นฆ่า”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น พี่รู้ดีแก่ใจว่าทำอะไรผิด แล้วยังเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วยอีก”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด คนเรามันต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเองสิวะ แล้วข้าก็รักเอ็งอย่างน้องสาว ข้าก็อยากให้สุขสบายเหมือนอย่างข้าไง”
“แต่ฉันไม่ต้องการ เพราะที่ฉันมีอยู่ทุกวันนี้มันก็ดีที่สุดสำหรับฉันอยู่แล้ว”
“แหวนทองที่ไอ้ลอจะเอามาหมั้นเอ็งน่ะเหรอ โทษทีนะ ข้าให้ไอ้เรืองมันเล่าให้ข้าฟัง”
“พี่ลอเขาทำเพื่อฉัน เขารักฉัน ฉันพอใจแค่นั้นแหละ ไม่ต้องตามฉันมาอีกนะพี่แรม”
เพื่อนรีบเดินออกไป แรมกอดอกมองตามอย่างสมเพชและดูถูกเย้ยหยัน
“เออ น้ำหน้าอย่างเอ็ง ข้าจะคอยดูว่าจะพอใจ ได้อย่างที่พูดรึเปล่า”
ลอกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามทางด้วยความรีบร้อน แพงรีบวิ่งตาม
“พี่ลอ รอฉันด้วยสิ ฉันตามไม่ทัน”
“เอ็งก็เร็วหน่อยสิวะ อย่าพิรี้พิไร”
“ฉันรีบวิ่งตามพี่จนตีนฉันจะพองหมดแล้วนะ”
“งั้นเอ็งก็ไม่ต้องตามมา ข้าจะรีบเอาแหวนทองไปให้แม่เพื่อน”
ลอบอกแพงแล้วก็รีบวิ่งข้ามสะพานไม้กระดานแผ่นเดียวที่พาดข้ามลำกระโดง แพงรีบเร่งตามแล้วไม่ทันระวัง
“ว้าย”
แพงเหยียบกระดานพลาดร้องลั่นแล้วตกลงไปในลำกระโดง
“อีแพง”
แพงรีบลุกพรวดขึ้นมาเพราะลำกระโดงน้ำไม่ลึก แต่ตัวเปื้อนไปด้วยโคลน
“พี่ลอ ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อยสิ”
แพงยื่นมือออกไปขอความช่วยเหลือ ลอเกือบจะย้อนกลับมาเพื่อช่วยแพงเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่ ทว่าครั้งนี้เขากลับชะงักที่ปลายฝั่งสะพานไม้ มองแพงสลับกับมองแหวนทองวงน้อยในมือ
“พี่ลอ ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อย ขาฉันจมลงไปในโคลนดึงไม่ขึ้นเลย”
“ข้าขอโทษนะอีแพง ข้าไม่อยากเสียเวลากับเอ็ง”
ลอพูดแค่นั้นก็รีบเดินออกไป แพงชะงักอึ้ง ยืนแช่อยู่ในลำกระโดง ได้แต่มองตามลอตาละห้อย
“พี่ลอ”
ลอกับเพื่อนพากันวิ่งมากันคนละทางแล้วมาเจอหน้ากันที่คุ้งต้นไทร
“แม่เพื่อน”
“พี่ลอ”
ทั้งคู่ต่างดีใจที่ได้พบหน้ากัน จึงโผเข้าหาสวมกอดกันแน่น โดยเฉพาะเพื่อน
“พี่ลอจ๋า ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้วที่เข้าใจพี่ผิด พี่อย่าโกรธฉันนะ”
“แม่เพื่อนรู้”
“ไอ้เรืองมันบอกความจริงฉัน แต่กว่าฉันจะมาหาพี่ได้ ฉันก็เกือบจะไม่ได้เจอหน้าพี่อีก”
เพื่อนพูดไปก็น้ำตาคลอ สวมกอดลอแน่นจนลอเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่เพื่อนถึงได้ตัวสั่นกลัวแบบนี้”
“ฉันไปช่วยครูรำแก้บนที่บ้านเถ้าแก่เส็งในอำเภอ แต่เจอพวกไอ้เสือมิ่งบุกไปปล้นฆ่า พวกมันโหดเหี้ยมมาก ฉันเห็นคนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา พี่ลอ ฉันกลัว”
“เสือมิ่ง”
“ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ได้กลับมาหาพี่ลอ ถ้าฉันตายโดยที่ยังไม่ได้ขอโทษพี่ วิญญาณฉันคงอยู่ไม่เป็นสุข”
“ไม่ต้องกลัวนะคนดี แม่เพื่อนไม่เคยทำร้ายพี่เลย ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ แต่ ถ้าไม่มีแม่เพื่อนอยู่กับพี่นี่สิ ความคิดถึงก็จะทำร้ายให้พี่ตายตามแม่เพื่อนไป”
ลอพูดออกมาด้วยใจซื่อ สบตาเพื่อนอย่างรักใคร่ ลูบแก้มประคองใบหน้าคนรักขึ้นมา ริมฝีปากเข้าใกล้ แพงตัวเปื้อนโคลนตามเข้ามา ชะงักไป
“พี่ลอจ๋า ฉันรักพี่ลอเหลือเกิน”
“พี่ก็รักแม่เพื่อนหมดทั้งหัวใจของพี่”
ลอเคลื่อนริมฝีปากแตะสัมผัสกับริมฝีปากของเพื่อนด้วยความรักของทั้งคู่ ในขณะที่แพงยืนมองน้ำตาไหล อย่างเจ็บปวด แม้ปากจะบอกว่าอยากเห็นคนที่รักมีความสุข แต่เมื่อเห็นกับตา แพงก็อดที่จะเจ็บปวดไม่ได้ จึงหันหลังเดินจากไปอย่างเศร้าๆ
ประจวบยืนคุมลูกน้องเสมียนนั่งดีดลูกคิดคำนวณรายได้ของวันนี้ เห็นเงินกองอยู่เต็มโต๊ะ ครู่หนึ่ง วีระเข้ามาเห็นกองเงินก็ยิ้มกริ่มจะฉวยหยิบไป แต่โดนประจวบปัดมือแรงๆ
“โธ่เอ๊ยพ่อ ขอฉันหยิบยืมไปใช้หน่อยไม่ได้เหรอ เดือนนี้กำลังไส้แห้งอยู่เลย”
“ข้าให้เอ็งใช้จ่ายตั้งเยอะแยะ ถ้าไม่เอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย ใช้ยังไงก็ไม่หมด”
“แต่เดี๋ยวนี้ข้าวยากหมากแพงไปซะหมด อย่างกกับฉันเลย เสียชื่อนายประจวบหมด”
“หนอย ถ้าข้างกกับเอ็ง เอ็งจะสุขสบายทำตัวไม่มีประโยชน์ไปวันๆ แบบนี้เหรอวะไอ้วี จำเอาไว้ให้ดีเลยนะ ถ้าเอ็งยังทำตัวผลาญเงินข้าไปทุกวันแบบนี้ต่อไปล่ะก็ สมบัติซักแดงข้าก็จะไม่ให้เอ็ง”
วีระชะงัก ไม่พอใจกระแทกเสียง
“เออๆๆ ขี้เกียจฟังพ่อบ่นแล้ว ไปก็ได้วะ”
วีระหงุดหงิดจะเดินออกไป แต่ต้องชะงักพร้อมๆ กับประจวบและลูกน้องในโรงสี เพราะมิ่งยกพวกเข้า มาปิดล้อมพร้อมอาวุธครบมือและคุมตัวพวกคนงานในโรงสีเข้ามาด้วย
“เฮ้ย พวกมึงเป็นใครวะ กล้าบุกเข้ามาโรงสีข้าได้ยังไง”
“อย่าเพิ่งตกใจไปเลยครับคุณประจวบ พวกเราไม่ได้มาร้าย แค่อยากจะมาทักทายตาม ประสานายจ้างกับลูกจ้างก็แค่นั้น”
“พ่อข้าไม่รู้จักพวกเอ็ง ไม่เคยไปจ้างให้พวกเอ็งทำงานให้ ไปให้พ้นเลย ไม่งั้น”
วีระกำลังจะชักปืนที่เหน็บหลังเอว แต่ก็ช้ากว่ามิ่งที่ชักปืนมาจ่อหน้าวีระ
“จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่า ไอ้หลานชาย อย่าท้าทายเสือมิ่งแบบนี้ มันไม่คุ้มเสี่ยงชีวิตลูกชาย เศรษฐีเงินถุงเงินถังอย่างนายประจวบหรอก”
“แก ไอ้เสือมิ่ง”
เสือมิ่งผลักเสมียนออกแล้วขยับเลื่อนเก้าอี้ให้ประจวบนั่งตรงหน้าลูกคิดและกองเงินบนโต๊ะ
“เชิญครับคุณประจวบ ราคาค่าจ้างของพวกเราเมื่อเทียบกับผลงานแล้ว มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม จะหาใครมาทำงานแบบนี้ให้ไม่มีอีกแล้ว”
“พวกเอ็งปล้นบ้านไอ้เถ้าแก่เส็ง ได้สมบัติมันไปเยอะแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรอีก”
“ไม่เอาน่า พวกเราไม่ได้มาอย่างโจร”
มิ่งชักมีดพกออกมาแล้วปักลงไปที่ธนบัตรบนโต๊ะ
“พวกเราเลือกมาอยู่ที่นี่เพราะอยากทำมาหากินสะดวกๆ ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีก”
“นั่นมันปัญหาของพวกเอ็ง ไม่ใช่ของข้า ข้าช่วยอะไรไม่ได้”
“แน่ใจเหรอคุณประจวบ ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราไม่ปล่อยให้ใครโดดเรือหนี เอาตัวรอดคนเดียวหรอก ยกเว้นก็แต่ว่า จะตายมันกันทั้งลำนี่แหละ”
มิ่งขึ้นเสียงขึงขังเป็นคำสั่งให้ลูกน้องทุกคนชักอาวุธทั้งมีดและปืนออกมาพร้อมจะกวาดเรียบทุกคนในนี้ ไม้กับพวกลูกน้องประจวบก็ชักอาวุธออกมาเหมือนกัน แต่วีระรีบห้ามและแนะนำพ่อ
“พ่อ อย่าเสียน้อยเสียยากเลย ชื่อเสียงไอ้เสือมิ่งมันไม่ธรรมดา ฝีมือก็ใช้ได้ ในเมื่อมัน อยากให้เราดูแลพวกมัน ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน มีมือมีตีนสั่งให้ทำงานสกปรกอะไรก็ได้”
“ข้าไม่ชอบยุ่งกับพวกโจร เลี้ยงพวกมันก็เหมือนเลี้ยงงูเห่า”
“อย่าไปกลัวเกินเหตุเลยพ่อ ถ้าเราเลี้ยงมันดี ให้มันคอยปล้นฆ่าพวกที่เกะกะทางรวยของเรา คิดยังไงก็คุ้มนะพ่อ”
วีระพูดพร้อมขยับลูกคิดเลื่อนไปตรงหน้าพ่อให้ลองคิดคำนวณดู ประจวบนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่ มองมิ่ง มองทุก คนที่พร้อมจะห้ำหั่นตายกันหมดอย่างตัดสินใจ แล้วหันไปรวบธนบัตรบนโต๊ะมาปึกหนึ่งยื่นให้มิ่ง
“พวกแกไปได้แล้ว ถ้ามีงานอะไร ข้าจะส่งคนไปสั่งเอง แล้วก็อย่าโผล่มาที่นี่อีก”
“ดีมากคุณประจวบ ให้มันได้แบบนี้สิ ฮ่าๆๆ”
มิ่งหัวเราะชอบใจเสียงดังแล้วเอาเงินยัดใส่ถุงผ้า วีระมองพวกมิ่งแล้วครุ่นคิด
พวกมิ่งพากันเดินออกมาจากโรงสีอย่างพออกพอใจที่ได้เงินเพิ่ม วีระตามออกมา
“เดี๋ยวก่อนไอ้เสือมิ่ง”
มิ่งกับพวกชะงักหันขวับนึกว่าวีระจะตามออกมาเอาเรื่องเลยจะชักปืน แต่มิ่งยกมือห้าม
“พวกเอ็งออกไปก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
พวกลูกน้องทยอยเดินออกไป มิ่งจึงเดินมาเผชิญหน้ากับวีระ
“ข้าก็ลืมไปว่าจะขอบใจเอ็งซะหน่อยนะไอ้หลานชาย เอ็งมันเป็นคนฉลาด เข้าใจอะไรง่ายดี หน่วยก้านเอ็งก็ไม่เลว ท่าทางจะนักเลงเอาเรื่อง”
มิ่งพูดพร้อมมือตบบ่าวีระอย่างผู้อาวุโส แต่กลับถูกวีระปัดมือแรงๆ
“อยู่ให้ห่างๆ ข้าไว้ดีกว่าไอ้เสือมิ่ง ฐานะของเอ็งเป็นแค่ลูกจ้าง อย่าคิดมาตีตัวเสมอข้า”
“หยิ่งซะด้วย มิน่าชื่อเสียงเอ็งถึงไม่ค่อยดีนัก ไอ้ท่าทางแบบนี้ ข้าบอกได้เลย สักวันเอ็งจะไม่ต่างจากโจรอย่างพวกข้าหรอกไอ้หลานชาย”
“ปล่อย ข้าไม่ใช่โจรอย่างพวกเอ็ง ปล่อย”
วีระพยายามดิ้น มิ่งหัวเราะใส่หน้าแล้วผลักจนวีระเซ
“ทีนี้ก็บอกมาได้แล้ว มีธุระอะไร”
วีระมองอย่างเจ็บใจแต่ก็อยากรู้เรื่องที่สงสัย
“เอ็งรู้จักไอ้ลอ ทุ่งบ้านสร้างรึเปล่า”
มิ่งนิ่งไปครู่เหมือนจะไม่ตอบอะไร
“ไอ้ลอ ลูกชายเสือเทิด จำไว้นะไอ้หลานชาย ไอ้ลอไม่ใช่คนที่เอ็งจะไปยุ่งด้วย ข้าเตือนเอาไว้แค่นี้แหละ”
มิ่งยิ้มร้ายๆ แล้วเดินออกไปพร้อมเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี วีระสงสัย
“พวกมึงรู้จักกันจริงๆ”
เพื่อน แพง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตอนค่ำ ลอกับเพื่อนนั่งกินข้าวอยู่กับพิศและแพง
“โชคดีที่คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง เอ็งถึงได้รอดมือโจรมาได้ นี่แหละที่โบราณว่าคนดีผีคุ้ม”
“ตกลงจะพระหรือผีที่คุ้มครองพี่เพื่อนกันแน่จ๊ะพ่อ”
“อีแพง ไม่ต้องสอดทุกคำข้าได้มั้ย เดี๋ยวยันโครมให้”
แพงเซ็งตักข้าวให้พ่อเสร็จก็ถอยออกจากวง ลอแปลกใจ
“ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันเหรออีแพง”
“ฉันไม่หิว จะลงไปสุมไฟไล่ยุงให้ไอ้เปลี่ยวมัน”
แพงพูดแล้วก็รีบลงจากเรือนไปหน้าปั้นปึ่ง พ่อกับพี่ไม่ได้สนใจแม้แต่นิดเดียว
“ช่างมันเถอะไอ้ลอ เดี๋ยวหิวมันก็หากินเอง ว่าแต่ที่เอ็งอุตส่าห์ไปหาซื้อแหวนทองมาหมั้นนังเพื่อน เรื่องสำคัญแบบนี้อุบข้าซะมิดเชียว”
“ฉันอยากให้แม่เพื่อนตื่นเต้นจ้ะอา แล้วจะได้มั่นใจด้วยว่าถ้ามาเป็นเมียไอ้ลอ แล้วจะไม่มีวันลำบาก อาพิศเองก็จะไม่น้อยหน้าคนอื่นที่ได้ฉันเป็นเขยด้วย”
“คิดได้แบบนี้มันถูกแล้วไอ้ลอ นังเพื่อนมันสวยที่สุดในบ้านสร้าง มันก็ควรจะได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมันเหมือนกัน”
“จ้ะอา แม่เพื่อนคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉันเหมือนกันจ้ะ”
“งั้นข้าขอดูแหวนทองที่เอ็งจะเอามาหมั้นนังเพื่อนมันหน่อย คงสวยแล้วก็แพงหูฉี่เลยสิ”
“พ่อ ฉันเป็นคู่หมั้นพี่ลอฉันยังไม่ได้เห็นเลยนะ รอให้พี่ลอเอามาหมั้นฉันก่อนสิ”
“เฮ้ย เอาน่า เห็นก่อนเห็นหลังมันก็ต้องเห็นอยู่ดี เห็นตอนนี้ข้าจะได้ไปอวดคนอื่นได้”
“พ่อนี่ก็ ห่วงแต่หน้าตัวเอง”
“ปั๊ดโธ่นังเพื่อน ทั้งทุ่งบ้านสร้างเขาลุ้นเอ็งกับไอ้ลอมาตลอดนะเว้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแม่เพื่อน พี่เองก็อยากอวดให้อาเขาภูมิใจเหมือนกัน”
ลอพูดไปก็ล้วงถุงผ้าเล็กๆ ที่เหน็บอยู่ในผ้าขาวม้าคาดเอวออกมา
แพงสุมหญ้าให้เกิดควันเพื่อช่วยไล่แมลงไล่ยุงและคุยกับไอ้เปลี่ยว
“ไม่ต้องมาผงกหัวขอบใจข้าหรอกไอ้เปลี่ยว สันดานเอ็งข้ารู้จักดี รู้เหมือนกับสันดานของ ปากไม่ดีนะอีแพง เขาเป็นพี่เขาเป็นพ่อเอ็งนะโว้ย”
แพงตบปากสั่งสอนตัวเองไม่ให้พูดออกมา แล้วหันมองไปภายในบ้าน อดสงสารลอไม่ได้
“แต่ข้าก็สงสารพี่ลอเขานะไอ้เปลี่ยว”
แหวนทองวงน้อยๆ ในมือพิศที่พอเห็นแล้วก็อึ้งๆ ไป เพื่อนยังไม่เห็นเอง
“เป็นไงจ๊ะพ่อ สวยใช่มั้ยจ๊ะ”
“ก็ ดูแล้วมันก็ สวยดีสมราคามันแหละนะไอ้ลอ”
พิศพูดแล้วยื่นแหวนให้เพื่อนไปดูเองอย่างไม่สนใจ เพื่อนรับแหวนมาแล้วตื่นเต้น แต่พอเห็นเต็มๆ ก็ชะงัก
“นี่น่ะเหรอจ๊ะพี่ลอ แหวนที่จะเอามาหมั้นฉัน”
ลอยิ้มซื่อ
“จ้ะ พี่เลือกซื้ออยู่นานเลยนะแม่เพื่อน หาที่สวยให้ถูกใจแม่เพื่อนยาก แต่อีแพงมันว่าวงนี้แหละ แม่เพื่อนต้องถูกใจแน่ๆ”
“พี่เอาอีแพงไปช่วยเลือกด้วยเหรอ”
“จ้ะ แม่เพื่อนชอบใช่มั้ย”
“เอ็งซื้อมาให้ยังไงมันก็ต้องชอบ แต่แหวนวงแค่นี้ ข้าว่าเอ็งไม่น่าจะเลือกนานนะ ไอ้ลอ เพราะที่ร้านคงไม่มีให้เลือกเท่าไหร่หรอก”
“พ่อ อย่าพูดแบบนี้สิ”
ลอชะงักหน้าเจื่อนที่โดนพิศตำหนิเรื่องราคาค่างวดของแหวน จังหวะนั้นแพงเสนอหน้าพรวดเข้ามา
“ถ้าเห็นว่าแหวนวงแค่นี้จะเอาไปอวดชาวบ้านไม่ได้ล่ะก็ พ่อก็เอาเงินเก็บที่พี่ลอเขาช่วย ทำงานแล้วให้พ่อเอาไว้ ไปซื้อสายสร้อยทองเส้นโตๆ ช่วยพี่ลอเขาหมั้นพี่เพื่อนสิจ๊ะ”
“อีแพง”
“ฉันพูดจริงนะพ่อ พี่ลอเขาช่วยเราทำงานมาตั้งหลายปี ทุกสตางค์หามาได้เท่าไหร่ก็ยกให้พ่อดูแล เพราะเขาไม่ได้ใช้จ่ายอะไร แล้วจะมีเงินเยอะแยะที่ไหนมาซื้อของแพงๆ ล่ะ”
“อีแพง เรื่องของผู้ใหญ่เขาคุยกัน เอ็งอย่าเสือก”
“พี่เพื่อนก็อีกคนนั่นแหละ ปากบอกว่ารักพี่ลออย่างนั้นอย่างนี้ แต่กลับไม่ช่วยทำให้ทุก คนเห็นว่าความรักของพี่ลอตีเป็นราคาค่างวดไม่ได้ เพราะมันมีค่ามากกว่าเงิน พี่เพื่อนก็ไม่ทำ ดันเออออเห็นดีเห็นงามให้พี่ลอต้องลำบากทำสิ่งที่เกินกำลัง”
“อีแพง เอ็งด่าข้าเกินไปแล้ว”
“ไม่ได้ขึ้นไอ้ขึ้นอีสักคำจะเรียกว่าด่าได้ยังไง แค่จะช่วยเตือน”
แพงไม่ทันจะพูดจบ ลอก็เอาน้ำในขันสาดโครมเข้าหน้าแพงทันที แพงอึ้งตกใจ
“หยุดปากเสียพูดจาไม่รู้จักเคารพพ่อเคารพพี่ซะทีเถอะอีแพง”
“พี่ลอ”
“ถ้าเอ็งยังไม่หยุด ข้านี่แหละจะสั่งสอนเอ็งเอง”
แพงเจ็บปวดเสียใจรีบถอยออกไปทันที ลอมองตาม อดสงสารแพงไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าที่แพงพูดแบบนั้นไปเพราะต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของเขา
ลอเดินเข้ามาแถวคอกควายมองหาแพงอยู่ครู่จึงเห็นแพงแอบมานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นคุยกับไอ้เปลี่ยว
“ไม่ต้องมายุ่งกับข้าเลยไอ้เปลี่ยว เอ็งก็เหมือนเพื่อนเอ็งนั่นแหละ ข้าเกลียดขี้หน้านัก”
แพงไม่รู้จะลงกับใครก็ลงที่ไอ้เปลี่ยวซึ่งได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ข้าด่าเอ็งแล้วยังมองหน้าอีก หัวเราะเยาะข้าด้วยใช่มั้ย หาว่าข้าโง่ที่ไปเสนอหน้าให้เขาด่า งั้นคืนนี้ข้าจะปล่อยให้เอ็งโดนลิ้นเหลือบไรเล่นงานซะให้เข็ด”
“ข้านอนอยู่ในคอกของข้าดีๆ มาโดนเอ็งด่าซะอย่างนั้น ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอวะอีแพง”
แพงชะงัก
“พี่ลอ”
แพงหันขวับไปหาทางต้นเสียงแต่ไม่เจอตัวเพราะลอแอบยืนหลบอยู่ไม่ให้แพงเห็น แพงโกรธหันไปที่ไอ้เปลี่ยว
“เอ็งมาตัดพ้อว่าข้าใจร้าย แล้วที่เพื่อนรักเอ็งทำกับข้าล่ะไม่ใจร้ายกว่าเหรอไอ้เปลี่ยว”
“ก็เอ็งมันทำเกินไปนี่หว่าอีแพง นั่นพ่อนั่นพี่เอ็ง ไปพูดกับเขาเหมือนเป็นคนอื่นได้ยังไง”
“ก็เพราะเป็นพี่เป็นพ่อไง ข้าถึงต้องพูดเตือนสติให้หยุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ซื่อๆ โง่ๆ อย่าง เพื่อนเอ็งคงตัดแขนตัดขาขายเป็นเงินมาแต่งเมียแล้ว”
ลอสะดุ้งโหยงที่โดนแพงด่าซื่อด่าโง่เลยชักฉุน
“อีแพง เอ็งกล้าด่าข้าว่าโง่เลยเหรอวะ”
แพงจ้องหน้าไอ้เปลี่ยว
“เออ ก็โง่จริง เลยต้องด่าไง แล้วนี่ตกลงข้าคุยกับเอ็งอยู่หรือคุยกับ เพื่อนเอ็งกันแน่ เอาให้แน่ ถ้าอยากจะมาขอโทษข้าก็ลูกผู้ชายเดินออกมา”
ลอนิ่งไป ส่วนแพงก็ยืนรออยู่ตรงคอกควาย ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา คิดว่าต้องเป็นลอแน่ๆ เลยหันขวับ
“อยากขอโทษฉันแล้วใช่ พี่เพื่อน”
แพงชะงักเพราะคนที่เข้ามาคือเพื่อนที่มองหน้าแพงอย่างไม่พอใจ แพงรีบมองไปที่ต้นเสียงซึ่งรู้อยู่ว่าลอ หลบอยู่ตรงนั้น แต่ไม่เจอลอแล้ว เพราะลอออกไปก่อนหน้าเพื่อนจะเข้ามา
“มานี่เลยอีแพง”
เพื่อนหยิกแขนน้องสาวแรงๆ แล้วกระชากพากลับไปที่บ้าน ผลักไปทางพ่อที่รออยู่อย่างอารมณ์เสีย และนั่งกระดกไหเหล้ากินไม่หยุด
“กราบขอโทษพ่อเขาซะเดี๋ยวนี้เลยอีแพง”
“ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรทำไมฉันต้องขอโทษ”
“อีนังนี่ เอ็งพูดจาหยามพ่อ หาว่าพ่อเขาเอาเปรียบพี่ลอ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย ฉันแค่บอกว่าถ้าพ่ออยากได้หน้า อยากได้ ทองหมั้น ให้มันสมน้ำสมเนื้อคนสวยอย่างพี่เพื่อน พ่อก็ต้องช่วยพี่ลอด้วย”
“อีแพง หยุดเลยมึง นั่นแหละที่มึงกำลังด่าว่ากูงอมืองอตีนไม่ทำอะไร รอแต่ให้ไอ้ลอมันทำงานให้ แล้วเลี้ยงมันเหมือนเลี้ยงควายไว้ใช้งาน”
พิศกระแทกไหเหล้าอย่างฉุนเฉียวจ้องหน้าลูกสาวคนเล็กอย่างชิงชัง
“ฉันไม่ได้ว่าพ่องอมืองอตีนไม่ทำอะไรจริงๆ นะจ๊ะ ฉันแค่อยากให้พ่อสงสารพี่ลอเขาด้วย”
“ถ้าข้าไม่สงสาร ข้าจะรับเลี้ยงมันทำไม ถ้าข้าไม่รักไอ้ลอเหมือนลูกแล้วข้าจะยกนังเพื่อน ให้เป็นเมียมันทำไม ทั้งๆ ที่มันเป็นลูกโจร ไปที่ไหนก็มีแต่คนเกลียดขี้หน้ามัน”
“เอ็งมันติดพี่ลอแจซะจนเคยตัวแล้วอีแพง คิดบ้างมั้ยว่ากว่าพ่อเขาจะเลี้ยงพี่ลอ เลี้ยงเอ็ง กับข้าให้โตขึ้นมา เขาต้องเหนื่อยแค่ไหน มีก็แต่เอ็งนี่แหละที่ดูถูกพ่อ”
“ไม่ใช่นะพี่เพื่อน พ่อเป็นพระในบ้านที่ฉันบูชาไว้สูงสุด ฉันยอมรับผิดว่า ฉันพูดเพราะห่วงแต่พี่ลอแล้วทำให้พ่อต้องเสียใจ”
แพงหน้าเศร้ายอมรับผิด คลานเข่าเข้าไปใกล้แล้วยกมือพนมก้มกราบที่แทบเท้าพ่อ
“ฉันขอโทษจ้ะพ่อ ยกโทษให้ฉันด้วยนะจ๊ะ”
พิศมองแพงที่มาก้มกราบแทบเท้า แต่กลับไม่สนใจ กระดกไหเหล้าขึ้นดื่ม
“พ่อจ๊ะ พ่อยังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่เลย หยุดกินเหล้าเถอะ อีแพงมันขอโทษแล้ว”
“เอ็งลากให้มันมาขอโทษข้าก็ไม่มีประโยชน์หรอกนังเพื่อน อีแพงมันลูกล้างลูกผลาญ เห็นหน้ามันแล้วข้าไม่เคยอยากยกโทษให้มันหรอก เพราะมีมัน เมียข้าถึงต้องตาย”
พิศลุกขึ้นพร้อมไหเหล้าแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่สนใจ แพงจุกอกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่
“เห็นมั้ยอีแพง เอ็งไม่เคยทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย ไม่เคยเลยจริงๆ”
เพื่อนตอกย้ำแพงแล้วตามพ่อเข้าไปในบ้าน แพงนั่งเศร้าน้ำตาซึมอย่างเจ็บปวด
ภาพวาดของมิ่งที่เป็นประกาศจับอยู่ในมือก้อนโดยมีเรืองช่วยดู
“ใช่เลยจ้ะผู้ใหญ่ หน้าไอ้เสือมิ่งมันโหดแบบนี้เลย ขนาดผ่านมาหลายวันแล้ว ภาพที่มันกระซวกแทง เอามีดปาดคอพวกบ้านเถ้าแก่เส็งยังจำติดตาฉันเลย”
“เพราะมันโหดเหี้ยมไม่มีใครเกินนี่ไง ทางอำเภอถึงต้องออกประกาศให้ช่วยกันสอดส่อง”
“จนป่านนี้ยังจับมันไม่ได้ ฉันว่ามันไม่หนีเตลิดไปแล้วเหรอพ่อ” ก้อนถาม
“ถ้ามันหนีไปจริงๆ ก็บุญของคนแถวนี้ ข้ากลัวว่ามันจะไม่หนีแถมยังเข้ามาป้วนเปี้ยน ใกล้ๆ บ้านสร้างน่ะสิวะ”
“โอ๊ย ไอ้พวกนี้มันเสือปล้นแต่เศรษฐีจะมาปล้นเอาอะไรจากคนจนๆ ในบ้านสร้าง”
“ก็ไม่แน่นะเว้ยไอ้ก้อน ตอนข้าเจอมันกับตัว ได้ยินมันพูดเหมือนรู้จักคนบ้านสร้าง บางที มันอาจเล็งมาปล้นใครสักคนที่นี่อยู่ก็ได้”
ลอเดินเข้ามา
“อาผู้ใหญ่จ๊ะ”
“ไอ้ลอ มีอะไรวะเอ็ง”
“ฉันแวะมากราบเชิญอาผู้ใหญ่ให้ไปเป็นเถ้าแก่หมั้นหมายแม่เพื่อนให้หน่อยจ้ะ จัดงานกันเองนี่แหละจ้ะ เพราะเดี๋ยวต้องเกี่ยวข้าวกันแล้ว เกรงใจคนอื่นเขา รอให้ถึงงานแต่งเดือนหกแล้วค่อยเลี้ยงกันทั้งหมู่บ้าน”
“ได้สิวะไอ้ลอ หมั้นหมายกันให้ถูกต้องให้ชาวบ้านเขารับรู้ซะก็ดี”
“งั้นฉันขอบคุณอาผู้ใหญ่มากนะจ๊ะ หมั้นกับแม่เพื่อนแล้ว ต่อไปฉันคงต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม จะได้เก็บสะตุ้งสตางค์เอาไว้ใช้จ่ายตอนเดือนหก”
“แต่งงานทีต้องใช้เงินเยอะแยะ เอ็งจะเก็บทันเหรอวะไอ้ลอ เอาอย่างนี้สิวะ”
เรืองหันไปดึงประกาศจับมิ่งในมือก้อนมา
“นี่ไง ประกาศจับไอ้เสือมิ่ง มีค่าหัวให้รางวัลนำจับมันด้วยนะ ฝีมือเชิงมวยอย่างเอ็ง ข้าว่า ถ้าเอ็งจับมันได้ล่ะก็ รวยแน่ไอ้ลอ”
ลอชะงักอึ้งไปเมื่อเห็นประกาศจับมิ่ง ผาดรีบเขกหัวเรือง
“เอ็งอย่ามาไร้สาระเลยไอ้เรือง รีบไปบอกชาวบ้านให้ช่วยกันสอดส่อง ไป”
ผาดสั่งแล้วไล่เรืองกับก้อนให้ออกไป ก่อนจะหันมามองลอ ทั้งคู่สบตากัน
“เอ็งรู้จักไอ้เสือมิ่งใช่มั้ยไอ้ลอ”
“จ้ะอาผู้ใหญ่ ฉันจำเขาได้ไม่เคยลืม เขาเป็นลูกน้องพ่อที่ฉันให้ความเคารพเหมือนเป็นพ่ออีกคน เพราะเขาคอยห่วง คอยสอนฉันทุกเรื่อง เวลาที่พ่อออกปล้นแล้วโกหกว่าติดงานมาหาฉันไม่ได้ อามิ่งก็จะแวะมาหาฉันแทน พร้อมกับข้าวของที่ซื้อมาให้ไม่เคยขาด”
ลอพูดไปก็นิ่งคิดถึงอดีต
ภายในกุฏิวัดแห่งหนึ่งที่พิจิตร ลอในวัย 13 ปี นอนอยู่ในกุฏิ สักพักรู้สึกตัวงัวเงียเพราะเสียงเคาะ ประตูไม้ดังไม่หยุด
“นั่นใคร หลวงพ่อเหรอครับ ยังไม่เช้าเลยนี่ครับ”
“ไอ้ลอ เปิดประตูให้พ่อเอ็งหน่อย เร็วเข้า”
“อามิ่ง พ่อ”
ลอรีบลุกพรวดเด้งจากเสื่อที่นอนไปเปิดประตูทันที เห็นพ่อเลือดท่วมตัว มีมิ่งคอยพยุงอย่างทุลักทุเล
“พ่อ เกิดอะไรขึ้น พ่อเป็นอะไรเหรออามิ่ง ทำไมเลือดเต็มไปหมดเลย”
“เอ็งอย่าเพิ่งซักอะไรตอนนี้ รีบปิดประตู แล้วช่วยข้าพาพ่อเอ็งไปนอนก่อน เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้มันเอง”
ลอรีบเข้าไปช่วยตามที่มิ่งสั่ง พยุงพ่อมานอนที่เสื่อแล้วไปปิดประตู มองมิ่งถอดเสื้อให้พ่อแล้วเอา มาซับห้ามเลือด
“อา อามิ่ง ฉันว่าเลือดพ่อออกเยอะแบบนี้ ให้ฉันไปตามหลวงลุงมาช่วยดูให้ดีกว่า”
“ไม่ได้ ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าพ่อเอ็งอยู่ที่นี่เด็ดขาด”
“ทำไมล่ะอามิ่ง”
มิ่งกระชากแขนลอมาบีบแรง
“เอ็งรับปากมาก็พอ ยังไงข้าก็ไม่ปล่อยให้พ่อเอ็งตาย แน่ ว่าไงล่ะไอ้ลอ”
“แต่ว่า”
“รับปากสิวะไอ้ลอ”
“ฉัน ฉันรับปากจ้ะอา”
“ดีมากไอ้ลอ งั้นเอ็งแอบเข้าไปที่กุฏิหลวงลุง ขโมยยาออกมาให้ข้ารักษาพ่อเอ็ง อย่าให้หลวงลุงรู้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
ลอมองพ่อซึ่งอาการดูไม่ค่อยดี เทิดสลึมสลือหันมามองลูกชาย
“ไอ้ ไอ้ลอ”
“ฉันจะช่วยพ่อ ฉันต้องช่วยพ่อให้ได้จ้ะ”
ลอรีบวิ่งออกไป
ตอนเช้า ลอนั่งกอดเข่าสัปหงกอยู่มุมห้อง ครู่หนึ่งมิ่งเดินเข้ามาสะกิดเรียกตื่น
“อามิ่ง พ่อเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง”
มิ่งพยักหน้ารับแล้วหันไปที่เทิดซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเสื่อ ตามตัวมีผ้าพันแผล สีหน้าดีขึ้นแต่ยังดูอ่อนแรง
“ไอ้ ไอ้ลอ”
“พ่อ พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว”
“พ่อ พ่อดีใจที่ได้เจอเอ็งอีก”
“ฉันก็ดีใจที่พ่อปลอดภัย เกิดอะไรขึ้นกับพ่อเหรอ ฉันถามไปอามิ่งก็ไม่ยอมตอบ”
เทิดนิ่งไป แล้วหันไปมองมิ่งอย่างเข้าใจกัน มิ่งจึงเข้ามาแตะไหล่ลอ
“ให้พ่อเอ็งนอนพักเถอะไอ้ลอ ตอนนี้มันต้องพักให้เยอะๆ จะได้ฟื้นตัวไวๆ ส่วนเรื่องที่เอ็ง อยากรู้ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟังเอง มาเถอะ”
มิ่งพาลอออกไป เทิดมองตามลูกชายอย่างเป็นห่วง
ลออยู่หน้ากุฏิด้วยความสงสัยเมื่อมิ่งเล่าให้ฟัง
“พ่อถูกพวกโจรดักปล้นระหว่างไปค้าไม้เหรออา”
“ใช่ พวกมันดักอยู่ระหว่างทางที่ข้ากับพ่อเอ็งกำลังเดินทาง พ่อเอ็งพยายามสู้กับพวกมันแล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ กว่าจะรอดมาได้เกือบต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่า”
“แล้วอาแจ้งตำรวจรึยัง”
“บอกตำรวจไม่ได้หรอกไอ้ลอ เพราะพวกในกลุ่มที่ปล้นพ่อเอ็งมันเป็นตำรวจ ข้าถึงกำชับ เอ็งห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แม้แต่หลวงลุง”
“เพราะพ่อเห็นหน้าตำรวจคนนั้นใช่มั้ย พ่อถึงต้องหนี”
“ใช่ และถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างกับไอ้ตำรวจคนนั้น พ่อเอ็งกับข้าก็ต้องหนีไปตลอด”
“ทำอะไรสักอย่าง หมายความว่ายังไงเหรออา”
มิ่งหันมาลูบหัวด้วยความเอ็นดู
“เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกไอ้ลอ พ่อเอ็งเป็นเพื่อนรักข้า ส่วนเอ็งก็เหมือนลูกชายของข้าเหมือนกัน ข้าจะไม่ยอมให้พวกเอ็งต้องเดือดร้อน”
ลอยังมองด้วยความสงสัย มิ่งยิ้มกลบเกลื่อน
“เอาล่ะ ไม่ได้เจอเอ็งหลายเดือน เชิงมวยที่ข้าสอนไว้ ฝึกบ้างรึเปล่าวะ ขอข้าดูเชิงหน่อย มาไอ้ลอหลานรัก”
มิ่งชกใส่ลอเพื่อให้ลองเชิงมวยกับตน ลอยกมือตั้งการ์ดยิ้มให้มิ่งที่เคารพเหมือนพ่อ
ลอเล่าให้ผาดฟังถึงอดีตของตัวเองกับมิ่ง
“อามิ่งกับพ่อลุยไหนลุยนั่นด้วยกันมาตลอด ฉันเองก็หลงเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแค่พ่อค้า จนวันที่พ่อถูกยิงตายที่คุ้งต้นไทร”
“ตอนพ่อเอ็งตาย ไอ้พิศก็เล่าความจริงของพ่อเอ็งให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอ”
“จ้ะอา พ่อเคยเป็นแค่ชาวนาธรรมดาในทุ่งบ้านสร้าง แต่ถูกเข้าใจผิดจากเจ้าหน้าที่ทำ ให้พ่อต้องหนีตายกลายไปเป็นโจรอย่างไม่ตั้งใจ”
“ใช่ พ่อเอ็งต้องกลายเป็นเสือเพราะความจำเป็น มันปล้นคนรวยแล้วเอาไปให้คนจน แต่ สำหรับไอ้เสือมิ่ง มันไม่เหมือนพ่อเอ็ง”
“จ้ะอาผู้ใหญ่ ฉันเคยเห็นความโหดเหี้ยมของเขามากับตา และนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอหน้าเขา ก่อนที่พ่อจะตัดสินใจเลิกเป็นโจรแล้วพาฉันหนีมาทุ่งบ้านสร้าง”
ลอพูดแล้วหยิบภาพวาดของมิ่งในประกาศจับขึ้นมา นึกถึงเรื่องในอดีตอีกครั้ง เมื่อมิ่งเดินลัดเลาะมาตามทางในป่าละเมาะอย่างระมัดระวัง มิ่งรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามเลยหยุด หันขวับไปมองรอบๆ พร้อมมือแตะปืน ลอยืนตัวแข็งกลัวจะถูกจับได้ มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาแตะหลังมิ่ง ขณะที่เกือบจะถึงตัวลอ มิ่งหันปืนขวับ
“ฉันเองพี่มิ่ง”
“เกือบแล้วมั้ยล่ะพวกเอ็ง ว่าไงวะ ได้เรื่องรึยัง”
“ต้องได้สิพี่ พวกฉันแกะรอยจนเจอที่กบดานไอ้ตำรวจคนนั้นแล้ว อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวเลย”
“หึ ดีมาก งั้นก็ได้เวลาแก้แค้นให้ไอ้เทิดและสั่งสอนให้พวกมันรู้จักพวกเรา”
มิ่งหัวเราะแล้วพากันออกไปพร้อมพวกลูกน้อง ลอค่อยๆ ชะโงกหน้าออกมาอย่างสงสัย
ลอเดินหลงอยู่ในป่าพยายามมองหาพวกมิ่ง
“หายไปไหนกันหมด อุตส่าห์ตามมาติดๆ แล้วเชียว ไอ้ลอเอ๊ยพลาดรู้เรื่องจนได้”
ลอเริ่มเซ็งๆ ที่คลาดกับพวกนั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังมา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
ลอหันไปทางต้นเสียง ภาพที่เห็นคือหญิงสาวในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ากระเซิงกำลังวิ่งหนีล้มลุกคลุก คลานอย่างตกใจกลัวสุดชีวิต แต่ยังไม่ทันที่ลอจะเข้าไปช่วยเหลือ มิ่งก็โผล่เข้ามากระชากตัวหญิงสาวเอาไว้แต่ยังไม่เห็นลอ
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ พวกลูกน้องข้ายังสนุกกับแกไม่ครบคนเลยนังคนสวย”
มิ่งจิกผมกระชากหญิงสาวลากมาโยนให้พวกลูกน้องหน้าเหี้ยมที่ตามเข้ามา ลูกน้องคนหนึ่งล็อคตัวตำรวจหนุ่มที่สภาพโดนทำร้ายมาอย่างหนัก และมีผ้าปิดปากเอาไว้ ตำรวจหนุ่มพยายามร้องอู้อี้ขอชีวิต หญิงสาวยกมือท่วมหัว
“อย่า อย่าทำฉันเลย ฉันขอร้องล่ะ กลัวแล้ว กลัวแล้วจริงๆ”
เพื่อน แพง ตอนที่ 5 (ต่อ)
มิ่งหัวเราะ เข้าไปลากหญิงสาวขึ้นมาแล้วเอาไปยื่นหน้าให้ตำรวจหนุ่มดู
“ดูหน้าเมียมึงเอาไว้ให้ดี เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มึงจะได้เห็นหน้าเมีย หลังจากที่ มันเป็นเมียของพวกกูจนครบคน มันก็จะตามมึงไปอยู่ในนรก”
มิ่งผลักหญิงสาวให้ลูกน้องลากออกไปข่มขืนต่อ ตำรวจหนุ่มดิ้นพราดๆ ร้องโวยวายมีแต่เสียงอู้อี้
“ดิ้นเข้าไป สภาพมึงแบบนี้สะใจกูชะมัด ในเมื่อมึงอยากหาความยุติธรรมนัก ก็เชิญไป ถามหาเอาจากพรรคพวกที่รอมึงอยู่หลุมโน่น”
มิ่งชักดาบออกมาแล้วเชือดคอตำรวจหนุ่มทันที เลือดกระฉูด ก่อนจะทรุดลงดิ้นพราดๆ ตายอนาถ ลอยืนอึ้งต่อภาพตรงหน้า ตกใจหน้าซีดไม่คิดว่ามิ่งที่เคารพรักจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ มิ่งหัวเราะสะใจกับสภาพศพของตำรวจหนุ่ม จนกระทั่งได้ยินเสียงลอถอยไปเหยียบกิ่งไม้
“ยังมีพวกมันอยู่แถวนี้อีก เสร็จข้าสิวะ”
มิ่งโผล่เข้าไปชักปืนจ่อแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นเป็นลอ หลานชายกำลังยืนตกใจกลัว
“ไอ้ลอ”
มิ่งลากแขนพาลอกลับเข้ามาที่วัด ลอสะบัดแขนแล้วรีบถอยห่าง
“ทำไมอามิ่งต้องทำแบบนั้นด้วย”
“หุบปากเอ็งไปซะไอ้ลอ เอ็งมันหาเรื่องใส่ตัวที่แอบตามข้าไป”
“ฉันเป็นห่วงพ่อห่วงอา ฉันถึงต้องตามไป เพราะว่าฉันอยากช่วยไม่ให้คนอื่นเข้าใจพ่อกับอาผิดๆ แต่ที่ฉันเห็นเมื่อกี้นี้ อามิ่ง นั่นไม่ใช่อามิ่งที่เลี้ยงดูฉันมา”
“หึ นั่นแหละข้า มันคือข้าจริงๆ ไอ้ลอ เพียงแต่เอ็งมารู้เห็นก่อนถึงเวลาสมควรแค่นั้น”
“เวลาสมควร”
“อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวเอ็งก็จะได้รู้เอง แต่ว่าตอนนี้ เอ็งต้องเข้าใจว่าที่ข้าทำไปเพราะต้องแก้แค้นให้พ่อเอ็ง และช่วยไม่ให้ถูกตามรังควาญ เพราะฉะนั้นเอ็งต้องหุบปากเอาไว้ อย่าพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด แม้แต่พ่อเอ็ง ว่ายังไงไอ้ลอ”
“ไม่ อาฆ่าคน”
“ไอ้ลอ เอ็งอย่าซื่อไปหน่อยเลย ถ้าเอ็งพูด คนแรกที่จะไม่รอดก็คือพ่อเอ็ง แล้วเอ็งก็จะไม่ได้เจอหน้าพ่ออีก เอ็งก็รู้ ข้ารักเอ็งเหมือนลูก นั่นก็อยู่ที่เอ็งแล้วว่าจะตอบแทนความกตัญญูกับข้ายังไง”
ลอละสายตาจากใบประกาศจับมิ่ง แล้วหันมาบอกผาด
“ตั้งแต่นั้นฉันก็กลัว ไม่กล้าเจอหน้าอามิ่งอีก ฉันปิดปากเงียบไม่เล่าให้พ่อฟัง แต่ฉันคิดว่า พอพ่อหายดีและรู้เรื่องนี้จากลูกน้อง พ่อก็ไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้อามิ่งอีก ก็เลยพาฉันกลับมาอยู่ที่ทุ่งบ้านสร้าง เพื่อไม่ให้อดีตมาทำร้ายฉัน”
“เพราะไอ้เทิดมันรักเอ็ง แม้แต่วาระสุดท้ายของชีวิตมันก็ยังอยากได้คำมั่นจากเอ็งว่าจะ ไม่ผิดคำสาบานกับมัน”
“จ้ะอาผู้ใหญ่”
“เอ็งเล่ามาให้ข้ารู้แบบนี้ก็ดี ข้าจะได้ช่วยกับทางตำรวจเร่งมือตามล่าไอ้เสือ มิ่งไม่ให้มันมายุ่งกับเอ็งอีก ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไรก็ตาม”
“ฉันขอบคุณอาผู้ใหญ่มากจ้ะ แล้วอาผู้ใหญ่ก็อย่าลืมเป็นเถ้าแก่หมั้นหมายแม่เพื่อนให้ฉันด้วยนะ”
“เออ ข้าไม่ลืมหรอก เอ็งมันรักนังเพื่อนมานาน จะได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ ขืนไม่ช่วยเอ็ง ก็เสียผู้ใหญ่น่ะสิวะ ฮ่าๆๆ”
ลอยิ้มรับด้วยความยินดี
บริเวณทุ่งนาที่ต้นข้าวเริ่มสุกเต็มที่ พร้อมเกี่ยวอยู่หลายแปลง มีชาวนาของทุ่งบ้านสร้างหลายคนเริ่มลง นาเกี่ยวข้าวกันบ้าง เสียงขลุ่ยเพราะๆ ของลอลอยมาแต่ไกล ลอขี่ไอ้เปลี่ยวมาตามคันนาอย่างอารมณ์ดี และเป่าขลุ่ยทักทายชาวบ้านที่รู้จักกัน
“อารมณ์ดีเชียวนะไอ้ลอ ได้ข่าวจะหมั้นกับนังเพื่อนมันแล้วเหรอ”
“จ้ะยายแป้น ถ้าว่างก็เชิญที่บ้านนะจ๊ะ ไปยินดีกับไอ้ลอ แล้วไอ้ลอจะมาช่วยแลกแรงเกี่ยวข้าวให้จ้า”
“เออ ดีใจกับเอ็ง ดีใจกับนังเพื่อนมันด้วย พวกเอ็งมันเหมาะสมกันแล้ว”
“สมกันอย่างกะกิ่งทองใบหยกเลยใช่มั้ยจ๊ะ”
“เออ ฮ่าๆๆ”
ลอขี่ไอ้เปลี่ยวเป่าขลุ่ยไปอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนั้นมีคนแอบซุ่มมองลอผ่านกอข้าวในท้องนา
แสง พิศ และเพื่อน คุยกันเรื่องการแต่งงานของลอกับเพื่อน อยู่ที่บ้านแสง
“ดีใจกับเอ็งด้วย ดูใจกันมานาน ถึงเวลาต้องหมั้นหมายให้ถูกต้องตามประเพณีซะที”
“จ้ะครู วันงานเชิญที่บ้านฉันด้วยนะจ๊ะ”
“กระทันหันหน่อยนะไอ้แสง เพราะข้าไม่อยากให้วุ่นวายเวลาเกี่ยวข้าวกัน”
ระหว่างนั้นแรมกับเรืองเข้ามาพร้อมกับยกถาดขนมปลากริมมาด้วย
“มาพอดีเลย ชิมปลากริมฝีมือนังแรมกันนะไอ้พิศ แม่เพื่อน”
“ฝีมือปลากริมพี่แรมของฉันอร่อยไม่แพ้แกงเนื้อของแม่เพื่อนเลยนะจ๊ะ หาโอกาสกินก็ยาก ต้องรอพี่แรมมีอารมณ์อยากทำถึงจะได้กิน”
“น่าอิจฉาเอ็งนะไอ้แสง นอกจากแม่แรมจะเรียนสูงมีความรู้แล้วยังเป็นแม่บ้านแม่เรือนอีก ถึงเวลามีลูกเขยทีเอ็งคงคัดแล้วคัดอีก”
“อย่าอิจฉาพ่อเลย แม่เพื่อนเพียบพร้อมกว่าฉันเยอะ อายุก็น้อยกว่า หน้าตารึก็สวยกว่า ไหนจะเป็นแม่บ้านแม่เรือน เก่งทั้งงานในบ้านนอกบ้านอีก ถ้าได้ไปอยู่พระนครล่ะก็ แค่นั่งคัดลูกเขยดีๆ อย่างเดียว อาก็ไม่มีเวลาว่างทำอะไรแล้ว”
“พี่แรม พูดแบบนี้ได้ไง นังเพื่อนมันกำลังจะหมั้นกับไอ้ลออยู่วันสองวันนี่แล้ว”
“อุ๊ยตายแล้ว ฉันขอโทษด้วยจ้ะอาพิศ ปากฉันไวไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่แรม”
แรมหันมาฉีกยิ้มให้เพื่อน
“แม่เพื่อนไม่โกรธฉันนะจ๊ะ”
“ถ้าพี่แรมพูดด้วยความหวังดี ฉันก็ไม่โกรธหรอกจ้ะ”
เพื่อนจ้องหน้าแรมไม่ละสายตา
ลอขี่ไอ้เปลี่ยวมาตามคันนาทักทายกับชาวบ้านที่เดินผ่าน
“ถ้าว่างจากเกี่ยวข้าวแล้วก็แวะไปกินข้าวกินปลาที่งานหมั้นไอ้ลอกับแม่เพื่อนกันนะจ๊ะ แล้วไอ้ลอจะมาช่วยแลกแรงเกี่ยวข้าวให้จ้า”
ชาวบ้านยิ้มรับทักทายตอบลอแล้วเดินผ่านไป ลอยังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่แอบตามมาตลอดทางด้วยอารมณ์ที่ไม่หวังดี ลอผิวปากอยู่บนหลังไอ้เปลี่ยวเพลินๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังตามมา เขาหันขวับ
“ใคร”
ลอมองไปรอบๆ ตัว มีแต่ทุ่งนาที่กำลังออกรวงข้าวสวยงามและเงียบกริบ คิดว่าคงคิดไปเองจึงไปต่อ ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับลอค่อยๆ มองลอดจากกอข้าวแล้วลุกขึ้นพร้อมกับเหนี่ยวหนังยางที่มีลูกหินแล้วดีดเต็มแรง ลูกหินโดนกลางหลังลออย่างจัง ลอร้องลั่นหันขวับมาถามทันที
“ใครวะ หมาลอบกัด”
แพงเป็นคนยิงลูกหินใส่ลอแต่ไม่ยอมเผยตัว ผุดขึ้นมาจากกอข้าวแล้วยิงลูกหินใส่อีก ลูกหินโดนเข้ากลางอก ลอเจ็บ ตกจากหลังไอ้เปลี่ยว แพงชะโงกหน้ามองแล้วอมยิ้มชอบใจก่อนจะรีบวิ่งหายไปในทุ่งนา หน้าอกลอเป็นรอยแดง เขารีบตามไปที่ทุ่งนาเห็นหลังแพงวิ่งหนีไปไวๆ
“อีแพง”
แพงวิ่งหน้าตั้งลัดเลาะผ่านทุ่งนาไปตามคันนา
“อีแพง แน่จริงอย่าหนีข้าสิวะ”
“พี่ลอก็เหมือนกันนั่นแหละ แน่จริงก็อย่าตามมาสิ”
“อ้าว อีนี่ เอ็งหมาลอบกัดยิงลูกหินใส่ข้า แล้วจะให้ข้าปล่อยเอ็งไปเหรอไง”
“ก็พี่ลออยากเอาน้ำมาสาดหน้าฉัน ด่าฉันต่อหน้าพ่อต่อหน้าพี่เพื่อนก่อนทำไมล่ะ ฉันก็ แค้นเป็นเหมือนกันนะ”
แพงเอาหนังสติ๊กมายิงใส่ลออีกหลายนัด ลอหลบเป็นพัลวันปากก็ตะโกนด่า
“ก็เอ็งมันปากหมา ข้าเลยต้องเลิกใจดีกับเอ็ง ไม่งั้นเอ็งก็จะลามปามเล่นงานข้าเป็นขี้กลากไม่เลิก แล้วถ้าเอ็งไม่หยุดลาม วันนี้ข้าก็ต้องสั่งสอนเอ็งให้เข็ด”
“เหรอ แบร่”
แพงแลบลิ้นยักคิ้วกวนท้าทายแล้วแกล้งทำเป็นยืนกางแขนตัวแข็งๆ นิ่งๆ เลียนแบบหุ่นฟางไล่กา
“นกเอี้ยงเอย มาเลี้ยงควายเฒ่า ควายกินข้าว นกเอี้ยงหัวโน”
“อีแพง”
“ไปจับต้นโพธิ์ร้องไห้หงิงๆ ไปจับต้นขิงเขายิงลงมา ไปจับต้นข่าเขาด่าแม่ให้ ไปจับต้นตะไคร้เขาไสหัวเสีย”
“อีแพง ให้ข้าจับเอ็งได้ก่อนเถอะ เอ็งได้ร้องหงิงๆ เป็นหมาโดนเกวียนทับหางแน่”
“เหรอจ๊ะ พี่ลอจ๋า”
แพงหน้ากวนแล้วรีบวิ่งออกไป ลอจิกหน้ามองตาม
พิศกินขนมปลากริมฝีมือแรมจนเกลี้ยงถ้วย
“อร่อยสมกับที่เอ็งอวดฝีมือพี่สาวเอ็งจริงๆ ว่ะไอ้เรือง”
“แต่ฉันว่ารสชาติหนักมือไปจ้ะ ของหวานก็เหมือนผู้หญิง ควรให้มีรสแต่พอดี ถ้าโหมประ โคมหนักเครื่องมากๆ กินคำเดียวก็เลี่ยนและพาลจะไม่อยากกินอีก ขอโทษด้วยนะจ๊ะพี่แรมที่ต้องแนะนำกันตรงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกนังเพื่อน ข้าเป็นคนมือหนัก คิดถึงคนกินเป็นหลัก มีอะไรดีๆ ก็อยากให้คนกินเขาได้ไปให้หมด มันจะได้คุ้มจนเข้ารู้สึกติดใจไม่ไปไหนเสีย”
“เออ เอ็งสองคนนี่มันเหมือนกันจริงๆ เลยว่ะ นังเพื่อนนังแรม ถึงได้คุยกันถูกคอ”
“จ้ะพ่อ ฉันถูกชะตานังเพื่อนตั้งแต่กลับมาเจอมันแล้ว เห็นมันแล้วก็นึกถึงตัวเองไม่ได้ จนรักมันเหมือนน้องสาวจริงๆ”
“ขอบใจมากนะแม่แรม นังเพื่อนมันไม่ได้มีวิชาความรู้ติดตัวอย่างเอ็ง ถ้าเอ็งรักเหมือนน้อง อาก็ขอฝากให้เอ็งช่วยสอนสั่งมันด้วย”
“ได้สิจ๊ะอา แต่ก่อนที่ฉันจะช่วยสอนช่วยแนะนำอะไร ฉันขอยืมตัวแม่เพื่อนไปช่วยแนะนำฝีมือทำกับข้าวให้ฉันในครัวก่อนนะจ๊ะ”
เพื่อนชะงัก
“แต่เดี๋ยวฉันต้องกลับ”
“ไม่เป็นไรหรอกนังเพื่อน งานที่บ้านให้อีแพงมันจัดการไป”
แรมยิ้มพอใจแล้วบีบไหล่เพื่อนเบาๆ ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นแรมก็พาเพื่อนเข้ามาหลังบ้าน เพื่อนสะบัดมือจากแรมทันที
“พอซะทีเถอะพี่แรม เมื่อไหร่พี่จะเลิกเล่นละครตบตาคนอื่นซะที ให้ครูเขารู้ความจริงไป เถอะว่าเกิดอะไรกับลูกสาวที่เขารัก ครูอาจจะเสียใจแต่ยังไงเขาก็ต้องยกโทษให้พี่แน่”
“หึๆๆ โธ่เอ๊ยนังเพื่อน เอ็งก็เหมือนข้านั่นแหละ เลิกเล่นละครตบตาไอ้ลอมันซะที เอ็งไม่ ได้รักมันจริงๆ จังๆ หรอก ข้ากล้าพนันหมดทั้งตัวที่ข้ามีเลย”
“พี่แรม”
“ข้าเห็นมาเยอะ ไอ้ความรักแบบนี้ ก็แค่ความใกล้ชิดกับผู้ชายซื่อๆ เหมือนเลี้ยงลูกหมาที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจ แล้วไหนจะทุกคนในบ้านสร้างที่พูดกรอกหูทุกวันว่าเป็นคู่ที่ เหมาะสมกัน เอ็งก็เลยคิดว่าเอ็งรักลูกหมาซื่อๆ อย่างไอ้ลอ”
“ไม่ใช่ ฉันรักพี่ลอจริงๆ”
เพื่อนไม่พอใจคำพูดของแรมจะเดินออกไป แต่แรมคว้ามือเอาไว้
“เอ็งยังไม่เคยคบใครแล้วเอามาเปรียบเทียบกับไอ้ลอ แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าคือความรัก”
“ไม่ต้องคบใครฉันก็รู้ พี่ลอกับฉันสาบานกันแล้วว่าจะรักกันจนชั่วฟ้าดินสลาย”
“คำสาบานรัก หึๆๆ ฮ่าๆๆ”
แรมหัวเราะชอบใจจนเสียงดัง เรืองเดินเข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่เหรอพี่แรม เสียงหัวเราะดังลั่นเลย”
“นังเพื่อนมันกำลังเล่าเรื่องตลกให้ข้าฟังน่ะสิวะไอ้เรือง”
“แม่เพื่อนน่ะเหรอเล่าเรื่องตลก ตลกยังไง ข้าอยากฟังด้วย”
เพื่อนชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วรีบออกไป เรืองยิ่งงง
“อ้าว จะรีบไปไหนล่ะแม่เพื่อน เรื่องตลกของแม่เพื่อนเป็นยังไงฉันอยากรู้”
“มันเป็นเรื่องตลกของผู้หญิงเขา ไปจัดการปลากริมให้หมดหม้อเถอะ”
แรมบอกเรืองแล้วรีบตามเพื่อนไป เรืองมองตามงงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะยังอยากกินปลากริมต่อ
บริเวณคุ้งต้นไทร
แพงรีบวิ่งเข้ามาหันรีหันขวางกลัวลอตามทัน เลยไม่ทันมอง ชนโครมกับมิ่งที่กำลังยืนมองใต้ต้นไทรด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เฮ้ย ตาไปอยู่ตาตุ่มเหรอไงวะอีหนู วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“อู้ย ฉันขอโทษจ้ะลุง ฉันรีบไปหน่อย ฉันไม่ตั้งใจจ้ะ”
“นี่ขนาดไม่ตั้งใจเล่นข้าซะเกือบจ้ำเบ้า แล้วถ้าตั้งใจขึ้นมา ข้าไม่แข้งขาหักเลยเหรอวะ”
“อ้าว ฉันว่าไปกันใหญ่แล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ ลุงก็เป็นผู้ใหญ่หัวก็ใกล้หงอกแล้ว ใจเย็นๆ แล้วเอ็นดูเด็กมั่ง เด็กมันจะได้เคารพ”
มิ่งชะงัก
“เป็นเด็กแล้วยังปากดีกับผู้ใหญ่ ลูกเต้าเหล่าใครวะ พ่อแม่ไม่รู้จักสั่งจักสอน”
“อย่ามาลามถึงพ่อถึงแม่สิลุง พ่อแม่ฉันเป็นคนดี มีก็แต่ลุงนี่แหละลูกหลานอยู่ไหนหมด ถึงได้ปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่านหาเรื่องชาวบ้านแบบนี้”
“อีเด็กเปรต ปากแบบนี้มันต้องเจอเลือดกบปากไม่งั้นไม่จำ”
มิ่งเงื้อมือจะตบสั่งสอนแพง แต่ลอโผล่เข้ามาคว้าข้อมือไว้
“ฉันขอโทษแทนอีแพงมันแล้วกัน อย่าให้ถึงกับต้องลงมือลงไม้เลย อามิ่ง”
มิ่งชะงักหันขวับมาจ้องลอเขม็ง ทั้งคู่มองหน้ากัน ลอจำได้ดีว่าคือใคร ส่วนมิ่งแปลกใจนิดหน่อยเพราะ ลอโตขึ้นกว่าที่เคยเจอ
“คนที่เรียกข้าแบบนี้ มีอยู่แค่คนเดียว”
ลอพยายามไม่แสดงอารมณ์ ปล่อยมือจากมิ่งแล้วรีบเข้าไปหาแพง
“มากับข้าเดี๋ยวนี้อีแพง”
“เดี๋ยวสิพี่ลอ พี่ลอรู้จักตาลุงขี้หงุดหงิดนี่ด้วยเหรอ”
“หุบปาก”
ลอตะคอกใส่แล้วรีบกระชากลากตัวแพงให้ออกไปด้วยกันอย่างรีบร้อน มิ่งยิ้มเจ้าเล่ห์
ลอกระชากแขนพาแพงออกมาห่างจากบริเวณคุ้งต้นไทร
“พี่ลอ ฉันเจ็บ พี่บีบแขนฉันจนมือชาไปหมดแล้วนะ พี่ลอ ปล่อยฉัน ปล่อยนะ”
แพงพยายามสะบัด แต่ลออยู่ในอาการเครียดกลับยิ่งบีบแรงและขึ้นเสียงดุที่สุดเท่าที่เคยสั่งแพงมา
“ข้าสั่งให้เอ็งหุบปาก ถ้ายังได้ยินเสียงเอ็งอีกล่ะก็ ข้าจะ”
ลอเงื้อมือขู่ แต่แพงไม่กลัว
“เอาสิพี่ลอ ถ้าจะโกรธจะเกลียดฉันถึงขั้นลงมือได้ก็ให้มันรู้ไป อีแพงไม่หนีแล้ว”
“อีแพง เรื่องนั้นช่างมัน ข้าจะไม่ติดใจเอ็ง แต่เอ็งต้องฟังข้า คราวนี้ข้าเตือนเอ็งจริงๆ รีบกลับบ้านไป แล้วไม่ต้องมาตามข้าอีก”
“ทำไมล่ะพี่ลอ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องถาม รีบกลับบ้านไป”
“ฉันไม่กลับ”
“โธ่เว้ยอีแพง งั้นเอ็งก็ไม่ต้องมาเป็นพี่เป็นน้องกับข้า ตั้งแต่นี้ไปเจอหน้ากันที่ไหนก็ไม่ต้องมาทัก เป็นคนไม่รู้จักกันเลย”
“พี่ลอ พี่ลอกล้าตัดฉันออกจากชีวิตได้ด้วยเหรอ”
“เออ ข้าทำได้ ทีนี้เอ็งจะไปได้รึยัง”
แพงน้ำตาคลอ จุกในคำพูดและท่าทางที่จริงจังมากของลอ
“ฉันเกลียดพี่ลอ”
แพงตาแดงก่ำ วิ่งออกไปตามคันนาด้วยความเสียใจ ลออึดอัดใจ จำเป็นต้องพูดแบบนั้น เพราะเป็นห่วงชีวิตคนรอบข้างเมื่อได้เผชิญหน้ากับการมาของมิ่ง
เพื่อนเดินหน้าปั้นปึ่งไม่พอใจคำพูดของแรมมาตามทางจะกลับบ้าน แต่แรมยังตามมา
“เอ็งอย่าทำเป็นหัวเสียโกรธข้าไปหน่อยเลยนังเพื่อน แค่โดนจี้ใจดำเข้าให้แค่นี้”
เพื่อนชะงักหันขวับ
“ถ้าพี่ยังตามมาพูดจาไม่เข้าหูฉันอีกล่ะก็ ฉันจะไม่ไว้หน้าจริงๆ”
“ข้าพูดความจริงตามสิ่งที่ข้าเห็น ไอ้คำสาบานรักของเอ็งกับไอ้ลอ มันก็แค่นิยายรักบ้าน นอกคอกนาเท่านั้น”
“พี่แรม ฉันเหลืออดกับพี่แล้ว”
เพื่อนเงื้อมือจะตบ แต่แรมยกมือรับ
“เอ็งจะโกหกอะไรก็ได้ แต่โกหกความคิดตัวเองไม่ได้ คำสาบานก็แค่คำพูดขอไปที แต่พอถึงเวลาจริงๆ เผลอผิดคำสาบานขึ้นมา จะมีสักกี่คนวะที่กล้าตายได้อย่างที่พูด”
“ฉันนี่ไง”
“แน่ใจเหรอนังเพื่อน เอ็งภูมิใจที่เกิดมาเป็นดอกไม้งาม แล้วจะมาเหี่ยวแห้งอยู่แต่ในบ้านสร้างแบบนี้น่ะเหรอ หึๆๆๆ สายตาเอ็งมันไม่ได้พูดออกมาเหมือนปากเอ็งเลย”
เพื่อนนิ่งไป
“เชื่อข้า อย่าไปเสียเวลากับไอ้ลอเลย หน้าอย่างมันไม่มีทางเติมเต็มสิ่งที่เอ็งขาดอยู่ได้ สู้ไปพระนครกับข้าดีกว่า รับรองว่าที่นั่นเหมาะกับดอกไม้งามอย่างเอ็งแน่นอน”
“ไปพระนคร”
“ใช่ ข้าไม่อยากทนอยู่บ้านนอกคอกนาแบบนี้อีก ข้าอยากให้เอ็งไปกับข้าด้วย แล้วเรา สองคนจะมีอนาคตที่ดีที่พระนครด้วยกัน ข้าวางแผนจะไปวันที่เอ็งหมั้นกับไอ้ลอ ถ้าสนใจก็ไปพร้อมข้าได้เลย”
“ฉันจะไม่ทิ้งพี่ลอไปไหน พี่อยากไปก็ไปคนเดียวเถอะ”
เพื่อนขึ้นเสียงสะบัดใส่แล้วรีบเดินออกไป แรมหัวเสียมองตามอย่างหงุดหงิด
“อีโง่เอ๊ย”
เพื่อน แพง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ชาวบ้านสาวๆ สองสามคนกำลังใช้สุ่มจับปลาเล็กปลาน้อยในลำกระโดง
ก้อนได้โอกาสเข้าไปเกี้ยวสาวๆ ด้วยการอวดฝีมือจับปลา
“เรื่องใช้สุ่มจับปลาต้องพี่ก้อนเลยจ้ะ คอยดูให้ดีนะ ปลาเล็กปลาน้อยไม่มีซะหรอก”
ก้อนอวดฝีมือยกสุ่มขึ้นแล้วมองหาปลาในลำกระโดงก่อนจะกดสุ่มลงไปแล้วเอามือล้วง
“อ๊ะๆๆ ได้แล้ว ตัวเบ้อเริ่ม”
“ปลาชะโดเหรอจ๊ะพี่ก้อน”
“ไม่ใช่”
“งั้นก็ปลาช่อน”
“ก็ยังไม่ใช่ ถ้าอยากรู้ว่าพี่จับได้ปลาอะไร ช่วยหอมแก้มพี่ให้ชื่นใจแล้วพี่จะแบ่งปลาตัว โตๆ ให้คนสวยเอากลับไปแกงกิน”
สองสาวอายม้วนหน้าแดงแต่ก็หลงคารมก้อน ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคนละข้าง ก้อนยิ้ม สั่นเทิ้ม
“ชื่นใจพี่ก้อนจริงๆ งั้นก็เอาไปเลยจ้ะ ลูกปลาหมอ เอาไปเลี้ยงต่อเดี๋ยวมันก็โต”
สองสาวรู้ตัวว่าโดนก้อนหลอก พาลโมโหผลักก้อนพร้อมกันทีเดียว ก้อนล้มก้นจ้ำเบ้าลงในลำกระโดง
“ปั๊ดโธ่ ไหนบอกชอบผู้ชายขี้เล่น พอพี่หยอกเล่นเข้าหน่อยทำเป็นโกรธ”
ก้อนลุกขึ้นปัดตัวอย่างหัวเสีย ก่อนจะเหลือบไปเห็นไม้กับมาดมาแอบซุ่มดูอยู่ แล้วเดินออกไป
“ไอ้สองตัวนั่นมาซุ่มโป่งทำอะไรแถวนี้วะ”
วีระรออยู่ที่เถียงนา ฟังลูกน้องมารายงาน
“ว่าไง หาตัวไอ้ลอไม่เจอเหรอวะ”
“จ้ะพี่วีทั้งที่บ้านมัน นามัน กับคู่หูมันก็ไม่เจอเหมือนกัน”
“หายหัวไปแบบนี้ยิ่งมีพิรุธอย่างที่พี่วีสงสัย”
“แต่ข้าต้องเห็นกับตาเอง ไม่งั้นมันคาใจ”
“เหลืออีกที่นึงจ้ะพี่วีที่ไอ้ลออาจจะอยู่ที่นั่น คุ้งต้นไทรที่พ่อมันตายไง”
วีระสนใจ จังหวะนั้นก้อนเข้ามาพอดี
“เฮ้ย พวกเอ็งมาแอบซุ่มตามหาไอ้ลอทำไมวะ”
วีระชะงัก
“ไอ้ก้อน ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง อย่าเสือก”
“ข้าถามดีๆ แต่พวกเอ็งยิ่งมีพิรุธแบบนี้ เห็นทีข้าจะอดเสือกไม่ได้ คิดจะทำอะไรไอ้ลอ ต้องข้ามศพข้าไปก่อนเว้ย”
มาดชักดาบออกมาจ่อ ก้อนชะงัก
“อยู่เฉยๆ เถอะวะไอ้ก้อน ไม่งั้นเอ็งเลือดตกยางออกแน่ จัดการทางนี้ด้วย”
ไม้พยักหน้ารับ ปล่อยให้วีระเดินออกไป ก้อนจะขยับตาม แต่มาดขยับดาบจ่อคอ
บริเวณคุ้งต้นไทร มิ่งนั่งรอเป่าใบไม้เป็นเพลงอยู่โคนต้นไทร ระหว่างนั้นลูกน้อง 2 คนแบกถุงผ้าที่ได้ จากการไปปล้น หัวเราะชอบใจกันเดินกันเข้ามา มิ่งหันไปเห็นก็รู้ทันที
“ข้าสั่งพวกเอ็งว่าไง ระหว่างที่ข้ายังทำธุระไม่เสร็จให้อยู่เฉยๆ ไง”
“โธ่พี่มิ่ง พอดีเจอเหยื่อน่าปล้น ก็ต้องขอสักหน่อย ติดไม้ติดมือแก้เซ็ง”
มิ่งเข้าไปชักมีดที่ลูกน้องเหน็บเอวอยู่ออกมา เห็นชัดว่ายังมีเลือดติดอยู่ที่มีด
“เลือดยังติดอยู่เลย นี่น่ะเหรอแก้เซ็ง ไอ้เวรเอ๊ย”
มิ่งตบเข้าบ้องหูทีเดียวลูกน้องเซถลา ข้าวของที่ไปปล้นมาในห่อผ้าหล่นกระจาย เสียงลอดังขึ้น
“หยุดสร้างความเดือนดร้อนได้แล้วอามิ่ง เห็นแก่ฉันเถอะ”
“ไอ้ลอ ไอ้หลานรัก ในที่สุดเอ็งก็กลับมาหาอา”
มิ่งหัวเราะร่าโผเข้าไปจะกอดลอ แต่กลับถูกลอใช้มือดันอกให้อยู่ห่างๆ
“พ่อฉันตายไปแล้ว ถูกยิงตายตรงที่อากำลังยืนอยู่นั่นแหละ เมื่อสิ้นพ่อ ฉันกับอาก็ไม่มี อะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
“ไอ้ลอ ไอ้อกตัญญู พี่มิ่งเขาก็เหมือนพ่อมึงคนหนึ่งนะเว้ย”
ลูกน้องชักดาบสั่งสอนลอ แต่ถูกมิ่งแตะอกให้หยุด
“พวกเอ็งหลบไป อย่าสอดไม่เข้าเรื่อง ข้ากับไอ้ลอไม่ได้เจอกันนาน มีเรื่องต้องคุยกัน เยอะ อยู่คุยกับข้าก่อนนะไอ้ลอ ตามประสาคนเคยสนิทสนมกัน”
ลอนิ่ง
มาดโดนก้อนยันโครมกระเด็น จากนั้นก็เตะดาบที่ตกพื้นกระเด็นไปห่างตัว ไม้รีบกระโจนเข้า ไปยันโครมเข้าข้างหลัง ก้อนเซถลาเสียหลัก มาดจะเข้าไปซ้ำ แต่ก้อนก็สวนกลับทันที มาดโดนเข้าอีก
ไม้อาศัยจังหวะก้อนวุ่นกับมาด คว้าท่อนไม้ฟาดกลางหลัง ก้อนเสียจังหวะเจ็บหลังแอ่น เป็น ฝ่ายเสียเปรียบโดนมาดประเคนหมัดเข่าศอกใส่ไม่หยุด จนต้องตั้งรับอย่างเดียว
ก้อนโดนรุกจนเริ่มเสียเปรียบ โชคดีที่ผาดเข้ามาพร้อมกับลูกศิษย์ 2 คน กระโจน มากระชากตัวไม้แล้วสอยหมัดเข้าหน้าจนเซ
“ไสหัวเอ็งไปให้พ้น ถ้ายังเห็นเดินในทุ่งบ้านสร้างอยู่อีกล่ะก็”
ผาดกำหมัดพร้อมเอาเรื่อง ลูกศิษย์ฝึกมวยที่มาด้วยก็ตั้งท่าจะเอาเรื่องด้วย ไม้ไม่ยอม จะสู้ แต่มาดดึงไว้
“เอ็งอย่าห้าว เดี๋ยวข้าจะพลอยคาตีนพวกมันไปด้วย ไป”
มาดกระชากตัวไม้ลากตัวออกไป ผาดรีบเข้าไปช่วยประคองลูกชาย
“ขอบใจจ้ะพ่อ แต่ที่จริงไม่ต้องถึงมือพ่อ ฉันก็จัดการกับพวกมันได้สบาย”
“ยังมาปากเก่งอีกนะเอ็ง เห็นอยู่ว่ากำลังโดนกระทืบ”
“โธ่ ก็แค่แผนให้มันตายใจแล้วเล่นงานมันทีเผลอ ว่าแต่ พ่อพาพวกเราออกมาทำไม ท่าทางอย่างกับจะไปมีเรื่องกับใคร”
“มีชาวบ้านไปบอกข้าว่าเจอพวกไอ้เสือมิ่งดักปล้นกลางวันแสกๆ”
“ไอ้เสือมิ่งบุกมาบ้านสร้างแล้วเหรอพ่อ”
ลูกน้องมิ่งเก็บของมีค่าที่เพิ่งไปปล้นมากลับคืนใส่ห่อผ้า
“ของที่ลูกน้องอาไปปล้นเขามา เอาไปคืนเจ้าของเขาด้วย”
“คงไม่ได้หรอกว่ะไอ้ลอ ปล้นมาแล้วก็ต้องเอาไป ขืนเอาไปคืนชื่อเสียงของเสือมิ่งคงกลายเป็นตัวตลก พวกเอ็งออกไปได้แล้ว”
“จะไว้ใจไอ้ลอได้เหรอพี่มิ่ง เกิดมันลอบกัดเล่นงานพี่แล้วส่งตำรวจขึ้นมาล่ะ”
“ข้าเลี้ยงมันมา มันไม่ทำกับข้าแบบนั้นหรอก”
“แต่ก็ไว้ใจไม่ได้นะ พี่มิ่งมีค่าหัว ไอ้ลอมันก็กำลังจะหมั้นสาว”
“หึๆๆ ถ้ามันคิดจะเล่นงานข้าเพื่อเอาเงินค่าหัวไปหมั้นผู้หญิงล่ะก็ ข้าก็อยากรู้ว่ามันจะทำได้รึเปล่า”
มิ่งตบบ่าลูกน้องแล้วไสให้ออกไป ลอยังนิ่งไม่พูดอะไร มองมิ่งอย่างครุ่นคิด
“เอ็งมองข้าแบบนี้ แสดงว่าที่ลูกน้องข้าพูด ตรงกับที่เอ็งกำลังคิดอยู่ใช่มั้ยวะไอ้หลานรัก”
“อาไม่ควรจะมาเหยียบบ้านสร้าง ไม่ควรจะมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“งั้นถ้าเอ็งไม่อยากให้ข้าอยู่รกหูรกตาเอ็ง เอ็งก็ต้องออกแรงหน่อยแล้วว่ะไอ้ลอ”
มิ่งพูดพร้อมกับยกเท้ายันโครมเข้าที่หน้าอกลอแรงๆ อย่างไม่ทันให้ลอตั้งตัว ลอเซผงะ ก่อนจะกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
“เข้ามาเลยไอ้ลอ ถ้าเอ็งเอาชนะข้าได้ ข้าจะยอมให้เอ็งลากคอไปให้ตำรวจแลกเอาค่าหัวข้าไปหมั้นสาว เข้ามา”
วีระกำลังรีบตามลอไปที่คุ้งต้นไทร แต่ระหว่างทางที่ผ่านท้องร่องสวน เขาชะงักเจอกับพวกลูกน้อง
มิ่งกำลังพากันเดินผ่านมาพอดี วีระจำหน้าพวกนั้นได้เลยหลบเข้าหลังต้นไม้
“เจ็บใจไอ้ลอชะมัด นี่ถ้าพี่มิ่งไม่ห้ามไว้ล่ะก็ โดนข้าสั่งสอนไม่ให้ปากเก่งไปแล้ว”
“พี่มิ่งรักมันเหมือนลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมมันไปซะหมด ปล่อยให้สั่งสอนไอ้ ลอตามวิธีของเขาไป เดี๋ยวมันก็สำนึกเองว่าใครกันแน่ที่มีบุญคุณกับมัน”
พวกลูกน้องเดินคุยกันออกไป วีระค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังต้นไม้
“หึ นั่นไง ไอ้ลอ เอ็งมันก็พวกเดียวกับโจร”
วีระย่ามใจเรื่องลอได้ครู่ มือหนึ่งก็มาแตะบ่า วีระหันขวับจะชักดาบเล่นงาน
“พวกเราเองจ้ะพี่วี”
“โธ่เว้ย เกือบแล้วมั้ยไอ้มาด นี่พวกเอ็งเล่นงานไอ้ก้อนเรียบร้อยแล้วเหรอวะ”
“ก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่หรอกจ้ะพี่ ไอ้ผู้ใหญ่ผาดมันดันเข้ามาขัดจังหวะพอดี”
“พวกมันกำลังออกตามล่าเสือมิ่ง เพราะมีคนในบ้านสร้างเพิ่งโดนปล้นไปกลางวันแสกๆ”
วีระฟังแล้วยิ้ม นึกอะไรขึ้นมาได้
“งั้นก็ดีสิวะ โอกาสที่ข้าจะเล่นงานไอ้ลอมาถึงแล้ว หึๆๆ”
ลอโหมหมัดใส่มิ่งติดต่อกันหลายหมัด ออกเชิงมวยอย่างดุดัน แต่มิ่งก็ขยับก้าวหลบหมัดได้อย่างคล่อง แคล่วและไม่ได้ออกเชิงมวยตอบโต้
“นี่มันไม่ใช่เชิงมวยที่ข้าเคยสอนเอ็งนี่หว่าไอ้ลอ เชิงมวยอ่อนปวกเปียกแบบนี้ ไม่สมกับที่ข้าเคยเคี่ยวเข็ญเอ็งเลยพับผ่า”
มิ่งพูดพร้อมกับหลบหมัดลอแล้วสวนกลับด้วยศอกทีเดียว ลอเซผงะเลือดกำเดาไหลแล้วรีบเช็ด
“เพราะฉันรู้ว่าความรู้ที่อาเคยพยายามเคี่ยวเข็ญฉัน มันมีไว้เพื่อทำแต่เรื่องเลวๆ ฉันก็เลย ไม่จดจำมันอีกไง อาจะได้ไม่ต้องมาอ้างว่าเป็นครูฉัน”
“เอ็งเกลียดขี้หน้าข้าเพราะเห็นว่าเป็นโจร แล้วกับพ่อเอ็งล่ะ มันก็ไอ้เสือเทิด มหาโจรยิ่งกว่าข้าซะอีก”
“ฉันไม่เถียงว่าฉันเกลียดที่พ่อทำ ฉันโกรธพ่อเมื่อรู้ความจริง แต่พ่อก็ยังรู้จักกลับเนื้อกลับตัว อบรมสั่งสอนให้ฉันเป็นคนดี แม้แต่วาระสุดท้ายพ่อก็ยังกำชับไม่ให้ฉันผิดคำสาบาน”
“ที่ไอ้เทิดคิดเรื่องกลับเนื้อกลับตัวเพราะมันกลัวตาย ไม่กล้าลุกขึ้นสู้พวกตำรวจต่างหาก มันขี้ขลาดกับพวกนั้นเกินไป ไม่ได้คิดอยากเป็นคนดีอะไรหรอก”
“ไม่จริง พ่อไม่ได้ขี้ขลาด พ่อตายอย่างกล้าหาญ กล้าเชิดหน้ายอมรับความผิดอยู่ตรงนี้ เพราะอยากให้ฉันเห็นเป็นตัวอย่าง ฉันจะได้ยึดมั่นคำสาบานของพ่อเอาไว้เหนือหัว”
“ไอ้เทิดมันสอนเอ็งผิด สมควรแล้วที่ข้าจะต้องกลับมาสั่งสอนเอ็งซะใหม่ ไอ้ลอ”
มิ่งกำหมัดแน่นแล้วพุ่งเข้าใส่โจมตีลอหลายหมัดหนักหน่วง ลอพยามตอบโต้แต่สู้ประสบการณ์ และเล่ห์โกงมวยอย่างพวกโจรไม่ได้ ระหว่างที่ลอกับมิ่งกำลังปะทะกัน วีระกับลูกน้องก็แอบซุ่มเข้ามา เห็นจะๆ
“ไอ้ลอกับเสือมิ่งมันรู้จักกันจริงๆ ด้วยพี่วี”
“ข้าคิดอะไรไว้เคยมีพลาดที่ไหน”
“งั้นจะอยู่ทำไม เรารีบเข้าไปเล่นงานพวกมันแล้วลากคอส่งตำรวจพร้อมกันเลย คนทั้งบ้านสร้างเขาจะได้รู้ความจริงกันซะทีว่าไอ้ลอกับเสือมิ่งเป็นพวกเดียวกัน”
“ทีนี้ไอ้ลอก็จะไม่ใช่เสี้ยนหนามอีกต่อไป”
“แม่เพื่อนก็จะได้หูตาสว่างซะทีว่าคนที่คู่ควรกับดอกไม้งามอย่างแม่เพื่อนคือข้าคนเดียว เท่านั้น แต่ปล่อยให้มันกัดกันเองจนสิ้นลายไปข้างหนึ่งก่อน แล้วเราค่อยเข้าไปเล่นงาน”
“ฉลาดจริงๆ เลยพี่วี ไม่ต้องเหนื่อย เล่นงานไอ้ลอได้แล้วยังได้ชื่อว่าจับโจรได้อีก”
วีระยิ้มพอใจมองลอกับมิ่งสู้กันอย่างย่ามใจ
ลูกน้องมิ่ง 2-3 คน ใช้ป่าไผ่เป็นที่หลบซ่อนตัวโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกซุ่มดูจากพวกผาดกับ ก้อนและลูกศิษย์ที่ค่อยๆ คืบเข้ามา
“อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด แถวนี้น่าจะเป็นที่ให้พวกมันซ่อนตัวได้ดีที่สุด”
“แต่ฉันไม่เห็นไอ้เสือมิ่งเลยนี่พ่อ อยู่แต่ลูกน้องมัน”
“ถึงจะเหลืออยู่แค่ลูกน้อง แต่พวกมันก็มีอาวุธครบมือ ยังไงก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ไม่งั้นชาว บ้านสร้างได้เดือดร้อนแน่”
“งั้นก็ต้องลากคอพวกมันไปก่อน ตัดมือตัดแขนไอ้เสือมิ่งให้มันกลายเป็นเสือจนตรอก”
“พวกเอ็งระวังตัวด้วยแล้วกัน”
“พ่อก็เหมือนกัน”
ผาดกับลูกชายพยักหน้าให้กันแล้วแยกย้ายแบ่งออกเป็นสองส่วนเข้าเล่นงานพวกลูกน้องมิ่ง ก้อนกับพวกลอบเข้าข้างหลัง เล่นงานพวกลูกน้องมิ่ง แต่พวกนั้นรู้ตัว หันมาตอบโต้เลยทำให้คน อื่นรู้ตัวว่ากำลังถูกลอบโจมตี พวกโจรชักดาบออกมาจะเล่นงานก้อน ผาดกับพวกอีกส่วนเลยเข้ามา ช่วยแล้วเปิดฉากสู้กัน
ลอกับมิ่งแลกหมัดกัน แต่คราวนี้ลอเริ่มได้เปรียบกว่าเพราะความอดทนและอายุที่น้อยกว่า มิ่งเป็นฝ่ายเริ่มโดนลอซัดหมัดเข้าหน้าจนเซ แล้วล้มลงไปกองกับพื้น มิ่งเลือดกบปาก
“ใช้ได้แล้วนี่หว่าไอ้ลอ แสดงว่าเอ็งเอาจริงกับข้าแล้ว”
“มันคือคำเตือนของฉันมากกว่า ถ้าอายังไม่หยุดสร้างความเดือดร้อน ฉันก็คงต้องจัดการกับอาจริงๆ”
“หึ เพราะผู้หญิงคนเดียว เอ็งถึงกับจะอกตัญญูคนที่รักและเลี้ยงเอ็งมาอย่างลูก หวังเอา ค่าหัวของข้าไปเป็นสินสอดทองหมั้น ข้าชักอยากเห็นหน้านังว่าที่หลานสะใภ้แล้วจริงๆ”
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น มีแต่อานั่นแหละที่ทึกทักเอาฝ่ายเดียว พ่อสอนให้ฉันเป็นคนดี ทุก บาททุกสตางค์ของฉันต้องมาจากหยาดเหงื่อแรงงานสุจริต”
“งั้นต่อให้เอ็งทำงานจนตายคาท้องนา เอ็งก็ไม่มีวันรวยหรอกไอ้ลอ สมบัติที่พ่อเอ็งกับข้า ช่วยกันปล้นมามีเยอะแยะ ข้าไม่มีลูกไม่มีเมีย มีก็แต่เอ็งที่ข้าไว้ใจ มาเป็นพวกเดียวกับ ข้าเถอะ แล้วทุกอย่างจะเป็นของเอ็ง”
วีระกับพวกได้ยินเรื่องสมบัติของมิ่ง
“พี่วี ได้ยินที่ไอ้เสือมิ่งพูดเมื่อตะกี้รึเปล่า”
“ได้ยินสิวะ หูไม่ได้ฝาด”
“คิดแล้วก็น่าเสียดายนะพี่ ถ้าจะแค่ลากคอไอ้เสือมิ่งเข้าคุกอย่างเดียว”
วีระนิ่งครุ่นคิด
“ตอนนี้เสือมิ่งมันกำลังเสร็จไอ้ลอ พวกมันกำลังเหนื่อย ถ้าจะเล่นงานก็ต้องตอนนี้แล้ว”
วีระมองมิ่งกับลออย่างครุ่นคิด จังหวะนั้นเองที่มีเสียงปืนดังก้องมาจากทางป่าไผ่ ทุกคนหันขวับไปทางเสียงปืน มิ่งใช้โอกาสนี้เข้าไปกระชากลอมาชกท้องจนจุกตัวงอ
“มันเป็นทางเดียวที่เอ็งจะใช้หนี้บุญคุณข้าหมด คิดดูแล้วกันไอ้ลอ”
มิ่งเล่นงานลอแล้วรีบวิ่งออกไป ลอจุกเจ็บได้แต่มองด้วยความเจ็บใจ
“เสือมิ่งมันหนีไปแล้ว จะเอายังไง” ไม้ถามวีระ
“ปล่อยมันกับไอ้ลอไปก่อน ข้ายังมีวิธีจัดการกับพวกมันอีก”
วีระยิ้มร้าย
ลอรีบเข้ามาบ้านผาด เห็นพวกลูกศิษย์นั่งบาดเจ็บกันอยู่ก็รีบถาม
“อาผู้ใหญ่เป็นยังไงบ้าง”
พวกลูกศิษย์ยังไม่ทันตอบ ก้อนก็เรียกลอมาจากใต้ถุนเรือน
“ทางนี้เว้ยไอ้ลอ”
ลอหันไปเห็นก้อนช่วยประคองพาพ่อที่มีผ้าพันแขนช่วงหัวไหล่ออกมา
“พ่อข้ายังไม่ตายเว้ย หนังเหนียวชะมัดยาด โดนพวกมันยิงใส่ยังไม่ระคายผิว”
ผาดตบหัวลูกทันที
“ไม่ระคายผิวอะไร เฉี่ยวแขนข้าไปซะเลือดสาด”
“ฉันตกใจแทบแย่ ได้ยินพวกชาวบ้านพูดกันว่าครูพาพวกเราไปล้อมจับพวกเสือมิ่งแล้ว ถูกยิงกลับมา”
“ความจริงพวกข้าก็เกือบจะลากคอพวกมันมาได้แล้วนั่นแหละ แต่ประมาทไปว่ามันยัง มีพรรคพวกเหลืออยู่อีก”
“พวกที่มาสมทบมันก็เลยยิงใส่แล้วพากันยกพวกหนีไปหมด นึกแล้วก็เจ็บใจ เกือบแล้วเชียว นี่ถ้าลากคอพวกลูกน้องไอ้เสือมิ่งมาได้ล่ะก็ มันไม่เหลือลูกน้องไว้ออกปล้นอีกแน่” ก้อนฮึดฮัด
“เอ็งกับอาผู้ใหญ่รอดกลับมาก็ดีแล้ว พวกมันไม่ใช่โจรกระจอก ขนาดตำรวจฝีมือดีๆ ยัง ถูกพวกมันเล่นงาน”
“แต่มันกล้าเข้ามาทำร้ายคนในบ้านสร้าง ข้าจะอยู่เฉยได้ยังไง ว่าแต่เอ็ง หายหัวไปไหนมา แทนที่จะอยู่ช่วยกัน”
ลออึกอักจนผาดสังเกตเห็น เลยหันไปสั่งก้อน
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วไอ้ก้อน เอ็งไปดูแลคนอื่น แล้วช่วยจัดเวรยามตรวจตราในหมู่บ้านด้วย เผื่อพวกมันจะลอบเข้ามาอีก”
“จ้ะพ่อ”
ก้อนเดินออกไป ผาดกับลอมองหน้ากัน ลอเล่าเรื่องที่เจอมิ่งให้ฟัง
“มันมาหาเอ็งเพราะอยากให้ไปอยู่กับพวกมันเหรอวะไอ้ลอ”
“จ้ะอาผู้ใหญ่ ฉันพยายามจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้อามิ่งกลับตัวเหมือนพ่อ จะได้ไม่ต้องเจอ จุดจบแบบเดียวกัน”
“แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะคนอย่างไอ้เสือมิ่งมันเป็นโจรด้วยสันดาน ไม่เหมือนพ่อเอ็ง”
“ใช่จ้ะ นอกจากจะเปลี่ยนใจเขาไม่ได้แล้ว อามิ่งคงจะไม่ยอมไปจากบ้านสร้างจนกว่า”
ลอหน้าเครียดกำหมัดแน่นด้วยความอึดอัดใจ ผาดฟังแล้วก็เข้าใจดี ตบบ่าลอปลอบใจ
“เอ็งจะเปลี่ยนใจแล้วเลือกเดินทางเดียวกับมัน”
ลอพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด
แพงนั่งเหม่ออยู่ที่บ้าน ขณะกำลังช่วยพ่อกับพี่เอาดาบเก่าๆ มาลับคม พิศหันมาสังเกตเห็น
“อีแพง เอาแต่เหม่อแบบนั้นแล้วเมื่อไหร่ดาบข้ามันจะคมขึ้นวะ”
แพงยังไม่ได้ยินเสียงบ่น เพราะจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องที่ทะเลาะกับลอ จนเพื่อนต้องช่วยเรียกเสียงดัง
“อีแพง พ่อเรียกไม่ได้ยินเหรอไง เหม่ออยู่ได้”
“ถ้าเอ็งไม่เต็มใจช่วย ก็ไปเลย จะไปไหนก็ไป แล้วจำไว้ด้วยนะ ถ้าพวกไอ้เสือมิ่งบุกมาปล้น โดยที่ข้าไม่มีดาบคมๆ ไว้รับมือกับพวกมันล่ะก็ เอ็งนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ”
“ฉันว่าพ่ออย่ากระต่ายตื่นตูมไปหน่อยเลย พวกเสือพวกโจรมันปล้นแต่บ้านคนมีเงิน ไม่ เสียเวลามาปล้นเราหรอก สมบัติสักชิ้นก็ไม่มี”
พิศโมโหลุกพรวดชี้หน้าด่า
“ปากเอ็งมันเก่งแต่แขวะข้านักนะอีแพง เออ ข้าไม่ได้มีแก้วแหวนเงินทองอะไรให้พวกโจรมาปล้นหรอก แต่ข้ามีพี่สาวเอ็งที่มีค่ามากกว่าเงินทั้งหมู่บ้านมากองรวมกันซะอีก”
“พ่อตีค่าให้ราคาพี่เพื่อนสูงขนาดนั้น แล้วฉันล่ะ ฉันก็ลูกสาวพ่อเหมือนกันนะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันก็อาจจะถูกมันฉุดได้เหมือนกัน”
เพื่อนขำ
“อย่างเอ็งเนี่ยนะอีแพง พวกโจรมาเห็นเอ็งมันจะขยาดมากกว่า”
แพงชะงักแล้วตัดพ้อ
“ใช่ ฉันไม่มีอะไรดีสู้พี่เพื่อนได้หรอก มีประโยชน์ก็แค่รอให้ใช้งานแล้ว ก็คอยรองมือรองตีนทั้งพ่อ ทั้งพี่เพื่อนแล้วก็พี่ลอ”
แพงวางดาบไม่ช่วยพ่อลับคม แล้วลุกพรวด ระหว่างนั้นลอเข้ามาพอดี แพงชะงักมองหน้าลอแล้วยังไม่หายโกรธ เลยสะบัดเชิดหน้าไม่สนใจ เดินกระแทกไหล่ลออย่างตั้งใจแล้วออกไป พิศเห็นท่าทางแพงทำแบบนั้นก็ยิ่งโมโห
“อีแพง”
“ช่างมันเถอะจ้ะอา เดี๋ยวฉันช่วยเองก็ได้จ้ะ”
ลอยิ้มให้กับพิศเพื่อจะได้ใจเย็นลง แต่สายตาก็เหลือบมองตามแพงที่เพิ่งออกไป รู้ดีว่าแพงเป็นแบบนั้นเพราะอะไร
ลอเช็คความคมของดาบที่ช่วยลับจนคมกริบก่อนจะเก็บคืนฝัก
“เรียบร้อยแล้วจ้ะอา แต่ฉันว่าไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลยก็คงจะดีกว่า”
“ประมาทไม่ได้หรอกจ้ะพี่ลอ ฉันเจอไอ้เสือมิ่งมาแล้ว มันฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นจริงๆ”
“ตอนที่พ่อเอ็งกลับมาบ้านสร้าง มันเคยเล่าให้ข้าฟังถึงความเหี้ยมของไอ้เสือมิ่ง ข้าฟังแล้วยังตกใจ ยังบอกไอ้เทิดไปเลยว่าโชคดีที่มันพาเอ็งออกมาห่างจากคนพวกนั้นได้”
เพื่อนสงสัย
“เสือมิ่ง เคยเป็นพวกเดียวกับพ่อพี่ลอด้วยเหรอจ๊ะ”
“โทษทีนะไอ้ลอ ข้าก็ลืมไปว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดให้รู้กันเยอะ มันจะไม่ดีกับเอ็ง”
“ไม่เป็นไรจ้ะอา ฉันกับแม่เพื่อนกำลังจะหมั้นหมายกัน ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตฉันแม่ เพื่อนก็ควรจะรู้”
“มิน่าล่ะ เพราะมันเคยรู้จักพี่ลอนี่เอง มันถึงไม่ทำร้ายพวกเราที่มาจากบ้านสร้าง งั้นเรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้นะพี่ลอ ทุกคนในบ้านสร้างเขาชื่นชมพี่ลอว่าเป็นคนดี อย่าให้คนอื่นพาลคิดไปได้ว่า พี่ลอพร้อมวัดรอยเท้าพ่อ”
“จ้ะแม่เพื่อน”
คำพูดของเพื่อนทำให้ลอนิ่งไป ไม่กล้าเล่าให้ฟังเรื่องที่ไปเจอกับมิ่ง เพราะกลัวคนรักจะไม่พอใจ
แพงเพิ่งขึ้นจากบึงพร้อมกับดอกบัวที่เพิ่งตัดเสร็จเป็นกำ แก้วเดินเข้ามา
“อีแพง มาอยู่ที่นี่เอง”
“หาข้าทำไม”
“เอ็งนี่ถามแปลก พรุ่งนี้บ้านเอ็งจะมีงานหมั้น ข้าก็จะไปช่วยเตรียมงานให้น่ะสิวะ”
“เอ็งอยากไปช่วย แล้วทำไมต้องมาหาข้า ก็ไปช่วยสิ ข้ากำลังยุ่ง เดี๋ยวยิ่งสายจะตัดบัวไปขายไม่ทัน”
“อ้าว ก็งานจัดบ้านเอ็ง แล้วเอ็งไม่อยู่ช่วยเนี่ยนะ แสดงว่าทะเลาะกับพ่อกับพี่อีกล่ะสิ ถึงได้งอนไม่โผล่หัวไปช่วยงาน”
แพงไม่พูดอะไร หอบกอบัวเดินเลี่ยงออกไป แก้วมองสงสัย
พิศตะโกนเรียกเพื่อนให้ออกมาจากในบ้าน
“นังเพื่อน นังเพื่อน”
“จ้ะพ่อ”
เพื่อนเดินเข้ามาแล้วชะงักเมื่อเห็นแรมนั่งยิ้มอยู่กับพ่อ
“แม่แรมเอาเสื้อผ้ามาให้เอ็งเลือกใส่ไว้หมั้นกับไอ้ลอพรุ่งนี้ แต่ละชุดสวยๆ ทั้งนั้น มาดูสิ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะพี่แรม แต่ชุดหมั้นฉันเตรียมเอาไว้แล้ว”
“ไม่ลองดูหน่อยเหรอจ๊ะแม่เพื่อน เสื้อผ้าของพี่แต่ละชุดสวยๆ ทั้งนั้นนะ”
“ไม่ล่ะจ้ะ ฉันเกรงใจ ฉันขอตัวนะ เตรียมกับข้าวรับแขกไว้ในครัว เดี๋ยวจะไหม้เสียของ”
“แต่พ่อว่าชุดของเอ็งมันไม่สวยเท่าชุดของนังแรมมันหรอก รับเอาไว้เถอะ เขาอุตส่าห์มีน้ำใจ”
“ก็ฉันบอกว่าไม่รับไงจ๊ะพ่อ”
พิศชะงัก ไม่คิดว่าเพื่อนจะขึ้นเสียงจริงจัง แรมยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะอา แม่เพื่อนคงกำลังยุ่งจนพาลหัวเสีย งานหมั้นตัวเองแท้ๆ แต่ต้องมา นั่งตระเตรียมทุกอย่างด้วยตัวเอง เอาอย่างนี้แล้วกัน เสื้อผ้าพวกนี้ฉันจัดใส่กระเป๋าเดินทางไว้ แม่เพื่อนก็เอาไปเลือกไปดูแล้วตัดสินใจอย่างที่ฉันเคยบอกแม่เพื่อนไปก็แล้วกัน”
แรมขยับกระเป๋าเดินทางเลื่อนไปให้เพื่อนเห็น พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
เพื่อนเข้ามานั่งในห้องนอนตัวเอง แล้วมองกระเป๋าเสื้อผ้าที่พ่อเพิ่งจะหิ้วเอาเข้ามา
“เป็นอะไร หะ นังเพื่อน นังแรมเขามาด้วยความหวังดีแต่เอ็งกลับไปไล่ตะเพิดเขา”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะพ่อ”
“มันจริงอย่างที่นังแรมมันพูดมาใช่มั้ย เอ็งน้อยใจทั้งๆ ที่เป็นงานหมั้นตัวเอง แต่ต้องมา เตรียมทุกอย่างรอให้ผู้ชายมาหมั้น”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกพ่อ”
“เอ็งไม่ต้องกลัวพ่อโกรธหรอกนังเพื่อน”
“พ่อ”
“อย่าไปคิดตัดพ้อเลยนะลูก พ่อเห็นไอ้ลอมันเป็นคนดี แล้วมันก็โตมาด้วยกันกับเอ็ง รักกันมาก็ตั้งนาน ถึงมันจะไม่มีอะไรเลย แต่มันก็ขยันขันแข็ง สองคนผัวเมียช่วยกันทำไร่ ทำนา อนาคตยังไงก็ไม่ลำบาก”
“ฉันรู้จ้ะพ่อ”
“เว้นถ้าไอ้ลอมันทำให้เอ็งเสียใจ หรือทำให้เอ็งสุขสบายอย่างที่มันสาบานไม่ได้ล่ะก็ พ่อนี่แหละจะเอาเลือดกบาลมันออกมาเอง”
พิศปลอบใจลูบหัวลูกอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินออกไป เพื่อนหันไปมองกระเป๋าเดินทางของแรม ครุ่นคิด
แพงเดินถือกอบัวมาตามคันนา แก้วเดินตามอยากรู้ว่าแพงเป็นอะไร
“อีแพง ไหนบอกว่าข้าเป็นเพื่อนรักเอ็งไง เรื่องของข้าเอ็งยังสอดรู้สอดเห็นได้ แล้วทำไมเรื่องของเอ็ง”
แพงหันขวับกลับมา
“ก็ข้าไม่มีอะไรจะให้เอ็งรู้ ข้าเลยไม่พูดกับเอ็งไง”
“โกหก วิ่งเล่นมาด้วยกันตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมา เอ็งไม่ต้องอ้าปากข้าก็เห็นถึงลิ้นไก่”
“งั้นถ้าเอ็งรู้แล้วจะมาถามอะไร”
“อ้าวอีนี่ ที่อยากรู้เพราะเวลาเอ็งทะเลาะกับที่บ้านมาทีไร ก็ข้านี่แหละที่ต้องมานั่งฟังเอ็งบ่น พอฟังเข้าไปบ่อยๆ ข้าก็ติดใจอยากรู้ไม่หยุดน่ะสิวะ เอ หรือจะให้ข้าเดา เอาเข้าจริงๆ แล้ว พอพี่เพื่อนกับพี่ลอเขาจะหมั้นกันจริงๆ ขึ้นมา เอ็งก็ทำอย่างที่ปากพูดไม่ได้”
“นังแก้ว”
“นั่นไง จริงด้วย ปากบอกว่าเข้าใจ อยากเห็นเขาอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แต่ที่จริงเอ็งก็ยังดื้อ ไม่อยากให้เขาแต่งงานกัน ทำไมวะอีแพง เอ็งคิดอะไรอยู่กันแน่”
แพงหน้าเสีย ไม่ยอมพูดอะไรให้เพื่อนรู้ความรู้สึกตัวเอง เลยจะรีบเดินหนี แต่จังหวะนั้นเห็นลอเดินแบกทะลายหมากมากับด้วง
“ขอบใจเอ็งมากนะไอ้ด้วง อุตส่าห์ช่วยปีนเก็บหมากให้ข้า”
“พี่ลอต้องใช้งานหมั้นพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันมีแรงก็ช่วยแรงตามประสาพี่น้องกันแหละจ้า”
แพงมองลอแล้วแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แก้วจับสีหน้าของแพงที่มองลอแล้วสงสัย
“อีแพง มันคงไม่ใช่อย่างที่ข้าแอบคิดมาตลอดใช่มั้ย เอ็งไม่ได้คิดกับพี่ลอแค่”
แพงหันขวับมาปฏิเสธทันที
“ข้าเปล่า”
แพงรีบออกไปทันที ลอหันมาเห็นก็รีบเดินเข้ามา
“ทำไมอีแพงมาอยู่แถวนี้ล่ะนังแก้ว มันต้องอยู่ช่วยงานที่บ้านไม่ใช่เหรอ”
“ถ้ามันไม่ขี้เกียจก็คงไปทำอะไรให้พ่อให้พี่ด่ามาอีกนั่นแหละพี่ลอ” ด้วงเดา
“งั้นเดี๋ยวข้าจัดการเอง ฝากเอ็งกับนังแก้วเอาหมากเอาพลูไปไว้ที่บ้านให้ข้าด้วย”
ลอรีบตามแพงไป
“พี่ลอ เดี๋ยวก่อน”
“เอ็งไม่ต้องตามไปยุ่งด้วยเลยอีแก้ว ช่วยข้าแบกเลย หนักนะเว้ย” ด้วงท้วง
บริเวณสวนหลังบ้าน เพื่อนถือกระจาดพร้อมมีดอีโต้ออกมาฟันปลีกล้วยเพื่อจะเอาไปแกงเลี้ยงแขก ระหว่างนั้น เสียงวีระก็ดังเข้ามา
“น่าสงสารคู่หมั้นของไอ้ลอจังเลยนะจ๊ะ แทนที่จะเอาเวลาก่อนวันหมั้นไปดูแลผิวพรรณให้สวยสมกับวันสำคัญ แต่กลับต้องมาตากแดดตัดปลีกล้วยไปทำกับข้าวเลี้ยงแขก”
“ไอ้วีระ เอ็งมายุ่มย่ามอะไรที่นี่ ไสหัวไปให้พ้น”
“อะไรกันจ๊ะแม่เพื่อน เจอหน้าไม่ถามไถ่ว่าฉันมีธุระปะปังอะไร ก็มาไล่กันแล้ว”
“หน้าอย่างเอ็งข้าไม่มีธุระอะไรด้วย จะไปดีๆ หรือต้องให้ข้าเอาอีโต้เฉาะกบาล”
“ฉันมีเรื่องสำคัญมาเตือนเพราะหวังดีจริงๆ ก่อนที่แม่เพื่อนจะตัดสินใจเลือกผู้ชายผิด”
“เอ็งไม่เคยหวังดีกับข้าหรอก”
เพื่อนเงื้ออีโต้จะสั่งสอนวีระแต่ไม้กับมาดแอบซุ่มอยู่ข้างหลัง โผเข้ามาช่วยกันจับเพื่อนล็อคแย่งมีด
“ชู่ว อย่าส่งเสียงเลยแม่เพื่อน ถ้าฟังฉันดีๆ ล่ะก็ ฉันจะไม่แตะต้องแม่เพื่อนแม้แต่ปลายเล็บ ฉันสัญญา”
จบตอนที่ 5