ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 23
ชายสภาพสะบักสะบอมคนหนึ่ง เดินโซซัดโซเซมาตามทาง ก่อนจะล้มหมดสติที่หน้าบ้านของเฮง
ตี๋เล็กกับจางเดินกลับจากจ่ายตลาด พอเห็นคนหมดสติก็รีบเข้าไปดู
“ลุงครับ ลุง” ตี๋เล็กพยายามเขย่าตัวเรียก
“ตายรึยังครับคุณตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กรีบจับชีพจร “ยังไม่ตาย”
“ใครอยู่ในบ้านออกมาช่วยกันหน่อยครับ มีคนบาดเจ็บครับผม”
จางตะโกนเสียงดังลั่น เฮงรีบวิ่งออกมา พร้อมๆ กับแก้วกัลยา หญิงเล็กและฮันนี่
“เฮ้ย ใครเป็นอะไรน่ะตี๋เล็ก”
“ไม่รู้เตี่ย อั๊วมาก็เห็นนอนอยู่ตรงนี้แล้ว”
ฮันนี่ทำท่าตกใจ “โอ้ว มายก๊อด คืนนี้ได้วิ่งหนีผีกันอีกแล้วมั้งคะเนี่ย”
จางหันมาทำหน้าดุใส่ “ เค้ายังไม่ตาย”
หญิงเล็กรีบบอก “ยังไม่ตายก็พาไปโรงพยาบาลสิ รออะไรล่ะ”
“เออ ช้าเดี๋ยวก็ตายกันพอดี”
แก้วกัลยาพูดเร่ง เฮงทำหน้าไม่พอใจ
“นี่ ไม่ช่วยแล้วอย่ามาทำเป็นออกคำสั่งได้ป่ะ”
ตี๋เล็กเงยหนย้ามาบอกเตี่ย ”เตี่ย ช่วยอั๊วพาเค้าเข้าไปในบ้านก่อนดีกว่า อั๊วว่าเค้าแค่สลบไปน่ะ ไม่น่าเป็นอะไรมาก”
ว่าแล้วก็ช่วนกันกับเฮงประคองร่างชายคนนั้นเดินเข้าบ้านไป
ฮันนี่หันมาพูดกับแก้วกัลยา “เค้าพูดเหมือนเราไม่มีน้ำใจเลยนะคะบอส”
แก้วกัลยายักไหล่ “เรื่องของมัน ไอ โด๊น แคร์”
ขาดคำก็เดินจูงหญิงเล็กเข้าบ้าน ฮันนี่เดินตามไปอีกคน
หมวยเล็กเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ชายปริศนา ที่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ครู่หนึ่งเขาก็ค่อยๆ ขยับตัวไปมา
“เริ่มรู้สึกตัวแล้วเตี่ย” หมวยเล็กหันมาบอกเฮงที่นั่งอยู่ข้างๆ กับตี๋ใหญ่
“น้ำ เราอยากเสวยน้ำ”
ชายหนุ่มเพ้อออกมาเบาๆ ทำเอาทุกคนมองหน้ากันงงๆ
“เสวยน้ำ?” เฮงทวนคำ
“ได้ยินมั้ยเราหิวน้ำ เอาน้ำให้เราเสวยบัดเดี๋ยวนี้”
ตี๋ใหญ่รีบหันไปบอก “หมวยเล็ก รินน้ำเร็ว”
หมวยเล็กรินน้ำใส่แก้ว ส่วนตี๋ใหญ่ก็ประคองร่างเจ้าขึ้นนั่งเพื่อให้น้องสาวป้อนน้ำ
ตี๋เล็กกับจางเดินเข้ามาสมทบ
“เป็นไงบ้างเตี่ย”
“เริ่มฟื้นแล้ว แต่รู้สึกแปลกๆ ยังไงพิกล”
จางทำหน้าสงสัย “ยังไงเหรอครับเฮีย”
เจ้าสำลักน้ำ ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ลืมตาขึ้นมา
“เฮ้ย นังสนม นี่เจ้าป้อนน้ำให้เรายังไงเนี่ย”
ตี๋เล็กขมวดคิ้วงงๆ “เอ่อ สนมไหนครับลุง”
เจ้ามองไปรอบบ้าน “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย”
ตี๋ใหญ่รีบอธิบาย “บ้านพวกผมเองครับ พอดีคุณลุงโดนทำร้ายมาหมดสติที่หน้าบ้านน่ะครับ”
“โดนทำร้าย?” เจ้าย้อนถาม
ตี๋เล็กพยักหน้ารับ “ใช่ครับ พอจะจำอะไรได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณลุง”
เจ้าพยายามนึก “มหาดเล็กของเราล่ะ เค้าอยู่ที่ไหน”
หมวยเล็กยิ่งงงหนัก “ มหาดเล็ก?”
เฮงถามต่อทันที “นี่ลื้อเป็นใครกันแน่เนี่ย ทำไมมีมหาดเล็กอะไรด้วย”
เจ้าทำสีหน้าเข้มขรึม จริงจัง “เราชื่อ...”
ทุกคนลุ้น ตั้งใจฟัง
น้ำเสียงของเจ้าอ่อยลง “เราชื่ออะไรอ่ะ”
จางทำหน้าเซ็ง “โห่ ลุงไม่รู้แล้วพวกผมจะรู้มั้ยล่ะค้าบ”
“ลองนึกดีๆ ซิครับ ใจเย็นๆ ค่อยๆ นึก” ตี๋เล็กพูดขึ้นมาบ้าง
“เราจำชื่อตัวเองไม่ได้ แล้วก็จำไม่ได้ว่าเรามาจากไหน แต่เราจำได้ว่าเรามีมหาดเล็ก มีพระโอรสแล้วก็มีพระธิดา”
เฮงทำตาโต ตกใจ “ไอ้หยา อย่าบอกนะว่าลื้อเป็นเจ้า”
เจ้าหันขวับมาทันที “จะเล่นเก้าเกหรือว่าป๊อกเด้งดีล่ะ”
“ป๊อกเด้งดีกว่า จะบ้าเหรอ อั๊วหมายถึงลื้อเป็นเจ้าผู้ครองนครอะไรอย่างนี้เหรอ ถึงได้มีมหาดเล็ก มีพระธิดาเนี่ย”
เจ้าพยายามนึก เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก หมวยเล็กและจางมองเจ้าอึ้งๆ
อัครเดชยื่นช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อตข่อใหญ่ให้ หญิงใหญ่ทำหน้างุนงง
“เนื่องในโอกาสอะไรอ่ะ”
“ก็เนื่องในโอกาส อ๋อ..เนื่องในโอกาสหมาข้างบ้านเราออกลูก 9 ตัวน่ะ”
ภรณีสอดขึ้นมาทันที่ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับต้องให้ดอกไม้เพื่อนฉันด้วย”
“อ้าว ก็เห็นหมาออกลูก 9 ตัว แสดงว่าชีวิตคู่ฉันจะก้าวหน้าไง” อัครเดชพูดหน้าตาเฉย
ภรณีทำปากเบะ “ คนมันจะให้ ต่อให้จิ้งจกร้อง มันก็หาเรื่องให้จนได้แหละ”
“ไม่น่าเปลืองเงินซื้อให้เราเลย” หญิงใหญุ่พูดอย่างเกรงใจ
“จิ๊บๆ นี่เรายังมีของฝากไปให้คุณแม่แก้วด้วยนะ”
อัครเดชพูดพลางหันไปหยิบถุงใส่ของฝากมาถุงใหญ่ ก่อนจะนำเสนอทีละอย่าง
“อ่ะ..อันนี้ปลาสลิดบางบ่อ ส่วนนี่ปลาช่อนแม่ลาสิงห์บุรี อันนี้ปลาทูแม่กลอง กะปิระนองของแท้”
หญิงใหญ่ทำหน้าสงสัย “โห มาคนละทิศละทางแบบนี้ แยกร่างไปซื้อมาตอนไหนเนี่ย”
อัครเดชยืดอก “นี่เราขับรถไปซื้อภายในวันเดียวเลยนะเนี่ย”
“เพื่อ?” ภรณีถามแทรกขึ้นมา
“ก็เพื่อพิสูจน์ให้แก้วเห็นไง ว่าฉันสามารถทุ่มเทให้แก้วได้แค่ไหน แก้วครับ ต่อให้ดาวหรือเดือน ถ้าแก้วอยากได้ เราก็จะหามาให้”
หญิงใหญ่แกล้งทำหน้าตาจริงจัง “เราอยากได้ดาวลูกไก่”
“รอแพ็พนะ เราออกไปซื้อกาวมาดมก่อน บ บ บ้าเหรอแก้ว เราเปรียบเปรยเฉยๆ”
หญิงใหญ่ยิ้มเจื่อนๆ “ยังไงก็ขอบคุณนะ แต่ทีหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาเยอะแบบนี้อีกล่ะ เปลืองเงิน
เปล่าๆ”
ภรณีแอบแขวะ “ปล่อยมันเถอะ คนมันรวย”
“แล้วฉันไปรวยบนหลังคาบ้านแกมั้ยล่ะ นังนกแสก”
“ถ้าฉันนกแสก แกก็เพลี้ยกระโดดละวะ”
อัครเดชเดินไปเถียงกับภรณี หญิงใหญ่มองของฝาก ด้วยความรู้สึกอึดอัด
หญิงใหญ่ยืนจัดแจกันดอกไม้อยู่ในห้องรับรอง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่ตี๋ใหญ่จะเดินเข้ามาดู
“อัครเดชให้มาเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
หญิงใหญ่พูดพลางจัดดอกไม้ด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม ยั่วตี๋ใหญ่เล่นๆ
“จริงรึเปล่า ที่ผู้หญิงเวลาได้รับดอกไม้จากผู้ชายแล้ว มักพูดว่าไม่น่าเสียเงินซื้อมาเลย เปลือง แต่พอได้มาแล้วก็ยิ้มไม่หุบแบบนี้”
หญิงใหญ่นิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วนึกถึงตอนที่อัครเดชให้ดอกไม้ แล้วก็อึกๆ อักๆ ก่อนจะพูดโกหกออกไป“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่าซะหน่อย”
“เหรอ”
หญิงใหญ่เผลอรับคำห้วนๆ “เออ..เอ้ย ค่ะ”
จากนั้นก็ถือแจกันดอกไม้เดินออกไป ส่วนตี๋ใหญ่ก็เริ่มคิดหนัก ที่อัครเดชเดินเกมรุกหนักขนาดนี้
ทางด้านที่บ้านเฮง ตี๋เล็กเดินออกมาคุยกับจางที่ข้างรั้ว
“คุณตี๋เล็กว่าลุงคนนั้นเค้าบ้ารึเปล่าครับ”
ตี๋เล็กทำหน้าครุ่นคิด “ไม่น่านะ คนบ้าไม่พูดกันรู้เรื่องแบบนี้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นลุงเค้าก็เป็นเจ้าจากต่างแดนจริงๆ สิครับ”
“ก็เป็นไปได้”
จางสงสัยอีก “แต่ถ้าเป็นเจ้าจริง ก็น่าจะลงข่าวใหญ่โตรึเปล่าครับ”
“เค้าอาจจะปิดข่าวมาแบบเงียบๆ ก็ได้ เพื่อความปลอดภัยอะไรงี้”
“โห นี่ขนาดมาแบบเงียบๆ นะครับ ยังโดนซะจนความจำเสื่อม”
ตี๋เล็กทำสีหน้าจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของเจ้า”
จู่ๆ หญิงเล็กกับฮันนี่ก็โผล่พรวดขึ้นมาจากริมรั้ว ถือที่พรวนดินติดมือมาด้วย
“อะเคร”
ตี๋เล็กได้ยินเสียงหญิงเล็กก็ตกใจ “เฮ้ย”
จางรีบบอก ”ท่าทางจะไม่ลับแล้วล่ะครับคุณตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กหันไปถามอย่างเอาเรื่อง “นี่เธอแอบฟังฉันคุยกันเหรอ”
“แหกตาดูนี่ ฉันนั่งทำแปลงผักอยู่ก่อนตั้งนานแล้ว นายมาคุยให้ฉันได้ยินเองนะ”
ฮันนี่รีบผสมโรง “Yeah นั่งอยู่ดีๆ เรื่องเด็ดๆ ก็ลอยเข้าหูมาเอง ถ้าไปบอกบอส บอสต้องตื่นเต้วว
แน่ๆ ค่ะ”
จางทำหน้าเข้ม “นี่ ได้ยินมั้ยว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับน่ะ”
“ได้ยิน แต่ไอจะบอกแค่บอสไอคนเดียว มันไม่น่ามีปัญหาอะไรม้าง”
“ไปเถอะพี่ฮันนี่” หญิงเล็กหันมาพยักเพยิด ก่อนจะเหล่ไปที่ตี๋เล็ก “หนูคันปากอยากจะเม้าท์จะแย่
อยู่ละ”
ว่าแล้วทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าบ้านไป
“เอาล่ะสิ เดี๋ยวได้แห่กันมาที่บ้านเราแน่ครับคุณตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
เจ้าตักอาหารที่เฮงทำมาให้กินด้วยสีหน้านิ่งๆ อารมณ์ไม่คุ้นเคยกับอาหารจีน
“อาหารไม่อร่อยเหรอครับ”
เฮงถามอย่างเป็นห่วง จางรีบเอียงหน้าไปกระซิบ
“พูดครับเดี๋ยวก็หัวหลุดจากบ่าหรอกเฮีย”
“เออว่ะ อาหารไม่อร่อยเหรอพะยะค่ะ”
เจ้าเงยหน้าขึ้นมาบอก “ เราไม่คุ้นกับอาหารพวกนี้เลยน่ะสมชาย”
เฮงรีบบอก “เอ่อ อั๊วชื่อเฮงพะยะค่ะ”
“อ้าวเหรอ โทษทีนะสมปอง”
“เฮงครับ”
ตี๋เล็กรีบบอกเตี่ย “ไม่เป็นไรหรอกเตี่ย สมองเจ้าเพิ่งได้รับการกระทบกระเทือนมา ความจำเลยยังไม่
สมบูรณ์”
เจ้าทำหน้างง “ คุยอะไรกันเหรอ แดน บีม”
เฮงกับตี๋เล็กมองหน้ากัน แล้วอมยิ้มนิดๆ จังหวะนั้นแก้วกัลยากับหญิงเล็ก ก็ยกน้ำพริกกะปิกับน้ำใบบัวบกเข้ามา
“ลองอาหารไทยตำรับชาววังดีกว่าเพคะ”
เฮงหันขวับไปทันที “เฮ้ย รู้เรื่องที่เจ้าเป็นเจ้าได้ไงวะเนี่ย”
จางกับตี๋เล็กมองหน้ากันเซ็งๆ แก้วกัลยายักไหล่
“ รู้ได้ยังไงไม่ต้องสนหรอก ฉันรู้ว่าอาหารพวกนี้ไม่ถูกปากเจ้าแน่ มันต้องอาหารตำรับชาววังของฉันนี่”
แก้วกัลยาพูดพลางช่วยกันกับหญิงเล็กเสิร์ฟอาหารให้เจ้า ขณะที่เฮงกับตี๋เล็กได้แต่ยืนมอง ไม่กล้าโวยวาย
“เจ้า 2 คนเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรรึ”
แก้วกัลยายิ้มหวาน “ดิฉันชื่อแก้วกัลยาเพคะ ส่วนนี่ลูกสาวดิฉัน เรียกง่ายๆ ว่าหญิงเล็กก็ได้เพคะ”
หญิงเล็กรีบถอนสายบัวให้ “ถวายบังกะโลเพคะ”
เจ้าเผลอรับมุก “ขอ 2 หลัง ติดทะเลด้วยนะ แฮ่! แหม หนูนี่มีอารมณ์ขัน ชอบๆๆ”
ครู่หนึ่งเสี่ยชาญเดินเข้ามาในบ้าน ขณะที่เจ้าตักอาหารกิน โดยมีแก้วกัลยากับหญิงเล็กคอยบริการ
“มีอะไรกันเหรอ แล้วนี่ใครเนี่ย ทำไมยืนรุมกันขนาดนี้”
จางรีบหันมาบอก ”ท่านเป็นเจ้ามาจากต่างแดนน่ะเสี่ย”
เสี่ยชาญทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ “เฮ้ย มั่วรึเปล่า ทำเป็นหนังเป็นละครไปได้”
ตี๋เล็กแอบกระซิบ “พวกผมก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่เปอร์เซ็นต์ใช่มันก็มีอยู่”
เฮงเห็นด้วยกับลูกชาย “ ใช่ อีโดนทำร้ายจนสลบ พอฟื้นขึ้นมาก็ถามหามหาดเล็ก พระโอรส พระธิดาอั๊วว่าถ้าไม่บ้าก็เป็นเจ้าจริงๆ นั่นแหละ”
เสี่ยชาญทำท่านึก “ หรือจะเป็นคนเดียวกับที่ชาวบ้านลือกัน”
จางรีบถามสอดขึ้นมา “ ลือว่า?”
“อั๊วได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า มีตำรวจมาตามหาเจ้าอะไรนี่แหละ”
เฮงกับตี๋เล็กหันไปมองเจ้าด้วยอารมณ์เชื่อมากขึ้นว่าใช่เจ้าแน่ๆ
ส่วนเจ้าก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารของแก้วกัลยาอย่างเอร็ดอร่อย
“เอ้อ อาหารถูกปากเรามากๆ เลยนะคุณแก้วหน้าม้า”
แก้วกัลยาหน้าเหวอ “เอ่อ แก้วกัลยาค่ะเจ้า”
หญิงเล็กรีบยกน้ำเสิร์ฟ “นี่ค่ะ น้ำใบบัวบก แก้อาการช้ำใน และที่สำคัญ แก้อาการหลงลืมระยะสั้นได้
อย่างดีเลยเพคะ”
“ขอบใจนะหญิงแย้”
หญิงเล็กรีบท้วง “หญิงเล็กค่ะ”
ส่วนเฮงกับตี๋เล็ก ก็กุลีกุจอรีบเข้าไปปรนนิบัติบีบนวดให้เจ้า แข่งกับแก้วกัลยาและหญิงเล็ก
อัครเดชเดินมาที่โต๊ะทำงาน พลางมองหาหญิงใหญ่แต่ไม่เจอ
“แก้วไปไหนอ่ะ”
ภรณีหันมาตอบแบบเนือยๆ “ ออกไปพบลูกค้า”
“โห่ ไปไม่บอกเลย จะชวนกินข้าวซะหน่อย”
“นี่ เดี๋ยวนี้เสาร์อาทิตย์ถึงบ้านเพื่อนฉันตลอดเลยน้า” ภรณีพูดเหน็บ
“ดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยวเว้ย”
“เผื่อด้วยห่อนึง เกี๊ยวแห้งหมูกรอบไม่ผัก”
“รอแพ็พ” อัครเดขทำท่าจะเดินออกแล้วก็สะดุ้ง “จะบ้าเหรอ หมั่นเกี้ยวโว้ย ไม่ได้จะไปซื้อหมี่เกี๊ยว”
“ถามจริง ไปบ้านเพื่อนฉันบ่อยๆ คิดว่าตัวเองมีหวังงั้นเหรอ”
จังหวะนั้นตี๋ใหญ่เดินออกมาจากห้องทำงาน ได้ยินอัครเดชคุยกับภรณีก็เลยแอบฟัง
“แล้วเพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่มีหวัง”
“ไม่ค่อยได้ส่องกระจกรึไง ถึงได้ไม่รู้น่ะ”
“ทุบแตกหมดโว้ย นี่ คนอย่างแก้วไม่ได้มองใครที่หน้าตาซะหน่อย แล้วตอนนี้ฉันก็เข้าทางแม่แก้วด้วยอีกทาง”
ภรณีเบ้ปากใส่ “ช่างกล้า”
“ไม่กล้าก็ไม่มีวันเดินหน้า บริทนีย์ สเปียร์ กล่าวไว้”
ภรณีทำหน้าเยาะ “ วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์กล่าวไว้นะ ได้ข่าว”
“เออ มันก็สเปียร์ๆ เหมือนกันนั่นแหละ”
ตี๋ใหญ่ได้ยินก็ยืนครุ่นคิด เริ่มนึกถึงการเข้าทางแก้วกัลยาบ้าง
เจ้าตักซุปในถ้วยกินอย่างถูกปาก โดยมีเฮง ตี๋ใหญ่และตี๋เล็กนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ซุปนี่ใส่สมุนไพรที่ช่วยฟื้นฟูความจำให้กับเจ้าด้วยนะพะยะค่ะ มีอะไรบ้างนะตี๋เล็ก”
เฮงหันมาถามลูกขายคนรอง
“หลักๆ ก็มีใบแปะก๊วยกับเจียวกู่หลานพะยะค่ะ”
“ความจำเจ้า จะต้องกลับมาเป็นปกติแน่นอนพะยะค่ะ”
เจ้าพยักหน้ารับ “ ขอบใจนะประยุทธ”
“เฮงพะยะค่ะ”
“เอ้อๆ โทษทีนะอภิสิทธิ์”
ตี๋ใหญ่แอบถอนใจ “ไปใหญ่ล่ะ อั๊วว่าพาไปหาหมอเหอะเตี่ย”
เจ้าเงยหน้ามาถาม “ไปกันใหญ่อะไรเหรอทัก...”..
ตี๋เล็กรีบปิดปากเจ้า “นี่เฮียตี๋ใหญ่พะยะค่ะ”
ขาดคำ แก้วกัลยาและหญิงเล็กพากันเดินถือกระจาดเล็กๆ ใส่ “พรมมิ” ต้นสด ซึ่งเป็นสมุนไพรรักษาอัลไซเมอร์ ช่วยเพิ่มความจำเข้ามา
“ถวายบังกะโลอีกครั้งเพคะ”
เฮงหันขวับไปทำเสียงดุใส่แก้วกัลยา “เฮ้ย มาถวายบังกะโลอะไร เดี๋ยวก็หัวหลุดจากบ่า”
“อ้าว ก็เจ้าชอบฮาๆ อ่ะ”
หญิงเล็กรีบนำเสนอ “ นี่ หนูได้สมุนไพรช่วยบำรุงสมองมาเพคะ”
ตี๋เล็กหันมาถามทันที “อะไรอ่ะ”
“เค้าเรียกพรมมิ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้ารับ “อ๋อ วันก่อนดูข่าวอยู่ เค้าวิจัยออกมาว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ฟื้นฟู
ความจำได้อย่างดีเลยนะ”
เฮงหันไปมองแบบเคืองๆ อารมณ์จะไปช่วยส่งเสริมทำไม ตี๋ใหญ่ยิ้มแห้งๆ
“มันกินยังไงล่ะเนี่ย”
เจ้าถามอย่างสนใจ หญิงเล็กรีบอธิบาย
“จะผัด จะต้มจืด ลวกจิ้มกับน้ำพริกได้หมดเลยเพคะ”
แก้วกัลยารีบเสนอ “เจ้าไปอยู่ที่บ้านหม่อมฉันสิเพคะ หม่อมฉันกับลูกจะได้ดูแล ให้ความจำของเจ้าคืนกลับมาเร็วๆ”
เฮงรีบโวยทันที “เฮ้ยๆ เรื่องอะไรมาชวนเจ้าไปอยู่ด้วยเนี่ย”
“ก็ฉันมีสมุนไพรดี สามารถฟื้นฟูความจำให้เจ้าได้”
เฮงไม่ยอมแพ้ “อั๊วก็มีสมุนไพรดีเหมือนกัน”
“แต่ของฉันดีกว่า”
“ลื้อรู้ได้ยังไงว่าของลื้อดีกว่า”
ตี๋ใหญ่มองแก้วกัลยาที่อยากได้ตัวเจ้าไปอยู่ด้วย แล้วก็ฉุกคิดอะไรได้
“เตี่ย อั๊วขอคุยด้วยแป๊บนึงสิ”
จากนั้นก็รีบจูงตี่ยเดินออกไปคุยกัน 2 คน
แก้วกัลยาหันมาถามเจ้าต่อ “เจ้าพอจะจำได้มั้ยคะ ว่าเจ้ามาจากเมืองอะไร”
เจ้าพยายามนึก “เชียง..”
หญิงเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมา “เชียงของ เชียงรุ้ง เชียงแสน”
“ไม่ใช่นะ เชียง...”
ตี๋เล็กแทรกขึ้นมาต่อ “เชียงกง?”
“อยากได้หัวตัดรถรุ่นไหนบอก เครื่องสองเจคิดราคาพิเศษเลย บ้าเหรอ เมืองเราไม่ได้ขายอะไหล่รถ”
ขณะเดียวกัน ตี๋ใหญ่กับเฮงเดินเข้ามา
“ตกลง อั๊วให้เจ้าไปพักอยู่ที่บ้านลื้อได้”
ตี๋เล็กหันมองเตี่ยแบบงงๆ “อ้าว ทำไมล่ะเตี่ย”
“เออน่ะ เดี๋ยวคุยกันส่วนตัวครอบครัวเรา”
แก้วกัลยาเองก็งงเหมือนกัน ที่จู่ๆ ๆ เฮงก็ยอมง่ายๆ ขณะที่ตี๋ใหญ่แอบอมยิ้มบางๆ
แก้วกัลยากับหญิงเล็กพาเจ้าเดินเข้ามาในบ้าน โดยมีหญิงใหญ่นั่งสอนการบ้านชายเล็กอยู่
“เชิญเพคะเจ้า”
“ขอบใจนะ แม่แก้วหน้าม้า”
แก้วกัลยารีบพูดแก้ “แก้วกัลยาค่ะ”
หญิงเล็กแอบกระซิบ “ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ อย่างน้อยเจ้าก็จำชื่อนี้ได้แม่นนะคะ แสดงว่าความจำของเจ้ายังพอฟื้นคืนกลับมาได้”
“แหม แก้วอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่แก้วหน้าม้าน่ะ”
เจ้าพยักหน้ารับ “จ้ะ แม่แก้วหน้าหมา”
แก้วกัลยาเคลิ้มหอน “บรู๋วว์ ว้าย! แก้วหน้าดีกว่าเพคะ”
ฮันนี่เดินออกมาจากฝั่งครัวแล้วทำหน้าสงสัย
“อ้าวบอส นี่พาเจ้ามาได้ยังไงคะเนี่ย อย่าบอกว่าเถ้าแก่เฮงยอมปล่อยมา”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าคะ ดิฉันให้ลูกชายจัดที่บรรทมไว้ให้แล้ว ถ้าทรงพระง่วง ก็เชิญบรรทมได้เลยนะเพคะ”“ดีเหมือนกัน เราก็ทรงพระเพลียจะแย่อยู่แล้ว ขอจรลีหนีไปบรรทมก่อนนะ”
แก้วกัลยารีบหันไปบอกลูกชาย “ชายเล็ก พาเจ้าไปสิลูก”
“ครับคุณแม่”
คล้อยหลังชายเล็กพาเจ้าเดินขึ้นบ้านไป หญิงใหญ่ก็หันมาถาม
“ทำไมเถ้าแก่เฮงยอมปล่อยเจ้ามาให้แม่ง่ายจังคะ”
แก้วกัลยาทำปากเบะ “ก็คงจะไม่มีปัญญาดูแลเจ้าน่ะสิ”
หญิงเล็กครุ่นคิด “ แต่หนูว่าแปลกๆ นะคะแม่ ตอนแรกเถ้าแก่เฮงจะไม่ยอมปล่อยเจ้ามา แต่พอ
เฮียตี๋ใหญ่ไปคุยกับเถ้าแก่เฮง เถ้าแก่เฮงก็ยอมปล่อยเจ้ามาง่ายๆ”
แก้วกัลยาคิดตาม “ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พูดกันแบบนี้เริ่มคิดซะแล้ว”
ฮันนี่เอาบ้าง “ลักษณะเหมือนคุณตี๋ใหญ่เข้าไปกล่อมเถ้าแก่เฮงอย่างนั้นแหละค่ะ”
“กล่อมเพื่อ?”
หญิงเล็กนึกต่อ “อยากจะเอาใจแม่รึเปล่า”
“แล้วมันจะมาเอาใจแม่เพื่ออะไร”
ทุกคนนิ่งคิด ก่อนจะค่อยๆ หันมามองหญิงใหญ่พร้อมๆ กัน
“อ้าว เหมือนงานจะเข้าซะงั้น”
หญิงใหญ่ยิ้มเจื่อนๆ แก้วกัลยาจ้องหน้าเพื่อจับพิรุธ ว่าลูกสาวคิดอะไรกับตี๋ใหญ่รึเปล่า
“ลื้อมั่นใจนะ ว่าเจ้าเค้าเป็นลิเกน่ะ”
เฮงหันมาถามย้ำกับตี๋ใหญ่ ขณะที่ทุกคนนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่
“มั่นใจสิเตี่ย วงในบอกอั๊วมา”
หมวยเล็กหันมาถามต่อ “วงในเฮียนี่ใครกัน”
“เออ ใครบอกลื้อวะ”
ตี๋ใหญ่อึกอัก “อั๊วก็ลืมถามชื่อเค้ามาด้วยสิ แต่เค้ายืนยันเลยว่าลุงแกเป็นคนเล่นลิเก เตี่ยเลิกสนใจเรื่องนี้ได้แล้ว เสียเวลาเปล่าๆ”
ตี๋เล็กไม่วายข้องใจ “ไม่ใช่ว่าบ้านนั้นซ้อนแผน ให้คนมาบอกเฮียว่าลุงแกเป็นคนเล่นลิเกนะ”
เฮงเห็นด้วย “เออ บ้านนั้นมันจ้องจะเอาตัวเจ้าไปอยู่แล้ว มันอาจจะเป็นแผนการของบ้านนั้นก็ได้”“เตี่ย นี่มันชีวิตจริงนะ ไม่ใช่พล็อตละคร เจ้าต่างแดนอะไรไม่มีหรอก เชื่ออั๊ว”
“หมวยก็ว่าน่าจะจริงของเฮียนะเตี่ย หมวยสัมผัสได้”
“ลื้อมีญาณเหรอ” เฮงหันมาถาม
“ 2 ลำ เย้ย หมวยหมายถึง หมวยรู้สึกว่าเค้าไม่ใช่ เจ้าน่ะเตี่ย”
เฮงเริ่มลังเล ขณะที่ตี๋ใหญ่ตักข้าวกินต่อ โดยไม่แสดงพิรุธอะไรออกมา
ตี๋ใหญ่เดินออกมาจากบ้าน เจอจางเดินออกมาจากข้างบ้าน กำลังจะกลับพอดี
“อ้าว ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“ก็กำลังจะกลับนี่แหละครับ”
จางกำลังจะเดินออกจากบ้าน แต่ถูกตี๋ใหญ่คว้าข้อมือไว้ “เดี๋ยวจาง”
ฝ่ายถูกจับทำหน้าเขินๆ “คุณตี๋ใหญ่ ไม่เอาน่ะครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
ขาดคำ ตี๋ใหญ่ก็สะบัดมือจางออกแรงๆ
“โห่ สะบัดแบบนี้ ถีบผมซะยังดีกว่า”
ตี๋ใหญ่ยกขาจะถีบ “ได้”
จางหน้าจ๋อย “เค้าประชด”
“นี่ ถามไรหน่อยสิ”
จางทำหน้าสงสัย “ถามอะไรเหรอครับ”
“เท่าที่จางตามเตี่ยไปทะเลาะกับคุณนายบ้านโน้นมาน่ะ คิดว่าเค้าเป็นคนยังไงเหรอ”
“เป็นคนยังไงเหรอครับ”
“ตัดเรื่องปากร้ายไปนะ เอาเฉพาะนิสัยเด่นๆ อย่างเดียวเลย”
จางทำท่านึก “อืมม์ ที่นึกได้ตอนนี้ ผมว่าเค้าเป็นคนบ้ายอนะครับ”
“ยังไงๆ”
“ก็ตอนที่ผมไปขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยโกหกพ่อว่าผมเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารร่วมกับเฮียน่ะครับ ผมยอนิดยอหน่อย คุณนายแกก็ร่วมมือกับผมทันทีเลย”
ตี๋ใหญ่พยักหน้ายิ้มๆ ”โอเค. แบบนี้ก็เฟี้ยวฟ้าว”
“เฟี้ยวฟ้าวอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรแล้ว จะไปไหนก็ไปไป”
จางทำหน้างอ “โห่ หมดประโยชน์ก็ขับไสไล่ส่งเลยน้า”
“จะอยู่ทำงานต่อมั้ยล่ะ”
พออีกฝ่ายพูดจบ จางก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกจากบ้านไปทันที
ตี๋ใหญ่ยิ้มกริ่ม มีแผนที่จะตีสนิทแก้วกัลยาขึ้นมาทันที
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 23 (ต่อ)
เช้ารุ่งขึ้น ขณะที่แก้วกัลยา ชายเล็กและฮันนี่ กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอยู่หน้าบ้าน อัครเดชก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงใส่ผ้าไหม
“สวัสดีครับทุกคน สวัสดีครับ คุณแม่”
แก้วกัลยาทำหน้าเอือม “ลูกชายฉันมีคนเดียว นี่ ยืนอยู่นี่”
“อ๋อ..นั่นลูกชาย แต่นี่ลูกเขยไงครับ”
“โอ้ว กล้ามาก” ฮันนี่พูดแขวะ
“พอดีเป็นคนซื่อน่ะครับ คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น แล้วนี่แก้วยังไม่ออกมาเหรอครับ”
แก้วกัลยารีบบอก “ยัง ไม่มีธุระอะไรก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงานกัน”
“เอ้อ ลืมเลย นี่ของฝากครับ”
อัครเดชส่งถุงให้ แก้วกัลยาหยิบผ้าไหมออกมาดู แล้วทำตาวาว “ผ้าไหม”
“ผ้าไหมสุรินทร์ครับคุณแม่”
ฮันนี่พลอยตื่นเต้นไปด้วย “ ว้าว สุดยอดผ้าไหมเลยนะคะบอส”
จังหวะนั้นหญิงใหญ่ก็เดินออกมา
“อ้าวเดช มาไงเนี่ย”
“อ๋อ พอดีเราไปสุรินทร์มาน่ะ แล้วซื้อผ้าไหมมาฝากคุณแม่ ก็เลยแวะเอามาให้”
“เจอกันที่ออฟฟิศแล้วฝากเรามาให้แม่ก็ได้ ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาแบบนี้หรอก”
อัครเดชทำตากรุ้มกริ่ม “ไม่เป็นไร เราตั้งใจมารับแก้วอยู่แล้วด้วย”
พอได้ของฝาก แก้วกัลยาก็เปลี่ยนท่าที “แล้วนี่ทานอะไรมารึยังล่ะ”
“ยังเลยครับคุณแม่”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวกินอะไรก่อนสิ แล้วค่อยไปทำงานกัน”
“ขอบพระคุณครับคุณแม่ครับ”
ฮันนี่ยิ้มอย่างรู้ทัน “แหม ผ้าไหมสุรินทร์นี่สุดยอดจริงๆ เปลี่ยนอารมณ์คนจากที่เสีย ให้กลายเป็นดี
ได้”
“แกก็สุดยอดลูกน้องเหมือนกันนะฮันนี่ จากอารมณ์ดีๆ ก็ทำให้อารมณ์เสียได้ ไปช่วยฉันทำกับข้าวเลี้ยงแขก”
แก้วกัลยาพูดจบก็รีบเดินเข้าบ้านไป ฮันนี่เดินตามไป ชายเล็กหันมาถามต่อ
“แล้วมีของฝากแม่คนเดียวเหรอครับพี่ชาย”
“แล้วน้องชายชอบอะไรเป็นพิเศษล่ะครับ เดี๋ยวพี่ชายจะจัดมาให้”
ชายเล็กยิ้มประจบ “พอดีกำลังหารองเท้าสตั๊ดคู่ใหม่อยู่พอดีเลยครับพี่ชาย หน้าตาดี ดูมีสไตล์อย่าง
พี่ชายเนี่ย น้องว่าต้องซื้อไฮเปอร์ เวนอมให้น้องชายแน่ๆ”
“เดี๋ยวพี่ชายจัดตัวท็อปให้เลยครับ น้องชาย”
หญิงใหญ่หันไปทำหน้าดุ “ชายเล็ก”
ชายเล็กยิ้มแหยๆ อัครเดชมองหญิงใหญ่แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
เสี่ยชาญถวายกระปุกแปะก๊วยสกัดให้เจ้า โดยมีหญิงเล็กนั่งอยู่ข้างๆ
“ใบแปะก๊วยสกัดพะยะค่ะ เสวยแล้วความจำของเจ้าจะดีวันดีคืนแน่นอน”
เจ้ายิ้มรับ “ขอบใจแอนนา”
“เสี่ยชาญพะยะค่ะ”
“รู้ เราก็แกล้งเรียกผิดไปอย่างนั้นเองแหละชาตรี”
เสี่ยชาญกับหญิงเล็กถอนหายใจอารมณ์เหนื่อยใจ ขณะนั้นตี๋เล็กกับจางก็เดินหิ้วถุงผักกลับมาจากตลาดพอดี
“ทำไรกันอ่ะเสี่ย” จางถามอย่างสงสัย
“กำลังช่วยกันฟื้นฟูความจำให้เจ้าอยู่”
เจ้าเปิดกระปุกใบแปะก๊วยสกัด แล้วกระดกทีเดียวหมด หญิงเล็กมองเห็นก็สะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย เจ้า”
ตี๋เล็กกับจางรีบวิ่งเข้ามาในบ้าน เสี่ยชาญรีบบอกเจ้า
“เค้าให้เสวยวันละเม็ดพะยะค่ะ ไม่ได้ให้กระดกแบบนี้”
“ก็จะได้หายเร็วๆ ไง เพราะเราเริ่มรู้สึกสมองโปร่งๆ ขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
ตี๋เล็กพยักหน้ายิ้มๆ “เหรอครับ งั้นเจ้าลองนึกชื่อตัวเองดูซิครับ จำได้มั้ย ว่าเจ้าชื่ออะไร”
เจ้าพยายามนึก “ไบ..”
จางพูดต่อ “ ไบก้อน?”
เสี่ยชาญเผลอรับมุก “ยุงกำลังเยอะเลย ขอซักปืดสองปืดสิครับ ถุย คนบ้าอะไรชื่อไบก้อน”
“นึกออกแล้ว ข้าชื่อเจ้าชายไบซัน ฮ่าๆๆ”
เจ้ายืดอกอย่างสง่าผ่าเผย หญิงเล็กทำหน้างง
“เจ้าชายไบซัน ควายน่ะเหรอคะ”
เจ้าช็อตจนตัวงอ ตี๋เล็กหันไปทำหน้าดุ
“นี่ เมากาวรึไง ว่าเจ้าเป็นควายเนี่ย”
“อ้าว ไบซันก็เป็นควายชนิดนึงเหมือนกันอ่ะ”
“แน่ใจนะครับเจ้า ว่าเจ้าชื่อไบซัน” จางถามย้ำ
“คิดว่าใช่นะ”
หญิงเล็กยิ้มดีใจ “เห็นมั้ย เป็นเพราะสมุนไพรพรมมิ เจ้าถึงฟื้นตัวเร็วได้ขนาดนี้”
ตี๋เล็กเถียงทันที “เป็นเพราะเจียวกู่หลานของผมมากกว่า”
ทั้งคู่มองหน้าเขม่นๆ กัน
ตี๋ใหญ่เดินออกมาเอากระเป๋าเอกสารใส่รถที่จอดอยู่ โดยไม่ทันสังเกตเห็นรถอัครเดชที่จอดอยู่
ไม่ห่างกัน
พอเห็นหญิงใหญ่เดินออกมา ก็เดินเข้าไปทักทาย
“หวัดดีครับ”
หญิงใหญ่ทักตอบ “หวัดดีค่ะ”
“จะไปออฟฟิศแล้วใช่มั้ย ไปกับผมสิ”
“เอ่อ วันนี้คงจะไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
ตี๋ใหญ่ทำหน้างง “ทำไมล่ะ”
ขาดคำอัครเดชเดินออกมา พร้อมกับแก้วกัลยากับฮันนี่ ที่เดินตามมาติดๆ
“ไปกันเลยมั้ยครับแก้ว อ้าวผู้ช่วย สวัสดีครับ”
ตี๋ใหญ่หน้าเหวอ “วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ”
“พอดีผมซื้อผ้าไหมมาฝากคุณแม่น่ะครับ แล้วก็ตั้งใจมารับแก้วไปออฟฟิศด้วยกัน”
“รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวลูกฉันไปทำงานสาย” แก้วกัลยาพูดเร่ง
“ครับคุณแม่”
อัครเดชรับคำ ก่อนจะรีบเปิดประตูให้หญิงใหญ่ขึ้นรถไป ตี๋ใหญ่ทำหน้าเจื่อนๆ
“เจอกันที่ออฟฟิศนะครับผู้ช่วย”
อัครเดชยิ้มให้ตี๋ใหญ่แบบแอ็คๆ ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป
ตี๋ใหญ่ยืนมองตาปริบๆ แก้วกัลยานึกถึงเรื่องตี๋ใหญ่คุยกับเฮง จนยอมให้เจ้ามาอยู่ที่บ้านง่ายๆ ได้
“นี่ เมื่อวานลื้อคุยอะไรกับเตี่ย เตี่ยลื้อถึงได้ยอมให้เจ้ามาอยู่กับชั้นง่ายๆ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มประจบ “คุยอะไรไม่สำคัญหรอกครับ สำคัญที่ว่า คุณแม่อยากได้ ผมก็จัดให้”
แก้วกัลยาทำหน้าดุ “ ใครแม่แก”
“อ้าว เมื่อกี๊อัครเดชก็เรียกแม่ทำไมไม่โกรธล่ะครับ”
ฮันนี่เสนอหน้าสอดขึ้นมาทันที “ก็คนนั้นเค้ามีของฝากไงคะ ยูโน๋วว์”
แก้วกัลยาหันไปดุ “นังฮันนี่”
“ซอรี่ค่า”
แก้วกัลยาหันมาพูดกับตี๋ใหญ่ต่อ
“นี่ ถ้าจะมาประจบเพื่อหวังอะไรล่ะก็ เลิกคิดซะนะ ฉันไม่ใช่คนหลงอะไรง่ายๆ”
“ครับ เอ๊ะ นี่คุณแก้วเล่นฟิตเนสรึเปล่าครับ”
แก้วกัลยาทำหน้างง “เปล่า มีไร”
“เห็นรูปร่างเฟิร์มๆ น่ะครับ ก็เลยคิดว่าเล่นฟิตเนส”
แก้วกัลยายิ้มนิดๆ ตามประสาคนบ้ายอ “ ก็แค่ออกกำลังนิดๆ หน่อยๆ เอง”
“สายแล้ว ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณแม่”
“ขับรถดีๆ นะ”
ตี๋ใหญ่เดินเลี่ยงไปขึ้นรถ แก้วกัลยายิ้มปลื้มปริ่มกับคำชม ฮันนี่ยืนเบะปาก
เฮงทำหน้าตกใจ หลังจากตี๋เล็กเล่าเรื่องล่าสุดของเจ้าให้ฟัง
“เจ้าจำชื่อตัวเองได้แล้วเหรอ”
“ใช่เตี่ย เจ้าบอกว่าชื่อเจ้าชายไบซันครับ”
เฮงทำหน้างง “เจ้าชายไบซัน เจ้าแถบไหนวะเนี่ย”
จางรีบขัด “จะแถบไหนช่างเถอะครับ เฮียจะปล่อยให้บ้านโน้นเค้าได้ความดีความชอบไปเหรอ ในเมื่อบ้านเราเป็นคนดูแลเจ้ามาแต่แรก”
“แต่ตี๋ใหญ่บอกว่าอีเป็นพวกลิเกนะ”
“แล้วถ้าเค้าเป็นเจ้าชายจริงๆ ล่ะเตี่ย”
เฮงคิดหนัก ว่าจะเอายังไงต่อดี
ขณะนั้นก็มีผู้ชายเดินเข้ามาในร้าน มีกระเป๋าเสื้อผ้าติดมือมาด้วย
“ใครมาน่ะเตี่ย”
เฮงรีบหันไปทัก “สวัสดีครับ ทานอาหารเชิญนั่งเลยครับ”
“ผมมาหาคนหายน่ะครับ”
พูดพลางส่งรูปเจ้าให้เฮงไปดู “ไม่ทราบว่าเคยเห็นคนในรูปนี้มั้ยครับ”
“นี่มัน....”.
ตี๋เล็กรีบตัดบทเฮง “อย่าเพิ่งเตี่ย คุณเป็นอะไรกับคนในรูปนี้ครับ”
“ผมเป็นญาติครับ”
“แล้วลื้อชื่ออะไร” เฮงรีบถาม
“เรียกผมสั้นๆ ว่าหม่อมแล้วกันครับ”
จางรีบกระซิบเฮง “เค้าเป็นหม่อมนะเฮีย แสดงว่าลุงคนนั้นต้องเป็นเจ้าชายจริงๆ แน่”
“ว่ายังไงครับ เคยเห็นคนในรูปนี้มั้ย” หม่อมถามย้ำ
“เคยครับ แต่ถ้าจะให้ผมพาไปพบกับเค้า หม่อมต้องช่วยอะไรผมอย่างนึง”
“จะให้ช่วยอะไรครับ”
เฮงรีบบอก “พอดีคนที่คุณตามหาเนี่ย ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บมา ซึ่งผมก็เป็นคนดูแล
ตั้งแต่แรก แต่มันมีเหตุบางประการทำให้คนที่คุณตามหา ต้องไปอยู่ในการดูแลของคนอื่น ซึ่งผมอยากให้รู้ว่าผมนี่แหละ ที่ช่วยเค้าไว้”
“ถ้าหมายถึงเรื่องสินน้ำใจก็ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะจัดการให้คุณเอง”
เฮงยิ้มรับ “งั้นก็ตกลงตามนั้น เดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาเค้าเอง”
ทุกคนสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อต่างก็ได้สิ่งที่ตัวเองอยากได้
ภรณีเดินเข้ามาคุยกับอัครเดชสีหน้างงๆ หลังจากรู้ว่าเมื่อเช้าเขากับหญิงใหญ่นั่งรถมาด้วยกัน
“เมื่อเช้าแกรับเพื่อนฉันมาจากบ้านเหรอ”
“ช่าย ตอนนี้แม่แก้วเริ่มโอเคกับฉันแล้วเว้ย”
ภรณีแอบเบะปาก “คงจะทุ่มซื้อของฝากไปบรรณาการเยอะล่ะสิ”
“เออ ทุ่มแล้วจะทำไม อิจฉาอ่ะเด่ะ ไม่มีใครมาทุ่มเทให้แบบนี้”
ภรณีอึกอัก เถียงไม่ออก พอดีกับที่หญิงใหญ่เดินเข้ามา
“แก้ว เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันนะ เดี๋ยวเราไปส่ง”
หญิงใหญ่พยายามเลี่ยง “ไม่เป็นไรหรอก เรากลับเองได้”
ภรณีแกล้งยุส่ง “กลับกับเสี่ยเค้าเถอะ บ้านเสี่ยเค้ามีบ่อน้ำมัน”
“ไม่พูดก็ไม่มีใครเค้าว่าเป็นใบ้หรอกนะ”
พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมา อัครเดชรีบหยิบมากดรับสาย
“สวัสดีครับ ครับ พูดอยู่ครับ ติดต่อเรื่องอะไรครับผม ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปให้เร็วที่สุดเลยครับ”
อัครเดชกดวางสายหน้าเครียดๆ หญิงใหญ่รีบถาม
“มีอะไรเหรอเดช”
“พ่อเราเข้าโรงพยาบาลน่ะ ต้องผ่าตัดด่วน”
ภรณีรีบไล่ “งั้นก็รีบไปดูพ่อสิ รออะไรอยู่”
อัครเดชถอนหายใจ คิดหนักเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเงินส่วนตัวร่อยหรอไปเยอะ
ทางบ้านแก้วกัลยา หญิงเล็กกับฮันนี่ช่วยกันเสิร์ฟอาหารให้เจ้า โดยมีแก้วกัลยานั่งอยู่ข้างๆ
“บล็อคโคลีผัดกุ้งกับผักโขมอบชีสเพคะ”
ฮันนี่รีบแนะนำเมนู ตามด้วยหญิงเล็ก
“ส่วนนี่น้ำพริกกะปิผักสดกับผักลวก ผักหลักๆ คือผักพรมมิเพคะ แล้วนี่ก็สลัดผักพรมมิเบาๆ คลีนๆเพคะ”
แก้วกัลยารีบพูดประจบ “ทั้งบล็อคโคลี ผักโขมแล้วก็ผักพรมมิ ล้วนช่วยบำรุงสมองได้อย่างดีเลย
เพคะ”
“ขอบใจนะ แม่แก้วกัลยา”
“แก้วหน้าม้าเพคะ..เฮ้ย! เจ้าจำชื่อดิฉันได้แล้ว”
เจ้าทำหน้างงๆ “อ้าวเหรอ”
หญิงเล็กรีบถามต่อ “แล้วหนูชื่ออะไรคะเจ้า”
เจ้าพยายามนึก “หญิง...เละ เอ้ย ไม่ใช่ๆ หญิงเล็ก”
ทุกคนยิ้มดีใจที่เจ้าเริ่มจำได้ จังหวะนั้นเฮงกับตี๋เล็กก็พาหม่อมเดินเข้ามา
“นี่ไงครับ คนที่คุณตามหาอยู่”
แก้วกัลยาทำหน้าไม่พอใจ “อะไรเนี่ย พาใครเข้ามาในบ้านฉัน”
ตี๋เล็กรีบอธิบาย “หม่อมคนนี้เป็นคนของเจ้าครับ”
หม่อมมองตี๋เล็กงงๆ “เจ้า?”
เจ้าตัดบท “หม่อม หม่อมใช่มั้ย?”
เฮงรีบถามย้ำ “เจ้าจำผู้ชายคนนี้ได้เหรอครับ”
“ใช่ เราจำได้แล้ว นี่มาตามเรากลับบ้านใช่มั้ย”
หม่อมพยักหน้ารับ
“ครับ นี่ผมเตรียมชุดมาให้เปลี่ยนก่อน เพราะตอนนี้ที่ท้องพระโรงพร้อมแล้ว เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หม่อมรีบพาเจ้าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้าน ทุกคนมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะฮันนี่
“ชัดเลยค่ะ เปลี่ยนชุดไปที่ท้องพระโรงแบบนี้ แสดงว่าเจ้าต้องเป็นกษัตริย์ชัวร์”
เฮงยิ้มร่า “นี่ งานนี้ถ้าเจ้ามีตบรางวัลจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แบ่งกันห้าสิบห้าสิบนะ”
แก้วกัลยาสวนกลับทันที “ทำไมฉันต้องแบ่ง”
“ก็อั๊วดูแลเจ้ามาก่อน อั๊วก็ต้องมีสิทธิ”
ตี๋เล็กรีบเสริม “ใช่ครับ เตี่ยสรรหาสมุนไพรมาทำอาหารบำรุงเจ้าตั้งหลายอย่าง ไม่งั้นเจ้าไม่หาย
เร็วแบบนี้หรอกครับ”
หญิงเล็กหันมาเถียง “เจ้าหายเพราะอาหารร้านฉันต่างหาก”
2 บ้านเถียงกันวุ่นวาย ว่าอาหารร้านตัวเองทำให้เจ้าหาย
ตี๋ใหญ่ยื่นเงินให้อัครเดชปึกหนึ่ง ต่อหน้าหญิงใหญ่กับภรณี
“ขอบคุณมากนะครับผู้ช่วย ไว้เดือนหน้าเงินเดือนออกจะกดมาใช้คืนให้นะครับ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มอย่างใจดี “ทยอยให้ผมก็ได้นะ กดมาคืนหมดเดี๋ยวช็อตอีก”
“ 0 เปอร์เซ็นต์สิบเดือนได้มั้ยครับ”
ภรณีรีบสอดขึ้นมา “ใช้หนี้ ไม่ใช่ผ่อนของ แหม ผู้ช่วยเปิดช่องให้นิดนึงก็เอาใหญ่เลยนะ พ่อคนรวย
เอ้ยไม่ใช่สิ คนเคยรวย”
อัครเดชหน้าจ๋อย “คนล้มอย่าข้ามได้มั้ย”
“ไม่ได้ข้าม ฉันกระทืบซ้ำต่างหาก แหม ทำเป็นป๋า สุดท้ายเป็นไงล่ะ”
ตี๋ใหญ่พูดตัดบท “เอาล่ะๆ เอาที่ไหวก็แล้วกัน ส่วนดอกเบี้ยผมไม่คิดหรอก”
อัครเดชรีบยกมือไหว้ “ขอบคุณมากครับผู้ช่วย”
ภรณีแกล้งบีบน้ำตา “ผู้ช่วยคะ พอดีแม่ของณีก็กำลังป่วยหนัก”
หญิงใหญ่แทรกขึ้นมาทันที “แม่แกเล่นโยคะอยู่ เพิ่งอัพลงเฟสเมื่อกี๊นี้เอง”
ภรณีทำหน้าเซ็ง “โห่แม่ อัพขัดลาภหนูซะงั้น”
ตี๋ใหญ่หันไปพูดเตือนอัครเดช
“ต่อไปก็ใช้เงินให้มันระวังๆ ล่ะกัน ถ้าจะดูแลสาว ก็ให้คิดถึงพ่อกับแม่บ้าง ดูแลท่านให้ดีๆ ก่อน..สาวน่ะ ดูแลเมื่อไหร่ก็ได้”
พูดพลางเหล่มองหญิงใหญ่ต้นตอของปัญหา ฝ่ายถูกมองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
หม่อมเดินออกมาจากบ้าน ทุกคนที่รออยู่รีบกรูเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างครับหม่อม” เฮงถามอย่างตื่นเต้น
“เรียบร้อยครับ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่ช่วยดูแลพี่ชิน”
แก้วกัลยาทำหน้างง “พี่ชินไหนคะ”
“อ้าว ก็พี่ชินนี่ไงครับ”
หม่อมหันกลับไปมอง เห็นเจ้าใส่ชุดลิเกรำป้อออกมา
“สวัสดีครับพี่น้อง มาฟังผมร้องลิเก”
ทุกคนบรรเลงรับ “ เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง..เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง”
เฮงกับ แก้วกัลยาสะดุ้งพร้อมกัน “เย้ย”
“นี่มันอะไรกันคะเนี่ย ทำไมเจ้าแต่งตัวแบบนี้ล่ะเพคะ” แก้วกัลยาทำหน้างง
หม่อมรีบอธิบาย “เจ้าไหนครับ นี่พี่ชินเป็นหัวหน้าคณะลิเกของผม”
หญิงเล็กหันมาเถียง “แต่เจ้าบอกเจ้าชื่อเจ้าชายไบซันนะคะ”
เจ้าร้องลิเกรับ “อันตัวเรานี้ชื่อไบซัน ขอบคุณแม่ยกทุกท่าน..เมตตา”
ฮันนี่รับลูกต่อ “เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง”
“พอแล้ว” แก้วกัลยาหันมาตวาด
เฮงหันขวับมาทางหม่อม “แล้วให้อั๊วเรียกลื้อว่าหม่อมเนี่ย อย่าบอกว่าลื้อไม่ใช่หม่อมราชวงศ์นะ”
“โอ๊ย ผมชื่อหม่อมครับ”
ตี๋เล็กถามต่อ “งั้นเรื่องท้องพระโรงที่พูดถึงเมื่อกี๊นี้หมายความว่า..”
“วิกลิเกน่ะครับ ตอนนี้ตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องรีบไปซ้อมล่ะ เดี๋ยวไม่พร้อมเล่นคืนนี้”
เจ้าออกท่าลิเก “นี่ แล้วเราจะไปกันได้รึยัง”
หม่อมขานรับ “ไปสิพะยะค่ะ เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง..เตรง เตร่ง เตร๊งรง เตร่ง”
แล้วหม่อมกับเจ้าพากันรำออกไป
ฮันนี่หน้าเหรอ “อ้าว ไงต่อล่ะคะทีนี้”
ทันใดนั้น เสี่ยชาญก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเข้ามา “นี่ อั๊วมีเรื่องสำคัญมาบอก”
“มีไร?” เฮงหันไปถาม
“ก็เรื่องเจ้าที่อั๊วเล่าให้ฟังว่าตำรวจกำลังตามหาอยู่น่ะสิ สรุปว่าเป็นเจ้ามือหวยเถื่อน”
แก้วกัลยาทำหน้าเซ็ง “ไม่บอกซะอาทิตย์หน้าเลยล่ะ”
ทุกคนแยกย้ายสลายตัว เหลือเสี่ยชาญยืนงงอยู่คนเดียว
“อ้าว อั๊วทำเผียดอะไรเนี่ย อุตส่าห์วิ่งมาบอก ไม่มีใครสนใจเลย”
เสี่ยชาญเดินออกมาจากบ้านมายืดเส้นยืดสาย เจอหมวยเล็กกับชายเล็กเดินกลับจากโรงเรียนมาพอดี
“แหม เห็นลื้อ 2 คนแล้วอยากกินน้ำเต้าหู้ทุกที”
ชายเล็กทำหน้างง “ทำไมเหรอเสี่ย”
“ก็ทำตัวติดกันอย่างกับเป็นปาท่องโก๋เลยน่ะสิ”
“พูดเหมือนอิจฉา เหงาชิมิล่า” หมวยเล็กพูดล้อๆ
“ถ้าเหงาก็ไปที่บ้านสิเสี่ย ไปตีซี้เจ้าไบซันโน่น เผื่อเจ้าเค้าจะใจดีแจกสนมมาให้สักคน 2 คน”
เสียชาญทำหน้าเซ็ง
“สนมบ้าบออะไรล่ะ ตอนนี้ความจริงเฉลยออกมาแล้ว เจ้านั่นมันเป็นแค่คนเล่นลิเก”
หมวยเล็กตกใจ “คนเล่นลิเก?”
“ตอนนี้บ้านลื้อ 2 คนเงิบกันไปหมดแล้ว”
“ตอนนี้แม่เราคงกรี๊ดบ้านแตก” ชายเล็กเดา
เสี่ยชาญรีบพูดต่อ “แล้วก็คงลามไปบ้านอาเฮงด้วยแน่นอน สนุกกันล่ะทีนี้”
“งั้นอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย” หมวยเล็กพูดพลางหันมาทางเสี่ยชาญ “เสี่ย บ้านเสี่ยมีหนังอะไรให้ดูบ้างป่าว”
เสี่ยชาญยืนนึก “เอ่อ..”
ชายเล็กพูดขัด “ไม่ต้องหรอก เกรงใจเสี่ยเค้า เราเพิ่งยืมซีรีส์เกาหลีเพื่อนมาพอดี เดี๋ยวไปนั่งเปิดแอร์ดูในบ้านเสี่ยชาญกัน”
พูดจบทั้งชายเล็กกับหมวยเล็กเดินเข้าไปที่บ้านเสี่ยชาญหน้าตาเฉย
“นี่มึงเกรงใจแล้วใช่มั้ย เฮ้อ!”
เฮงตบไหล่ชื่นชมลูกช่ายคนโต ตี๋ใหญ่ยิ้มเจื่อนๆ เพราะที่พูดให้ส่งเจ้าไปอยู่กับแก้วกัลยา ก็เพื่อหวังจะเอาใจ แต่เจ้าดันเป็นลิเกจริงๆ
“โชคดีนะที่ลื้อเตือนเตี่ยไว้ก่อน ไม่งั้นเตี่ยคงทุ่มเสียเงินไปอีกเยอะเลยล่ะ”
ตี๋เล็กยิ้มรับ “แหล่งข่าวเฮียนี่แน่นอนจริงๆ แบบนี้ต้องขอบคุณเค้าหน่อยนะเตี่ย”
“เออ บ้านช่องอีอยู่ที่ไหน ไปตามมาเลี้ยงข้าวซักมื้อสิ”
ตี๋ใหญ่อึกอัก “เอ่อ ช่างเถอะเตี่ย อั๊วก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครอยู่ที่ไหนเหมือนกัน”
ขาดคำ แก้วกัลยาก๋เดินนำขบวนหญิงใหญ่ หญิงเล็กและฮันนี่เข้ามาในบ้าน จางหันไปเห็นพอดี
“ดูเหมือนงานจะเข้าใครในที่นี้นะครับ”
แก้วกัลยาตวาดลั่น
“ไอ้ตี๋ใหญ่! แกรู้ความจริงอยู่แล้วใช่มั้ย ว่าลุงแกเป็นลิเก ถึงได้ผลักไสไล่ส่งมาให้ฉันดูแลน่ะ”
เฮงยิ้มอย่างสะใจ “ผลักไสไล่ส่งอะไร พูดให้ดีๆ นะเว้ย ลื้อเป็นคนมาชวนเจ้าเค้าไปดูแลเองน้า”
ตี๋เล็กหันไปยิ้มเยาะหญิงเล็ก
“ช่าย มาชวนถึงบ้านเค้าเอง จำม่ายล่ายเหรอตัวเธอว์”
หญิงเล็กอึกอัก เถียงไม่ออก “ก็..”
“ก็อะไร”
“คุณแม่”
หญิงเล็กเถียงไม่ออก เลยหันไปอ้อนแม่ แก้วกัลยาก็อึกอักเช่นกัน ฮันนีช่วยเสนอทางออก
“เรากลับไปทำข้อมูลมาเถียงกับเค้าก่อนมั้ยคะบอส”
หญิงใหญ่รีบบอก
“กลับบ้านเถอะค่ะแม่ คิดซะว่าเราได้ช่วยดูแลคนตกทุกข์ได้ยากแล้วกันนะคะ”
ตี๋ใหญ่มองยิ้มๆ “งามอย่างมีคุณค่า นางงามชัดๆ ไหนโบกมือซิ”
หญิงใหญ่เคลิ้ม ทำท่าโบกมือแบบนางงาม ก่อนที่แก้วกัลยาจะขัดขึ้นมา
“นี่ ไม่ต้องไปบ้าจี้ตามมัน” จากนั้นก็หันาพูดกับเฮง “ถ้าจะให้เรื่องนี้จบ ลื้อต้องช่วยจ่ายค่าอาหาร ค่าดูแลที่ฉันต้องเสียไป”
“ทำไมอั๊วต้องจ่าย”
“ก็เมื่อกลางวันลื้อยังไปขอส่วนแบ่งที่ฉันจะได้จากเจ้าอยู่เลย ห้าสิบห้าสิบน่ะ จำไม่ได้เหรอ”
เฮงทำหน้ามึน “จำไม่ได้ ช่วงนี้นอนน้อย รู้สึกเบลอๆ”
ขาดคำก็เดินออกไปเนียนๆ แก้วกัลยายืนกระฟัดกระเฟียด ตี๋ใหญ่เลยจะแกล้งยอเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น
“สงสัยที่บ้านจะทานข้าวกับน้ำพริกกันบ่อยนะครับเนี่ย”
ฮันนี่ทำหน้างง “ทำไมเหรอคะ”
“ก็กินข้าวกับน้ำพริกสิจ๊ะ ถึงได้สะได้สวยกันทั้งบ้านเลย”
ตี๋เล็กยกมือรับ “ฮิ้ว”
หญิงใหญ่กับหญิงเล็กอมยิ้มนิดๆ อารมณ์บ้ายอหน่อยๆ แต่แก้วกัลยาไม่ขำด้วย
“กลับบ้าน”
ว่าแล้วก็เดินนำทุกคนกลับบ้านไป ตี๋ใหญ่ยิ้มเจื่อนๆ
ตี๋ใหญ่ยืนรดน้ำต้นไม้ฝั่งบ้านตัวเองอยู่ ก่อนที่หญิงใหญ่จะเดินเข้ามา
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมยังไม่ได้รดข้ามไปฝั่งบ้านคุณเลยนะ”
หญิงใหญ่รีบบอก “ ไม่ได้ขอบคุณเรื่องรดน้ำ ฉันขอบคุณที่คุณช่วยอัครเดชไว้น่ะ”
“อ๋อ อัครเดชก็ลูกน้องผม ทำงานด้วยกันมานาน ผมยินดีอยู่แล้ว”
หญิงใหญ่ยิ้มรับ ตี๋ใหญ่นึกถึงเรื่องแก้วกัลยาที่พาลโกรธตัวเองขึ้นมาได้
“เอ้อ แล้วแม่คุณหายโกรธผมรึยังเนี่ย”
“ทำไม เครียดด้วยเหรอ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าหงึก “เครียดสิ ก็ผมไม่ได้ตั้งใจหลอกแม่คุณนี่”
“ไม่ต้องเครียดหรอก แม่โกรธง่ายหายเร็ว ไม่กี่วันเดี๋ยวก็ลืม”
ตี๋ใหญ่ถอนหายใจโล่ง “เฮ้อ..”
“ถามจริง ที่มาทำเอาใจแม่ฉันเนี่ย ต้องการอะไรเหรอ”
ตี๋ใหญ่อึกอัก “เอ่อ ก็ไม่ได้ต้องการอะไรนี่”
หญิงใหญ่คาดคั้น “ลงทุนเอาใจขนาดนี้ ไม่ต้องการอะไรเลยเนี่ยนะ”
“ก็..ผมอยากให้ 2 บ้านปรองดองกันมากขึ้นน่ะ”
“ปรองดอง?”
ตี๋ใหญ่พยักหน้ารับ “ใช่ ปรองดอง”
“โอเค.งั้นฉันก็มีเรื่องคุยกับคุณแค่นี้แหละ”
หญิงใหญ่เดินกลับเข้าบ้านไป ด้วยอารมณ์ผิดหวังนิดๆ
“โธ่เว้ย บอกชอบไปซะก็จบล่ะ”
ตี๋ใหญ่เจ็บใจตัวเองที่ไม่กล้าบอกความในใจออกไป
อ่านต่อตอนที่ 24