xs
xsm
sm
md
lg

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 1

มุมหนึ่ง ของกรุงเทพมหานคร ราวปี พ.ศ. 2518 ในซอยเล็กๆ แถมคับแคบแห่งนี้ ขนาบด้วยคูน้ำครำส่งกลิ่นฉุยฉุนลอยมาทันวัน ข้างหนึ่งเป็นวัด เห็นป้ายชื่อหน้าประตูทางเข้าว่า “วัดใหญ่ศรีสุพรรณ” ซึ่งดูสงบเงียบ อีกข้างเป็นห้องแถวรั้วสังกะสี

ที่นี่พอตกเย็นแสงไฟและแสงสีเริ่มสว่างขึ้นทีละดวงสองดวง บรรยากาศคึกคักครึกครื้น มีชิตชีวา พร้อมๆ การมาเยือนของผู้คนเดินผ่านไปมาพลุกพล่าน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่

ในแสงสีละลานตา บริเวณหน้าซ่องยายปริก มีหญิงสาวแต่งหน้าเข้มจัด ทยอยออกมายืนรอรับแขกผู้ชายที่เริ่มแวะเวียนมาขวักไขว่ เห็นป้ายติดการันตีความสุขว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่าน บริการถึงใจ”

ค่ำลง เสียงระฆังวัดดังเหง่งหง่าง ไม่นานถัดมา ยินเสียงหลวงพ่อ หลวงพี่ และสามเณร พากันลงวัดทำวัตรเย็นดังขึ้น เสียงเจริญพุทธมนต์ ปะปนกับเสียงเซ็งแซ่เชิญชวนลูกค้าของบรรดาหญิงสาวขายตัวหน้าซ่องยายปริก
เสมือนสองสิ่งที่ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ แต่กลับต้องมาปะปนอยู่ใกล้กันแค่ซอยเล็กๆ ขวางกั้น

“จีเอ๊ย…จี”
เสียงจุกร้องเรียกศจีดังออกมาถึงหน้าบ้าน
จุก หรือ รุจี ชื่อจริงที่แทบไม่เคยมีคนในซอยเรียกขาน ยกสำรับกับข้าวมาตั้ง พลางตะโกนเรียกลูกอีก
“จีมากินข้าวเถอะลูก แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว”
ศุภศจี หรือที่จุกและคนละแวกบ้านเรียกเธอว่า ศจี ก้าวลงบันไดมาด้วยท่าทางกรีดกรายอย่างผู้ดี
“วันนี้ฉันไม่กินหรอกแม่”
จุกตะลึงแล เมื่อเห็นการแต่งตัวของลูกสาว
“นั่นจะไปไหนเหรอจี แต่งตัวซะสวย”
ศจีแต่งตัวงามตาเท่าที่จะสรรหามาแต่งได้เหมือนสาวชาวบ้านแต่งตัวไปงานวัดกระนั้น แต่เพราะเป็นคนสวย รูปร่างดี จึงชวนมองในสายตาผู้พบเห็น
“ฉันจะไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนจ้ะ”
“แล้วจะกลับกี่โมง”
“คงดึกจ้ะ แม่ไม่ต้องรอนะ”
“ไม่รอได้ยังไง แม่เป็นห่วงนะ จีโตเป็นสาวแล้วด้วย กลางค่ำกลางคืนแถวนี้มันอันตราย ยิ่งไอ้พวกจิ๊กโก๋เหลือขอปากซอยมันน่ากลัวจะตาย”
“ฉันเอาตัวรอดได้น่า แม่ไม่ต้องห่วง”
ผู้เป็นมารดาอ้าปากจะถามอะไรอีกอย่าง แต่ศจีเดินลับตัวออกไปแล้ว
“จี...ลูก...อย่ากลับดึกนักนะ แม่จะคอย”
ศจีไม่ได้หันหลังหรือตอบอะไรกลับมา

จุกได้แต่ชะเง้อมองตามเป็นห่วง

ศจีเดินออกมาเกือบถึงหน้าปากซอยแล้ว จู่ๆ มีเสียงแซวดังลอยลมมาจากเงามืดของซอย

“มาแล้วโว้ย ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน” เป็นฝีปาก ไอ้สน 1 ใน 3 จิ๊กโก๋ประจำซอยวัดใหญ่ศรีสุพรรณ
ตามด้วยไอ้ปลั่ง “ดอกมะลิกลางดงตำแยว่ะ”
ศจีทำท่าเชิดใส่อย่างไม่สนใจ แต่ไม่วายมีเสียงคล้อยหลังมาอีก
“ทำหยิ่งไปเถอะ อีกหน่อยก็ไม่พ้นซ่องยายปริกละว้า”
คราวนี้ ศจีหันขวับกลับมาทันที เท้าสะเอวชี้หน้าด่า
“พ่อแม่พวกมึงไม่ได้สั่งสอนหรือไง หรือโง่สอนลูกไม่เป็นวะ วันๆ ถึงได้ปล่อยให้มานั่งเห่าอยู่แถวนี้”
ไอ้ชาติ โมโห “อ๊ะๆๆ นี่ขุดกันถึงบุพการีเชียวเหรอแม่ศจียาหยี”
“จะให้ขุดถึงโคตรเหง้าศักราชเลยก็ยังได้ ไอ้ชาติหมา”
ปลั่งหันมาทางชาติ “เฮ้ยชาติ มันด่ามึงว่ะ”
“เออ! มึงไม่บอกกูคงไม่รู้หรอก” ชาติหันมาเอาเรื่องศจี “แล้วมึงล่ะอีจี เป็นแค่ลูกช็อกกะรีตกอับ
ทำมาอวดเก่ง จะขึ้นค่าตัวหรือไง อยากได้เท่าไร กูจ่ายให้”
ชาติเข้ามาจับมือศจี แต่ศจีสลัดจนหลุดแล้วตบปากชาติทันที
“เฮ้ย...อีเวร มึงกล้าเหรอ”
ชาติคว้าตัวศจีไว้
ศจีดิ้นรนขัดขืนชนิดสู้ตาย “ปล่อยนะโว้ย ปล่อยกู...ไอ้พวกเหลือเดน ไอ้สัตว์นรก”
ชาติเอามือปิดปากศจีจนแน่น

สนกับปลั่งช่วยกันฉุดกระชากศจีออกไป พลางมองซ้ายแลขวาดูทางไปด้วย

พวกจิ๊กโก๋ฉุดศจีมาที่บริเวณหลังวัด ทั้งเปลี่ยวและมืด ศจีกัดมือชาติ มันแหกปากร้องลั่น

“โอ๊ย...กัดเจ็บยังกับหมา”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
สนเข้ามาดึงศจีไว้ ศจีถีบหว่างขาสนเต็มตีน
ปลั่งเข้ามาล็อคตัวศจีช่วย ศจีสู้ปลั่งไม่ได้ถูกมันชกท้องจนจุก ทรุดกายอ่อนแรงลง
“หมดฤทธิ์แล้วเหรอนังคนสวย”
ชาติเข้ามาจับบ่าศจีก้มลงหมายจะจูบขยี้ ศจีเบือนหน้าหนีแล้วถุยน้ำลายใส่ชาติ ไอ้ชาติยิ่งแค้น บีบคางศจีแน่น
“ให้กูจ่ายค่าตัวดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ฟรีใช่ไหม”
ชาติกำลังจะกระชากเสื้อศจีออก
แต่แล้วจู่ๆ มีไม้หน้าสามเข้าตีเสยหน้าชาติเข้าอย่างจังจนมันหงายหลังไป ศจีเงยหน้าขึ้น เห็น สุพรรณ เด็กวัดที่คุ้นหน้ากันในซอยเป็นคนถือไม้หน้าสาม เขารีบเข้ามาดูเธอ
“คุณเป็นไรหรือเปล่าครับ”
ศจีร้องบอก “ระวัง”
สุพรรณหันหลังไป เห็นปลั่งเข้ามาจะถีบ สุพรรณหลบทัน แล้วถีบมันล้มลง
สนปราดเข้ามาชก จนสุพรรณเซไป แต่ใช้ไม้ฟาดกลับ ชาติถือมีดมาจะแทง สุพรรณหลบได้ แล้วใช้ไม้ฟาดจนชาติล้มลง มีดกระเด็นไปอีกทาง ชาติเข้าไปคว้ามีด พยายามจะลุกขึ้นมา สุพรรณเห็นท่าไม่ดี รีบพาศจีวิ่งหนี

“หนีเถอะ”

สุพรรณพาศจีเข้ามาหลบในวัด มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว

“ตรงนี้น่าจะปลอดภัยแล้วครับ”
ศจีเหนื่อยหอบ สุพรรณถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคุณ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ศจีปัดฝุ่นตามเนื้อตัว ดูข้อศอกและตามร่างกาย มีเพียงแผลฟกช้ำและถลอกเล็กน้อย
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยไว้”
“คุณไม่น่าไปมีเรื่องกับพวกนั้นเลยนะครับ” สุพรรณทอดเสียงนุ่ม อย่างเป็นห่วง
“มันมาหาเรื่องฉันก่อน คนอย่างฉันถ้าไม่ตอบโต้ก็ใช่ที่”
“ไม่คุ้มกันหรอกครับ เหมือนเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอาทองไปรู่กระเบื้องเปล่าๆ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากแลกหรือรู่อะไรกับใคร แต่พวกมันพูดจาดูถูกฉัน ฉันก็ต้องป้องกันตัว แล้วมันยังฉุดฉันมาอีก คุณไม่เห็นหรือไง”
“เห็นครับ แต่ผมก็เคยเห็นคุณต่อปากต่อคำกับพวกมันหลายครั้ง จนผมยังเป็นห่วงแทน”
ศจีชักฉุน “นี่คุณ ถ้าจะมาเตือนกันแบบนี้ก็อย่าเตือนดีกว่า มันเสียความรู้สึกฉันเพิ่งถูกทำร้ายมานะ ยังจะไปเข้าข้างพวกมันอีก”
“ผมไม่ได้เข้าข้างครับ แค่อยากจะเตือนคุณ แต่ผมต้องขอโทษด้วย ถ้าพูดจาทำร้ายความรู้สึกคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจ... แล้วนี่คุณต้องไปแต่งหน้าทำผมใหม่หรือเปล่า”
ศจีจับผมเผ้าตัวเองให้เรียบร้อย “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องรีบไปแล้ว นัดเพื่อนไว้”
“คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”
ศจีมองหน้าสุพรรณอย่างตัดสินใจ

สุดท้ายสุพรรณเดินออกมาส่งศจีที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยวัด ศจีหันมาบอก
“ส่งฉันแค่นี้ก็พอ คุณกลับไปเถอะ”
“รอให้คุณขึ้นรถก่อนดีกว่าครับ” สุพรรณบอก
ศจีเกรงใจ “ไม่ต้องหรอก เสียเวลาคุณเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ”
“ฉันบอกให้กลับก็กลับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเพื่อนฉันก็มาแล้ว”
“แต่ถ้าไอ้พวกนั้นเกิดกลับมาล่ะครับ”
“มันคงไม่กล้ามาแล้วล่ะค่ะ”
“แต่ผมไม่สบายใจครับ เป็นห่วงคุณ”
ศจีอึ้งไป ยอมจำนนต่อสุพรรณ เขายิ้มมาให้ เธอจ้องหน้าแล้วหลบตาอย่างเริ่มหวั่นไหว
มีเสียงแตรรถดังขึ้น ทั้งสองหันไป
แกมแก้วโผล่หน้าออกมาจากรถ
“จี...”
ศจีโบกมือให้แกมแก้ว แล้วหันไปบอกสุพรรณ
“ฉันไปก่อนนะ ขอบคุณมากค่ะ”
ศจีรีบผละจากสุพรรณไปขึ้นรถ
 
สุพรรณมองตามส่งศจี แววตาเป็นประกายเจิดจ้า อาการเพ้อฝันของคนหลงเสน่ห์สาวสวยประจำซอย
 
อ่านต่อหน้า 2

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 1 (ต่อ)

ในรถยนต์หรูที่มี นายสิทธิ์เป็นคนขับ จอดรออยู่ตรงเลยป้ายรถเมล์ไปหน่อย แกมแก้ว หรือ ลูกแก้ว นั่งเบาะหลังกับศจี เหลียวไปมอง แต่ไม่เห็นหน้าสุพรรณชัดๆ เพราะเขาอยู่ในเงามืดสลัว จึงหันมาถามศจี

“ใครมาส่งจีเหรอ”
“ใคร? ไม่มีนี่”
“ก็ผู้ชายที่ยืนอยู่กับจีเมื่อกี้นี้”
“อ๋อ...เขาอยู่ซอยเดียวกัน เผอิญมารอรถเมล์น่ะ” ศจีตัดสินใจโกหกไป
“ทำไมจีไม่ให้ลูกแก้วเข้าไปรับที่บ้านล่ะ จะได้ไม่ต้องออกมายืนรอ แถวนั้นดูเปลี่ยวน่ากลัวออก”
“ทางเข้าบ้านฉันแคบมาก อย่าเข้าไปเลยมันไม่สะดวก”
“ไม่เป็นไรหรอก น้าสิทธิ์แกขับรถเก่ง ซอยแคบๆ ก็เข้าได้”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องๆ ฉันชินแล้ว ออกมารออย่างนี้ดีกว่า”
“ก็ได้จ้ะ ก็ได้ ตามใจจีเถอะ” แกมแก้วจับมือศจีไว้อย่างเอาใจ “วันนี้จีแต่งตัวสวยจัง แต่เอ๊ะ...” หญิงสาวจับใบไม้ที่ติดตามตัวเพื่อน “ทำไมมีเศษใบไม้ติดเสื้อเยอะจัง”
ศจีรีบปัดออก “อ๋อ...เมื่อกี้ยืนรอใต้ต้นไม้ มันคงร่วงใส่น่ะ”
แกมแก้วช่วยศจีปัดเศษใบไม้ และช่วยจัดทรงผมให้เข้าที่

สุพรรณผิวปากทำนองเพลง “หนึ่งในดวงใจ” ของวงสุนทราภรณ์กลับเข้าวัด ขึ้นกุฏิมาอย่างอารมณ์ดี เป็นท่อนที่ว่า
“พี่นี้มีน้องหนึ่งในดวงใจ เท่านั้น หญิงอื่นหมื่นพันจะมาเทียมทัน ที่ไหน”
ดนัยนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่ถึงกับแซว
“ครึ้มใจอะไรมาวะเพื่อน”
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรเหรอ” ดนัยชี้หน้า “แล้วหน้าเอ็งไปโดนอะไรมา ทำไมช้ำๆ เหมือนโดนชก”
สุพรรณจับหน้าตัวเอง “มีเรื่องกับพวกจิ๊กโก๋ปากซอยนิดหน่อย”
“ไปมีเรื่องกับพวกมันได้ยังไงวะ”
“พวกมันกำลังจะฉุดผู้หญิง ข้าเลยเข้าไปช่วย”
ดนัยโมโห “ไอ้พวกนี้มันชักจะกำเริบใหญ่ละ ดีนะที่เอ็งเรียนมวยวัดมาบ้าง ว่าแต่...ผู้หญิงที่เอ็งช่วยเป็นยังไง”
“โชคดีไม่เป็นไรมาก”
“คนในซอยนี้เหรอ” ดนัยซัก
“เอ็งก็รู้จัก”
“ใครวะ”
“ศจีไง”
“หา...ศจีหลานยายปริกน่ะเรอะ ไหนว่าเก่งไงล่ะ” ดนัยมองเหล่ ชี้หน้าสุพรรณ “นั่นแน่ เรื่องนี้นี่เอง มิน่าถึงครึ้มอกครึ้มใจ เอ็งนี่แอบตามนางฟ้ามานาน จนได้แสดงฝีมือก็คราวนี้แหละ”
สุพรรณทำไม่รู้ไม่ชี้แต่ที่จริงแอบเขิน “เฮ้ย...ไม่เกี่ยวซะหน่อย”
“อย่านะ หลวงตาสอนว่าพูดปดเป็นบาป”
“ปดเปิดอะไรของเอ็งวะ ช่วยคนแล้วอารมณ์ดีไม่ได้หรือไง ข้าไปอาบน้ำดีกว่าคุยกับเอ็งเสียเวลา”
สุพรรณถอดผ้าเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าขาวม้า เผยอกแกร่งกำยำ เดินไปทางห้องน้ำ

ดนัยมองตามขำๆ เพราะรู้ทันเพื่อน

บรรยากาศภายในงานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นในบริเวณสนามหน้าบ้านคุณหญิงอรุณวตี ครึกครื้นท่ามกลางแสงไฟสว่างไสวประดับแต่งตามต้นไม้ แสงวิบวับนั้นแลดูงดงาม

แขกเหรื่อ ผู้คนในงานล้วนแต่งตัวสวยงาม สไตล์ลำลองกึ่งทางการ เสียงดนตรีเพลงคลาสสิกบรรเลงจากแผ่นดังคลอเบาๆ บนเวทีเล็กๆ ตรงกลางลานสนามมีป้ายเขียนว่า “ยินดีต้อนรับ คุณชีวิน อัครานุจิต”
สาวๆ กลุ่มหนึ่งกำลังกจับกลุ่มพูดคุยกัน วลัยเป็นคนเอ่ยขึ้น
“แล้วตัวกับพี่วินจะแต่งกันเมื่อไร”
ผู้ถูกถาม คือ สาวสวย สิริกันยา ซึ่งแต่งตัวในชุดเดรสกึ่งราตรีหรูหรา สวมหมวกสไตล์ผู้ดีอังกฤษ หันมาหัวเราะกับเพื่อนๆ
“แหม...ตัวก็ พี่วินเพิ่งกลับมา ต้องรอให้อะไรๆ มันเข้าที่เข้าทางก่อนสิจ๊ะ รอเขาสอบเข้ากระทรวงต่างประเทศได้แล้วค่อยว่ากัน”
นราบอกว่า “พี่วินคงเจริญรอยตามคุณพ่อเขา อีกหน่อยเธอก็เป็นคุณหญิงทูตอย่างคุณหญิงแม่ของเขาด้วยสิ”
สิริกันยาหัวเราะระรื่น “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละจ้ะ”
อรดีแซว “คุณหญิงสิริกันยา แค่ชื่อก็เกิดมาเพื่อเป็นคุณหญิงแล้ว”
ทั้งสี่คนหัวเราะกันสนุก นรามองไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบางอย่างที่หน้างาน
“นั่นลูกแก้วนี่ มากับใคร”
รถของแกมแก้วแล่นเข้ามาที่หน้างาน นายสิทธิ์ลงไปเปิดประตูรถให้แกมแก้วลงมาก่อน ศจีตามลงมา เธอเหลียวมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น ตื่นตา ในความหรูหราของบ้าน เหมือนอยู่ในความฝัน
แกมแก้วหันหลังไปมองศจี
“เข้ามาสิจ๊ะจี”
แกมแก้วเห็นเพื่ออืดอาด ดึงแขนศจีเข้าไป

สิริกันยารีบเข้ามาทักแกมแก้ว พลางจับมือน้องสาวเจ้าของงานไว้อย่างสนิทสนม
“ลูกแก้วจ๋า หายไปไหนมาจ๊ะ พี่รอตั้งนาน”
“แก้วไปรับเพื่อนมาค่ะพี่ยา” แกมแก้วหันมาทางศจี “จีจ๊ะ นี่พี่ยา เป็นเพื่อนพี่วิน”
สิริกันยายิ้มบอก “ว่าที่คู่หมั้นจ้ะ”
แกมแก้วอึ้งๆ ก่อนจะรีบแนะนำศจีต่อ
“นี่ศจีหรือจี เป็นเพื่อนสนิทกับแก้วที่คอนแวนต์ค่ะ”
ศจียกมือไหว้สิริกันยาอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายรับไหว้แกนๆ พลางมองศจีหัวจรดเท้า แล้วยิ้มเยาะอย่างดูถูก เพราะศจีแต่งตัวเชยมากในสายตาเธอ
“มิน่า...ผมเผ้าไม่ได้เซ็ต แถมยังแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนแม่ชีด้วย”
สิริกันยาหัวเราะร่วนทำเป็นเรื่องขำ ศจีเชิดหน้าตอบกลับไป อย่างคนถือดี
“ดิฉันเรียนโรงเรียนคอนแวนต์ จะแต่งแบบแม่ชีก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกก็เห็นจะเป็นพวกผู้ดีที่แต่งตัวหรูหรา แต่คำพูดเหมือนมาจากไพร่ชั้นต่ำไม่มีผิด”
สิริกันยาถึงกับหน้าชา “นี่เธอ...”
“ลูกแก้วขอตัวพาศจีไปนั่งก่อนนะคะพี่ยา”

แกมแก้วรีบดึงศจีออกไป สิริกันยามองตามอย่างเจ็บใจ

แกมแก้วดึงศจีออกมาอีกมุม ริมสนาม

“พี่ยาก็เป็นแบบนี้แหละ พูดจาไม่ค่อยรักษาน้ำใจ ฉันไม่น่าพาเธอไปรู้จักกับเขาเลย”
“เขาเป็นแฟนพี่ชายเธอเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ พี่ยารู้จักกับพี่วินตอนไปเรียนอังกฤษ คุณพ่อเขาเป็นเจ้านายของคุณพ่อเราอีกที ท่านฝากฝังให้พี่วินช่วยดูแลตอนอยู่ที่นั่น เขาเลยตามติดพี่วินแจ”
ศจีมองไปอย่างเข้าใจ และแล้ว มีเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นจากฟากหนึ่ง แกมแก้วส่งเสียงตื่นเต้น
“นั่น คุณพ่อกับคุณแม่มาแล้ว”
ศจีมองไป ด้วยสายตาอันตื่นตะลึงอย่างชื่นชม
คุณหญิงอรุณวตีก้าวออกมาอย่างงามสง่า พร้อมควงคู่ ท่านทูตปราจิต ซึ่งสวมสูทเท่ ทั้งสองมีมาดผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว อรุณวตีเกาะแขนปราจิตพลางทักทายแขกเหรื่อในงานอย่างคล่องแคล่ว
แกมแก้วหันมาบอกกับศจี
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปแนะนำกับท่านนะ”
ศจีมองทั้งสองท่านอย่างตื่นเต้น เพลินเพริดไปกับความหรูหราสง่างามที่เคยเห็นแต่ในหนังสือพิมพ์เท่านั้น

ปราจิตพาอรุณวตีมานั่งที่โต๊ะ
“คุณหญิงนั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวผมมา”
“จะไปรับใครหรือคะ”
ปราจิตกระอึกกระอักเล็กน้อย แต่รีบกลบเกลื่อนเนียนๆ “จะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยข้างในหน่อยค่ะ”
คุณหญิงพยักหน้ารับ มองตามปราจิตอย่างรู้ทันว่าสามีจะไปไหน แต่ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะแอบถอนใจเงียบๆ
เสียงแกมแก้วดังขึ้น “คุณแม่ขา”
อรุณวตีหันไปยิ้มทัก “ลูกแก้ว ไปรับเพื่อนมาแล้วเหรอ”
“มาแล้วค่ะ” แกมแก้วดึงศจีเข้ามาแนะนำ “นี่ไงคะจี ที่แก้วเคยเล่าให้ฟัง”
ศจียกมือไหว้คุณหญิง อรุณวตีรับไหว้ พลางยิ้มมองศจีอย่างพิจารณา รู้สึกถูกชะตาแต่แรกเห็น
“คนนี้เองเหรอศจี ลูกแก้วมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าเธอเรียนเก่งที่สุดในห้อง”
“แถมยังสวยด้วยนะคะคุณแม่”
“จ้ะ หน้าคมเหมือนมีเชื้อแขกหรือฝรั่ง เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ พ่อแม่ดิฉันเป็นคนไทยแท้ๆ ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณหญิง ที่จำดิฉันได้”
“ยัยลูกแก้วไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนอื่นเลย อะไรๆ ก็ศจีคนเดียว ฉันเลยบอกให้พามาเที่ยวบ้านเราบ้าง ดีใจที่ได้พบกันเสียทีนะ”
“ดิฉันก็ดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติเจ้าค่ะที่ได้พบกับคุณหญิง”
“แหม...จีพูดเข้าผู้ใหญ่ได้ดีจัง ฉันทำอย่างนี้ไม่ได้ คุณแม่ถึงไม่เคยให้ฉันออกงานซักที”
“ก็หนูยังทำตัวเด็กอยู่นี่จ๊ะ ดูซิศจีอายุเท่ากันแต่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าลูกเยอะเลย”
แกมแก้วกอดแม่ออดอ้อน “ลูกแก้วอยากเป็นเด็กๆ ให้คุณแม่ดูแลไปนานๆ ไงละคะ”
อรุณวตีลูบผมลูกสาว “จ้ะ แล้วไม่คิดจะดูแลแม่บ้างเหรอ”
“ดูแลสิคะ ลูกแก้วกับพี่วินจะช่วยกันดูแลคุณแม่ เหมือนที่คุณแม่เคยดูแลพวกเราด้วยค่ะ”
“จ้ะลูก ได้ฟังแค่นี้แม่ก็ชื่นใจแล้ว” คุณหญิงมองศจี “ลูกแก้วพาศจีไปนั่งก่อนสิจ๊ะ ศจีเมื่อยแย่แล้ว”
“จริงด้วยค่ะ ไปจ้ะจี ไปนั่งด้วยกันทางนั้นดีกว่า” แกมแก้วมองไปในงานแล้วหันมาถามแม่ “พี่วินยังไม่ออกมาเหรอคะ”
“ออกมาแล้วจ้ะ แต่ขอตัวเข้าไปข้างในสักพัก”
แกมแก้วมองไปยังสิริกันยา “อ๋อ แก้วรู้แล้วค่ะว่าเพราะอะไร แก้วไปก่อนนะคะคุณแม่”
แกมแก้วดึงศจีไป

คุณหญิงท่านทูตมองตามศจีอย่างพอใจ และหมายตาอะไรบางอย่างไว้ในใจ

แกมแก้วพาศจีมานั่งที่โต๋ะ ศจีจับทรงผมตัวเองอย่างรู้สึกไม่มั่นใจ

“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะจ๊ะ”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวฉันพาไป”
แกมแก้วนำศจีไป แต่สิริกันยาเข้ามาหาแกมแก้วเสียก่อน
“ลูกแก้วจ๋า มาทางนี้หน่อยจ้ะ พี่อยากให้ช่วยดูของขวัญที่จะให้พี่วิน”
“เอ่อ...พี่ยาคะ เดี๋ยว...”
“มานี่จ้ะ แป๊บเดียว”
สิริกันยาดึงแกมแก้วไป ศจีมองซ้ายมองขวา แล้วเดินดุ่มเข้าไปในบ้าน

ศจีเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ท่าทางงงๆ ไม่แน่ใจว่าห้องน้ำไปทางไหน เจอ ป้าวรรณ หัวหน้าแม่บ้านทำหน้าดุใส่
“หนูจะไปไหน”
“เอ้อ...จะขอเข้าห้องน้ำค่ะ”
“อยู่ด้านหลังโน่น ตรงไปสุดทางแล้วเลี้ยวขวา”
“ขอบคุณค่ะ”
ศจีเดินออกไป ป้าวรรณมองตามแล้วแยกไปด้านหน้างาน
ศจีมองซ้ายมองขวา ได้ยินเสียงหัวเราะระริกระรี้ของใครบางคน พร้อมกับเสียงออดอ้อน
“คุณพี่ขา...อย่าเพิ่งไปสิคะ...รอน้องก่อน”
“เธอให้พี่มารับพี่ก็มาแล้วนี่ไงคะ งานเริ่มแล้ว รีบออกไปเถอะ”
ศจีชะงัก เมื่อผ่านประตูห้องห้องหนึ่งซึ่งแง้มอยู่ มองเข้าไปอย่างไม่ตั้งใจ เห็น รัชนีฉาย กำลังเกาะแขนอิงซบ ปราจิต อยู่ในกิริยาออเซาะ
“เราออกไปด้วยกันสิคะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้งานใหญ่ของวินเขา” ปราจิตว่า
“น้องก็ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดนี่คะคุณพี่ แค่อยากให้คุณพี่พาออกไปเท่านั้นเอง”
“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ คนอื่นเขาจะคิดยังไง น้องต้องเข้าใจพี่ด้วยนะคะ”
รัชนีฉายทำค้อน งอนใส่ “ไม่เข้าใจค่ะ ต้องให้น้องทำโทษ”
ปราจิตเลิกคิ้วฉงน รัชนีฉายหอมแก้มปราจิตฟอด ปราจิตหัวเราะพลางจับคางคลึงเบาๆ อย่างเอ็นดู
“ทำโทษอย่างนี้พี่ยอม”
อารามตกใจศจี หันไปชนกับชั้นวางของจนเซไป รัชนีฉายกับปราจิตหันมามอง มีใครบางคนเข้ามาประคองเธอไว้ ศจีเงยหน้ามอง
ชีวิน อัครานุจิต ในชุดสูทหล่อเนี้ยบแบบผู้ดีอังกฤษ กำลังก้มลงมองศจีในอ้อมกอดของตัวเองแววตาลึกล้ำ ศจีมองเขาอย่างเขินอาย รีบผละออกมา
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ปราจิตออกมาดู แปลกใจที่เห็นเป็นลูกชาย “วินหรือลูก”
ศจีรีบเดินออกไป

ชีวินเหลียวมองตามอย่างสนใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

อ่านต่อหน้า 3

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 1 (ต่อ)

ชิวินหันมาทางบิดา

“ครับคุณพ่อ”
“ออกไปด้วยกันสิ”
“คุณพ่อออกไปก่อนเถอะครับ ผมขอพักสักเดี๋ยวแล้วค่อยตามไป”
“งั้นก็ตามใจ”

ชีวินมองเข้าไปในห้องอย่างไม่ค่อยพอใจนัก รู้ว่ารัชนีฉายอยู่ในนั้น

อีกฟาก เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาลูกเล้ายายปริกดังขึ้น ด้วยบรรดาสาวๆ ต่างแย่งดูผ้ากันอย่างอลหม่าน รวมทั้งสินค้าพวกเครื่องสำอาง ลิปสติก

อู๊ด สาวใหญ่วัยรุ่นของจุกนิดๆ กำลังเอาผ้ามาเทียบกับตัว
“ผืนนี้สวยสะเด็ดเลย สีสดลายทันสมัยเปี๊ยบ”
ถวิลจะแย่งกลับ “ฉันเลือกก่อนนะ”
อู๊ดดึงผ้าไว้ “ฉันหยิบมาดูก่อนตะหาก”
ถวิลมองอู๊ดเซ็งๆ
แหวนหันมาทางซิงค์ แขกขายของในซอยนี้ และละแวกใกล้เคียง
“ลิปสติกมีกี่สีน่ะ ลองทาได้ไหม”
ซิงค์พยายามดูแลสินค้าของตัวเอง
“ลองไม่ได้จ้ะไม่ได้ โออีนี่สาวๆ ไม่ต้องแย่งกันนะจ๊า เดี๋ยวผ้าจะขาดซะก่อน ซิงค์มีมาให้เลือกเยอะแยะ สวยทุกผืนใช้ดีทุกอย่างจ้า ไม่ต้องแย่งกัน” ซิงค์ควักสมุดออกมาจดบัญชี “ใครเอาอะไรบ้างบอกมา ชำระดอกคราวที่แล้วมาด้วยนะ ผ้าฝ้ายสวิทรูจ ผ้าโสร่งผ่อนวันละบาท ยี่สิบแปดวันหมด แป้งผัดหน้าเอากี่ตลับจ๊ะ
นี่ลิปสติกสีนี้สวยสดๆ มองจากวัดมาก็ยังเห็นเลยนะสาวๆ จ๋า...”

บรรดาลูกเล้ายิ่งส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดังกว่าเดิม จนปริกโผล่ออกมาดูด้วยความรำคาญ

“เบาๆ หน่อยโว้ย พวกเอ็ง เสียงดังยังกับตลาดแตก เดี๋ยวลูกค้าก็หนีหมดหรอก”
โสภากวักมือเรียก “แม่มาดูนี่เร็ว ผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเลย”
ซิงค์ช่วยเรียก “ผ้าสวยๆ นะปริกจ๋า ใส่แล้วเป็นสง่าราศี ซิงค์เพิ่งเอามาจากอินเดีย”
ปริกเดินตรงมาหา “อ้าว...ไอ้ซิงค์กลับมาแล้วเรอะ เป็นไงล่ะ พาเมียไปอาบน้ำพระคงคา”
“ก็เย็นสบายดีจ้ะปริกจ๋า”
“อาบจนตัวเปื่อยแล้วมั้งซิงค์กับเมียนี่ ไม่เห็นมีวี่แววจะมีลูกซะที” อู๊ดแซว
“พระยังไม่มาโปรดนะหนู” ซิงค์บอก
ถวิลเอ่ยขึ้น “บอกให้ขอศจีไปเป็นลูกก็ไม่เชื่อ”
“ไม่ได้นะปริกจ๋า เมียซิงค์ตีตายเลย” ซิงค์มองหา “แล้วนี่หนูศจีไม่อยู่หรือจ๊ะ”
“จะถามถึงนังจีมันทำไม” ยายปริกตาเขียว
“ก็ซิงค์คิดถึ๊งคิดถึงนะจ๊ะปริกจ๋า ซิงค์เอาผ้าสวยๆ จากอินเดียมาฝากด้วย”
“ซิงค์เอ็นดูจีเป็นพิเศษเลยนะ ตั้งแต่เด็กจนมันโตเป็นสาว เอาของมาฝากมันตลอด คิดอะไรกับมันหรือเปล่า” รวยรินแซว
“ซิงค์ก็แค่เอ็นดู๊เอ็นดูเด็กมันนะรวยรินจ๋า เพราะเห็นหน้าหนูจีก็นึกถึงแม่หนูจุรี ยอดยาหยีของซิงค์ ซิงค์ไม่กล้าคิดอะไรกับเด็กหรอก”
“ขอให้จริงเถ๊อะ” อู๊ดหมั่นไส้
“จริงจ้ะน้องอู๊ดๆ แต่ถ้าเมียซิงค์ไม่อยู่แล้วก็ว่าไปอย่าง”
ปริกโพล่งขึ้นมา “อย่านะไอ้ซิงค์ อย่าคิดนอกลู่นอกทางกับนังจีมันเป็นอันขาด ทั้งเอ็งทั้งมันจะต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่”
“ชะอุ๊ย ทำไมต้องดุอย่างนั้นละปริกจ๋า ซิงค์พูดเล้นพูดเล่นนะจ๊ะ...มาดูของสวยๆ งามๆ กันดีกว่า” แขกเจ้าคารมหันมาจ๊ะจ๋ากับสาวๆ “เอ้า...ใครจะเอาอะไรบ้างจ๊ะหนูจ๋า บอกซิงค์มาซะดีๆ”
ซิงค์ไม่สนใจ หันวุ่นวายกับการขายของเงินผ่อนต่อไป

ยายปริกได้แต่หรี่ตาเหล่มองซิงค์อย่างครุ่นคิด

งานเลี้ยงต้อนรับ ชีวิน อัครานุจิต ดำเนินไป ศจีเดินออกมาด้วยทรงผมที่เรียบร้อยขึ้น แกมแก้วรีบเข้ามาหา

“จีหายไปไหน แก้วตามหาแทบแย่แน่ะ”
“ไปห้องน้ำมาจ้ะ”
“ขอโทษทีนะจ๊ะ เมื่อกี้พี่ยาพาไปดูของขวัญที่จะให้พี่วิน ฉันรีบเลี่ยงออกมา”
“ไม่เป็นไร”
“เราไปหาอะไรทานกันเถอะ จีคงหิวแย่แล้ว”
แกมแก้วดึงมือศจีไป ศจีมองหาชีวินแต่ไม่เห็น แต่แล้วสายตาเธอกลับไปสะดุดกับปราจิตที่ควงคู่รัชนีฉายออกมาราวกับเป็นคู่รัก พลางหัวเราะระริกอย่างไม่แคร์สายตาใคร
แกมแก้วมองตามสายตาศจี ตาขุ่นขึ้นมาทันที
“นั่นละ คุณน้ารัชนีฉาย ที่ฉันเคยเล่าให้จีฟัง”
ศจีพยักหน้ากับแกมแก้วอย่างเข้าใจ
“แล้วเจ้าของงานทำไมไม่เห็นออกมาล่ะ”
“พี่วินก็แบบนี้แหละ ไม่ค่อยชอบงานเลี้ยง แต่ที่จัดเนี่ยเพราะคุณน้ารัชนีฉายเสนอ แล้วคุณพ่อก็เห็นด้วย ว่าเรียนจบกลับมาทั้งทีน่าจะประกาศตัวหน่อยแต่ที่จริง...”
แกมแก้วพูดค้างคำไว้ ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
“ทำไมเหรอ...” ศจีสังเกตสีหน้าแกมแก้ว “แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าหรอกนะ”
แกมแก้วรีบเล่าต่อ “ลูกแก้วเล่าให้จีฟังคนเดียวนะ ที่จริง...ฉันรู้ว่าคุณน้ารัชนีฉายน่ะอยากประกาศตัวเองมากกว่า แล้วก็จะจับคู่พี่วินกับพี่สิริกันยาด้วย”

แต่แล้วทั้งสองสาวก็ต้องหันไปมอง เมื่อมีเสียงปรบมือดังขึ้นมาจากในงาน

อ่านต่อหน้า 4

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 1 (ต่อ)

ท่านทูตปราจิตควงคู่คุณหญิงอรุณวตีขึ้นมาบนเวที

“สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมขอขอบคุณที่พวกท่านให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับนายชีวิน ลูกชายของผมกับคุณหญิงอรุณวตีในวันนี้”
ชีวินออกมายืนข้างปราจิตอย่างสง่างาม ยกมือไหว้แขกในงาน
“เป็นที่น่ายินดีว่า ลูกชายคนเดียวของผมได้สืบทอดความเป็นนักการทูตจากผมไปอย่างเต็มตัว เขาเรียนสำเร็จปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยของเมืองไทย ก่อนจะสอบเข้าเรียนระดับปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์การทูต ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษ ซึ่งวันนี้เขาก็สำเร็จปริญญามาอีกขั้นแล้ว เพื่อเตรียมตัวเป็นนักการทูตต่อไป ผมหวังว่าในอนาคตเขาจะเป็นนักการทูตที่ดีสมกับที่ทุกท่านให้การสนับสนุน และได้ทำงานรับใช้ประเทศชาติอย่างเต็มที่ครับ ขอบคุณครับ”
ทุกคนตบมือ แกมแก้วกระซิบกับศจี
“คุณพ่อพูดได้สมกับเป็นนักการทูตจริงๆ”

ศจีมองชีวินอย่างปลาบปลื้มไม่วางตา

ศจีเดินมาตักอาหารทาน หญิงสาวมองไปที่อาหารมากมายอย่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ใครบางคนเข้ามาตักอาหารข้างๆ ศจี

“ทานเยอะๆ นะครับ”
ศจีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชีวินยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“คุณคือ...”
แกมแก้วรีบแถเข้ามาแนะนำ
“จีจ๋า นี่ไงพี่วิน เจ้าของงานวันนี้”พลางหันมาทางพี่ชาย “จีค่ะพี่วิน จำได้ไหมคะ”
ศจียกมือไหว้ชีวินท่าทีชดช้อย ชีวินรับไหว้ พลางมองศจีอย่างสนใจ
“เนี่ยเหรอ ศจีที่ลูกแก้วเคยเล่าให้พี่ฟัง”

ศจีมองหน้าแกมแก้วงงๆ ว่าเคยเล่าเรื่องเธอให้ชีวินฟังด้วยหรือ

แกมแก้วยิ้มให้ศจี

“ฉันเล่าเรื่องจีให้ทุกคนในบ้านฟังแหละจ้ะ ยกเว้นคุณพ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน”
ชีวินยิ้ม บอกกับศจีว่า “ลูกแก้วเล่าจนพี่รู้สึกเหมือนได้รู้จักกับศจีมานานแล้ว”
“ลูกแก้วก็เคยเล่าเรื่องพี่ชายให้จีฟังบ่อยๆ ค่ะ”
“ทั้งสองคนเลยรู้จักกันแบบไม่เคยเห็นหน้ากัน คราวนี้ก็ได้รู้จักตัวจริงกันซะทีนะคะ”
ศจีกับชีวินสบตากันอย่างรู้สึกหวั่นไหว
ชีวินเชื้อชวนศจี “ไปครับ ไปนั่งด้วยกันทางนั้น”
แต่แล้วสิริกันยาเข้ามาเกาะแขนชีวิน แสดงความเป็นเจ้าของ
“พี่วินขา ไปกับยาเร็วค่ะ จะแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จัก”

สิริกันยาดึงชีวินไป ศจีมองตาม นึกอยากเอาชนะ

ดึกมากแล้ว ศจีเดินเข้ามาจากปากซอยตรงไปทางบ้านอย่างระแวดระวัง จู่ๆ ใครบางคนเข้ามาขวางไว้ ศจีตกใจมาก

“ว้าย”
สุพรรณออกมาจากมุมมืด
“นี่ผมเอง”
“มาทำอะไรแถวนี้ ยังไม่หลับไม่นอนเหรอ”
“ผมมารอรับคุณ กลัวไอ้พวกนั้นมันมาดักทำร้ายอีก”
“ขอบคุณ”
ศจีเดินนำไป สุพรรณรีบตาม

ศจีเดินมา มีสุพรรณตามมาเรื่อยๆ ศจีแอบยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะหันไปบอก
“ถึงบ้านแล้ว”
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะเข้าบ้าน”
ศจีเปิดประตูเข้าบ้าน สุพรรณมองตาม ศจีหันมาเป็นเชิงบอกให้กลับ สุพรรณโบกมือให้ ศจีปิดประตู

ศจีกลับเข้ามาที่บ้านด้วยแววตาฝันๆ ที่ยังค้างคาจากงานเลี้ยง แต่พอเห็นภาพตรงหน้าก็ชะงัก ถอนใจเฮือก จุกนั่งพิงเสาสัปหงก พอรู้สึกตัวก็ตบยุงไปด้วย
“แม่...”
จุกผงกหัวงัวเงียขึ้นมา พอเห็นศจีก็ตาสว่างทันที
“กลับมาแล้วเหรอจี แม่เป็นห่วงแทบแย่”
“ทำไมแม่ไม่ไปนอน บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ”
“นอนก็นอนไม่หลับ พักนี้แม่ฝันถึงพ่อ เขามาเตือนให้แม่ดูแลลูกให้ดีๆ”
ศจีเดินเข้าไปในบ้าน สีหน้าครุ่นคิด จุกปิดบ้าน แล้วตามศจีไป

จุกตามศจีเข้าห้องนอนมา พลางถามไถ่อย่างสนใจ
“ที่งานเลี้ยงเป็นยังไงบ้างลูก สนุกไหม”
“สนุกบ้างไม่สนุกบ้าง แต่บ้านเขาใหญ่โตมากเลยจ้ะ” ศจีตัดสินใจอะไรบางอย่าง “หนูจะออกมาทำงานดีไหมแม่”
“จีได้กะยาบัตรแล้วเหรอลูก”
ศจีงง “อะไรนะแม่”
จุกนึกคำ “กะยาบัตร...กะยาบัตรปินยาไง แม่เคยได้ยินเขาพูดกัน”
ศจีนึกออกว่าว่าหมายถึงปริญญาบัตร “ทำไมแม่อยากให้จีได้ใบนั่นละจ๊ะ”
จุกพูดด้วยแววตาเลื่อนลอย “เพราะ...แม่อยากให้หนูได้ดี พ่อเหวังไว้นัก...พ่อเขาว่าหนูจะได้ดี”
“จีจะได้ดี โดยไม่มีใบปริญญาไม่ได้หรือแม่” หญิงสาวแย้ง
“เวลาไปทำงานที่ดีๆ เขาต้องการใบยังงั้นไม่ใช่เหรอ แม่อยากให้จีไปให้พ้นไปให้พ้นนะลูก”
“ไปให้พ้นอะไรจ๊ะ”
จุกลดเสียงลง แต่ท่าทางยังเลื่อนลอย
“ไปให้พ้นบ้านยายปริกไงลูก อย่าได้เหยียบย่างเข้าไปเชียวนะ พ่อจีเคยให้แม่สัญญา อย่าไปอยู่ที่นั่นนะลูก อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
ศจีมองหน้าแม่อย่างประหลาดใจ เห็นดวงตาของจุกทอดไปไกลเหมือนจมอยู่ในห้วงอดีต
“พ่อจีเขาให้แม่สัญญา แต่แม่...” จุกจะร้องไห้ “ก่อนตาย พ่อเขาคงโกรธแม่มาก”
ศจีเมินหน้าไปหนีจากจุก เพราะจุกพร่ำพูดแบบนี้มาซ้ำๆ ซากๆ จุกยังพูดต่อไป
“จีอย่าไปอยู่กับยายปริกนะลูก สัญญา สัญญากับแม่สิ”

ศจีลุกหนีไปทางห้องน้ำ ปล่อยให้จุกนั่งจ่อมจมอยู่กับอดีตของตนอยู่เพียงลำพัง แน่นอนมันเกี่ยวข้งกับชาติกำเนิดของศจีด้วย!!

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น