คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 6
ศจีกับแกมแก้วตามอรุณวตีที่เดินนำเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง รัชนีฉายตามไปด้วย
เมื่อศจีนั่งลงตรงหน้าคุณหญิงในมุมรับรองแขกของห้องทำงานเรียบร้อย คุณหญิงมองศจีอย่างพิจารณา
“ทำไมหนูไม่เรียนต่อละจ๊ะ เห็นว่าไปทำงานที่คอนแวนต์ ก็ยายลูกแก้วเสียงแจ๋วๆ นี่แหละเขาบอก”
“ดิฉันอยากทำงานมากกว่าเจ้าค่ะ ถ้าเราตั้งใจเรียน จะเรียนจากมหาวิทยาลัยหรือที่อื่นเราก็จะได้วิชาทั้งนั้น ถ้าไม่ตั้งใจ...ถึงจะเข้ามหาวิทยาลัย ได้ปริญญาบัตรออกมาบางทีก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้”
“พูดสำคัญ” คุณหญิงหันมาทางแกมแก้ว “จำที่เพื่อนพูดไว้นะลูกแก้ว ปริญญาน่ะเป็นใบเบิกทางเพื่อแสดงให้รู้เท่านั้นเองว่า ลูกแก้วมีความรู้อะไรบ้าง การทำงานสำคัญกว่ามากมายนัก”
“จีเขาเก่งกว่าลูกแก้วทุกอย่างเลยค่ะ”
รัชนีฉายถามเอาความกับอรุณวตี “คุณพี่จะเอาเด็กมาเป็นเลขาเหรอคะ”
อรุณวตียังคงพูดอยู่กับศจีต่อ “อย่าเรียกว่าเป็นเลขาเลยนะหนู ฟังดูมันเป็นงานเป็นการ ฉันเองก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา แต่อยากได้เพื่อนคุยมากกว่า หนูทำอะไรเป็นบ้าง”
แกมแก้วรีบตอบแทน “จีเขาพิมพ์ดีด รับแขกแทนคุณแม่ก็ได้ค่ะ”
รัชนีฉายมองค้อนแกมแก้วอย่างหมั่นไส้ แล้วจึงหันมาทางคุณหญิงพี่สาว
“คุณพี่มีแขกผู้ใหญ่ กับชาวต่างประเทศมาก ใช้เด็กจะงามหรือคะ”
“จีเขาพูดได้หลายภาษาค่ะ ตอนอยู่ที่โรงเรียนเขาก็รับแขกแทนมาแมร์” แกมแก้วว่า
รัชนีฉายท้วงติง “นั่นมันระดับผู้ปกครองนักเรียน”
“ผู้ปกครองนักเรียนที่นั่น ก็ระดับคุณแม่” แกมแก้วต่อคำไม่ลดละ
อรุณวตีมองเป็นเรื่องขำ “น้าหลานคู่นี้อยู่ใกล้กันทีไร ทะเลาะกันทุกที” ก่อนจะหันมาทางศจี “หนูว่าไงจ๊ะ”
“ดิฉันไม่ได้คิดว่าจะมาทำหน้าที่เลขาเจ้าค่ะ ลูกแก้วบอกแต่เพียงว่าท่านไม่ค่อยสบาย ดิฉันคิดว่าจะมาทำหน้าที่แทนลูกแก้ว เพราะเขาห่วงท่าน แล้วก็บ่นอยู่เสมอว่าไม่มีเวลาดูแลท่านเท่านั้นเอง”
รัชนีฉายสอดขึ้น “ยายลูกแก้วน่ะเรอะ พูดถึงแค่นั้น”
ในน้ำเสียงเยาะหยัน สีหน้ารัชนีฉายก็ดูจะไม่เชื่อไปด้วย ศจีหันไปสบตาตรงๆ ย้อนถามผู้พูด
“ทำไมลูกแก้วไม่ควรพูดอย่างนี้ละคะ”
“โฮ้ย...รายนี้เขาจะไปไหนก็ไป แม่เชื่อเขาห่วงเสียก็ดี ยิ่งวันไหนรู้ว่าน้ามาอยู่บ้าน ยิ่งเพริดใหญ่”
“เหรอคะ” ศจีหันมาทางแกมแก้ว “ งั้นลูกแก้วเธอต้องลองดูบ้านเองแล้ว ถ้าเธอดูบ้านเองได้ คุณน้าคงไม่มาแน่”
นัยน์ตารัชนีฉายวาบขึ้นในบัดดล ทั้งสองคนสบตากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร
อรุณวตีลอบยิ้มพอใจ
บรรจงกลับเข้ามาในครัว ด้วยท่าทางตื่นเต้นเบิกบาน ผิดกับท่าทางอันนอบน้อมเมื่อครู่
“โฮ้ย...คุณน้าคุณหลานเปิดศึกกันอีกแล้ว”
ในนั้นมี นวลผ่อง ลุงบุญส่ง ป้าละม่อม กำลังคุยกันอยู่ ทุกคนหันมามองบรรจงอย่างอยากรู้อยากเห็น
นวลผ่อง สนใจ “ไหนเล่าซินังบรรจง”
“คุณลูกแก้วพาเพื่อนมา เหมือนจะมาช่วยงานคุณหญิงท่าน คุณน้องเธอเลยออกอาการเหมือนเลือดจะไปลมจะมา”
ละม่อมแทรกขึ้น “ข้าเห็นแล้ว เพื่อนคุณลูกแก้วน่ะ สวยยังกับ สุทิศา พัฒนุช”
“อย่างงั้นเลยเรอะ” บุญส่งพยักพเยิดไปด้วย
“จะมาเป็นคู่แข่งคุณน้องเธอหรือเปล่า” นวลผ่องว่า
บุญส่งงง “คู่แข่งเรื่องอะไร”
“อ้าว ก็ถ้าสวยเหมือนกัน แต่สาวกว่าเด็กกว่า คุณน้องเธอก็คงไม่ชอบใจนักหรอก” นวลผ่องอวดภูมิ
“ฮึ นี่แค่วันแรกก็ดูจะขวางๆ ยังไงพิก๊ล..ต่อไปจะมาแย่งงานคุณน้องเธอก็ไม่รู้คุณน้องเธอไม่ยอมแน่” บรรจงบอก
บุญส่งอ้าปากจะบอกให้เลิกนินทาคนอื่น “แต่ข้าว่านะ...”
เสียงของวรรณดังขึ้น “มีงานอะไรไม่ไปทำกัน”
ทำเอาทุกคนนิ่งขึง ต่างมองหน้ากันตาปริบๆ แล้วหันไปยิ้มเจื่อน
วรรณจ้องหน้ากราด
“มัวแต่จับกลุ่มคุยอะไรกันอยู่”
ทุกคนวงแตกฮือ แยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ป้าวรรณมองกราด เหมือนร่ายมนต์สะกดอีกครั้ง
คุณหญิงอรุณวตีดูออกว่ารัชนีฉายไม่พอใจมากเพียงใด จึงรีบโบกมือเหมือนจะปรามอยู่ในที
“เรื่องดูแลบ้าน ให้เป็นหน้าที่ของเธอตามเดิม แต่งานเล็กๆ น้อยๆ ของพี่เช่นกำหนดเวลารับแขก หรือจดหมายโต้ตอบอะไรนิดๆ หน่อยๆ พี่จะให้หนูศจีเป็นคนทำ” คุณหญิงหันมาถามศจี “หนูเริ่มงานได้เมื่อไรจ๊ะ”
“ตั้งแต่วันนี้เจ้าค่ะ”
อรุณวตียิ้มให้กับรัชนีฉายอย่างอ่อนโยน
“คราวนี้เธอจะได้มีเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง พี่สงสารเธอมานานแล้ว ต้องทำงานหัวหมุนทั้งวัน”
รัชนีฉายจงใจพูดเป็นนัย “เรื่องของคุณพี่ น้องเต็มใจ ทำแทน ทุกอย่าง”
“ขอบใจ” คุณหญิงละสายตามาทางศจีอีกครั้ง “เอาละหนู แรกเริ่มหนูขอสมุดนัดหมายของฉันจากรัชนีฉายมาดูก่อน ต่อไปถ้ามีบัตรเชิญหรือนัดใคร หนูต้องบันทึกไว้งานส่วนตัวของฉันมีไม่มาก แต่จุกจิกหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
แกมแก้วหันไปจับมือกับศจีอย่างดีใจ
“มีจีมาช่วยคุณแม่แล้ว ลูกแก้วสบายใจขึ้นเยอะเลยจ้ะ”
รัชนีฉายแอบเหลือบมองทั้งสองอย่างหมั่นไส้
“ตอนนี้ลูกแก้วไปฟังเลกเชอร์ได้แล้วสิ”
“ค่ะคุณแม่”
“ช่วยตามป้าวรรณมาพบแม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ” แกมแก้วหันมาหาศจี “ลูกแก้วไปก่อนนะ คืนนี้คงกลับค่ำ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
“แล้วเจอกันจ้ะ”
แกมแก้วเดินออกไปอย่างสบายใจเฉิบ
พอคุณหนูแกมแก้วก้าวเข้ามาในครัว ก็แลเห็นทุกคนทำงานอย่างตัวเกร็งเงียบกริบ
“ป้าวรรณจ๊ะ คุณแม่ท่านให้หาน่ะจ้ะ”
“คุณหมอตรวจเสร็จแล้วเหรอคะคุณลูกแก้ว”
“ใช่จ้ะ แต่ไม่ใช่เรื่องยาหรอก คงเป็นเรื่องอื่น”
แกมแก้วเดินออกไป วรรณมีสีหน้าแปลกใจรีบตามไป
พอล้อยหลังป้าวรรณค ทุกคนก็เข้ามารวมตัวสุมหัวกันอีกครั้ง
บุญส่งจะเปิดประเด็น “ข้าว่านะ...”
ถูกนวลผ่องขัดขึ้น “นี่ๆ ป้าวรรณคงยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ”
“จะไม่รู้ได้ยังไง คุณหญิงท่านจะทำอะไรก็ปรึกษาแม่วรรณตลอด” ละม่อมว่า
“ฉันว่ายังไม่รู้นา ดูท่าทางเมื่อกี้ก็ยังงงๆ อยู่” บรรจงบอก
“แต่ข้าว่า...” บุญส่งพูดไม่ทันคนอื่น
ทุกคนหันไปซุบซิบ ไม่มีใครฟังกัน
“อยากรู้จริงจริ๊ง เด็กออกอย่างนั้นจะมาสู้อะไรคุณน้องเธอได้” บรรจงว่า
นวลผ่องบอกว่า “คนอย่างคุณหญิงท่านดูคนไม่ผิดหรอก ระวังนายเอ็งให้ดีเถ๊อะนังบรรจง”
บรรจงสะบัดหน้า เบะปากใส่นวลผ่อง
วรรณเข้ามายืนตรงหน้าคุณหญิงแล้ว อรุณวตีหันไปบอกกับศจี
“คนนี้แหละป้าวรรณ มีหน้าที่คอยดูแลคนและข้าวของในบ้านทั้งหมด” แล้วแนะนำศจีกับวรรณ “เพื่อนยายลูกแก้วจ้ะ พี่วรรณ จะเอามาเป็นเลขาช่วยแรงรัชนีฉายเขา”
ศจียกมือไหว้วรรณ หัวหน้าแม่บ้านและคนสนิทคุณหญิงรับไหว้ พลางทอดสายตาเพ่งศจีนิ่ง สำรวจตรวจตราอย่างถี่ถ้วน
อรุณวตีหันไปทางรัชนีฉาย
“สมุดนัดหมายอยู่ที่ห้องสมุด น้องช่วยพายายหนูศจีไปอธิบายให้ถี่ถ้วนหน่อยเถอะจ้ะ”
“ได้ค่ะคุณพี่” รัชนีฉายหันมาบอกศจี “ตามฉันมา”
สองคนตามกันออกไป วรรณมองตามจนลับตาไป จึงหันมามองนายหญิงของตน
“คุณหญิงจะเอาเด็กมาแบ่งอำนาจคุณน้องงั้นรึ”
อรุณวตียิ้มละไม แววตามีริ้วรอยประหลาดทางความคิด
“ก็รัชนีฉายเขาชอบบ่นว่างานเขามาก ฉันก็หาคนมาช่วยเขาน่ะสิพี่วรรณ”
“งานมากอะไร้ เดินฉายไปฉายมา สั่งโน่นสั่งนี่ ถ้าไม่คอยรับแขก ก็คอยรับรองท่าน”
อรุณวตียิ้มเยือกเย็นลึกล้ำ แววตาวับวามขึ้นมาเต็มดวงตาคู่นั้น
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 6 (ต่อ)
รัชนีฉายเดินนำศจีเข้ามาในห้องสมุด ศจีมองภายในห้องนั้นอย่างเพลิดเพลินและตื่นตา จนรัชนีฉายหันกลับมาหา
“โต๊ะนี้เป็นโต๊ะทำงานของคุณจิต โดยปกตินอกจากคุณจิตแล้ว ก็มีแต่ฉันที่จะมานั่งทำงานที่นี่ได้”
“คุณจิต” ศจีฉงน
“คุณจิตก็พ่อยายลูกแก้วน่ะสิ ชื่อปราจิตเธอไม่รู้หรอกเหรอ”
“ดิฉันไม่ทราบมาก่อนค่ะ”
รัชนีฉายยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปทางโต๊ะ เปิดลิ้นชักออกมา เห็นสมุดหลายเล่มวางอยู่ข้างใน
“สมุดนัดหมายต่างๆ หรืองานของคุณพี่ฉันเก็บไว้ที่นี่ ถ้าเธอต้องการอะไร ต้องมาบอกฉันก่อนแล้วมาหยิบไปได้ แต่เธอจะทำงานที่นี่ไม่ได้ ฉันจะหาโต๊ะเก้าอี้ให้เธอนั่งใกล้ห้องคุณพี่ คุณพี่จะได้หาตัวเธอได้ง่ายๆ”
“ค่ะ”
“เธอยังเด็กนักแม่ศจี เธออาจจะภูมิใจในตำแหน่งที่เป็นอยู่ แต่ ฉันมีอะไรอยากชี้แจงให้เธอรู้ไว้ก่อน เธอคงรู้จากยายลูกแก้วมาบ้างแล้วว่า คุณพี่มีโรคประจำตัว ที่เราต้องระมัดระวังมิให้สะเทือนใจเป็นพิเศษ ฉะนั้น...
ถ้ามีอะไรเธอควรมาบอกฉันก่อน ยายวรรณนี่อีกคน แกชื่อสุวรรณ”
ศจีถามขึ้น “คุณป้าวรรณหรือคะ”
“เธอจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แกเคยเลี้ยงคุณพี่มา จนกระทั่งแต่งงานก็เลยติดสอยห้อยตามมาด้วย แกชอบทำตัวเป็นปูก้ามใหญ่เพ็ดทูลเจ้านายทันที ยายนี่จะทำให้คุณพี่ช็อกตายสักวัน”
ศจีรับฟังนิ่งๆ ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร แต่เก็บข้อมูลไว้ทุกเม็ด รัชนีฉายเหลือบมองสีหน้าศจี ก่อนจะพูดต่อไป
“คุณพี่อรุณวตี ถ้าใครไม่รู้จักดีก็มักจะคิดกันว่าเธอเป็นคนประเภท หวานเย็น แต่ความจริงตรงกันข้าม เธอฉลาดแต่เก็บความรู้สึกเก่ง ถ้าคนที่รู้จักเธอดีจะรู้ว่า เธอก็เหมือนวังน้ำวนแหละ ใครพลัดตกลงไปเป็นตายทุกราย”
ศจีนิ่งฟังโดยไม่สะทกสะท้าน รู้ว่ารัชนีฉายกำลังพูดให้เธอกลัว
“แต่เท่าที่ดิฉันมอง รู้สึกว่าคุณหญิงจะไม่ทำร้ายใครก่อน นอกจากตอบโต้คนที่มาลอบกัดเธอ”
รัชนีฉายหันขวับมาจ้องหน้าศจีอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
วรรณถอนใจอย่างไม่สบายใจ
“อย่าหาว่าพี่วรรณเอาเรื่องสะเทือนใจมาฟ้อง แต่ มันผิดตาเข้าทุกวันๆ”
อรุณวตีหัวเราะเบาๆ “ท่านของพี่วรรณล่ะ ผิดตาบ้างไหม”
“คุณหญิงอย่าทำเป็นเล่น ไม่งั้นโบราณเขาจะว่า น้ำตาลใกล้มดใครเลยจะอดได้หรือคะ”
“อ้าว ก็ถ้ามดยังชอบน้ำตาล เราจะโทษน้ำตาลฝ่ายเดียวได้หรือจ๊ะพี่วรรณ”
“คุณหญิงละก็ รู้ก็รู้อยู่ว่า มด ของเราเป็นยังไง ทำมั้ย...ยังเอาแม่น้ำตาลหวานมาหยดล่อ”
“แล้วพี่วรรณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันมันคนออดๆ แอดๆ ถ้าไม่มีเขาเราอาจจะยุ่งเหยิงกว่านี้”
“เรื่องแบบนี้ ถ้าเขาไม่หือเรา มันก็ไม่เป็นไร แต่นี่ ตั้งตัวขึ้นเป็น คุณหญิง แทนคุณขึ้นทุกวัน”
“ผู้หญิง มันก็เหมือนอ้อยแหละพี่วรรณ พอเหลือแต่ชานมดก็ไม่อยากไต่ ไรก็ไม่อยากตอม”
“คุณหญิงหมายความว่า...”
วรรณเบิกตากว้าง แต่อรุณวตียังคงยิ้มแย้ม
“พี่วรรณเคยเห็นมดกินน้ำตาลกองเดียวเหรอ”
วรรณพึมพำ “ยังเด็กนัก”
“ตอนฉันแต่งงานอายุเท่าไร พี่วรรณจำได้ไหมจ๊ะ พี่วรรณยังเคยบ่นว่าจับฉันอาบน้ำแต่งตัวมาไม่เท่าไร มีลูกให้พี่วรรณอุ้มแล้ว”
“เด็กนั่น แววตา ลูกตาเอาเรื่องนะคุณ”
“ฉันเห็นแล้ว แต่ถ้าไม่เอาเรื่อง เราจะใช้ได้การเหรอ”
วรรณถอนใจยาว “ระวังให้ดีเถอะคุณ เด็กคนนี้ไม่ใช่ขี้ไก่หรอก”
อรุณวตียิ้มออกมา แววตาพอใจอย่างคิดว่าคนแบบนี้แหละที่เธอต้องการ
ส่วนในห้องสมุด รัชนีฉายยิ้มเหี้ยมใส่ศจี
“ปากเก่งจริงนะ เธอนี่ มาไม่ทันไรก็เลียแข้งเลียขาเจ้านายเสียแล้ว”
“ตอนนี้ดิฉันไม่ได้อยู่ต่อหน้าเจ้านาย ไม่จำเป็นต้องพูดเพื่อเลียใคร แต่ดิฉันพูดจากใจจริง จากสิ่งที่สัมผัสได้เท่านั้น”
รัชนีฉายกัดริมฝีปากแน่น
“ระวังตัวไว้ด้วยนะ ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
“ขอบคุณค่ะที่เตือน ดิฉันจะระวังเอาไว้”
“อยู่ๆ ไป เธออาจจะรู้เองว่าเราต้อง ระวัง กันมากแค่ไหน”
“เท่านี้ใช่ไหมคะ งานที่คุณต้องมอบหมายให้ดิฉัน”
“ยัง ยังไม่หมด สมุดพวกนี้เธอหยิบไปดูได้ แต่ต้องเอามาเก็บที่เดิม แล้วรายงานฉัน แต่...” รัชนีฉายจ้องขู่ “ถ้าคุณจิตทำงานอยู่ในนี้ เธออย่าเพิ่งเข้ามาดีกว่า ท่านไม่ชอบคนรบกวน หรือไม่ก็ ชอบมากไปก็ไม่ดี”
ศจีมองรัชนีฉายกลับไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
อีกฟาก แกมแก้วถือหนังสือเดินมาที่ล็อกเกอร์ ชั้นล่างตึกคณะ แต่พอเลี้ยวมาถึงก็ต้องชะงัก สีหน้าดีใจ
เมื่อเห็นใครบางคน กำลังสอดจดหมายใส่ในล็อกเกอร์ของเธอ เขาคนนั้นหันหลังให้ พอเบือนหน้าไปเห็นแกมแก้วเดินมาก็รีบก้มหน้าเดินหนี
“พี่รหัส”
แกมแก้วรีบตามไปอย่างอยากรู้อยากเห็น ใครคนนั้นเดินหนีลับมุมตึกไป
แกมแก้วเดินตามมาจนสะดุดเกือบตกบันได
“โอ๊ะ”
สุพรรณที่เดินดุ่มออกมา เกือบหันไปช่วย แต่แล้วรัตนาพรเข้ามาเสียก่อน
“เป็นอะไรไปลูกแก้ว”
สุพรรณรีบเดินหนีไปทันที แกมแก้วชะเง้อมอง
“ไม่เป็นไร เท้าพลิกนิดหน่อยเอง”
“กลัวเข้าห้องสายหรือไงจ๊ะ ไม่ต้องรีบหรอก อีกตั้งสิบนาที”
แกมแก้วชะเง้อมองอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร
อ่านต่อหน้า 2
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ศจีกลับเข้ามาในห้อง อรุณวตีกำชับกับป้าวรรณ
“ฝากเพื่อนยายลูกแก้วสักคนนะจ๊ะ พี่วรรณ ถ้าเสิร์ฟของว่างขึ้นมา ขอให้เตรียมเผื่อแกด้วย”
“ค่ะ”
วรรณปรายตามองศจีแว่บหนึ่ง ก่อนจะออกไป
อรุณวตีหันมาทางศจี “ศจี”
ศจียอบตัวลงแต่พองามอย่างคนได้รับการอบรมมาดี สีหน้าอรุณวตีพอใจ
“ป้าวรรณมีขนมอร่อยๆ มาก ถ้าประจบดีๆ มีหวังกินไม่หวาดไม่ไหวหรือว่าวันไหนว่างลงไปช่วยบ้าง จะได้ถ่ายทอดวิชาเอาไว้”
ศจีมองตามหลังป้าวรรณ คิดถึงที่รัชนีฉายเตือนไว้
“ป้าวรรณของยายลูกแก้ว อยู่กับฉันมานาน จนไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ เป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ใจดี ส่วนรัชนีฉายเขาดุหน่อย แล้วก็เจ้าระเบียบมีพิธีรีตรอง หนูเป็นเด็ก ประจบๆ เขาไว้เถอะไม่เสียหาย ขอโทษ...หนูอายุเท่าไรนะ”
“สิบเก้าเจ้าค่ะ”
“ก็รุ่นราวคราวเดียวกับยัยลูกแก้ว แต่ ทำมั้ย...แลดูหนูผู้ใหญ่กว่า ยังงี้แหละดี คนจะได้เชื่อถือ คุณพ่อคุณแม่หนูยังอยู่หรือเปล่า”
“อยู่แต่แม่เจ้าค่ะ แล้วก็ยาย”
“เด็กไม่มีพ่อ ลำบากหน่อย แต่เขาก็ว่าเด็กไม่มีแม่ลำบากกว่าหลายเท่านี่ฉันไม่รู้ว่า ยายลูกแก้วจะขาดแม่เมื่อไร พี่ชายเขาฉันไม่ห่วง ห่วงแต่ยายลูกแก้วเท่านั้น ถ้าฉันเป็นอะไรลงไป ฝากยายลูกแก้วด้วยนะหนู”
ศจีมองดูอรุณวตีอย่างประหลาดใจ ว่าฐานะอย่างเธอน่ะหรือจะรับฝากลูกแก้วไว้ได้
คุณหญิงเหมือนจะมองท่าทีนั้นออก จึงพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ฉันหมายความว่าให้เธอช่วยปลอบใจเขาน่ะ”
แต่แววตาของอรุณวตี ลึกลงไปนั้นมีแผนการบางอย่างล้ำลึก
ท่านทูตปราจิตลงจากรถหน้าตึกใหญ่ เดินมาจะเข้าบ้าน รัชนีฉายเข้ามาต้อนรับอย่างตื่นเต้นดีใจ
“วันนี้กลับเร็วจังค่ะคุณพี่”
“รู้สึกเหนื่อยน่ะค่ะ”
รัชนีฉายควงแขนปราจิตเดินปร๋อเข้าไปในบ้าน
คุณหญิงอรุณวตีเปิดม่านมองผ่านกระจกหน้าต่างจากในห้อง แววตาครุ่นคิดมีเลศนัย
ปราจิตเข้ามานั่งในห้องสมุด รัชนีฉายตามมานวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
“ดีขึ้นไหมคะ”
“ดีค่ะ”
ปราจิตเคลิ้มคล้อยไปกับลีลาบีบนวดชวนรัญจวนของน้องเมียคนสวย รัชนีฉายยิ้มกริ่ม
คุณหญิงอรุณวตีมองศจีที่นั่งดูแฟ้มเอกสารอย่างตั้งใจ สีหน้ามีแผนบางประการ
“หนูช่วยไปหาหนังสือเล่มนี้ให้ฉันหน่อย”
อรุณวตียื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เลขาคนใหม่ ศจีรับมาดู
รัชนีฉายนวดไหล่เสร็จ กอดปราจิตไว้จากด้านหลังท่าทีออดอ้อนเอาใจ
“อยากให้ทำอะไรอีกก็บอกน้องได้นะคะ”
“ในนี้ไม่เหมาะมังคะ”
รัชนีฉายใส่จริตยั่วยวน “แล้วที่ไหนดีละคะ”
ปราจิตสบตารัชนีฉายอย่างรู้กัน แต่แล้วทั้งสองก็ต้องชะงัก เมื่อใครบางคนเปิดประตูเข้ามา
ศจีมองคนทั้งคู่อย่างแปลกใจ แต่ไม่ตกใจนัก
“ขอโทษค่ะ”
ปราจิตมีรอยยิ้มแกมพิศวง ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย รัชนีฉายมองศจีตาเขียวขุ่น
“ทำไมเธอไม่เคาะประตูเสียก่อน”
“ดิฉันคิดว่าไม่มีใคร”
“แต่เธอควรจะเคาะตามมารยาท”
ปราจิตปราม “เด็กมาใหม่ไม่ใช่หรือน้อง แกคงไม่รู้อะไรหรอก”
“เพื่อนยายลูกแก้วค่ะ เขาหามาให้คุณพี่”
“อ๋อ...วตีเขาบอกไว้แล้ว”
รัชนีฉายประชดอย่างหมั่นไส้ “บอกกันเมื่อไรละคะ ยังเด็กนัก ไม่รู้มาทำอะไรได้”
“เอาไว้คุยแก้เหงาไงล่ะ” ปราจิตมองหน้าศจี “ชื่ออะไรคะ”
รัชนีฉายตอบ โดยสายตาจ้องศจีไม่วางตา “แม่ศจีใช่ไหม”
ปราจิตถามอีกว่า “ต้องการอะไรในนี้คะ”
“คุณหญิงให้มาหาหนังสือในห้องนี้เจ้าค่ะ”
ท่านทูตปราจิตรู้ทันคุณหญิงภริยา หัวเราะเบาๆ “พูดแบบนี้แสดงว่าหนูรู้จักฉันแล้วสิ”
“ดิฉันเคยเห็นรูปท่านในหนังสือพิมพ์”
“งั้นคงจะให้ความรู้สึกที่ไม่ดีนักหรอก ใช่ไหมคะหนู”
“หนังสือพิมพ์ย่อมเสนอข่าวในด้านที่เขาคิดเห็น แต่คนอ่านก็ย่อมมีความคิดเห็นของตนเหมือนกัน”
ปราจิตทึ่ง ออกปากชมว่า “แหม...หนูนี่น่าจะเป็นนักการทูตจริงๆ”
รัชนีฉายหงุดหงิดใส่ศจี “จะเอาหนังสืออะไรก็เอาไป”
ศจีพูดกลั้วหัวเราะ “ดิฉันรบกวนเวลามามากแล้ว ถ้าจะค้นหนังสืออีกจะนานไป ไว้ค่อยมาทีหลังดีกว่าค่ะ”
ปราจิตโบกมือ
“ไม่เป็นไรหรอกหนู คุณน้องกับฉันกำลังพูดถึงเรื่องคุณหญิงของหนูนั่นแหละ หนูมาก็ดีแล้ว เรามาทำความตกลงกันเสียจะดีไหม”
รัชนีฉายนิ่วหน้า “เรื่องอะไรอีกคะ”
“หนูทราบใช่ไหมคะว่า คุณหญิงของหนูสุขภาพไม่ดีนัก”
ปราจิตลุกขึ้น ผ่านรัชนีฉายไป รัชนีฉายใช้นิ้วเขี่ยของบนโต๊ะเล่นด้วยอาการไม่พอใจ
ปราจิตเดินเข้ามาใกล้ศจีที่ก้มหน้านิดๆ อย่างเด็กคุยฟังผู้ใหญ่
“โรคทางหัวใจของเธอ หมอเคยบอกว่าอาจจะช็อกได้โดยไม่รู้ตัว เราจึงต้องระวังกันเป็นพิเศษ”
น้ำเสียงรัชนีฉายเยาะหยัน “เหมือนไข่ในหิน”
“ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกค่ะ แต่เธอก็เปราะบางเกินไป เราพยายามทำให้เธอมีความสุข สะดวกสบายมากที่สุด อะไรที่จะทำให้เธอเหนื่อยหรือขัดข้องใจเราก็ละเว้นเสีย หนูมาช่วยเราก็ดีแล้ว วตีเขาจะได้ไม่เหงา เขารักยายลูกแก้วมาก แต่ยายลูกแก้วแกก็ไม่ค่อยมีเวลาให้แม่เท่าไร หนูจะได้มาแทนที่ยายลูกแก้วแก หนูเข้าใจใช่ไหม”
ศจีเพียงยิ้มบางๆ
“เจ้าค่ะ อะไรที่ทำให้คุณหญิงช็อค ดิฉันไม่ควรพูด”
ปราจิตยิ้มจ้องมองศจีอย่างพอใจ รัชนีฉายรีบเข้ามากั้นกลางระหว่างทั้งสอง
“เอาละแม่ศจี เข้าใจแล้วก็ออกไปได้”
ศจีเดินออกไป รัชนีฉายมองตามอย่างหวาดระแวง ส่วนปราจิตมองตามด้วยแววตาพึงพอใจอยู่ลึกๆ
ศจีก้าวออกมาหน้าห้องสมุดแล้วปิดประตู สีหน้ามีริ้วรอยยิ้มประหลาด ครั้นพอหันไปก็ต้องชะงัก รีบหุบยิ้มทันควัน วรรณเดินผ่านมามองศจีอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอ”
ศจีเลิกคิ้วนิดๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คะ”
ทั้งสองพยายามอ่านใจกัน สุดท้ายหญิงสูงวัยเป็นฝ่ายทอดถอนใจ
“แล้วไปเถอะ” แต่พอเดินออกไป วรรณพึมพำว่า “งูพิษกับแมงป่อง”
ศจีเหลือบมองป้าวรรณอีกครั้ง สีหน้ารู้ทันกัน
อ่านต่อหน้า 3
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ยายปริกแวะมาหาจุกที่บ้านสวน อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะ จีมันเปลี่ยนงานแล้วเรอะ”
“จ้ะแม่ เห็นจีบอกว่าไปเป็นเลขาของคุณหญิงอะไรสักอย่างนี่แหละ”
“เป็นเลขาคุณหญิงนี่มันต้องทำอะไรบ้างวะ” อู๊ดที่มาด้วยกันสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูท่าทางจีมันจะภูมิใจมาก มันคงคิดวางแผนอนาคตของมัน เพราะฉันคอยบอกมันตลอดเวลาว่า พ่ออยากให้มันได้เป็นใหญ่เป็นโต ทำงานให้คุณหญิงคงจะก้าวหน้า มีทางเป็นคุณหญิงคุณนายกะเขาได้”
ปริกมองหน้าจุก “แล้วนี่เอ็งรู้เรื่องที่มันคบกับเด็กวัดหรือเปล่า”
จุกถึงกับหน้าเสีย
“เด็กวัดที่ไหนแม่”
“อ้าว ก็เด็กวัดใหญ่ไงล่ะ นี่เอ็งเป็นแม่ประสาอะไร ไม่รู้เรื่องลูกสาวไปกะใครเลยเรอะ”
“ก็รู้แม่ แต่ถามจีแล้ว จีมันบอกว่าไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร้ เอ็งน่ะมัวแต่ทำงานงกๆ ระวังเถ๊อะ จะได้เป็นยายไม่รู้ตัว” จุกหมั่นไส้
“จีมันไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกแม่”
“ตะก่อนข้าก็คิดว่ามันไม่น่าจะสนใจแค่เด็กวัด แต่เดี๋ยวนี้มันชักจะทะแม่งๆ จากประสบประการณ์ของข้า น้ำตาลใกล้หมด...”
อู๊ดแก้ให้ “ใกล้มด”
“เออ นั่นแหละ ข้ากลัวว่ามันจะพลาดท่าเข้าสักวัน”
จุกยิ่งขยับตัวอย่างร้อนใจ
“ฉันไม่ยอมหรอกแม่ น้าศรีเขาก็ไม่ยอม”
“เอ็งรู้ได้ยังไง” อู๊ดแย้ง
“ฉันขอน้าแกแล้ว แกต้องช่วยฉัน แกช่วยฉันมาตลอด จีมันต้องเป็นเจ้าคนนายคน ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแค่เมียเด็กวัดหรอก”
จุกหน้าเครียด ในใจก็กังวลไม่น้อย ยายปริกกับอู๊ดสบตากันอย่างเห็นใจ
ค่ำนั้นศจีกลับเข้ามาในห้องคุณหญิงด้วยสีหน้าอึดอัด อรุณวตีมองอย่างสงสัย
“ไหนล่ะจ๊ะหนังสือ”
“ต้องขอประทานโทษด้วยเจ้าค่ะ เผอิญ...”
“มีอะไรเหรอ”
ศจีก้มหน้าลง นึกถึงคำพูดของปราจิตที่ว่า
“โรคทางหัวใจของเธอ หมอเคยบอกว่าอาจจะช็อกได้โดยไม่รู้ตัว เราจึงต้องระวังกันเป็นพิเศษ เราพยายามทำให้เธอมีความสุข สะดวกสบายมากที่สุดอะไรที่จะทำให้เธอเหนื่อยหรือขัดข้องใจ เราก็ละเว้นเสีย”
นึกแล้วศจีเงยหน้าขึ้นมาตอบเลี่ยงๆ ไป
“เผอิญคุณท่านอยู่ในห้องเจ้าค่ะ ดิฉันเลยไม่กล้าเข้าไป”
“แต่เธอหายไปนานพอควรเลยนะ”
“เจ้าค่ะ ดิฉันรออยู่สักพัก ลังเลว่าจะเข้าไปรบกวนดีหรือไม่ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจมาถามคุณหญิงก่อนเจ้าค่ะ ว่าสมควรที่ดิฉันจะเข้าไปหรือไม่”
อรุณวตีพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่นัยน์ตาฉายแววลึกล้ำ
“งั้นยังไม่ต้อง เอาละ วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปก่อนก็ได้”
“เจ้าค่ะ”
ศจียกมือไหว้ลาคุณหญิง อรุณวตีรับไหว้พลางยิ้มในสีหน้าอย่างสมหวัง
ขณะศจีเดินออกมาหน้าตึกใหญ่ แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคน ชีวินเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มทัก และรับไหว้ศจีที่ยกมือไหว้เขา
“วันนี้มาเริ่มงานแล้วหรือครับศจี”
“ใช่ค่ะ ลูกแก้วพาดิฉันมา”
“พี่ดีใจนะครับ ที่ได้ศจีมาช่วยงานคุณแม่”
“ที่จริงดิฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ มาอยู่เป็นเพื่อนท่านแทนลูกแก้วมากกว่า”
“นั่นแหละช่วยได้มากเลย นี่จีจะกลับแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วกลับยังไงครับ”
“ดิฉัน...”
แต่แล้วมีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ เป็นสิริกันยาก้าวลงมาเกาะแขนชีวิน แสดงความเป็นเจ้าของ
“พี่วินขา”
“มาได้ยังไงครับยา”
“ยาจะมาแสดงความยินดีกับพี่วินน่ะสิคะ ที่สอบเข้ากระทรวงต่างประเทศได้”
“ขอบคุณครับ ที่จริงโทรศัพท์มาก็ได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ สำหรับพี่วินยาต้องมาแสดงความยินดีถึงที่ จะได้เข้าไปไหว้คุณหญิงน้าด้วย” สิริกันยาหันมองเห็นศจี คุ้นๆ หน้า “เอ๊ะ นี่มันเพื่อนยายลูกแก้วนี่ ฉันจำได้”
“ดิฉันก็จำคุณสิริกันยาได้ค่ะ”
สิริกันยาเชิดหน้า แล้วมองศจีหัวจรดเท้าอย่างเขม่นอยู่ในที
“มาทำอะไรที่นี่”
“ดิฉันมาทำงานให้คุณหญิงค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบศจีก็เดินออกไป สิริกันยามองตาม พูดไล่หลังจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน
“อุ๊ย เดี๋ยวนี้คุณหญิงน้าจ้างเด็กจบแค่มัธยมมาช่วยงานด้วยเหรอคะ”
“คุณแม่เห็นความสามารถของศจีครับ ถ้าเด็กมีความสามารถมากกว่าผู้ใหญ่บางคน ก็สมควรที่คุณแม่จะจ้างมาแบ่งเบาภาระไม่ใช่เหรอครับ”
สิริกันยาถึงกับคอแข็ง
“แต่ยาว่าถึงจะเก่งกาจยังไง ความน่าเชื่อถือมันก็สำคัญนะคะ”
ชีวินไม่อยากโต้เถียง เดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน สิริกันยารีบตามเข้าไป
“พี่วินคะ รอยาด้วย”
ศจีหยุดเดิน หันตัวกลับมามองสิริกันยาอย่างต้องการเอาชนะ
อ่านต่อตอนที่ 7